FRIDAY 13"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เมขต์, 13 มกราคม 2012.

  1. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    เข้ามาอยู่หรอครับถึงรู้ว่ากว้างเนี่ย อิอิอิ แซวๆ อยากเก็บไว้ในใจมากกว่านะครับ ฮฺฮฺฮฺฮฺฮฺ กลัวความมืดไม่กล้าหลับตาครับ ฮ่ฮ่ฮ่
     
  2. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    มาม๊ มาม๊ แต่อยู่ในใจดีกว่านะครับ ฮฺฮฺฮฺฮฺ
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=vaaG8ta00kw"]???????? - ???? ??????? - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2012
  3. ไอ้นอกโลก

    ไอ้นอกโลก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    572
    ค่าพลัง:
    +72
    ทำไมชอบเขียนตัวเล็กจัง?..ไปก่อนนะ ฝันดี..ขอบคุณที่เป็นเพื่อนต่างมิติจ้ะ..
    (ใครไม่เข้าใจ แต่ผมเข้าใจ บายจร๊า)
     
  4. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    ยอดไปเลยซาร่า จ๊ววฟอีกที ไปนอนเหมือนกันหระ ตัวเล้กๆหนะดีครับ ทรมานผู้ใหญ่กว่า ฮ่ฮ่ฮ่ฮ่
     
  5. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    อรุณสวัสดิ์เมขต์น้อย
    อากาศธาตุมีโพธิจิตอาจารย์ไวโรจนะแผ่กระจาย
    แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของสรรพสัตว์สรรพสิ่ง
    สัมผัสโพธิจิตของอาจารย์ในลมหายใจเข้าออกกัน
     
  6. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    :D อรุนสวสัดิ์ครับผม #1177 สำคัญมาก!! น้อมระลึกไว้ในลมหายใจเข้าออกเพื่อมีอาจารย์อยู่ทุกลมหายใจต่อไปครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=n7a_XegiRps]VAJRA GURU MANTRA - YouTube[/ame]
     
  7. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    ไกล้วันเกิดแล้ว ดีใจจังปีนี้ตรงกับวันพระด้วย :D
     
  8. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
  9. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    [​IMG]

    เป็นปางหนึ่งของอาจารย์ไวโรจนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กุมภาพันธ์ 2012
  10. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=S2fpyhywX5U]Vajrasatva mantra - YouTube[/ame]
     
  11. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    มหามุทราอุปเทศ
    ขอคารวะต่อสหัชปัญญา

    มหามุทรานั้นไม่อาจไขแสดงได้
    ทว่าสำหรับเจ้าผู้อุทิศตนแล้วต่อคุรุ เจ้าผู้ซึ่งทรงไว้ซึ่งพรตจรรยา
    และได้แบกรับซึ่งทุกข์ทรมาน นาโรปะผู้ทรงปัญญา
    จงจดจำคำสอนนี้ไว้ในใจ ศิษย์ผู้มีชะตากรรมอันเป็นกุศล

    ขอจงสดับ

    มองดูที่สภาวธรรมของโลก
    ความไม่เที่ยงแท้นั้นคล้ายดังภาพมายาหรือความฝัน
    แม้แต่ภาพมายาหรือความฝันนั้นก็ไม่มีอยู่จริง
    ด้วยเหตุนี้ เจ้าจงมุ่งสู่การสละละ
    และปล่อยวางซึ่งสิ่งร้อยรัดทางโลก

    จงปล่อยวางบริวารและญาติมิตร
    อันเป็นเหตุแห่งความปรารถนา และความขุ่นข้อง
    บำเพ็ญสมาธิเพียงลำพังในราวป่า ในวิเวกสถาน ในที่อันสงัด
    ดำรงตนอยู่ในอสมาธิภาวะ

    หากเจ้าเข้าถึงการไม่บรรลุถึง เจ้าจะได้ประสบพบมหามุทรา

    สภาวธรรมแห่งวัฏสงสารนั้นไร้แก่นสาร
    ก่อให้เกิดความปรารถนาและความขุ่นข้อง
    สรรพสิ่งที่เราปั้นแต่งล้วนปราศจากความจีรัง
    ด้วยเหตุนี้ จึงควรแสวงหาสัจธรรมอันล้ำค่า
    สภาวธรรมของจิตนั้นไม่อาจเห็นค่าความหมายของอจิตได้
    สภาวธรรมแห่งกรรมย่อมไม่อาจประจักษ์ในอกรรมได้

    หากเจ้าต้องการจะบรรลุถึงอจิตและอกรรม
    เจ้าย่อมตัดขาดรากเหง้าแห่งจิต
    และปล่อยให้ดวงวิญญาณดำรงอยู่อย่างเปล่าเปลือย
    จะปล่อยให้น้ำอันขุ่นข้นแห่งเจตสิกใสกระจ่าง
    ไม่จำเป็นต้องระงับยับยั้งความรู้สึกนึกคิด
    แต่ปล่อยให้มันสงบลงตามกาล
    หากไร้ซึ่งการดึงดูดหรือผลักไส
    เจ้าจะหลุดพ้นในมหามุทรา

    เมื่อพฤกษาผลิใบและกิ่งก้าน
    หากเจ้าบั่นรากมันเสีย ใบและกิ่งก้านย่อมร่วงโรยลง
    เช่นเดียวกัน หากเจ้าตัดรากถอนโคนของจิต
    ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายย่อมเสื่อมทรามลง

    ความมืดมนที่ถูกสั่งสมมานานนับกัปกัลป์
    จะถูกขับไล่ไปด้วยดวงประทีปเพียงหนึ่ง
    เช่นเดียวกัน การได้ประจักษ์ถึงจิตอันสว่างไสวในพริบตา
    จะละลายม่านหมอกมลทินแห่งกรรม
    มนุษย์ผู้ด้อยปัญญาซึ่งอาจเข้าถึงสิ่งนี้
    จงเพ่งการกำหนดรู้ จดจ่ออยู่ที่ลมหายใจของเจ้า
    โดยอาศัยการเพ่งกสิณ และฝึกฝนฌานวิถี
    จงขัดเกลาจิตใจของเจ้าจนมันสงบ ผ่อนพักตามธรรมชาติ

    หากเจ้าได้รับรู้ที่ว่างอันเวิ้งว้างและความว่าง
    ความคิดอันยึดติดอยู่กับศูนย์กลางและขอบเขตจักมลายไป
    เช่นเดียวกัน หากจิตสามารถรับรู้ถึงตัวจิตได้
    ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลายจะยุติลง
    เจ้าจะดำรงอยู่ในสภาวะที่ปราศจากความคิดคำนึง
    และจะรับรู้ได้ถึง "โพธิจิต"

    หมอกไอที่พวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นกลับกลายเป็นเมฆ
    และหายลับไปในผืนฟ้า
    ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพยับเมฆนั้นหายไปแห่งใดเมื่อมันสลายตัวลง
    เช่นเดียวกัน คลื่นแห่งความคิดคำนึงที่อุบัติขึ้นจากจิต
    ย่อมสูญมลายไปเมื่อจิตรับรู้ได้ถึงจิต

    ที่ว่างนั้นไม่มีสีสันหรือรูปทรง
    ไม่อาจเปลี่ยนแปร ไม่อาจแต่งแต้มด้วยสีดำหรือสีขาว
    เช่นเดียวกัน จิตอันสว่างไสวนั้นไม่มีสีสันหรือรูปทรง
    ไม่อาจแปดเปื้อนด้วยขาวหรือดำ กุศลหรืออกุศล

    แก่นแท้อันบริสุทธิ์และสว่างไสวของดวงอาทิตย์
    ไม่อาจถูกบดบังได้ด้วยความมืดมิด
    ที่ถูกสั่งสมมานานนับพันกัลป์

    เช่นเดียวกัน ความสว่างไสวอันเป็นคุณสมบัติดั้งเดิมของจิต
    ย่อมไม่สามารถทำให้มัวหมองได้ด้วยวัฏสงสารอันยาวนานไม่สิ้นสุด
    แม้เราจะกล่าวว่าอากาศธาตุนั้นเวิ้งว้างว่างเปล่า
    และไม่อาจให้คำจำกัดความได้

    เช่นเดียวกัน แม้เราจะกล่าว่าจิตนั้นสว่างไสว
    แต่การให้นิยามนั้นหาได้พิสูจน์ไม่ว่ามันมีอยู่จริง
    ที่ว่างนั้นสมบูรณ์พร้อมโดยปราศจากตำแหน่งแห่งหน
    เช่นเดียวกันที่จิตแห่งมหามุทรานั้นหาได้ดำรงอยู่แห่งหนใดไม่

    โดยปราศจากการแปรเปลี่ยน ดำรงตนอยู่ในภาวะแรกเริ่ม
    ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บ่วงร้อยรัดของเจ้าจะคลายลง
    แก่นของจิตนั้นคล้ายดังความว่าง

    ด้วยเหตุนี้ จึงหามีสิ่งใดอยู่นอกปริมณฑลของมันไม่
    ปล่อยให้การเคลื่อนไหวของกายเป็นไปอย่างแท้จริงฅ
    ยุติความช่างจำนรรจา
    ปล่อยให้ถ้อยวาจาของเจ้าเป็นดุจดังเสียงอุโฆษ
    ไร้จิต ทว่าประจักษ์เห็นในศาสนธรรมอันสูงส่ง

    กายนั้นเปรียบดังปล้องไผ่ ที่หามีแก่นในไม่
    จิตนั้นเป็นเนื้อแท้แห่งความว่าง
    ไม่มีแง่มุมใดให้ความคิดได้พักอาศัย
    จงผ่อนคลายจิตของเจ้า ไม่กักขังหรือปล่อยให้ร่อนเร่
    เมื่อจิตไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย นี่เองคือมหามุทรา
    การบรรลุถึงสิ่งนี้คือการตรัสรู้อันสูงสุด

    ธรรมชาติจิตนั้นสว่างไสว ปราศจากซึ่งธรรมารมณ์
    เจ้าจะพบมรรคาของพระพุทธองค์
    เมื่อปราศจากหนทางแห่งสมาธิภาวนา
    โดยการภาวนาในอภาวนา เจ้าจะบรรลุถึงมหาโพธิ
    นี่คือราชันย์แห่งสัมมาทิฏฐิ – ที่ไปพ้นการยึดติดและครอบครอง
    นี่คือราชันย์แห่งสัมมาสมาธิ – ที่ปราศจากจิตใจอันสับสนฟุ้งซ่าน
    นี่คือราชันย์แห่งสัมมากัมมันตะ – ที่ปราศจากความพยายาม
    เมื่อไร้สิ้นซึ่งความกลัวและความหวัง เจ้าย่อมบรรลุถึงวิโมกษ์

    ธรรมธาตุนั้นปราศจากอนุสัยและสิ่งมัวหมอง
    จงผ่อนพักจิตในสภาวะแรกเริ่ม
    อันไม่มีการแบ่งแยกระหว่างสมาธิภาวะและหลังจากนั้น
    เมื่อความรู้สึกนึกคิดได้ทำให้ธรรมแห่งดวงจิตอ่อนล้า
    เราจะได้บรรลุถึงราชันย์แห่งญาณทัสนะ
    เป็นอิสระจากขอบเขตทั้งมวล

    การไร้ขอบเขตและความลึกซึ้งนั้น
    เป็นองค์จักรพรรดิแห่งสัมมาสมาธิ
    การตั้งมั่นในตนอย่างไร้แรงพยายามนั้น
    เป็นองค์จักรพรรดิแห่งกรรม
    การดำรงตนอย่างไร้การมุ่งหวังนั้น
    เป็นองค์จักรพรรดิแห่งมรรคผล

    ในยามเริ่มต้นนั้นจิตคล้ายดังแม่น้ำคลั่ง
    ในยามกลางคล้ายตัวแม่น้ำคงคาที่ไหลเรื่อย
    ในยามปลายกลับราบเรียบเป็นหนึ่ง
    คล้ายดังการสวมกอดระหว่างมารดากับบุตร

    ผู้เลื่อมใสในตันตระ ในปรัชญาปารมิตา
    ในพระวินัย พระสูตร และในศาสนมรรคทั้งหลาย
    สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ โดยการเชื่อถือแต่ในตัวคัมภีร์และหลักปรัชญา
    ย่อมไม่อาจหยั่งเห็นถึงมหามุทราอันสว่างไสวได้
    ไร้จิต ไร้ความปรารถนา
    สงบรำงับ ดำรงอยู่ด้วยตนเอง
    เปรียบประดุจกระแสน้ำ
    ความสว่างไสวนั้นจะถูกบดบังได้ก็ด้วยการอุบัติขึ้นของตัณหา

    สมยาธิษฐานอันแท้จริงย่อมสิ้นสุดลงหากยึดมั่นในศีล
    หากเจ้าทั้งมิได้ดำรงอยู่ รับรู้
    หรือถอยห่างออกจากความจริงอันสูงสุด
    เมื่อนั้น เจ้าจะกลายเป็นผู้ฝึกฝนที่แท้
    เป็นดวงประทีปที่ขับไล่ความมืดมน
    หากเจ้าปราศจากความปรารถนา
    หากเจ้าไม่ดำรงตนอยู่ในความสุดขั้วใด ๆ
    เจ้าจะแลเห็นสภาวธรรมจากคำสอนทั้งมวล

    หากเจ้าแน่วแน่อยู่ในความเพียรนี้
    เจ้าจะเป็นอิสระหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้ได้

    หากเจ้าตั้งมั่นดังนี้
    เจ้าจะแผดเผาม่านหมอกแห่งอกุศลกรรมให้สลายไป
    ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงได้รับฉายาว่าเป็นดัง

    "ประทีปสว่างไสวแห่งพระคำสอน"

    แม้กระทั่งชนผู้ขลาดเขลา
    ที่ไม่ได้อุทิศตนให้กับหลักธรรมคำสอนนี้
    ก็อาจได้รับการช่วยเหลือจากเจ้ามิให้จมดิ่งลงไปในสังสารวัฏ
    น่าเศร้ายิ่งที่สรรพสัตว์จะต้องทนทุกข์เวทนาอยู่ในภูมิอันต่ำช้า
    ผู้ที่ต้องการปลดปล่อยตนเองจากความทุกข์
    จะต้องแสวงหาซึ่งคุรุผู้ทรงคุณ

    ด้วยแรงอธิษฐาน จิตของผู้นั้นจะได้รับการปลดปล่อย

    หากเจ้าแสวงหากรรมมุทรา เมื่อนั้นปรีชาญาณแห่ง
    การผสานรวมของปีติและสุญญตาจะอุบัติขึ้น
    การผสานรวมกันระหว่างอุบายและวิชชาจะนำมาซึ่งอานิสงส์

    จงชักนำมันลงมาเพื่อก่อเกิดมณฑล
    ให้สถิตอยู่ ณ จักรและแผ่ซ่านไปทั่วร่าง

    เมื่อปราศจากความปรารถนามาข้องเกี่ยว
    การผสานรวมกันของปีติและสุญญตาจะอุบัติขึ้น
    ถึงซึ่งความเป็นผู้มีอายุยืนยาว ปราศจากผมหงอกขาว

    เจ้าจะเต็มเปี่ยมดังดวงจันทร์
    ทรงประภารัศมี อีกทั้งพละก็หาใดเปรียบมิได้
    เจ้าจะบรรลุถึงสิทธิอำนาจโดยพลัน
    และจะโคจรไปสู่ความเป็นมหาสิทธา
    ขอให้คำสอนแห่งมหามุทรานี้
    คงอยู่ในใจของสรรพสัตว์ผู้เปี่ยมโชค.

    *คำสอนปากเปล่าเรื่องมหามุทรา
    ซึ่งท่านศรีติโลปะมอบให้แก่ท่านนาโรปะ ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
    แปลจากสันสกฤตสู่ภาษาธิเบตโดย ชอคยีโลโดร มารปะ คัมภีราจารย์
     
  12. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ผู้น้อยขอถวายบังคมแทบเท้าคุรุมหามุทราตลอดจนคุรุแห่งวิทยาการทุกแขนงในสามกาล
    บุญกุศลบารมีใดๆที่ผู้น้อยกระทำในสามกาล สัมฤทธิ์ผลได้เพราะวิทยาการแห่งท่าน
    ด้วยสัจจะกิริยานี้ ขออานิสงค์อันประเสริฐทั้งมวลที่ผู้น้อยกระทำจงเป็นของคุรุแห่งข้า
    ดุจดั่งอาจารย์ได้กระทำด้วยตนเองเถิด
    สาธุ อนุโมทนามิ
     
  13. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    สาธุอนุโมทนามิครับ พีซัน ช่วงนี้ยู่บ้านลำพังเลยมีพื้นที่ทำอะไรๆ ผมเลยนึกถึงมุทราครับ เสริทเจอเลยนำมาแชร์ต่อ ดีใจอย่างยิ่งหากเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านครับ

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=7Jpu7RAngBQ"]Tibetan Flute - Deep Tibetan music (1) - YouTube[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2012
  14. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=CR3dM-GlZK8]Relax - Buddhist Meditation Music - Zen Garden - Kokin Gumi - YouTube[/ame]
     
  15. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    [​IMG]

    ขอเป็นกำลังใจเล็กๆ ให้กับผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อการบรรลุ
    และเพื่อการฉุดช่วยเหลือสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหมดทั้งสิ้น ตามสัจจะอธิษฐานของแต่ละท่านที่มีมา

    ข้าพเจ้าเมล็ดพันธ์น้อยๆได้รับการบ่มเพาะจากท่านทั้งหลาย ขอน้อมคาระวะ เพื่อนร่วมบารมีทั้งหมด
    และผู้ร่วมบำเพ็ญในวัฏฏะสงสารทั้งหลาย อันเป็นผู้มีคุณต่อปวงข้าพเจ้า..

    ขอน้อมกายใจถึงซึ่งคุรุทั้งปวงในสัจจอธิษฐานที่ข้าพเจ้ามีมาต่อท่าน
    จงเป็นผลให้ถึงซึ่งกระแสแห่งความเพียรนั้น ตามสติกำลังอันสมบูรณ์พร้อมแก่เวลา

    ขอสุมาครับ

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=aFfsemD8_SQ]รักฉันนั้นเพื่อเธอ เอิร์น - YouTube[/ame]

     
  16. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    รักในการปฏิบัติธรรม
    รักในนิพพาน
    รักในทรัพย์
    รักในเกียรติ
    รักในหญิงชาย
    คล้ายจะแตกต่างกัน
    แต่แท้จริงมาจากรากเหง้าเดียวกัน

    รากเหง้าแห่งการบรรลุถึง
    มีบางอย่างอยู่เบื้องหน้าและเราต้องการไปให้ถึง
    ถึงนิพพาน
    ถึงคนรัก
    ถึงทรัพย์
    ถึงเกียรติ

    หากการถึงนิพพานยังเป็นจุดมุ่งหมายของเรา
    การถึงคนรัก ถึงทรัพย์ ถึงเกียรติ
    ย่อมคงอยู่กับเราที่นั่น แม้เราจะมองไม่เห็น
    การบำเพ็ญตนท่ามกลางความรัก ความปรารถนา
    จึงไม่ใช่เรื่องผิดแผกไปจากการปฏิบัติธรรม
    หากเราใช้เมตตาปัญญาในพระสูตรได้
    เราย่อมใช้เมตตาปัญญาในความรักความปรารถนาได้

    สำหรับศิษย์มหามุทราแล้ว
    ไม่มีสิ่งใดหรือเวลาใดที่บำเพ็ญไม่ได้
    ไม่หนีรัก ไม่หนีทุกข์ คือไม่หนีนิพพาน
     
  17. barking dog

    barking dog เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    765
    ค่าพลัง:
    +152
    ในมหามุทรา เราเริ่มต้นจาก "การสละ"
    สละอาภรณ์อันงดงามที่เรียกว่า อริยะ อรหันต์ ตรัสรู้ วิชชา และ นิพพาน
    โดยการยืนอย่างเปลือยเปล่า
    ความหวาดกลัวในข้อบกพร่องของเราถูกขจัดออกตามธรรมชาติ

    การตัดอาภรณ์อันงดงามไว้สวมทับตัวตนอันอ่อนด้อย มิใช่แนวทางของเรา
     
  18. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    นำมาฝาก..

    ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
    กำเนิด มหามุทราอุปเทศ ... :cool:

    การถ่ายทอดคำสอนหรือการอภิเษก

    หลังจากที่ได้เตรียมตัวทุกขั้นตอนแล้ว ในที่สุดคุณก็พร้อมที่จะให้กำเนิดโพธิจิต สิ่งที่คุณต้องทำ
    ต่อไป คือ ไปหาคุรุหรือครูที่จะอบรมสั่งสอน เพื่อให้ท่านชี้ทางของภาวะแห่งการตื่นขึ้นให้คุณ
    เหมือนกับว่าท่านเป็นผู้ที่ครอบครองสมบัติของคุณเอาไว้ เหมือนกับใครสักคนเก็บของของคุณ
    ไว้ แล้วคุณไปขอให้เขามอบมันคือให้คุณ ซึ่งมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพียงแต่ว่าเราต้องผ่านพิธี
    กรรมอะไรบางอย่าง เมื่อคุณขอแล้ว ครูอาจารย์ก็จะแนะนำสั่งสอน นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ” การถ่าย
    ทอด " คือว่า " การถ่ายทอด " หรือ " อภิเษก " นี้ ใช้กันเฉพาะในคำสอนวัชรญาณและพุทธฝ่าย
    โยคะเท่านั้น เป็นคำที่ใช้กันมากในนิกายฝ่ายทิเบตและนิกายเซน การถ่ายทอดไม่ได้หมายความ
    ว่า อาจารย์หยิบยื่นความรู้หรือการค้นพบของท่านให้คุณ นั่นเป็นไปไม่ได้เลย กระทั่งพระพุทธเจ้า
    ก็ทรงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่ประเด็นทั้งหมดอยู่ที่ว่าเราหยุดสั่งสมบุญกรรมทั้งหลาย แล้ว
    พยายามที่จะละวางสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในใจเราให้มันหมดไปให้ได้ และเพื่อหลีกเลี่ยงการสั่งสมกรรม
    ใหม่ หลีกเลี่ยงการเพิ่มพลังให้อัตตา จำเป็นที่เราจะต้องขอคำแนะนำบางอย่าง จากผู้อื่น เพื่อเรา
    จะได้มีความรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างถูกมอบให้เรา เราจะได้ไม่เห็นว่ามันเป็นสมบัติของตัวที่ผู้อื่น
    นำมาคืนให้ แต่เป็นสิ่งที่มีค่ามาก ๆ ของคนคนนั้น เพราะเหตุนี้เราจึงต้องสำนึกในพระคุณของครู
    อาจารย์ และนั่นเป็นเกราะอันยิ่งใหญ่ที่ช่วยป้องกันเราจากอัตตา เพราะคุณไม่ได้มองว่ามันเป็น
    สิ่งที่คันพบได้ภายในตัวคุณเอง แต่เป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้คุณ ท่านมอบของกำนัลชิ้นนี้แก่คุณ แม้
    ในความเป็นจริง การถ่ายทอดไม่ใช่สิ่งที่จะหยิบยื่นให้แก่กันได้ดังที่กล่าวไปแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ค้นพบ
    ได้ภายในตัวเองเท่านั้น ทั้งหมดที่ครูทำได้ก็คือสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ท่านจะสร้างสถานการณ์ที่
    เหมาะสมขึ้น และด้วยสถานการณ์กับปัจจัยแวดล้อมที่เหมาะสมนี้เอง จิตของศิษย์ย่อมจะอยู่ใน
    ภาวะที่เหมาะสม เพราะตัวของศิษย์ก็อยู่ที่นั่นแล้ว เหมือนกับการไปโรงละคร ทุกอย่างได้รับการจัด
    สร้างไว้ให้คุณแล้วไม่ว่าจะเป็นที่นั่งเวที หรือ อุปกรณ์ อื่น ๆ ฉะนั้น เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในโรงละ
    คร เราจึงรู้สึกโดยอัตโนมัติว่าเรากำลังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์บางอย่าง เมื่อไหร่ก็ตาม
    ที่เราเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งหรือเข้าร่วมในกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่ง
    ของกิจกรรมนั้น เพราะว่าปัจจัยแวดล้อมถูกสร้างไว้แล้ว สำหรับกรณีของการอภิเษก สถานการณ์
    อาจจะต่างออกไป แต่กระนั้นก็ยังมีปัจจัยแวดล้อมเฉพาะอย่างหนึ่ง อาจารย์อาจจะไม่พูดอะไรเลย
    หรืออาจจะอธิบายหลักธรรมอย่างยืดยาว หรืออาจประกอบพิธีกรรมบางอย่าง หรือไม่ก็ทำในสิ่ง
    ที่ดูน่าขันไร้สาระไปเลยก็ได้

    มีเรื่องของท่านนาโรปะ ปราชญ์ชาวอินเดียผู้ยิ่งใหญ่ หรือเรียกว่ามหาบัณฑิต หรือดุษฎีบัณฑิตแห่ง
    มหาวิทยาลัยนาลันทา ท่านเป็นหนึ่งในสี่ของมหาบัณฑิตที่มีชีวิตอยู่ในช่วงหนึ่งของพุทธศาสประวัติ
    ท่านเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นมหาบัณฑิตในอินเดียหรือในสกลจักรวาลเลยก็ว่าได้ ท่านสามารถสาธยาย
    พระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้อย่างขึ้นใจ ท่านรอบรู้ในปรัชญาและสรรพวิชาทั้งปวงแต่ก็ยังไม่พอ
    ใจในตัวเอง เพราะท่านได้แต่แสดงสิ่งที่เรียนรู้จากตำราออกมาแค่นั้นเอง ไม่เคยได้ศึกษาแก่นแท้ของ
    สิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งจริงจัง ฉะนั้น วันหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังเดินอยู่บนระเบียงอาคารในมหาวิทยาลัย
    ท่านได้ยินขอทานกลุ่มหนึ่งกำลังคุยกันอยู่ข้างประตูทางเข้า ขอทานพวกนั้นพูดว่ามีโยคีผู้สามารถท่าน
    หนึ่งนามว่า ติโลปะ เมื่อได้ยินชื่อเท่านั้น ท่านก็มั่นใจว่านั่นเป็นคุรุที่ตนแสวงหา จึงตัดสินใจออกเดิน
    ทางเพื่อค้นหาติโลปะ ท่านกำนัลพวกขอทานด้วยอาหารแล้วถามว่าติโลปะอาศัยอยู่ที่ใหน พวกขอ
    ท่านก็บอกสถานที่ให้ แต่กระนั้นท่านยังต้องใช้เวลาถึงสิบสองเดือนในการแสวงหา ทุกครั้งที่คิดว่า
    ได้พบสถานที่ดังกล่าวแล้ว ท่านก็ถูกบอกให้ไปที่อื่นอีก ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ
    แห่งหนึ่ง ท่านถามว่าโยคีผู้ยิ่งใหญ่นามติโลปะอยู่ที่ใหน ชาวประมงผู้หนึ่งตอบว่า " เอ ! ข้าพเจ้า
    ไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับ ‘ โยคีผู้ยิ่งใหญ่ "หรอก แต่มีติโลปะคนหนึ่งอาศัยอยู่ริมแม่น้ำโน่น เป็นคน
    เกียจคร้านยิ่งนัก กระทั่งปลาก็ไม่ยอมหาเอง ได้แต่อาศัยหัวปลาเศษไส้พุงปลาที่ชาวประมงคนอื่น ๆ
    เขาโยนทิ้งเป็นอาหารยังชีพ " นาโรปะก็ไปตามคำบอกทาง แต่สิ่งที่ท่านเห็นเมื่อไปถึงมีเพียงขอทาน
    ท่าทางอ่อนโยนคนหนึ่ง ที่ดูท่าว่ากระทั่งจะเอ่ยปากพูดก็เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ท่านได้ก้มลงกราบ
    พร้อมกับเอ่ยขอคำแนะนำสั่งสอน เป็นเวลาสามวันที่ติโลปะไม่พูดอะไรเลย แต่ในที่สุดก็ผงกศรีษะรับ
    นาโรปะเข้าใจว่าท่านได้ยอมรับตนเป็นศิษย์แล้ว แล้วติโลปะก็กล่าวว่า " ตามฉันมาสิ " นาโรปะก็ติด
    ตามติโลปะไปเป็นเวลานานถึงสิบสองปี ต้องฟันฝ่าอุปสรรคความยากลำบากนานัปการตลอดช่วง
    เวลานั้น ครั้งหนึ่ง ติโลปะ ออกปากว่าตนหิวมาก ( ข้าพเจ้าเล่าเรื่องนี้เพราะทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ
    การถ่ายทอดคำสอน คุณเห็นไหมว่าท่านกำลังสร้างเหตุปัจจัยแวดล้อมที่ถูกต้องเหมาะสมอยู่ )
    ติโลปะจึงขอให้นาโรปะไปหาอาหาร ทีนี้ นาโรปะ เป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยมาก " เพราะเกิดในครอบ
    ครัวพราหมณ์ " แต่ต้องมาใช้ชีวิตเช่นนี้เพื่อทำตามอย่างของติโลปะ ท่านจึงเข้าไปในหมู่บ้านที่ชาว
    บ้านกำลังฉลองพิธีสมรสหรืองานฉลองอะไรสักอย่าง ตอนแรกก็พยายามขอบิณฑบาต แต่การขอ
    บิณฑบาตในงานฉลองเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ห้ามทำ ท่านเลยแอบคลานเข้าไปในครัวแล้วขโมยซุปมาถ้วย
    หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งอ้าวเพื่อเอาซุปไปถวายแก่ท่านอาจารย์ ติโลปะดูท่าจะพออกพอใจมากที่เดียว นี่
    เป็นครั้งแรกที่นาโรปะได้เห็นสีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานปรากฏขึ้นบนใบหน้าของท่าน นาโรปะก็คิดว่า
    " แหม ! ดีจริง ๆ เราจะกลับไปขโมยซุปอีกถ้วย " ติโลปะแสดงอาการเห็นดีเห็นงามพร้อมทั้งกล่าว
    ว่าตนอยากจะได้ซุปอีกสักถ้วย แต่คราวนี้พวกชาวบ้านจับตัวนาโรปะได้และรุมทุบตีท่านจนแขน
    ขาหัก เสร็จแล้วก็ปล่อยให้นอนครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่กับพื้นนั่นเอง สองสามวันต่อมา ติโลปะมาพบ
    และกล่าวว่า " อ้าว ! นั่นเจ้าเป็นอะไร ทำไมไม่กลับมา " ดูท่านท่าทางฉุนเฉียวมาก นาโรปะ จึงตอบ
    ว่า " ข้าพเจ้ากำลังจะตาย " แต่ติโลปะกลับพูดว่า " ลุกขึ้น ! เจ้ายังไม่ตายหรอก และเจ้ายังจะต้อง
    ติดตามเราไปอีกหลายปี " นาโรปะเลยลุกขึ้น แล้วก็รู้สึกหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง กลับเป็นปรกติ
    อย่างน่าอัศจรรย์

    อีกครั้งหนึ่ง ครูกับศิษย์เดินทางไปถึงคลองแห่งหนึ่งซึ่งมีน้ำลึกและเต็มไปด้วยปลิง ติโลปะบอกว่า
    ท่านต้องการจะข้ามไปอีกฟากฝั่งหนึ่งและขอให้นาโรปะนอนขวางคลองเพื่อเป็นสะพานให้ท่านข้าม
    ไป นาโรปะ ก็นอนลงในน้ำ เมื่อติโลปะเดินเหยียบไปบนลำตัว นาโรปะพบว่าร่างกายของตนถูกปลิง
    เป็นร้อย ๆ ตัวรุมดูดเลือด และเป็นอีกครั้งที่นาโรปะถูกทิ้งให้นอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน เหตุ
    การณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นตลอดเวลากระทั่งในที่สุดวันหนึ่งในเดือนสุดท้ายของปีที่สิบสอง จู่ ๆ ติโลปะ
    ซึ่งกำลังนั่งอยู่กับนาโรปะก็ถอดรองเท้าข้างหนึ่งของท่านออกมาตบหน้านาโรปะ ขณะนั้นเองที่คำสอน
    แห่งมหามุทราซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ได้ปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในใจของนาโรปะแล้วท่าน
    ก็เข้าถึงความรู้แจ้งจากนั้นก็มีงานฉลองใหญ่ ติโลปะบอกกับนาโรปะว่า " นี่คือทั้งหมดที่เราสามารถ
    สั่งสอนชี้แนะเจ้าได้ บัดนี้เราได้ถ่ายทอดคำสอนทั้งหมดให้เจ้าแล้ว ในวันข้างหน้า หากมีผู้ต้องการ
    ดำเนินตามวิถีมหามุทรา เขาผู้นั้นต้องร่ำเรียนและรับคำสั่งจากนาโรปะ นาโรปะเปรียบเหมือน
    ราชันองค์ที่สองต่อจากเรา " หัลงจากได้กล่าวดังนั้นแล้ว ติโลปะจึงอธิบายคำสอนนั้นให้นาโรปะ
    ฟังโดยละเอียด

    นั่นเป็นตัวอย่างหนึ่งของ " การถ่ายทอดคำสอน " แน่นอนว่าในสมัยนั้นผู้คนอดทนมากกว่าและ
    สามารถที่จะให้เวลานาน ๆ และก็พร้อมที่จะทำเช่นนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่านาโรปะได้รับคำ
    สอนเฉพาะเวลาที่ถูกรองเท้าตบหน้าเท่านั้น ทว่ากระบวนการดังกล่าวดำเนินไปตลอดสิบสองปี
    ที่ท่านใช้เวลาอยู่กับครู ความยากลำบากและขั้นตอนทั้งหลายที่นาโรปะต้องฝ่าฟันนั้นเป็นส่วนหนึ่ง
    ของการถ่ายทอดคำสอน มันเป็นเรื่องของการเสริมและสร้างบรรยากาศ ในทำนองเดียวกันพิธี
    กรรมการถ่ายทอดคำสอนหนึ่ง ๆ หรือพิธีอภิเษกถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างปัจจัยสิ่งแวดล้อม
    ซึ่งรวมถึงสถานที่ ตัวบุคคล และการเปล่งวาจาว่า " เราจะสั่งสอนเจ้าภายในเวลาสามวัน และการ
    อภิเษกจะเริ่มขึ้นในตอนนั้น " ด้วยวิธีนี้ ศิษย์จะเปิดใจของตนออก เมื่อเปิดตัวออกแล้ว ครูจะพูด
    อะไรสักเล็กน้อยซึ่งอาจไม่มีความหมายอะไรนัก หรือบางทีก็ไม่พูดอะไรเลย สิ่งสำคัญคือการสร้าง
    สถานการณ์ที่เหมาะสมทั้งในฝ่ายของครูและศิษย์ และเมื่อสถานการณ์ที่เหมาะสมถูกสร้างขึ้นแล้ว
    ทันใดนั้นก็ไม่มีครูกับศิษย์อีกต่อไป ครูทำหน้าที่เหมือนประตูทางเข้าทางหนึ่งและศิษย์เป็นทางเข้า
    อีกทางหนึ่ง เมื่อประตูทั้งสองบานเปิดออก ก็จะมีความว่างเปล่าที่สมบูรณ์ มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
    ที่สมบูรณ์ระหว่างสองสิ่ง นี่เป็นศัพทืทางเซนเรียกว่า " การพบกันของใจสองดวง " เมื่อฝ่ายหนึ่งไข
    ปริศนาเซนได้ในที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะนิ่งเงียบ ปรามาจารย์เซนจะไม่พูดว่า " เธอทำถูกต้องแล้ว " หรือ
    " เธอคนพบคำตอบแล้ว " แต่ท่านจะหยุดและศิษย์ก็เพียงหยุดนิ่ง ชั่วขณะของความเงียบจะเกิดขึ้น
    นั่นคือการถ่ายทอด – การสร้างสถานการณ์ที่เหมาะสม – นั่นคือที่สุดที่ครูผู้สอนสามารถทำได้ และ
    คือที่สุดที่คุณจะทำได้เช่นกัน การถ่ายทอดคำสอนเป็นเพียงการเปิดใจของทั้งสองฝ่าย เปิดทุกสิ่งทุก
    อย่างจนหมดสิ้น เราเปิดใจอย่างสิ้นเชิงชนิดที่ว่า แม้จะเป็นการเปิดใจเพียงไม่กี่วินาที มันก็มีความ
    หมายอย่างยิ่งยวด นั่นไม่ได้หมายความว่าเราได้ไปถึงพระนิพพานแล้ว แต่เราได้เห็นประพิมพ์ประ
    พายของสิ่งที่เป็นสัจธรรม ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นหรือน่าตระหนกตกใจ ไม่จำเป็นต้องเป็น
    ประสบการณ์ที่มีผลต่อความรู้สึกมากนัก มันเป็นเพียงแค่การเปิดออก เป็นแสงวาบประกายหนึ่ง
    แค่นั้นเอง แม้เราจะอ่านเจอในตำราต่าง ๆ ที่ได้บรรยายถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยคำศัพท์และชื่อเรียกต่าง ๆ
    นานาไม่ว่าจะเป็น " บรมสุข " หรือ " มหามุทรา " หรือ " ภาวะที่ตื่นขึ้นของจิต " หรือ " การตรัสรู้อย่าง
    ฉับพลัน " ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น ตัวประสบการณ์อันแท้จริงนั้นก็แสนจะเรียบง่ายสามัญและตรงยิ่งนัก
    มันเป็นเพียงการพบกันของใจสองดวง สองใจกลายเป็นหนึ่งเดียว ..

    //_________\\


    รัก .. :boo:​
     
  19. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    สาธุคร้าบ .. ได้เติบโตจากไม่เป็นเมล็ด.. หรือเป็นเมล็ด รับการพรวนดิน รดน้ำโดยชาวสวนมา จะเป็นวิถีอะไร บรรลุหรือไม่บรรลุ เติบโตหรือตายฯแล้วแต่ เมล็ดก็เป็นเมล็ดที่ท่านปลูก หัวใจก็มากจากอาจารย์ เป็นของอาจารย์ และจะเป็นเช่นเดียวกับอาจารย์คร้าบบ โต ตายฯ เป็นอะไรก้ได้ ถ้าใจเป็นอาจารย์ก็เป็นไปตามนั้นคร้าาบ แล้วแต่อาจารย์คร้าบ เจี๊ยกโฮ่ โฮ่

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=018UMWioeW4]เพลง ลูกอม - WhatChaRaWaLee - YouTube[/ame]


    -Happy Smile_

    // .. \\

    รัก

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012
  20. เมขต์

    เมขต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,537
    ค่าพลัง:
    +119
    คร้าบปล่อยหลุดอีกสักครั้ง 5555 ด้วยหัวใจดวงเดียวกับอาจารย์ :D
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=OOgpT5rEKIU]Alanis Morissette - Thank You (Video) - YouTube[/ame]

    Thank you

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...