หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

  1. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]

    อื๊ม...:cool:
    ท่านภูฯเปิดโอกาสให้ท่านผู้ศรัทธาในหลวงพ่อเงิน ได้ร่วมทำบุญสร้างวัดสักองค์ซีครับ หึหึ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2013
  2. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    โมทนาสาธุครับ
    ข้อมูลออกบ่อยๆและขึ้นชื่อจนเชื่อขนมกินได้มากๆ (ในกลุ่ม)
    รบกวนแวะชมที่นี่ก็ได้ครับผม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012
  3. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    [​IMG]
    หลวงพ่อเงิน...ดีทางด้านเงิน ทอง
    พิศองค์ทรงพิมพ์ท่านแล้ว...บริบูรณ์พร้อมทุกด้านเนาะ แม่นบ่?
     
  4. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    โมทนาสาธุครับท่านศรีทอง

    พระพิมพ์ชุดนี้ (เจ้าคุณกรมท่า) เมื่อก่อนกับชมรมอนุรักษ์พระพิมพ์สายวังหน้า
    ได้อัญเชิญบรรจุกรุ ถวายวัด แจกให้ญาติธรรมจำนวนมาก (หลักหมื่น) พบว่าได้ประสบการณ์ทางการค้าขาย งานเข้ากันครับ

    ปล: นอกจากหลวงปู่เทพโลกอุดร(บางองค์ เพราะไม่ใช่วาระเดียว)แล้ว หลักๆจะเป็นหลวงปู่เจ้าประคุณสมเด็จโต ทรงอธิษฐานจิตครับ (ท่านว่ามาน่ะ ผมไม่เห็นนะ หึหึ)
     
  5. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    ปัจจัตตัง
    คำแปล2
    ว. เฉพาะตน, (ศน.) พระธรรมคุณบทหนึ่งว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ แปลว่า พระธรรมอันผู้บรรลุจะพึงรู้เฉพาะตัว,
    คำว่า ปัจจัตตัง ในที่นี้หมายถึงว่า ความสุขที่เกิดจากการบรรลุธรรมนั้น เป็นความสุขที่ผู้บรรลุจะรู้กับใจของตัวเอง
    ต้องปฏิบัติจึงจะรู้ไม่เป็นสิ่งที่จะรู้ได้ด้วยการฟังคนอื่นเล่าหรือให้คนอื่นปฏิบัติแทนตน.

    เห็นพูดถึงคำนี้กันบ่อยๆ ฟังดูแล้วแตกต่างจากคนทั่วไป...องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เลยเบรคความคิดความเห็นว่า
    "ผู้ที่ท่านอยู่สูงกว่า ท่านย่อมเห็นว่าเรารู้ เราเห็นอะไร คำว่าปัจจัตตังรู้ได้เฉพราะตัวนั้น ส่วนใหญ่ก็รู้ในกรอบของโลกธรรม
    ซึ่งผู้อยู่เหนือโลกหรือโลกุตระธรรม ย่อมรู้ ย่อมเห็น ในสิ่งที่ผู้อยู่ภายใต้โลกธรรม(เจือปนไปด้วยกิเลส)
    เว้นแต่พระอรหันต์กับพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ความรู้ความเห็นของท่านบริสุทธิ์แท้"

    ปล: มีส่วนเสริมตามความเข้าใจของผมในภาคขยายด้วย

    เสริม:
    ปุถุชน ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระโสดาบัน
    พระโสดาบัน ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระสกิทาคามี
    พระสกิทาคามี ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระอนาคามี
    พระอนาคามี ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระอรหันต์
    พระอรหันต์ ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระปัจเจกพุทธเจ้า
    พระปัจเจกพุทธเจ้า ภูมิธรรมย่อมไม่กว้างขว่างเท่า พระพุทธเจ้า

    อนึ่ง: พระโพธิสัตว์ :ขอบข่ายความรู้ของท่านย่อมกว้างขวางกว่าพระอรหันต์
    เนื่องเพราะว่า ท่านบำเพ็ญบารมีมาก็เพื่อจะเป็น "พระพุทธเจ้า"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012
  6. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    [FONT=Verdana, sans-serif]สภาวะธรรมในเวทนาที่เกิดขึ้นแบบคับขัน[/FONT]​


    [FONT=Verdana, sans-serif]ในค่ำคืน(หนึ่งวัน)ก่อนที่ผมจะเดินทางไปสัมมานาทางวิชาการที่จังหวัดขอนแก่นเมื่อวานนี้(15 กพ. 2555) ผมได้เดินจงกรมและพิจารณาถึงเวทนาที่จะเกิดขึ้นของคนและสัตว์ที่ใกล้จะตายนั้นมันเป็นเยี่ยงใดหนอ เพราะในช่วงที่ผ่านมา ผมได้พบเห็นความเจ็ปป่วยของพี่สาว และยังมีสุนัขที่บ้านตัวหนึ่งเธอกำลังเผชิญกับอาการทุกขเวทนาจากอาการเจ็บป่วยมาเป็นอาทิตย์แล้ว นอกจากนั้น ผมยังได้นึกย้อนไปถึงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นกับท่านแม่ชมเมื่อคราที่พวกเราเดินทางธรรมสัญจรไปที่แม่สอดเมื่อปลายปีที่แล้ว รวมทั้งยังได้นึกย้อนไปถึงเมื่อคราที่ผมเดินทางไปภูดานไหในวาระมุทิตาสักการะพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผ่านมาว่า ขณะที่ผมเริ่มนั่งภาวนาอยู่ในเต้นท์ ปรากฏว่าลำตัวของผมเกิดอาการปวดร้าวเหมือนแก้วกำลังแตกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่ไม่มีสาเหตุใดๆเลย ผมจึงถือโอกาสนั้นในการพิจารณาทุกขเวทนาที่เกิดขึ้น ไม่ฝืน ไม่บังคับ ไม่ข่มอาการทั้งสิ้น ดูซิว่าความเจ็บปวดนั้นมันจะไปถึงไหน ผมพิจารณาอาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อยู่นานหลายสิบนาที เมื่อปล่อยวางไม่อยากพิจารณา อาการเจ็บปวดนั้นก็ทุเลาลง ผมนึกในใจว่า เอ...ผมยังนั่งลงยังไม่ทันไร(ยังไม่ทันได้ตั้งนะโม) ทำไมอาการนี้ถึงเข้ามาทดสอบเร็วจริงหนอ หรือหลวงปู่ศรีสุโทท่านบันดาลหรืออย่างไร เพราะผมนั่งภาวนาอยู่ใกล้กับพระพุทธรูปนาคปรก (องค์หลวงปู่ศรีสุทโธ)[/FONT]​

    [FONT=Verdana, sans-serif]เมื่อวานนี้ (15 กพ. 2555) หลังจากผมออกจากห้องสัมมนาและได้เข้าไปในห้องรับประทานอาหารของโรงแรมราชาวดี ขอนแก่น จังหวะหนึ่งขณะที่ผมเอี้ยวลำตัวเพื่อยกเก้าอี้ไม้ที่หนักอึ้งให้กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ปรากฏว่า ลำตัวผมเกิดอาการแตกร้าวเหมือนกับแก้วแตก เพราะเกิดจากผมบิดลำตัวผิดจังหวะนั่นเอง ท่านทั้งหลาย ผมได้เผชิญกับอาการเจ็บปวดที่แสนทุกขเวทนาเสมือนแก้วที่กำลังแตกร้าวอย่างนั้นทันทีทันใด ความอื้ออึงปั่นป่วนของสภาวะภายในแบบกระทันหัน ทำให้ผมต้องนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น สติระลึกได้ว่า เราต้องกำหนดลมหายใจและพิจารณาอาการเจ็บปวดนั้นทันที ผมเริ่มนึกถึงอาการของท่านแม่ชมที่ท่านเผชิญมาเมื่อครั้งที่อยู่แม่สอดนั้นเป็นอย่างไร ผมคงจะรู้ในครั้งนี้แล้ว เพียงไม่กี่วินาที อาการเจ็บปวดมันเพิ่มทวีขึ้นรวดเร็วมาก ผมตามมันแทบไม่ทัน สิ่งหนึ่งที่ผมยังหลงเหลืออยู่ในขณะนั้นคือ สติ ส่วนคำภาวนานั้นไม่มี มันหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แต่สติจะเป็นผู้ติดตามดูอาการเจ็บปวดนั้นอยู่ พิจารณาว่า อาการของคนใกล้ตายนั้นมันเป็นอย่างไร ท่านทั้งหลายอาการเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นแบบฉับพลันแบบไม่ได้ตั้งตัวนี้ มันทำให้ผมทรมานมาก กำลังวังชาดับวูบลง เหงื่อเริ่มผุดขึ้นมาท่วมตัว ผมเริ่มจำคำพูดของแม่ชมได้ว่า อาการของคนหน้ามืดนั้นเป็นอย่างไร เพียงไม่ถึงสิบนาที ตาของผมเริ่มหลับลง ความมืดเริ่มเข้ามาแทนที่จากแสงระยิบระยับค่อยๆมืดดับลง ลมในหูเริ่มอื้อ เสียงของผู้คนเริ่มเบาลง เบาลง คล้ายการเข้าฌานสาม ตัวผมเริ่มเอนลงศรีษะพิงกับพนักเก้าอี้ ผมปล่อยให้อาการมันดำเนินไปโดยไม่เข้าไปปรุงแต่งหรือข่มอาการแต่อย่างใด ผมดูซิว่า มันจะตายไหม เมื่อผมปล่อยวางว่า มันจะเกิดก็เกิด มันจะดับก็ดับ ชั่งหัวมัน ปรากฏว่าอาการค่อยๆดีขึ้น กำลังวังชาก็ค่อยๆเริ่มกลับมา ผมพิจารณามันอยู่สิบกว่านาที เมื่อพิจารณาว่าผมควรจะใช้กำลังและสติดึงร่างกายให้ลุกขึ้นมา ก็ปรากฏว่า สามารถลุกขึ้นพร้อมกับลืมตาขึ้นมาได้ มองไปที่โต๊ะอาหาร ปรากฏว่า อาจารย์ท่านอื่นๆเขารับประทานเกือบจะอิ่มแล้ว อาการของผมกลับมาเป็นปรกติเมื่อเวลาผ่านไปแล้วราวสามสิบนาที[/FONT]​

    [FONT=Verdana, sans-serif]ท่านทั้งหลาย ผมยังจำคำสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ได้เป็นอย่างดีว่า เวลาคนใกล้จะตายนั้น มันทุกข์ทรมานมากมายมหาศาล ผู้ที่ไม่ได้ฝึกจิตภาวนาแยกกายแยกจิตนั้น อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเกิดอาการคับขันเช่นนี้ ความทุกข์ทรมานทั้งหลายมันจะดึงสภาวะจิตของผู้ไม่เคยภาวนาหรือผู้ที่ทำบาปมาก ไปสู่สภาวะจิตตกและหล่นไปสู่อบายภูมิได้ การได้เผชิญกับสภาวะจริงเช่นนี้ของนักภาวนา จึงนับเป็นโอกาสทองที่เราจักต้องพิจารณามันทันที แม้จะไม่มากมายดั่งเช่นพระอริยเจ้าที่ท่านเผชิญกับความตายในทุกรูปแบบอย่างที่เราทราบกัน แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้เราเห็นสัจธรรมของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้พอสมควร การละวางในสิ่งทั้งหลายก็อาจเกิดขึ้นได้เมื่อเราเห็นสภาวะความจริงมากขึ้นๆทุกวัน จึงขออนุโมทนากับผู้ที่มาอ่านเจอข้อความนี้ทุกท่านเทอญ[/FONT]​

    [FONT=Verdana, sans-serif]ขอเจริญในธรรม[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]ดร.นนต์[/FONT]
    [FONT=Verdana, sans-serif]16 กพ. 2555[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012
  7. ckj_tong

    ckj_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    483
    ค่าพลัง:
    +869

    ขออนุโมสาธุบุญในครั้งนี้ ด้วยครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  8. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181

    ทั้งแสบทั้งร้อนเลยครับ... ท่านสมาชิกธรรม
    หลวงพ่อเงินทอง บริบูรณ์พูนพร้อม...
    :cool:
     
  9. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    อ่านไปก็นึกถึงคำสอนที่ว่า "พระอริยเจ้าท่านไม่กลัวการตาย กลัวแต่การเกิด"

    ทำให้พวกเราต้องหมั่นระลึกนึกถึงความตาย มรณานุสสติให้มั่น เพราะเมื่อไหร่ที่เขามา ซึ่งจะมาได้ทุกเวลา ทุกเสี้ยวลมหายใจ เราจะตั้งรับได้ทัน แล้วไม่หลงลงสู่อบาย

    องค์พ่อแม่ครูอาจารย์สอนต่อว่า...หากยังไม่ถึงทางพ้นทุกข์ ก็ให้ไปที่ มนุษย์ สวรรค์ มนุษย์ สวรรค์ เท่านั้นนะ

    เมื่อคราที่ผมเดินทางไปภูดานไหครั้งที่แล้ว ขณะนั่งอยู่บนรถทัวร์ ก็เกิดอาการปวดท้องทรมานอยู่มาก พลอยนึกถึงไปว่า
    หากเราตายในขณะนี้ หรือขณะที่หลับอยู่ อบายภูมิน่าจะเป็นที่หมาย เพราะยังไม่ได้แบ่งสมบัติให้ใครเลย เกรงว่าญาติพี่น้องจะมาทะเลาะกันเหมือนทุกวันนี้...

    พอไปถึงภูดานไห ผมก็เล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ชมพร้อมกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ฟังว่า หากผมตายไป บ้านเรือนไทยที่ผมอาศัยอยู่นี้พร้อมวัตถุมงคลต่างๆ
    ผมขอถวายเป็นสมบัติพระศาสนา หรือภูดานไห หากเห็นสมควรว่าจะให้ทายาทผมดูแลต่อไปก็ได้ คุณแม่ชมบอกว่า ก็ให้ลูกนั้นแหละดูแลต่อไป หุหุ

    ส่วนทรัพย์สมบัติ รถ อาคารพานิชย์ เงินสด ประกันชีวิต ยกให้คู่ครองและทายาท...ที่ดินที่อยู่อิสาน ยกให้น้องชาย ฯลฯ
    ผมได้บอกกล่าวเรื่องราวนี้ให้คนใกล้ตัวรับทราบแล้ว เหลือแต่เขียนพินัยกรรมเท่านั้น ผมก็วางใจได้แล้วครับ

    สิ่งเหล่านี้...เป็นการเตรียมตัวก่อนตายสำหรับชาวโลกอย่างเราๆ

    แต่ทางธรรม ก็คือ การเตรียมใจ ให้ถึงองค์ธรรมแห่งพระบรมศาสดา ปล่อยวาง ละทิ้งทุกอย่าง ให้เป็นของชาวโลก รวบรวมความดีงาม คงไว้ตรึงใจเสมอๆฯลฯ
     
  10. "นนต์"

    "นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +1,157
    [FONT=Verdana, sans-serif]ขอให้ย้อนกลับไปอ่านข้อความเดิมดังนี้ครับ[/FONT]


    [FONT=Verdana, sans-serif]ตอนที่ 4 สภาวะธรรมขั้นสูงของคุณแม่ชม


    วันที่ 13 พฤศจิกายน 2554 เวลาประมาณบ่ายโมง ขณะที่พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชและเหล่านักรบธรรมกำลังดูพระและอัญมณีในร้านคุณณาที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจู่ๆปรากฏว่า คุณแม่ชมเกิดอาการเป็นลมจนทรงตัวไม่อยู่ ซึ่งเกิดจากการรับประทานลูกสมอดองที่ซื้อมาจากตลาดแม่สอดประมาณหนึ่งคำเมื่อคืนที่แล้ว(12 พย.) และเกิดอาเจียนทันทีตามมาด้วยท้องร่วงถ่ายออกมาหลายครั้ง จนกระทั่งตอนเช้าของวันที่ 13 ก็ยังถ่ายอยู่ แต่ด้วยหัวใจและความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ที่จะต้องเดินทางต่อตามโปรแกรม คุณแม่ชมจึงได้แข็งใจและไม่ได้แสดงอาการให้ใครรู้มากนัก จนสุดท้ายเมื่ออยู่ในร้านนานเข้า จึงเกิดอาการท้องเสียและหน้ามืดจนยืนไม่อยู่และเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้ แต่โชคยังดีมากที่มีคลินิกของหมออยู่ร้านตรงกันข้าม ผมและครูร่วมชาติจึงได้หามแม่ชมเข้าไปรักษาในคลินิก คุณหมอจึงฉีดยาและให้น้ำเกลือทันที คุณหมอบอกว่า หากนำไปหาหมอช้าเกิน 30 นาทีอาจทำให้เสียชีวิตได้เนื่องจากคนไข้อาจขาดสติจนไม่มีเลือดไปเลี้ยงสมอง เพราะเป็นอาการช็อคกระทันหัน


    พ่อแม่ครูอาจารย์และพวกเราได้เฝ้าดูด้วยความเป็นห่วง แต่คุณแม่ชมแม้ตาจะลืมไม่ขึ้น แต่จิตที่ถูกฝึกมาอย่างหนักกลับกลายเป็นตัวช่วยให้รอดชีวิตมาได้ พ่อแม่ครูอาจารย์บอกแม่ชมให้ภาวนาเข้าไว้ ในขณะที่ให้น้ำเกลือแม่ชมเล่าให้ฟังตอนหลังว่า ขณะที่กำลังจะเป็นลมนั้นจิตรู้ว่าร่างกายสังขารมันไม่ไหวแล้ว ท่านจึงใช้วิธีแยกกายกับจิตออกจากกัน จิตพิจารณาถึงความทุกขเวทนาและความเจ็บปวดว่า กายนั้นไม่ใช่ของเรา หากธาตุขันธ์มันจะดับแตกสลายก็ให้มันเป็นไป แต่สภาวะของจิตจะต้องไม่ตกเป็นทาสของกายสังขารหากตัวของข้าพเจ้ายังมีบุญที่จะได้สร้างสมบุญบารมีต่อไป ก็ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แล้วก็ระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ และผลบุญที่ได้กระทำมาแล้ว เมื่อพิจารณาไปได้ได้สักพักจิตมันก็ปล่อยวาง จากอาการที่เจ็บปวดอ่อนแรงภาพมืดดำสนิทจนมองไม่เห็นอะไร กลับกลายเป็นแสงสว่างเจิดจ้า ตัวเบาและกลับเกิดมีพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ จนสามารถลืมตาขึ้นมาและพูดจาได้ชัดเจนขึ้น คุณแม่ชมบอกว่า สติเท่านั้นที่จะประคองทุกสิ่งทุกอย่างให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้ และคุณของพระพุทธ พระธรรม และพระอริยสงฆ์นั้น มันยิ่งใหญ่จริงหนอ เมื่อจิตและสภาวะร่างกายกลับฟื้นมาได้อย่างรวดเร็วหลังจากให้น้ำเกลือประมาณ 30 นาที พวกเราก็เดินกลับไปที่ร้านคุณณา(เธอเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงด้วย) และได้เดินชมตลาดอยู่สักพักจึงได้เดินทางกลับที่พัก

    ต่อมาในตอนเย็นขณะที่มีญาติธรรมซึ่งอยู่ที่แม่สอดได้มาฟังธรรม คุณแม่ชมก็ยังประคองกายขึ้นมานั่งภาวนา และนั่งฟังอยู่ด้วยโดยไม่ได้แสดงอาการอ่อนแอให้ใครเห็น นี่แหละหนอ ผลของการบำเพ็ญเพียรภาวนามาอย่างหนัก เมื่อถึงเวลาจะเข้าสู่สภาวะคับคันหรือการเข้าสู่สภาวะธรรมขั้นสูง ก็มักจะมีสิ่งเข้ามาทดสอบที่หนักหน่วงตามไปด้วย คุณแม่ชมเล่าให้ฟังว่า อาการของคนใกล้จะตายนั้นมันทรมานมาก หากผู้ไม่ได้ฝึกจิตมาเพื่อการตายอาจจิตตกและทำให้ตกไปสู่ทุคติภูมิได้ จึงนับว่าคุณแม่ชมได้แสดงสภาวะธรรมขั้นสูงให้บรรดาลูกๆเหล่านักรบธรรมได้เห็น และยังมีสภาวะอีกหลายๆอย่างที่ไม่สามารถอธิบายให้กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งได้ จึงขออนุโมทนากับคุณแม่ชมด้วยนะครับ

    หมายเหตุ ผมเขียนย้อนหลังอาจไม่ตรงกับความจริงทุกคำ แต่เนื้อหาหลักยังถูกต้องและใกล้เคียงมากที่สุด

    อนึ่ง ลูกสมอดองถุงนั้นยังทำให้คุณอู๊ดและคุณสมบัติมีอาการท้องเสียด้วย โดยเฉพาะคุณอู๊ดเป็นอยู่ถึงสามวันแต่ก็ประคองตัวขับรถได้จึงขอให้ระวังผลไม้ดองที่มาจากฝั่งชายแดนด้วยนะครับ

    ขอเจริญในธรรม
    ดร.นนต์
    21 พฤศจิกายน 2554
    ...................................................................................................


    ข้อความของคุณสมบัติ

    คุณแม่ชมต้องได้รับน้ำเกลือและยารักษาโดยด่วน โชคดีที่ได้เข้าคลีนิคใกล้ๆของคุณหมอ (อดีตผอ.รพ.) ท่านบอกว่าเนื่องจากสมองขาดอ๊อกซิเจนและน้ำเป็นอย่างมาก (ตอนเช้าแม่ชมทานอะไรไม่ลงเลย) หากรักษาช้าเกิน 30 นาที อาจจักเป็นอัมพาต!หรือ...ได้

    พ่อแม่ครูอาจารย์คอยดูแล สอบถามให้สติกับคุณแม่อยู่อย่างใกล้ชิด พวกเราก็ได้ช่วยกันนวดเฟ้นที่ปลายเท้าซึ่งเย็นมากๆ ราวๆ 10 นาทีก็กลับอุ่นขึ้นมาเรื่อยๆ รู้สึกกระปี้กระเป่าผิดปกติ จนคุณแม่บอกว่าสามารถวิ่งแข่งพวกเราได้แล้ว...หึหึ

    คุณแม่ชมบอกว่า "เหตุการณ์นี้ถือเป็นการมารวมยอดกันที่ทางเหนือ" หึหึ ที่จริงมีทั้งเรื่องที่คุณแม่ได้นิมิตของสถานที่บางแห่งที่นี่ก่อนเกินทางมา...

    ...................................
    ข้อความของคุณสันติ

    ขออนุโมทนาบุญกับแม่ชมทุกประการครับการเจริญมรณสติ เป็นสิ่งที่มีอานิสงส์มาก เป็นเหตุให้เกิดความไม่ประมาทผู้ใดหมั่นเจริญสติอยู่เป็นนิจ เมื่อถึงคราวตายก็ไม่หวั่นไหวไม่หวาดกลัว มีสติรู้อยู่ตลอดถ้าเป็นเช่นนี้ก็มั่นใจได้ว่า จะไปสู่สุคติแน่นอน

    ขอให้เราได้พิจารณาน้อมนำ กรณีที่แม่ชมได้แสดงสภาวะธรรมขั้นสูงให้เห็น นำมาเป็นคติเตือนจิตเตือนใจของเรา แล้วเราจะได้พบคุณค่า ของการระลึกถึงความตายที่ให้ประโยชน์สูงสุดตาลปัตรพระ มักเขียนคำว่า "ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น" ซึ่งหมายความว่า เราจะไม่มีโอกาสแก้ตัว เพราะฉะนั้น ให้เราระมัดระวัง ให้เรารักษาจิตรักษาใจของเราให้ดี ครับผม
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012
  11. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    สมบัติท่านเยอะนะครับ คิดไว้ก่อนก็ดีครับเพราะเมื่อถึงเวลาจะคิดไม่ทันเพราะหลายรายการ... หุหุ

    การระลึกนึกถึงความตายบ่อยๆ ถือว่าเป็นการซ้อม เพราะไม่มั่นใจว่าเมื่อถึงเวลานั้นสติสัมปชัญญะของเราจะเป็นเช่นไร จะทำอะไรถูกหรือไม่ มันจะสับสนอลหม่านในช่วงเวลาที่ทุกขเวทนาบีบคั้น เราจะสามารถแยกกาย แยกจิต แยกใจออกจากความยึดถือว่าเวทนานั้นไม่ใช่เรา เราไม่ใช่เวทนา ได้หรือไม่
    การเตรียมพร้อมก็เพื่อฝึกให้ผ่านขั้นตอนแห่งความยึดถือนี้ ระหว่างกายและจิต การยึดถือในรูป นาม อันมีทุกขเวทนาเด่นชัดในขณะจิตนั้น ตั้งจิตตรงต่อพระนิพพาน
    ซ้อมบ่อยๆคงจะดีกว่าไม่ซ้อมเลยนะครับ
    คิดเรื่องปลีกย่อยให้มันเสร็จๆไป เคลียร์สิ่งรกรุงรังในจิตให้เหลือน้อยที่สุด
     
  12. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    โมทนาบุญกับท่าน ดร.นนต์ครับ
    ธรรมรักษา
     
  13. D-Crew

    D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +185
    ฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ .......มีก็เหมือนไม่มี....หุ..หุ
     
  14. D-Crew

    D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +185

    ว่ายน้ำเล่นสนุกดี...........................
     
  15. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    สบายดีบ่? ท่านผู้อาวุโส...
    วันพรุ่ง...จักไปแอ่วเมืองเจียงใหม่เน๊อ...
     
  16. มูริญโญ่

    มูริญโญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    408
    ค่าพลัง:
    +583
    ขอบคุณท่าน ดร.นนต์ มากครับ
     
  17. D-Crew

    D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +185
    สบายดี...ยินดีคับ..
    ไปยะหยัง มีอย่างใดจะฮื้อฮับจ๊ายพ่อง บ่ต้องเกงใจ๋เน้อ
     
  18. Phoobes

    Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +1,181
    สั้นๆ ลึกล้ำ...ท่านอาจารย์เซน
     
  19. IT Man

    IT Man ชีวิตที่เหลือ เพื่อพุทธองค์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4,243
    ค่าพลัง:
    +8,388
    บ่มีอะหยัง ไปแอ่วบ่ดาย ขอบคุณหลายครับ
     
  20. D-Crew

    D-Crew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2012
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +185

    เป็นสภาวธรรมของการเริ่มต้นกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด......อาการดั่งนี้จะปรากฎถี่ขึ้น..และถี่ขึ้น ...ความรวดร้าวเหมือนแก้วแตกจะวิ่งสู่ปลายแขนและจะแน่นหน้าอก...ถ้ามัวแต่ว่ายน้ำเล่นอยู่ก็ตัวใครตัวมันละขอรับท่าน
    ไม่อยากเห็นคนดับขันธ์ก่อนนิพพาน....ฮ้าๆๆๆๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2012

แชร์หน้านี้

Loading...