เหตุที่ผมออกจากวัดพระธรรมกาย เพราะ...

แบบนี้เขาเรียกว่า "แถ" ครับ คุยเรื่องวิชชาไม่มีภูมิก็แถไปเรื่อยๆ

บอกไปกี่โพสต์แล้ว นี่เป็นเพียงส่วนเสริม เป็นอิทธิวิธี เป็นหนึ่งในวิชชา ๘ ประการ ตามพระไตรปิฎก เจ้าคุณหลวงป๋าท่านก็มีบุญบารมีในส่วนอิทธิวิธีของท่าน

ใช่ครับ การเขียนอักขระขอมก็ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจอะไร พูดเองอย่าสับสนเองสิครับ พอเห็นท่านเขียนเป็นยันต์เข้าหน่อย รังเกียจขึ้นมาทันที เจ้าคุณหลวงป๋าท่านก็เขียนอักขระขอมได้ เพราะท่านศึกษามา ท่านเป็นคนบุรีรัมย์โดยกำเนิด ชาวอีสานใต้เขาเป็นอักขระขอมเป็นเรื่องปกติ อย่าว่าแต่อักระขอมเลย ภาษาแขมร์ท่านก็พูดฉลุย ที่วัดก็มีพระพูดเขมรได้หลายรูป มันเป็นเรื่องของความรู้ และวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่งด้วย และท่านก็เขียนอักขระขอมเป็นคาถาต่างๆ เช่นพุทธคุณ คาถาพระธรรมกาย พระพุทธปริต ฯลฯ ทำไมหรือ ถ้ารังเกียจ ก็ต้องรังเกียจที่หลวงปู่ก็เขียนอักขระขอมด้วยไง พูดเองอย่าสับสนเอง

ตรีศูลหรือวชิระ ก็บอกไปหลายครั้งแล้ว ว่าเป็นกายสิทธิ์สำเร็จ จำลองมาจากเทวดา ก็คุณคงไม่รู้จักเรื่องกายสิทธิ์ไง ว่าคืออะไรมาได้อย่างไร ที่วัดหลวงพ่อสด มีกายสิทธิ์มากมาย ทั้งที่เป็นรัตนะชาติเสด็จมาเองก็มี ทั้งที่เป็นพญาเหล็กไหลเสด็จมาเอง เรื่องกายสิทธิ์ก็เป็นวิชชาธรรมกาย ถ้ายังไม่เข้าใจก็ไปกินซุปไก่สกัดได้แล้ว การนำกายสิทธิ์ไปแช่น้ำพุทธปริต หรือนำดวงแก้วไปแช่น้ำพุทธปริต ก็นี่ไงครับ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการใช้กายสิทธิ์ทำพุทธปริต จะเอาจุยเจียไปแช่น้ำ จะเอาพระของขวัญไปแช่น้ำ ก้ได้ทั้งนั้น พอเห็นเป็นกายสิทธิ์เหล็กไหล งง ครับ เพราะไม่รู้จักไง มึนตรึมไปเลย...

น้ำพุทธปริต ตามแนวรัตนสูตร เรื่องเสริมๆเหล่านี้ จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ให้ดูตามความเหมาะสม (อ่านแล้วก็คงแถ แกล้งโง่อีกอ่ะนะ สงสัยเป็นร้อยๆกระทู้ ก็วนๆเวียนๆอยู่เช่นนี้ อนาถ)

ที่แน่ๆ ไม่ได้นำมาทำเป็นโปรเจ๊กอวดอ้างหาเงินบริจาคแต่ประการใด มีเพียงแต่คนใกล้ชิดที่ปราถนาอยากได้กายสิทธิ์นี้ก็ทำบุญไปเท่านั้น ทำบุญก็ไม่ต้องมากด้วย มีเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

ส่วนสำนักคลองสามต้องเอารถไปขนเอาหินอะไรไม่รู้แล้วนำมาติดตั้งตอนเที่ยงคืน แล้วก็โม้กันว่าเทวดาแบกมา ที่แท้นายถาวร พรหมถาวร เอารถไปขนมา แล้วเจ้าอาวาสก็บอกว่า เป็นเสาพญาเหล็ก มาช่วยรักษาเจดีย์ ชาววัดก็ตีข่าวโม้ไปว่า เทวดาแบกเอามาติดตั้งให้ ไปใหญ่ไปโต แล้วก็ไปขนเอาแร่พญาเหล็กเพชรดำมาแกะสลักเป็นพระดูดทรัพย์ โปรโมทซะยิ่งใหญ่ว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ เทวดาให้มา จนปัจจุบันนี้หาแร่นี้ได้ที่ท่าพระจันทร์ จตุจักร ชาแดนพม่า ขายกันเป็นปกติ ไม่ใช่ของหายากอะไร ไม่ต้องให้เทวดาหามาให้ กะเหรี่ยงยังเอามาเร่ขาย

ก็แถออกไปเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ สงสัยเป็นร้อยกระทู้ แต่ไม่มีสาระอะไรเลย เชื่อได้เลย เด๋วก็เข้ามาอ่านแล้ว ก็แกล้งโง่อีก ถ้าไม่แกล้งโง่ก็แถอีก วนไปวนมา เข้าตัวเองอีก สงสัยพยามกลบเกลื่อนที่เจ้าสำนักตนเพี้ยนไป และผิดศีลเรื่องเงินๆทองๆและอวดคุณวิเศษ

แถมอีกนิด พระธรรมกายใส่เสื้อ เปลี่ยนหน้าตาการแต่งกายไปตามเจ้าสำนัก เพี้ยนขนาดนี้หล่ะ ใครๆเขาก็รับไม่ได้หนักกว่า ยังไม่นับความอุตริที่อวดอ้างตามความเชื่อว่าสามารถถวายอาหารพระพุทธเจ้าในนิพพานได้ เรื่องนี้ ชาวพุทธต่างก็รับไม่ได้โดยไม่มีอะไรมาแถได้เลย

 

มีผู้สงสัยว่า การเขียนอักขระขอมยันต์และ การทำน้ำมนต์และใช้วชิราวุธลงไปวนในน้ำมนต์นั้น ตามพระธรรมวินัยและหลักวิชชาธรรมกายผิดหรือไม่ ?

วิจัยตามนี้

ต้องมีรองรับ และตรวจสอบได้จาก 1.พระไตรปิฎก 2.หลักวิชชาธรรมกายที่หลวงปู่สดสอน

อักขระขอมยันต์ = เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นการเขียนเป็นพุทธานุสสติ ธรรมนุสสติ สังฆานุสสติ ไม่ใช่ไสย์เวทย์คนละบริบทกับไสย์ศาสตร์ ในกรณีนี้ก็คือการจารจดอักขระทางธรรมเป็นธรรมดา

น้ำมนต์ = ไม่ใช่น้ำมนต์แต่เป็นน้ำพุทธปริตตามแนวรัตนะสูตร จริงอยู่หลวงปู่สดไม่ได้ทำแต่สามารถทำตามแนวรัตนะสูตรได้

การแกว่งวชิราวุธ = ที่แท้ใช้เสมือนการแช่ การสัมผัสน้ำพุทธปริต จะเอากายสิทธิ์อะไรแช่ก็ได้ แกว่งก็ได้ ไม่ต้องทำเลยก็ได้ หลวงปูสดและในพระไตรปิฎกไม่มี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลย

วชิราวุธนี้เป็นกายสิทธิ์สำเร็จจากธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งนั่นคือเหล็กไหล และจำลองรูปกายสิทธิ์มาจากอาวุธประจำกายของท้าวสักกะ

เหล็กไหลสีขาวสีเงินยวงนั้น หลวงปู่สดก็มีเก็บไว้ เจ้าคุณวีระก็มีเก็บไว้ ให้ไปขอดูได้ที่เจ้าคุณวีระรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นกายสิทธิ์ชนิดหนึ่ง

องค์ความรู้เรื่องกายสิทธิ์มีอยู่ในวิชชาธรรมกาย อาวุธจำลองมาจากอาวุธของท้าวสักกะก็มีอยู่ในพระไตรปิฎก และธรรมบท

คำอธิบายประกอบ

เป็นเพียงส่วนเสริม ไม่ใช่เรื่องหลัก และมีที่รองรับตามที่กล่าวมา จะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ หากจะทำสมควรทำให้เหมาะสม และไม่ได้นำมาใช้ในการระดมเงินบริจาคแต่ประการใด
.................

อ้างว่ามีเทวดานำหินแก่นเหล็กมาตั้งไว้ให้ที่ลานเจดีย์ = ที่แท้นายถาวร พรหมถาวร นำรถไปขนมา และติดตั้งช่วงตอนเที่ยงคืนเพื่อไม่ให้คนแตกตื่น แต่กลับโปรโมทกันเวอร์

พญาเหล็กเพชรดำ นำมาสร้างเป็นพระดูดทรัพย์ = อ้างว่าเทวดานำมามอบให้ ที่แท้เป็นแร่ชนิดหนึ่ง มีขายตามท่าพระจันทร์ จตุจักร และชายแดนพม่า ,
ของดำๆ เช่นแร่เพชรดำ ในวิชชาธรรมกายระบุชัด ว่าของ ดำๆ เป็นภาคมาร ไม่สมควรนำมาทำเป็นพระเครื่อง

อ้างว่าสามารถนำอาหารไปถวายพระพุทธเจ้าในอายตนะนิพพานได้ = เป็นความเข้าใจผิดของแม่ชีทองสุขผู้ค้นพบ เรื่องถึงหลวงปู่สดท่านได้สั่งห้ามเพราะไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย วินัยมีแต่การบูชา 2 เท่านั้น พระนิพพานพ้นจากการปรุงแต่งทั้งปวง แต่แม่ชีก็ยังฝืนทำ

พระธรรมกาย ใส่เสื้อยืดแขนยาว ใส่กางเกงขายาว หน้าตาเปลี่ยนไปตามวัยของเจ้าสำนัก(ดีนะไม่ใส่แว่นและพูด น๊ะจ๊ะ) = ตั้งแต่ยุคต้นวิชชา ทั้งบุคคลยุคต้นวิชชาและมีทั้งภาพจำลอง มีแต่พระธรรมกายจีวรพริ้วคล้ายพระพุทธปฏิมา

กล่าวว่าหลวงปู่เป็นสมณะเทวบุตร = ครูบาอาจารย์ยุคต้นวิชาต่างทราบว่าอยู่ที่สุดละเอียด เช่นพระนิพพาน

พูดถึงดุสิตบุรีวงศ์บุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ = เฟซ 1 ราคา 10 m ใครเงินบริจาคไม่ถึง ไปขัดส้วมในวิมานแก้วแทน (555)

เทศน์หว่านล้อมโดยการยั่วกิเลศ ว่ายิ่งทำมากยิ่งได้คืนมามาก = ใครที่บังเอิญรวยขึ้นมาได้ออก dmc เชียร์ให้คนมาควักเงินทำบุญ ใครยังไม่รวย ไปขัดส้วม ตามเคย

เจ้าสำนักมีอธิกรณ์เรื่องเงินๆทองๆ และการทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสม = ส สตรี ส สตางค์ ทำพระเสียมามากมายนัก

พยายามพูดให้คนทำบุญมากๆ เพื่อจะได้เป็นกองเสบียงช่วยทำวิชชาปราบ เป็นกิจหลัก ต้องควักเงินจนหมดตัวเอาชีวิตเป็นเดิมพัน = ทำทานเป็นเรื่องของบุญหนุนนำได้อยู่ แต่กองเสบียงที่แท้จริง ต้องปฏิบัติเข้าถึงภาคผู้เลี้ยง ต้นธาตุจะหลั่งไหลสมบัติให้เอง

ปฏิเสธตำรา เชื่อแต่ที่แม่ชีสอน = หลวงปู่สดได้สอนและถ่ายทอดเป็นตำราไว้ เช่น คู่มือสมภาร ทางมรรคผล มรรคผลพิสดาร 1 2 3

ใครเห็นดวง ให้ประคับประคองดวงไว้จนตลอดชีวิต ควักเงินทำบุญเอาชีวิตเป็นเดิมพัน = ติดสมาธิ ติดนิมิต ไม่มีวิปัสสนา ปิดกั้นการพัฒนาทางมรรคผลนิพพาน ความจริงต้องรีบต่อวิชชาทันทีอย่างมีประสิทธิภาพ การต่อวิชชา ไม่ควรปิดกั้นทางมรรคผลนิพพาน

ต่อวิชชายากมาก ซับซ้อน เป็นเรื่องของคนมีบุญ ยอดมนุษย์ ต้องได้รับการคัดเลือกอย่างยากเย็นยิ่งกว่าคัดทหารไปตาย = การต่อวิชชาเป็นเรื่องปกติตามพระธรรมวินัยและหลักวิชชาไม่ควรปิดกั้น เว้นแต่ คงไม่มีปัญญาสอน

พยากรณ์ออก dmc ทุกวัน อ้างว่าฝันเป็นตุเป็นตะ = ไม่เกรงกลัวอาบัติ สอนให้คนยึดติดแต่ในคุณวิเศษของตัวบุคคล ตะทีพูดเรื่องวิชชา กลับบอกว่า "อย่าพูดเด๋วฟุ้งซ่าน"

อัดวิชชาธรรมกายให้แก่ผู้ทำบุญหนักๆ = โม้เป็นตุเป็นตะ

อวดอ้างว่าตนเองเป็นผู้สืบทอดแต่เพียงผู้เดียว อวดอ้างว่าแม่ชีเก่งระดับเป็นหนึ่งไม่มีสอง = ผู้สืบทอดมีมากมายหลายท่าน ครูบาอาจารย์ระดับยุคต้นวิชชาระดับหัวหน้าเวร และพระมหาเถระที่รับภาระหน้าที่แทนหลวงปู่สดก็ยังอยู่ และต่างก็ได้รับคำชมจากครูบาอาจารย์กันทั้งนั้น

อ้างว่าตนเองเป็นทัพหลวง ส่วนหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นเพียงทัพหน้า ลงมาค้นวิชชา ปูทางให้กองทัพจริง = ศิษย์.....???

ฯลฯ ต่อไม่ไหว มากมายจริงๆ

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ...ผม ประณามได้เลยครับ ว่า " ชั่วจริงๆ " ขอโทษนะครับ อย่าคิดว่าผมใช้คำรุนแรงนะครับ มุมมองของผม ไม่ได้ปรามาสคนดี หรือพระที่ดีนะครับ เพียงแค่ มนุษย์ขี้เหม็นแบบเราๆ ถ้าเพียงแค่โกนหัวโล้น แล้วนุ่งห่มจีวร แต่จิตไม่ประพฤติตามคำสอนพระพุทธเจ้า แล้วยังจะต้องนับถือเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกหรือครับ อย่าสนับสนุนคนชั่ว อย่าถือหางเข้าข้างคนเลว กันเลยครับ

 

ถ้าแยกยันตืกับอักษรไม่ได้ก็ จบ

ถ้าไม่เข้าใจว่าไม่เป็นที่ตั้งของศรัทธาก็ จบ

เข้าใจมั๊ยครับ มองดูครูแล้วไม่มีศรัทธา จะไปเรียนวิชชาด้วยมั๊ยครับ

ส่วนใครจะมีศรัทธาในทางแบบนี้ก็ไม่ได้ว่าอะไร

ศรัทธาเกิดที่ใหนก็ทำที่นั่น ครับ

ไม่ได้แถนะ มันเรื่องเดียวกัน ส่วนคุณจะว่าร้าย ต่อไปก็เรื่องของคุณ ข้อมูลมันก็ฟังๆเขามาทั้งนั้น


ใครจะว่าครูตัวเองไม่ดี จริงมั๊ยครับ

 

ไปไม่เป็นแล้วสิครับ

ผมเห็นทุกอย่างมากับตา สัมผัสมาทั้งสี่สำนัก ผมเข้าวัดธรรมกายมาก่อน ไม่ได้ฟังใครเขามาหรอกครับ แม้ จขกท นี้ก็เข้าวัดพระธรรมกายมาก่อน บางคนที่เถียงกับผมตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมาสี่ปีกว่า ตอนนี้ก็ยังเปลี่ยนไปแล้ว

บอกแล้วว่าไม่ได้ปราถนานอกเรื่อง นอกจากมาเสวนากันถึงหลักวิชชาที่บริสุทธิ์ถูกต้อง สิ่งไหนดีเราก็อนุโมทนา

ตอนนี้แสงสว่างคือความจริงอาจจะแสบตาบางท่าน ผมเข้าใจดี ซักวันคุณคงได้สิกขาหลักวิชชาที่แท้จริง และปฏิบัติเข้าถึงอย่างแท้จริง ไม่เสียเวลาไปกับ "ความเชื่อ" ที่ถูกปิดกั้นให้ควักเงินทำบุญ ให้ทำแต่กิจกรรมพื้นฐานไปจนวันตาย

ศรัทธา ไม่ใช่ "ความเชื่อเป็นตุเป็นตะ"

 

เห็นด้วยแบบเต็มที่ครับ...

 

ส่วนตัวผมก็ไม่ได้มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับคำศัพท์ยากๆในทางพระพุทธศาสนาที่คนชอบเอามาพูดอวดกัน ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าผู้ที่พูดนั้นเป็นคนเก่งเป็นสัพพัญญู(เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในคำศัพท์ยากๆ)เป็นผู้รู้หรือเป็นผู้วิเศษไปเลยก็มี สิ่งที่ผมได้จากพระพุทธศาสนาคือการเห็นที่ตรงตามความเป็นจริงนั่นก็คือการเกิดเป็นทุกข์อย่างยิ่ง(ไม่มีความสุขที่แท้จริงเลยแม้แต่น้อย) สิ่งที่ผมต้องการคือต้องการนิพพานในชาตินี้เท่านั้น ส่วนวัดพระธรรมกายไม่สอนและไม่ต้องการนิพพาน(ซึ่งผมถือว่าผิดพุทธประสงค์ของพระพุทธเจ้า)และแถมสอนให้ทำบุญแบบทุ่มสุดตัวคือบริจาคเงินน้อยก็จะได้บุญน้อยไปด้วย ส่วนตัวเลยคิดว่าวัดพระธรรมกายเป็นแค่เพียงลัทธิๆหนึ่งโดยอาศัยใบบุญของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำซึ่งสำเร็จวิชาธรรมกายและเข้านิพพานแล้วมาเป็นแรงขับเคลื่อนและดึงดูดให้ผู้ที่เคารพและศรัทธาในหลวงพ่อสดมาปฏิบัติและทำบุญที่วัดพระธรรมกาย เมื่อเข้ามาที่วัดก็จะเจอกับบรรยากาศที่ดูน่าเลื่อมใสพร้อมทั้งเจอกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์และวาทะศิลป์ีที่ชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลและรู้สึกศรัทธา ผู้ที่ขาดสติขาดปัญญาในการพิจารณาก็จะเชื่อได้ง่าย แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นแค่ความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนตัวเท่านั้น มิได้มีเจตนาจะล่วงละเมิดกรรมของผู้ใดและมิได้มีเจตนาที่จะทำให้องค์กรใดๆเสียหาย ถ้าพลาดพลั้งล่วงเกินผู้ใดไป ผมขอกราบขออโหสิกรรมด้วยครับ เพราะถึงอย่างไรผมก็เคารพและศรัทธาหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และอย่างน้อยวัดพระธรรมกายก็สอนให้คนทำความดีและสะสมเสบียงบุญเพื่อเกิดในชาติต่อๆๆไป(เหมาะสำหรับผู้ที่อยากรวยและผู้ที่ไม่หวังพระนิพพาน)เอวัง....ก็เป็นด้วยประ...กา...ระ...ชะ...นี้

 

จริงหรือครับ
มันเป็นเ่ช่นนั้นจริงหรือครับ
!?

เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ ที่จะเกี่ยวข้องกับหลวงพ่อพระราชพรหมยานนะครับ

ข้อมูลตรงนี้อยากให้มีการยืนยัน

คำกล่าวว่า ธรรมกายเป็นสมถะ ไม่ใช่ทางสู่มรรคผลนิพพานนั้น
เห็นกล่าวกันเหลือเกิน สำนักไหนหนอ

ฟังดูราวจะโจมตีกันยังไงยังงั้น

แต่ว่า...

จริงหรือครับ
มันเป็นเ่ช่นนั้นจริงหรือครับ

 

------------------------------------------------

ต้องขอโทษจริงๆ ครับสำหรับคห.นั้น
ผมได้ฟังเรื่องมัครีผล ในเรื่องหลวงพ่อสดได้กล่าวไว้เกี่ยวกับวิชาธรรมกาย
ว่าเป็นเพียงก้อนกรวดและวิปัสนากัมมัฎฐานเป็นแก้ว ประมาณนี้นะครับ

ก่อนอื่นต้องขอบอกความรู้สึกส่วนตัวก่อนว่า ผมได้ฟังเรื่องมัครีผล
ก็คิดว่าเป็นเรื่องจริงของหลวงพ่อจรัล จึงไม่ได้สืบค้นว่าจริงหรือไม่

จึงได้มีคนมาแย้งในคห.ก่อนว่าไม่จริง นั่นแหละครับ ผมเลยคิดว่าอาจจะมี
ข้อมูลอะไรผิดพลาด ก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งสองฝ่าย

แต่โดยส่วนตัว ก็ยังคิดว่าวิชาธรรมกาย ก็น่าจะยังไม่ถึงนิพพาน
เพราะยังติดอยู่กับในนิมิตอยู่ครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังไม่ได้เป็นข้อมูลที่จะนำมาเป็นข้อเท็จจริงได้เช่นกัน

 

ไม่ใช่ไปไม่เป็นครับ เพียงแต่ผมไม่เถียงอะไรในความถูกต้องของการสอนของทางราชบุรีครับ และผมก็ไม่ได้ว่าที่ปทุมผิด

ตั้งแต่ครั้งแรกผมพยายามจะบอกว่า มันก็เป้นโชคดีที่มีที่ปทุมไว้สำหรับคนที่ไม่ชอบแนวทางของทางราชบุรี[/SIZE] เช่นผมเป็นต้น
และผมก็สาธุด้วยสำหรับใครที่จะรีบนิพพานก่อน ผมก้ว่าดีแล้ว
ส่วนที่ปทุมก็ต้องการนิพพานเหมือนกันแต่มันจะยากหน่อย นานหน่อยแค่นั้น

ส่วนใครจะว่ามันเป้นไปไม่ได้ ก็แล้วแต่ท่าน เดินกันไปตามทางตามหน้าที่
ไม่ควรว่าร้ายกัน เพราะมันก้มีเรื่องร้ายๆให้ว่ากันได้ทั้งนั้น

และผมก็ไม่ได้ว่าใครไม่มีความสามารถ ไม่ได้ดูถูกครูบาอาจารย์ใคร

 

<object width="480" height="360"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/3eslms2QNS0?version=3&amp;hl=th_TH"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/3eslms2QNS0?version=3&amp;hl=th_TH" type="application/x-shockwave-flash" width="480" height="360" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>

ดูให้จบทั้ง 12 ตอนแล้วจะเข้าใจไม่ต้องมาเถียงกัน

 

ขอบคุณมากเลยครับ ที่ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งสองฝ่าย
อนุโมทนาด้วยครับ

เชื่อว่า ถ้าหาข้อมูลต่อ เดี๋ยวจะล่วงรู้สิ่งที่น่าตกใจเป็นแน่แท้
ว่าสิ่งไหนกันแน่ที่เป็นแค่สมถะ
สู้ๆนะครับ

 

ขอโมทนากับทุกท่านครับ คิดดี พูดดี ทำดี ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น

 

ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ

๑. ความกำหนัด<O</O
๒. ประกอบสัตว์ไว้ในภพ<O</O
๓. ความสั่งสมกิเลส<O</O
๔. ความมักมาก<O</O
๕. ความไม่สันโดษ<O</O
๖. ความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ<O</O
๗. ความเกียจคร้าน<O</O
๘. ความเลี้ยงยาก<O</O
<O</O


พึงทราบเถิดว่า

นั่นไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระศาสดา

ส่วนธรรมเหล่าใดที่มีลักษณะตรงข้ามจากนี้ พึงทราบเถิดว่า นั่นเป็นธรรมเป็นวินัย เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา
<O</O

สังขิตตสูตร ๒๓/๒๕๕​

 

มีแต่คนเก่งออกว่าพูดว่าตัวเองได้โน้นได้นี่ ถ้าเป็นพระก็อวดฯ ผมว่าคุณอย่าไปว่าหลวงพ่อ คุณยายเลย ตัวพวกคุณเองยังเอาไม่รอด ถ้าคุณเอาตัวคุณรอด คุณบอกคุณวิเศษที่คุณทำได้ให้ผมฟังสิ ผมถึงจะเชื่อว่าคุณมีดีจริง อะไรก็ได้ ถ้าคนที่ทำสมาธิจิตดีจริง ต้องมีดีที่สามารถอวดชาวบ้านได้ แต่นี่พวกคุณยังไม่มีดีเลยแล้วไปว่าพระว่าเจ้า อันนี้เค้าว่าพวกมารศาสนามากกว่านะ เพราะว่าพวกมารไม่ถูกกับพระ หลวงปู่สดท่านว่าพระกับมารปราบปรามกันอยู่ คิดดูเอานะว่าใครเป็นใคร
อย่าลืมนะครับท่านทีี่เก่งทางด้านสมาธิแล้วมาว่าคนอื่น ช่วยอวดดีให้ผมฟังหน่อยว่าท่านทำอะไรได้บ้าง อย่างเช่น วิชาสาม วิชาแปด อภิญญาหก ฯลฯ แสดงให้ผมดูสักอย่าง แล้วผมจะนับถือท่าน จะกราบด้วย ในฐานผู้ที่มีดี ครูบาอาจารย์ของผมเขามีดีเขายังไม่คุยเลย ท่านแสดงให้ดูกันจะๆๆ แบบนี้สิ ถึงว่าเข้าถึงจริง อย่าลืมนะทุกท่าน

 

ผมว่านะ...ผมยังไม่เคยเห็นมนุษย์คนไหนวิเศษไปกว่ากันเลยสักนิด..ที่อวดอ้างมาต่างๆนาๆ ยังไม่เห็นเจอของจริงสักที เห็นเอาแต่พูดว่า เคยไปสวรรค์อย่างนั้น เห็นไอ้โน่น ไอ้นี่ เห็นอยู่คนเดียวแล้วเอามา มุสา หลอกหากินไปเรื่อยๆ อ้างว่าเก่งหลายอย่างเหลือเกิน ผมว่าถ้าเก่งขนาดนั้นเนี่ย รวมถึงครูบาอาจารย์ของคุณที่ว่าเก่งน่ะ..แบบที่แสดงให้ดูกันจะๆ เคยเจอแต่พวกเล่นกล เล่นปาหี่ทั้งนั้น ถ้าเก่งขนาดที่คุณบอก ฝากบอกครูอาจารย์ของคุณนะว่า บ้านเมืองเราเจอทั้งภัยธรรมชาติ หรือภัยต่างๆนาๆ ตั้งหลายเรื่อง ถ้าเก่งจริง ช่วยทำให้มันหยุด หรือ ทำให้ดีกว่านี้ได้ไหมครับ...อย่างที่คุณบอกว่า อาจารย์มีดี ไม่คุยเลย แสดงให้ดูจะๆ ตอนนี้มีโอกาสแล้วนะครับ บ้านเมืองกำลังต้องการคนแบบนี้อยู่มาก แสดงอภินิหาร หรืออะไรก้อได้ มีโอกาสช่วยบ้านเมืองแล้ว อย่าช้านะครับ จะรอดู ผมว่าเพื่อนๆชาวเว็บพลังจิตทุกคนคงรอดูอยู่ ใช่ไหมครับ...
ขอความกรุณา อย่าอ้างนะครับ ว่ามันเป็นกรรมของบ้านเมือง เลยจะไปทำอะไรไม่ได้ พวกอวดเก่งหลายๆคน ผมเห็นพูดอย่างนี้มาเยอะแล้ว ถ้าเป็นประเภทนี้ อย่าอวดเก่งเลยนะครับ ขอร้อง..55++

 

พระธรรมกาย

พระธรรมกาย คือ มนุษย์กายละเอียด ซึ่งมีอยู่ในตัวเราทุกคน
มีลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ คล้ายพระ แต่ไม่ใช่พระ คล้ายกับนาคที่เพิ่ง บวชใหม่ ใส่ชุดขาว ซึ่งเป็นหลักวิชชา ของ องสมเด็จพระพุทธเจ้า หายากผู้ใดที่จะบรรลุ และหลวงปู่ท่านเป็นผู้ศึกษา และ นำมาเผยแพร่ให้กับ คุณยาย อาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง และสืบต่อมาที่พระเทพญาณมหามุนี
(หลวงพ่อ ธัมมชโย) ซึ่งประมาณ500 กว่าปีแล้ว ที่หลักวิชชานี้มาเผยแร่

นี่คือ ลักษณะมหาบุรุษ
ที่อยู่ภายในที่ลึกที่สุด

ของมนุษย์

​

 

ตอบของ สมาชิก ธรรมเกิน

ถ้าหลวงพ่อเอาเรื่องมามุสา มันเป็นไปไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้า เวลาท่านจะท่องสวรรค์ นรก ท่านก็จะใช้ การนั่งสมาธิ เป็นตัวสื่อเพื่อศึกษาความเป็นจริงของชีวิต หรือถ้าคุณรู้คูณเคยลองหรือ

 

ตอบของ สมาชิก ธรรมเกิน ถ้าคุณไม่ศรัธทาก็หลบไป มันบาปมาก นี่เตือนนะ

 

ตอบของ สมาชิก ธรรมเกิน
หลวงธัมมชโย เป็นคนส่งคนให้ช่วยกั้นน้ำต่างๆ เพื่อไม่ให้เข้ากรุงเทพบางส่วน ขนาดนี่ก็เป็นบุญ