เจาะข่าวเด่น 25 มกราคม 2555 - หลวงพ่อเกษม พระอยากดัง หรืออยากดับ

ผมจำเป็นต้องใช้พลังของเทพกุมารจึงเหมือนเด็ก
ไม่เช่นนั้น กระทู้นี้ จะได้รับผลกระทบแรงเกินไปครับ

 

--------------

ผู้ปฎิบัติสมาธิ รู้ดีว่าจิตในกาย มีหนึ่ง เป็นอมตะ
เวียนว่ายวัฎจักร จนเกิดสัญญา และอุปทาน

จากที่เป็นประภัสสร จึงถูก กิเลส ตัณหา ครอบงำ

ส่วนจิตสังขาร อะไรทีว่ามา ผมว่าเป็นคำแก้เก้อ ซะมากกว่าครับ

 

การทำลายมันเกิดขึ้นแน่

และจาก "พระที่มีศีล" ปะทะกันด้วยแหละครับ

 

ท่าน sutanon ท่านจะกราบไหว้รูปหล่อรูปปั้นท่านก็กราบไป ท่านศรัทธาท่านก็ทำไป แต่อย่าเอารูปหล่อรูปปั้นมาเปรียบเทียบกับรูปบรรพบุรุษผม ผมกราบไหว้บรรพบุรุษผมเพราะท่านเป็นผู้ให้ชีวิตผม รูปหล่อรูปปั้นมันเกิดได้ก็เพราะมันเป็นธาตุดินน้ำลมไฟ คนจับมันมาปรุงแต่ง อยากปั้นเป็นรูปอะไรก็ปั้นเอา ชีวิตผมเกิดได้เพราะบรรพบุรุษผม ผมผิดหรือที่กราบไหว้บรรพบุรุษ แล้วท่านไม่กราบไหว้บรรพบุรุษหรือ จึงไร้มารยาทเช่นนี้ ศีลห้าก็ไม่มีแต่กล้าตำหนิผู้ทรงศีล

 

ดูกรนายคามณี ทองและเงินควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณก็ควรแก่ผู้นั้น
เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินก็ควรแก่ผู้นั้น ดูกรนายคามณี ท่านพึงทรงความที่ควรแก่
เบญจกามคุณนั้นโดยส่วนเดียวว่า ไม่ใช่ธรรมของสมณะ ไม่ใช่ธรรมของศากยบุตร อนึ่งเล่า
เรากล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้องการหญ้าพึงแสวงหาหญ้าผู้ต้องการไม้พึงแสวงหาไม้ ผู้ต้องการเกวียน
พึงแสวงหาเกวียน ผู้ต้องการบุรุษพึง แสวงหาบุรุษ เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึง
แสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย ฯ

พอดี อยู่กทม. จะไปโปรดโยมที่เชียงใหม่ โยมให้เงินค่าเดินทางมา เป้นพระรับเงินไม่ได้
ต้องเดินไป หรือต้องโบกรถไปเอง

งั้นศาสนาจะเผยแผ่ได้อย่างไรครับ

ปล.เงินที่รับมามิได้เป็นไปเพื่อ เบญจกามคุณ มันจะมีความผิดได้อย่างไร

 

เราไม่เรียกอมตะครับ ถึงที่สุดแล้วจิตก็ไม่ใช่จิต
มโนธาตุ เมื่อนิพพาน ก็ไม่ใช่มโนธาตุอีกต่อไป


จิตหนึ่ง ไม่เที่ยง ไม่อาจคงอยู่เป็นจิต 1 ดวง
ได้ตลอด ลองสังเกตดูดีๆ สิ มันยึดได้ไหมว่า
มี 1 เท่านั้น


ท่านฮวงโป (จิตหนึ่ง) อาจกล่าวถูก แต่ไม่ใช่ทุกขณะ

 

ผิดศีลครับ ตามธรรมวินัยท่านให้ "ปลงอาบัติ"
ปลงแล้วตกไป ก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก
บางครั้ง มันจำเป็นต้องผิดศีลก็มี ปลงอาบัติ
ให้ตก คือ ให้อัตตา ความหลงตัวเองว่าไม่ผิด
มันหมดไป ก็พอครับ ไม่ใช่ร้ายแรงอะไร...


แต่ถ้าเรา "ไม่ยอมรับผิด" เราจะหลงทางและ
"ติดนิสัย" รับเงินจนชิน ไม่มีสติระลึกถึงศีล
ตอนนี้แหละ ที่ปัญหามันจะตามมา

 

อุรุเวลา vs satunon ข้อมูลเน่นทั้งคู่ อีกคนยึดพระไตรเป็นหลัก อีก คนยึดอยู่กับความจริงที่เป็นอยู่
เรื่อง 10 ปีดูดก็ไม่จบเพราะมีความคิดของตัวเองทั้งคู่ จัดไป จัดไป อยากเห็นอยากอ่านมานานละคู่นี้

 

ไอ่เษม มันเรียกพระพุทธรูปว่ามัน ได้ข่าวมาว่ากล้อง วีดีโอ มันก็ไห้ตังค์โยมไปซื้อ

คอมที่ไช้ลงยูทูป มันก้ทำของมันเอง มันไปขอจากร้านค้าได้ไง

ฟันธงครราบ

 

ลำคาญมึงมากเลยรู้ไหม เงียบ ๆ นั่งนิ่ง ๆ ไปขูดต้นไม้ หาแป้งทาไป ลำคาญ

 

บุญของพระสาวกของพระพุทธเจ้ายุคนี้ ไม่พอรับเงิน
บุญบารมีสร้างมา พอรับได้แค่ที่พระธรรมวินัยอนุญาติ
ครับ ถ้ารับมากกว่านั้น จะเกินตัว และเกิดปัญหาได้ ที่
ชัดเลยคือ "ไม่ได้นิพพาน" ครับ เช่น สายมหายานที่
เขาไม่ยึดว่าต้องนิพพานอยู่แล้ว เขาก็เลยรับกันได้


ถ้าท่านไม่ยึดจะเอานิพพาน การรับเงิน ทำให้ไม่นิพพาน
แต่ท่านทำเพื่อโปรดสัตว์ ก็ต้องถามตัวเองต่อว่าเรามีบุญ
รับเงินทองนั้นมากแค่ไหน? พระพุทธองค์สอนให้พิจารณา
ปัจจัยครับ มีคำบาลีบันทึกเลย ปัจจัยทุกอย่างให้พิจารณา
ก่อนรับ, หลังรับ, ขณะใช้ ฯลฯ แล้วปัญญาญาณจะเกิด ก็
จะทราบได้ครับว่าอะไรที่เกินกำลังเราจะรับหรือไม่? ถ้าไม่
พิจารณาเลย ยึดมั่นว่า "ไม่มีเจตนารับได้ เป็นอรหันต์แล้ว
ไม่ยึด ก็รับได้" อันนี้เรียกว่า "ประมาท" ไม่รู้จักพิจารณา
ปัจจัยครับ

 

ให้เงินผมสักล้านสิ จะได้ทำตามน่ะ


:VO

 

ทะเลาะกันในสิ่งที่ตนเองก็ไม่รู้เช่นเคย

 

<TABLE class=tborder id=post5628323 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> วันนี้, 12:56 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#32 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->瑠璃王<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5628323", true); </SCRIPT>

สมาชิก ​

​

วันที่สมัคร: Jan 2012
ข้อความ: 52
พลังการให้คะแนน: 6 ​

​

</TD><TD class=alt1 id=td_post_5628323 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->พระราหู ถูกส่งมาทำลายล้าง "สถาบันกษัตริย์"

พระเกตุ ถูกส่งมาทำลายล้าง "สถานบันศาสนา"
ผมเรียกพระราหูว่า "ปู้จิงหวิ๋น" และพระเกตุว่า
"เนี่ยฟง" ง่ายดี เด็กๆ เข้าใจ ผู้ใหญ่มองว่าโง่​

ทำลายเพราะอะไรหรือ?
เพราะถึงเวลาที่ต้อง "จบ" แล้ว<!-- google_ad_section_end -->
​

</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("5628323")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>

​

สิ่งที่ท่านพูดเขียนมามันหมิ่นเหม่มากนะครับ ทุกท่านที่รักสถาบันร่วมแรงใจกันแจ้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดการได้เลยครับ
​

 

การรับเงินทอง ขวางนิพพานได้ไง?


เงินทอง เป็นสิ่งที่ต่างจากอาหารที่กินแล้วหมดไป
แต่เงินทอง สามารถนำไปใช้ "ก่อกรรม" สืบชาติ
ภพได้มากมาย เช่น ไปจ้างคนมาทำกุฏิ ทำวัด ฯลฯ
ก็ได้ สิ่งที่สร้างเป็น "ถาวรวัตถุ" นั้น เป็น "เชื้อกรรม"
ทำให้สืบชาติต่อภพไป เช่น วัด ถ้ามีพระมาอยู่ ก็มีบุญ
เกิดแล้ว บุญนั้นเองสืบชาติต่อภพไป ทำให้ไม่นิพพาน
ดังนั้น ท่านจึงให้ศีลไว้ระลึกว่าปกติแล้วอรหันต์จะไม่รับ

 

พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต่อไปในภายภาคหน้า


พระธรรมวินัย อาบัติเล็กน้อย

ภิกษุพึงทำสังคยา หรือแก้ไข ยกเลิก ไห้เข้ากับยุคสมัยได้

การรับเงินเป็นอาบัติข้อเล็กๆ

ไม่ไช่อาบัติปราชิก หรือสังฆาทิเสส (อาบัติืหนัก มันปลงไม่ตก )

ปราชิกสึกอย่างเดียว

ธุดงสมัยนี้ มันมีป่าไห้เดินสะที่ไหนกานล่ะ

โบกขึ้นรถ พอกระเป๋ามาเก้บกระตังค์ หลวงพี่ หลวงพ่อบอกว่า

เจริญพรโยม เด๋วกระเป๋มรถเมล์ มันก็พลั้ก!!! เข้าไห้

มันต้องเปลี่ยนไปยุกต์ ตามสมัย

ฟันธงคราบ

 

จับให้ถูกคนทำก็แล้วกัน
ไม่ใช้มาจับเด็กแจ้งข่าว


qsqu
​

 

ได้ ๆๆ เดี่ยวให้ ล้านนึง ช่วงนี้เผา ย้อนหลังได้ กงเต๊ก ไปตายก่อนเลยมึง

 

---------

เรื่องจิต ผมศึกษาจนถึงที่สุดว่า มันจะรวมกันเป็นหนึ่ง
ก็ถือว่าไม่ได้แตกสลายไปไหน จึงนับเป็นอมตะ

ส่วนนิพพาน เป็นที่พักของจิตที่สอาดเรียกว่าประพัสสร
รอการรวมเป็นหนึ่ง

 

ผู้แก้ธรรมวินัยต้องรับกรรมนั้นเองครับ
ถ้ามีกรรมดีเกิด ก็รับบุญไป กรรมชั่วเกิด
ก็รับกรรมไป


ใครแก้ ก็เป็นคนก่อนิกายใหม่ ให้คนไป
อาศัยอยู่ในร่มนิกายนั้นๆ คิดดีๆ ก่อนละครับ