ฆ่าตัวอัตตาตาย.....ได้ไปนิพพาน^^

อัตวินิบาตกรรม คือ การกระทำตนเองให้หมดลมหายใจ ด้วยวิธีใดๆก็ตาม
มีเจตนาเป็นที่ตั้งไว้ก่อนแล้วหนึ่ง กระทำให้สำเร็จอีกหนึ่ง

ความทุรนทุราย ความสำนึกผิด อีกสารพัดอาการและอารมณ์ ที่ทำให้จิตสับสนไม่สมดุลย์ ในขณะที่ต้องละจากร่างกาย

ส่วนมากแล้ว การทำอัตวินิบาตกรรม เป็นเพราะเหตุหลักสองอย่าง คือ ตัณหาและวิภวตัณหา การดิ้นรนเพื่อเข้าหาและการดิ้นรนเพื่อหลีกหนี
-ความไม่พอใจในสภาวะที่เป็นอยู่ แล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสภาวะและปัจจัยแวดล้อมไปสู่ความพอใจได้ จึงมีเจตนาหนีสภาวะที่ต้องเผชิญอยู่ด้วยวิธีการทำลายการรับรู้เรื่องราวของตนเอง
-ความไม่พอใจในสภาวะที่เป็นอยู่ แล้วมีความคิด ความเชื่อ ความหวัง ความเพ้อเจ้อลมๆแล้งๆต่างๆ ว่ากระทำอัตวินิบาตกรรมนี้เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น

แม้นภิกษุที่ชื่อ "โคธิกะ" ก็ยังตกเป็นเหยื่อของ ตัณหาและหรือวิภวตัณหา



ถ้ากระทำอัตวินิบาตกรรม แล้วจิตสามารถละออกจากร่างกายได้อย่างสมดุลย์ ถึงขั้นสมดุลย์สูงสุดจนหมดแรงเหวี่ยงได้

ต้องมีคุณสมบัติในการฝึกจิตมาอย่างดี
สามารถพิจารณาความเจ็บปวดของร่างกายได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว เข้าใจอุปทานเรื่องความเจ็บปวดของร่างกาย
ความเจ็บปวดของร่างกายไม่สามารถสร้างอารมณ์และความรู้สึกใดๆให้กับจิตใจได้อีกต่อไปแล้ว

ส่วนพื้นฐานเรื่องการเข้าถึงโลกุตระธรรม การเข้าใจรู้แจ้งถึงความเป็นอยู่ ความเป็นไปของสรรพสิ่ง... เป็นเรื่องต้องมี

ภิกษุท่านนั้น ทุกข์เพราะเรื่องฤทธิ์ มิได้มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องปัญญาวิมุติ
เพราะฤทธิ์ไม่เป็นไปดั่งใจ ท่านไม่ควบคุมโทสะ ปล่อยไปตามแรงตัณหามันเหวี่ยง

ถ้าได้ลงมือกระทำอัตวินิบาตกรรมแล้ว กำลังมีอาการที่พาไปสู่มรณะเกิดขึ้นแล้ว แต่มีตบะในการอบรมจิตมาดี พิจารณารูปขันธ์ จนแยบคายดีแล้ว ฝึกฝนจนช่ำชองแล้ว มีปัญญาวิมุติเกิดขึ้นแล้ว แก้ไขตัณหาที่เหวี่ยงมาได้แล้ว ไม่มีความรู้สึกผิด เพราะหมดหน้าที่หมดอาลัยในรูป นาม ภพ ฯ
หนังชีวิตก็คงต้องจบบริบูรณ์

เป็นบทวิเคราะห์นะ ไม่ใช่บทวิจารณ์
วิเคราะห์ตามตรรกะ ที่มีโพสเรื่องราวไว้



พุทธกาล มีภิกษุถึงกาลกิริยาแปลกๆเยอะเหมือนกันนะ บรรลุตอนโดนเสือกัดแทะไปครึ่งตัวก็มีในคัมภีร์

 

เอ้า นี่เขา กำลัง จีบกันอยู่ นี่มา อัตวินิบาตกรรม ซะงั้นแหละ

 

สาธุครับ อนุโททนาบุญดเ้วย เรื่องนี้ เป็นแง่คิดอีกอย่างหนึ่งครับ^^

 

555 มาได้จังหวะพอดี

 

อนุโมทา สาธุ แด่ท่านผู้สนใจในธรรม ทุกคนทุกท่านด้วยเทอด

 

นิพพานชิมลอง...

อาจเป็นนิพพานชิมลองก็ได้ค่ะ เพราะจิตมันว่างและสงบจริงๆ น้ำตาไหล แสดงว่ามีปิติ และรู้สึกว่าตัวแข็ง ความคิดก็นิ่ง ว่าง วางคลาย ไม่รู้เรียกว่าฌานอะไร หรืออาจจะเป็นแค่ภวังค์ หลังจากพิจารณาธรรมของท่านโคธิกะ จิตวางคลาย พิจารณา กายในกายเห็นเป็นแต่ ผม ขน เล็บ หนัง อวัยวะต่างๆที่เป็นเพียงแต่ธาตุ๔ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมรวมกัน มีแต่ความแปลเปลี่ยนตลอดเวลา ไม่มีแก่นสาร จึงเห็นว่าเป็น อนัตตาทั้งหมด หรือเรียกว่าเห็นไตรลักษณ์
หรืออาจจะเป็นวิปัสนึกก็ได้(-_-! เพื่อความเห็นที่เป็นสัมมาจริงๆก็ต้องเพียรปฏิบัติ พิจารณาไปบ่อยๆ อย่างที่ท่าน
barking dogบอกค่ะ^^
เจริญในสิ่งที่ควรเจริญจ้าา

 

ไม่ตลกนะคะ.... ไม่ได้จีบกันค่ะ อีชั้นนับถือท่านยมยักษ์ เคยส่งพีเอ็มไปโมทนาบุญท่าน ตอนที่ท่านสึกจากการบวชให้ในหลวงแล้วค่ะ ไม่ใช่เชิงชู้สาวแบบที่เรียกว่าจีบ นะคะ พูดแบบนี้เดี๋ยวพี่ยักษ์เค้าเสียหายนะ^^

 

อัตวินิบาตกรรม ส่วนไหนหรือจ๊ะ เดี๋ยวจะถูกฉะ มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม พูดอะไรมีสติหน่อยจ้า dannce_dannce_dannce_

 

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าทิ้งธรรม...

โลกจะแตกก็ให้มันแตกไป จะกลัวอะไร เมื่อเรารักษาใจไว้ดีแล้ว...

"ใจที่รักษาดีแล้ว ฝึกดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้"

คนไม่รู้จักรักษาใจตัวเอง ต่อให้นั่งอยู่บนกองทองก็ไม่มีความสุขเพราะใจไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักรักษาใจให้พอดี

สุขก็ให้สุขแต่พอดี ทุกข์ก็ให้ทุกข์แต่พอดีอย่าไปสำคัญมั่นหมายเอาเป็นเอาตายว่าจะเอาแต่สุขมากๆ ทุกข์ไม่เอา อันนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกสหายเอ๋ย เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก

ทุกข์ สุข มันเป็นของไม่แน่นอน มีแต่ความสุขจากความสงบในใจของเราเท่านั้นที่แน่นอน.....^^

เจริญและเบิกบานในธรรมกันนะคะ

อีชั้นเคยคิดฆ่าตัวตายค่ะ ช่วงตอนเบญจเพศ รู้สึกว่าปัญหาที่ผ่านมามันประเดประดัง ทั้งความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองได้เคยทำผิดพลาดมาตลอด ชีวิตก็ลำบากมาตั้งแต่เด็กๆพ่อแม่ก็เลิกกัน ไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเองเลย ตอนนั้นชีวิตมันเหมือนเจอทางตัน หมดอาลัยตายอยาก เบื่อชีวิต...

แต่ความที่รู้สึกว่าชีวิตมันไม่เหลืออะไรเลยนี่แหล่ะ

เวลาที่เราอ้างว้างที่สุด..... เวลานั้นเราได้พบ"หัวใจของเราที่อยู่กับตัวเราเอง"
ตลอดเวลาที่ผ่านมา...เราเอาหัวใจของเราไปฝากไว้กับคนอื่นตลอด 0_0!

จากที่เคยโทษพ่อแม่ที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ โทษเพื่อน โทษแฟน ฯลฯ มานานก็ได้ตาสว่าง...

ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง...

เหมือนเห็นแสงเล็กๆในความมืดอันสิ้นหวังนั้น...
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน...

และนั่นคือสัจธรรมที่ทำให้อีชั้นสนใจธรรมะ เพราะพระพุทธเจ้าท่านไม่เคยสอนเรื่องอื่นใด นอกจากการเฝ้าดูตนเอง รู้จักตนเอง

จากที่เคยไปวัด ไหว้พระก็มีแต่ขอโน่นขอนี่ให้ชีวิตสมหวัง.... อีชั้นหยุดขอ และเอาใจกลับมาอยู่กับตัว... และเข้าถึงความสุขจากความสงบที่ไม่เคยพบมาก่อน....

ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่มีความแน่นอน แม้แต่ความคิดของเราเอง ร่างกายของเราเอง เรายังกำหนดให้มันเป็นอย่างใจเราไม่ได้เลย....

เรื่องจะไปสำคัญมั่นหมายหาความแน่นอนจากคนอื่นนั้น อย่าไปเที่ยวหาเลยสหายเอ๋ย มีแต่จะตายเปล่า.....^^

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...อย่าทิ้งธรรม

เพราะะธรรมะ คือ ความจริง
ความจริง คือ สิ่งที่เกิดขึ้น

แสวงหาความจริง เข้าใจความจริง
รู้จักความจริง มองเห็นตามจริง
ยอมรับความจริง แค่นี้ก็พ้นทุกข์ได้แล้ว^^

เจริญและเบิกบานในธรรมนะคะ สาธุๆๆ

 

ตาย กับนิพพานแตกต่างกัน ตายยังร้อน นิพพานเย็นสนิท แต่ก็งงอยู่ดีเพราะไม่่เคยไปชาตินี้คงยาก กิเลสท่วมหัวอยู่เลยศีล5 ขาดทุกวันผู้ไม่มีศีลก็คงดิ่งลงชั้นล่างทำใจแล้ว

 

โอ้ อย่าคิดอย่างนั้นเลยพี่ท่าน ธรรมนั้นมีอยู่ นิพพานมีอยู่ ถึงไม่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ธรรมย่อมมีอยู่โดยธรรม มีจิตย่อมมีนิพพาน อยู่ที่นั้นเอง....

ไม่ใช่ว่าไม่เคยตายกันนะ เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทวดา เป็นพรหมมากี่ชาติกันแล้ววววว แต่ละคนหน่ะ ยังไม่เบื่ออีกเหรอ พอได้แล้วพี่ท่าน หยุดคิดแบบนั้น อ่านนี่ก่อน...^^

ปล.ใจเย็นๆนะ ช้านิดนึง ต้องลอกจากหนังสือ

 

เรียนปริยัติให้ตายก็ไม่พ้นทุกข์

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล กล่าวว่า...
"พระธรรมทั้ง๘๔,๐๐๐พระธรรมขันธ์นั้น ออกไปจากจิตของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างออกจากจิตใจ อยากรู้อะไร ค้นได้ที่จิต"

ที่มา-หนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม

 

:boo::boo::boo::boo::boo::boo:


โหยังเที่ยวแบบนี้อยู่หรอครับนี่ นี่เท่ากับโจร แสดงธรรม ชอบพูดธรรม



พวกมือถือสาก ปากถือศีลคบยากนะ
คนแบบนี้อ่ะ

 

จิตคือพุทธะ

ในหมู่ผู้ปฏิบัติธรรมสายกรรมฐาน ทั้งพระภิกษุและฆารวาสให้การยอมรับว่า หลวงปู่ดูลย์ อตุโล นับเป็นรูปเดียวที่มีความรู้ลึกซึ้งในเรื่องของจิต จนกระทั่งได้รับสมญาว่าเป็น"บิดาแห่งการภาวนาจิต"

จะเห็นได้จากคำเทศน์ คำสอน และความสนใจของหลวงปู่อยู่ในเรื่องจิตเพียงอย่างเดียว

หลวงปู่ประกาศหลักธรรมโดยใช้คำว่า"จิตคือพุทธะ" โดยเน้นสาระเหล่านี้ เช่น

"พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียงจิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งนี้แล้ว ไม่มีอะไรตั้งอยู่เลย"
"จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้นและไม่อาจถูกทำลายได้เลย"

"จิตหนึ่งเท่านั้นที่เป็นพุทธะ ดังคำตรัสที่ว่า 'ผู้ใดเห็นจิต ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต' "

ในคำสอนของหลวงปู่ ท่านจะเตือนสติสานุศิษย์เสมอๆว่า
"อย่าส่งจิตออกนอก"

ที่มา-หนังสือ อตุโล ไม่มีใดเทียม

 

ความเข้าใจผิดเรื่องจิต

จิตหนึ่งนี้เท่านั้นเป็นพุทธะ ไม่มีความแตกต่างระหว่างพุทธะกับสัตว์โลกทั้งหลาย เพียงแต่ว่าสัตว์โลกทั้งหลายไปยึดมั่นต่อรูปธรรมต่างๆเสีย...
และเพราะเหตุนั้น เขาจึงแสวงหาพุทธภาวะจากภายนอก...

การแสวงหาของสัตว์เหล่านั้นนั่นเอง ทำให้เขาพลาดจากพุทธภาวะ การทำเช่นนั้นเท่ากับการใช้สิ่งซึ่งเป็นพุทธะไปเที่ยวแสวงหาพุทธะ และการใช้จิตให้เที่ยวจับฉวยจิต

แม้ว่าเขาเหล่านั้นจะใช้ความพยายามจนสุดความสามารถของเขาอยู่ตั้งกัปหนึ่งเต็มๆ เขาก็จะไม่สามารถลุถึงพุทธภาวะได้เลย...

เขาไม่รู้ว่า.....
ถ้าเขาเองเพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่ง

และหมดความกระวนกระวายเพราะการแสวงหาเสียเท่านั้น

พุทธะก็จะปรากฏตรงหน้าเขา เพราะว่าจิตนี้คือพุทธะนั่นเอง และพุทธะก็คือสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง

สิ่งๆนี้เมื่อปรากฏอยู่ที่สามัญสัตว์ จะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็หาไม่
และเมื่อปรากฏอยู่ที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย จะเป็นสิ่งใหญ่หลวงก็หาไม่

สำหรับการบำเพ็ญปารมิตาทั้งหก (บารมีธรรม๖ประการที่จะทำให้ข้ามถึงฝั่งพระนิพพานตามแนวพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ได้แก่ ทาน ศีล ขันติ วิริยะ สมาธิ และปัญญาทานบารมี) ก็ดี การบำเพ็ญข้อวัตรปฏิบัติคล้ายๆกันอีกเป็นจำนวนมากก็ดี

หรือการได้บุญมากมายนับไม่ถ้วนเหมือนจำนวนเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาก็ดีเหล่านี้นั้น

จงคิดดูเถิด เมื่อเราเป็นผู้สมบูรณ์โดยสัจจะพื้นฐานในทุกๆกรณีอยู่แล้ว
คือเป็นจิตหนึ่ง หรือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพุทธะทั้งหลายอยู่แล้ว

เราก็ไม่ควรพยายามจะเพิ่มเติมอะไรให้แก่สิ่งซึ่งสมบูรณ์อยู่แล้วนั้น ด้วยการบำเพ็ญวัตรปฏิบัติต่างๆซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้นไม่ใช่หรือ.....

เมื่อไรโอกาสอำนวยให้ทำก็ทำมันไป
และเมื่อโอกาสผ่านไปแล้ว อยู่เฉยๆก็แล้วกัน

ถ้าเรายังไม่เห็นตระหนักอย่างเด็ดขาดลงไปว่า จิตนั้นคือพุทธะก็ดี

และถ้าเรายังยึดมั่นถือมั่นต่อรูปธรรมต่างๆก็ดี

แนวความคิดของเราก็ยังคงผิดพลาดอยู่ และไม่เข้าร่องเข้ารอยกับทางโน้นเสียเลย

ที่มา-หนังสือ จิตคือพุทธะและมรรคปฏิปทา*
เรียบเรียงโดย พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
ทรงพระราชทานโปรดเกล้าฯให้พิมพ์พระราชทานในงานพระราชทานเพลิงศพพระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
ณ เมรุวัดบูรพาราม อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุรินทร์
วันจันทร์ที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๘

*หนังสือเล่มนี้เป็นพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ที่ท่านเรียบเรียงไว้ โดยบางส่วนท่านได้อาศัยคำพูดของอาจารย์ฮวงโปและเว่ยหล่าง ด้วยเหตุที่ว่าคำพูดนั้นถูกต้องตรงกับธรรมที่ท่านปฏิบัติเข้าใจแล้ว ท่านกล่าวว่า หากไม่กล่าวเช่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถที่จะกล่าวอะไรได้ เพราะสัจธรรมนั้นเป็นสิ่งลึกซึ้งมาก ยากที่จะหาคำกล่าวให้ดีกว่านี้ได้

 

จ้า. ศีล 5 ยังไม่ครบจ้า. อย่ามาคบฉันเลยจ้า. พ่อคนดีมีธรรมมะ ด่าคนอื่น
ไปสมัครยูสมาใหม่หรือนี่ใหม่สดร้อนๆๆ เลยน้า 2 ข้อความสงสัยแค้นจัดโดนเพื่อนฉันอัดมาแล้วมาลงที่ฉันป่าวเนี่ย ส่วนมาก ฉันพูดกับใครยาวๆผู้นั้นมักจะเป็นคนมีปัญหานะ ใครทำดีพูดดีฉันไม่เคยยุ่ง แต่ดูท่า จะโดนมาหมาด ๆๆ

มือถือสากปากถือศีล. อือพูดถูกนะ. ยอมรับแต่ที่พูดเนี่ยเราหวังดีไหมละ.
แล้วคุณรู้ไหมละว่าฉันผิดข้อไหนบ้าง ที่มาว่าฉันนะ คุณด่าฉันคุณก็ผิดแล้วนะ อะแสดงว่ามือถือสากปากถือศีลเหมือนกัน. อุ๋ยเพื่อนกันนี่น่า

 

วันนี้คง. วันไม่เบา ในวันมามากแล้วละ มาเมนป่าว หรือไข่ฤดูเอ้น่าจะเป็นผู้ชายนะเนี่ย คบยากครับ แต่ข้อความในpm เกือบครึ่งเวพในห้องนี้ที่มาทัก ลองไปอ่านที่ฉันคุยสิเดี๋ยวก็มีคนไปต่อท้ายเป็นแถว แล้ววันเบาๆหาให้ฉันสักคนสิ ไปเรียกมาคุยกันก็ได้นะ.

 

ผมไม่เคยแสดงธรรม ไม่เคยอวดรู้ธรรม อวดรู้พระไตรปิฏก

ไม่เคยตั้งกระทู้ธรรม

ไม่เหมือนคนบางคนครับผม

โจรชัดๆ ทั้งปล้น ทั้งปลอกหลอกเช้าบ้าน ทำตัวริยำ

หลงในอบายมุข สุรานารี เที่ยวกลางคืน (เที่ยวผลับตะวันแดง แหล่งอบายามุข)

แล้วมาแสดงธรรม โพสข้อธรรม เป็นวรรคเป็นเวร


เจ้าจอมลวงโลกเอ๋ย :boo:

 

สงสัยมีหวังงานเข้า ต้องเหนื่อยเปลี่ยน ยูส อีกแล้วแต่น่าจะแยะนะเรานะ วันเบาๆแต่วันนี้คงหนัก ทำหัวเสียแต่เช้า

 

มาอีกแล้วเจ้าเก่า maxaton ลุงพราน. หมอกฤษคอนเฟิลม id444 ปะเนี่ยอุ๋ยนึกว่าใคร แหม่หนี่เปลี่ยนยูสอีกแล้ว คนที่คิดว่าคนอื่นแย่กว่าทั้งหมด คงไม่มีใครหลอกก็มีแต่เองนะละ. เฮ้ยสงสัยอะไรผิดป่าว. เคยไปเที่ยวเยอรมันปะินี่ยเคยเข้าสักครั้งไหม ไอย่า แสดงว่าไม่เคย
แน่เลยถึงเข้าใจอะไรผิดป่าว พ่อคนดี ขอไปอาบนำ้ร้อนๆก่อน แปลงฟันเดี๋ยวมาคุยด้วย ไอย่านึกว่าใครเพื่อนเก่านี่เอง มะมะ มานั่งเย็นๆกินนำ้ัเย็นๆ ก่อนนะ เดี่ยวมา เอาน้ำมูลเน่าสักแก้วไหม