เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
รอดูท่านอื่นๆว่าจะรับสิ่งอันเป็นมงคลที่พี่พีมอบให้ครบหรือยัง เพราะผมเองเคยได้รับความเมตตาจากพี่พีมาแล้วหลายครั้ง ครั้งนี้จึงรอรั้งไว้คนสุดท้ายครับ เพื่อให้ท่านอื่นๆได้ก่อน หากสุดท้ายเหลืออะไรผมก็จะขอรับอันนั้นแหละครับ สาธุ

 

พระราชดำรัส “ไม่ประมาท มีสติปัญญา รู้คิดตลอดเวลา”

เคยเขียนข้อความนี้ไว้ นานแล้ว ครั้งนี้ขอน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานไว้เมื่อปีใหม่ ๒๕๕๕ มาเป็นเครื่องยืนยัน “ไม่ประมาท มีสติปัญญา รู้คิดตลอดเวลา” ถ้าผู้หวังดี ผู้สื่อสาร จากสวรรค์ อย่างน้องปลาบู่ ต้องรับโทษทัณฑ์ ระวังความฉิบหายจะมาเยือนสำหรับผู้ตกอยู่ในความประมาท และข้อความที่เคยเขียนเอาไว้ ดังนี้

อยู่อย่างไรในกลียุค
ในปัจจุบันของเรา โบราณเขาเรียกว่า “เป็นกลียุค” ขอเตือนพวกท่านอย่าตกอยู่ในความประมาท ปี 2554 อาจเป็นแค่เตือนเท่านั้น ปี 2555 อาจจะของจริง (เว้นแต่มีการต่อรอง) อย่าเสียเวลามาทะเลาะกันเลยว่าใครผิดใครถูก ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน กลับมาทบทวนกันอีกครั้งว่า คราวนี้ 2554 เรายังเตรียมพร้อมได้มากน้อยแค่ไหน ยังขาดอะไร ยังบกพร่องอะไร คราวหน้าปีหน้า 2555 เราจะเตรียมการณ์อย่างไร และภัยวิบัติยังคงเป็นเรื่องของน้ำ อยู่หรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องของ “น้ำ” ก็ถือเป็นเรื่องของโชค ถือว่าดี น้ำลดยังมีเหลือ ถ้าเป็น “ไฟ” เผาผลาญสิ้นไม่มีชิ้นดี เหลือแต่ซาก ถ้าเป็น “ดิน” แผ่นดินไหว สั่นสะเทือน พินาศย่อยยับ ก็มีตัวอย่างให้เห็น เหลือแต่ซากอีก ไม่มีชิ้นดีอีก นำมาใช้ประโยชน์อีกไม่ได้ กว่าจะฟื้นตัวยาวนาน แต่เสียหายน้อยกว่าไฟ ถ้าเป็นลม ก็มีตัวอย่างให้เห็น พายุ ทอร์นาโด ก็ถล่มทะลาย แต่ยังเหลือซาก ใช้ประโยชน์ไม่ได้อีกเหมือนกัน จะเป็นรูปแบบไหน แบบใด อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ “ฟ้าเป็นผู้กำหนด“ ถามตัวท่านเองก่อนว่า จะยอมจำนวนโดยไม่สู้ หรือจะสู้โดยไม่ยอมจำนน ถ้าจะสู้ต้องคิดเตรียมการณ์ เอาปัจจุบันเป็นบทเรียน มองปัญหาก็ต้องมองกันตอนนี้ เอาตอนที่ยังมีปัญหา เอาตอนที่น้ำยังท่วมให้เห็น เอาตอนลำบาก คนไทยลืมง่าย ปัจจุบันยังไม่ลด ขอน้อมนำ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระองค์เป็นศิษย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ เหมือนกันกับพวกเรา พระราชทานปีใหม่ ใจความสรุปได้โดยย่า “ อย่าประมาท มีสติอยู่ตลอดเวลา” ก็หมายความว่า ยามสงบภัยรอบใหม่ยังไม่มา ก็ขอให้พวกเราเตรียมการณ์ เอาไว้ ใครเขาจะหาว่าบ้า เพ้อเจ้อ ก็เรื่องของเขา สำหรับผู้ไม่ประมาทแนะนำดังนี้
๑.ที่พักอยู่อาศัยไม่ได้ ทางแก้ ต้องหาที่พักสำรองที่ ๒ อย่าหวังเป็นผู้พักพิง และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๒.ที่พักต่ำเกินไป ทางแก้ ต้องหาที่สำรองที่สูง หรือไปจังหวัดอื่น
และต้องเตรียมการณ์ ตามข้อ ๓- ข้อ ๙ เช่นเดียวกัน
๓.ขาดน้ำสะอาด อาหาร ทางแก้ ต้องเตรียมสำรอง อยู่ให้ได้ ๖๐ วัน
๔.ขาดแสงสว่าง ทางแก้ เตรียมตะเกียงน้ำมันก๊าซ ไม้ขีด ไฟฉาย แก๊สหุงต้ม
๕.อาหารเป็นพิษ เจ็บป่วย เตรียมยาธาตุน้ำขาว สามัญประจำบ้าน
๖.เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์สื่อสารในครอบครัว ทางแก้ติดต่อกันให้ได้ ไปด้วยกันทั้งครอบครัว อย่าแยกกัน
๗.ถ้ามีรถ เติมน้ำมันให้เต็มถังอยู่เสมอ อย่าหวังน้ำบ่อหน้า
๘.มุ้ง ถุงนอน อุปกรณ์กันฝน เครื่องนุ่งหุ่ม ให้เพียงพอในครอบครัว
๙.เตรียมอาวุธ หรืออุปกรณ์ป้องกันตัว
๑๐.ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ข้อสำคัญ อย่าประมาท พร้อมที่จะทำตามแผน ที่วางเอาไว้ [www.marateebook.com]

เกณฑ์อันตรายอยู่ระหว่าง ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ หากพ้น ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕ จะดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อย ๆ

 

กราบขอบคุณครับ....................

 

กราบขอบคุณครับ...............

 

เหอๆ ...ดาบฟ้าฟื้นก็ได้น่ะครับ

 

ตามนั้นครับ ...ได้แน่

 

เห็นกติกาที่ตั้งเอาไว้แล้วครับพี่พี ขอบพระคุณมาก

ผมคงจะได้บริจาคต่อยอดอีกหลายยกอยู่ จนกว่าจะปิดงานบุญครับ

 

ท่านที่ร่วมบุญ กรุณา แจ้งสิ่งที่ท่านต้องการน่ะครับ และแจ้งที่อยู่ด้วยจ้า

 

วันนี้ (๑๗ มค.๕๕ ๑๗.๐๐ น.) ปรับบัญชีล่าสุด ท่านใดปรารถนาร่วมทำบุญก็โอนเข้ามาได้นะครับ ท่านใดจะร่วมทำบุญและร่วมประมูลก็เชิญเช่นกัน ขอโมทนาในบุญกุศล สร้างห้องกรรมฐาน ถวายพระปลัดวิรัช โอภาโส(ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดธรรมยาน และสร้างพระนาคปรก ๑๔ ศอก ถวายหลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระศรีอาริยเมตไตรย เทพเทวดาทุกชั้นฟ้า ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท้าวมหาราชทั้งสี่ และพญายมราช ขอจงได้เสด็จมาร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมเป็นสักขีพยาน ร่วมได้รับประโยชน์ ความสุข ในบุญกุศล ของท่านทั้งหลาย ครอบครัว และบุคคลอันเป็นที่รักของท่าน ด้วย เทอญ สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕ ขอโมทนา สาธุ [www.marateebook.com]

 

ยังมีอีกหลายรายการครับ...แหะๆ

 

วันนี้มาดึก งานมาเพียบ สรุปแล้ว ว่างๆจะส่งให้น่ะครับ

 

ตามตาราง ท่านที่ขาดที่อยู่ กรุณาส่ง มาน่ะครับ

 

ยังไม่ปิดการประมูล นะครับ ขอเชิญท่านสาธุชน ผู้มีใจบุญ ใจกุศล ร่วมประมูล นำรายได้ สร้างห้องปฏิบัติธรรม กรรมฐาน ถวายพระปลัดวิรัช โอภาโส(ศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดธรรมยาน และสร้างพระนาคปรก ๑๔ ศอก ถวายหลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ หรือจะโอนเงินเข้าร่วมทำบุญได้ตามเลขบัญขีที่นำเสนอได้ตามอัธยาศัย ขอเรียนเชิญ [www.marateebook.com]


หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ เทพเจ้าแห่งย่านมัทรี พยุหะคีรี นครสวรค์ พระอริยะเจ้า ๕ แผ่นดิน พระครูปลัดวิรัช โอภาโส

 

ขอรับรูปหลวงปู่บุญศรี มหายันต์จินดามณี

ภราดร รัตนสวัสดิ์
101/2 ถ.อนามัย อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี

โมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยครับ

 

เข้าบัญชีไว้น่ะจ้ะ.....นิวตั้นจัดการด้วยครับ

ยันต์มหาจินดามณี เหมือนกับเป็นตะกรุดดอกหนึ่งน่ะครับ

ผมยังเอาไว้พกเพิ่มในกระเป่าสตางค์ และ ติดรถไว้ทุกคัน


เป็นของดีครับ ....ฟันธง

 

<CENTER>Re: ขอความรู้ครับพี่

</CENTER>




<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ xxxxxxxx
ที่พี่บอกรูปหลวงปู่บุญศรีใส่กระเป๋าสตางค์ได้ หลวงพ่อทรงไม่แนะนำเพราะเหตุผลอะไรครับ

ตามปกติรูปพระที่เราใส่กระเป๋าสต่งค์ได้ป่าวครับ
ขอบคุณครับ




</TD></TR></TBODY></TABLE>
ผมจะเอาไปตอบในกระทู้น่ะครับ

คำตอบ

หลวงปู่บุญศรี สั่งไว้ หลวงพ่อทรง ไม่ได้สั่ง

กระเป๋าสตางค์ที่ผมว่า เป็นกระเป๋าสตางค์ผู้ชายที่พกในกระเป๋ากางเกง ถ้าพกที่กระเป๋าเสื้อ หรือ กระเป๋าสตางค์คุณผู้หญิง ก็ไม่น่าแปลกน่ะครับ น่าจะพกได้ไม่มีปัญหา

และผมไม่แนะนำให้เอา รูป พระ หรือ เทวดาไปพกน่ะครับ เพราะเป็นของสูง เรานั่งทับบ้าง

แต่ของหลวงปู่บุญศรียกเว้นครับ ท่านอนุญาตและ สั่งให้พกซ่ะด้วย เป็นพระอาจารย์องค์เดียว ที่สั่งให้พกรูปตัวเองไว้ที่กระเป๋าสตางค์ผู้ชาย เอาไว้ เรียกเงินครับ ผมไม่เคยเจอที่ไหนอีก ยกเว้น พวก ธนบัตรขวัญถุง หรือ นามบัตร ที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ท่านลงไว้ให้ อันนี้อีกแบบ เพราะมีรูปในหลวง และ อักขระ ยันต์ต่างๆครับ

แต่ไม่เคยเจอหลวงปุู่หลวงพ่อที่ไหน แนะนำให้พกรูปท่านเอง ไว้ในกระเป๋าสตางค์ครับ

อย่างที่เล่า ผมเคยถามท่าน ท่านบอกว่า ในหลวงยังพกเลย ...แหะๆ จริงของท่าน ในหลวงพวกเรา หรือ ผมเองเคารพมาก เราก็พกในกระเป๋าสตางค์ อยากมีในหลวงมากๆซ่ะด้วย...เหอๆๆ

หลวงปู่ท่านกำกับไว้ และพกได้ครับ เอาไว้ดูดเงินครับ

ลูกศิษย์หลวงปู่ที่ใกล้ชิดจะทราบดีว่า เมื่อหลวงปู่ปลุกเสกของ จะเอากระเป๋าสตางค์ไปรวมด้วย ทุกที ท่านก็เสกให้ซ่ะด้วย หรือมีลงแถมให้ด้วย

สิ่งนี้เลยพัฒนามา เป็นเอารูปไปใส่ สำหรับคนที่ไม่ได้เอากระเป๋ามาเสก ผมเองเอาเสกหลายที พกจะกระเป๋าเปื่อยไปหลายใบ ตอนนี้ไม่มีหลวงปู่ เลยไปขอหลวงพ่ออั้บลงแทน แล้ว เอารูปหลวงปู่พกข้างใน ใช้ดีเหมือนกันครับ

พูดถึงหลวงพ่ออั้บ ท่านสั่งว่าอย่าเอา แม่พิม ไปพกกับเงิน พกในกระเป๋าสตางค์ หรือ พกในที่เก็บเงิน

สาเหตุคือ แม่พิม ท่านแจกหมดครับ เดี๋ยวจะมีเรื่องใช้ ให้คนมาขอ หรือ คนให้มาช่วย ผมเคยและจริงอย่างว่า เลยย้าย เอาไว้กระเป๋ากางเกงข้างที่ว่างๆ แล้วบอกแม่พิมว่าหาเงินให้เต็มกระเป๋าหน่อยจ้า จะเลี้ยงเหล้าให้เปรม แล้ว ทำบุญจะกรวดน้ำให้ ได้ผลตามนั้นครับ

แต่ลาภลอยน่ะ ต้องแล้วแต่คนน่ะครับ

 

ไปเขียนที่กระทู้อื่น เอามาลงครับ เห็นว่ามีประโยชน์

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ godteerayut



เอ่ยชื่อ "พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์" นาทีนี้ ในแวดวงสีกากีไม่มีใครไม่รู้จัก "ผบ.ตร.ป้ายแดง" ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน

พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ หรือ "บิ๊กอ๊อบ" ขึ้นชื่อชั้นมือปราบยาเสพติด "ตัวพ่อ" จนกลายเป็นจุดเด่นของนายตำรวจใหญ่คนนี้


หลายคนยังขนานนามเป็น "ผบ.ตร.หน้าหยก" เห็นหน้ายังเป๊ะ หุ่นยังสมาร์ท ใครจะเชื่อว่าเพิ่งอายุครบ 60 ปีไปเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา


และใช่จะ "ฮอต" ในแวดวงตำรวจเท่านั้น ชื่อ "บิ๊กอ๊อบ" ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางใน "วงการพระเครื่อง" ขึ้นชื่อเป็นคนมีของดี พระดี พระดัง พระเด่น อยู่กับตัวเยอะ!!


"ถอดเครื่องแบบ" วันนี้ คุยกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แบบวางหมวกไว้ข้างหลัง สนทนากันเรื่องของคนรัก "พระเครื่อง ของขลัง" ล้วนๆ


แม้จะเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง ถึงขั้นเขียนและรวบรวมข้อมูลตะกรุดไทยด้วยตัวเอง ออกเป็นหนังสือเล่มโต "รวมสุดยอดตะกรุดไทย" แต่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กลับออกตัวว่าเป็นคนดูพระไม่เก่ง ให้เหตุผลว่า หากจะตัดสินใจเช่าพระเครื่องสักองค์ยังต้องมีที่ปรึกษา ต้องถามหลายคน ตัวเองไม่ใช่เซียนพระเครื่อง แต่ยอมรับว่ามีพระเครื่องดี ตะกรุดเด่น ในครอบครองนับไม่ถ้วน


พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เล่าถึงหนังสือ รวมสุดยอดตะกรุดไทย ว่า ไม่ได้ตั้งใจทำไว้ขาย แต่เอาไว้แจกในช่วงปีใหม่ 2555 ใช้เวลา 3 ปี กว่าจะออกมาเป็นรูปเล่ม



"ว่าจะทำ จะทำ อยู่นานจนพรรคพวกออกปากทวง ถึงได้ทำเสร็จ ใช้เวลาศึกษานาน ในที่สุดก็สำเร็จพิมพ์ออกเป็นรูปเล่มเสียที รวบรวมตะกรุดดังจากทุกจังหวัด เลือกมาเป็นตะกรุดเด่นแต่ละจังหวัด ผมตรวจสอบด้วยว่ารวบรวมถูกต้องหรือเปล่า ไปถามคนมีชื่อเสียง ที่เชื่อถือได้ในจังหวัดนั้น ถามว่าเขามีตะกรุดรุ่นนี้หรือเปล่า เช่น ตะกรุดหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน จ.พิจิตร ก็ไปหาคนที่มีตระกรุดหลวงพ่อเงินแบบเดียวกัน หลายๆ อัน หลายๆ คนเอามาเทียบดู ปรากฏว่าใช่แบบเดียวกัน ตะกรุดแต่ละอันจะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลาน สร้างไม่เหมือนที่อื่น ท่านใช้โลหะหลายอย่าง ทองแดง ตะกั่ว หนังกวาง หนังเก้ง พันอยู่ ตะกรุดนี้ของผมก็มี แต่ที่ลงในหนังสือผมยืมของคุณอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง มาถ่ายภาพ


"ตะกรุดที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่ของผมทั้งหมด ผมมีแค่บางอันเท่านั้นเอง บางอันในเล่มนี้ คนใส่โดนระเบิดมาแล้วรอดตาย พอรู้ผมรีบติดต่อขอเอามารวมในเล่มนี้ทันที ตะกรุดของพระสงฆ์แต่ละรูปจะมีเอกลักษณ์ บางดอก ผมเอามาคลี่ดู เห็นอักขระที่จารข้างในแล้วพันเก็บไว้ อย่างหลวงพ่อกุน วัดพระนอน จ.เพชรบุรี อธิบดีณรงค์ (พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ) แขวนไว้ตลอดจนเกษียณ"


บิ๊กอ๊อบเล่าพลางเปิดหนังสือให้ดูรูปตะกรุด ซึ่งตะกรุดหลวงพ่อกุน วัดพระนอน นี่เอง กูรูพระเครื่องคนใกล้ชิดของบิ๊กอ๊อบ บอกว่า เป็นตะกรุดดังมาก ในตะกรุดลงอักขระเป็นยันต์สะกด เป็นรูปหนุมานกำลังสะกดมนต์โดยกำลังนำผมของทศกัณฐ์ผูกติดกับผมของนางมณโฑ เห็นชื่นชอบและเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของตะกรุด

จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ฝังตะกรุดไว้ในตัวหรือไม่" บิ๊กอ๊อบส่ายหน้า ตอบเบาๆว่า "ไม่ได้ฝัง"


บิ๊กอ๊อบเล่าว่า เริ่มต้นจากสนใจพระเครื่อง เบื่อๆ ก็หันมาเล่นตะกรุด เริ่มเก็บพระกรุลพบุรี แต่ห้อยมากก็หนักและพระเนื้อผงเสียหาย จึงหันมาสนใจพระเครื่องเนื้อโลหะ


"เริ่มต้นตอนนั้นเป็นรองผู้บังคับการ ไม่รู้จะเล่นอะไร ก็เห็นเค้าเล่นกัน ผมเป็นคนจุ๊กจิ๊กอ่ะ จะทำอะไร ต้องมีอะไรเล่นอยู่เรื่อย... (ยิ้มเขิน) ก็สนใจพระเครื่อง เล่นอยู่นาน เก็บไม่เบื่อ"


พอถามว่าวันนี้ ผบ.ตร.ห้อยพระอะไร "บิ๊กอ๊อบ" ถอดสร้อยคอทองคำขาวที่แขวนพระเครื่องเลี่ยมทอง 3 องค์ ออกมาให้ดูพร้อมอธิบายว่า พระ 3 องค์ที่นำขึ้นคอ คือ เหรียญหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก จ.นครปฐม เหรียญหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง บางขุนเทียน ปี 2478 และเหรียญหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์
สอบถามกูรูพระเครื่องคนสนิท พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ คนเดิม ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า เหรียญหลวงพ่อทา หลวงพ่อไปล่ ล้วนมีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน ขณะที่หลวงพ่อทวดมีพุทธคุณด้านแคล้วคลาด รุ่นสมณศักดิ์เชื่อกันว่ามีคุณทำให้เจริญก้าวหน้า

สอดคล้องกับเจ้าตัวที่บอกว่า ชอบพระเครื่องที่มีคุณด้านอยู่ยงคงกระพัน


"ผมชอบพระแบบอยู่ยงคงกระพัน พระนักเลง (หัวเราะ) เริ่มสะสมจากพระกรุลพบุรี เก็บมาเยอะ เล่นไปเล่นมาใหญ่ ห้อยหนักมาก ก็ปล่อยไป มาเก็บพระเนื้อโลหะ โชคดีที่ปล่อย


พอถามว่าไม่สนใจเรื่องราคาปล่อยเช่า ผบ.ตร.บอกว่า สนสิ สนใจ (หัวเราะ) บางองค์ผมก็เช่าแพงนะ?

ส่วนพระเครื่องเบญจภาคี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ บอกว่า "มี ไม่ครบ ที่มีคือ สมเด็จวัดระฆัง สมเด็จนางพญา แค่นี้เอง ซุ้มกอไม่มี และไม่คิดว่าต้องมีครบเบญจภาคี ...เวลาผมเก็บพระ ชอบก็เก็บ ผมคนแปลกจะเลือกเก็บสะสมพระเครื่องที่รูปร่างถูกใจ"


กับเรื่องอภินิหาร พล.ต.อ.เพรียวพันธ์บอกว่า ไม่เคยเจอ แต่มีเรื่องเล่าจากเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในภาคใต้
"ท่านนี้เก็บพระเยอะมาก เป็นคนแหวกแนว เอาพระไปคล้องคอไก่ แล้วยิง ไก่ตายเป็นร้อยตัวเลย พระบางองค์แม้จะยิงกดไปที่คอไก่ก็ยิงไม่เข้า

เขาเล่าว่ายังเต้นตุบๆ พระกรุเขาก็เอามาลอง ไก่ตายหมดเลย ไม่เหลือ ผมเลยขายพระกรุหมดเลย (หัวเราะ) อย่างพระเครื่อง หลวงปู่แหวน พิมพ์หลังรางปืน ซึ่งคนไม่นิยมเท่าไหร่ นี่ยิงไม่เข้า เขาจะจดไว้พระองค์ไหน ที่ยิงไม่เข้าบ้าง ผมก็ไปเช่าหมดเลย (หัวเราะ) มีจำแม่นเลย หลวงปู่แหวนกับพระสี่มุมเมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ยิงไม่เข้า หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม หลวงพ่อเอีย (วัดบ้านด่าน) พิมพ์สันติบาล จ.ปราจีนบุรี ก็ยิงไม่เข้า

แต่ผมไม่เคยลองนะ ผมฟังเขามา สนุกสนาน" พล.ต.อ.เพรียวพันธ์เล่าอย่างตื่นเต้น ก่อนทิ้งท้ายว่า "ถ้าถามเรื่องพระ ผมรู้จักเยอะ"




ที่มาคอลัมน์ ถอดเครื่องแบบ โดย จันทรพร กุลโชติ มติชน 17 ธันวาคม 2554


ลองหามาใช้ดูนะครับผมยังคงรักหลวงปู่แหวนเหมือนเดิม


</TD></TR></TBODY></TABLE>

ผมขายพระกรุหมดเลยครับ

ท่านฉลาดมากครับ เลยเจริญขึ้น อันนี้ผมไม่ยุ่งกับการเมืองน่ะครับ ว่าตามเนื้อผ้า<!-- google_ad_section_end -->

 

พระกรุ เป็นของสงฆ์ครับ เจ้าของเขาทำมาเพื่อ เอาไว้ เผยแพร่ศาสนา ไม่ได้เจตนา ฝังให้คนขโมยขุดมาขายครับ เอามาขายต้องเอาเงิน ถวายวัดครับ

พระกรุ ลองสืบประวัติดู จะเห้นว่า ขโมยขุดอามาขายแทบทุกกรุ ยกเว้นบางกรุ เช่น ถ้ำเสือ เพราะวางไว้เฉยๆ พระนางพญาเสน่ห์จันทร์ ทำพิธีโดยราชการถูกต้อง ฯลฯ

พระที่ขโมยขุด ต้องทำผาติกรรม ชำระหนี้สงฆ์ โดยพระสงฆ์ ๕ องค์ขึ้นไป เจ้าของเขาที่อาจจะมีหลายดวงวิญญาณ อาจจะยอมรับได้ครับ

คนครอบครองของสงฆ์ จะทำอะไรไม่ขึ้นในบั้นปลาย เป็นกรรมหนักมากครับ หลวงพ่อฤาษีเทศไว้ชัดเจน<!-- google_ad_section_end -->

 

อ้างอิง:
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ puedpunon
แบบนี้ถ้าทางวัดเปิดกรุนำออกจำหน่าย ก็ถือว่าถูกต้องแล้วใช่ใหมครับ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ถ้าทางวัด เปิดเอง ท่านต้องทำผาติกรรมครับ เมื่อทำแล้ว เจตนาบริสุทธิ์ พระสงฆ์ที่มาร่วมผาติกรรม บริสุทธิ์ ถือว่าบริสุทธิ์ครับ

การทำผาติกรรม เป็นพระวินัยครับ ที่ผ่อนผัน ให้เอาของดีกว่าไปแลกของเลว ให้พระภิกษุสงฆ์ ท่านจะได้มีของดีใช้ ไม่ใช่ให้ท่านใช้ของแตกหัก

หรือเอาของเราไปถวายสงฆ์ เพื่อทดแทนสิ่งที่เรา ทำของสงฆ์ชำรุด เช่นขนทรายเข้าวัด เพราะเราไปเดิน เอาดินติดเท้ามา


แต่การขุดกรุ เอาพระมาจำหน่าย ไม่น่าใช่ของเลว หรือ ชำรุด มาแลกของดีกว่า แต่มีการทดแทน ชำระหนี้สงฆ์ น่าจะเลี่ยงบาลีไปได้

ถ้าเจตนาเปิดกรุ บริสุทธิ์ ท่านที่เอาใส่กรุไว้ เจตนา ใส่ไว้ในวันข้างหน้า เพื่อช่วยพระศาสนา ใส่ด้วยแก้ว แหวนเงิน ทอง เพื่อวันข้างหน้าเปิดมา เพื่อเอา สิ่งเหล่านี้ไปซ่อมแซม วัดที่ท่านสร้าง รวมถึงรูป อุทเทสิกเจดีย์ หรือ รูปพระ เพื่อ เอาไว้เผยแพร่ พระพุทธศาสนา ให้ดำรงค์ อายุ ถึง ห้าพันปี อันนี้ของดีครับ ของบริสุทธิ์

ถ้าเจตนาเปิดแล้ว เอาเงินเข้ากระเป่า ถามผม ผมว่าเสร็จครับ

ของสงฆ์ คือ ของสงฆ์ ไม่มีข้อยกเว้นครับ


เป็นของพระศาสนาไปแล้ว เป็นของสถาบัน ไม่สามารถ เอามาเป็นของส่วนตัวได้ครับ โทษร้ายแรง มากครับ และ ที่เจอมา เอาแค่ปัจจุบัน ยังไม่ตายไป ก็ ทำอะไร ไม่ขึ้น มีตัวอย่าง ยังอยู่ที่อยุธยา ครับ ไม่กล้าบอกชื่อ แต่มีจริงๆ สำหรับคนที่ชอบเอาของสงฆ์ ของขโมยสงฆ์ เอามาขาย เอาเงิน เข้ากระเป๋า

และคนเอามาใช้ต่อ ไม่มีทางขลังครับจะตายเร็วขึ้นด้วย จะเจ็บป่วยทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง เพราะเป็นของไม่บริสุทธิ์ เทพ เทวดา ไม่โมทนา ครูบาอาจารย์ไม่มีทางชอบ จะไม่มาอารักษ์ จะรังเกียจเพราะทำท่านผิดพระวินัยไปด้วย ยกเว้น ทำผาติกรรม ชำระหนี้มา ก็ว่าตามพระวินัย น่าจะป้องกันตัว และ เลี่ยงไปได้ครับ ( ความเห็นของผม )

การทำผาติกรรม ต้องทำโดยพระสงฆ์ ห้ารูปขึ้นไป เป็นคณะสงฆ์ ต้องเป็นพระสงฆ์ที่บริสุทธิ์ ในศีล เจตนาทำผาติกรรมดี เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่พระศาสนา พระที่ท่านมาผาติกรรม พระท่านจะพิจารณาเอง ว่า เหมาะควรหรือไม่ เพราะท่านจะมาเป็นพยาน และท่านติดร่างแหไปด้วย เมื่อคณะสงฆ์ลงมติแล้ว เราชำระหนี้ ก็ป้องกันตัวเราเองตามพระวินัยได้ครับ

เราตายไปยมบาล ท่านถาม ว่าเรามีของสงฆ์หรือไม่ ก็ตอบได้เลย ว่า กระผมทำผาติกรรม เอาเงิน ของดี ไปเปลี่ยนมาแล้ว ผมไม่ได้มีเจตนาขโมยมาเอง พระท่านก็นำเงิน ไปซ่อมสร้างวัด หรือให้พระสงฆ์ ท่านเกิดประโยชน์ไปแล้ว ผมว่าฟังขึ้นน่ะครับ เป็นไปตามกฎ ตามพระวินัย

อย่าไปเชื่อว่าของกรุ ที่ขโมยมาจะขลังครับ น่าจะตายเร็วขึ้นซ่ะด้วย ใครอยากเล่นให้เขาเล่นไป ถ้าเราได้มา รีบไปทำผาติกรรมเลย จะปลอดภัยไปอีกหลายภพ หลายชาติครับ<!-- google_ad_section_end -->