ประสบการณ์กรรมฐานเมตตาใหญ่-กรรมฐานกับดวงจิตวิสาขบูชา66น.91พิธีจุติคุรุเทวากรรมประสิทธิ์ปฐมฤกษ์"

ในการปฏิบัติกรรมฐานนั้นสิ่งสำคัญคือการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง จะวิธีไหนก็ได้ขอให้ทำทุกวัน จะกรรมฐานไหน ๆ ก็ขอให้ทำทุกวันเพื่อสะสมบุญบารมีกันไป สิ่งสำคัญหลังจากปฏิบัติกรรมฐานแล้วคือการกรวดน้ำ ไม่อยากให้กรวดจิตอย่างเดียวเพราะผลนั้นต่างกันเพราะระดับของดวงจิตที่จะได้รับบุญนั้นต่างกัน

จากที่ัรับทราบประสบการณ์มา การปฏิบัติกรรมฐานเมตตาใหญ่ช่วยให้การปฏิบัติของหลายท่านรวมและตั้งมั่นขึ้นมาก มีกำลังและรับรู้ได้ไวแต่ขอให้เพียงแค่รู้และระงับยับยังความอยากของจิตไว้บ้างอย่าไปอยากรู้อยากเห็นมากมาย ตั้งใจทำเพื่อให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขา ๆ จะได้ลดการอาฆาตพยาบาทชีวิตจะได้พบเจอสิ่งดี ๆ มากขึ้น

 

การเดินจงกลมนั้นไม่จำเป็นต้องเดินระยะไกลถ้าพื้นที่น้อยก็ก้าวสั้นลง ถ้าพื้นที่กว้างก็ก้าวพอประมาณ ให้รู้สึกตัวทุกครั้งที่ฝ่าเท้ากระทบพื้นให้วางเท้าลงให้เต็ม เดินจงกลมเหมือนเราเดินช้า ๆ แต่อย่าช้ามากจนวูบและอย่าเร็วจนสติตามไม่ทัน หากโกรธหรือหงุดหงิดก็ให้ลงเท้าแรง ๆ หากเดินแล้ววูบก็ให้หยุดหายใจแรง ๆ สัก 3 ครั้งแล้วเดินใหม่ หากจิตใจสับสนคิดโน่นคิดนี่วุ่นวายก็ให้เดินก้าวช้า ๆ ตั้งสติไว้

 

ในเมื่อผมตั้งกระทู้เพื่อเผยแผ่บารมีครูบาอาจารย์ ก็ขอนำพระชุดนี้มาเล่าหน่อยนะครับ



หลวงปู่ใหญ่องค์นี้กำลังออกให้บูชาถ้าใครพอจะมีกำลังก็อยากให้เก็บไว้สักองค์ ถ้าเอาที่ความหมายของปางนี้จะช่วยเปิดทุกสิ่งทุกยอ่างของคนที่บูชาให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีหากมีวิบากกรรมก็จะช่วยคลายและลดทอนลงได้เพราะบุญต่อเนื่องถึงการสร้างเจดีย์ และปางนี้ด้วยบารมีหลวงปู่ใหญ่ท่านสามารถเปิดได้ทั้งทางโลกและทางธรรม สมมุติว่าทางโลกมี 10 ส่วน ทางธรรม มี 10 ส่วน หลวงปู่ใหญ่ปางนี้สามารถเปิดได้ทั้งทางโลก 8ส่วนและเปิดทางธรรม 8 ส่วน ตามที่ท่านอาจารย์เลยเล่าให้ผมฟัง ลองพิจารณากันดูนะครับ

ส่วนใครมีกำลังไม่พอผมว่าจะทำผ้าป่าช่วยท่านอาจารย์สร้างเจดีย์ กรรมการใหญ่จะมอบเบี้ยใหญ่ขนาด 2 - 2 1/2 นิ้วให้ไม่รู้จะมีใครสนใจใหม

 

สวัสดีค่ะคุณนิรันดร์

ตามอ่านเพื่อเก็บเกร็ดความรู้นำมาปฏิบัติบ้างค่ะ.....^^

 

<table id="post5578237" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">jarawoot
สมาชิก



วันที่สมัคร: Mar 2005
อายุ: 36
ข้อความ: 1,190
พลังการให้คะแนน: 422


</td> <td class="alt1" id="td_post_5578237" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> คืนวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 เวลา 23.00 น. ผมได้ขึ้นเอาของไปเก็บที่ห้องพระ ได้ยินหลวงปู่บอกว่าให้ไปดูพระผงสุริยันจันทรา ที่ฝังเส้นเกศาหลวงปุ่ใหญ่...เมื่อหยิบขึ้นมาดูองค์แรกสัมผัสได้ว่า "ขึ้นพระธรรมธาตุและพระธาตุ เป็นผงสีขาวบางองค์ก็ขึ้นกระจายไปทั่ว" ผมจึงถ่ายรูปมาให้พิจารณากันดูนะครับ
<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>
</td></tr></tbody></table>

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

พอดีผมได้รับคำแนะนำเรื่องการบอกบุญบล็อคพระที่ผมสร้างเพื่อถวายหลวงปู่ใหญ่ ในจำนวนการสร้างจะนำถวายวัดที่อยุธยาจำนวนหนึ่ง และถวายพ่อปู่และท่านอาจารย์ส่วนหนึ่ง และผมเก็บไว้แจกส่วนหนึ่ง หากท่านใดต้องการมีส่วนร่วมบุญเชิญได้นะครับ จริง ๆ ผมก็ได้เตรียมไว้แล้วด้วยการสละของรักที่สุดไป 2 ชิ้น ลองพิจารณาดูนะครับ งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 10,000 บาทครับ

พระที่จะทำนี้เป็นเนื้อผงพิมพิ์ 2 หน้าด้านหนึ่งหลวงปู่ใหญ่ปางบิณฑบาตร อีกด้านหนึ่งเป็นปางเปิด 3 ภูมิ

ที่เห็นนี้เป็นภาพตัวอย่างครับกดบนดินน้ำมันเพื่อตรวจสอบรายละเอียด ยังมีการแก้ไขอยู่นิดหน่อยครับ

สำหรับหมายเลขติดต่อครับ 084-156-8863 ครับ
ชื่อบัญชี นายนิรันดร์ เริ่มกลาง
เลขที่บัญชี 269-2-780-313
ธนาคาร กสิกรไทย สาขาบางใหญ่ ประเภท ออมทรัพย์

 

พี่นิรันดร์ร่วมบุญได้ยังไงบ้างครับ........ เป็นปัจจัย หรือเป็นมวลสารครับ

 

<table id="post5581456" class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%" align="center"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175">ransang
สมาชิก

วันที่สมัคร: Jun 2007
ข้อความ: 1,133
พลังการให้คะแนน: 353


</td> <td class="alt1" id="td_post_5581456" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> มีเรื่องเล่า วันที่หล่อหลวงปู่ใหญ่เปิด 3 ภูมิ มีน้องในคณะที่ได้ร่วมพิธีขอบารมีหลวงปู่ให้เห็นด้วยตาเนื้อ ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาเห็นหลวงปู่ลอยออกมาจากภาพมาอธิฐานจิตถึงกับอึ้งไปเลย แถมหลวงปู่ท่านยังทักเรื่องส่วนตัวจนต้องก้มกราบด้วยความศรัทธา
__________________
พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม
</td></tr></tbody></table>

 

สวัสดีค่ะพี่นิรัน ยังติดตามอ่านบทความดีๆ เสมอนะคะ

ยังทำกรรมฐานเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่ค่อยได้ทำเยอะเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้เปิดเทอม เป็นนักเรียนโตรายงานเยอะเหมือนเดิมค่ะ
ประสบการณ์เล็ำกๆ น้อยๆ มีเรื่อยๆ ค่ะ เช่นเห็นเหตุการณ์เตือนล่วงหน้าติดๆ กันหลายวัน หรือ ว่าฝันว่ามีคนมาสอนสิ่งที่เราสงสัยในการปฎิบัติ (โปรดใช้วิจารณญานนะคะ ถ้าจะให้เขียนเป็นเรื่องค่อนข้างยาว นกเขียนไม่เก่ง)
ทุกวันนี้คิดว่าการทำกรรมฐานแผ่เมตตา เป็นสิ่งที่ต้องทำเสมอๆ การแผ่เมตตาไปให้เ้จ้ากรรมนายเวรเหมือนเป็นการปัดกวาดปัญหาอุปสรรคของชีวิตให้เบาบางลงอีกทางหนึ่ง เหมือนกับเราปัดกวดบ้าน ปัดทางเดินของเราให้เดินสะดวกขี้น ...

 

มวลสารไม่ทันแล้วครับ จัดไปหมดแล้วเหลือแก้บล็อคก็สั่งปั้มเลย หากทันจะแจกในงานวันที่ 28/1/54 นี้ด้วยใครสะวดกทำบุญด้วยปัจจัยก็ขอเชิญครับ

 

ท่านที่ทำกรรมฐานเมตตาใหญ่ อย่าลืม กรวดน้ำ นะครับ

 

จองบูชารูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรปางปาฏิหาริย์เปิด3ภพ(หน้า11)พิเศษ 36 ท่านแรก ( 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13) jarawoot

 

กระจายๆทำบุญหลายๆที่ หลายๆอย่างก็ดี ทำตามกำลัง ทำแล้วนึกถึงครูบาอาจารย์ และแผ่เมตตาให้ท่านต่างๆ เช่นบูชา หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด และแผ่ให้พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร เป็นต้นครับ

***ขอร่วมทำบุญสร้างพระเครื่องด้วยคนครับ อยากได้บุญ... อิอิ
ร่วมบุญ 500 บาท พรุ่งนี้จะโอนเงินให้ครับ

 

ขอขอบคุณมาก ๆ ครับและขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

 

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธู ๆ ๆ

 

การปฏิบัติกรรมฐานเมตตาใหญ่ให้เกิดศีลอริยมรรค

เมื่อองค์ประกอบต่าง ๆ ของกรรมฐานเมตตาใหญ่ครบถ้วน ก็มาเข้าสู่กระบวนการปฏิบัติที่แท้ถูกต้องตามหลักของท่านอาจารย์ ซึ่งการปฏิบัติของท่านอาจารย์ตามความเข้าใจของผมได้จัดไว้เป็น 2 กระบวนการ คือ 1 กระบวนการสะสม 2.กระบวนการประมวลผล

1.กระบวนการสะสม หมายถึง การปฏิบัติระหว่างวันให้ในระหว่างวันเกิดการภาวนาตลอดเวลาในรูปแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ภาวนาในใจ เดินภาวนาออกเสียง นั่งสมาธิ นับนิ้วภาวนา หรืออีกหลายรูปแบบตามแต่วิธีของแต่ละคน ในกระบวนการนี้ผลที่ได้เป็นการสะสมบุญบารมี กำลังฌาณ ฯ แม้ผลที่ได้ในแต่ละครั้งหรือในแต่ละช่วงที่ทำจะไม่ได้ 100 % แต่ก็ควรทำไว้เพื่อใช้เป็นกำลังในกระบวนการประมวลผล ซึ่งไม่ต่างกับเราตักน้ำใส่ถังทีละขันไม่ว่าจะตักได้กี่ขันเมื่อนำน้ำในถัง ไปเทหรือสาดออกไปก็มากกว่าน้ำในขันแน่นอน

2.กระบวนการประมวลผล หมายถึง การ ปฏิบัติกรรมฐานให้เต็มรูปแบบ กาย(เคลื่อนไหว) วาจา(ออกเสียง) ใจ(จับสองอาการ)ให้รวมลงเป็นหนึ่ง โดยใช้เวลาตามแต่ความเหมาะสมที่ตัวเราจะกระทำได้ก่อนที่จะเข้านอน เพื่อรวบรวม(ข้อที่ 1)ผลการปฏิบัติมากหรือน้อยตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเวลาที่เราจะปฏิบัติกรรมฐาน เต็มรูปแบบ ทำการปรับเปลี่ยนพลังงานเข้าสู่จุดศูนย์กลางและกลั่นตัวเป็นพลังบริสุทธิ์ เก็บสะสมเอาไว้ในดวงจิต

การปฏิบัติกรรมฐานเมตตาใหญ่ให้เกิดศีลอริยมรรค

2.กระบวนการประมวลผล หมายถึง การ ปฏิบัติกรรมฐานให้เต็มรูปแบบ กาย(เคลื่อนไหว) วาจา(ออกเสียง) ใจ(จับสองอาการ)ให้รวมลงเป็นหนึ่ง โดยใช้เวลาตามแต่ความเหมาะสมที่ตัวเราจะกระทำได้ก่อนที่จะเข้านอน เพื่อรวบรวม(ข้อที่ 1)ผลการปฏิบัติมากหรือน้อยตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเวลาที่เราจะปฏิบัติกรรมฐาน เต็มรูปแบบ ทำการปรับเปลี่ยนพลังงานเข้าสู่จุดศูนย์กลางและกลั่นตัวเป็นพลังบริสุทธิ์ เก็บสะสมเอาไว้ในดวงจิต


ขอขยายความข้อความสีแดงนะครับ

ในระหว่างการปฏิบัติเต็มรูปแบบ กาย(เคลื่อนไหว) วาจา(ออกเสียง) ใจ(จับสองอาการ)ให้รวมลงเป็นหนึ่ง ทั้ง 3 ส่วนนี้ศีล เราก็จะบริสุทธิ์ไม่ด่างพร้อยทั้งกาย วาจา ใจ เราไม่ได้ทำอะรที่ผิดศีล 5 หรือศีล 8 ข้อใดเพราะราอยู่ในอาการของการปฏิบัติ และในการที่ใจเราระลึกอยู่กับการเคลื่อนไหวของกาย และการเปล่งวาจา อยู่นั้นเราก็จะมีสติ การมีสตินี้ก็จะกลายเป็นวิปัสสนาไปในตัว



ดังนั้นการทำกรรมฐานอย่างง่ายให้เกิดศีลอาริยะมรรคคือการปฏิบัติที่มีครบทั้ง 3 ส่วน กาย(เคลื่อนไหว) วาจา(ออกเสียง) ใจ(จับสองอาการ)ให้รวมลงเป็นหนึ่ง และท่านอาจารย์ได้แนะนำำวิธีปฏิบัติไว้ 4 รูปแบบ



วิธีเดินจงกลม


ขั้นแรกในการยืน ยืนตัวตรงหลังตรงให้มือไขว้หลังมือขวาจับมือซ้าย หรือมือไขว้ด้านหน้ามือขวาจับข้อมือซ้าย หรือวางมือทั้งสองข้างแนบลำตัว ทำตัวสบายๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อยสายตาทอดลงด้านหน้า สามารถมองเห็นปลายเท้าได้และยื่นกำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ 3 ครั้ง

ขั้นสองกำหนดเดิน ให้กำหนดคำภาวนาว่า “พระพุทธเมตตาอโหสิกรรม” ให้แบ่งออกเป็น 4 จังหวะ 1. พระพุทธะ 2. เมตตา 3. อโหสิ 4. กรรม โดยต้องออกเปล่งเสียงทั้ง 4 คำข้างต้น สิ่งสำคัญคือ ยกเท้าก้าวไปข้างหน้าพร้อมเปล่งเสียงและใจ ต้องให้ลงพร้อมกันทั้ง 3 ประการ เช่น

จังหวะ1 ยกเท้าซ้ายก้าวไปข้างหน้าพร้อมเปล่งเสียง “พระพุทธะ” (คำว่า ธะ ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้น)

จังหวะ2 ยกเท้าขวาก้าวไปข้างหน้าพร้อมเปล่งเสียง “เมตตา” (คำว่า ตา ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้น)

จังหวะ3 ยกเท้าซ้ายก้าวไปข้างหน้าพร้อมเปล่งเสียง “อโหสิ” (คำว่า สิ ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้น)

จังหวะ4 ยกเท้าขวาก้าวไปข้างหน้าพร้อมเปล่งเสียง “กรรม” (คำว่า กรรม ฝ่าเท้าเหยียบลงพื้น)

ท่ากลับตัว เมื่อเดินสุดทางตามระยะที่สามารถจะเดินเป็นเส้นตรงได้ ให้กำหนดการก้าวเท้าเสมอกันลงที่คำภาวนา “กรรม” การกลับตัวเป็นมุม 45 องศาลักษณะ 2 จังหวะ โดยหมุนไปทางซ้ายทำมุม 45 องศา ยกเท้าซ้ายเปล่งเสียงคำภาวนา “พระพุทธะ” ยกเท้าขวาหมุนตามแล้วเปล่งเสียงคำภาวนา “เมตตา” วางเท้าเสมอกัน แล้วหมุนเท้าไปทางซ้ายอีก 45 องศา ยกเท้าซ้ายเปล่งเสียงคำภาวนา “อโหสิ” ยกเท้าขวาหมุนตามแล้วเปล่งเสียงคำภาวนา “กรรม” วางเท้าเสมอกัน แล้วค่อยเดินไปช้าๆออกเสียงชัดๆ ดังที่ได้อธิบายมาแล้วข้างต้น หลังจากที่เพียงพอในการเดินแล้ว ก่อนออกจากกรรมฐานในยืนสงบนิ่ง กำหนดลมหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ และยกมือพนมไหว้ครูบาอาจารย์และแผ่เมตตาไม่มีประมาณ หรือ เฉพาะเจาะจงตามอธิษฐาน


วิธีนั่งกรรมฐาน

การนั่งให้นั่งในอิริยาบถสบายๆตามสภาพร่างกาย นั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วให้ยกมือซ้ายหรือขวาก็ได้ แล้วแบมือหงายขึ้นมาช่วงประมาณระดับแถวลิ้นปี้ ถ้ายกมือซ้ายแบมือหงายมือขึ้นแล้วขยับออกไปทางซ้าย (ออกด้านนอกตัว) จังหวะที่ 1 แล้วเปล่งเสียงคำภาวนาว่า “พระพุทธะ” แล้วหยุด ต่อมาขยับต่อจังหวะที่ 2 แล้วเปล่งเสียงคำภาวนาว่า “เมตตา” แล้วหยุด หลังจากนั้นให้ขยับมือกลับเข้าทางขวา (ด้านในตัว) จังหวะที่ 3 แล้วเปล่งเสียงคำภาวนาว่า “อโหสิ” แล้วหยุด ต่อมาขยับต่อจังหวะที่ 4 แล้วเปล่งเสียงคำภาวนาว่า “กรรม” แล้วหยุด

ให้ปฏิบัติไปดังที่กล่าว มาข้างต้นไปเรื่อยๆ ถ้ามีอาการเมื่อยให้สามารถเปลี่ยนอิริยาบถเป็นมืออีกข้างก็ได้จนกว่าเพียงพอ ในการปฏิบัติแล้ว ก่อนออกจากกรรมฐานในนั่งสงบนิ่ง กำหนดลมหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ และยกมือพนมไหว้ครูบาอาจารย์และแผ่เมตตาไม่มีประมาณ หรือ เฉพาะเจาะจงตามอธิษฐาน



วิธีนอนกรรมฐาน

เวลาล้มตัวนอนเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดภาวนาคำว่า “พระพุทธเมตตาอโหสิกรรม” ตลอดเวลาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหลับไปเอง โดยที่ไม่ต้องกังวลอันใดที่จะทำให้เกิดความสับสน


วิธีปฏิบัติกรรมฐานในอิริยาบถต่างๆ
ระหว่าง ที่นั่งรอ หรือ นั่งรถโดยสาร ให้ขยับนิ้วโดยการนับเพียงแต่ใช้นิ้วหัวแม่โป้งเป็นหลักในการทำให้กาย เคลื่อนไหวและสัมผัสกับที่เหลือ 4 นิ้ว เริ่มจากนิ้วชี้ขยับแตะนิ้วหัวแม่โป้งภาวนาเปล่งเสียงเบา(ถ้าออกเสียงได้) “พระพุทธะ” เปลี่ยนเป็นนิ้วกลางขยับแตะนิ้วหัวแม่โป้งภาวนาเปล่ง เสียง “เมตตา” เปลี่ยนเป็นนิ้วนางขยับแตะนิ้วหัวแม่โป้งภาวนาเปล่งเสียง “อโหสิ” เปลี่ยนเป็นนิ้วก้อยขยับแตะนิ้วหัวแม่โป้งภาวนาเปล่งเสียง “กรรม” ผู้ปฏิบัติต้องทำต่อเนื่องอย่าง ช้าๆเปล่งเสียงชัดๆ (ถ้าออกเสียงได้) เพราะถ้าไม่มีสติกำหนดอยู่ในอาการที่ทำอยู่นี้ จะเกิดการหลงๆลืมๆผิดๆถูกๆ จะไม่เกิดผลอันใดเลย

ผลของการปฏิบัติ

การปฏิบัติกรรมฐานเมตตาใหญ่นี้ เป็นการปฏิบัติเพื่อให้ตนเองเกิดความระลึกรู้ตนเองในสภาวะปัจจุบัน (สติปัจจุบัน) ในการเคลื่อนไหวของกาย หูได้ยินเสียงคำภาวนา (พระพุทธเมตตาอโหสิกรรม) สอดคล้องประสานสัมพันธ์กับ “ใจ” ให้พร้อมเพียงครบองค์ประกอบทั้งสาม ทำให้เกิด “ศีล” บริสุทธิ์ เกิด “สมาธิ” พอจิตลงตัวมากเข้าจนตั้งมั่นจะเกิด “ปัญญาญาณ” ทำให้จิตมีความเข้าใจในธรรมชาติ กฎแห่งกรรมตามความเป็นจริงโดยอัตโนมัติ...ไม่จำเป็นต้องมาพิจารณากันอีก เพราะ จิตมันเรียนรู้มาจากการเวียนว่ายตายเกิดมานับอสงไขย ทั้งดีและไม่ดีกระทั่ง ผ่านการเกิดเป็นพรหม เทวดา มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อูสรกาย สัตว์นรก เกิดในเขตศาสนาพุทธและนอกศาสนาพุทธ....กองกระดูกสูงเป็นโยชน์....น้ำตามี มากกว่ามหาสมุทรทั้งสี่

 

[FONT=&quot]คำอธิษฐานหลังจากการปฏิบัติ[/FONT]

[FONT=&quot] “กรรมฐานเมตตาใหญ่”[/FONT]
[FONT=&quot]ด้วยกำลังที่เกิดผลมาจากการปฏิบัติกรรมฐาน “เมตตาใหญ่” ที่หาประมาณมิได้แห่ง “ศีลอริยะมรรค” เกิดจากอาศัย กาย วาจา ใจ ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวทำให้เกิด “สมังมรรคสามัคคี” รวม เป็น ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดมรรคเกิดผลไปตามลำดับ แต่ด้วยที่เราเวียนว่ายตายเกิดนับภพชาติไม่ถ้วนได้เสวยกำลังวิบากกรรมดีชั่ว ปะปนไป เมื่อเราเสวย “ความสุข” ผลเกิดดังฟ้าแลบผ่านไปอย่างรวดเร็ว.....แต่ถ้าเสวย “ความทุกข์” เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวดังตกนรกหมกไหม้เป็นเดือนเป็นปี......[/FONT]
[FONT=&quot]เราไม่สามารถที่จะรู้ได้ล่วงหน้าว่าสิ่งที่เราไม่ต้องการจะมาเมื่อไร เท่าไร ทำไม หนักไม่...[/FONT][FONT=&quot]? ไม่มีใครหยั่งรู้....กว่าจะรู้เราก็เสวยความทุกข์ไปแล้ว ดังคำว่า “อิทธิฤทธิ์ แพ้บุญฤทธิ์ บุญฤทธิ์แพ้วิบากกกรมไม่ดี วิบากกรรมไม่ดีสลายกำลังลงด้วยศีลอริยะมรรค กรรมฐานเมตตาใหญ่ เป็นกรรมฐานที่สร้างสะสมศีลอริยะมรรค...ที่ส่งผลไปให้เจ้ากรรมนายเวรหรือผล ของวิบากกรรมไม่ดีเป็นการทดแทนชดใช้สิ่งที่ได้กระทำเอาไว้” [/FONT]
[FONT=&quot]ดัง นั้น หลังจากที่ได้ปฏิบัติกรรมฐานเกิดกำลัง(ศีลอริยะมรรค)ไม่ว่าได้มากน้อยเพียง ใด จะต้องน้อมจิตตั้งมั่นอธิษฐานส่งผลกำลังนั้น ไปมอบให้เจ้ากรรมนายเวร บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทพพรหมเทวดา สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตามแต่ที่ตั้งจิตอธิษฐาน....ดังนี้ จะแบ่งออกเป็นหัวข้อเพื่อจะได้เป็นแนวทางในการอธิษฐานต่อไป...[/FONT]

[FONT=&quot]ด้วย ผลบุญอานิสงค์อันใดในการปฏิบัติกรรมฐานเมตตาใหญ่ เกิดศีลอริยะมรรคเพียงใด ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และผลบุญในการถวายนี้ขอจงเป็นพลปัจจัย (เลือกข้อใดข้อหนึ่งให้ตรงกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดผลได้ทันเหตุการณ์)[/FONT]

[FONT=&quot]1.ให้ ถึงสัมมาอาชีพ หน้าที่การงาน เหล่าเทพพรหมเทวดาอารักษ์ ที่เกื้อกูล อนุเคราะห์ ค้ำชู ให้หน้าที่การงานกิจการเจริญรุ่งเรือง มีความคล่องตัว มีกิน มีใช้ ได้เก็บสะสมเพิ่มพูน เพื่อเป็นปัจจัยนำไปเลี้ยงดำรงชีพตนเอง[/FONT]
[FONT=&quot]และ ครอบครัว ได้สร้างบุญกุศลแก่พระพุทธศาสนาไม่ขาดสายสืบเนื่องต่อไป ไม่ว่าทำการสิ่งใด ขอให้สำเร็จ สมบูรณ์ ไม่ล่าช้า มีผู้ช่วยเหลือเกื้อกูล พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ และกำลังโภคทรัพย์ ขอให้ปลดเปลื้องพันธะนาการหนี้สินที่ติดค้างได้ภายในเร็ววันด้วยเทอญ[/FONT][FONT=&quot] “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอหนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ)”

[/FONT] [FONT=&quot]2.ให้ ถึงธาตุสี่ขันธ์ห้าและดวงจิตบิดา มารดาในชาติปัจจุบัน ตลอดจนเทพพรหมเทวดา ที่ดูแลรักษาประจำตัว และผลบุญนี้ถึงแก่บิดา มารดาในอดีตชาติ ไม่ว่าอยู่ในภพใดภูมิใดทุกภพทุกชาติทันที ได้รู้ ได้รับ สามารถยกภูมิจิตภูมิธรรมยิ่งๆขึ้นไป และขอให้ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกผู้ทุกนามของตัวข้าพเจ้า ภรรยา บุตร ธิดา ทั้งหมดทั้งสิ้น ขอความเมตตาทุกท่านทุกดวงจิตคลายอาฆาตพยาบาท ณ กาลบัดนี้เทอญ[/FONT][FONT=&quot] “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอหนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ)”[/FONT]

[FONT=&quot]3.ขอ ให้ถึงครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ญาติ มิตร สหาย ตลอดจน เทพ พรหม เทวดา อารักษ์ พระภูมิเจ้าที่ เจ้าป่าเจ้าเขา วิญญาณสัมเวสีในน้ำ ในท้องทะเล ตามป่าเขาถ้ำพนมไพร ผีเปรต อสูรกาย นาคี นาคา เงือก กินนร [/FONT]
[FONT=&quot]กินนรี วิทยาธร ปู่ฤาษี คนธรรพ์ สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน ทุกตน ทุกตัว ไม่ว่าอยู่ในภพใด ภูมิใด ในอากาศก็ดี [/FONT]
[FONT=&quot]ใน ดินก็ดี ในน้ำก็ดี บนบกก็ดี ที่อยู่บริเวณบ้านก็ดี ที่อยู่รอบบ้านก็ดี ที่ทำงานก็ดี ทั่วจังหวัดก็ดี ทั่วโลกก็ดี ทั่วอนันตจักรวาลก็ดี ไม่มีที่สิ้นสุด[/FONT][FONT=&quot] สามารถเลื่อนยกภูมิสูงขึ้นยิ่งๆขึ้นไป “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอหนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ)”[/FONT]
[FONT=&quot]
4.ขอให้ผลบุญนี้ อาบชโลมธาตุ 4 ขันธ์ 5 ดวงจิต ดวงวิญญาณ มีกระดูก เส้นเอ็น น้ำเลือด น้ำหนอง น้ำดี น้ำเหลือง ตับ ไต ใส้ พุง เซลต่าง ๆ เส้นประสาท เส้นเลือด เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มันสมอง สัมผัสต่างๆ ลิ้น หู ตา คอ จมูก ทั้งร่างกายของ (..ชื่อ...) สิ่งไหนที่ขาดตกบกพร่องไป มีอาการเจ็บป่วย เสื่อมโทรม ขอให้กลับคืนสู่สภาวะปรกติ ถ้าสิ่งไหนมีมากเกินไปก็ให้สลาย คลายออก ดังปรกติ ขอให้มีความเมตตา ให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ให้ดำรงขันธ์ อย่าได้เจ็บป่วย ทุกขเวทนา พิกล พิการ บ้าใบ้ เสียจริต วิปลาส เพื่อให้มีโอกาสสร้างบุญกุศล บุญบารมี เกิดศีลอาริยะมรรค เมตตาอโหสิกรรม หมดหนี้ หมดเวรตามกฎธรรมชาติ ทุกภูมิจิต ภูมิธรรม ทุกตน ทุกคน ทุกตัว ไป สาธุ[/FONT][FONT=&quot] “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ) ...”[/FONT]
[FONT=&quot]
5.ขอให้ผลบุญนี้ ถึงแก่เจ้ากรรมนายเวร จิตวิญญาณที่แผงเร้น คุณไสยคุณผีคุณคนลมพัดลมเพ เสนียดอัปรีย์จัญไร เสน่ห์อาถรรพ์อัปมงคลการสาปแช่งลงอักขระเลขยันต์ ผูกจิตร้อยรัดมัดตรึง เทพบุตรมารธิดามาร มนต์ดำผีพนันจิตมาร กามราคะโมหะ โทสะ โลภะ กิเลสตัณหา ที่ทำให้เกิดดังคำว่า กัมมัสสะกา เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน[/FONT][FONT=&quot] กัมมะทายาทา เป็นผู้รับผลของกรรม กัมมะโยนิ เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด กัมมะพันธุ เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กัมมะปะฏิสะระณา เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ยัง กัมมัง กะริสสันติ กระทำกรรมอันใดไว้ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ดีหรือชั่ว ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ขอให้คลายสลายอำนาจเมตตาอโหสิกรรมซึ่งกันและกันสาธุ “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ) ...”[/FONT]

[FONT=&quot]6.ถ้า ถึงการณ์ที่จะมีคู่ครองมีครอบครัว ขอให้คู่กรรม คู่เวร คู่ทุกข์ คู่ยาก คู่แสนสาหัส คู่เจ็บป่วย คู่หลอกลวง คู่ล้างผลาญ คู่เห็นแก่ตัวเอารัดเอาเปรียบ คู่โง่เง่าบ้าใบเสียสติ คู่ผีการพนัน คู่จัญไร คู่ที่ไม่อยู่ในศีลธรรมอันดี ไม่ทำมาหากิน ขอให้หลีกเร้นหลีกหนีสลายหายไปจากดวงชะตาชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม ขอให้เป็นคู่ร่วมทำบุญกุศลบุญบารมี อยู่ในขอบเขตศีล5 เขตเนื้อนาบุญแห่งพระศาสนาพุทธทุกภพทุกชาติไปเทอญ…… “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ) ...”[/FONT]
[FONT=&quot]
7.ขอให้บุตร(ชื่อ) หรือกำลังท้อง มีอาการครบทั้ง 32 ประการ ไม่เสียจริตเป็นบ้าใบ้หูหนวกพิกลพิการ แข็งแรง มีสติปัญญาที่ดีทั้งทางโลกทางธรรม มีสติระลึกรู้ในความผิดชอบชั่วดี ฝักใฝ่ในธรรม สร้างสมผลบุญกุศล รอดพ้นจากบ่วงทุกข์บ่วงมารทั้งหลายทั้งมีกายเนื้อและไม่มีกายเนื้อ ดำรงอยู่ในแวดวงนักปราชญ์ สร้างคุณ ประโยชน์ให้ตนเองและส่วนรวมด้วยเทอญ “ พระพุทธะ เมตตา อโหสิ กรรม หนอออ (ลากเสียงยาว ภาวนา 3 จบ)[/FONT]

[FONT=&quot] (ยังมีต่อ และสามารถนำไปประยุกต์ได้ตามแต่ในสถานการณ์ต่างตามจังหวะชีวิต)

หรือจะพลิกแพลงตามสถานการณ์ที่พบก็ได้ครับ เช่นมีปัญหาเรื่องงานก็แผ่ส่งให้เรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย สถานที่ทำงาน หรือสถาที่รับสมัครงาน หรือมีปัญหากับคนก็ให้ผู้นั้น... ผู้นี้... ให้คิดดี ทำดี อื่น ๆ ตามแต่จะคิดได้[/FONT]

 

ปฏิบัติอยู่ทุกวันตามที่พี่แนะนำครับ