วิธีการนับจำนวนชาติ (อสงไขยชาติ) โดยท่านพุทธทาส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลมไหว, 31 ธันวาคม 2011.

  1. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ กล่าวว่า อวิชชา อวิชชา ดังนี้ ก้็อวิชชานั้นเป็นอย่างไร และด้วยเหตุเท่าไหร่ บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งอวิชชา............ แน่ะภิกษุ ความไม่รู้อันใด เป้นความไม่รู้ในทุกข์ เป็นความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความไม่รู้ในความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ และความไม่รู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้ เราเรียกว่า อวิชชา และบุคคลชื่อว่าถึงแล้วซึ่งอวิชชา ก็เพราะเหตุไม่รู้ความจริงประมาณเท่านี้แล........ พระองค์ผู้เจริญ พระองค์กล่าวว่า วิชชา วิชชา ดังนี้ ก็วิชชานั้นเป็นอย่างไร และ ด้วยเหตุเท่าไร บุคคลถึงชื่อ ว่าเป็นผู้ถึง แล้ว ซึ่ง วิชชา................ แน่ะ ภิกษุ ความรู้อันใด เป็นความรู้ในทุกข์ เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความรู้ในความดับไม่เหลือของทุกข์ และเป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับทุกข์ นี้เราเรียกว่า วิชชาและ บุคคลชื่อว่า ถึงแล้วซึ่ง วิชชา ก็ เพราะเหตุรู้ ความจริง มีประมาณเท่านี้แล.............ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ นี้เป้นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ดังนี้เถิด..........(มหาวาร สฺ 18/538-539/1694-1695):cool:
     
  2. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..........พระวจนะ" วิญญานเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย หมู่แห่ง วิญญานหกอย่างเหล่านี้ คือ วิญญานทางตา วิญญานทางหู วิญญานทางจมูก วิญญานทางลิ้น วิญญานทางกาย และวิญญานทางใจ ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า วิญญาน" และพระวจนะที่ว่า "ภิกษุทั้งหลาย นามรูปเป็นอย่างไรเล่า นามคือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ นี้เรียกว่านาม รูป คือ มหาภูตรูปทั้ง4 และรูปที่อาศัยมหาภูตรูปทั้ง4ด้วย นี้เรียกว่า รูป ด้วยเหตุนี้แหละ นามอันนี้ด้วย รูปอันนี้ด้วย ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า นาม-รูป(-นิทาน.ส. 16/2-5/5-17):cool:
     
  3. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    paetrix ทั้งหมดที่เอามานั้นพระพุทธองค์กล่าวว่านี้คือ ปฏิจสมุปบาท???
     
  4. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    ผมอธิบายได้ว่าคุณพิมพ์ผิดครับ และอีกอย่าง เหมือนหมามองเครื่องบิน ศีลห้ายังไม่ได้ ไปมองอะไรก็ไม่รู้ ควายจริงๆ
     
  5. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขอบคูณที่ชี้แนะ แต่ขอไม่คุยกับคนเลอะเทอะ หมามันก็รำคาญคน คนบางคนก็เลวกว่าหมาเยอะแยะเสียเวลา
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พี่ชาติ ความคิด นี่สังขาร หรือเปล่า

    กว่าพี่ชาติจะคิดได้แต่ละเรื่อง ต้องตายแล้วเกิดใหม่ หรือเปล่า

    ถ้าปฏิจสมุปบาท มันคือ ช่วงชีวิตหนึ่งคน ตายเลย กว่าจะคิดได้
    แต่ละเรื่อง
     
  7. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ยังไม่อยากคุยกะนิวรณ์เลย ความคิดก็สังขาร แล้ว??

    ก็เข้าใจนะ ไอ้ปฏิจสมุปบาทแบบที่เรียกว่าในชีวิตประจำวันหนะ แต่อยากได้คำยืนยันว่า
    พระพุทธองค์ตรัสว่าปฏิจสมุปบาทที่เกิดไม่เรียงกัน สลับกันไปมาแบบนั้น ตถาคตเรียกว่า ปฏิจสมุปบาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ้า ไม่รู้จักหละซี่ มโนสัญญาเจตนาหาร คือ อาหารของอะไร

    สังขารขันธ์นี่ ศัพท์เทคนิคเขาก็ประมาณว่า "จักขุผัสสชาเจตนา"

    สังเกตไหม่ มีคำว่า ผัสสะ ประกฏแล้วด้วย เอ่อ แปลก

    แล้วมีคำว่า เจตนา ปิดท้ายอีกนะ งง ไหม เพราะพี่ชาติจำมา
    ได้ว่า อวิชชาปัจจัยสังขารา แต่ทำไม สังขารา จึงมีรายละเอียด
    คือ (ชื่ออยาตนะ)+(ผัสสชา)+(เจตนา)
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้ว เวลา หลวงตา ท่านประกาศ ชาติจบแล้ว ชาติสิ้นแล้ว นี่ท่าน ตายหรือ
    ยัง ตอนที่พูดว่า ชาติจบแล้วเนี่ยะ

    แล้วการภาวนา ที่เขาว่า ภาวนาเพื่อตัดภพ ตัดชาติ นีมันคืออะไรหละ

    หาก ปฏิจสมปุบาท มันต้อง เวียนว่ายตายเกิดเสียก่อน ถึงจะถือว่า เป็น รอบ เนียะ
     
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    แล้ว เคยได้ยินไหม หลวงพ่อราชรี ท่านบอกว่า หากนิพพานเป็นเมืองแก้ว
    เวลามมะอึงปรินิพพาน มะอึงเอาผ้าขาวติดมือไปด้วย

    ดังนั้น หากนิพพานเป็น ภว หรือ ภพ พี่ชาติก็เอา ผ้าขาวติดมือไปด้วย

    แต่ถ้า นิพพาน เนี่ยะ หมายถึง ภพ ชาติ สววรรค์ นรก ไม่มีสำหรับผู้
    นิพพานแล้วเนี่ยะ ทำไม คนที่ถึงพระนิพพาน จะพูดไม่ได้ว่า ภพ ชาติ สววรรค์ นรก
    มันไม่มี

    แต่นะ รู้ๆกันว่า พระบางท่านนี่ ไปสววรคิ์ก็เจอองค์ประถม เจอใครต่อใครหมดเลย
    เรียกว่า ท่านออกมาจากนิพพาน มาเดินเล่นใน ภพ ชาติ ก็แน่นอนเลยว่า คนที่
    ประกาศว่า ภพ ชาต นรก สวรรคิ์ ไม่มีเนี่ยะ เถียงกันหูดับตับไหม้ กับ พวกที่ไปเจอ
    พระพุทธ(ตั้งแต่โคตรเง้าหน่อพุทธางกูรองค์ปฐม) เขาก็เถียงไม่จบแหละ

    แต่อย่าลืมนะ หลวงพ่อราชรีบอกว่า มะอึงผกผ้าขาวไปด้วย เพราะ เมืองแก้วเดี๋ยวมัน
    ก็ต้องมีฝุ่นเกาะ
     
  11. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ไม่ต้องยาวมากความ แค่อยากได้ยินว่า นั้น ตถาคตเรียกว่า ปฏิจสมุปบาท

    ผมไม่ได้ติดตำรา ไม่ได้ศึกษมามาก แต่เท่าที่ได้รู้มา ธรรมแต่ละอย่างที่พระพุทธองค์แสดงไว้ แสดงไว้เรียงลำดับก่อน หลังแบบเถียงไม่ได้เลยว่า ต้องเรียงอย่างนั้น อย่างนั้น เช่น
    ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ที่นี้ พี่ชาติก็อาจจะงง อย่าว่าแต่พี่ชาติงงเลย พระท่านก็จนใจที่จะกล่าว
    เพราะ หลวงปู่มั่นท่านก็ปรารภว่า พระพุทธเจ้ามากมายมาโมทนากับท่าน

    ก็ฟังดูแล้ว ยังไงๆ ใช่ไหม

    ก็ขอกลับไปที่ พุทธวัจนะ ที่กล่าวว่า สมณะใดที่ประกาศเข้านิพพาน ด้วย ภพ
    หรือ แม้แต่ สมณะใดประกาศการเข้านิพพานด้วย วิภพ สมณเหล่านั้นยังไม่
    ถือว่านิพพาน

    ตรงนี้ก็ดูดีๆ ต้องเข้าใจคำว่า พูดเข้าไปในส่วนสุด

    หมายถึง พูดอย่างมั่นอกมั่นใจว่า เป็นภพ หรือ เป็น วิภพ เท่านั้น ก็เรียกว่า
    พูดเข้าถึงแบบส่วนสุด แบบนี้ก็จะถือว่า เป็นการกล่าวตามพุทธวัจนะข้างต้น
    แล้วถือว่า ยังไม่นิพพาน

    แต่ ถ้าสมณะใด พูดแบบทั้งสองอย่าง คือ พูดโดยไม่ยกเป็นส่วนสุด ประมาณ เท่านั้น
    ฟันธง ก็ถือว่า ท่านพูดถูก ถูกยังไง

    ถูกด้วยการ กล่าวให้มันเป็น "มรรค" ไม่ใช่ ชี้ผล

    หมายถึง มะอึงไปปฏิบัติให้ถึงเถอะ ถึงแล้ว ก็รู้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  13. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    นิวรณ์เอาสั้นๆ เอาพุทธพจน์มายืนยันจบ ผมไม่เชื่อว่าธรรมที่ละเอียดอย่างปฏิจสมุปบาทจะเรียงลำดับการเกิดการมี แต่ละอย่าง สลับกันไปมามั่วซั่วไำด้


    มีพุทธพจน์ตรัสเตือนไว้ ไม่ให้ประมาท หลักปฏิจจสมุปบาทนี้
    ว่าเป็นหลักเหตุผลที่เข้าใจง่าย, เพราะมีเรื่องที่พระอานนท์
    เข้าไปกราบทูลพระองค์ และพระองค์ได้ตรัสตอบ มีความดังนี้
    "น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาเลย พระเจ้าข้า, หลักปฏิจจสมุปบาทนี้
    ถึงจะเป็นธรรมลึกซึ้ง และปรากฏเป็นของลึกซึ้ง
    แต่ก็ยังปรากฏแก่ข้าพระองค์ เหมือนเป็นธรรมง่ายๆ"
    "อย่ากล่าวอย่างนั้น อย่ากล่าวอย่างนั้น อานนท์,
    ปฏิจจสมุปบาทนี้ เป็นธรรมอันลึกซึ้ง และปรากฏเป็นของลึกซึ้ง
    เพราะไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่แทงตลอด หลักธรรมข้อนี้แหละ
    หมู่สัตว์นี้จึงวุ่นวายเหมือนเส้นด้ายที่ขอดกันยุ่ง......ฯลฯ."
     
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็นั่นหน่าซี่ ที่นี้พี่ชาติก็เพียงแต่ ย้อนดูว่า ตอนนี้ ตนกำลังถือว่า รู้ปฏิจสมปุบาท
    หรือเปล่า

    แล้ว คำว่า ติดตำรา เนี่ยะ เขาไมได้ หมายถึง พูดปาวๆตรงตามตำราอย่างเดียว

    เขาให้หมายถึง เอา พยัญชนะ มาถอดลำดับ เพื่อหา แสครรูท หรือ ที่เรียกว่า ใช้
    ตรรกวิธี ค้นหาความจริง

    นี่ๆ ถ้า พี่ชาติฟัง หลวงพ่อราชรีบ่อยๆนะ ท่านจะพูดเสมอ เวลาภาวนาหนะ
    มันซับซ้อนกว่านี้ กว่าในตัวหนังสือ อย่างขันธ์กองเดียว ข้างในมันซ้อนขันธ์5
    ได้อีกนะ มันทำงานของมันได้ อย่าง พวกพรหมลูกฟัก ที่บอกว่า ไม่มีจิต
    เหลือเพียง ขันธ์1 คือ รูปขันธ์ เนี่ยะ หาก เหลือแต่รูปขันธ์ แล้วกลับมาวัฏสงสาร
    ได้ก็แปลว่า ในรูปขันธ์ก็ต้องมีขันธ์อื่นๆทำงานอีก มันถึงได้ เวียนว่ายตายเกิด
    มาได้อีก

    ดังนั้น ท่านพุทธทาส ท่านก็สอน ให้พิจารณาแบบประยุกต์ ท่านพูดก็ให้ คนปฏิบัติ

    ไม่ได้ พูดให้ฟังแล้วหยุด เอาความเข้าใจแค่ตัวหนังสือ แล้วมันจะเสียหายตรงไหน
    หากพูดเพื่องเน้นให้ลงมือปฏิบัติเนี่ยะ

    แล้วอย่างพี่ชาตินะ สมมติว่า ถึงพระนิพพานแล้ว จะ ฮานาก้า บอกใครต่อใครหรือเปล่า
    ว่า ผมกูได้ที่ดุสิตธานี จุฬาคอมเพล็กซ์

    ผมว่า พี่ชาติของผม พอได้นิพพาน อยู่จบปรพมจรรย์ปั๊ป ก็ต้อง ประกาศหละว่า ชาติ
    สววรคิ นรก ไม่มีอีก สำหรับกู เพราะ มันของไม่จริงที่สุด ของจริงที่สุด คือ ..........

    แต่ใครจะ เอาของเล่น ก็ไม่ว่ากัน ( เนี่ยะ งง ไหม ผมพยายามพูดแบบว่า ไม่สุดโต่ง ไง)
     
  15. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    แย่จัง แย่จริงๆ
    นึกแล้วว่าต้องได้ยินพวกคนที่ศึกษามามากกว่า ยึดติดตำรามากกว่า กล่าวแก้เราในทำนอง
    โทษตำรา
     
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระพุทธวจนะ วิภาคแห่งปฎิจจสมุปบาท" พระวจนะ" ภิกษุทั้งหลาย ปฎิจจสมุปบาทเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดมีวิญญาน เพราะวิญญานเป็นปัจจัย จึงเกิดมี นาม-รูป เพราะ นาม-รูป เป็นปัจจัยจึงเกิดมีอายตนะหก เพราะอายตนะหกเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมี เวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดมี ตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัยจึงเกิดมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิด มี ชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงเกิดมี ชรา มรณะ โศก ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ อุปายาส จึงเกิด มีพร้อม ความก่อ ขึ้นแห่งกองทุกข์ ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีได้ด้วยอาการ อย่างนี้................................................. ภิกษุทั้งหลาย มรณะเป็นอย่างไรเล่า ชรา คือ ความแก่ ความคร่ำคร่า ความมีฟันหลุด ความมีผมหงอก ความมีหนังเหี่ยว ความเสื่อม ไปแห่งอายุ ความแก่รอบแห่งอินทรีย์ ทั้งหลาย ในสัตว์ นิกายนั้นนั้น ของสัตว์เหล่านั้นนั้น นี้เรียกว่า ชรา........................ภิกษุทั้งหลาย มรณะเป็นอย่างไรเล่า มรณะคือ การจุติ ความเคลื่อน การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ การตาย การทำกาละ การแตกแห่งขันธ์ ทั้งหลาย การทอดทิ้งร่าง การขาดแห่งอินทรีย์คือ ชีวิต จากสัตว์ นิกายนั้นนั้น ของสัตว์เหล่า นั้นนั้น นี้เรียกว่า มรณะ ด้วยเหตุนี้แหละ ชรา อันนี้ด้วย มรระอันนี้ด้วยภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ชรามรณะ............... ภิกษุ ชาติเป็นอย่างไรเล่า ชาติคือ การเกิด การกำเนิด การก้าวลง การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฎของขันธ์ ทั้งหลาย การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตว์ นิกายนั้นนั้น ของสัตว์เหล่า นั้นนั้น ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ชาติ.......................ภิกาุทั้งหลาย ภพ เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ภพมีสามอย่างเหล่านี้ คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่าภพ.....................ภิกษุทั้งหลาย อุปาทานเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายอุปาทาน มีสี่อย่างเหล่านี้คือ กามุปาทาน ทิฎฐุปาทาน สิละพตตุปาทาน และ อัตวาทุปาทาน ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อุปาทาน.................. ภิกษุทั้งหลาย ตัณหา เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายหมู่แห่งตัณหา มีหกอย่างเหล่า นี้คือ ตัณหา ในรูป ตัณหาในเสียง ตัณหาในกลิ่น ตัณหาในรส ตัณหาในโพฎฐัพพะ และตัณหาในธัมมารมณ์ นี้เรียกว่า ตัณหา............... ภิกษุทั้งหลาย เวทนา เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายหมู่แห่งเวทนา มีหกอย่าง คือ เวทนา เกิดแต่สัมผัสทางตา เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางหู เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางจมูก เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางลิ้น เวทนาเกิดแต่สัมผัสทางกาย และเวทนา ทีเกิดแต่ สัมผัสทางใจ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า เวทนา..................... ภิกษุทั้งหลาย ผัสสะเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย หมู่แห่งผัสสะ มีหกอย่าง เหล่านี้คือ สัมผัสทางตา สัมผัสทางหู สัมผัสทางจมูก สัมผัสทางลิ้น สัมผัสทางกาย และสัมผัสทางใจ ภิกษุทั้งหลายนี้เราเรียกว่าผัสสะ........................... ภิกษุทั้งหลาย อายตนะหก(สฬายตนะ) เป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย หมู่แห่งอายตนะมีหกอย่างเหล่านี้คือ อายตนะคือ ตา อายตนะคือหู อายตนะคือ จมูก อายตนะคือลิ้น อายตนะคือกาย อายตนะคือใจ ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่าอายตนะหก......................ภิกษุ ทั้งหลาย นาม-รูป เป็นอย่างไรเล่า นามคือ เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะและมนสิการ นี้เรียกว่า นาม รูปคือ มหาภูตรูปทั้ง4 และรูปที่อาศัย มหาภูตรูปทั้ง4ด้วย นี้เรียกว่า รูป ด้วยเหตุนี้แหละ นามอันนี้ด้วย รูป อันนี้ด้วย ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า นาม-รูป.....................ภิกษุทั้งหลาย วิญญานเป็นอย่างไรเล่า ภิกาุทั้งหลาย หมู่แห่งวิญญานหกอย่างเหล่านี้ คือ วิญญาน ทางตา วิญญานทางหู วิญญานทางจมูก วิญญานทางลิ้น วิญญานทางกาย และ วิญญานทางใจ ภิกษุทั้งหลายนี้เรียกว่า วิญญาน......................ภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลายสังขาร ทั้งหลายเหล่านี้ คือ กายสังขาร วจีสังขาร และ จิตสังขาร ภิกษุทั้งหลายเหล่านี้เรียกว่า สังขารทั้งหลาย ..........................ภิกษุทั้งหลาย อวิชชาเป็นอย่างไรเล่า ภิกษุทั้งหลาย ความไม่รู้อันใดเป็นความไม่รู้ในทุกข์ เป็นความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นความไม่รู้ในความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ และเป็นความไม่รู้ในทางดำเนินถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ ภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า อวิชชา ....................ภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้แหละ เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีสังขาร เพราะสังขารเป็นปัจจัยจึงเกิดมีวิญญาน เพราะวิญญานเป็นปัจจัยจึงเกิดมี นามรูป เพราะ นามรูปเป็นปัจจัย จึงเกิดมีอายตนะหก เพราะอายตนะหกเป็นปัจจัย จึงเกิดมีผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดมีเวทนา เพราะเวทนาเป็นปัจจัยจึงเกิดมีตัณหา เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงเกิดมีอุปาทาน เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงเกิดมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึงเกิดมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โศก ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และ อุปายาส จึงเกิดมีพร้อม ความก่อขึ้นแห่งกองทุกข์ ย่อมมีได้ด้วยอาการอย่างนี้แล......(-นิทาน.ส.16/2-5/5-17):cool:
     
  17. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ปัดโถ่ ตกลง คุยไม่รู้เรื่องใช่ไหม งั้น ผมสรุปสั้น

    หลวงพ่อราชรี ของพี่ชาติเลยนะ

    ท่านกล่าวว่า หากนิพพานเป็นภพ เป็นเมืองแก้ว มีจิต มึงเตรียมผ้าขาวไปเช็ดฝุ่นด้วย

    แต่พอ คนถามท่านว่า หลวงปู่มั่นเจออะไร

    ท่านก็กล่าวว่า หลวงปู่มั่นเจอพระพุทธเจ้ามากมาย และอรหันต์มากมาย ออกมาต้อนรับ
    ท่าน

    แล้วก็สรุปง่ายๆว่า จะพูดอย่างไหน ก็ได้ หากคนนั้นเป็นคนปฏิบัติจริง ปฏิบัตดี ปฏิบัติชอบ

    * * *

    สังเกตไหม พูดได้ ท้ังสองแบบ สงวนไว้สำหรับ คนปฏิบัติ เท่านั้น จะพูดอย่าง
    ไรก็ได้ ถูกหมด

    แต่ คนที่คอยหาที่ผิด จับผิดในคำพูด หาความขัดแย้งในคำพูด เขาเรียกว่า
    ไม่ใช่ พวกปฏิบัติแต่อวดโง่(หาเรื่องขุดตัวเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  18. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    นั้นมันปฏิจสมุปบาท อนุโลมปฏิโลม กลับไปกลับมา ยังเรียงกันอยู่

    ไม่ใช่ สลับกันไปสลับกันมา แบบปฏิจสมุปบาทในชีวิตประจำวันนั้น

    ยังไม่ใช่พุทธพจน์ยืนยันนะpaetrix
    +
    สรุปสั้นๆไปเลยใหมนิวรณ์ว่า ไม่มีพุทธพจน์ยืนยันว่า ปฏิจสมุปบาทในชีวิตประจำวัน เรียงลำดับการเกิดก่อนหลังสลับกันไปมา นั้นตถาคตเรียกว่า ปฏิจสมุปบาท สั้นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  19. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..... น่าสนใจที่ว่า ผู้ ทำลาย อวิชชา หรือ ผู้มีวิชชา นั้นหมายถึงผู้รู้ อริยสัจ4(ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) รู้ทั้งหมด นี่ไม่ใช่หมายถึงท่องได้...แต่หมายถึงผู้ บรรลุแล้ว .........ผู้รู้อริยสัจ4ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค จะเรียกว่า ผู้ บรรลุแล้วก็ได้ พอมีวิชชา มันก็ไม่ ก่อสังขาร..................:cool:
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    โอยย นี่ ก็ คงจะผูกติดคำว่า ชีวิตประจำวัน แบบที่ เป็นประเด็นกันใช่ไหม

    ว่า ปล่อยไปตาม ชีวิตประจำวัน เนี่ยะ เข้าถึงนิพพานไม่ได้

    นั่นมันคน โง่สิ้นคิด ยกประเด็นไง

    เพราะ เวลาเขาพูด เขามีคำว่า ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เขาไม่ได้พูดว่า
    ปล่อยไปตามยถากรรมประจำวัน เนี่ยน คน โง่ สิ้นคิด มันก็จะปรักปรำ
    นักปฏิบัติว่า เป็นเรื่อง ปล่อยตามยถากรรม

    แต่ถ้า ฟังให้เป็น เขาก็พูดชัดๆ ว่า ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เวลา กิเลสเกิด
    ก็ปฏิบัติไปสิ ต้องทำอย่างไร เวลามะอึงกินไอติมเนี่ยะ มะอึงเคยนั่งฝันชีวิต
    ในวัยเด็กไหม(สังขารในอดีต) หรือ เคยเล็งว่า เดี๋ยวจะพาลูกกู(ธรรมภายนอก
    ลิ้นคนอื่น)ไปกินไอติมเสาร์นี้(สังขารในอนาคต) เนี่ยะ หาก ตามรู้ตามดู
    สิ่งเหล่านี้เอาไว้ด้วย เขาเรียกว่า ปฏิบัติในชีวิตประจำวัน หวะ !

    แต่ มะอึง อวดปฏิบัติไง อวดว่า การนั่งจุมปุกเท่านั้น ถึงจะใช่ ไอ้เฮีย มะอึง
    นั่งจุมปุก มันไม่ใช่เรื่อง ขอวันนั้น ตรงไหน ว๊ะ

    เนี่ยะ คนโง่ มันยก เรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาเป็น ประเด็น แล้วกล่าวสะเปะสะปะ
    ไปอย่างโง่ๆ

    ปฏิจสมปุบาท เป็นไปไม่ได้วันหนึ่ง เกิดหลายรอบ โถ่!!
     

แชร์หน้านี้

Loading...