วิธีการนับจำนวนชาติ (อสงไขยชาติ) โดยท่านพุทธทาส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ลมไหว, 31 ธันวาคม 2011.

  1. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    ไม่ทราบจะเป็นการดูถูกบารมีพระโพธิสัตว์หรือเปล่า

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 ธันวาคม 2011
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    <TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>เล่าปัง*, paetrix, อริยเทบ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ท่านว่าเสวยอารมณ์ ๑ครั้ง เรียกว่า ๑ชาติ เป็นขณะจิต
    เสวยอารมณ์ตามกระแสปฎิจจสมุปบาทครบ ๑รอบ(ใช้เวลาไม่กี่วินาที)
    และในวันหนึ่งๆก็เกิดกระแสปฎิจจสุมปบาทนับครั้งไม่ถ้วน คือ

    อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร
    สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ
    วิญณาณ เป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป
    นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด อายตนะ
    อายตนะ เป็นปัจจัยให้เกิด ผัสสะ
    ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด เวทนา
    เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิด ตัณหา
    ตัณหา เป็นปัจจัยให้เกิด อุปาทาน
    อุปาทาน เป็นปัจจัยให้เกิด ภพ
    ภพ เป็นปัจจัยให้เกิด ชาติ
    ชาติ เป็นปัจจัยให้เกิด ชรามรณะ

    โดยอธิบายว่า ถ้าเราสามารถ มีสติทำลายชาติภพแบบขณะจิตนี้ได้
    ก็มีโอกาสจะทำลายการเกิดการตายอย่างปกติที่เป็นกันอยู่

    ขอพระธรรมจงคุ้มครอง เหล่าสหธรรมมิก
    ให้พอใจในธรรมของพระพุทธองค์ที่สามารถดับทุกข์ได้
    โดยมิต้องแบ่งแยกครูอาจารย์
    เพราะต่างก็มีพระศาสดาเป็นบรมครูด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเทอญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 ธันวาคม 2011
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    เห็นด้วย เพราะมีหลักฐานที่เข้าใจได้ในคำสอนปฏิจสมุปบาท..

    การเกิดภพ ชาติ ในกระบวนความคิดแต่ละครั้งที่เกิดตัวตน

    เราอาจไม่เข้าใจในภาษานี้ดี เลยเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ต้องตายไปแล้วจริง ๆ เกิดมาใหม่อีกครั้ง จึงเป็นชาติใหม่..........ทำไมไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่เป็น สันทิฏฐิโก อกาลิโก เอหิ ปัสสิโก หรืิอเอาไว้สวดอย่างเดีียว.
     
  5. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ปฎิจจสมุปบาทในชีวิตประจำวัน..เลอะเทอะ:'(
     
  6. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เอ่อมันจริงเหรอครับเนี่ย มันยิ่งผิดแปลกไปแล้วนะเนี่ย พระพุทธเจ้าบําเพ็ญมานานจริงๆแล้วคิดว่า วันหนึ่งตัวเรา ไรพวกนี้ อะไรกันเนี่ย:p
     
  7. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    แล้วไอ้ที่ไม่เลอะเทอะ มันเป็นอย่างไร ??? ลองบอกมาหน่อยซิ
     
  8. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ขี้เกียจบอก สะอาดก็ได้ แต่สะอาดแบบงั้นๆ แต่เลอะเทอะสำหรับเรา

    อย่างหนึ่งเพี้ยน อย่างอื่นก็เพี้ยนไปเรื่อยๆ ที่ต้องเพี้ยนเพื่อให้มันตรงกับทิฐิที่มันเพี้ยนอยู่แต่แรก
    __________________
     
  9. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    มิทราบว่า ท่าน Damrong บรรลุคุณธรรมวิเศษอันใดมิทราบ โปรดสาธยาย ถึงได้กล้าปรามาสพระอริยะขนาดนั้น
     
  10. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ปรามาสตรงไหนมิทราบ ผมก็แค่แสดงความเห็นในทิฐิบางอย่างเท่านั้น และความเห็นนั้นก็ไม่ได้เป็นของที่มีแต่เฉพาะผู้ที่เป็นพระ แต่คนทั่วไปก็มีความเห็นอย่างนั้นแยะ ที่คุณกล่าวหาว่าปรามาสพระมันก็แค่ทิฐิของคุณเอง

    ที่ผมว่าเพี้ยน ก็ไม่ได้ว่าใครเพี้ยน หมายถึงสิ่งที่เป็นทิฐิความเห็นทั่วๆไป
    พออย่างหนึ่งเพี้ยน อีกอย่างก็เพี้ยนไปหมด

    เช่น ปฏิจสมุปบาท ที่เห็นว่ามันอยู่ในชีวิตประจำวัน ก็เพราะเข้าใจ วิญญาณในปฏิจสมุปบาทเพี้ยน เข้าใจว่าเป็นวิญญาณขันธ์5ละสิ..

    วิจารณ์ความห็นไม่ได้ ก็วิจารณ์ธรรมไม่ได้แล้ว ก็นั่งนิ่งๆเงียบเป็นใบ้ไป...
     
  11. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    อ่อ ท้ายรถผมติดสติกเกอร์ของท่านพุทธทาสด้วยนะ คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง อะ:cool:

    อ่อ อีกอย่างนะครับ ไอ้ที่ จขกท เอามาให้อ่านหนะ ผมไม่ได้เชื่อว่าเป็นความเห็นของท่านพุทธทาสจริงหรือไม่จริงหรอกนะครับ ก็เหมือนกัีนกับที่ไม่ได้เชื่อว่าพระท่านใดชมว่ายังไงด้วยเหมือนกัน

    ความเห็นมันเปลี่ยนแปลงได้ ความเห็นที่เอามาให้ดูนั้น จริงไม่จริงแค่ไหนก็ไม่รู้ ตั้งแต่เมื่อไร เปลี่ยนแปลงหรือยังก็ไม่รู้ แค่วิจารณ์ความเห็นเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  12. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ปฎิจจสมุปบาท แปลว่า การเกิดขึ้นพร้อมแห่งธรรมทั้งหลายเพราะอาศัยกัน, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน จึงเกิดมีขึ้น

    หรือ สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ

    อธิบายในมุม วัฎฎะสงสาร ความข้องในภพก็ได้

    อธิบายในมุม วิปัสสนาภูมิ เป็นสัจจะปัจจัยในแต่ละขณะจิตก็ได้
     
  13. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    แล้วคุณแน่ใจหรือว่าตัวคุณเป็นสัมมาทิฐิ ถ้ายังไม่ใช่ คุณก็ไม่ได้แตกต่างจากคนอื่นๆเลย มันก็คือๆกันนั่นแหล่ะ ยังไม่พ้นไปเหมือนกัน

    ไม่เห็นด้วยก็คือไม่เห็นด้วย หรือจะบอกว่าผมไม่เคยอ่านคำสอนนี้เลย คุณไปเอามาจากไหนก็ได้ ไม่ใช่ว่าเขาเลอะเทอะ อันนี้มันเป็นอาการปฏิเสธโดยชัดเจน และถ้าคุณบอกว่า คุณนับถือท่านพุทธทาสแล้วทำแบบนี้ยิ่งแย่ไปใหญ่ ดูถูกครูบาอาจารย์ของตน ก็เห็นอยู่ว่าเขาเอาเนื้อหามาจากหนังสือ
     
  14. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    ปฏิจจสมุปบาท ฮัมเพลง

    พระพุทธเจ้าจอมมุนีบรรลุธรรมอันยิ่งแล้ว แต่มักจะนำพระคาถานี้มาท่องเล่นอยู่เสมอ
    ภิกษุรูปหนึ่งเดินมาพบเข้า พระศาสดาจึงบอกพระคาถานี้ให้รับเอาไป

    จักขุงจะ ปฏิจะ รูเปจะ
    อุปัชชติ วิญญาณัง
    ติณณัง ธัมมานัง สังฆาฏิผัสโส
    ผัสสะ ปัจจะยา เวทนา
    เวทนา ปัจจะยา ตัณหา
    ตัณหา ปัจจะยา อุปาทานัง
    อุปาทานัง ปัจจะยา ภโว
    ภวะ ปัจจะยา ชาติ
    ชาติ ปัจจะยา ชรามรณัม
    โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมะนัสะ สัมพะวันติ

    แปลว่า

    ตา และ รูป ถึงกันเข้า เกิด วิญญาณทางตา(การเห็น)
    และการถึงกันเข้าของธรรมทั้งสามเรียกว่าผัสสะ
    ผัสสะทำให้เกิดเวทนา คือ รสชาติอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น สวย
    รสชาตินี้(สวย) ทำให้เกิด ความอยาก
    ความอยาก ทำให้เกิด ความยึดถือในรสชาติ(ของตน)
    ความยึดถือ ทำให้เกิด ความมีในรสชาติ
    ความมี ทำให้เกิด ความเป็นผู้ได้เสพรสชาตินั้น(ตัวตน)
    ความเป็น ทำให้ ความทุกข์ต่างๆจึงเกิดขึ้น

    แล้วก็มี อาการทาง หู-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ในปริยายเดียวกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2012
  15. dhidadoy

    dhidadoy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +8
    ขอแสดงความคิดเห็นอันน้อยนิดของผมสักคน เพราะมีแต่การทะเลาะกัน อ่านมาก็พอควรเกี่ยวกับอสงไขย เท่าที่อ่านมามันก็คล้่ายๆกันแต่ อ่านตรงนี้รู้สึกแปลกใจเท่านั้นเอง ว่าถ้าคนเรามีกรรม หรือ สัตว์ที่เขามีกรรมต้องเกิดมาชดใช้กรรมแบบนั้น เ่ช่นเกิดเป็นปลา หรือเป็นขอทาน 500 ชาติ (จำคำสอนของหลวงพ่อฤาษีท่านเล่าว่า มีหญิงคนหนึ่งไปใ้ช้ภิษุณีย์ให้หยิบกระตร้าหมาก หรืออะไรนี่ล่ะ หรือ ไปว่าภิษุณีว่าท่านเป็นหญิง.........(จำไม่ได้นานแล้ว ) ด้วยความไม่รู้ว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ก็เลยต้องเกิดเป็นหญิงขายบริการ 500 ชาติ ถ้าใครมีหลักฐานไร เอามาลงด้วย ผมหาไฟล์ไม่เจอ) ถ้าคิดในรูปแบบที่อ่านข้างขน มันก็สามารถชดใช้กรรมให้หมดเร็วในหนึ่งชีวิตของเขานะดิ่ แต่ท่านจะตีความหมายออกมายังไงก็ชั่งท่านเถอะ ความรู้เราน้อยหนักเมื่อเทียบกับท่าน แต่ผมว่าเชื่อที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ท่านบอกท่า่นสอนเอาไว้นั้นล่ะดีที่สุด หรือไม่จะเถียง
     
  16. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ............... ก็เป็น พระ อริยะในชาตินี้ นะสิครับ...อย่างต่ำก็พระโสดาบัน เกิดอีกไม่กี่ชาติ....:cool:
     
  17. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    เลอะเทอะจริืงๆ ผมไปบอกเมื่อไำรว่าผมเป็นสัมมาทิฐิ
    แล้วผมไปบอกเมื่อไรว่าผมนับถือพุทธทาสเป็นอาจงอาจารย์ ทำไมคุณเลอะเทอะอย่างนี้ละ
    เลอะเทอะ ไม่เอาละ ไม่คุยกับคนเลอะเทอะละ พูดเองเออเองก็ได้นิ :'(
     
  18. iivv

    iivv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +201
    เออนะ ฝรั่งบอก โก โซ บิ๊ก (go so big)

    ไปกันใหญ่แล้ว

    (เอาพระเวชสันดร ในทศชาติเอาแค่ชาติเดียวนะ หรือบารสิบ สิบชาติสุดท้าย

    นี่สงสัยพอเกิดมาปั๊ป ไม่ต้องทำมาหากินกันล่ะ จินตนาการ

    แต่เรื่องพระเวชสันดร มีพ่อชื่อนั้น มีแม่ชื่อนี้ พระช้างแก้ว

    ดีขนาดนั้น ลูกเต้า เมีย ข้าทาสบริวาร บ้าน เมือง ป่า

    ความเป็นไปของชีวิต โอ๊ยไม่ไหว มันไม่จบอ่ะฯลฯ)
     
  19. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    อธิบายในมุม วิปัสสนาภูมิ เป็นสัจจะปัจจัยในแต่ละขณะจิตก็ได้

    ขอเชิญอาหลง อธิบายในมุึมวิปัสสนาก่อน ขอละเอียดนิดนึง
    เช่น อวิชชาคืออะไร เหตุใดจึงเป็นปัจัยให้เกิดสังขาร
    สังขารคืออะไร เหตุใดจึงเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ
    วิญญาณคืออะไร ??
    -----------------------------------------
    หรือจะตอบข้างล่างนี้ก่อนก็ได้

    หากสังขารคือการปรุงแต่ง อย่างที่รู้ๆกันว่า ปรุงแต่ง นาม รูป ทั้งหลาย
    ถามว่าจะปรุงแต่งนามรูปได้อย่างไร ในเมื่อ อายตนะ ผัสสะ ยังไม่มา


    หากกล่าวว่าอายตนะ ผัสสะมีอยู่ก่อนจะปรุงแต่งแล้ว ถามว่า งั้นทำไมในปฏิจสมุปบาทไม่กล่าวว่า
    อายตนะ ผัสสะ สังขาร เวทนา หรือ
    อายตนะ ผัสสะ วิญญาณ สังขาร เวทนา

    มีอายตนะ ผัสสะแล้ว ไม่มีการปรุงแต่ง แล้วมีเวทนาได้อย่างไร??

    คงไม่บอกว่า.....นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2012
  20. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ"....ภิกษุทั้งหลาย เมื่อกาย มีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะกายสัญเจตนา เป็นเหตุ ภิกษุทั้งหลาย หรือว่าเมื่อ วาจา มีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะวจีสัญเจตนา เป็นเหตุ ภิกษุทั้งหลาย หรือว่าเมื่อ มโน มีอยู่ สุขและทุกข์ อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัญเจตนา เป็นเหตุ....................ภิกษุทั้งหลาย อนึ่งเพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัยนั้นแหละบุคคล ย่อมปรุงแต่ง "กายสังขาร" อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน ด้วยตนเองก็มี หรือว่าเหตุปัจจัยอะไรอื่น เป็นเหตุให้บุคคลปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดแก่เขาก็มี หรือ ว่าบุคคลรู้เรื่อง นั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตนอยู่ก็มี หรือ ว่าบุคคลไม่รู้เรื่อง นั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่งกายสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตนอยู่ก็มี ................................................ภิกษทั้งหลาย หรือว่า เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย นั่นแหละ บุคคลย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน ด้วยตนเองก็มี หรือว่าเหตุปัจจัยอะไรอื่น ที่เป็นเหตุให้บุคคลปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้ทุกข์และ สุขที่เป็นภายในเกิด ขึ้นแก่เขาก็มี หรือว่า บุคคลรู้เรื่อง นั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่ง วจีสังขาร อันเป็นปัจจัยให้ทุกข์และสุขที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี หรือ ว่า บุคคลไม่มีความรู้เรื่อง นั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่งวจีสังขาร อันเป้นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี..................................ภิกษุทั้งหลาย หรือ เพราะว่ามีอวิชชาเป็นปัจจัย นั้นแหละ บุคคลย่อม ปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้ สุขและทุกข์ ที่เป็นภายในเกิด ขึ้นแก่ตน ด้วยตนเองก็มี หรือว่าเหตุปัจจัยอะไรอื่นเป็นเหตุให้บุคคลปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป้นปัจจัยให้สุขและทุกข์เกิดขึ้นแก่เขาก็มี หรือว่าบุคคลรู้เรื่อง นั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่งมโนสังขารอันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตน อยู่ก็มี หรือว่าบุคคล ไม่มีความรู้เรื่องนั้นนั้นอยู่ ย่อมปรุงแต่งมโนสังขาร อันเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ ที่เป็นภายในเกิดขึ้นแก่ตนเองอยู่ก็มี........ ภิกษุทั้งหลาย อวิชชาเป็นตัวการที่แทรกแซงอยู่ในธรรมทั้งหลาย เหล่านี้.............................. ภิกษุทั้งหลายเพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว กาย นั้น ก็ไม่มีเพื่อ ความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา วาจา นั้นก็ไม่มีเพื่อ ความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา "เขตต์"(กรรม ที่เปรียบเหมือนเนื้อนา สำหรับงอก) ก็ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกขื อันเป้นภายในเกิดขึ้นแก่เขา วัตถุ ก้ไม่มีเพื่อความเป็นปัจจัย ให้สุขและทุกข์อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา อายตนะก็ไม่มีเพื่อ ความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายในเกิดขึ้นแก่เขา อธิกรณะ(กรรมเป็นเครื่องกระทำให้เกิดการงอก) ก็ไม่มีเพื่อ ความเป็นปัจจัยให้สุขและทุกข์ อันเป็นภายมนเกิด ขึ้นแก่ เขา.................. (อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...