กายวัชระ หรือกายทิพย์ขั้นเพชร และการบำเพ็ญอาวุธทิพย์ชั้นเพชร

ถ้าอย่างนั้น เราก็จะพังเอง
และตอนนี้ มันก็ทำไม่ได้จริงๆ
ผู้หญิงออกลูกโดยไม่มีผู้ชายได้ไหม?


บางอย่างมันทำเองได้เสียทีไหน?
(ไม่ใช่เรื่องมีบุตรนะครับ เรื่องพลังบางอย่าง)

 

เหอ เหอ หัวอกเดียวกันครับ

ไม่มีใครที่ไหน จะมารองรับ คนแบบพวกเราได้หรอกครับ นอกจาก ต้อง สร้าง สังคมที่ว่านี้ ขึ้นมาเองครับ....แบบว่า...คนอย่างพวกเราต้องทำอะไรที่ คนอื่นเขาทำกันไม่ได้น่ะครับ เราต้องทำในสิ่งที่คนอื่น ยังไม่ได้ ทำ ว่างั้น

มาม๊ะ...มาอยู่ ด้วยกัน อิอิ

 

เอาจิตใจของคุณ มา เป็นเพื่อนกับผมสิครับ ..ยอมเป็นเพื่อนกับผม
แล้ว พลังของผม จะ เป็นมิตร และ ครอบคุณ เอง....แต่พลังผม ไม่ดำนะครับ
แค่มืดตึดตื๋อ ...คุณอย่ากลัว เท่านั้นเอง

กล้าเปล่าล่ะ รับรอง ว่า ไม่ครอบคุณแน่นอน แต่ จะ...ดูแลคุณแทน..เอาเปล่า

 

ถ้าคุณ คือผู้ชาย....คุณต้อง รับ พลังงานดี จากเพศหญิง มาช่วยปรับสมดุลย์

ถ้าคุณคือเพศหญิง คุณต้องรับ พลังงานดีจากเพศชาย มาช่วยปรับสมดุลย์

รู้แล้วสินะ...ทีนี้ ขึ้นอยู่กับคุณ ว่า...คุณ จะเปิดใจ ศรัทธา ...คนอื่น เห็นความสำคัญของคนอื่น เห็นคุณค่าของคนอื่นบ้างหรือไม่เท่านั้นเองครับ เพราะ คนในโลก หญิงหรือชาย....ถูกสร้างมาเพื่อ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รักกัน ครับ

ไม่งั้น...ความสุข ก็ จักไม่มีในโลก

 

นี่ไม่ใช่ชาติสุดท้ายของเรา


เราจึงไม่อาจทำทุกอย่าง "จบที่ตัวเราเอง" ได้
เราจำเป็นต้องอาศัย "บารมี" ของท่านผู้อื่น
ร่วมประสาน, ร่วมคานสมดุล, ร่วมทางกัน
อย่าดูถูกพลังดำว่าเลวร้ายเสมอไป มันมีหน้าที่ของมัน
ถ้าท่านไม่เคยใสสว่างถึงที่สุด ท่านจะไม่เห็นว่ามันมีคุณค่าแค่ไหน



....

 

คงไม่สามารถใช้ผู้หญิง 1 คนแล้วจบได้
นี่พูดความจริงนะ มันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้หญิงคนหนึ่งรับไม่ไหว ต้องจรจากไป
แล้วก็มาเรื่อยๆ แล้วชีวิตผมจะเป็นยังไง?
ไม่กลายเผ้นคนบาป ไร้ความรับผิดชอบหรือกหรือ?

 

การเรียนรู้กันและกัน และมีเมตตาต่อกัน เป็นการ กระทำที่สมควรเข้าใจ ไม่ไช่ ต้องให้ใครคนใด มาบอก ว่า ...เราต้องทำ

นี่แหล่ะ คนทางแห่ง ความเป็น มนุษย์ผู้ประเสริฐ...เราทุกคน ต่างเกิดมา ไม่เหมือนกัน แต่ ทุกคน สามารถทำตนเองให้มีคุณค่าแก่คนอื่น สร้างประโยชน์แก่คนอื่นได้ โดยที่ ทำแล้ว ไม่ได้ อยากรับ สิ่งใดตอบแทน เป็นการให้ ที่ไม่ต้องการสิ่งใดใดตอบแทน ให้ด้วยใจ และ คนที่รับ ก็ ไม่ต้องตอบแทนใดใด...แค่รับด้วยใจ เท่านั้นก็พอ

เราคือ มนุษย์ที่ประเสริฐ ด้วยการ ให้ ความรัก ความสุข แก่ผู้อื่น โดย ไม่หวังผลตอบแทนอะไรเลย

 

นิตยโพธิสัตว์ กับ นิตยโพธิสัตว์
จึงจะพอมีกำลังบารมีคานกันได้
นางแก้ว 1 คนก็คานไม่ไหว ...

 

นี่เป็นการเข้าใจผิด...ที่ หลายๆชีวิต หลายๆจิตวิญญาณ ที่ ไม่รู้จริง สุดท้าย ต้อง มาเกิดแล้วเกิดอีก สร้างกรรมผูกพันแล้ว ผูกพันอีก จน ยุ่งเหยิง

ท่าน จงจำคำของผม เอาไว้....

1.คนทุกคน เป็น คนดี ที่สุดในโลก ...ได้ทุกคน
2.ผู้หญิง ทุกคน เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด สำหรับ ....สามีได้ ถ้าสามี รู้ วิธีการสร้าง
3.ผู้ชายทุกคน เป็นคนดีที่สุด สำหรับ ผู้หญิงได้ ถ้า ภรรยา รู้ วิธีการสร้างคน

นี่คือ สิ่งที่ ผู้หญิงและผู้ชายในโลก ผ่านด่านนี้ได้ยากมากมาก เพราะ สุดท้าย ท้อแท้ คิดว่า ....

ผู้ชายคิดว่า ..ไม่มีผู้หญิงคนไหน ดี พอ กับตน
ผู้หญิงคิดว่า ..ไม่มีผู้ชายคนไหน ดี พอ กับ ตน

แต่...หารู้ไม่ว่า ...การเป็นคนดี....มันต้อง เป็นร่วมกัน รู้เหมือนกัน เข้าใจกัน และ ต้อง ฝ่าฟัน อุปสรรค ทางความนึกคิดใน ใจ มากมาย หลาย เหตุหลายปัจจัยนัก

แต่....ทำได้....ทุกคน เป็นคนดี ได้ ...ผม รับรองว่า มีวิธีอยู่ครับ

 

ทุกวันนี้ก็ทำกิจโดยพลังธรรมชาติภายในขับดัน
ไม่มีใครมาสั่ง มาบอกให้ทำเลย หาคนสั่งไม่ได้
ความเข้าใจของคุณ อาจพอใช้ได้กับคนทั่วๆ ไป
แต่บางคนฝึกจิตมากเกินไป จนผิดไปจากเดิมแล้ว
เขาถึงรู้ว่าการฝึกไม่ใช่ทางหลุดพ้น จิตไม่ต้องไป
ฝึกอะไรมัน แต่ทว่า ตอนนี้ มันย้อนเวลากลับไป
ไม่ได้ มีแต่จตะเดินหน้าอย่างไร ในแบบที่เราเป็น
ซึ่งมันไม่เหมือนคนอื่นๆ โดยทั่วไปเขาเสียแล้ว...

 

ท่าน ครับ....คำว่าคานรับ บารมีท่านไม่ไหว...หรือ คานรับ ความอยากในใจของท่านไม่พอ ...ท่านไม่รู้จักพอ..เอง หรือเปล่าครับ...ถ้าเราไม่รู้จักพอ ..แล้วคนอื่น เขา จะยอมรับเราได้ยังไง ...ถ้าเขาไม่รู้จักพอบ้าง...ท่านกลับ คิดว่า อีกคน เต็มไปด้วยความอยาก

เชื่อผมเถอะ...ชายทุกคน ต้องผ่านด่านนี้ หญิงทุกคน ก็ต้องผ่านด่านนี้ เหมือนกัน......ครับ

 

อย่ากลัวไฟ อย่ากลัวความมืดดำ
ทั้งสองอย่างต้องมีคู่กัน คานดุลยภาพกัน
ขาดอันใดอันหนึ่งไม่ได้ จงเรียนรู้ที่จะสร้างดุลยภาพให้มัน


น้ำกับไฟ ไม่มีทางเข้ากันได้ ความมืดกับความสว่าง ก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่หรือ?
วันใด คุณปฏิเสธ ไฟ ต่อมา ธาตุน้ำก็จะหายไปด้วย เพราะมันเป็นของคู่กัน

 

ถ้าท่าน มาให้ผม เขกหัว ท่านด้วย ...ไม้ตะพด แล้ว จิตท่าน...ไม่เจ็บไม่ปวดไปกับร่างกายของท่าน ตามที่ท่านคิด ว่า ...จิตท่าน มัน เอาไม่อยู่แล้ว ล่ะก้อ

ผมจะเชื่อท่านครับ......ท่านคิดไปเอง นะครับ....หวังว่า ท่านคงไม่ ..เดินเหมือนคนทั่วไป ท่านคง เหาะ แทนการเดิน หรือครับ ท่านถึง บอกว่า จิตท่าน ไม่เหมือนเดิม....อิอิ

ท่าน แค่ ติดอยู่กับ ความคิดของ ตัวเองฝ่ายเดียวเท่านั้นเอง...ท่าน ไม่เคย ดู หรือ แลมอง ชาวบ้าน ชาวช่อง เขามั่งไงครับ ท่านเลย ดีโด่ อยู่คนเดียว

ท่าน เลย ไม่เห็นตัวเอง ว่า เป็นคนธรรมดา เหมือน คนอื่นทั้งหลายในโลก ใงครับ

แถวบ้านผม เมียผม ลูกสาวผม ก็เคย บอกว่า พ่อบ้า.....เออ ไช่ สงสัย พ่อจะบ้า กับ ความคิดของ ตนเอง ....จริงๆ

 

โลกของเรา.....ธาตุต่างๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ...มัน อยู่รวมกัน ประชุมกันอยู่เป็นโลก....ร่างกายของเรา คน สัตว์ พืช....ธาตุ มันก็ มาประชุม รวมกันอยู่ ..เท่านั้นเอง.....เมื่อ หมดเวลาประชุม ก็ เลิก ประชุม....ได้ เหมือนกัน

ท่านคิดมากไปเปล่า เรื่องธาตุ....ธาตุมันคือ ตัวที่สร้าง ตัวตนท่านนะครับ
ตัวตนท่าน มาจาก การประชุมธาตุ....ท่านอย่าคิดมากเลย เรื่อง ขาด สาร ไม่ขาดสาร

ตราบใดที่ท่านไม่ตาย ธาตุไม่เลิกประชุม...มันก็ยังเป็นท่านอยู่นั่นแหล่ะ

ส่วนความมืดความสว่างนั้น เป็นเรื่อง ของ ผู้สร้างเขา ครับ...มันเป็น ธรรมชาติ ของการสร้าง ในส่วนของผู้สร้าง
ทำไมท่านต้อง เข้าไป อยากรู้ อยากร่วม เพื่อสิ่งใดกันครับ

ไม่มืดก็ สว่าง ไม่สว่างก็มืด......ก็แค่นั้น ท่านไม่ได้กิน ความมืด หรือ แสงนี่ครับ

เราทุกคน สัตว์ทุกคน กินธาตุ ...ในโลกครับ....

 

อ่านสนุกดีครับ ............
ธรรมะเป็นสิ่ง ปัจจัตตัง.........

 

เคยจับปลาไหลไหม? ไม่ใช่ของง่าย
เคยจับนกหรือเปล่า? ไม่ใช่ของง่าย
คนบางคนยิ่งกว่าปลาไหลหรือนก
ไม่ใช่ความอยากหรือความพอ แต่
ผมไม่รู้จะอธิบายธรรมชาตินี้อย่างไร
ผมรู้แต่ว่า ผมประเมินได้ว่าใครเอาอยู่ ไม่อยู่
เคยนั่งคุมเตาไฟไหม วันหลังไปด่าไฟสิ รู้จักพอดีมั่งนะ
เคยนั่งคุมน้ำหรือเปล่า? วันหลังก็บ่นมันสิ รู้จักพอดีบ้าง?


คนบางคน ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะใช้ทฤษฎีพื้นฐานจัดการได้หรอกนะ

 

โอเค พอดีกว่า นะ ...
ที่ผ่านมาก็ลืมๆ ไปซะ
ถือว่าไม่ได้พูดก็แล้วกัน

 

ก็ท่าน เอา มาตรฐานจากไหน มาเป็น ตัว วัด ล่ะครับ.....ท่านเอามาตรฐาน จากไหน มาเป็น ตัวชี้วัด ความ พอ ไม่พอ ...ของตนเองล่ะครับ

1.ทำแล้วเรา สบายกาย สบายใจ หรือเปล่า
2.ทำแล้ว คนอื่นสบายกายสบายใจ หรือเปล่า

หรือท่าน เอา ตัวเอง วัด ...เอา ความสบายกาย สบายใจ ของ ตนเป็นหลัก...แล้วท่านไม่คิดว่า คนอื่น เขาก็ ต้องการเหมือนท่าน ไม่ได้หรือครับ คนอื่นคิดไม่ได้เหมือนท่านหรือครับ

คนทุกคน...ก็เลย ต้อง ...รู้เขารู้เรา เอาใจเขามาไส่ใจเรา เอาใจเราไปไส่ใจเขา....เพื่อที่ จะ เข้าใจในกันและกันไงครับ

ไม่มีอะไร ที่เป็น โลก สมมุติ บัญญัติ นี้....จะจัดการกับมันไม่ได้ ไม่มีหรอกครับ

ตราบใดที่ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกสร้าง...มาเป็น สมมุติบัญญัติแล้วล่ะก้อ...จับได้ครับ...ไม่ว่า จะเป็น จิต....วิญญาณ ความคิด ความสงสัย ความอยาก ความพอไม่พอ

ทุกอย่าง มันคือ...สมมุติที่ถูกสร้าง มาทั้งสิ้น.....เราเอาอยู่ครับ

 

ท่านทำไม ต้อง กลัว แม้แต่ การพูดถึง สมมุติ ทั้งปวง ล่ะครับ

ทุกอย่าง ทุกสมมุติที่ถูกสร้างขึ้นมา มันเป็นไป ตามกฏ แห่ง ไตรลักษณ์ ทั้งหมดทั้งสิ้น.....

ท่าน อย่าหลง ตัวเอง สิครับ...จิตของท่าน มัน ดับได้ อยู่แล้ว...ตราบใดที่ จิต ของท่าน ยัง อยู่ในวัฏฏะสงสาร หรือ อยู่ใน ภพภูมิ หรือ ต้อง มี ร่างกาย มา รองรับ

จิตท่าน มัน ก็ ...ของปลอม มาจาก อนัตตา ....เหมือนกันครับ