พระกริ่งปวเรศ ประจำรัชกาลที่4 ปี พศ. 2394

ตามบันทึกของวัดบวรนิเวศวิหาร ได้กล่าวถึงสัดส่วนโดยประมาณใกล้เคียงกับความจริงของพระกริ่งปวเรศองศ์ครู ไว้ดังนี้
"สูงจากปลายฐานด้านล่าง ถึงปลายพระเมาลี 40 ม.ม. สูงจากหน้าตัก ตรงที่ไขว้พระชงฆ์ ถึงปลายพระเมาลี 28 ม.ม. หน้าตักกว้าง 18 ม.ม." เนื้อพระ เป็นนวเดชหรคุณ เมื่อสำเร็จจากเบ้า จะมีเนื้อสีจำปาเทศคล้ายสีนาค แล้วจะค่อยๆ กลับดำ เมื่อสัมผัสอากาศและจะดำสนิท
แต่ที่ว่ากลับดำนั้น ก็มิได้กลับดำเหมือนพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราชแพวัดสุทัศน์ฯ เพราะพระกริ่งปวเรศนั้น เนื้อแกนหลักเป็นเนื้อพระบูชา คือเนื้อฐานพระพุทธชินสีห์ ซึ่งเป็นโลหะเก่าที่หมดยางแล้ว เมื่อจะหลอมสร้างเป็นพระกริ่งขึ้นมาใหม่นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะตามตำราไม่ได้ เพราะพระจะชำรุดเนื้อไม่สมานกัน ต้องใส่โลหะเงินเป็นเชื้อประสาน ทำให้พระกริ่งปวเรศนั้นกลับดำก็จริงอยู่ แต่จะกลับดำแบบดำด้านๆ แบบถ่านหุงข้าว มีเกล็ดโลหะที่ไม่กลืนกันอยู่ในซอกที่แต่งองค์พระไปไม่ถึง และผิวองค์พระทั่วไป เมื่อส่องด้วยแว่นส่องพระ จะเห็นเกล็ดโลหะดำสานทับเนื้อพระบูชาในลักษณะตามุ้งไม่กลืนเป็นเนื้อเดียว แต่ที่เห็นที่ลงหนังสืออวดกันหนักหนาว่าเป็นองค์แท้นั้น ถ้านับดูจากพระที่โชว์ก็เกิน 30 องค์แล้ว แต่จะไม่ฟันธงถือเป็นแท้หมด เลยยกประโยชน์ให้จำเลยแล้วกัน

ลักษณะโดยทั่วไป ของพระกริ่งปวเรศองค์ครู จากวัดบวรนิเวศฯ พอสรุปได้ดังนี้
พระพักตร์กลมป้อม ไม่เป็นหน้าตักแตนแบบพระกริ่งจีนเรียกว่า "หน้าไทย" พระศอด้านหน้าต้อ ไม่ปรากฏเป็นลำตั้ง ได้สัดส่วนกับพระเศียร พระศกเป็นเม็ดตอกโดยตุ๊ดตู่ไม่ใหญ่ไม่เล็กพองาม ปลายพระเมาลีกลมป้อม พระกรรณสองข้างห้อยประพระพาหา พระเนตรหรี่ปรือช้อนเป็นตาหงส์ ไม่ยาวแหลมเหมือนตาจีนดูเป็นไทยมากกว่า พระโอษฐ์แย้ม พระนาสิกโด่งพอประมาณ รองพระนาสิกด้านบนแต่งเสี้ยวจันทร์ประภาปรากฏอยู่ แต่กลมกลืนไปกับพระเมาลี ขัดพระชงค์แบบรัตนบัลลังค์(ขัดสมาธิเพชร) รองรับด้วยชายผ้าทิพย์แต่งเป็นกลีบและเส้นลึกสามเส้น
พระหัตถ์ซ้ายที่รองรับหม้อน้ำมนต์นั้น ปรากฏเพียงสองนิ้วลักษณะเป็นก้ามปูแต่ไม่เหมือนกริ่งใหญ่ หม้อน้ำมนต์แต่งเป็นรูปยาวรีขึ้นด้านบน มีการแต่งเป็นขีดแบ่งส่วนที่เป็นฐานและที่เป็นฝาของหม้อน้ำมนต์ พระหัตถ์ขวากุมพระชานุแต่งนิ้วพระหัตถ์แบบง่ายๆ เป็นสันตามธรรมชาติ มีสันขอบรองฐานผ้าทิพย์และอาสนะ เป็นเส้นแบ่งประภามณฑลระหว่างเส้นนิสิทนสันถัต(ผ้าปูรองประทับ) กับอาสนะบัวสองชั้นที่รองรับอยู่ อาสนะบัวสองชั้น 7 กลีบ ด้านหน้าและด้านหลังอีก 1 กลีบ รวมเป็น 8 กลีบเห็นด้านหน้า 5 กลีบ อยู่เยื้องไปด้านหลังซ้ายขวาด้านละกลีบ ส่วนอีกกลีบที่อยู่ด้านหลัง เพื่อให้แยกเป็นเอกลักษณ์
ด้านล่างสุดมีการปล่อยเนื้อเกินไว้ในพิมพ์ เป็นเส้นกันบัวอาสนะรับกับเส้นกันบัวด้านบน และรับกับความหนาของโลหะที่นำมาอุดกริ่งด้านล่างอีกด้วย บัวกลีบที่ 8 อยู่กึ่งกลางฐานด้านหลังแนวเดียวกับมุ่น พระเมาลียกขอบด้านนอกมีรอยแต่งขอบด้านในด้วย องศ์ครูวัดบวรฯ มีการตอกโค๊ต รูปเม็ดงาด้านบนซ้ายของกลีบบัวด้านหลัง


มีข้อสังเกตจากคุณหลวงบรรณยุทธชำนาญ กล่าวเอาไว้พอสรุปได้ว่า พระกริ่งปวเรศนั้น นอกจากสมเด็จกรมพระยาปวเรศจะได้สร้างเองแล้ว หลวงชำนาญเลขายังได้ขอเอาเบ้าไปเทเอง การนี้เองจึงได้เกิดกริ่งปวเรศขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง พิมพ์และโค๊ตเป็นระเบียบเดียวกัน แต่เนื้อของหลวงชำนาญนั้นอ่อนกว่า อันนี้ก็เป็นแค่เสียงลือเสียงเล่าอ้าง เพราะแค่สันนิษฐานเท่านั้น แต่ธรรมชาติพระที่ใช้โลหะเก่าเป็นแกน และใช้โลหะใหม่ประสาน แถมหล่อทีละองค์ มันยากที่จะสรุปเช่นนั้น
เอาเป็นว่าพระกริ่งปวเรศนั้น เป็นสุดยอดของพระกริ่งถือเป็นจักรพรรดิแห่งพระกริ่งก็ไม่ผิด ราคาเช่าหานั้นไม่มีด้วย 8 หลักยังไม่มีใครปล่อย แถมที่ปรากฏอยู่ในนิตยสารพระเครื่องก็อยู่ในคนมีตระกูลใหญ่ ผู้ดีเก่ากันทั้งนั้น และที่อยู่ในครอบครองของตระกูลเก่าอีกไม่รู้เท่าไหร่ โอกาสที่จะฟลุ๊คพบเห็นตามสนามพระนั้นตีเก๊ได้เลย สำหรับในส่วนชาวเกจิอาจารย์นั้น ก็มีมรดกตกทอดมาองค์หนึ่งซึ่งเป็นของสมาชิกผู้ก่อตั้งเวปเกจิอาจารย์เอง ซึ่งนำมาให้ชมพอที่จะให้รู้ว่าเราคือสุดยอด




ข้อความจาก http://www.kaejiarjan.com/kaejiarjan/kaeji-pra-kreung/263-pra-krine-pavares-of-thailand.html

ซึ่งส่วนใหญ่คล้ายกับหนังสือรวมพระกริ่งที่หน้าปกเป็นรูปด้านบนนะครับ













ไม่ได้ลบหลูหรือดูถูก และเข้าข้างท่านใด แต่การที่ดูพระเเล้วเห็นไม่เหมือนกันไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด
ไม่ได้ตัดสินว่าใครจะเก่งกว่าใคร และไม่ได้ตัดสินเป็นข้อยุติว่าพระองค์นั้นแท้หรือปลอม

ขอบคุณครับ

 

ครับเรียนรู้กันไม่หมดหลอกครับ ของฝีมือก็ทำกันออกมาแทบทุกวัน หลายเวอร์ชั่น:boo:
ผมเองเล่นพระดูพระมาหลายปีดีดักแล้ว ยังไปไม่ถึงไหนเลย โง่ดักดานจริงๆ
จึงได้ใช้ user ว่า oondoyja (อ่อนด้อยจ้า) เพราะอ่อนด้อยจริงๆ ;9k
ตอบก็มั่วตามใจตัวเอง ไม่มีคำอธิบาย จึงไม่ต้องเชื่อถือให้มากนัก ตอบเอาขำขำ
ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกับใคร 5555 ต่อไปก็อย่าว่าผมนะผมกลัวแล้ว pity_pig
(เมื่อก่อนเคยเถียงแล้วลำคาญใจเลยดูซะส่วนใหญ่ แต่เห็นพี่มันตรัยไปแล้วกลัวห้อง
โหลงเหลงเลยมาช่วยตอบยันกันไว้ พี่มันตรัยมาผมจะได้หลบไปดูเงียบๆเหมือนเก่า สบายดี อิอิ)

 

ขอบคุณสำหรับวิทยาทานที่ พี่โตว์ กับพี่ ธณต มอบให้ครับ
สะสมพระไม่ควรทำใจให้เป็นทุกข์ จะโต้เถียงชนะหรือแพ้ จะโดนต่อว่า หรือด่าทอเขา ไม่ได้เป็นสุขแม้แต่นิดเดียว ทุกท่านเข้าใจเรื่องนี้ดี แม้จะจบเหตุการณ์นี้ไปแล้วก็ตาม ยั้งได้ควรยั้ง หยุดได้...ควรหยูด...จะได้ไม่เสียใจกันภายหลัง
ให้อภัยเป็นสิ่งที่สูงส่ง...ผู้แพ้...คือผู้ชนะใจตนเอง อนุโมทนา

 

สุดเจ๋งงงงเรยยยยยย คราฟฟฟฟพี่ จะยึดถือไว้คับ

 

สา....ธุ ตรับ

 

คือการดูพระเนี่ย ต่างคนต่างดูมันก็จบครับ ไม่ใช่ไปวิจารย์ความคิดเห็นของคนอื่นในทางเสียหาย ตั้งแต่เล่นในว็บนี้มาผมก็ไม่เคยเลยที่จะไปวิพากวิจารณ์ความคิดเห็นของใครถ้าใครเค้าไม่ถาม ใครจะว่าเก๊ ใครจะว่าแท้ก็สุดแล้วแต่ ผมก็ตอบไปตามความคิดเห็นของผม ผิดมั่งถูกมั่งก็มี และผมจะตอบเฉพาะคนที่เค๊าถามเท่านั้น ผมตอบคำถามเกี่ยวกับพระในนี้โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับใคร ท่านสมาชิกส่วนมากก็คงทราบ ส่วนลีลาการตอบของผม ก็อาจจะไม่เป็นที่พอใจของใครบางคน ผมก็คงจะไปห้ามไม่ได้ แต่ถ้าไม่พอใจแล้วมาออกหน้าออกตาด่าผมแบบนี้ ผมคงจะยอมอยู่นิ่งเฉยแบบพระเอกหนังไทยก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะผมถือว่าผมบริสุทธิ์ใจการตอบปัญหาพระเครื่องของผมก็ไม่มีอคติใดกับใคร ผมตอบก็ไม่มีปิดบังอะไร นอกจากบางครั้งไม่อยากให้เจ้าของพระไปพะวงกับราคาพระมากเกินไปก็จะไม่บอกราคาพระให้ทราบก็แค่นั้น ส่วนวิธีการดูการวิเคราะห์พระ ใครถามผมก็ตอบให้ทุกกับทุกคนที่ถาม แต่สิ่งที่คุณคิงคอง99ทำกับผมแบบนี้มันสุดที่ผมจะทนไหว คนเราก็โตๆกันแล้วคุยกันก็รู้เรื่อง พิมพ์คอมเม้นเดียวก็เข้าใจแล้ว แต่นี่เล่นไม่เลิก ผมก็ต้องสวนให้บ้าง
สิ่งที่ผมพิมพ์ก็เพื่อที่จะรักษาชื่อเสียงของผมเท่านั้น ส่วนเรื่องอาการโกรธเคืองใดๆผมบอกได้เลยว่ามันไม่มีมาอยู่ในหัวสมองของผมกับเรื่องแบบนี้ แต่การที่จะทำให้คนอื่นเข้าใจผิดในตัวผมแบบนี้ ผมทนไม่ได้ ก็ต้องออกมาแก้ข้อกล่าวหาตามสิทธิ์ของผม ผมก็หวังว่าท่านสมาชิกคงเข้าใจและที่ผ่านมาทุกท่านก็เห็นแล้วว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมคงไม่ไปบอกทุกท่านให้คิดกับผมอย่างไร เพราะนั่นเป็นสิทธิ์ของสมาชิกทุกท่านที่จะคิดครับ
ขอโทษด้วยที่ต้องทำให้ทุกท่านมาเสียอารมณ์กับเรื่องไร้สาระแบบนี้ เถียงกันไปเถียงกันมาแบบเด็กๆเลย ทั้งที่อายุก็ไม่ใช่น้อยกันแล้ว ผมก็คงจะพิมพ์เท่านี้ ขอบคุณครับ

 

พระกริ่งปวเรศไม่แท้อีก๑เสียง!

 

รบกวน จขกท ลบเถอะนะฮะ พี่เร ก็ได้คำตอบครบแล้ว อะคับ:boo:

 

ผมว่าสนุกดีครับมีอัพเดตทเรื่อยๆเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างปนๆกันไป

 

ประชาธิปไตยมีความเห็นแตกต่าง แต่ถ้าคุยกันแบบพี่ๆน้องๆก็อบอุ่นดีน่ะครับ

ผมคิดว่า มันแยกออกเป็นสอง แนวตอนนี้

๑) พระกริ่งตามรูปเป็นพระกริ่งปวเรศหรือปล่าว แท้หรือไม่ ฟังดูเสียงส่วนใหญ่ก็ลงความเห็นว่า ไม่ใช่พระกริ่งปวเรศ และ ไม่แท้

ถ้าเป็นประเด็นนี้ ก็ขอออกความเห็นด้วยว่าไม่ใช่พระกริ่งปวเรศ ที่มีอายุถึง ในหลวงรัชกาลที่ ๔ แม้จะไม่เคยจับพระกริ่งปวเรศส่องมากับมือ เพราะไม่มีวาสนา

๒) พระกริ่งตามรูป เป็นพระอะไร แท้หรือไม่ อันนี้น่าจะเป็นประเด็น ท่านเจ้าของพระไม่ได้ ดันให้เป็นพระกริ่งปวเรศ เพียงแต่สงสัยว่าเหมือนกับที่ท่านมี เป็นพระกริ่งปวเรศหรือปล่าว ไม่เหมือน ที่เคยมีตามนักวืชาการท่านหนึ่งที่มาลงกระทู้ ว่าพระกริ่งปวเรศแล้วเอาไปเข้าห้องแล็บ ดูว่ามีอะไรบ้าง พวกเราน่าจะพอจำได้บ้าง ท่านบอกว่าของท่านเป็นพระกริ่งปวเรศ และมีหลายองค์ ยังเดินหาได้ เอาไปฝากคนที่นับถือได้

ถ้าเป็นแบบนั้น ผมมีความเห็นว่า พระกริ่งองค์ในรูปต้นกระทู้ เป็นพระกริ่งเก็ แบบเก็ดูง่าย เก็ตั้งแต่แรกเห็น หมุดที่หน้าผาก เพราะมีแพร่หลายยุคหนึ่ง น่าจะกว่า สี่สิบปีกว่าขึ้นไปแล้ว พอมีอายุเหมือนกัน ส่วนจะกว่าเท่าไหร่ อันนี้ไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ตอนเขาทำกัน...แหะๆ เนื้อหา ผิวพรรณ ธรรมชาติ ก็ไม่ได้ เนื้อออกทองแดงจัดๆ ไม่ได้ดูเป็นโลหะสัมริด โลหะผสม ตามแนวพระกริ่งเก่าๆ ( พระกริ่งเก่า จริงๆ จะแก่ทองแดง เคยมีคนเอาก้านพระกริ่งเก่าๆไปแยกธาตุตามหลักวิชาการ ปรากฏว่ามีทองแดง เกิน ๙๐ % นอกนั้นเป็นโลหะอย่างอื่น เรื่องนี้มีหลักฐานเขียนไว้ ในหนังสือนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่ทองแดงเมื่อผสมโลหะอย่างอื่น ผิวจะกลับ ( เช่นโลหะพระกริ่งปวเรศ ๒ ท่านอาจารย์อนันต์ บอกผมว่า ทองแดง หนึ่งกิโล โตประมาณกำปั้นมือ ใส่เงิน ๑ บาท แล้วใส่ทองคำ ส่วนทองคำลืมว่าเท่าไหร่แต่คงไม่มาก นอกนั้นเแป็นโลหะชนวนเป็นเชื้อก็จะได้เนื้อสัมริด กลับดำ ) พวกที่ชำนาญดูเนื้อพระเก่า ดูธรรมชาติเป็น ก็พอดูออก และทองคำ ( หรือปล่าว ) ที่ตอกหมุดไว้ที่หน้าผาก ( ขอใช้คำสามัญ) และปิดไว้ที่ฝากริ่งตรงฐาน ก็ดูไม่ได้กลมกลืนกับองค์พระ เหมือนเอาไปแปะไว้ และน่าจะไม่ใช่ทองคำแท้ๆ ยังเอาโค๊ดมาตอกที่หัวเข่าขวาของพระอีก และด้านหลัง ก็เห็นโค๊ดเม็ดงาตรงบัวหลัง ตอกเแบบลอยๆ เป็นมุขพวกปลอมพระ ที่แกล้งให้เป็นพระกริ่งปวเรศ เป็นกริ่งเก่าวัดบวรเพราะมีบัวที่หลัง ส่วนพิมพ์พระกริ่ง ผมดูไม่เป็นเลยไม่ขอออกความเห็น

ถ้าพระนี่แท้ หาวัดลงได้นานหลายสิบปีแล้วครับ ต้องมีเซียนใหญ่พระกริ่งเอาไปลงหนังสือ จัดเข้าหมวดหมู่ เข้าวัด เข้าเล่มไปแล้ว เช่นกริ่ง รัชกาลที่ ๔ วัดบวร เพราะเห็นกันมานานหลายสิบปี และตอนนี้จะมีขายอยู่แถวท่าพระจันทร์หรือไม่ ผมก็ไม่ได้ไปนานแล้ว เพราะชักจะมีอายุ เดินมากๆ ยืนนานๆ มันเมื่อยขา...แหะๆ แต่ที่เคยเห็นมาก็แถวๆนั้น และที่บ้านผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ท่านเชื่อของท่านว่าเป็นพระกริ่งปวเรศ ท่านสามารถจับพลังดูได้

แต่มาจนบัดนี้ พระกริ่งชนิดนี้ ท่านยังหาวัดไม่เจอ แต่ถ้ามีใครนำไปให้หลวงพ่อใดท่านเสก อันนี้ผมก็คงไม่ทราบและกราบขออภัยน่ะครับ

เนื้อพระกริ่งองค์นี้ ถ้าใส่เงิน ใส่ทองคำซ่ะหน่อย คงจะกลับดำเงางาม เวลาก็เก่าพอสมควร แต่อาจจะไม่มีทุน...แหะๆ ทองแดงพอใส่เงินเข้าไปสีจะกลับแต่จะออกด้าน ดำด้านๆ พอใส่ทองคำเข้าไปสักหน่อย จะเงางามสวยขึ้น

ขอแสดงความเห็นเท่านี้ครับ

 

องค์ของเจ้าของกระทู้ไม่ใช่กริ่งปวเรศครับ

 

กระทู้นี้มีความรู้มากมายครับ ผมเริ่มสนใจและชอบพระกริ่งแล้วสิครับ

 

กำลังใจนะครับ

 

มาหาข้อมูลครับผมมาฟังด้วยหูดูด้วยตาคิดด้วยหัวแต่ไม่ออกความเห็นครับมาหาข้อมูลครับหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกันครับคุณคิงคองก็คงเชื่อในการดูของตัวเองแต่ก็ต้องฟังท่านอื่นด้วยเหตุและผลบ้างครับ พี่คนปั้นพระ ก็เป็นผู้รู้พอสมควรหรือมากด้วยซ้ำครับพี่ๆน้องในเว็ปต่างก็รู้กันดีเพราะผมก็อาสัยความรู้พี่ท่านอยู่บ่อยสุดท้ายนี้ผมว่าเราหน้าจะมาพูดด้วยเหตุและผลจะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายครับรักและนับถือทุกท่านนะครับผมพูดมากไปนิดต้องข้ออภัยด้วยครับแหะๆๆ

 

ส่วนตัว...พูดแบบง่ายๆครับ...ว่าอยากแท้แบบไหน...
1. แท้แบบพุทธพานิชย์...ก้ต้องตามสากลลนิยมครับ....ศึกษาตำราแบบสากลเขานิยมกัน...ก็จะได้พระแท้...ตามสากลนิยมครับ
2. แท้แบบเรา....ก็ไม่ต้องสนใจหลักสากล...นำพระเราเข้าพิธีปลุกเสก...ก็ใช้บูชาได้แล้วครับ..สบายใจ
พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าอย่างไร....คิดเอานะครับ...จะเดินสายไหน...
ดีกว่ามาทะเลาะกันครับ....ใช้เหตุผลให้มากที่สุดครับ...รับฟังเยอะๆ....ความรู้และประสบการณ์ทั้งนั้นครับ....ขอบคุณครับ

 

ของผมไม่ใช้รุ้น ที่พวกคุณคุยกันอยู่นะครับ......แต่.......เอามาให้ดูเฉยๆ

 

คืออยากให้สมาชิกที่มีโอกาสหรือเวลาว่างๆ ไปเดินเล่นสนามพระบ้างครับ...เราจะได้ความรู้มาก และจะหูตากว้างไกล จะได้ทันเหลี่ยมคนปลอมพระ....ถือเสียว่าพวกเราทุกคนชอบศึกษาและสะสม เหมือนพี่น้องกันทุกคน....บางท่านยังไม่เชื่อในสิ่งที่คนอื่นๆบอก เหมือนผมสมัย 10 ปีก่อน....ผมไม่ฟังใครเลยจนมารู้เองภายหลัง

 

ดูหนังสือ spirit ครับเพิ่งออก พระกริ่งปวเรศ เต็มๆๆ หน้าปกเหลือง ราคา สามสิบล้าน วันก่อนดูช่อง miracle ได้เห็นพระกริ่งปวเรส องค์ 50 ล้านของเซียนชื่อไรผมลืมไม่รู้อู๊ดหรือป่าว 555 แค่เม็ดพระศกก็ไม่ใช่แล้วละครับ

 

ไม่ค่อยได้แวะเวียนมาเลยนะคุณโน๊ส...
คิดถึง คิดถึง...(k)