ถามมาสิจ๊ะ...แม่ชีณัฐทิพย์ ตนุพันธ์ ยินดีตอบจ้า...

กราบนมัสการท่านแม่ชีครับ

มีเรื่องจะถามอีกแล้วครับว่า การตรวจพลังในพระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่างๆนั้น สามารถทำได้จริงหรือไม่ครับ เป็นต้นว่า สัมผัสได้โดยผู้ปฏิบัติสมาธิ จิตละเอียด ผู้ทรงฌาณต่างๆ

 

เจริญธรรม...

เรื่องที่ถามมานั้น สามารถทำได้ทุกคนนั่นแหละ เพราะในโลกเรานี้มีพลังงานที่ไม่เห็นรูป แต่สามารถสัมผัสได้ รู้ได้ทุกคน เหมือนลมไงจ๊ะ ไม่เห็นรูปแต่รู้ได้ สัมผัสได้

เรื่องการจับพลังในวัตถุที่มีรูป เช่นวัตถุต่างๆ ยิ่งวัตถุที่เรียกว่ามงคลด้วยแล้วยิ่งจับและสัมผัสได้มากทีเดียว เพราะวัตถุทั้งหลายในโลกล้วนมีพลังงาน

ยิ่งใส่พลังงานลงไปมากเท่าไหร่ สิ่งนั้นหรือวัตถุนั้นยิ่งมีพลังมากขึ้นโดยลำดับ
พวกที่จับพลังจากวัตถุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพวกพระเครื่องเอย หรือวัตถุมงคลต่างๆได้นั้น พวกนี้ต้องมีสมาธิพอสมควรจนถึงมากนะ

สมาธิเกิดจากการที่จิตว่างจากความสับสนวุ่นวาย แล้วมาจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ สติก็จะตั้งมั่น การรู้ตัวทั่วพร้อมจึงเกิด

ฉะนั้นเมื่อมีสมาธิ มีสติ จึงสามารถรับรู้พลังงานในวัตถุต่างๆได้ จะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ทำ ที่ฝึกและสังเกตจนเกิดเป็นความชำนาญ

เรียกว่ามีประสบการณ์อันเยี่ยมยอดกว่าผู้อื่น เป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา หรืออัจฉริยะน้อยๆจนถึงอัจฉริยะมาก บุคคลธรรมดาทำไม่ได้ เพราะไม่ได้ทำ รวมทั้งไม่คิดจะทำ เลยเป็นคนธรรมดา

คนธรรมดาจึงเป็นพวกที่รู้น้อยกว่าคนไม่ธรรมดา ...งงไหม?

คนเราเกิดมามีร่างกายและมันสมองเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่เรียนรู้และทำหรือไม่ เท่านั้นเอง ...

เอ้า...วกกลับมาที่จับพลังวัตถุมงคลดีกว่า อยากทำไหมล่ะ? ง่ายมาก ไม่ยากหรอก ลองจับวัตถุมงคลสักชิ้นก็ได้

ทำจิตให้ว่าง สังเกตดูว่า มือที่จับวัตถุนั้นเป็นอย่างไร? วัตถุนั้นเย็น หรือร้อนมากขึ้นไหม? มือที่จับสั่นหรือมีพลังอะไรกระทบฝ่ามือไหม?

ไม่ต้องสั่นเหมือนผีเข้าหรอก ฝึกบ่อยๆก็จะรู้มากขึ้น ความรู้สึกที่เข้ามากระทบนั้นเป็นอย่างไร? ทำจนชำนาญก็จะสามารถบอกได้เลยว่า

วัตถุมงคลนั้น หรือพระเครื่องนั้น ผู้ปลุกเสกเน้นธาตุอะไร?

ที่จริงแล้วตอนปลุกเสกหรือทำพิธีสร้างนั้น เขาก็จะตั้งธาตุ หนุนธาตทั้ง4 อันมี น้ำ ดิน ไฟ ลม เข้าไว้ด้วยกัน

จากนั้นก็จะเน้นธาตุ อย่างเช่น จะให้คงกระพันก็เน้นธาตุดิน คือหนักแน่น ยิงฟันไม่เข้า (อย่าลองนะ)เข้าไปอีก

ถ้าจะให้เป็นเสน่ห์มงคล ค้าขาย ธุรกิจคล่องตัวก็หนุนและเน้นธาตุน้ำเข้าไป
แต่ส่วนมากจะบรรจุธาตุทั้ง4ไว้โดยครบถ้วน อยู่ที่คนเอาไปใช้แล้วว่าจะเน้นทางด้านไหน?

อ้อ...เรื่องตะกรุดนั้นมีจำหน่าย แต่ขอมาแม่ชีจัดให้จ้า...

(bb-flower(bb-flower(bb-flower

ขอให้โชคดี ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!

 

สาธุครับ

สงสัยอีกเรื่องหนึ่งคือ เมื่อวัตถุนั้นผ่านการปลุกเสกแล้ว นานวันไปพลังในวัตถุนั้นๆจะเสื่อมลงได้หรือไม่ครับ(ดังสัจธรรมที่ว่า สรรพสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป) หรือเช่นการที่เราลอดใต้ราวตากผ้า หรือผิดครู เกี่ยวกับการเสื่อมพลังนั้นๆด้วยหรือเปล่าครับ

แล้วตะกรุดของท่านเน้นทางไหน มีข้อห้ามไหมครับ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">หาผู้ตอบตรงๆอย่างนี้ยาก นานๆจะพบสักที อนุโมทนาครับแม่ชีณัฐทิพย์
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เจริญธรรม...

วัตถุมงคลที่จัดสร้างขึ้นนั้น ก็บอกแล้วไงว่า "มงคล" ถ้าคนใส่มีความดีในตน วัตถุที่เอามาใส่ก็มงคล ก็จะเจริญกันตลอด ความเป็นมงคลย่อมไม่สูญหาย เพราะเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่ไม่สูญหายไปจากโลก

"สิ่งใดเกิดขึ้น ย่อมตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดา" สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความคิด คำพูดหรือการกระทำนั้น
เมื่อเกิดขึ้นและได้แสดงออกไปย่อมดับไปคือผ่านไปเรียกกลับคืน กลับมาไม่ได้ แต่ผลของสื่งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ดับสูญนะ

ส่วนเรื่องตะกรุดที่แม่ชีทำนั้นก็มีแต่มงคลบรรจุอยู่ในนั้น การจะใช้สิ่งใดที่เป็นมงคล ผู้ใช้ก็จะต้องสร้างสิ่งที่เป็นมงคลไว้ในตัวและหัวใจด้วย มีผงว่านหลายชนิดของเกจิอาจารย์ทั่วโลก มีเหล็กไหล

ที่สำคัญมีใจของผู้ทำใส่ไว้เต็มเปี่ยมจ้า...

อยากจะใช้ในด้านใดก็ตามใจปรารถนาเถอะ ยกเว้น อย่าเอาไปทำมิดีมิร้ายก็แล้วกัน รวมทั้งลอดอะไรก็ได้ไม่เสื่อมหรอกนะ...จะบอกให้

(b-oneeye)(b-oneeye)(b-oneeye)(b-oneeye)
ธรรมะสวสัดี สาธุ!!!!

 

สาธุครับ

แล้วความเชื่อที่ว่าการเลี่ยมพระแบบเปิด (เลี่ยมจับขอบโดยไม่มีพลาสติกหุ้มองค์พระ) ดีกว่าการเลี่ยมแบบปิด เพราะว่าพลังในองค์พระจะผ่านพลาสติกออกมาไม่ได้ นี่เท็จจริงเป็นอย่างไรครับ บ้างก็ว่าพลังนั้นผ่านพลาสติกบางๆก็ไม่ได้ บ้างก็ว่าไม่มีอะไรกั้นพลังนั้นได้ คนสมัยก่อนบางคนก็ห้อยพระแบบให้เนื้อพระถูกเนื้อตัวตลอดเวลา

 

เจริญธรรม...


สงสัยคนถามจะชอบเรื่องแบบนี้นะ แต่ถามมาแม่ชีก็จัดให้จ้า...

เรื่องการเลี่ยมพระ ใส่พลาสติกหนานั้นก็เพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปทำลายเนื้อว่านหรือผงบางชนิดให้เกิดความเสียหาย

แต่ในบางกรณีที่ผงพระหรือว่านที่ผู้จัดทำมีลักษณะแข็ง ทำให้สามารถเปิดเนื้อว่านออกได้ เพียงใส่แค่ขอบหรือกรอบเพื่อจะได้ห้อยติดตัวได้


ส่วนที่บอกว่าพลังในองค์พระจะได้ช่วยได้นั้น มันขึ้นอยู่ที่ผู้สร้างได้บรรจุว่านหรือผงมงคลลงไป

ในกรณีที่เกิดพิษบาดแผล เนื้อผงว่านก็สามารถช่วยสมานแผลได้ ฉะนั้นผู้จัดสร้างวัตถุต่างๆนั้น ผู้สร้างมุ่งเน้นอะไร?

เช่นถ้าอยากมีโชคมีลาภจากถูกหวยรวยเบอร์ ถ้าผู้ใส่ไม่ซื้อแล้วมันจะถูกไหม? หรือจะให้สมหวังในกิจการงานค้าขาย ถ้าไม่ขายอะไรแล้วมันจะได้เงินไหม?

หรือใส่พระรอดราคาหลายพัน บางทีเป็นหมื่นเป็นแสน ด้วยคิดว่าจะรอดพ้นทุกอย่าง ถ้าประมาทก็รอดเหมือนกันนะ คือพระน่ะรอดไปแล้ว แต่คนใส่นี่สิยังไม่รอดเลย ไม่รู้ว่าลูกผีหรือลูกคนจ้า...

มีตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง ในครั้งที่เกิดสึนามิที่ภูเก็ตนั่นแหละ งมศพขึ้นมาได้ ที่คอผู้ตายแขวนพระรอดดังมากของเมืองไทย องค์ละหลายแสน

เฮ้อ...เห็นไหมพระน่ะรอดไปแล้ว...แต่คนใส่ไม่ยักรอดเหมือนพระที่แขวนเลย...เวรกรรม

ส่วนตะกรุดที่แม่ชีสร้างนั้นสรรพคุณคือ "ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า สาวหลง " จ๊าบสุดๆ

หมายความว่า " เวลาที่เขายิงกันสนั่นลั่นเมืองน่ะ อย่าออกไปให้เขายิงนะ และเวลาเขาฟันกันตีกันก็อย่าเข้าไป รับรองว่าไม่เป็นอะไรแน่นอน

และสาวหลงคือ เวลาใส่น่ะบอกแล้วไงว่า จ๊าบสุดๆ เท่ระเบิด ใส่ต้องให้ติดคอแบบวัยรุ่นด้วยนะ ใครเห็นก็ชอบมองไงล่ะ"

ผู้ชายใส่แล้วสาวหลง ถ้าผู้หญิงใส่ผู้ใหญ่เมตตา ไม่กล้าว่า เพราะดีกว่าเอากระดูกสัตว์มาแขวนไงล่ะ...

และที่บอกว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่น่ะ หมายความว่า ถ้าลบหลู่ก็อดจ๊าบน่ะสิ

ยังไม่เบื่อตอบนะ ยินดีที่ใช้บริการจ้า
(verygood)(verygood)(verygood)(verygood)

ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!

 

ไม่เชิงว่าชอบหรอกครับ แต่สนใจ&สงสัย และอย่างที่ท่านแม่ชีว่า เป็นคำถามที่ไม่รู้จะถามใคร :d

 

พระพุทธเจ้าไม่ให้หลงเรื่องฤทธิ์ เพราะไม่ใช่ทางหลุดพ้นใช่หรือไม่ครับ

ถามเรื่องอื่นบ้างดีกว่า
สงสัยเรื่องการอุปสมบทครับ เห็นเวลาคนบวชอุปสมบทจะต้องมีพระผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ อนุสาวนาจารย์ อยากทราบว่าคืออะไรบ้างครับ มีหน้าที่ทำอะไรและจำเป็นต้องมีทั้ง 3 อย่างหรือไม่

 

เจริญธรรม...

ที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไม่ให้หลงฤทธิ์ ไม่ใช่ว่าฤทธิ์มีไม่จริงนะ มีจริงและ
สามารถทำได้ ถ้าทำได้จริง

แม้พระองค์เองก็ทำได้อย่างเยี่ยมยอดกว่าใคร

แต่ในปุถุชนคนมีกิเลสพอสมควรมักจะยึดในฤทธิ์ที่ตนทำได้เพียงน้อยนิด แล้วอวดอ้างสรรพคุณ และบางครั้งก็สร้างความวุ่นวายให้กับใครหลายคน จนเกิดเป็นผลร้าย

คนที่หวังการหลุดพ้น หวังความบริสุทธิ์แห่งจิตจึงไม่ควรยึดฤทธิ์ที่ตนทำได้ให้มายึดตน จนสลัดหลุดไม่ได้ ให้กลายเป็นบ่วงเป็นวัฏฏะต่อไป


ฤทธิ์มีได้แต่ต้องใช้ให้เป็น คนถามอยากมีฤทธิ์ไหมล่ะ?

ส่วนเรื่องการบวชของพระนั้น แม่ชีไม่ได้เป็นพระนะ แต่จะจัดให้ คงต้องงัดความรู้จากนักธรรมชั้นโทมาตอบ
เอาแบบพอสังเขปแล้วกัน จะรีบไปเวียตนามจ้า....


ในการบวชพระนั้น ผู้บวชจะต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ต้องไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรงและอะไรอีกมากมาย

โดยในการบวชนั้นต้องมีพระอุปปัชฌาย์ หรือพระประธาน หรือพระผู้ใหญ่ 1รูป
มีพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ (เรียกผิดขออภัย) หรือพระคู่สวดที่คล้ายๆผู้ช่วยนั่นแหละ


คือช่วยกันสวดเพื่อไม่ให้เสียงหาย และมีพระอันดับ คือพระที่เป็นสักขีพยานในการบวช


ในสมัยก่อนถ้าจะบวชต้องมีพระที่ร่วมกันบวชให้ผู้บวชใหม่อย่างน้อย 5 รูป ขึ้นจนถึง10 หรือมากกว่านั้นยิ่งดี แต่ในปัจจุบันบางที่อาจจะหาพระยากจึงอนุโลมตามบริบทนั้นๆ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 5 รูป


การบวชนั้นจำเป็นต้องมีครบดังที่กล่าวมา ถ้าไม่ครบ ผู้ขอบวชจะบวชไม่ได้
จะเอาเหมือนสมัยที่พระพุทธเจ้าอยู่นั้นไม่ได้นะเพราะพระองค์เป็นผู้ก่อตั้งศาสนา ฉะนั้นพระองค์จึงสามารถบวชให้ใครได้เองโดยไม่ต้องมีท่านอื่นมารับรองเลย

แต่ที่พระองค์ตั้งกฎระเบียบและพระวินัยไว้ก็เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่รู้อะไร มาทำอะไรแก่ศาสนา ให้เสื่อมเสียหายและเพื่อไม่ให้เป็นช่องทางแก่มิจฉาชีพ
หรือพวกเดียร์ถี จึงต้องมีผู้รู้ก่อน เรียนก่อน ศึกษาก่อนมาคอยเตือน สอนสั่ง
อีกทั้งเป็นการสอนให้เคารพผู้มาก่อน ผู้มาใหม่จึงต้องรู้จักอ่อนน้อมเคารพและคารวะ


พระเดชพระคุณรูปไหนจะอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ ก็ต้องขออนุโมทนาสาธุไว้ ณ ที่นี้เจ้าค่ะ...

(verygood)(verygood)(verygood)

ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!

 

ท่านอาจารย์คงจะไม่ได้เข้ามาตอบประมาณหนึ่งอาทิตย์ค่ะ
ท่านที่ถามมาคงต้องรอหน่อยนะคะ

 

เจริญธรรม...


ว่าจะกลับมาจากเวียตนามก่อนแล้วจึงจะตอบ แต่พอเห็นเรื่องที่ถามมาทำให้ต้องรีบตอบในทันใดจ้า...


พระนิพพานนั้นแม่ชีไม่ต้องไปทำให้แจ้งหรอก เพราะพระนิพพานนั้นแจ้งอยู่แล้ว และก็แจ้งอยู่ตลอดรวมทั้งแจ้งมานานแล้ว


แม่ชีมองเห็นแล้ว .... แต่ยังไปไม่ถึงบางส่วน... กำลังปีนป่ายให้ถึงครบทุกส่วนจ้า...

แม่ชีได้ตั้งจิตตั้งใจไว้จะขอเห็นพระนิพพานและขอเข้าถึงพระนิพพานในพุทธกาลของสมณโคดมเจ้าค่ะ

(verygood)(verygood)(verygood)

ขอบคุณที่ถาม ธรรมะสวสัดี สาธุ!!!

 

กราบนมัสการแม่ชีเจ้าค่ะ

ไม่ค่อยได้เข้ามาห้องนี้นานมากแล้วค่ะ แม่ชีก็ยังโปรดสมาชิกเหมือนเดิม ชอบจังเลยคำว่า ส่วนตะกรุดที่แม่ชีสร้างนั้นสรรพคุณคือ "ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า สาวหลง " จ๊าบสุดๆ สำนวนวัยรุ่นถูกใจจริงๆค่ะ คุณหงสนาถว่าจะส่งตะกรุดมาให้ ไม่ทราบว่าตะกรุดดอกนี้หรือเปล่าเจ้าค่ะ ?

คำว่า ทำนิพพานให้แจ้ง สำเนียงคุ้นๆทางวัดธรรมกายนะค่ะ แม่ชีท่านตอบได้ตรงใจมากค่ะ

นมัสการค่ะ

 

ยังไม่ได้รับตะกรุดเลยครับไม่แน่ใจว่าส่งมาหรือยัง กลัวของจะหายครับ

 

ยังไม่ได้ส่งค่ะ รอหน่อยนะคะ
ขอไปเที่ยวก่อน อาทิตย์หน้ากลับมาแล้วจะส่งให้ค่ะ

 

ครับ ไปเวียดนามกับท่านแม่ชีหรือเปล่าเอ่ย

 

เจริญธรรม...

ที่เขียนมานั้นดีจัง... แต่แม่ชีมองไม่ค่อยเห็นเลย นี่ขนาดใส่แว่นแล้วนะ
พยายามอ่านและทำความเข้าใจอยู่

ก็นับว่าหลายคนเข้าใจธรรมะที่พระศาสดาได้ตรัสสอนเอาไว้มากขึ้น ในขณะที่
หลายคนก็ไม่พยายามจะทำความเข้าใจเลย ยังยึดถือยึดมั่นแบบผิดๆ ตามใจตนอยู่ร่ำไป

ก็อย่าเพิ่งถอยในการที่จะทำความดีกันนะ

"จงยึดหลักการทำความดี เมื่อทำแล้ว บรรลุประสงค์แล้ว ก็จงทิ้งดีเสีย อย่าติดดี "
เรื่องตะกรุด...รอหน่อยนะ...จะให้คุณหงสนาถจัดส่งให้ เจ้าตัวบอกว่า ขอไปเที่ยวเวียตนามกับแม่ชีก่อนจ้า...
(b-oneeye)(b-oneeye)(b-oneeye)

ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!

 

กราบนมัสการแม่ชีครับ มีเรื่องขอปรึกษาหน่อยครับ
คือว่าผมได้พยายามฝึกนั่งสมาธิด่อนนอนทุกคืน แต่เหมือนมันจะไม่ก้าวหน้าไปไหนเลยครับ ผมนั่งได้เต็มที่ก็ประมาณ 25 นาทีหรือมากกว่านั้นหน่อย แต่ทำช่วงแรกๆก็รู้สึกจะกดกิเลสได้ชั่วคราว แต่หลังๆทำไม่ค่อยต่อเนื่องเลยครับ จิตมันก็กลับมาฟุ้งซ่านอย่างเก่า คิดนั่นคิดนี่ รู้ว่าคิดแล้วมันไม่ได้อะไรก็ยังไปคิด พยายามคุมตัวเองไม่ได้คิด มันก็คิด ผมล่ะเซ็ง
ผมกำหนดลมหายใจเข้าออก ภาวนา "พุทโธ" บางทีก็"นะมะพะธะ" แต่หลังๆลองเปลี่ยนมาจับภาพนิมิต มันก็เหมือนจะไม่ก้าวหน้าไปไหน ผมเลยสับสนว่าอย่างไหนจะเหมาะกับจริตเรา ช่วงหลังรู้สึกความขี้เกียจเริ่มครอบงำ แต่ผมก็พยายามสวดมนต์เช้า-เย็น เป็นกิจวัตร ถ้าไม่มีเวลา หรือรีบ ก็ขอให้ได้ อะระหังสัมมาฯ ก่อนออกจะบ้าน ชี้แนะด้วยครับ

ตะกรุดของแม่ชีกับเงินขวัญถุงผมจะขอมาบูชาซักหน่อย มีค่าบูชารึเปล่าครับ??
เห็นรูปเงินขวัญถุงแล้ว เก๋าดี อิอิ ขอได้ติดกระเป๋าตังซักใบ 2 หุหุ
กราบนมัสการขอบคุณล่วงหน้าครับผม

 

กลับมาจากเวียดนามแล้วค่ะ มีรูปท่านอาจารย์มาฝากชาวพลังจิตด้วยค่ะ

 

เจริญธรรม...

ขอคารวะเจ้าค่ะ...
ใจของแม่ชีนั้นวางจากความสุขและความทุกข์ได้ เพราะรู้และเข้าใจโลก

ที่เป็นธรรมชาติ จึงต้องเสพธรรมชาติอย่างรู้ตัวทั่วพร้อม " รู้สิ่ง รู้เสพ รู้ละและรู้วาง"

ธรรมชาติของสรรพสิ่งมีไว้ให้รู้ ...บุคคลบางพวกที่รู้แล้วก็ยึด แต่บุคคลบางพวกรู้แล้วจิตกลับไม่ยึด

โลกียะ คือธรรมชาติของสรรพสิ่งทั้งหลาย โลกุตตร คือปัญญาการรู้เท่าทันกับโลกียะ รู้แล้วจึงทิ้งการยึดถือยึดมั่นได้

ถ้าไม่มีและไม่รู้โลกียะ โลกุตตรนั้นย่อมไม่มีและไม่เกิด

หากจะหวังการหลุดพ้นที่แท้จริงนั้น ก็ต้องรู้ทั้งโลกียะ คือเรื่องของโลกทั้งหมดให้แจ่มแจ้ง แทงตลอด

โลกุตตรย่อมสว่างไสว ไร้พรมแดนของการหยั่งรู้ เมื่อรู้หมด เพราะเข้าใจ จิตจึงสลัดจากการยึดมั่นที่ผิดๆได้โดยอัตโนมัติ

การมีชีวิตอยู่ของผู้รู้แจ้ง จึงอยู่บนโลกนี้ได้อย่างมีความสุข ใช้และเสพโลกอย่างมีคุณค่า แต่ไม่ยึดสุขและติดสุข มีระเบียบแต่ไม่ติดระเบียบ

บุคคลใดยังยึดมั่นกับคำนิยามต่างๆ โดยที่ยังแจ้งไม่ชัด นั่นเท่ากับยังติดกับบ่วงทั้งหลายอยู่

พระพุทธองค์ทรงกล่าวว่า ...การที่เธอถือมั่นในศีล 311 ,227,10,8 ก็หาทำให้เธอหลุดพ้นไม่...

การที่เธอทำฌานและยึดกับการมีฌานนั้น ก็หาทำให้เธอหลุดพ้นได้ไม่...

แต่จิตที่ไม่ยึดกับสิ่งเหล่านั้นนั่นแล คือการหลุดพ้นโดยแท้ แต่เธอต้องทำสิ่งเหล่านั้นให้บรรลุ ให้แจ้งปัญญาอันยิ่งด้วย...

ขอคารวะผู้หวังการหลุดพ้นโดยแท้ ทุกท่านเจ้าค่ะ...
(verygood)(verygood)(verygood)

ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!