'ภัยพิบัติถูกเลื่อนออกไป' นั้นเป็นได้แค่ 'ข้ออ้าง' ?

ความรู้ความเข้าใจ ในด้านต่างๆ สะสมกันมา ไม่เท่ากันในแต่ละคน
เมื่อไม่เชื่อ ในเรื่องของอภิญญา ก็ยากที่จะเข้าใจในเรื่องเหล่านี้
ทำให้มองความปราถนาดีของผู้อื่น ไปในทางไม่ดี...

เพื่อความสบายใจของคุณ ก็ไม่ควรจะเข้ามาดูในกระทู้เหล่านี้
...เป็นทางออกที่ดีที่สุดของคุณ

 

ขอบพระคุณครับ
ขอบพระคุณ...เพราะท่านแสดงความเห็นซึ่งคมคายเป็นอย่างยิ่ง
ขอบพระคุณ...เพราะเป็นโอกาสให้ผมได้ชี้แจง เพราะความไม่รอบคอบของผมที่อาจชี้แจงไม่ชัดเจนในบางแง่มุม
จนอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจเจตนาของผมคลาดเคลื่อนไป

ผมขอชี้แจงว่า
การยกเรื่องของในหลวงและพุทธประวัติมาเล่าประกอบการชี้แจงนั้น
มิได้มีเจตนาจะแก้ต่างให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่ได้ออกมาทำนายภัยพิบัติแล้วไม่เกิดตามนั้น
แต่ผมก็มิได้มีเจตนาตำหนิท่านที่ออกมาเตือน เพราะหากท่านที่เตือนทำด้วยเจตนาบริสุทธินั้นก็นับว่าน่าเห็นใจ
สมมติว่าเป็นตัวเรารู้เห็นอะไรที่เป็นอันตรายก็อดจะบอกกล่าวเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายไม่ได้
แม้แต่ตัวผมเองที่ได้ตั้งกระทู้เตือนภัยไว้ ถ้าหากคำเตือนที่ผมได้รับมานั้นมันผิดพลาดตัวผมเองก็ขอยอมรับผิดโดยดี
เพียงได้แต่หวังว่าท่านทั้งหลายจะเห็นใจและเข้าใจในกุศลเจตนา ขอได้โปรดอโหสิกรรมและอดโทษให้ด้วย

เจตนาของผมที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมานั้น
1.เป็นโอกาสในการเล่าถึงพระราชกรณียกิจและพระเมตตาอันเปี่ยมล้นของในหลวงอันเป็นที่รักเคารพเทิดทูนของเราชาวไทย
ท่านทรงมีวิริยะอุตสาหะในการปกป้องภัยพิบัติอันตรายและความยากลำบากต่างๆที่เกิดกับลูก ๆ คือประชาชนของท่าน

2.เป็นการเล่าถึงข้อมูลตามที่ผมทราบมา ซึ่งได้ตั้งกระทู้ไว้เตือนภัย
เตือนภัยพิบัติเดือนมิถุนายน 2554 และวิธีเตรียมการอย่างมีสติ
ข้อมูลที่ผมได้รับมานั้น เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า
ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นอาจไม่ได้เป็นไปตามแรงธรรมชาติเพียงลำพัง
หากแต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ในทางนามธรรมที่ทำหน้าที่เหมือนเป็น 'ผู้ดูแลจัดการ'
ซึ่งนับเป็นเรื่องลึกลับยากแก่การพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสของปุถุชนคนมีกิเลส
แต่ก็พอเป็นแนวทางสำหรับคนที่เชื่อศรัทธาในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงได้นำเรื่องของ อุปฆาตกรรม ซึ่งเป็นกรรมที่สามารถเลื่อนออกไปได้
โดยหวังว่าผู้มีปัญญาและใฝ่ธรรมจะเร่งปฎิบัติเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ภัยพิบัติในอนาคตให้ผ่อนหนักเป็นเบา

เรื่องภัยพิบัตินั้นผมได้ยกพระไตรปิฎกและพุทธประวัติมาชี้แจงแล้วว่า
อาจเกิดตามธรรมชาติหรือจากผู้มีฤทธิ์ก็ได้ และผู้มีฤทธิ์ก็สามารถระงับภัยพิบัติได้
ดังเช่นเรื่องยักษ์อาฬวกแสดงฤทธิ์ที่ยกมาแสดง
อ่านเพิ่มเติมจาก พระพุทธเจ้าชนะอาฬวกยักษ์ด้วยขันติบารมี - ลานธรรมเสวนา

ภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นอาจไม่ได้เป็นไปตามแรงธรรมชาติเพียงลำพัง
หากแต่ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ในทางนามธรรมที่ทำหน้าที่เหมือนเป็น 'ผู้ดูแลจัดการ'
ซึ่งนับเป็นเรื่องลึกลับยากแก่การพิสูจน์ด้วยประสาทสัมผัสของปุถุชนคนมีกิเลส
แต่หากท่านผู้อ่านเคยได้อ่านเรื่องหลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล
อาจจะเคยเห็นประโยคเหล่านี้ผ่านตากันบ้าง โปรดสังเกตคำที่ผมเน้นสีน้ำเงินไว้นะครับ
ตรงคำที่ผมเน้นไว้นั้นอาจพอจะจัดเข้าใน 'คณะผู้ดูแลจัดการ' ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติในอนาคตหรือไม่ ?

เรื่องเล่ากล่าวถึง "หลวงปู่สรวง" | ไทยโพสต์

"พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก
จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรมจะอยู่รอดปลอดภัยได้"

"พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำ น้ำทะเลเต็มไปหมด"

"พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง
หลวงพ่อไม่กลัว (หลวงปู่สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ
ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่น เขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป"

ถาม - ที่หลวงปู่สรวงพูดหมายความว่ายังไง?
ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย
คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย "คนดีมันเป็น ไม่ตายจะรอด"
ท่านบอก ให้คอยดู แต่มาเป่า นี่มันปี 2547-2550 ไม่ใช่สึนามินะ นางนาคสิเป่า ปี 55 แถวเราน้ำไม่มี
เขาว่านางนาคเอาขึ้นข้างบน สามวันสามคืนก็เป็นลูกเห็บ ลูกที่หนึ่ง ลูกที่สอง ถูกใครตายระเนระนาด อย่าให้ถึงขนาดนั้น
"คนดีไม่ตาย"
แกว่างั้นนะ ถ้าคนมีศีลห้าไม่ถูก ก็เราไม่ได้กบฏพระเจ้าอยู่หัว
คนที่กบฏ คนที่อยากชนะ ผืนแผ่นดินนี้ตายแน่ จะยึดแผ่นดินเป็นหลักแค่นั้นแหละ ปีนี้นาคไม่ขึ้นที่หนองคาย นาคไม่ขึ้น
หมายเหตุ : หลวงปู่สรวง ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง)
สรีระสังขารอันไม่เน่าเปื่อยของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาออยเตียนสรูล วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
หากต้องกาศึกษาประวัติและคำสอนของท่านเชิญที่ลิงค์นี้
http://www.sisaket.ru.ac.th/pra-sisaket/luanpusuang/index.htm

3.ต้องการชี้ให้เห็นว่าอนาคตนั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ไม่ควรไปปรามาสท่านที่ออกมาเตือน เพราะบางท่านนั้นไม่ใช่ฆราวาส
แต่ก็ไม่ควรไปเชื่อถืออย่างงมงาย เพราะอะไร ๆนั้นก็ไม่แน่นอน มีความแปรปรวนไปตามเหตุปัจจัย
เช่นในกรณีที่ผมได้รับข้อมูลคำเตือนมานั้น
ทราบมาว่าภัยพิบัตินั้นจำเป็นจะต้องมี จำเป็นต้องเกิด เพราะยังมีเหตุการณ์ต่างๆ หลังจากนั้นรอคิวอยู่
กำหนดระยะเวลาคร่าว ๆ ที่จะเกิดภัยพิบัตินั้นมีอยู่
เพียงแต่กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนนั้นเปลี่ยนแปลงได้
ตลอดจนรูปแบบภัยพิบัตินั้นก็เปลี่ยนแปลงได้
ข้อนี้นั้นจนปัญญาที่ปุถุชนคนมีกิเลสอย่างผู้เขียนจะหาหลักฐานมาแสดง
จึงได้ยกเรื่องพระราชกรณียกิจของในหลวงซึ่งเป็นเหตุการณ์ไม่นานนี้ยังอยู่ในยุคของเรามาแสดงประกอบไว้
และยังได้นำพุทธประวัติจากในพระไตรปิฎกมาเล่าแสดงไว้ประกอบการพิจารณาของทุก ๆ ท่าน

อีกเรื่องที่อยากแสดงความเห็นคือ เรื่องญาณจริงหรืออุปทานนั้น หากเรายังเป็นปุถุชนคนมีกิเลส
เราอาจแสดงความเห็นได้ แต่จริงเท็จเป็นอย่างไร หากเราไม่มีญาณเราก็ไม่อาจทราบได้แน่ชัด ได้แต่คาดคะเนจากเรื่องแวดล้อมเอา
เรื่องนี้เป็นเรื่องซับซ้อน หากจะเล่าต่อไปก็เกรงว่าจะเป็นการแก้ต่างแทนกันไป ซึ่งไม่ใช่เจตนาของผู้เขียนที่จะมาแก้ตัวแทนใครในกระทู้นี้
คงต้องให้เจ้าตัวออกมาชี้แจงให้ชัดเจน ขอให้ท่านลองใช้เหตุผลของท่านที่แสดงมานั้นเป็นคำถามแล้วถามโดยตรงจากเจ้าของกระทู้นั้น ๆ เอา

ส่วนเรื่องที่ท่านว่าเรื่องในพระไตรปิฎกและพุทธประวัตินั้นเป็นเรื่องเก่าไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่ และก็ไม่ได้มีการบันทึกกัน
แต่เป็นเรื่องที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าได้มาจากที่ไหน อาจจะอุปทานทางจิตขึ้นมาก็ได้เพื่อสอนคน หรืออะไรก็ตามแต่นั้น

ในเวลานี้จะขอปล่อยความเห็นของท่านไว้ก่อน
เรื่องจริงเท็จอย่างไรขอปล่อยไว้ตามแต่ท่านจะพิจารณา ตามแต่ท่านจะเห็นสมควรเถิด
ส่วนตัวผมเองไม่มีความสงสัยในข้อนั้น ไม่มีความสงสัยในพระรัตนตรัย พระรัตนตรัยเป็นสรณะอันประเสริฐ

 

เพิ่งอ่าน manager ตะกี้ เขาบอกว่า ..."
ในประเทศไทย ข่าวลือ คือ ข่าวจริงที่มาก่อนเวลาอันควร"
อืม น่าคิดนะเนี่ย

 

ดาวบุ๋น5 เราก็คิดคล้ายๆกับคุณ แต่ที่เราฟังเขาเพราะ
ไม่อยากประหมาดเหมือนที่หลายคน ชอบพูด

แล้วที่บางคนบอกว่า ถ้าไม่เชื่อเขาก็ไม่ต้องเข้าไปอ่าน
แสดงว่าคุณไม่เคยไปกระทู้อื่นนะซิ แฟนคลับของเขา
เอาไปกระจายทั่วแล้วคุณ โปรดทราบ

 

-ทำไมผมมองเจตนาดีไม่ออกล่ะครับ คุณไม่ลองมองเจตนาที่ดีของผมบ้างล่ะ ว่าจะเชื่ออะไรนั้นต้องมีเหตุมีผลด้วยครับ :boo:

ผมก็มาเตือนคนที่เชื่อจนไม่ลืมหูลืมตา มีการพิสูจน์ต่างๆนานา ก็ผิดพลาด
แต่ก็ยังพยายามจะเชื่อต่อไป โดยไม่ตั้งสติให้ดียังไงล่ะครับ

ในส่วนตัวเรื่องอภิญญานั้นผมเชื่อ แต่ก็ต้องดูความสมเหตุสมผลด้วย ไม่เช่นนั้นก็คืองมงาย และผมจะไม่เชื่อด้วยการฟังตามกันมา ก็ถือว่าใช้หลักทางพุทธศาสนา กาลามสูตร ในหลักธรรมข้อหนึ่งอยู่แล้วครับ

อภิญญาที่พูดเอ่ยขึ้นมาที่ได้อ้างอิงในกระทู้อนาคตังสญาณ ก็คือการพูดจากบุคคลๆหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อบุพการีเสียด้วย ..ยิ่งต้องพิสูจน์ความชัดเจนให้มากขึ้น

และจากการพิสูจน์นั้นก็แสดงว่า ความสามารถนั้นไม่ได้เป็นจริงตามที่ได้กล่าวออกมา ..อาจจะเพราะตามที่หลายท่านได้กล่าวไว้ก็ได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนรวมเกินไป เป็นการยากที่จะทำนายเจาะจงให้เป็นไปตามนั้น

แต่ในเมื่อรู้แล้วก็ไม่ควรฝืนทำนายเลื่อนวันไปเรื่อยๆ จริงหรือเปล่าล่ะครับ
ถ้ายังไม่หยุด จากที่เป็นเจตนาดีมันจะเริ่มเป็นขึ้นหลังเสือแล้วลงไม่ได้ มันจะเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์จากที่เป็นเจตนาดีใช่หรือไม่???

ก็ขอให้คนที่พยายามให้เด็กคนหนึ่งมาทำนายเหตุการณ์ภัยพิบัตินั้น เลิกขอคำทำนายได้แล้ว มันจะเป็นทุกข์กับตัวท่านเอง และคนอื่นที่อาจจะพึ่งเข้ามา ไม่ได้ติดตามแต่แรก ในการพิสูจน์ต่างๆ ก็หลงเชื่อ ผิดๆตามกันด้วยครับ

เพราะเหตุผลที่ได้บอกไปก็น่าจะทำให้คิดได้ว่า ควรจะหยุดได้แล้วที่จะไปเจาะจงวันให้คนที่ติดตามนั้นเหนื่อย เครียดกับสิ่งที่ติดตามที่มีความผิดพลาดได้สูงครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่านใช้ปัญหาไตร่ตรองเหตุและผลความเป็นไปได้ด้วยในคำเตือนต่างๆ บางคนมาเตือนแบบแกล้งใส่วันที่มั่วๆแล้วก็หายไป ไม่มีเหตุผลก็มีแบบนี้ไม่เชื่อถือมาก

บางคนเตือนเจตนาดี แต่ก็ไม่ตรงของตัวเองก็อ้างนั้นอ้างนี้ ..ก็ขอให้คิดเสียว่าเราทำดีที่สุดแล้ว เลิกเตือนไปก็หมดเรื่อง ไม่ใช่บอกว่าเลื่อนไปเรื่อยๆ ให้คนใจหายใจคว่ำ ติดตามวันนั้น วันนี้ต่อไป ...

ผมคิดว่าคนที่อ่านข่าวสารการเตือนภัยนี้ ทุกคนรับได้กับการผิดพลาด และให้อภัยกันได้ ..แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณจะดันทุรัง เตือนส่งเดช เลือนไปทุกๆ1-2วัน 3วันหรือเปล่า อันนี้ผมคิดว่าถ้าไม่มั่นใจแล้วก็เลิกเตือนตั้งแต่ครั้งที่2 ที่เลื่อนได้แล้ว ทุกอย่างก็จบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเท่าที่เห็นยังมีคนรอเตือนภัย คนล่ะวันกัน รออยู่ข้างหน้าอีกหลายท่านครับ

ผมก็ได้แต่สงสารบางท่านที่เชื่อไม่ลืมหู ลืมตา ก็เครียดจนบางคนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด วันนี้พรุ่งนี้เลยครับ :'(

 

มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน วันที่ 17 พค เป็นวันวิสาขบูชาโลก ก็เลยคิดว่าก่อนหน้านั้นไม่น่าจะมีอะไรแรงๆ นะคะ(smile)

 

-ใช่ครับ ข่าวลือก็สามารถเป็นข่าวจริง ที่มาก่อนเวลาอันสมควร
แต่นี้ถึงเวลาอันสมควรทีลือมาแล้ว แต่มันไม่จริงยังไงล่ะครับ({)

 

-ขอบพระคุณครับที่มาบอก ^ ^
ถึงจะไม่มีแฟนคลับ แต่ว่ามีคนที่เข้าใจสักคนบนโลกนี้ก็เพียงพอแล้วครับ

ที่ผมกล่าวไปคือการเตือน ในคำเตือนภัยพิบัติอีกทีหนึ่ง ..เป็นเจตนาที่ดี ผมไม่ได้กล่าวมาลอยๆ โดยไม่มีเหตุผลทีจะไม่น่าเชื่อถือนี่ครับ

ผมจะกล่าวอีกเรื่องไว้ที่นี้เลยก็แล้วกันว่า ๆ จริงๆแล้วแก่นแท้ของการฝึกสมาธิ ได้ญาณต่างๆก็แล้วแต่จนล่วงรู้ต่อ อดีต ปัจจุบัน อนาคต.. มีไว้เพื่อให้เราได้เห็นวัฎฎะสงสาร เห็นผลลัพธ์ของการกระทำ ว่าคนเราทำอะไรลงไปแล้วจะได้อย่างนั้น ได้เห็นการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น เพื่อจะได้มุ่งไปเพื่อการหลุดพ้นนั้นเอง
...ถ้าใช้ไปในทางที่ผิดมันก็จะเสื่อมไปเอง อย่างที่รู้ๆกันครับ ({)

 

ดาวบุ๋น5 พูดอีก ถูกอีก โดนใจจริงๆ

(ข้อควรระวัง ถ้าไม่อยากออกมาโต้จนมือหงิก)

พูดอีก อาจถูกอัด
คุณก็รู้ว่า ตัวเขาเองแทบไม่ต้องออกมาแก้ตัว
แฟนคลับออกมาโต้แทน เพียบ

 

-เห็นด้วยครับ

ขอแทรกสักนิดหนึ่ง ว่าเหตุผลที่ผมกล่าวขึ้นมานั้นเกิดจากเจตนาที่ดี ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่เลยสักนิดนึง

ถ้าหากว่าทำให้หลายๆท่าน หรือแฟนคลับของใคร รู้สึกไม่พอใจ ก็ขออโหสิกรรม ไว้ ณ ที่นี้ด้วย .. โดยส่วนตัวผมไม่ชอบทำให้คนอื่นทุกข์เลยไม่ชอบเตือนภัยเล่นๆ แน่ๆครับ

ก็ขอให้ทุกท่านดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาทอย่างมีสติก็แล้วกันครับ

 

ผมคิดว่าบ้านเรา เชื่อนักทำนายดินฟ้า อากาศนิรนาม มากกว่ากรมอุตุนิยมด้วยซ้ำ

คิดๆดูแล้ว กรมอุตุนิยมคงช้ำใจไม่น้อย อุตส่าลงทุนทั้งดาวเทียม ทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัย และมีเครือข่ายเตือนภัยทั่วโลก ผู้คนกลับไม่สนใจใยดีเท่าที่ควร

แต่นักทำนายนิรนามกลับลงทุนแค่ อ้างอภิญญา อ้างฌาณ อ้างนิมิต อ้างพระ ผู้คนกลับเชื่อถือประมาณว่า ใครไม่เชื่อไม่ใช่พวกฉัน เป็นพวกลบหลู่ศาสนาไปโน่นเลย ทั้งๆที่หน้าตา ความประพฤติ ของกันและกันยังไม่เคยจะพบเจอกันด้วยซ้ำ แต่เชื่อไปแล้ว

การทำนายภัยพิบัตินั้น ร้อยทั้งร้อยถูกอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้อภิญญาหรือฌาณใดๆเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว และมีแนวโน้มที่ต้องเกิดขึ้น เพียงแต่จะเป็นช่วงเวลาไหนเท่านั้นเอง นักทำนายก็เหมือนซื้อหวย(สามตัวบน)นั่นแหละ แต่นักทำนายมีโอกาสถูกมากกว่า เพราะ
ใน 1 ปี มี 365 วัน โอกาสทายวันถูกเป๊ะ คือ 1 ใน 365
หวย 3 ตัวบน มีโอกาสถูก 1 ใน 1000
แต่ ถ้านักทำนายเริ่มทำนายในช่วงที่สภาพดินฟ้า อากาศ เริ่มรุนแรง แปรปรวนแล้ว ภายในหนึ่งเดือนก็จะมีโอกาสทายถูก 1 ใน 30 หรือใน หนึ่งอาทิตย์มีโอกาสทายถูกถึง 1 ใน 7
วิสัยคนเชื่อหมอดูหรือนักทำนายนั้น แม้ทายผิดเป็นส่วนมากก็ไม่ค่อยจะจดจำหรือใส่ใจ แต่พอทายถูกสักเหตุการเดียว ทีนี้ดังใหญ่เลย แทบกลายเป็นผู้วิเศษไป ผู้คนศรัทธา เชื่อถือ เพราะคนส่วนมากเป็นเช่นนี้ ดังนั้นตามนิตยสารต่างๆ จึงเว้นที่ให้กับคอลัมล์ ทำนายทายทัก เดินตามดวง ตามดาว และอื่นๆ

คนที่ไม่เชื่อตามตนพลอยโดนข้อหา ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ วลีนี้เป็นตัวปิดกั้นปัญญาได้ชงัดนัก จะเสาะหาเหตุ หาผลไปทำไม ก็มันศรัทธามันเชื่อไปแล้ว

อันที่จริงเวปนี้เน้นด้านพุทธศาสนา ผมก็แค่อยากเห็นวิธีการคิดแบบพุทธ นำเสนอแบบพุทธ ยอมรับความแตกต่างได้แบบพุทธ เพราะถ้าใครบอกว่าพุทธอธิบายด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้ ผมว่าคงไม่ใช่พุทธแล้วหล่ะ

 

ขอบคุณท่านดาวบุ๋น5 มากครับที่เตือน

เพื่อความสบายใจของทุกท่าน และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง จนทำจิตใจเศร้าหมอง

ครับ ต่อจากนี้ไป ตุ้ยจะยุติการแจ้งเตือนลงครับ และคงไม่ให้เขาดูอีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากทำเพราะมันก็เหนื่อยเอาการ เกิดหรือไม่เกิดก็คงเป็นเรื่องของธรรมชาติดีกว่าครับอย่างที่ท่านพูด

สำหรับการแจ้งเตือนที่ผ่านมาขอน้อมรับความผิดพลาดแทนตุ้ยทุกกรณีครับ และไม่มีข้ออ้างใดครับ และที่ระบุเลื่อนเป็นวันๆไปนี้ขอความกรุณาเข้าใจดังนี้ครับ คือเจตนาที่อยากช่วยก็มีหลายท่านอยากให้ตรวจสอบว่าจะยังไงเท่านั้นครับ มิได้มีเจตนาอย่างนั้นครับ ขอให้ท่านสบายใจได้นะครับ

ขอท่านโปรดอโหสิกรรมให้ตุ้ยด้วยนะครับ

 

เท่าที่ผมอ่านดูจากหลากหลายกระทู้ เห็นได้ว่ามีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่กังวลว่า
ภัยพิบัติจะเกิดเมื่อไหร่ เกิดที่ไหน หรือเกิดอย่างไร แต่พวกเขาเหล่านั้นจะมองไกลไปข้างหน้า
ว่าถ้าภัยพิบัติเกิดขึ้นแล้ว ควรจะทำอย่างไร หรือควรจะช่วยเหลือผู้รอดชีวิตแบบไหน
บางส่วนก็เตรียมแผนการ หรือไม่ก็ตั้งกลุ่มจิตอาสาขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ต่างๆ

เชื่อเถอะครับว่าไม่มีใครอยากจะให้ภัยพิบัติเกิดขึ้นแน่ๆ
แต่ทุกท่านอย่างลืมนะว่า ทุกยุค ทุกสมัย ต่างก็เกิดภัยพิบัติมาแล้วอย่างมากมาย
ทั้งจากภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ก่อขึ้น(สงคราม)

พวกเราเหล่าคนรุ่นใหม่ ต่างก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงมาก่อน
มีบ้างบางท่านอาจเจอเหตุการณ์น้ำท่วม บ้างก็เจอพายุ บ้างก็เจอสึนามิ
นั้นอาจทำให้หลายคน มองภาพไม่ออกว่า ภัยพิบัติมันจะเกิดขึ้นจริงๆหรือ
และ ภัยพิบัติที่เกิดมันจะร้ายแรงขนาดไหน บางท่านก็นึกคิดจากภาพยนต์ที่ทำมาให้ดู
บางท่านก็อ่านจากหนังสือ บางท่านก็ดูข่าวในโทรทัศน์ บางท่านก็ศึกษาหาอ่านในอินเทอร์เน็ต
เห็นได้ว่า แต่ละคนก็มีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ แตกต่างกันไป ดังนั้น การที่จะให้ทุกคน
รับรู้และเข้าใจในเรื่องภัยพิบัตินั้น ทำได้ยากมาก บางท่านเข้าใจ และเตรียมตัวไว้แล้ว
บางท่านเข้าใจ แต่ไม่เตรียมตัว บางท่านไม่เข้าใจ ไม่สนใจ บางท่านไม่รับรู้ข่าวสารอะไรเลย

การที่มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งรับรู้ ตื่นตัว และเตรียมการ ในการรับมือภัยพิบัติ ถือว่าเป็นส่วนน้อย
ถ้าเทียบกับประชากรทั้งประเทศ เหมือนที่กล่าวไว้แล้วว่า คงไม่สามารถทำให้ทุกคน
เชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นแน่ๆ แต่เราสามารถเตือน บอกต่อ ให้ความรู้ ความเข้าใจแก่กลุ่มคน
กลุ่มนี้ได้ เพื่อช่วยเหลือเมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นจริง

พิมพ์มานาน อ่านเองก็งงดีเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะสื่อถึงอะไร ... อิอิ

สรุปก็คือ ภัยพิบัติเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่รู้วัน เวลา สถานที่ การเตรียมพร้อมถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

- ขอบพระคุณอีกครั้งครับ ที่เตือน... ขออโหสิกรรมไปแล้วครับ

 

ผมชอบประโยคนี้ของท่านนะครับ

"...การเตือน ในคำเตือนภัยพิบัติอีกทีหนึ่ง"

 

-ต้องขอบพระคุณที่คุณพ่อของน้องตุ้ยเข้าใจในเจตนาที่ดีของผมเช่นกัน
ก็ขออโหสิกรรมซึ่งกันและกัน

และขอให้คุณพ่อน้องตุ้ยและน้องตุ้ยเจริญยิ่งๆในธรรมต่อไปครับ

 

คนที่เชื่อก็เพราะอยากรอด มีห่วง มีภาระ
ไม่เกิดก็ดีไป แต่ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะ....
คนที่เตือนแล้วไม่เกิด ใช่ว่าจะไม่เกิด
คนที่บอกว่าไม่เกิด แล้วถ้าเกิดจะให้ทำไง หนีเรอะ...สู้เรอะ...มาแล้วตายดีกว่า
รับรู้ข่าวสารด้วยสติ...ตื่นตัว แต่ไม่ตื่นตูม....
มีคนบอกว่า..มันไม่เกิดหรอก พอเกิดจริงๆ..ทำอะไรได้บ้าง ช่วยอะไรได้บ้าง
มีคนบอกว่ามันเกิดแน่....แต่พอไม่เกิด ก็โดนด่า โดนยำ หาว่าต่างๆนาๆ
ส่วนคนฟังคนรับรู้ มีสติก็พิจารณากันเอาเอง ว่าเมื่อไรควรเชื่อหรือไม่เชื่อ
แต่คงไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ ไม่มีใครอยากตาย หรือเดือดร้อนกันหรอก
นั่งดูพิจารณาก็พอ คนเชื่อก็เฉย ไม่เชื่อก็เฉย จะได้ไม่มีใครเดือดร้อนใคร
คนเชื่อก็ปล่อยเค้าเชื่อไป ไม่ได้มาเดือดร้อนกับคนไม่เชื่อ
คนไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว จะเกิดก็ให้มันเกิด
ความเชื่อต่างกัน...เห็นมาต่างกัน ประสบมาต่างกัน ใช้ชีวิตต่างกัน แล้วจะเถียงกันทำไม

 

เมื่อมีใครเตือน

เรารับฟัง รับรู้ รับทราบ ในคำเตือนนั้น
ถ้าเราสนใจ เราควรพิจารณา หาคำตอบ และแนวทางปฏิบัติ

ถ้าไม่สนใจ ก็ละวางเสีย

ส่วนจะเชื่อหรือไม่ แล้วแต่เรา ใช้วิจารณญานเอง

ความเห็นของทุกท่านมีเหตุและผลครับ
ขอให้ทุกท่านใช้ มรรค๘ เป็นทางแก้ปัญหานี้

 

-เห็นด้วยครับ

 

บางที แอบคิดว่า มันเป็นวิถีแห่งกรรม กรรมกำหนด บางสิ่งบางอย่าง ไม่ลื่นไหลด้วยความสะดวกสะดวก แม้กระทั่งการมีคนเตือนให้มีชีวิตรอด เมื่อคุณยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ไม่ได้กลัว แต่การเปิดโอกาสให้ตัวเองมีโอกาส.....อื่นๆต่อไป