เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กัดดาฟี...จอมเผด็จการขวางโลกทุนนิยม หรือ วีรบุรุษผู้รักชาติแห่งลิเบีย??? (ตอน 1)

    โดย ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย 28 มีนาคม 2554 10:01 น.


    เมื่อสัปดาห์ก่อน(วันที่ 20 มีนาคม 2554)ได้มีปฏิบัติการทางทหารเกิดขึ้นใน ทวีปแอฟริกา ที่ประเทศลิเบีย นำโดยสหัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส การถล่มลิเบียได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะมีทั้งประเทศที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการโจมตีครั้งนี้

    ข่าวนี้ทำให้ผมสนใจอยากรู้เรื่องลิเบีย และกัดดาฟีขึ้นมา หลังจากค้นข้อมูลเจาะลึกลงไป ก็อดที่จะนำเขียนบอกมาเล่าท่านผู้อ่านไม่ได้

    ก่อนจะพูดถึงปัจจุบัน ผมต้องขอย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของลิเบียกันสักหน่อย เพื่อ เรียนรู้จากอดีต ให้เข้าใจปัจจุบัน และเห็นว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

    ลิเบีย เป็นประเทศเล็กๆในทวีปอัฟริกาเหนือ ภูมิประเทศยื่นเข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ห่างจากประเทศอิตาลีเพียงนิดเดียว จึงมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับยุโรป และอารยธรรมสำคัญๆในโลกตะวันตก ทั้งอารยธรรมอียิปต์ กรีก และอารยธรรมโรมัน มีพื้นที่เพียง 1.7 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรเพียง 6 ล้านกว่าคน ประชาชนร้อยละ 97 นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่

    ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เคยอยู่ภายใต้กรีก อาณาจักรโรมันอาณาจักรไบแซนไตน์ อาณาจักรออตโตมาน และท้ายสุด ตั้งแต่ปี 2454 ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2492 สมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติจึงได้มีข้อมติให้ลิเบียได้รับเอกราชจากอิตาลี

    กษัตริย์ ไอดริส (Idris) ซึ่งเป็นผู้นำในการต่อต้านการปกครองของอิตาลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้นำในการเจรจาจนนำไปสู่การประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2494 เขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ยาวนาน 18 ปี

    การปกครองของกษัตริย์สิ้นสุดลงเมื่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2512 กลุ่มนายทหารนำโดยพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากกษัตริย์ Idris แล้วขึ้นเป็นผู้นำประเทศสืบต่อมาถึง 42 ปี จนถึงปัจจุบัน

    ลิเบียมีชื่อประเทศเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย เห็นชื่อประเทศเต็มๆ ผมก็ทึ่งเขาหละครับ เพราะเป็นชื่อที่จงใจเอาอัตลักษณ์ของประเทศนี้ออกมานำเสนอให้ชัดๆไปเลยว่าเป็นประเทศที่มีระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐสังคมนิยม ขอเน้นว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยนะครับ ต่อท้ายด้วยคำว่าประชาชนอาหรับอีกต่างหาก

    นับแต่กัดดาฟี ขึ้นปกครองประเทศ ได้ดำเนินนโยบายตามแนวทางการเมือง ที่เขาเรียกว่า ทฤษฎีสากลที่ 3 (Third Universal Theory) เป็นการผสมผสานระหว่างแนวทางสังคมนิยมกับแนวคิดของศาสนาอิสลาม รวมทั้งดำเนินแนวทางต่อต้านชาติตะวันตก เช่น การปิดสำนักงานของสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรในลิเบีย การผลักดันให้สหรัฐฯ และอังกฤษถอนทหารที่ประจำอยู่ในลิเบียออกนอกประเทศ และการเวนคืนกิจการน้ำมันของชาติตะวันตก เป็นต้น

    นับว่ากัดดาฟีเป็นศัตรูตัวร้ายคนหนึ่งของมหาอำนาจทุนนิยมตะวันตกที่เดียวครับ ขณะเดียวกัน ลิเบียก็เป็นมิตรกับประเทศในค่ายสังคมนิยมอย่างจีนและโซเวียต โดยเฉพาะการขยายความร่วมมือกับสหภาพโซเวียต ในด้านการเมือง การทหาร และการซื้ออาวุธ

    ลิเบียเคยถูกเพ่งเล็งว่าให้การสนับสนุนการก่อการร้าย โดยเฉพาะแก่กลุ่มต่างๆ ของปาเลสไตน์ เมื่อปี 2512 สหรัฐอเมริกา จึงบรรจุลิเบียไว้ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย (State sponsor of terrorism) เลยทีเดียวครับ

    ลิเบียถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การก่อการร้ายหลายครั้งด้วยกัน ได้แก่ การก่อวินาศกรรมโดยกลุ่มปาเลสไตน์ที่กรุงโรมและกรุงเวียนนาเมื่อปี 2528 การก่อวินาศกรรมสถานบันเทิง La Belle ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อปี 2529

    เป็นผลให้สหรัฐอเมริกาใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและทางทหารกดดันลิเบียให้ยุติการสนับสนุนการก่อการร้าย ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ได้สั่งการให้กองเรือรบสหรัฐอเมริกา เข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนเกิดการปะทะกับฝ่ายลิเบีย 2 ครั้ง ในเดือนมีนาคมและเมษายน 2529 พร้อมทั้งได้ส่งเครื่องบินรบเข้าทิ้งระเบิดกรุงตริโปลี และเมืองเบงกาซีด้วย

    ลิเบียถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมเครื่องบิน 2 ครั้ง ได้แก่ การวางระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบินที่ 103 เหนือเมือง Lockerbie ของสก็อตแลนด์ในปี 2531 และการวางระเบิดสายการบิน UTA เที่ยวบินที่ 772 ของฝรั่งเศสที่ไนเจอร์ในปี 2532 แต่ลิเบียปฏิเสธที่จะส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวลิเบียให้แก่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

    ถึงขั้นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่า ในสายตา มหาอำนาจทุนนิยมตะวันตก กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ตอนนั้นนับว่าเป็นตัวร้ายระดับโลก สูสีกับบิน ลาเดนตอนนี้ทีเดียวครับ เรื่องราวของลิเบียยังเป็นเรื่องใหญ่ในเวทีโลก ต่อเนื่องมาอีกหลายปี

    เหตุการณ์ในลิเบียที่เกิดขึ้นในเวลานี้ จึงไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็ต้องถือว่าเป็นหนังเรื่องยาวที่ ตื่นเต้นเร้าใจ สร้างไตรภาคแบบเดอะลอร์ด ออฟ เดอะ ริงได้เลยครับ เอาเป็นว่าหนังม้วนนี้ยังไม่จบ ขออนุญาตเล่าต่อตอน 2 ในสัปดาห์หน้า โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ

    Columnists - Manager Online -
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กัดดาฟี...จอมเผด็จการขวางโลกทุนนิยม หรือ วีรบุรุษผู้รักชาติแห่งลิเบีย??? (ตอน 1)

    โดย ยุรชัฏ ชาติสุทธิชัย 28 มีนาคม 2554 10:01 น.


    เมื่อสัปดาห์ก่อน(วันที่ 20 มีนาคม 2554)ได้มีปฏิบัติการทางทหารเกิดขึ้นใน ทวีปแอฟริกา ที่ประเทศลิเบีย นำโดยสหัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส การถล่มลิเบียได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะมีทั้งประเทศที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในการโจมตีครั้งนี้

    ข่าวนี้ทำให้ผมสนใจอยากรู้เรื่องลิเบีย และกัดดาฟีขึ้นมา หลังจากค้นข้อมูลเจาะลึกลงไป ก็อดที่จะนำเขียนบอกมาเล่าท่านผู้อ่านไม่ได้

    ก่อนจะพูดถึงปัจจุบัน ผมต้องขอย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของลิเบียกันสักหน่อย เพื่อ เรียนรู้จากอดีต ให้เข้าใจปัจจุบัน และเห็นว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร

    ลิเบีย เป็นประเทศเล็กๆในทวีปอัฟริกาเหนือ ภูมิประเทศยื่นเข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อยู่ห่างจากประเทศอิตาลีเพียงนิดเดียว จึงมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวข้องกับยุโรป และอารยธรรมสำคัญๆในโลกตะวันตก ทั้งอารยธรรมอียิปต์ กรีก และอารยธรรมโรมัน มีพื้นที่เพียง 1.7 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากรเพียง 6 ล้านกว่าคน ประชาชนร้อยละ 97 นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่

    ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของต่างชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่น เคยอยู่ภายใต้กรีก อาณาจักรโรมันอาณาจักรไบแซนไตน์ อาณาจักรออตโตมาน และท้ายสุด ตั้งแต่ปี 2454 ลิเบียอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2492 สมัชชาใหญ่ขององค์การสหประชาชาติจึงได้มีข้อมติให้ลิเบียได้รับเอกราชจากอิตาลี

    กษัตริย์ ไอดริส (Idris) ซึ่งเป็นผู้นำในการต่อต้านการปกครองของอิตาลี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้นำในการเจรจาจนนำไปสู่การประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2494 เขาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ยาวนาน 18 ปี

    การปกครองของกษัตริย์สิ้นสุดลงเมื่อ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2512 กลุ่มนายทหารนำโดยพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ได้ก่อการรัฐประหารยึดอำนาจจากกษัตริย์ Idris แล้วขึ้นเป็นผู้นำประเทศสืบต่อมาถึง 42 ปี จนถึงปัจจุบัน

    ลิเบียมีชื่อประเทศเป็นทางการว่า สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาชนอาหรับลิเบีย เห็นชื่อประเทศเต็มๆ ผมก็ทึ่งเขาหละครับ เพราะเป็นชื่อที่จงใจเอาอัตลักษณ์ของประเทศนี้ออกมานำเสนอให้ชัดๆไปเลยว่าเป็นประเทศที่มีระบบการปกครองแบบสาธารณรัฐสังคมนิยม ขอเน้นว่าไม่ใช่ประชาธิปไตยนะครับ ต่อท้ายด้วยคำว่าประชาชนอาหรับอีกต่างหาก

    นับแต่กัดดาฟี ขึ้นปกครองประเทศ ได้ดำเนินนโยบายตามแนวทางการเมือง ที่เขาเรียกว่า ทฤษฎีสากลที่ 3 (Third Universal Theory) เป็นการผสมผสานระหว่างแนวทางสังคมนิยมกับแนวคิดของศาสนาอิสลาม รวมทั้งดำเนินแนวทางต่อต้านชาติตะวันตก เช่น การปิดสำนักงานของสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักรในลิเบีย การผลักดันให้สหรัฐฯ และอังกฤษถอนทหารที่ประจำอยู่ในลิเบียออกนอกประเทศ และการเวนคืนกิจการน้ำมันของชาติตะวันตก เป็นต้น

    นับว่ากัดดาฟีเป็นศัตรูตัวร้ายคนหนึ่งของมหาอำนาจทุนนิยมตะวันตกที่เดียวครับ ขณะเดียวกัน ลิเบียก็เป็นมิตรกับประเทศในค่ายสังคมนิยมอย่างจีนและโซเวียต โดยเฉพาะการขยายความร่วมมือกับสหภาพโซเวียต ในด้านการเมือง การทหาร และการซื้ออาวุธ

    ลิเบียเคยถูกเพ่งเล็งว่าให้การสนับสนุนการก่อการร้าย โดยเฉพาะแก่กลุ่มต่างๆ ของปาเลสไตน์ เมื่อปี 2512 สหรัฐอเมริกา จึงบรรจุลิเบียไว้ในบัญชีรายชื่อประเทศที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย (State sponsor of terrorism) เลยทีเดียวครับ

    ลิเบียถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์การก่อการร้ายหลายครั้งด้วยกัน ได้แก่ การก่อวินาศกรรมโดยกลุ่มปาเลสไตน์ที่กรุงโรมและกรุงเวียนนาเมื่อปี 2528 การก่อวินาศกรรมสถานบันเทิง La Belle ที่กรุงเบอร์ลินเมื่อปี 2529

    เป็นผลให้สหรัฐอเมริกาใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและทางทหารกดดันลิเบียให้ยุติการสนับสนุนการก่อการร้าย ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ได้สั่งการให้กองเรือรบสหรัฐอเมริกา เข้าไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จนเกิดการปะทะกับฝ่ายลิเบีย 2 ครั้ง ในเดือนมีนาคมและเมษายน 2529 พร้อมทั้งได้ส่งเครื่องบินรบเข้าทิ้งระเบิดกรุงตริโปลี และเมืองเบงกาซีด้วย

    ลิเบียถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมเครื่องบิน 2 ครั้ง ได้แก่ การวางระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบินที่ 103 เหนือเมือง Lockerbie ของสก็อตแลนด์ในปี 2531 และการวางระเบิดสายการบิน UTA เที่ยวบินที่ 772 ของฝรั่งเศสที่ไนเจอร์ในปี 2532 แต่ลิเบียปฏิเสธที่จะส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวลิเบียให้แก่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร

    ถึงขั้นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่า ในสายตา มหาอำนาจทุนนิยมตะวันตก กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ตอนนั้นนับว่าเป็นตัวร้ายระดับโลก สูสีกับบิน ลาเดนตอนนี้ทีเดียวครับ เรื่องราวของลิเบียยังเป็นเรื่องใหญ่ในเวทีโลก ต่อเนื่องมาอีกหลายปี

    เหตุการณ์ในลิเบียที่เกิดขึ้นในเวลานี้ จึงไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่เรื่องใหม่ ถ้าเป็นภาพยนตร์ก็ต้องถือว่าเป็นหนังเรื่องยาวที่ ตื่นเต้นเร้าใจ สร้างไตรภาคแบบเดอะลอร์ด ออฟ เดอะ ริงได้เลยครับ เอาเป็นว่าหนังม้วนนี้ยังไม่จบ ขออนุญาตเล่าต่อตอน 2 ในสัปดาห์หน้า โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปนะครับ

    Columnists - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    [​IMG]
    นํ้าท่วมภาคใต้

    เกาะติด น้ำท่วม 3 เมษายน 2554

    ตรัง 10.30 น. อ.กันตรัง จ.ตรัง ถูกน้ำท่วมจนมิดหลังคา บางจุดน้ำท่วมสูง 4 เมตร ชาวบ้านติดค้างอยู่ภายในบ้านหลายร้อยคน อ.เมืองตรัง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมสูง รถไม่สามารถผ่านได้ พนังกั้นน้ำแม่น้ำตรังทรุดตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 จุด ทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านและพื้นที่การเกษตร และระดับน้ำมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    เตือนภัยพิบัติ 09.38 น. ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เผย ภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ดินโคลนถล่ม ต่ออีก 1 – 2 วัน โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ร่อนพิบูลย์ อ.ลานสกา อ.จุฬาภรณ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช, อ.ปากพยอม จ.พัทลุง, อ.นาโยง จ.ตรัง, อ.นาสาร อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี
    กระบี่ 08.30 น. พบผู้ที่สูญหายเสียชีวิต เพิ่มอีก 1 ราย จากเหตุภูเขาถล่ม ที่บ้านต้นหาร ม.7 ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่
    [​IMG][/IMG].

    เกาะติด น้ำท่วม 2 เมษายน 2554

    นครศรีธรรมราช 16.46 น. อ.สิชลยังน่าเป็นห่วง ชาวบ้านตกค้างหลายจุด นํ้าท่วมสูง ดินถล่มหนัก มีชาวบ้านสูญหายเป็นจำนวนมาก
    สุราษฏร์ธานี 15.12 น. สถานการณ์น้ำท่วม ระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้น เตือนอาจมีน้ำก้อนใหญ่มาถึง
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 14.18 น. ร่วมกับกองทัพภาคที่ 4 ใช้เฮลิคอปเตอร์ขนส่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจ่ายไฟให้แก่ชาวบ้านที่บ้านปากลง ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 13.24 น. ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุด 35 รายแล้ว ประกาศพื้นที่ภัยพิบัตินํ้าท่วม 10 จังหวัดใต้
    นครศรีธรรมราช 12.19 น. ทหารเริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่ม ในพื้นที่ที่ถูกตัดขาดในอำเภอนบพิตำ พร้อมนำชีนุก จากลพบุรี เข้ามาเสริมการปฏิบัติงาน
    สุราษฎร์ธานี 11.03 น. สถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี แม้ฝนจะหยุดตก แต่สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วง หลายพื้นที่ประสบภัยดินถล่ม
    พัทลุง 10.23 น. ระดับนํ้าเริ่มลดลงแล้วในหลายอำเภอ ฝนหยุดตก เจ้าหน้าที่เร่งเข้าฟื้นฟูถนนหนทาง
    นครศรีธรรมราช 09.45 น. น้ำยังคงท่วมสูง มีดินถล่มหลายจุด อ.สิชลวิกฤติ ก้อนหินใหญ่ ไม้ซุงถล่มทับบ้านเรือนประชาชน
    สุราษฎร์ธานี 09.14 น. ประชาชนและเจ้าหน้าที่บนเกาะสมุยเริ่มเข้าฟื้นฟูพื้นที่นํ้าท่วม หลังเริ่มกลับสู่สภาวะปกติแล้ว
    พังงา 08.39 น. ฝนที่เคยตกหนักเริ่มเบาบางลง เจ้าหน้าที่เร่งนำเครื่องจักรกลไปซ่อมแซมถนนที่ชำรุดเสียหายจากน้ำกัดเซาะ คาดจะเปิดใช้ได้ตามปกติในต้นสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันพบผู้เสียชีวิตจากน้ำป่าไหลหลากอีก 4 คน คือนายพิมล แก้วกระจ่าง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านปากคลอง ตำบลรมณีย์ อำเภอกะปง
    กระบี่ 08.01 น. การค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการณ์ดินถล่มที่หมู่บ้านอิสลามอ.เขาพนมวันนี้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 สามารถเข้าไปปฏิบัติการได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
    ตรัง 07.23 น. สถานการณ์น้ำท่วมยังคงวิกฤติ ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ทำให้มีผู้สูญหาย 2 คน
    อุตุนิยมวิทยา 06.17 น. ภาคเหนืออุณหภูมิสูงขึ้น ทั่วไทยยังมีฝนตกหลายพื้นที่ ทะเลยังมีคลื่นลมแรง
    —————————————————————————
    [​IMG]

    เกาะติด น้ำท่วม 1 เมษายน 2554

    สุราษฎร์ธานี 18.09 น. อ.เมือง เตรียมความพร้อมรับน้ำไหลจากพุนพิน คาดเข้าค่ำนี้ เตรียมแผนอพยพคน เตรียมแพทย์พยาบาล กำหนดจุดอพยพ๓จุด
    นครศรีธรรมราช 17.23 น. ชาวบ้าน ต.เขาพระ อ.พิปูน ร้องน้ำท่วมสูงเกือบทั้งตำบล ถนนหลายสายขาดออกจากหมู่บ้านไม่ได้รัฐยังไม่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ
    ตรัง 16.49 น. ชาวต.หนองตรุด อ.เมืองนํ้ามาเร็วมาก ร้อง ไฟฟ้า โทรศัพท์โดนตัด ติดต่อขอความช่วยเหลือไม่ได้ ขณะปะปาส่วนภูมิภาคตรัง หยุดจ่ายให้ปชช.ทั่วจังหวัด เพราะโรงสูบน้ำและกรองน้ำท่วมเสียหายหนัก
    กระบี่ 15.13 น. วันนี้ดีขึ้นกว่าทุกวันที่ผ่านมา แม้มีฝนตกเป็นระยะ แต่ไม่หนักมาก และยังเป็นอุปสรรคสำหรับการเข้าไปค้นหาในพื้นที่ โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตจากเหตุดินถล่มที่อ.เขาพนมอีก 1 ราย
    สุราษฎร์ธานี 14.32 น.เทศบาลเมืองท่าข้าม และ อ.พุนพิน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ทางจังหวัดส่งเรือท้องแบน ขนย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่ ขณะพบศพผู้ใหญ่บ้านปากหมากแล้ว
    พังงา 13.26 น. หลายพื้นที่ยังมีฝนตกโปรยปราย ขณะระดับน้ำท่วมในหลายอำเภอ เริ่มลดลง ถนนหลายสาย สัญจรไปมาได้แล้ว ด้าน ผู้ว่าฯ สั่งเร่งซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย
    ตรัง 12.27 น. น้ำยังคงท่วมขยายวงกว้างในทั้ง 10 อำเภอ โดยเฉพาะอำเภอเมือง กันตัง วังวิเศษ ห้วยยอด สิเกา และรัษฎา น้ำยังคงเพิ่มระดับอย่างต่อเนื่อง
    กรมทางหลวง 11.36 น. มีสายทางอีก 50 สายที่ยังมีน้ำท่วมขัง และในจำนวนดังกล่าวมี 25 สายทางที่ไม่สามารถสัญจรได้ หลังจากนี้กรมทางหลวงจะติดตามสถานการณ์ โดยหลังจากน้ำลดลงจนเข้าซ่อมแซมพื้นที่ได้ ก็จะเร่งดำเนินการเพื่อให้ใช้ถนนได้ชั่วคราว
    สงขลา 10.50 น. ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่อยู่ติดริมทะเลสาบสงขลา เจ้าหน้าที่ต้องนำเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำลงทะเลสาปสงขลา
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 10.02 น. ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมใต้เพิ่มเป็น 21 ราย บาดเจ็บ 181 ราย ยอดผู้เสียชีวิตเหตุดินถล่ม อ.เขาพนม 5 คน สูญหาย 7 คน จราจรอัมพาตหลายเส้นทาง
    นครศรีธรรามราช 09.46 น. รักษาการนายอำเภอสิชล เผย นํ้าท่วมสวนยางพาราเสียหายแล้วกว่า 2 แสนไร่ กว่า 10 จุด เสี่ยงต่อดินถล่ม
    พัทลุง 08.49 น. ระดับน้ำในฝายสูงกว่าระดับเตือนภัย 1 เมตร ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน อ.ควนขนุน ฝนยังตกหนักทั้งคืน
    นครศรีธรรมราช 08.15 น. สะพานทางเข้าหลายหมู่บ้านใน อ.นบพิตำ ถูกกระแสน้ำพัดคอสะพานขาด รวม 6 สะพาน เจ้าหน้าที่ได้นำเสาไฟฟ้ามาพาดเป็นทางข้ามชั่วคราวให้ชาวบ้านสัญจรไปมา
    สุราษฎร์ธานี 07.24 น. พื้นที่บริเณแม่น้ำตาปีอันตรายมาก ระดับนํ้าเพิ่มสูง น้ำท่วมหนักบริเวณสถานีรถไฟ
    อุตุนิยมวิทยา 06.35 น. ภาคใต้มีฝนกระจาย คลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง ส่วนภาคอื่นๆเริ่มมีอุณหภูมีสูงขึ้น
    —————————————————————————
    thailand floods 2011
    [​IMG]
    เกาะติด น้ำท่วม 31 มีนาคม 2554

    ศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 18.53 น. ประกาศ สั่งอพยพ ประชาชน 3 จุด ภูเก็ต สุราษฎร์ นครศรีธรรมราช
    สุราษฎร์ธานี 17.02 o. ตำบลคลองชะอุ่น อพยพผู้คนหนีไปอยู่ที่โรงเรียนดุรโณทัย หลังเกิดแผ่นดินสไลด์
    สงขลา 16.02 น. เจ้าหน้าที่ประกาศให้ อำเภอระโนด และ อำเภอกระแสสินธุ์ เป็นเขตภัยพิบัตินํ้าท่วมกรณีฉุกเฉินแล้ว
    สุราษฎร์ธานี 15.39 น. หวั่นน้ำป่าทะลักเข้าท่วม สั่งอพยพประชาชน 5 หมู่บ้าน ในอำเภอเมือง หนีไปยังที่สูง
    พังงา 14.46 น. ตำรวจน้ำพังงาส่งเรือตรวจการและเรือเร็วตรวจการ รวมทั้งเรือของชาวบ้านอีกกว่า 20 ลำ พบ หนุ่มชาวประมง 2 คน ที่สูญหายเมื่อวานนี้แล้ว สภาพอิดโรย ในเรือทิ้งสมอลอยลำกลางทะเลห่างฝั่งเกาะระไปทางทิศตะวันตก 3 ไมล์ทะเล ลักษณะใกล้จมน้ำ โดยทั้ง 2 คน ช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือตลอดเวลา
    กระบี่ 14.11 น. ฝนที่ตกตลอดทั้งวันทำดินถล่มหมู่บ้านไม้ช่องดำ และน้ำท่วมขัง ถนนไทรบุรี ส่วนอำเภอเขาพนมรถไม่สามารถสัญจรได้ โรงพยาบาลกระบี่ ไม่มีน้ำประปาใช้
    นครศรีธรรมราช 13.24 น. ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง พื้นที่ลุ่มนํ้าตาปีบริเวณต้นนํ้าระดับนํ้าเริ่มสูงขึ้นอีก จนท.เฝ้าระวัง
    กรมอุตุนิยมวิทยา 12.00 น. ประกาศเตือนภัย สภาวะน้ำท่วมในภาคใต้ ฉบับที่ 20 หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคใต้ตอนกลาง เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงทำให้ภาคใต้มีฝนชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ได้ใน วันนี้ หลังจากนั้นปริมาณฝนจะลดลง จึงขอให้ประชาชนบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล ยังคงต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำป่าไหลหลากต่อไปอีก ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้ไว้ด้วย
    สตูล 11.47 น. ฝนหยุดตกแล้ว นํ้าในหลายพื้นที่เริ่มลดระดับลง แต่ยังไม่เลิกประกาศพื้นที่ภัยพิบัตินํ้าท่วม
    กระบี่ 11.14 น. ผู้ว่าฯเตือนประชาชนอย่าวิตกกับข่าวลือเขื่อนแตก เผยผู้เสียชีวิตจากดินถล่มพบเพิ่มอีก 2 ราย สูญหาย 6
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 10.28 น. ยอดผู้เสียชีวิตจากนํ้าท่วมภาคใต้ 13 ราย เตือน 11 จังหวัดฝนยังตกหนักต่อเนื่อง
    นครศรีธรรมราช 09.36 น. อำเภอขนอมน้ำท่วมยังท่วมสูง ไฟฟ้าดับมาแล้ว 1 สัปดาห์ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก
    กระบี่ 08.45 น. ผบ.ทบ.ลงพื้นที่ดูจุดดินถล่มอำเภอเขาพนม ส่งกำลังทหารช่วยเหลือชาวบ้าน
    สุราษฎร์ธานี 07.16 น.เรือหลวงจักรีนฤเบศร นำคน 734 จากเกาะเต่าถึง สัตหีบแล้ว ส่งเรืออีก 3 ลำทยอยรับนักท่องเที่ยวเกาะที่เหลือ
    อุตุนิยมวิทยา 06.32 น. ทั่วทุกภาคอากาศเย็น อีสานอากาศหนาว ใต้ยังมีฝนตกหนักอีก1-2วัน ทะเลคลื่นสูง
    —————————————————————————–
    นํ้าท่วมภาคใต้

    [​IMG]

    เกาะติด น้ำท่วม 30 มีนาคม 2554

    สุราษฎร์ธานี 18.16 น. ทัพเรือช่วยนักท่องเที่ยวเกาะเต่าขึ้นฝั่งที่ชุมพร เตรียมไปช่วยคนติดเกาะพะงันต่อ
    กระบี่ 17.29 น. โรงพยาบาลเขาพนมเร่งรับผู้รอดชีวิตจากเหตุดินถล่มที่อำเภอเขาพนม 39 ราย สาหัส 7 ส่วนมากเจอไม้กระแทะ
    นครศรีธรรมราช 16.51 น. แจ้งเตือนทุกอำเภอระวังภัยดินโคลนถล่ม ใกล้ทะเลสาบระวังนํ้าท่วมฉับพลัน
    ชลบุรี 16.30 น. จนท.พัทยาเร่งอพยพนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติกว่า 500 คนจากเกาะล้าน หลังคลื่นลมในทะเลแรงจัด
    กระบี่ 15.36 น. กรมทหารราบที่ 15 เกณฑ์กำลังพลฝ่ากระแสน้ำเร่งช่วยเหลือเหยื่อติดค้าง หลังน้ำท่วมอำเภอเขาพนม
    นครศรีธรรมราช 14.20 น. ประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แจ้งการพบเห็นจระเข้เกือบ 10 จุด แต่ละที่มีขนาดแตกต่างกัน ซึ่งล่าสุดมีการจับจระเข้เพิ่มอีก 1 ตัว เป็นจระเข้ขนาด 1 เมตรน้ำหนักประมาณ 20 กก. ซึ่งแน่ชัดว่าไม่ใช่จระเข้ของเทศบาลอย่างแน่นอน น่าจะเป็นจระเข้ที่มีการลักลอบเลี้ยงแล้วหลุดออก
    สุราษฎร์ธานี 13.57 น. อ้อม พิยดา ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ ไนน์ เอ็นเตอร์เทน ว่า ตัวเองและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ยังไม่ได้ขึ้นเรือหลวงจักรีนฤเบศร เจอคลื่นแรงเลยไปไม่ถึง ตอนนี้ฝนยังตกตลอด รวมถึงยังไม่สามารถขึ้นเฮลิคอปเตอร์ได้ ล่าสุด
    สงขลา 12.03 น. เตือนอำเภอสะเดาระวังนํ้าท่วมฉับพลัน หลังมาเลเซียปล่อยนํ้าออกจากเขื่อน
    กรมทรัพยากรธรณี 11.57 น. ประกาศฉบับที่ 5 วันที่ 30 มีนาคม 2554 ต้องเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยดินถล่ม ของกรมทรัพยากรธรณี ในพื้นที่จังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส เฝ้าระวังภัยดินถล่ม และน้ำป่าไหลหลาก ในระยะ 1-2 วันนี้
    โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอสวี พะโต๊ะ หลังสวน จังหวัดชุมพร อำเภอท่าชนะ ไชยา วิภาวดี บ้านตาขุน พนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอขนอม สิชล พิปูน ฉวาง ลานสกา นบพิตำ ร่อนพิบูลย์ ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอศรีบรรพต ศรีนครินทร์ กงหรา ตะโหมด จังหวัดพัทลุง อำเภอละอุ่น เมืองระนอง กระบุรี สุขสำราญ จังหวัดระนอง อำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง ท้ายเหมือง จังหวัดพังงา อำแภอเมืองกระบี่ เขาพนม เหนือคลอง เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ อำเภอเมืองภูเก็ต ถลาง กะทู้ จังหวัดภูเก็ต อำเภอห้วยยอด นาโยง ย่านตาขาว ปะหลียน จังหวัดตรัง อำเภอทุ่งหว้า มะนัง ควนกาหลง จังหวัดสตูล อำเภอรัตภูมิ นาทวี จังหวัดสงขลา
    ตรัง 10.25 น. น้ำจากอำเภอนาโยง ไหลเข้าท่วมเขตเทศบาลนครตรัง สูงกว่า 1.5 เมตร
    การรถไฟแห่งประเทศไทย 09.21 น. ยังงดบริการรถไฟสายใต้ เร่งซ่อมรางเสียหายจากนํ้าท่วม คาดวิ่งได้อย่างเร็วที่สุดวันศุกร์
    แหลมตะลุมพุก 08.56 น. คลื่นสูง 4 เมตรโถมถล่มแหลมตะลุมพุก ถนนในหมู่บ้านถูกกระแสน้ำพัดตัดขาด ผู้ใหญ่บ้านระบุว่าเป็นมรสุมที่รุนแรงที่สุดในรอบ 51 ปี
    กระบี่ 08.12 น. อำเภอเขาพนม โคลนถล่มทับบ้านเรือนประชาชนกว่า 200 หลัง ชาวบ้านต้องเร่งอพยพหนี
    กองทัพเรือ 07.36 น. เรือหลวงจักรีนฤเบศรเร่งอพยพคนบนเกาะเต่า ส่งเฮลิคอบเตอร์รับนักท่องเที่ยวที่สมุย
    อุตุนิยมวิทยา 06.14 น. เหนืออากาศหนาวจัดมีฝนเล็กน้อย ใต้มีฝนตกชุกเกือบทุกจังหวัด กทม. ปริมณฑลอากาศเย็น
    —————————————————————————-

    นํ้าท่วมภาคใต้ by Flood in Southern of Thailand 2011
    [​IMG]
    เกาะติด น้ำท่วม 29 มีนาคม 2554

    นครศรีธรรมราช 18.13 น. เขื่อนวังอ้ายว่าวแตก น้ำทะลักเข้าท่วมอำเภอทุ่งสง ชาวบ้านพากันขนของหนีนํ้าอลหม่าน
    กระบี่ 17.52 น.โคลนถล่มเข้าที่บ้านหมู่ 7 บ้านคลองแห้ง อำเภอเขาพนม ชาวบ้านกว่าจำนวน 60 คน ต้องอพยพด่วน
    สุราษฎร์ธานี 17.37 น. เกาะพะงันคลื่นลมแรงนักท่องเที่ยวตกค้างประมาณ200 – 300 ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เรือเฟอร์รี่ทุกเส้นทางยังงดบริการ กองทัพเรือ ส่ง เรือหลวงจักรีนฤเบศร์ ไปรับนักท่องเที่ยวเกาะเต่า
    การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 16.25 น. เร่งจ่ายไฟในจุดที่ปลอดภัยพื้นที่น้ำท่วมภาคใต้ พบเสาไฟฟ้าล้มจำนวนมาก
    นครศรีธรรมราช 15.42 น. แหลมตะลุมพุก คลื่นสูงกว่า 4 เมตรจากทะเลซัดถล่มชายฝั่ง หมู่บ้านชาวประมงเสียหายหลายหลัง
    กรมทรัพยากรฯ 15.03 น. ประกาศพื้นที่จังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา กระบี่ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย
    สุราษฎร์ธานี 14.17 น. สาธิตย์ ติดต่อผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีแล้ว แจ้งเรือรบไปรับคนที่เกาะเต่าถึงพรุ่งนี้พร้อมนํ้ามันปั่นไฟ
    สตูล 14.02 น. เตรียมประกาศภาวะพื้นที่น้ำท่วมฉับพลัน สั่งเรือเล็กงดออกจากฝั่ง ฝนยังเทกระหน่ำต่อเนื่อง
    สงขลา 13.40 น. สงขลาประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน 2 อำเภอ คือ อำเภอระโนด และอำเภอกระแสสินธุ์ เนื่องมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ประกอบกับน้ำจาก จ.พัทลุงและนครศรีธรรมราชบางส่วนได้ไหลระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้พื้นที่ทั้งสองอำเภอได้รับผลกระทบ
    สุราษฎร์ธานี 12.03 น. นายอำเภอไชยา เผย ปริมาณน้ำได้เข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่มทั้งอำเภอ แต่ยังไม่กระทบพระบรมธาตุไชยา
    นครศรีธรรมราช 11.28 น. ฝนตกหนักต่อเนื่อง นํ้าท่วมทั้งจังหวัด นํ้าทะเลหนุนสูงซํ้าอีก
    การรถไฟแห่งประเทศไทย 11.11 น. รถไฟสายใต้หยุดให้บริการชั่วคราวทุกขบวน หลังนํ้าท่วมขยายวงกว้าง นํ้าท่วมรางรถไฟเสี่ยงอันตราย
    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 11.00 น. นํ้าท่วมภาคใต้ผู้เสียชีวิต 8 ราย มีกระทบ 5 จังหวัด 42 อำเภอ ประชนเดือดร้อน 71,875 ครัวเรือน รวม 268,781 คน
    นครศรีธรรมราช 10.25 น. จระเข้ ที่หลุดจากสวนสมเด็จย่าฯ (ท่งท่าลาด) จํานวน 8 ตัว ขณะนี้จับได้แล้ว 5 ตัว โดย เจ้าหน้าที่เทศบาลนครและตํารวจ
    กระบี่ 10.14 น. น้ำท่วม อ.เขาพนม ถึงเข่าแล้ว เนื่องจากพื้นที่เป็นแอ่ง การไฟฟ้าฯปิดสำนักงานชั่วคราวเพื่อขนย้ายอุปกรณ์
    ชุมพร 10 .06 น. เกาะแกลบ เจ้าหน้าที่สามารถช่วยเหลือ เด็ก 9 ขวบและนักศึกษา 7 ชีวิตที่ติดเกาะได้แล้ว ทุกคนปลอดภัย อำเภอหลังสวนนํ้าท่วมสูง
    ตรัง 09.26 น. อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ดินสไลด์ปิดทับคันทาง ที่ กม.29-30 ให้ใช้ทางหลวงชนบทแทน คาดว่าน้ำจะเข้าท่วมเขตเทศบาลนาโยงเหนือ ประมาณเที่ยง ช่วงบ่ายจะเข้าท่วมเขตเทศบาลนครตรัง
    นราธิวาส 09.02 น. ฝนตกหนัก ตำบลจวบ ปริมาณน้ำฝนสะสม 215 มิลลิเมตร น้ำท่วมแล้วโดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองและอ.สุไหงโกลก มีต้นไม้ใหญ่หักโค่น และยังมีฝนตกต่อเนื่อง
    พัทลุง 08.45 น. ฝนทิ้งช่วงหยุดตกแล้ว แต่ก็ยังมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ทั้ง 11 อำเภอ โดยเฉพาะบริเวณราบลุ่มและพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลาของ อ.เขาชัยสน อ.บางแก้ว อ.ปากพะยูน อ.ควนขนุน และ อ.เมืองพัทลุง
    สุราษฏร์ธานี 08.12 น. หลายพื้นที่ยังวิกฤติระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากยังมีฝนตกหนักต่อเนื่องเกือบทุกอำเภอโดยที่หนักสุดคือ อ.ท่าชนะ ,ไชยา และมีแนวโน้มดินถล่มลงมาเป็นระยะ ส่วนเกาะสมุยนํ้าท่วมสูง เสาไฟฟ้าแรงสูงล้มหลายจุดรอบเกาะ การไฟฟ้าฯกำลังเร่งดำเนินการแก้ไข คาดต้องใช้ระยะเวลานาน ทางขาดเป็นระยะ
    สงขลา 07.32 น. หาดใหญ่ฝนยังคงตกหนัก สลับ เบาอย่างต่อเนื่องหลายวันติด หลายพื้นที่เริ่มมีนํ้าท่วมขัง
    นครศรีธรรมราช 07.05 น. ฝนตกหนัก ดินสไลด์ปิดถนน แหลมตะลุมพุกน้ำทะเลกัดเซาะเริ่มวิกฤต
    อุตุนิยมวิทยา 06.00 น. อุตุฯเตือน14จังหวัดภาคใต้ฝนตกหนักอีก 1-2 วัน ลมกรรโชกแรง ทะเลคลื่นสูง เหนืออากาศหนาวอุณหภูมิลดลง 2-3 องศา

    โดย Mthai News
    รวมบัญชีช่วยเหลือ นํ้าท่วมภาคใต้
    http://news.mthai.com/general-news/108443.html
    <object width="640" height="390"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/QPIxHx4ZY48&rel=0&hl=th_TH&feature=player_embedded&version=3"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowScriptAccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/QPIxHx4ZY48&rel=0&hl=th_TH&feature=player_embedded&version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></embed></object>
    ช่องทางการส่งความช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบอุทกภัยในภาคใต้
    [​IMG]
    จระเข้ นครศรีธรรมราช นํ้าท่วม
    [​IMG]
    นํ้าท่วมเกาะสมุย
    [​IMG]
    นํ้าท่วมภาคใต้ by Pariwat Thammachat
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1204
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2011
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    'อัฟกานิสถาน'ลุกฮือต่อต้าน US ประท้วง'เผากุรอาน'ระอุดับ 18 คน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 21:10 น.
    [​IMG]

    ศาสนาจารย์ เทอร์รี โจนส์ แห่งโบสถ์ในมลรัฐฟลอริดา


    เอเอฟพี / เอเจนซี - การประท้วงนองเลือดของชาวมุสลิมจำนวนหลายพันคนในอัฟกานิสถาน ยังคงลุกลามต่อไปอีกวันนี้(3) เป็นวันที่ 3 ต่อเนื่องจากวันศุกร์(1) และวันเสาร์(2) และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น 18 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ 7 ราย ขณะที่ศาสนาจารย์ของโบสถ์คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์แห่งหนึ่งในมลรัฐฟลอริดา ผู้จุดชนวนความรุนแรงระลอกนี้ขึ้นมาด้วยการเผาคัมภีร์อัลกุรอานนั้น ยังคงไม่รู้สึกสะทกสะท้าน และประกาศจะเดินหน้าจัดการประท้วงศาสนาอิสลามที่หน้ามัสยิดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯช่วงปลายเดือนนี้

    ประชาชนชาวอัฟกานิสถานจำนวนหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยุวชนได้ออกมาชุมนุมกันตามถนนหลายสายในเมืองกันดะฮาร์ เมืองใหญ่ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน วันนี้ (3) เพื่อประท้วงเรื่องที่ศาสนาจารย์ เทอร์รี โจนส์ เจ้าของโบสถ์โดฟ เวิลด์ เอาต์รีช เซ็นเตอร์ ในมลรัฐฟลอริดา เผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ก่อนหน้านี้ ศาสนาจารย์ผู้นี้เคยเป็นข่าวเกรียวกราวไปทั่วโลกเมื่อปีที่แล้วหลังจากเขาออกมาข่มขู่ว่าจะเผาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาอิสลามนี้เพื่อบวงสรวงต่อดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในวันครบรอบเหตุการณ์วินาศกรรมตึกเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ 11 กันยายน ทว่าในท้ายที่สุดเขาก็ยอมล้มเลิกความตั้งใจตามคำขอร้องของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่นานาชาติ

    ผู้เห็นเหตุการณ์การประท้วงที่กันดะฮาร์ เล่าว่า กลุ่มชาวมุสลิมได้เดินขบวนพร้อมกับตะโกนคำขวัญว่า “สหรัฐฯจงตายเสีย” และ “ (ประธานาธิบดีฮามิด) คาร์ไซ จงตายเสีย”

    ขณะที่ซัลมาย อายูบี โฆษกสำนักงานจังหวัด ยืนยันว่ามีการประท้วงดังกล่าวจริง ทว่าก็บอกด้วยว่า พวกเขาประท้วงกันอย่างสงบ “ใช่แล้วครับ มีการชุมนุมประท้วงขึ้นในเขตพื้นที่ 3 แห่งในเมืองกันดะฮาร์ และก็มีอีกแห่งที่เขตปัญจวายี”

    อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการสาธารณสุขจังหวัด ระบุในภายหลังว่า การประท้วงเมื่อวานนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย และบาดเจ็บอีกรวม 16 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย

    นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงมหาดไทยของอัฟกานิสถาน เซมาราย บาชอรี ยังบอกกับเอเอฟพีด้วยว่า มีนักเรียนนักศึกษาจำนวนหลายร้อยคนในเมืองจะลาลาบาด เมืองใหญ่ทางด้านตะวันออกของประเทศ ได้ออกมาชุมนุมปิดเส้นทางหลวงสายหลักที่ตัดเข้าสู่กรุงคาบูลอีกด้วย โดยโทรทัศน์ท้องถิ่นรายงานว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยประมาณ 500 คนได้ปิดถนนเส้นสำคัญนี้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ขณะเดียวกันก็มีประชาชนอีกหลายร้อยคนออกมาชุมนุมกันบนถนนในเมืองชอริการ์ เมืองหลวงของจังหวัดปาร์วาน

    ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์ เหตุการณ์การประท้วงต่อต้านการเผาอัลกุรอานบานปลายหนักจนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 10 ราย หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ โดยที่ฝ่ายแรกเริ่มใช้ความรุนแรงภายหลังตำรวจเข้ามากีดขวางการเดินขบวนของพวกเขา

    เมื่อวันศุกร์ (1) ที่ผ่านมา ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้าไปในอาคารที่ทำการขององค์การสหประชาชาติในเมืองมะซารีชะรีฟ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอัฟกานิสถาน และสังหารเจ้าหน้าที่ยูเอ็นไปทั้งสิ้น 7 รายเพื่อระบายความโกรธแค้น

    อย่างไรก็ตาม ศาสนาจารย์ โจนส์ ผู้จุดชนวนความขัดแย้งระหว่างมุสลิมกับโลกตะวันตกระลอกล่าสุด ออกมากล่าวว่า เขาไม่รู้สึกไม่สะทกสะท้าน หรือรู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาดังกล่าว

    “เราต้องการให้สังคมตระหนักถึงความสุดโต่งในอิสลาม” ศาสนาจารย์โจนส์ ให้สัมภาษณ์ที่โบสถ์ในเมืองเกนสวิลล์ โดยมีรูปคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกเพลิงเผาวอดปรากฏบนหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นฉากหลัง

    “การที่คนถูกฆ่าเป็นเรื่องเลวร้ายมากแน่นอน ซึ่งผมคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสุดโต่งในอิสลาม”

    อดีตผู้จัดการโรงแรมซึ่งผันตัวมาเป็นนักเทศน์ กล่าวว่า เขาจะเดินหน้าประท้วงต่อต้านพวกมุสลิมหัวรุนแรงอีกในวันที่ 22 เมษายนนี้ ที่หน้ามัสยิดในเมืองเดียร์บอร์น มลรัฐมิชิแกน ซึ่ง
    เป็นศาสนสถานของชาวมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ

    โจนส์อ้างว่า ปฏิกิริยาของชาวมุสลิมในอัฟกานิสถาน “แสดงให้เห็นสิ่งที่เรากำลังพูดถึงอย่างชัดเจน”

    “สมมติว่าเพื่อนบ้านทำให้ผมโกรธ ผมก็ไม่มีสิทธิจะบุกรุกบ้านเขาและฆ่าเขาทิ้งอยู่ดี”

    โจนส์เล่าว่า ตนถูกขู่เอาชีวิตนับร้อยๆ ครั้งตั้งแต่ประกาศว่าจะเผาอัลกุรอานเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ต้องพกปืนและไปฝึกยิงปืนเพื่อป้องกันตนเอง ขณะที่สาธุชนก็มาเข้าโบสถ์น้อยลงเพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย

    ทั้งนี้ โจนส์ไม่ได้ระบุว่าจะเผาอัลกุรอานในวันที่ 22 เมษายนด้วยหรือไม่ แต่ขอร้องไม่ให้ทุกฝ่ายมองว่าการกระทำของเขาเป็นการโจมตีชาวมุสลิมทั้งมวล

    “สำหรับชาวมุสลิมที่รักสันติและอาศัยอยู่ในย่านดังกล่าว เราเสียใจที่ทำให้พวกเขาโกรธเคือง ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเขาคงรู้สึกเช่นนั้นแน่ แต่เราไม่ได้ตั้งใจทำร้ายพวกเขา เราเพียงต้องการต่อต้านความสุดโต่งในอิสลามเท่านั้น”

    ก่อนหน้านี้ในวันที่ 20 มีนาคม โจนส์ได้จำลองการพิพากษาพระคัมภีร์อัลกุรอานและจุดไฟเผาคัมภีร์มาแล้ว ซึ่งแม้จะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมากนัก แต่ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตและจุดกระแสความโกรธแค้นไปทั่วโลกมุสลิม ซึ่งผู้นำชาวคริสต์และมุสลิมในสหรัฐฯ ต่างก็ออกมากล่าวประณามการกระทำดังกล่าวของโจนส์

    “สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ โบสถ์เล็กๆ แห่งเดียวกลับสร้างความโกรธแค้นให้แก่คนได้มากมายขนาดนี้” จอฟฟ์ ตุนนิคลิฟ ผู้อำนวยการสหพันธ์บาทหลวงนานาชาติ (WEA) ซึ่งมีสมาชิกบาทหลวงจากกว่า 100 ประเทศ กล่าว

    “ผมขอถามเขาว่า ทำไมเขาจึงต้องการยั่วยุให้คนออกมาตอบโต้เช่นนี้? ทั้งที่ทราบดีว่าผลจะเป็นอย่างไร”

    ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐบาลปากีสถานและอัฟกานิสถานต่างก็เรียกร้องให้สหรัฐฯ จับตัว โจนส์ มาลงโทษ อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของพวกเขาอาจไร้ผล เนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์หรือเผาทำลายพระคัมภีร์อัลกุรอานในสหรัฐฯ นั้นไม่ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งตัวรัฐธรรมนูญของประเทศรับรองเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน

    ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ออกมาประณามทั้งศาสนาจารย์โจนส์ ที่เผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน รวมถึงประณามเหตุความรุนแรงของพวกผู้ประท้วงที่กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ

    “การดูหมิ่นทำลายคัมภีร์ของศาสนาใดก็ตาม รวมถึงอัลกุรอาน ถือเป็นความใจแคบและดื้อรั้นอย่างยิ่ง” ทำเนียบขาวแถลงเมื่อวันเสาร์ (2)

    “อย่างไรก็ตาม การทำร้ายและสังหารผู้บริสุทธิ์เพื่อแก้แค้นก็เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี รวมถึงเกียรติของความเป็นมนุษย์”

    ความคิดเห็นที่ 15

    ผมในฐานะเป็นมุสลิม อยากให้มุสลิมทุกคนใจเย็นอย่าบ้าฆ่ากันเองเพราะคนบ้าเพียงคนเดียวพระดำรัสของอัลลอฮ์มิใช่ตัวกระดาษ แต่มันคือนามธรรมอันสูงส่งใครก็ทำลายไม่ได้ ถ้าบ้าตามเขา นั่นมิใช่สิ่งที่อัลลอฮ์ต้องการ
    แด่มุสลิมทั่วโลก

    ความคิดเห็นที่ 52
    องค์กร BLACK JESUIT สร้างสรรค์ผลงานดี มีคุณภาพ "อีกแล้ว ครับท่าน" ได้เวลาชมสงครามครูเสดรอบใหม่แล้ว เที่ยวนี้แรงถึงใจแน่นอน
    เคยไม่เชื่อแต่เริ่มเอะใจแล้ว

    ความคิดเห็นที่ 43
    ขอให้โลกสงบสุข สาธุ
    leokeen

    ความคิดเห็นที่ 42
    Jesus teaches Christians to love God and to love their neighbors as themselves, not to burn their stuffs, OK?
    MOSES

    ความคิดเห็นที่ 37
    แม้ไม่เห็นด้วย แต่มุสลิมถูกยั่วให้โกรธง่ายมากจริง ๆ แสดงถึงความสุดโต่งอย่างที่ฝรั่งมันว่า เรื่องนี้อาจทำให้ลุกลามใหญ่โตได้ถ้าสื่อฝรั่งมันกระพือดี ๆ เพราะมันเป็นกับดักหลอกให้อิสลามล้างแค้นอย่างรุนแรง รับรองได้สุดท้ายฝรั่งได้น้ำมันไปอีกเช่นเคย
    สันติเถอะท่าน

    ความคิดเห็นที่ 34
    ผมว่านะเมกาก็สร้างกระแสให้ชาวโลกลืมๆเรื่องบุกลิเบียมากกว่า
    สอยดาว

    ความคิดเห็นที่ 33
    เรื่องนี้ออนไหว มากๆ จุดชนวนสงครามโลกแตก ครั้งที่สามได้เลย นะครับ
    2012

    ความคิดเห็นที่ 26
    แล้วที่คนอัฟกานิสสถานระเบิดพระพุทธรูปสลักหน้าผาล่ะ?
    888
    ตาลิบัน ระเบิดเฟ้ย มันไม่ใช่ตัวแทนของคนอัฟกัน
    wakawaka

    ความคิดเห็นที่ 25
    กระตุ้นการขาย อาวุธของฝรั่งมัน
    สงครามใต้ดิน

    ความคิดเห็นที่ 22
    โจนส์ มันบ้าครับ ผู้นำคริสเตียนจำนวนมากไม่เห็นด้วยและห้ามมันแล้ว มันก็ยังทำ และมุสลิมบางกลุ่มก็ยั่วยุได้ง่ายเหลือเกิน เฮ้อ...หนักใจ
    ใช้หัวหน่อยครับ

    ความคิดเห็นที่ 17
    ไม่ยึดติดกับวัตถุ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในหลักอิสลาม ก็สอนไม่ให้ยึดติดวัตถุ ไม่รู้ว่าพวกประท้วง เข้าถึงแก่นของศาสนาตัวเองหรือยัง
    วุ่นวายน่าดู

    ความคิดเห็นที่ 14
    มันคือแผนของตาอยู่ที่จะให้ตาอินกะตานาล่อกันให้เละ
    เมื่อล่อกันจนเละแล้วก็จะคว้าพุงปลาไปกินสบายใจเฉิบ
    พวกคอมมูนิดมันเป็นยังงี่ละคับ กะกันว่าจะให้รบกันจนพลเมืองลดไปจนอยู่ที่ระดับสองพันล้านเท่านั้น
    อ่านจากเขาต่อมาอีกทีนึง เหอๆๆ
    เออ

    ความคิดเห็นที่ 9
    และแล้ว มุสลิมชาวอัฟกันก็หลงกล ถ้าทำเฉยเสีย ไม่ให้ราคาก็หมดเรื่อง บาทหลวงคนนี้มองออกแต่แรกแล้วว่าคนเหล่านี้จุดติดง่าย มีแต่ศรัทธาแต่ไร้ปัญญา บาทหลวงคนนี้คงรับงานมา เพื่อสร้างความวุ่นวาย
    ไม่น่าเลย
    C I A NSS C I A C I A NSS C I A
    N W O @jel USA lem.COM

    ความคิดเห็นที่ 8
    บักนี่..มันไม่ได้เป็นศาสนาจารย์หรือคริสเตียนหรอก เพราะคริสเตียนดีๆเขาไม่ทำกัน มันเพี๊ยน แถมอยากดัง ผู้นำคริสตจักรแห่กันไปห้ามมันยังทำ
    คนบ้ามั้ง
    ไอตู่บอก คริสเทียม
    ดดดด

    ความคิดเห็นที่ 3
    ตามแผน ตต.เลย
    ยุให้มุสลิมฆ่าคนอื่นและฆ่าสมุลิมด้วยกันเอง
    คิดได้แค่นี้สมุสลิมคงหาความสงบสุขไม่ได้อีกแล้ว

    มุสลิมที่เคร่งศาสนาคงหางานที่มีรายได้ดีใน สหรัฐ ไม่ได้อีกต่อไป
    นายจ้างที่ฉลาดคงไม่รับพวกนี้เข้าไปทำงานแน่นอน
    เกิดนายจ้างเผลอพูดเรื่องโจ๊กแต่ไปขัดหลักการอิสลาม
    เข้า อาจถูกฟันคอขาดได้
    ใจเย็นๆกันหน่อย
    เห็นด้วยนะครับ เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำพฤติกรรมความรุนแรงของชาวมุสลิมเข้าไปกันใหญ่ ต่ไปนี้ถ้าบ้านข้างๆ ผมเป็นพวกมุสลิมเคร่งครัด ปูผ้าทำละหมาดทุกวัน ผมคงเกรงๆ แล้วล่ะ สันดานเอาตัวรอดของมนุษย์มันไม่มีเวลามานั่งตรองหรอกว่า ใครดีใครชั่ว
    ยยย

    ความคิดเห็นที่ 2
    คนอัฟกานิสถาน แสดงออกอย่างที่เทอร์รี่โจนส์ อยากให้โลกเห็น

    ถ้านาย ก ออกมาบอกกับสังคมว่านาย ข ว่าเป็นฆาตกร สันดานฆาตกร ฆ่าคนไม่เลือก อันตรายต่อสังคม

    นาย ข โกรธจัด แต่ทำอะไรนาย ก ไม่ได้

    ก็เลยโวยวาย "กรูไม่ได้เป็นฆาตกรนะเว้ยยยย" ว่าแล้วก็หยิบปืนไปยิง นาย ค นาย ง นาย จ นาย ฉ ตายคาที่

    แล้วแบบนี้ ใครถูก ใครผิด
    เอวัง

    ว่าแต่คนอื่นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ลองมองกลับหาตัวเองบางสิ ศาสนาไม่รู้ว่ามีอยู่ในใจหรอเปล่าหรอว่าเป็นแค่เพียงสิ่งรองก้นเท่านั้นว่ากูมีศาสนา แต่ทำตัวยังกะคงไม่มีศาสนา ไหว้หิน ไหว้ต้นไม้อย่างนี้มันงมงายไปกันใหญ่แล้ว..เซ้งจริง ๆ กับพวกเรียนสูงแต่ไร้สมอง
    แค่คน ๆ หนึ่ง

    [​IMG] [​IMG]
    Around the World - Manager Online - '
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯขานรับ “นาโต” บอมบ์ลิเบียต่อ สมุน “กัดดาฟี” เผ่นอีกราย

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 เมษายน 2554 09:01 น.

    [​IMG]
    พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย


    เอเอฟพี - สหรัฐฯเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในลิเบียต่อในวันนี้(4) ขณะที่การสู้รบในเมืองบรีกายังคงดุเดือด โดยทหารของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี สามารถตีโต้จนฝ่ายกบฎไม่สามารถรุกคืบต่อไปได้

    การโจมตีทางอากาศโดยกองทัพสหรัฐฯจะยังดำเนินต่อเนื่องในวันนี้(4)ตามคำขอของนาโต ซึ่งเพนตากอนให้เหตุผลวานนี้(3)ว่า เป็นเพราะ “สภาพอากาศในลิเบียขณะนี้ไม่ค่อยดี”

    สหรัฐฯจะเริ่มถอนเครื่องบินขับไล่และขีปนาวุธโทมาฮอว์กออกจากปฏิบัติการในลิเบียภายในสุดสัปดาห์นี้ โดยกองกำลังนาโตจะเข้ามาเป็นผู้นำในการโจมตีทหารกัดดาฟีต่อไป

    ขณะเดียวกัน อาลี เตรกี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียและประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ก็เป็นเจ้าหน้าที่รายล่าสุดที่ตัดสินใจละทิ้งระบอบ กัดดาฟี หลังจากที่ มุสซา คุสซา รัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียบินหนีไปอังกฤษก่อนหน้านี้

    แหล่งข่าวในสันนิบาตอาหรับ ระบุว่า เตรกี เดินทางไปพบกับ อัมร์ มุสซา ประธานสันนิบาตอาหรับที่กรุงไคโรวานนี้(3) และได้ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของ กัดดาฟี แต่ก็ไม่ยอมเข้าร่วมกับฝ่ายกบฎ

    เตรกี เคยเป็นผู้แทนลิเบียประจำองค์การสหประชาชาติ และได้รับตำแหน่งประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในปี 2009

    ด้านกลุ่มกบฎที่พยายามเข้ายึดเมืองบรีกาเช้าวานนี้(3) ก็ต้องใช้ยุทธวิธีถอนกำลัง หลังถูกทหารกัดดาฟีโจมตีอย่างหนักหน่วง และเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นหลายครั้งบริเวณชานเมืองบรีกา ขณะที่นักรบฝีมือดีของกลุ่มกบฎพยายามโต้กลับทหารฝ่ายรัฐบาล

    อาสาสมัครฝ่ายกบฎหลายคนยอมรับว่า ขาดการฝึกฝนยุทธิวิธีแบบทหาร, ไม่มีระเบียบ และไม่รู้จักภูมิประเทศแถบนี้ดีพอที่จะบุกเข้าโจมตีเมืองบรีกาตรงๆได้

    “ไม่มีผู้บังคับบัญชา พวกเรามาด้วยกันหมด” อับดุล วาเฮด อากูรี วัย 28 ปี กล่าว

    “พวกเราไม่ใช่ทหาร เราไม่สามารถบุกเข้าใกล้เมืองบรีกาได้เพราะเราไม่รู้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหน เราไม่รู้จักพื้นที่แถบนี้ จึงต้องคอยพวกทหาร(ที่หลบหนีออกมา)” เขากล่าว พร้อมอธิบายว่าการรอคอยอาจต้องใช้เวลาเป็นวัน

    เมื่อวันเสาร์(2)ที่ผ่านมา ฝ่ายกบฎอ้างว่า สามารถยึดเมืองบรีกาซึ่งอยู่ห่างจากกรุงตริโปลีไปทางตะวันออกประมาณ 800 กิโลเมตรจากทหารได้แล้ว แต่หน่วยแม่นปืนของ กัดดาฟี ยังคงซุ่มโจมตีอยู่ในเมือง รวมถึงมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ชานเมือง

    [​IMG]

    กลุ่มกบฎที่พยายามเข้ายึดเมืองบรีกาต้องยอมถอยร่น หลังถูกทหารฝ่ายกัดดาฟีโจมตีอย่างหนักหน่วง วานนี้(3)


    ดิมิตริส ดรูตซัส รัฐมนตรีต่างประเทศของกรีซ ให้สัมภาษณ์หลังการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรี จอร์จ ปาปันเดรอู กับผู้แทนลิเบียว่า รัฐบาลลิเบียกำลังพยายามหาทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในประเทศ

    “ผู้แทนจากลิเบียระบุว่า รัฐบาลกำลังหาทางแก้ปัญหา” ดรูตซัส แถลง

    “ทางเราก็ได้กล่าวย้ำสารจากประชาคมโลกอย่างชัดเจน ให้มีการปฏิบัติตามมติองค์การสหประชาชาติอย่างเคร่งครัด รัฐบาลลิเบียต้องหยุดยิงทันที อีกทั้งยุติความรุนแรงและการกระทำเยี่ยงสงคราม โดยเฉพาะต่อพลเรือน”

    ด้านนายกรัฐมนตรี ปาปันเดรอู ก็ได้สนทนากับผู้นำลิเบียทางโทรศัพท์เมื่อวันเสาร์(2)ที่ผ่านมา

    อับเดลาตี ลาบีดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศลิเบีย ซึ่งรับหน้าที่ผู้แทนประเทศ จะเดินทางไปเยือนตรุกีในวันนี้(4) ก่อนจะเข้าพบผู้นำของมอลตาเป็นลำดับต่อไป

    Around the World - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทัพ'กัดดาฟี'บี้กบฏในหลายเมือง'นาโต้'หงอยหลังบอมบ์พลเรือน

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 เมษายน 2554 21:03 น.

    [​IMG]

    ขบวนรบของกบฏลิเบียล่าถอย หลังปะทะกับกองกำลังกัดดาฟีในสมรภูมิบรีกา


    เอเอฟพี / เอเจนซี - กองทัพมูอัมมาร์ กัดดาฟีของลิเบีย บุกทะลวงฝ่าแนวรับของพวกกบฏเข้าไปในเมืองมิสราตา เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศได้สำเร็จวันนี้ (3) นอกจากนี้ยังได้เมืองบรีกากลับคืนมาอีกคำรบด้วย ขณะที่รัฐบาลฝ่ายค้านที่มีฐานในเบงกาซีได้จัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษขึ้นเพื่อบริหารราชการและปรับโครงสร้างกองทัพ ทางด้านองค์การนาโต้กำลังพิจารณารายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพลเรือนลิเบีย หลังพวกฝ่ายค้านกัดดาฟี ระบุว่า การโจมตีทางอากาศของนาโต้ใกล้กับเมืองบรีกาเมื่อวันศุกร์ได้คร่าชีวิตพลเรือนไปหลายราย

    ผู้สื่อข่าวภาคสนามของเอเอฟพีรายงานวันนี้ (3) ว่า นักรบฝ่ายกบฏของลิเบียได้ถอยร่นออกจากเมืองบรีกา ภายหลังจากต่อสู้ห้ำหั่นกับกองทหารของกัดดาฟีอย่างดุเดือด โดยนักข่าวผู้นี้เห็นนักรบติดอาวุธของฝ่ายค้านรวมพลกันราว 300-400 คน จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับไปยังเขตยึดครองของพวกเขาอีกแห่งซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกราว 10 กิโลเมตร ทั้งนี้นักรบของฝ่ายค้าน ซึ่งบุกเข้าไปในบรีกาอันเป็นสมรภูมิแนวหน้าได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้นั้น ระบุว่า พวกเขาจำเป็นต้องล่าถอยออกจากเมืองดังกล่าวตามยุทธวิธี หลังจากพวกเขาถูกซุ่มโจมตีโดยกองกำลังสวามิภักดิ์กัดดาฟีอย่างหนักหน่วง

    ก่อนหน้านี้อับดุลฮาฟิซ กอกา หัวหน้าโฆษกฝ่ายค้านระบอบกัดดาฟีซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองเบงกาซี กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ (2) ว่า พวกเขาสามารถยึดครองเมืองบรีกา เมืองอู่น้ำมันสำคัญของประเทศจากฝ่ายกัดดาฟีได้แล้ว แม้ว่าก่อนหน้านั้นไม่นานจะมีรายงานข่าวออกมาว่า ยังมีการสู้รบกันประปรายระหว่างสองฝ่ายทั้งนอกและในเขตเมืองบรีกาก็ตาม

    ด้านสถานการณ์การสู้รบในเมืองอื่นๆ ของลิเบีย กองทัพของกัดดาฟีสามารถทะลวงแนวป้องกันของฝ่ายกบฏในเมืองมิสราตาได้ในที่สุด หลังจากโจมตีและปิดล้อมเมืองซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกของประเทศแห่งนี้มานานหลายสัปดาห์ ถึงแม้ว่าโฆษกฝ่ายกบฏจะยืนกรานว่า การต่อสู้ขับเคี่ยวกันระหว่างฝ่ายตนกับกองกำลังกัดดาฟีที่เมืองดังกล่าวยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด โดยที่ฝ่ายตนยังคงยึดครองใจกลางมิสราตาและท่าเรือของเมืองแห่งนี้อยู่ก็ตาม

    ขณะที่แพทย์รายหนึ่งนามว่า รอมาดอน บอกกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ว่า ตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในระหว่างการสู้รบในเมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศแห่งนี้แล้วอย่างน้อย 160 ราย โดยที่ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

    ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เมืองเบงกาซี ทางคณะกรรมการปฏิวัติแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดกู้วิกฤตขึ้น ซึ่งในนั้นมีทั้งอดีตรัฐมนตรีมหาดไทยของลิเบียผู้ซึ่งแปรพักตร์มาเข้ากับฝ่ายค้าน ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาธิการของกองทัพฝ่ายกบฏด้วย โดยคณะทำงานกอบกู้วิกฤตที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้จะทำหน้าที่บริหารราชการในหลายเมืองของพวกกบฏ ตลอดจนปรับโครงสร้างการบังคับบัญชาของกองทัพให้เป็นเอกภาพมากขึ้น

    ทางด้านกองกำลังนาโต้ยังคงปฏิบัติการบังคับเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบียตามมติของสหประชาชาติอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าฝ่ายกบฏจะออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า เครื่องบินรบของนาโต้ซึ่งโจมตีสนับสนุนทางอากาศในเขตรอบเมืองบรีกาในวันศุกร์ได้คร่าชีวิตคนของฝ่ายตนไปด้วย 13 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 4 ราย

    ทั้งนี้เหตุการณ์การโจมตีทางอากาศของนาโต้ที่เมืองบรีกาเมื่อวันศุกร์ (1) เกิดขึ้นจากเหตุเข้าใจผิดภายหลังจากนักรบฝ่ายกบฏยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะที่พวกเขาสามารถยึดครองเมืองแห่งนี้จากกองกำลังของกัดดาฟีได้

    ในการนี้ โฆษกหญิงขององค์การนาโต้ โอยานา ลุงเกสคู แถลงว่า ทางองค์การกำลังศึกษารายงานต่างๆ เกี่ยวกับกรณีเครื่องบินของนาโต้เป็นต้นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิต “พวกเราวิตกกังวลต่อรายงานการเสียชีวิตของพลเรือนเสมอ ภารกิจของนาโต้ก็คือการปกปักษ์พิทักษ์ชีวิตพลเรือนและเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยของพลเรือนให้พ้นจากภัยคุกคามของการโจมตี (โดยกัดดาฟี)” อย่างไรก็ตามเธอระบุว่า นาโต้ยังไม่มีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงของกรณีนี้อย่างเป็นทางการ

    [​IMG]

    นักรบฝ่ายกบฏลิเบียเตรียมพร้อมประจันหน้ากับกองกำลังสวามิภักดิ์ต่อกัดดาฟี

    ความคิดเห็นที่ 8
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=left>ตะวันตกก็จงใจบอมบ์ประชาชนอยู่แล้วแหละครับ ก็เหมือนสมัยที่ไปบุกยูโกสลาเวียจนประเทศเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ แกล้งหย่อนระเบิดลงสถานทูตจีนที่เบลเกรด คนจีนตายไป ๒ เสร็จแล้วก็อ้างว่าแผนที่ล้าสมัย หลังจากนั้นก็สนับสนุนให้บอสเนีย โคโซโว มอนเตเนโกร แยกดินแดนออกไป จนมิโลเซวิชไม่มีทางเลือกก็ต้องเลือกปราบปราม กลายเป็นอาชญากรสงครามซะงั้น บอสเนีย โคโซโว มอนเตเนโกร แยกไปแล้วก็ลุ่มๆดอนๆ ตอนหาเรื่องกับอิรัก ก็ทิ้งระเบิดจนคนอิรักตายไปเป็นหมื่น ระเบิดพลีชีพก็ยังมีอยู่ไม่จบ ตอนที่อ้างว่าปราบตอลีบาน ก็ทิ้งระเบิดใส่งานแต่งงาน คนตายหลายร้อย ยังไม่นับกรณีอื่นๆ
    พวกบ้าฝรั่ง แล้วชักศึกเข้าบ้านอ่านซะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่ลิเบีย กลุ่มต่อต้านไม่ใช่เรียกประชาชน
    ตอนนี้น่าจะเรียก กองโจร หรือ กบฎ ได้
    แล้ว มันเลยจุดที่เป็นประชาชนไปแล้ว
    ดูไว้ พวกชักศึกเข้าบ้าน ลิเบียจะแตกแยก
    เพราะมีัประชาชนโง่ๆ ที่ไปชวนให้พวก
    ฝรั่งเข้ามา ประเทศแตกเป็นเสี่ยง ได้
    ประชาธิปไตยมา บนซากปรักหักพัง และ
    กองซากศพ
    โง่

    ใช่ครับ นาโต้ ทหารรับจ้างล้วนๆ
    เหอๆ

    ความคิดเห็นที่ 33
    modern war formular: divide and control
    a

    ความคิดเห็นที่ 30
    กิจการภายในลิเบียเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือ

    นาโต้รับขี้กองโตมาจากไอ้กันซะแล้ว
    Let me go
    อย่าเข้าใจผิด NATO ที่แท้จริงก็คือ อเมริกัน

    อเมริกันทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันการต่อต้านของคนอเมริกันเองและหลอกพวกแขกว่าไม่ใช่อเมริกันที่ไปโจมตีพวกแขก ถ้าจะไปวางระเบิดหรือทำอะไรแก้แค้นก็ให้ไประเบิดฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษ

    แต่พวกแขกก็ไม่ใช่โง่ มันอาจไปวางระเบิดในประเทศพวกนั้น แต่เป้าหมายคืออเมริกัน
    ไม่ใช่

    ความคิดเห็นที่ 29
    ความจริงของโลก
    แพ้เป็นกบฎ ชนะเป็นกลองกำลังกู้อิสรภาพ
    zeon

    ความคิดเห็นที่ 27
    แต่น่าแปลกนะครับ "แกนนำ" ของพวกกบฎ ไม่เห็นโผล่หน้าเท่าไหร่เลย
    pra608

    ไม่น่าแปลก ถ้าคุณเป็นแกนนำกบฎคุณคงไม่กล้าโผล่หน้าแน่เหมือนกัน
    tingtong@hotmail.com

    ความคิดเห็นที่ 25
    เขาจะรบกันก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนลิเบียก็พอ คนชนะก็กุมอำนาจต่อไป
    กุ

    ความคิดเห็นที่ 24
    คนอยู่ฝ่ายกัดาฟีข่าวเรียก กองกำลัง
    คนอยู่ฝ่ายต่อต้านเรียก พลเรือน
    ก็เห็นมีปืนกันหมดนั่นหล่ะ
    ระเบิดช่วยไปลงไอ้กันมั่ง

    ความคิดเห็นที่ 22
    ธาตุไอกัน โคตรโง่ที่หลงยกย่อง ประเทศริยำนี้ แน่นอนว่ากัสดาฟี ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ไอกัน ชั้วช้ากว่าเยอะ อาวุธก็เป็นมันที่ผลิตขายให้หลายๆประเทศ แทรกแซงเค้าไปทั่ว ตัวเองมีระเบิดนิวเคลียร์ได้ คนอื่นห้ามมี แอบแฝงเข้าไปแทรกแซงหวังผลประโยชน์ด้านพลังงานเค้าไปทั่ว ไอ้หน้ามืดตัวไหนยกย่องมัน ก็พิจารณาตัวเองด้วย ควรเรียกสัตว์อะไรดี
    ควายนอกนา

    ความคิดเห็นที่ 10
    สงครามกลางเมืองวางแผนมานานมาก คิดว่าง่าย

    ล้มผู้นำชาติอื่นเพื่อเรื่องผลประโยชน์ตัวเอง ฆ่ากันเอง

    ทำให้ชาติอื่นลุกเป็นไฟ สะใจโก๋อินทรี ใครเป็นศัตรูตาย
    kkk

    ความคิดเห็นที่ 2
    เกลียดการล่าอาณานิคม
    เหมือนกัน

    "ทำไมกระแสมันพลิกกลับรวดเร็วอย่างนี้ จากผู้ร้ายเมื่อเดือนก่อน กลายเป็นพระเอกในบัดดล"

    อเมริกาคือคำตอบ
    ถ้าอเมริกาไม่ยุ่ง ปล่อยให้คนลิเบียเขาจัดการกันเอง
    เชื่อแน่ว่าหลายๆคนเอาใจช่วยฝ่ายต่อต้าน
    แต่เมกามันมายุ่งเพราะมีอะไรแอบแฝง
    กระแสเลยพลิกกลับคนเลยหันไปเชียกัดดาฟี่แทน

    ก็เหมือนไทยกับเขมรตอนนี้
    ถ้าเมกามันจะเข้ามายุ่งเหมือนในลิเบีย
    คุณยอมรับได้หรือ
    เรื่องภายในของแต่ละประเทศควรให้เขาจัดการกันเอง
    สู้ต่อไปกัดดาฟี่

    "แถมมีคนกด + ให้อีกตั้งเยอะ สงสารประเทศไทยจัง"
    เอ็งนั้นแหละโง่ ขี้ข้าอเมริกา มันมีสิทธิ์อะไรไปบุกประเทศอื่น เอาไว้มันมาบุกไทย เอ็งก็สรรเสริญมันด้วยนะ
    เรื่องภายในประเทศ ให้คนของประเทศนั้นจัดการเองสิครับ
    ใหญ่มาจากไหน เป็นเจ้าโลกไง
    พวกบ้าตะวันตก

    ฝ่ายนาโต้มันเห็นแล้วว่าชนะแน่นอน ตอนนี้มันเลยปล่อยให้กัดดาฟี่สู้กับกบฎให้เจ็บหนักท้งคู่ก่อน

    แล้วพวกฝรั่งถึงจะเข้ามาชุบมือเปิบทีหลัง....
    ประชาธิปไตยสีดำ

    แล้วจะปล่อยให้ กัดดาฟี่ ฆ่าประชาชนตัวเองอีก หมื่นๆ แสนๆ ศพน่ะเหรอ?

    เหตุการณ์ครั้งนี้เปรียบได้กับ ผู้แข็งแรงกว่า (กัดดาฟี่) รังแกเด็ก (ประชาชนที่เป็นกลุ่มไม่เห็นด้วย) มันก็ต้องมี "คนกลาง" ที่เข้ามาไกล่เกลี่ยหรือหย่าศึก (แม้จะมีผลประโยชน์แอบแฝงจำนวนมากก็ตามที)

    ผมสนับสนุน พันธมิตรนาโต้ในปฏิบ้ติการครั้งนี้ครับ!
    คนรักชาติ

    ฝ่ายหนึ่งชั่ว ก็ไม่ได้หมายความว่า อีกฝ่ายหนึ่งจะดีนะครับ

    มันอาจชั่วด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายก็ได้ครับ
    george_the old one


    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    Around the World - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  7. obs2553

    obs2553 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    1,289
    ค่าพลัง:
    +176
    สงครามศาสนาเป็นเรื่องน่าหดหู่ ปัญหามันอยู่ตรงไหน?
    คน หรือ ศาสนา

    ทุกวันนี้ถึงมีคนที่ไม่นับถือศาสนาใดเลยกันเยอะมากขึ้น
    และมีบางคนที่เห็นว่า ศาสนาทำให้คนขัดแย้งกัน
    คิดว่าจริงไม๊?
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตอบแบบไม่ต้องเสียเวลา คิด แหะๆ
    ปัญหามันอยู่ที่คน [​IMG]

    ศาสนา และคำสอนทั้งหลาย ก็เป็นแต่เพียงรูปธรรม นามธรรม ตั้งไว้บนหิ้งเฉยๆ เช่น
    พระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์อัลกุรอ่าน พระไตรปิฎก พระคัมภีร์พระเวท และอื่นๆอีกมามาย
    แต่คนฉลาดแกมโกงและมีจิตใจไม่บริสุทธิ์ เอา ศาสนา และคำสอนทั้งหลาย มาเป็น
    เครื่องมือในการครอบงำผู้คนที่หลงขาดสติไร้ปัญญา เหมือนปั่นจิ้งหรีดให้งมงายจะได้
    เชื่อฟังคำสั่งและชักจูงกันง่ายๆ ให้ทำตามคำสั่งของผู้นำ สั่งให้ไปตายก็ยอมทำกันง่ายๆ
    สุ่งให้ไปทำร้ายคนอื่นก็ทำกันได้ง่ายๆ ทำด้วยเจตนนาอันบริสุทธิ์ผุดผ่องซะด้วยจิ
    ด้วยข้ออ้าง ว่า ทำเพื่อศาสนา ทำเพื่อพระศาสดา ทำเพื่อ...คนอื่น ทำเพื่อลูกหลาน
    แต่เบื้องหลังนั้น คืออะไรกัน .... อัตตาของผู้นำทั้งหลาย ล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับคำสอน
    ตำรา พระคัมภีร์ หรือพระศาสดาองค์ไหนๆเลย กิเลสตัณหาของคนที่คิดเองทำเองล้วนๆ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    มีคำสอนนึงของหลวงปู่มั่น (ถ้าจำผิดก็ขออภัย ขอขมา ด้วยเจ้าค่ะ)

    สัจธรรม(สัทธรรม) คำสอน ใดใดที่เป็นจริง เมื่อมาสถิตย์ในใจของปุถชน(คนกิเลสหนา)

    ก็กลายเป็นสัจธรรม(สัทธรรม)ปฏิรูป ไปทั้งสิ้น

    [​IMG]

    แปลเอาเองว่า คำสอนของผู้รู้จริงรู้แจ้งใดๆ เมื่อบอกและสอนไปให้คนทั่วไปรับฟัง
    แม้คำสอนนั้นจะเป็นคำสอนที่บัญญัติไว้ดีแล้ว ก็จะถูกบิดเบือนไปด้วยทิฏฐิ ความคิด ความเห็น
    ของคนฟังให้เข้าใจไปอีกทาง และเข้าใจผิดเพี้ยน ไปคนละทางได้ ได้เสมอ [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2011
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไอวอรี่โคสต์ เสียชีวิตแล้วกว่า 800 ราย: ลี้ภัยไปไลบีเรียนับแสน

    ชาวไอวอรี่โคสต์เสียชีวิตแล้ว 800 ราย

    คณะกรรมการสภากาชาดระหว่างประเทศ ระบุว่ามีชาวไอวอรี่โคสต์เสียชีวิตไปแล้ว 800 ราย โดยนาย Guillaume Ngefa รองผู้อำนวยการสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติระบุว่าการกระทำในไอวอรี่โคสต์นั้นถือเป็นการสังหารหมู่
    โดยยอดผู้เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ถึงวันพุธที่ผ่านมาสูงถึง 220 ราย จากการปะทะกับหน่วยงานความมั่นคงของรัฐบาลประธานาธิบดี อาลาสเซน แควตตาร่า แห่งไอวอรี่โคสต์
    “รัฐบาลยืนกรานที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และปฏิเสธว่าไม่ได้มีความเกี่ยวพันใดๆ กับกองทัพของไอวอรี่โคสต์ ข้อครหานี้ถือเป็นการหมิ่นประมาท” ถ้อยแถลงของรัฐบาล
    และกล่าวย้ำว่า “รัฐบาลคาดว่านี่คือการสร้างสถานการณ์จากฝ่ายตรงข้าม”
    “กองทัพที่ยังคงภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี โรลองต์ กาแบกโบ น่าจะมีส่วนร่วมจากปฏิบัติการดังกล่าว ในการเป็นทหารที่ได้รับการจ้างวานและแสดงความป่าเถื่อนต่อประชาชนในทางตะวันตกของไอวอรี่โคสต์”
    [​IMG]
    การปะทะเดือดในไอวอรี่โคสต์เกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ผลประกาศว่าประธานาธิบดีกาแบกโบชนะแม้จะมีประเด็นครหาว่าเขาโกงการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม นานาชาติและองค์การสหประชาชาติกลับให้การรับรองและประกาศยอมรับว่า แควตตาร่าเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
    การดำเนินการท่ามกลางการสังหารหมู่ชาวไอวอรี่โคสต์

    หัวหน้าฝ่ายกิจการเพื่อมนุษยธรรมแห่งองค์การสหประชาชาติกล่าวเตือนว่า การดำเนินการเพื่อรักษาสันติภาพ และความมั่นคงของสาธารณรัฐไลบีเรีย (Republic of Liberia) อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงยิ่ง หากประชาคมระหว่างประเทศไม่ได้จัดเตรียมทรัพยากรอย่างเพียงพอในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งไลบีเรียถือเป็นประเทศหลักที่จะรับภาระในการรองรับผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไอวอรี่โคสต์ (Côte d’Ivoire)
    Valerie Amos รองเลขาธิการองค์การสหประชาชาติฝ่ายกิจการเพื่อมนุษยธรรมและรับผิดชอบประสานงานฝ่ายบรรเทาทุกข์ในภาวะฉุกเฉินได้กล่าวหลังการเยือนไลบีเรียเป็นครั้งที่ 2
    “เราจำเป็นต้องดำเนินต่อไปและต้องแน่ใจว่าประเทศนี้จะสามารถให้ความช่วยเหลือเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้อง รองรับผู้ลี้ภัยจากไอวอรี่โคสต์ได้” นาง Amos กล่าว
    <EMBED style="POSITION: relative" src=http://www.youtube.com/v/JZMPF21pY0s?version=3 width=640 height=385 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED style="POSITION: relative">
    ชาวไอวอเรียนราว 120,000 ราย ได้ลี้ภัยมาจากไอวอรี่โคสต์ ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุขัดแย้งการเลือกตั้งประธานาธิบดี และกว่า 110,000 ราย อพยพมายังฝั่งตะวันออกของไลบีเรีย
    “ผู้ลี้ภัยจำนวนมากทิ้งทุกสิ่งอย่างและหลบหนีจากแหล่งพำนักเดิม พวกเขามาถึงไลบีเรียโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ขณะเดียวกัน ชาวไลบีเรียนได้แสดงความเอื้อเฟื้อในสิ่งที่พวกเขามี แต่ก็ไม่สามารถรองรับได้มากนัก” นาง Amos กล่าว
    เธอยังกล่าวประณามการรายงานข่าวที่ระบุว่ามีการสังหารชาวไอวอรี่โคสต์ไปแล้ว 800 ราย ทางฝั่งตะวันตกของไอวอรี่โคสต์ บริเวณเมือง Duékoué ว่าเป็นความป่าเถื่อนที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
    นาง Amos ได้พูดคุยกับชาวไอวอเรียนที่ลี้ภัยมายังไลบีเรีย พวกเขากล่าวว่ามีความยากลำบากยิ่ง ทั้งการอพยพและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในเมืองไลบีเรีย
    เธอยังได้พบปะกับองค์การด้านมนุษยธรรมและให้ทบทวนการให้ความช่วยเหลือที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการพยายามจัดหาสิ่งที่จำเป็นแก่ผู้ลี้ภัยและให้ที่พำนักแก่พวกเขา
    รัฐบาลไลบีเรียน เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ และ NGOs ระหว่างประเทศ (Non-Govermental Organizations: องค์กรที่ไม่ใช่องค์กรของรัฐ)ได้พยายามให้ความช่วยเหลือด้านอาหาร การศึกษา การดูแลสุขภาพ และสุขอนามัย รวมทั้งให้ความคุ้มครองพลเรือนชาวไอวอรี่โคสต์แล้ว
    [​IMG]
    ขณะที่ ครอบครัวชาวไลบีเรียนบางรายไม่สามารถให้ความช่วยเหลือชาวไอวอรี่โคสต์ได้ในระยะยาวนัก เนื่องจากพวกเขาก็มีทรัพยากรในการดำรงชีพที่จำกัดเช่นกัน
    นาง Amos วิงวอนให้มีการบริจาคภายใต้แผนปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินแห่งไลบีเรีย ราว 146.5 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ขณะนี้มียอดบริจาคอยู่ที่ 35 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนเพียง 23% เท่านั้นจากความต้องการ
    UN

    ไอวอรี่โคสต์ เสียชีวิตแล้วกว่า 800 ราย: ลี้ภัยไปไลบีเรียนับแสน | Siam Intelligence
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวอเมริกันเกือบครึ่งไม่เห็นด้วยกับการร่วมปฏิบัติการทางทหารในลิเบีย

    มุสลิมไทยดอทคอม : 3 เมย. 54 16:25:59


    สำนักข่าวมุสลิมไทย ชาวอเมริกันเกือบครึ่งไม่เห็นด้วยกับการร่วมปฏิบัติการทางทหารในลิเบีย

    สำนักข่าวตะวันออกกลาง – มีการเปิดเผยผลการสำรวจที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัย Quinnipiac ซึ่งแสดงว่าชาวอเมริกันเกือบร้อยละ 50 ไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปฏิบัติการถล่มลิเบีย แต่ในการสำรวจเดียวกันก็แสดงผลว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมั่นใจในความสำเร็จของสหรัฐ ในภารกิจการช่วยปกป้องประชาชนซึ่งต่อต้านผู้นำลิเบีย


    [​IMG]

    โดยผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 47 แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่สหรัฐส่งปฏิบัติการทางทหารไปร่วมถล่มลิเบีย ในขณะที่ร้อยละ 41 เห็นด้วย

    แต่ผู้ตอบแบบสอบถาม 62 ใน 100 คน แสดงความแน่ใจว่า ภารกิจในการปกป้องประชาชนลิเบียของสหรัฐจะประสบความสำเร็จ

    อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 74 ของผู้ร่วมในการสำรวจแสดงความห่วงใยว่า ครั้งนี้อเมริกาจะเข้าไปติดกับอยู่ระหว่างความขัดแย้งในลิเบีย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอิรัก และอัฟกานิสถานหรือไม่

    ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งฝ่ายเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยมีจำนวนเกือบเท่ากัน คือ 46 ต่อ 45 ในคำถามที่ว่า “การปกป้องประชาชนลิเบีย ควรค่ากับการที่สหรัฐจะส่งกองทหารไปรบ จนอาจจะต้องมีการสูญเสียชีวิตหรือไม่”

    แต่ร้อยละ 61 ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า ภารกิจขับไล่กัดดาฟี่ไม่มีค่าพอที่จะส่งทหารสหรัฐไปตาย

    การสำรวจดังกล่าวทำขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 มีนาคมที่ผ่านมา - www.muslimthai.com

     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาวคาซัคขอเลือกผู้นำคนเดิมไม่สนข้อกังขาชาติตะวันตก

    มุสลิมไทยดอทคอม : 3 เมย. 54 16:23:52

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ชาวคาซัคขอเลือกผู้นำคนเดิมไม่สนข้อกังขาชาติตะวันตก

    ข่าวเอเจนซี่ – คาซัคสถานกำหนดเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันอาทิตย์ (03/04) นี้ และประธานาธิบดี นุรสุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ก็คงได้รั้งตำแหน่งเดิมอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้ชาติตะวันตกจะยื่นจมูกเข้ามาแสดงความสงสัยในชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดายของท่าน

    [​IMG]


    ชัยชนะหลังการเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้ผู้นำวัย 70 ปี ซึ่งสร้างชาติขึ้นมา และปกครองด้วยมือของตัวเอง บริหารประเทศไปอีก 10 ปีเป็นรอบที่ 3 หลังจากที่เขาขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่สมัยอยู่ภายใต้สาธารณรัฐโซเวียตในปี พ.ศ. 2532

    อดีตคนงานเหมืองเหล็กผู้นี้ ต้องเผชิญกับผู้ที่ต้องการขึ้นมาเทียบชั้นถึง 3 ครั้งในการเลือกตั้ง แต่ผู้ช่วยของเขาก็คิดว่า เขาคงได้รับเสียงสนับสนุนมากกว่าในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 91

    ประเทศตะวันตกได้ประณามการเลือกตั้งในคาซัคสถานครั้งที่ผ่านมาว่าไม่โปร่งใส และในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีหน่วยงานสังเกตการณ์เลือกตั้งจากต่างชาติเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งจะมีการรายงานผลในวันจันทร์หลังการเลือกตั้ง ส่วนทีมของประธานาธิบดีซึ่งรับทราบการวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติ ได้ยืนยันแสดงความเต็มใจที่จะปรับระบบการเมืองในประเทศให้ยืดหยุ่น และจำกัดบทบาทของประธานาธิบดีให้ลดลงเท่าที่จำเป็น

    นายกรัฐมนตรี การีม แมสซินอฟ ยอมรับว่า การตรวจสอบ และถ่วงดุลในนโยบายการบริหารประเทศมีความจำเป็นอย่างมากในอนาคต

    ในการเลือกตั้งปีพ.ศ. 2548 มีผู้มาลงคะแนนร้อยละ 76.8

    รายงานสำมโนประชากรของคาซัคสถานในปี พ.ศ. 2552 ระบุว่า ร้อยละ 47 ของประชากรคาซัคสถานอาศัยอยู่ในเขตชนบท และผลการสำรวจผู้มาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในเขตรอบนอกเมืองสูงถึงร้อยละ 90

    เป็นเรื่องปกติที่มีคนรักก็ต้องมีคนชัง แต่ประชาชนน้อยคนที่จะแสดงการต่อต้านการปกครองของนาซาร์บาเยฟ เหตุผลหนึ่งคือ รายได้เฉลี่ยต่อหัวของชาวคาซัคสถานสูงกว่าชาวอียิปต์ ถึง 4 เท่า ดังนั้นจึงค่อนข้างจะมั่นใจได้ในชัยชนะของเขา

    แทบจะไม่เห็นโปสเตอร์หาเสียงของคู่แข่งในเขตชนบท แต่โปสเตอร์ของนาซาร์บาเยฟก็ไม่ได้มีมากมายนัก จากการสอบถามประชาชนในเขตชนบท เกือบทั้งหมดกล่าวว่าจะไปเลือกเขาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุผลเพราะต้องการความมีเสถียรภาพ ความสงบสุขและความเจริญ

    หลายคนกล่าวว่า ถึงแม้แบบอย่างการลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องจะเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ไม่ใช่สำหรับชาวคาซัคสถาน - www.muslimthai.com

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตูนีเซียแก้กฎหมายให้ผู้หญิงคลุมหัวถ่ายรูปติดบัตรได้

    มุสลิมไทยดอทคอม : 3 เมย. 54 16:21:28

    สำนักข่าวมุสลิมไทย ตูนีเซียแก้กฎหมายให้ผู้หญิงคลุมหัวถ่ายรูปติดบัตรได้

    สำนักข่าวอัล-อาราบิญา – รัฐบาลตูนิเซียประกาศแก้ไขกฎหมายบางมาตรา ที่จะมีผลให้ผู้หญิงสามารถคลุมศีรษะถ่ายภาพติดบัตรประจำตัวได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของบัตร

    [​IMG]


    ตูนีเซียในสมัยของอดีตประธานาธิบดีเบน อะลี ไม่สนับสนุนให้ผู้หญิงคลุมศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากอิหร่าน และซาอุดี้อาระเบีย ที่มีระเบียบประเพณีเคร่งครัดในการคลุมศีรษะจนถือเป็นกฎหมาย

    รัฐมนตรีมหาดไทยกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิวัติ และเพื่อแสดงการรับรองในเสรีภาพทั้งส่วนตัว และส่วนรวม

    กฎหมายตูนีเซียที่ออกในปี พ.ศ. 2536 บังคับให้ภาพที่แสดงในบัตรประจำตัวต้องเห็นหน้า ผม และตา แต่ในกฎหมายที่จะเปลี่ยนแปลงใหม่บังคับให้เห็นเพียงหน้า และตาเท่านั้น

    เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติให้ผู้ชายที่มีเคราสามารถถ่ายภาพติดบัตรประจำตัวได้ตามความต้องการ แต่ในสมัยของเบน อะลี ผู้ชายไม่สามารถไว้เคราได้ เนื่องจากมีการอ้างว่าเกี่ยวพันกับการแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนา เช่นเดียวกับการคลุมฮิญาบของสตรี - www.muslimthai.com

     
  14. pongsakn

    pongsakn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +12



    ผมมีความเชื่อว่า การปล่อยก๊าซขึ้นไปเป็นเรือนกระจกครอบโลกหนาแน่นขึ้น เป็นสาเหตุเป็นลูกโซ่ติดตามมา และเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นลานิญา หรือเอลนิโญ ที่เริ่มจะเกิดถี่ขึ้นและมีผลกระทบรุนแรงเพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ความรุนแรงของธรรมชาติที่ผิดเพี้ยนนี้ ทำให้โลกขาดความสมดุลในที่สุด การที่โลกขาดสมดุล ทำให้โลกเกิดความอึดอัดและจำเป็นต้องปรับตัว ยิ่งขาดความสมดุลมาก การปรับตัวของโลกยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้น การกระทำของมนุษย์ทั้งหมด มันจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายตามมาเป็นลูกโซ่เพื่อให้โลกนี้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นการปรับเปลี่ยนสรรพสิ่งในโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ใครที่ทำลายโลกนี้ทำให้โลกขาดความสมดุล ก็จะถูกโลกทำลายไปเช่นกัน ต้นเหตุการทำลายโลกหรือสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติคือระบบทุนนิยมสามานย์ที่มีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะระบบทุนนิยมแบบเก็งกำไรที่ไม่ต้องทำอะไรเลยแต่สามารถทำเงินได้อย่างมากมายเพียงพริบตาเดียว ระบบการได้รับผลตอบแทนอย่างมากมายมหาศาลของนายทุนธุรกิจหรือบันเทิงตลอดจนกีฬาต่าง ๆ ที่มีนายทุนหนุนอยู่เบื้องหลัง เป็นการทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติอย่างรุนแรง เพราะเงินที่เป็นสิ่งสมมุติที่มีจำนวนมากมายได้ไปทำลายธรรมชาติอย่างยับเยิน ไม่ว่าการใช้พลังงานจากฟอสซิลอย่างบ้าคลั่ง ตลอดจนการไปทำลายมนุษย์ทำให้เกิดความยากจนยากไร้ขาดอาหารการกินเป็นจำนวนมากจนต้องไปทำลายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเพื่อประทังชีวิต ไม่ว่าการไปตัดไม้ทำลายป่า เผาป่าเพื่อหาอาหารและอื่น ๆ นับไม่ถ้วน เป็นเหตุให้เกิดก๊าซเรือนกระจกอย่างมากมายและยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกที และในที่สุดจะกลับมาทำลายมนุษย์และสรรพสิ่งในโลกนี้ เพื่อโลกนี้จะกลายเป็นโลกใหม่ในที่สุด ไม่มีใครรู้ว่าผลสุดท้ายในการปรับตัวของโลกจะสิ้นสุดเมื่อไร และจะเกิดขึ้นอย่างค่อย ๆ ไป หรือฉับพลันเช่นในอดีต ไม่รู้ว่ามนุษย์เราจะหยุดการทำลายโลกของระบบทุนนิยมที่มีความต้องการวัตถุอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้อย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ให้ธรรมชาติปรับตัวของมันเอง แล้วมนุษย์จะเหลืออยู่ในโลกนี้เท่าไร
     
  15. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    คนบ้าคนหนึ่ง เผาคัมภีร์เล่มหนึ่ง

    แต่โลกนี้กลับมีคนตายอีกมากมาย เพราะการกระทำของคนบ้าเพียงหนึ่งคน
    ตกลงว่าความที่ควรจะเป็นจริงให้โลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติ อยู่ที่ไหน
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 เมษายน 2554 10:10
    ผู้นำลิเบียส่งจนท.ไปกรีซหวังหาทางลงจากอำนาจ
    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    ผู้นำลิเบียส่งจนท.ไปกรีซหวังหาทางลงจากอำนาจอย่างไม่บอบช้ำ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> มีสัญญาณเกิดขึ้นอีกครั้งว่า มีบุคคลสำคัญในรัฐบาลของพันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี แห่งลิเบีย กำลังใช้ความพยายามหาทางยุติวิกฤติที่เกิดขึ้นภายในประเทศ จากการที่นายอับดุลอาติ อัล-โอเบดี รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ ได้เดินทางไปยังกรีซ โดยใช้เส้นทางเดียวกับนายมุสซา คุสซา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ประกาศแปรพักตร์ทันทีที่เดินทางถึงอังกฤษ ซึ่งเป็นที่คาดว่า การไปเยือนกรุงเอเธนส์ของนายอัล โอเบดี ก็เพื่อพยายามยื่นข้อเสนอใหม่ ที่อาจเป็น
    เรื่องการหยุดยิง หรือไม่ก็การลงจากอำนาจของพันเอกกัดดาฟี
    ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นายซาอิฟ อัล อิสลาม บุตรชายของพันเอกกัดดาฟี ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนสำคัญในรัฐบาล กำลังเสนอทางออกเพื่อยุติสงครามกลางเมืองภายในประเทศ ด้วยการให้บิดาของเขายอมสละอำนาจ และสถาปนารัฐธรรมนูญใหม่ที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งยิ่งเพิ่มกระแสการคาดการณ์และข่าวลือเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ข้อเสนอเรื่องการถ่ายโอนอำนาจนั้น ได้ระบุให้อยู่ภายใต้การควบคุมของนายซาอิฟโดยตรง เพื่อผ่าทางตันระหว่างรัฐบาลที่มีฐานอยู่ในกรุงทริโปลี และฝ่ายต่อต้านที่มีฐานอยู่ในเมืองเบนกาซี ทางตะวันออกของประเทศ
    รายงานเรื่องนี้ สอดคล้องกับแหล่งข่าวในอาหรับที่ได้รับการยอมรับนับถือว่า พันเอกกัดดาฟีได้ติดต่อไปยังนายโคฟี อันนาน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เสนอให้มีการปฏิรูปการเมืองและให้หนึ่งในบุตรชายของเขารับหน้าที่ดูแลในระหว่างการส่งผ่านอำนาจ และนับเป็นการเคลื่อนไหว หลังจากนายโมฮัมหมัด อิสมาอิล ที่ปรึกษาคนสำคัญของนายซาอิฟ เดินทางไปยังกรุงลอนดอน ท่ามกลางความคาดหมายว่า จะมีการเสนอแนวทางเพื่อยุติความขัดแย้งในลิเบีย
    นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ได้ส่งทีมจากกระทรวงต่างประเทศไปยังเมืองเบนกาซี เพื่อหารือกับฝ่ายต่อต้านเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะทำข้อตกลงหยุดยิง และตั้งรัฐบาลใหม่หลังการสละอำนาจของพันเอกกัดดาฟี

     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 เมษายน 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ </DD>ทูตสหรัฐต้องปรับตัว ตั้งรับ Wikileaks อย่างไร?

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ผมเพิ่งสัมภาษณ์พิเศษ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศคนใหม่... คุณคริสตี้ เคนนี่ (Kristie Kenney)...
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> เพื่อขอความเห็นในหลายประเด็น ที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไทยกับสหรัฐ และวอชิงตันกับชาติอื่นๆ ที่กำลังเป็นประเด็นข่าวอยู่ในช่วงนี้
    ที่ผมสนใจเป็นพิเศษตั้งแต่เกิดกรณีข่าวรั่ว จาก Wikileaks ก็คือว่าเมื่อเอกสารลับที่สถานทูตอเมริกันทั่วโลกติดต่อกับกระทรวงต่างประเทศของเขาที่วอชิงตันถูกแฉออกมาเป็นแสนๆ ฉบับอย่างนี้ นักการทูตมะกันจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของตัวเองอย่างไร เพื่อไม่ให้สิ่งที่ตนรายงานกลับไปยังกระทรวงของตนกลายเป็นข่าวพาดหัวในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างน่ากระอักกระอ่วนใจยิ่ง
    ไม่เพียงแต่สร้างความลำบากใจให้แก่ตัวทูตเองเท่านั้น แต่ยังทำให้เจ้าของประเทศนั้นๆ มีความวุ่นวายใจ เพราะไม่รู้ว่าอะไรๆ ที่แอบๆ คุยกัน ที่นึกว่ารู้กันแค่สองคนนั้น อยู่ดีๆ ก็ถูกแฉออกมาทุกตัวอักษรตามที่นักการทูตสหรัฐคนนั้นเขียนรายงาน หรือวิเคราะห์ตามที่ตนสรุปประเด็นเอง
    ถึงวันนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับ นายจูเลียน อัสซานจ์ เจ้าของเว็บไซต์วิกิลีกส์ที่เป็นผู้ประกาศนโยบาย ว่าจะต้องเปิดโปงการทำงานของรัฐบาลสหรัฐ อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกฟ้องร้องในศาลมะกัน แต่อย่างไรเลย
    แน่นอนว่า พอผมมีโอกาสได้พูดคุยกับท่านทูตเคนนี่ หนึ่งในมากมายหลายคำถามของผม ก็คือ เรื่อง Wikileaks กับการทำงานของนักการทูตสหรัฐนี่แหละ
    และบางส่วนของคำถามคำตอบในหัวข้อนี้เป็นอย่างนี้
    ถาม : ในฐานะนักการทูตสหรัฐ คุณระวังตัวมากขึ้นไหมหลังเกิดเหตุวิกิลีกส์? คุณปรับตัวในการทำงานอย่างไร เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าที่คุณเขียนรายงานกลับไปที่วอชิงตันนั้นจะโดนขโมยไปอ่านและถูกเปิดเผยเมื่อไหร่ ใช่ไหมครับ?
    ตอบ : รายงานผ่านเอกสาร (เคเบิล) เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราทำเท่านั้น เพราะนอกจากนี้ก็ยังมีการอีเมลและโทรศัพท์

    ถาม : อีเมลอาจโดนแฮคก็ได้ไม่ใช่หรือ? แต่เพราะว่าคุณต้องติดต่อสื่อสารกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สมมติว่าใช้โทรศัพท์ ก็อาจโดนดักฟังได้มิใช่หรือ?
    ตอบ : แต่เราสนใจเมืองไทยและอยากบอกคนที่สหรัฐ เกี่ยวกับเมืองไทย เรื่องวิกิลีกส์น่ากังวลใจเพราะคนพูดถึงเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูล แต่นี่มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากกว่า...อ้าว สมมติว่าดิฉันขโมยไอโฟนของคุณแล้วตีพิมพ์อีเมลของคุณ คุณจะว่าอย่างไร?

    ถาม : ผมคงไม่ชอบใจ
    ตอบ : ใช่...สำหรับดิฉัน วิกิลีกส์ก็ทำแบบนี้นั่นแหละ

    ถาม : แล้วมันส่งผลกระทบยังไงต่อวิธีที่คุณติดต่อกับกระทรวงต่างประเทศของคุณเองครับ?
    ตอบ : เราติดต่อกันหลายทาง บางทีใช้เคเบิล

    ถาม : แต่น้อยลงใช่ไหม?
    ตอบ : น้อยลงมาระยะหนึ่งแล้ว...อีเมลง่ายกว่า แต่สิ่งที่เรารายงานนั้นไม่ใช่เรื่องนโยบาย เนื้อหาที่เราส่งกลับไปคือข้อมูลและความคิดเห็นกับข้อมูลดิบ

    ถาม : แสดงว่ามีการเขียนรายงานเรื่องซุบซิบนินทาน้อยลง?
    ตอบ : เราไม่ได้เขียนซุบซิบนินทาอยู่แล้ว

    ถาม : แต่บางเรื่องที่ออกมาจากวิกิลีกส์นั้น...เป็นเรื่องซุบซิบเสียมากกว่า
    ตอบ : ดิฉันไม่ยืนยันนะคะว่าสิ่งที่ออกมาจากวิกิลีกส์เป็นของจริงหรือเปล่า

    ถาม : จริงๆ แล้ว เหตุการณ์นี้ไม่ได้เปลี่ยนวิธีทำงานของคุณเลยหรือครับ?
    ตอบ : ไม่ค่อยนะคะ เคเบิลถูกใช้มานานแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีแบล็คเบอร์รี คอมพิวเตอร์ เวลาเปลี่ยนไป

    ถาม : คุณคิดว่าพอเกิดเรื่องวิกิลีกส์แล้ว ผู้คนไม่ค่อยอยากคุยกับคุณไหม?
    ตอบ : เท่าที่ผ่านมา ผู้คนก็คุยกับดิฉันนะคะ

    ถาม : วิกิลีกส์อาจทำให้พวกเขาไม่ค่อยอยากคุยกับคุณหรือเปล่า
    ตอบ : หวังว่าไม่นะคะ เท่าที่ผ่านมาคนก็ให้เวลาดิฉัน คุยเกี่ยวกับเมืองไทยให้ฟัง หวังว่าจะคุยกับเราต่อ เพราะเราอยากคุยกับเขา

    ถาม : กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ไม่มีนโยบายใหม่ออกมาสำหรับการติดต่อสื่อสารเหรอครับ?
    ตอบ : ดิฉันจะไม่บอกคุณว่าทางด้านเทคโนโลยีเรากำลังทำอะไรกันอยู่

    ถาม : แต่คุณรู้สึกปลอดภัยขึ้น?
    ตอบ : ใช่ค่ะ เราระมัดระวังตัวมากขึ้น

    ถาม : แปลว่า จะไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลที่รัฐบาลไทยให้คุณอีกใช่ไหม?
    ตอบ : หวังว่าไม่ค่ะ แต่ดิฉันไม่ทราบว่าข้อมูลที่เขาให้นั้นเป็นความลับขนาดไหน แต่ความลับก็คือความลับ...
    ฟังคำตอบของท่านทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยคนใหม่ เรื่องวิกิลีกส์แล้ว ผมพอจะสรุปได้ว่า คุณจะไม่สามารถหาอ่านอะไรสนุกๆ หรือมีสาระเป็นเรื่องเป็นราวได้ จากเอกสารรายงานจากสถานทูต กลับไปกระทรวงต่างประเทศของเธออีกนานทีเดียว

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 เมษายน 2554 01:00
    เก็บตกจากฮ่องกง : เมื่อไอเอ็มเอฟ ประเมินตัวเอง

    โดย : ดร.บัณฑิต นิจถาวร bandid.econ@gmail.com

    อาทิตย์ที่แล้ว ผมไปประชุมที่ฮ่องกง เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกล่าสุด
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT>คือ ช่วงปี 2547-2550 การประชุมนี้จัดโดยสถาบันวิจัยการเงินของฮ่องกง ร่วมกับไอเอ็มเอฟ เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับรายงานการประเมินตนเองของไอเอ็มเอฟในการทำหน้าที่ช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจล่าสุด ที่ทำโดยสำนักงานประเมินอิสระของไอเอ็มเอฟ เพื่อตรวจทานว่าการทำหน้าที่ของไอเอ็มเอฟในช่วงเวลาดังกล่าวทำได้ดีหรือไม่ ในฐานะที่เป็นองค์กรที่มีหน้าที่โดยตรงในการติดตามสถานการณ์และความเสี่ยงในระบบเศรษฐกิจการเงินโลก เพื่อป้องกันวิกฤติเศรษฐกิจไม่ให้เกิดขึ้น แต่อย่างที่ทราบดีวิกฤติเศรษฐกิจก็เกิดขึ้น และค่อนข้างรุนแรง ดังนั้น ทุกคนที่เข้าประชุม ก็อยากรู้ว่า ไอเอ็มเอฟ จะมองตัวเองในเรื่องนี้อย่างไร

    คนเอเชีย จำไอเอ็มเอฟ ได้ดี จากช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเอเชีย ปี 2540-2541 ที่บทบาทไอเอ็มเอฟ ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาก ว่า ให้คำแนะนำที่ผิดพลาด ที่ให้ประเทศในเอเชียที่ประสบปัญหาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ลดการใช้จ่ายของภาครัฐ ปล่อยวางให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวตามภาวะตลาด และปิดสถาบันการเงินที่อ่อนแอ ทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจเลวร้ายลง สำหรับวิกฤติเศรษฐกิจโลกคราวนี้ ซึ่งเป็นวิกฤติของประเทศที่พัฒนาแล้ว คือ สหรัฐ สหภาพยุโรป และอังกฤษ แม้ประเทศเหล่านี้จะไม่ได้เข้าโครงการความช่วยเหลือของไอเอ็มเอฟ แต่วิธีแก้ไขปัญหาที่ประเทศเหล่านี้เลือกทำ ซึ่งไอเอ็มเอฟก็รับรู้ ดูแล้วค่อนข้างจะเบามือ และตรงข้ามกับสิ่งที่ไอเอ็มเอฟเคยแนะนำให้ประเทศในเอเชียทำเมื่อสิบกว่าปีก่อน นั่นก็คือ ใช้นโยบายการเงินการคลังที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ความช่วยเหลือด้านสภาพคล่องอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน ธุรกิจการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน วิธีแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินก็ไม่ได้ใช้มาตรการที่รุนแรง แต่เน้นการเข้าอุ้มโดยภาครัฐ และไม่แก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่มี โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะของภาครัฐ สิ่งเหล่านี้มีผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักที่เกิดขึ้นยังไม่ต่อเนื่องและเข้มแข็งพอ แต่การประชุมคราวนี้ ไม่ได้ประเมินนโยบายเหล่านี้ มองแต่การทำหน้าที่ของไอเอ็มเอฟในช่วงก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลกว่าทำได้ดีมากน้อยเพียงใด

    ผลการประเมิน ก็คือ ไอเอ็มเอฟสอบไม่ผ่าน การทำหน้าที่ดังกล่าว ทั้งการทำหน้าที่ในระดับประเทศ และในระดับภาพรวมเศรษฐกิจโลก บทวิเคราะห์ของไอเอ็มเอฟในช่วงก่อนเกิดวิกฤติให้ภาพเศรษฐกิจโลกในทางบวก ไม่มีการเตือนภัยอย่างจริงจังในเรื่องความเสี่ยงด้านการเงิน ขณะที่การวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟ ก็ให้ความสำคัญเฉพาะปัญหาความไม่สมดุล แต่ไม่ได้เชื่อมโยงไปถึงความเสี่ยงด้านการเงินที่สะสมมากขึ้น จากความไม่สมดุลดังกล่าวในระบบการเงินโลก ผลที่ตามมา ก็คือ การเกิดปัญหาในภาคสถาบันการเงินที่ใหญ่และรุนแรง

    ไอเอ็มเอฟ ประเมินว่า ความบกพร่องในการทำหน้าที่ ส่วนหนึ่งเกิดจากวิธีการทำงานในองค์กรไอเอ็มเอฟเอง ที่วิธีคิดและการทำงานตามปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ทัน ภายในองค์กรก็มีข้อจำกัดในการระดมความสามารถของบุคลากรที่มีมาใช้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ระบบการทำงานก็ไม่จูงใจให้พนักงานแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย ที่สำคัญ ผู้บริหารมักจะระมัดระวังในการให้ความเห็นที่อาจกระทบประเทศผู้ถือหุ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้งานของไอเอ็มเอฟที่ออกมาไม่สะท้อนความสามารถที่แท้จริงขององค์กร สำหรับการแก้ไขปัญหา การประเมิน ก็ให้คำแนะนำไว้หลากหลาย ซึ่งรวมถึง การสร้างภาวะแวดล้อมในการทำงานที่จูงใจ ให้พนักงานแสดงความคิดเห็น เน้นการเชื่อมต่อระหว่างภาคการเงินและเศรษฐกิจมหภาคในการวิเคราะห์เศรษฐกิจ และให้ไอเอ็มเอฟให้ภาพที่ชัดเจนต่อประเทศสมาชิกในการวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและความเสี่ยง

    ผมรับฟังรายงานแล้ว ก็ต้องชมเชยผู้ประเมินว่า กล้าแสดงความคิดเห็นและกล้าวิจารณ์องค์กรที่ตนเองทำงานอยู่อย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ในการประเมินวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ผมว่ามีสองเรื่องที่ต้องตระหนัก
    เรื่องแรก ก็คือ ไอเอ็มเอฟคงไม่ใช่องค์กรเดียวที่ไม่ได้เตือนภัยเรื่องนี้อย่างทันเหตุการณ์ องค์กรและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็ล้วนแต่พลาดเช่นกัน ซึ่งรวมถึงวงการธนาคาร นักวิชาการ และธนาคารกลางของประเทศที่เกิดวิกฤติ ดังนั้น ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นทั่วไปหมด มีแต่ ไอเอ็มเอฟ ที่ขณะนี้ ออกมาพูดถึงความบกพร่องของตนเองในเรื่องนี้

    เรื่องที่สอง ที่ต้องตระหนัก ก็คือ ปัญหาการทำงานภายในองค์กรที่ไอเอ็มเอฟพูดถึง จริงๆ แล้ว ก็มีอยู่ในทุกองค์กรใหญ่ ที่พอถึงจุดหนึ่ง วัฒนธรรมองค์กรจะให้ความสำคัญกับการรักษาวิธีการทำงานแบบเดิมๆ ที่ทุกคนคุ้นเคยและสบายใจ มากกว่าที่จะคิดแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมแบบนี้ทำให้การทำหน้าที่ขององค์กรขาดพลัง และมีผลงานต่ำกว่าความสามารถ ยิ่งในองค์กรที่ระบบการรับผิดรับชอบในงานที่ทำไม่มี หรือไม่ชัดเจน ปัญหาก็จะลึกและแก้ยาก

    ผมเองเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่กับข้อสรุปของผู้ประเมิน แต่ถ้าจะถามว่าผมคิดอย่างไรจริงๆ ในเรื่องนี้ ผมว่าที่ไอเอ็มเอฟพลาดในเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจคราวนี้ ในความเห็นของผมคงมาจากสองเรื่องหลัก

    เรื่องแรก ก็คือ วิธีคิดของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ ที่มีความเชื่อว่ากลไกตลาดจะสามารถบริหารความเสี่ยงที่มีในระบบเศรษฐกิจการเงินได้ ทำให้วิกฤติเศรษฐกิจจะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่ตลาดการเงินมีการพัฒนาสูง เพราะภายใต้ระบบดังกล่าว ความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงก็จะมีสูงเช่นกัน ความเชื่อนี้ทำให้ไม่มีการให้ความสำคัญในเรื่องความเสี่ยงมากเท่าที่ควร

    เรื่องที่สอง ก็คือ ความไม่เข้มแข็งของไอเอ็มเอฟเองในการทำหน้าที่กับประเทศใหญ่ ที่มักจะไม่ค่อยวิจารณ์การทำนโยบายเศรษฐกิจของประเทศใหญ่อย่างตรงไปตรงมา ผิดกับกรณีของประเทศกำลังพัฒนา ที่ไอเอ็มเอฟจะให้ความเห็นและวิจารณ์มาก ความแตกต่างนี้ ทำให้ไอเอ็มเอฟถูกมองว่า ทำงานแบบกล้าๆ กลัวๆ คือ กล้าวิจารณ์ประเทศกำลังพัฒนา แต่มักจะคล้อยตามความเห็นของประเทศใหญ่ ทำให้การวิจารณ์นโยบายของประเทศใหญ่ไม่มีมากเท่าที่ควร

    ทั้งสองประเด็นนี้ ในความเห็นของผม คือ จุดอ่อนสำคัญของไอเอ็มเอฟขณะนี้ ซึ่งถ้าไม่แก้ไข ก็คงจะเป็นข้อจำกัดต่อการทำงานของไอเอ็มเอฟต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็ต้องชมเชยคณะผู้ประเมินว่ากล้าพูดกล้าทำ พร้อมกับได้เสนอวิธีแก้ไขปัญหาไว้มากมาย ก็เอาใจช่วย แต่เราก็ต้องรู้กันว่า อย่าไปหวังมาก เพราะถ้าทำได้และแก้ได้จริง หลายๆ อย่าง ก็คงเกิดขึ้นนานแล้ว

    วันนี้ขอแค่นี้ก่อน พบกันวันจันทร์หน้าครับ

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 4 เมษายน 2554 01:00
    ความโปร่งใสในยุควิกิลีกส์ : กรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เทปโก

    โดย : สฤณี อาชวานันทกุล

    เข้าสู่ปี 2554 ไม่ทันไร แผ่นดินไหวขนาด 9.0 ริกเตอร์ และสึนามิก็โถมเข้าถล่มญี่ปุ่นอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายร้ายแรงที่สุดในรอบศตวรรษ
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT>ไม่นับวิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฟูกูชิมา ซึ่งยังต้องลุ้นกันตัวโก่งว่าจะจัดการได้หรือไม่ กัมมันตรังสีที่รั่วออกมานั้น จะส่งผลเสียสะสมกว้างไกลมากน้อยเพียงใด ตกลงระดับที่ "ปลอดภัย" นั่นคือ แค่ไหนกันแน่

    ภัยพิบัติครั้งมโหฬารนี้ทำให้คนจำนวนมากแตกตื่นตกใจและปักใจเชื่อมากกว่าเดิมว่า โลกกำลังใกล้แตกแล้วจริงๆ แต่สำหรับคนที่สนใจ "ธุรกิจที่รับผิดชอบ" และ "ธุรกิจที่ยั่งยืน" พฤติกรรมของเทปโก (TEPCO) บริษัทเจ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดปัญหา ก็ตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งถึงความสำคัญของการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบและความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งสำคัญต่อทั้งประชาชนนอกตลาดหุ้นและนักลงทุนผู้ถือหุ้นเอง แต่ปัจจุบันยังอยู่นอกงบการเงิน

    หลังเกิดวิกฤติไม่นาน วิกิลีกส์ (http://www.wikileaks.org) เว็บไซต์จอมแฉ ซึ่งกลายเป็นแหล่งข้อมูลที่ขาดไม่ได้สำหรับนักข่าวและคนทั่วไปที่สนใจข้อมูลเชิงลึก ก็ปล่อยรายงาน (cable) ของเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐซึ่งระบุว่า สมาคมพลังงานปรมาณูนานาชาติ (International Atomic Energy Association : ไอเออีเอ) เคยเตือนญี่ปุ่นในปี 2009 ว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่นต้านทานแผ่นดินไหวรุนแรงไม่ได้ เจ้าหน้าที่สหรัฐวิพากษ์ โทมิฮิโร ทานิกูชิ ชาวญี่ปุ่นผู้เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัยและความมั่นคงนิวเคลียร์ที่ไอเออีเอ ว่าเป็น "ผู้จัดการที่อ่อนแอ" และอ่อนข้อให้กับผู้กำกับดูแลนิวเคลียร์ในประเทศบ้านเกิด ซึ่งถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์นานข้ามทศวรรษว่า ไม่กำกับดูแลอย่างรอบคอบและรัดกุมเพียงพอ

    ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่วิกิลีกส์ออกมาแฉ สำนักข่าวเอเอฟพีก็ออกมา เปิดเผยว่า เพียง 10 วันก่อนแผ่นดินไหวในวันที่ 11 มีนาคม 2554 เทปโกได้ส่งรายงานต่อหน่วยงานกำกับดูแลนิวเคลียร์ ยอมรับว่าบริษัทล้มเหลวในการตรวจสอบอุปกรณ์ 33 ชิ้นในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาหมายเลข 1 โดยผู้ตรวจสอบปลอมแปลงบันทึกผลการตรวจสอบ ประหนึ่งว่าได้ตรวจสอบโรงไฟฟ้าอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว แต่ในความเป็นจริงประเมินอย่างลวกๆ เท่านั้น เทปโก ยอมรับว่า ในบรรดาความบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุด คือ การตรวจสอบ (ซึ่งเทปโกทำโดยสมัครใจ) ตลอดเวลา 11 ปีไม่เคยครอบคลุมสองจุดที่ล้มเหลวหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว นั่นคือ แผงพลังงาน (ส่งไฟฟ้าให้กับวาล์วควบคุมอุณหภูมิเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์) และระบบหล่อเย็น

    เทปโกส่งรายงานฉบับนี้หลังจากที่ผู้กำกับดูแลสั่งให้ผู้บริการโรงไฟฟ้าทบทวนมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยว่าเพียงพอหรือไม่ หลังจากนั้นสองวัน หน่วยงานกำกับดูแลก็ออกรายงานว่า "แผนการตรวจสอบระยะยาว การบำรุงรักษาอุปกรณ์ และคุณภาพของการตรวจสอบไม่ดีพอ" และสั่งให้เทปโกส่งแผนแก้ไขภายในวันที่ 2 มิถุนายน 2554

    โชคร้ายที่แผ่นดินไหวเกิดขึ้นก่อน จึงไม่มีใครมีโอกาสรู้ว่า "แผนแก้ไข" ของเทปโกจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และถ้าเทปโกได้ลงมือปฏิบัติตามแผนก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะหลีกเลี่ยงวิกฤติได้หรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นรายหนึ่งก็ยอมรับกับนักข่าวเอเอฟพีว่า เขาพูดไม่ได้ว่าความบกพร่องต่างๆ ที่เปิดเผยในรายงานของเทปโกนั้นไม่มีส่วนก่อให้เกิดวิกฤติ (วิกฤติที่อันตรายที่สุดไม่ใช่การที่โรงไฟฟ้าระเบิด แต่เป็นการที่แรงแผ่นดินไหวทำให้เครื่องปั่นไฟฉุกเฉินที่ต่อกับระบบหล่อเย็นไม่ทำงาน พอระบบหล่อเย็นไม่ทำงาน แท่งเชื้อเพลิงจึงร้อนผิดปกติจนปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมา)

    ปี 2554 ไม่ใช่ครั้งแรกที่เทปโกปลอมแปลงและปกปิดข้อมูลสำคัญ ในปี 2545 บริษัทเคยยอมรับว่าปลอมแปลงผลการตรวจสอบความปลอดภัย ส่งผลให้หน่วยงานกำกับดูแลมีคำสั่งปิดเตาปฏิกรณ์ทั้งหมด 17 แห่งของบริษัท รวมทั้งที่ฟูกูชิมา กรณีอื้อฉาวในครั้งนั้นบีบให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการบริษัทต้องประกาศลาออก

    พฤติกรรมในอดีตเหล่านี้บ่งชี้ว่า เทปโกนั้นมิได้รักษามาตรฐานความปลอดภัยที่ "ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว" เหมือนกับที่หลายคนเชื่อ (ซึ่งหลายคนก็เชื่อโดยอัตโนมัติเพียงเพราะเชื่อมั่นใน "ความมีระเบียบวินัย" อันโด่งดังของญี่ปุ่น) แต่มีวัฒนธรรมองค์กรที่อันตราย คือ ปกปิดและปฏิเสธความผิดและความบกพร่องต่างๆ จนกว่าจะจวนตัว

    ความไม่โปร่งใสของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะบริษัทใหญ่อย่างเทปโก ที่ส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสูงมาก ทำให้ข้อมูลด้านนี้ทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับนักลงทุน เนื่องจากสิ่งที่นักลงทุนธรรมดาผู้ไร้เส้น (ดังนั้น จึงเล่นข้อมูลภายในไม่ได้) ไม่ชอบที่สุด คือ "เซอร์ไพรส์" นั่นคือ ข้อมูลสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นแต่นักลงทุนไม่เคยรู้มาก่อน

    ในเมื่อ "คุณภาพของมาตรการรักษาความปลอดภัย" เป็นข้อมูลสำคัญที่ส่งผลต่อราคาหุ้นอย่างชัดเจน (หุ้นของเทปโกตกลงกว่าร้อยละ 50 หลังเกิดวิกฤติ) นักลงทุนก็ย่อมอยากให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลนี้มากขึ้นในอนาคต อย่างน้อยที่สุดก็ควรใส่เป็น "ปัจจัยเสี่ยง" ในการดำเนินธุรกิจ และถ้าหากผู้กำกับดูแลเล็งเห็นว่าข้อมูลบางตัวสะท้อนแง่มุมที่บริษัทส่งผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมสูงมาก ผู้กำกับดูแลก็ควรจะบังคับให้ทุกบริษัทเปิดเผยข้อมูลเดียวกันโดยใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เปิดเผยตามความสมัครใจ

    ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนคิดว่าข้อมูลการใช้พลังงานและปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะเป็นข้อมูลที่ผู้กำกับดูแลตลาดทุนทยอยบังคับให้บริษัทจดทะเบียนเปิดเผยในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากสถานการณ์ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมเข้าใกล้วิกฤติขึ้นทุกขณะ อีกทั้งวิธีวัดและรายงานข้อมูลด้านนี้โดยสมัครใจก็มีมาตรฐานที่ชัดเจนและค่อนข้างแพร่หลายแล้ว (ดูตัวอย่างได้ที่ Carbon Disclosure Project - https://www.cdproject.net/)

    แผ่นดินไหวและสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นอย่างรุนแรงนั้นอาจเป็นเหตุการณ์ "ห่านดำ" (black swan คือ มีโอกาสเกิดน้อยมากแต่ส่งผลกระทบมหาศาล) แต่ข้อมูลที่วิกิลีกส์เปิดโปง ประกอบกับสถิติที่ไม่น่าไว้วางใจของบริษัทเทปโก ก็ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีเหตุมีผล เพราะบริษัทที่ไม่โปร่งใสมักจะเป็นบริษัทที่อยากซ่อนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือผิดกฎหมายจากสายตาสาธารณะ

    จากมุมของนักลงทุน ข้อมูลสำคัญที่สะท้อนระดับความรับผิดชอบของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานความปลอดภัย ความพึงพอใจของลูกค้า อัตราการลาออกของพนักงาน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความเท่าเทียมระหว่างเพศในที่ทำงาน ฯลฯ ล้วนเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ในการมองหากำไรที่ยั่งยืน ความเสี่ยงที่ลดลง และหนทางสู่โลกที่ดีกว่าเดิม

    จากมุมของบริษัท ในยุคที่ธรรมชาติ "เปิด" ของอินเทอร์เน็ตเอื้ออำนวยให้ข้อมูลอะไรที่อยากเก็บไว้เป็นความลับ "รั่ว" ได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม บริษัททุกแห่งควรทำความเข้าใจว่า กุญแจสู่ความสำเร็จของธุรกิจยุคศตวรรษที่ 21 หาใช่การ "ควบคุมข้อมูล" ให้ได้มากที่สุดเหมือนกับในศตวรรษที่ 20 หากเป็น "ความโปร่งใส" ในระดับที่ธุรกิจไม่เคยชินแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 3 เมษายน 2554 01:00
    <DD class=columnist-name>คิดใหม่ วันอาทิตย์ <DD class=by-line>อดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ </DD>
    ด้วย 'รักและหวังดี' เสียดาย 'พลัง' พธม.

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    นั่งดูภาพข่าวน้ำท่วมภาคใต้ ที่เป็นครั้งร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง ที่เป็นปรากฏการณ์น้ำท่วมนอกฤดู ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> ชาวบ้านจำนวนมากไม่ได้คาดคิด ไม่ได้พร้อมรับมือว่าจะเจอเหตุน้ำท่วมรวดเร็วขนาดนี้ ทำให้อยู่ในสภาพเดือดร้อนแสนสาหัส
    แต่ผมกลับสลดหดหู่มากยิ่งขึ้นกับอนาคตของบ้านเมืองของเรา เมื่อเจอข่าว ส.ส." นักการเมือง" ในสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่เข้าประชุมสภาทำให้สภาล่มไปหลายครั้ง ด้วยข้ออ้างว่าในเมื่อ "นายกรัฐมนตรีของเรา" ประกาศจะยุบสภาในเดือนพฤษภาคม บรรยากาศเหมือนกับว่าบริษัทใกล้จะปิดกิจการโละพนักงานแล้ว ทำให้ ส.ส.ต้องเร่งไปหางานใหม่

    ถ้าคิดหยาบๆ มองแค่ปรากฏการณ์เฉพาะหน้าก็ต้องบอกว่าเห็นมั้ยว่า ส.ส.หรือนักการเมืองมันเลว 99% ไม่ได้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ทำงานไม่คุ้มภาษีอากรของประเทศชาติ การเมืองระบบเดิมมันเสื่อมจนไม่ควรจะให้มีการเลือกตั้ง เพราะพวกนักการเมือง 99% ที่เลว ก็จะกลับเข้ามาอีกพวกนี้เป็นสัตว์นรก
    ผมไม่ได้ขัดเคืองกับคำกล่าวของผู้นำ ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 2 คนหลัก คือ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ที่มีความเห็นตรงกันว่าจะต้องหาทางหยุด "วงจรการเมืองอุบาทว์" ด้วยการเสนอ "No Vote" เพื่อแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจจากประชาชนที่ต้องการ "การเมืองใหม่" เพราะฉะนั้น ควรจะหยุด "การเมืองเก่า" ด้วยการไม่ควรจะมีเลือกตั้งไปอย่างน้อย 3 ปี เพื่อจัดระเบียบการเมืองใหม่
    เพราะเห็นใจกับความอึดอัดใจอย่างถึงที่สุดกับสภาพ "วงจรการเมืองอุบาทว์" ที่ไม่ได้หายไปไหน หลังจากประสบความสำเร็จที่มีส่วนกดดันจนทำให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ต้องพ้นจากตำแหน่งหลังเกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549

    แต่เมื่อได้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มา ก็ทำให้ผิดหวังที่รีบจัดการเลือกตั้ง โดยไม่จัดระเบียบบ้านเมืองให้ "เรียบโร้ย" เสียก่อน ปล่อยให้พรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้งแล้วได้คุณสมัคร สุนทรเวช มาเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วผลัดไม้มาเป็นคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์
    จนมาถึง "นายกรัฐมนตรีของเรา" คนปัจจุบันคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พอจะ "เชื่อฟัง" และ "เกรงใจ" พธม.อยู่มากในช่วงแรกๆ แต่ทุกวันนี้ กลับเฉยเมยไม่เชื่อฟังไม่เกรงกลัวเสียงขู่คำรามด่าทอทุกคืนจากเวที พธม.ที่นำโดยคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
    ผมไม่ได้อยากให้พลังอำนาจของกลุ่มการเมืองนอกสภาของ พธม.เหือดแห้งหดหายไปมากกว่านี้ เพราะยังไม่เชื่อมั่นมากนักกับระบบการเมืองรัฐสภาที่มี ส.ส.มาจากระบบเลือกตั้งและ ส.ว.มาจากระบบแต่งตั้งกับเลือกตั้ง ว่าจะแสดงความรับผิดชอบต่อประเทศชาติทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
    แต่ยังอยากจะให้ "พลัง" ของกลุ่มการเมืองนอกสภาที่เป็นการเมืองภาคประชาชน แม้พูดเบาๆ แต่กลับ "ส่งเสียงดัง" ทำให้สังคมรับฟังการนำเสนอปัญหา เพื่อเป็นการสร้างดุลอำนาจของกลุ่มพลังนอกสภาคานอำนาจของการเมืองในสภาที่ประชาชนมอบให้ในวันเลือกตั้ง โดยไม่จำเป็นที่กลุ่มการเมืองนอกสภาจะต้องเลือกใช้รูปแบบ "ความรุนแรง" ในการ "ตะโกนด่าทอ" ชี้หน้าทุกคนที่ไม่เห็นด้วย กลายเป็นพวกไม่รักชาติด่าทอด้วยคำหยาบคาย ดังเช่นที่เกิดกับเวที พธม.ในช่วงที่ผ่านมา
    ยิ่ง พธม.ตะโกนโหวกเหวกซ้ำๆ ซากๆ ด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย และไม่ยอมประเมินตัวเองว่าสิ่งที่เรียกร้องสมเหตุสมผลเพียงใด และยังประเมินตัวเอง "สูงเกินไป" จนเกิดความผิดพลาดอย่างยิ่งในการประกาศ "ยกระดับ" การชุมนุม เพื่อเร่งเร้าให้บรรลุเป้าหมายในการขับไล่รัฐบาลชุดนี้ ที่อย่างน้อยผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา ก็ทำให้การชุมนุมยิ่ง "เสียหาย" ไร้แนวร่วมในวงแคบและวงกว้างอย่างที่เห็นทุกวันนี้
    ด้วยความหวังดียังอยากให้ พธม.ยังควรจะเป็นรูปแบบ "แนวร่วม" พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เหมือนช่วงจัดตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2549 ที่เริ่มต้นจาก 5 แกนนำ คือ คุณสนธิที่มีจุดแข็ง คือ เจ้าของสื่อ พล.ต.จำลอง ที่มีจุดแข็ง คือ มวลชนสายสันติอโศก คุณพิภพ ธงไชย ที่มีจุดแข็ง คือ เอ็นจีโอเครือข่าย คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ที่มีจุดแข็ง คือ มวลชนผู้ใช้แรงงานและคุณสุริยะใส กตะศิลา ที่มีจุดแข็ง คือ คนรุ่นใหม่ นักเคลื่อนไหวทางสังคม
    แต่ทุกวันนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว เหลือแค่ 2 แกนนำ คือ คุณสนธิกับ พล.ต.จำลองที่ทำตัว ประหนึ่ง "ศาสดา" ที่ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของ "แนวร่วม" หรืออาจจะเข้าทำนอง "ฟังแต่ไม่ได้ยิน" จนถูกนินทาจากแนวร่วมเสื้อเหลืองอีกหลายกลุ่มที่ตีตัวออกห่าง ว่า 2 แกนนำ พธม.เป็นพวก "คนดื้อรั้น" ตามประสา "คนแก่"
    เมื่อไม่ฟัง หรือ "ฟังแต่ไม่ได้ยิน" "แนวร่วม" คิดยังไง สังคมโดยรวมคิดยังไง เอาแต่ความคิดของตัวเป็นใหญ่ ชี้หน้าด่าทอทำลายแนวร่วมไม่เว้นสักเรื่อง ไม่สงวนจุดต่าง มัวสร้างแต่ศัตรู
    ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดๆ ก็ย่อมหนีไม่พ้นสภาพความ "เสื่อม" มาเยือน
    พรรคประชาธิปัตย์ก็กำลังเริ่มอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ เมื่อกุมอำนาจรัฐไว้นานเท่าไรแล้วไม่รู้จักประเมินตัวเอง ไม่รู้จักถ่อมตัวเพื่อโน้มฟังเสียงชาวบ้านให้ได้ยินจริงๆ ก็หนีไม่พ้นสภาพเสื่อมเช่นกัน
    ยอมรับความจริงเถอะว่า พธม.ก็กำลังอยู่ในสภาพเสื่อมและทรุด จนขาดพลังไม่สามารถ "จุดประเด็น" ให้สังคมคล้อยตามได้ แม้ว่าหลายเรื่องบนเวทีพันธมิตรเกี่ยวกับประสาทเขาพระวิหารมีหลักฐานต่างๆ ที่น่าสนใจจะสืบค้นศึกษาต่ออย่างเป็นระบบ ไม่เอาอารมณ์เข้ามานำความคิด แต่ด้วยท่าที "ไม่เป็นมิตร" ดังกล่าวกับ "แนวร่วม" ทุกภาคส่วนของสังคม ทำให้สิ่งเหล่านั้นที่เป็นเรื่องดีๆ ไม่เป็นที่สนใจของสื่อกระแสหลักและประชาชนที่รักความเป็นธรรม
    อย่าพยายามหลอกกลุ่มคนเสื้อเหลือง ที่ไปชุมนุมทุกค่ำคืนกับเวทีพันธมิตร เป็นประชาชนเท่านั้นที่รักชาติและรักความเป็นธรรม ส่วนกลุ่มเสื้อเหลืองพวกไม่ได้ไปชุมนุมเป็นพวก "ขายชาติ" ไม่รักสถาบัน
    เพราะกลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ไม่ได้ไปชุมนุม น่าจะเริ่มต้นจากไม่ยอมรับมติของแกนนำ พธม.เลือก "รูปแบบชุมนุม" เพื่อกดดันขีดเส้นตายกับปัญหาเขตแดนที่เป็นปัญหาเรื้อรังมาหลายสิบปี แล้วรับไม่ได้หนักขึ้นไปอีกเมื่อแกนนำ พธม. (บางส่วน) ประกาศ "ยกระดับ" การชุมนุมเพื่อไล่รัฐบาลชุดนี้ที่ไม่ได้เป็น "ผู้ก่อปัญหา" ทั้งหมด ทำให้เวทีพันธมิตรกลับฝ่อลงไปเรื่อยๆ จนมาถึงความขัดแย้งในหมู่แกนนำที่ไม่สามารถ "ปกปิด" ได้อีกต่อไป
    ความพยายามจุดประเด็น "การเสียดินแดน" ให้เป็นเรื่อง "ชาตินิยม" แล้วใช้รูปแบบชุมนุมตะโกนโหวกเหวกในยุคโลกไร้พรมแดนน่าจะพิสูจน์ได้ว่าไม่เกิดผลมากนัก
    แต่หากแกนนำ พธม.เลือกวิธีให้ "การศึกษา" กับสังคมด้วยท่าทีเป็นมิตรกว่านี้ สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับข้อขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ปราสาทเขาพระวิหารให้หนักแน่นขึ้นผ่านสื่อที่มีอยู่ในมืออย่างอดทนมากๆ ด้วยว่าปัญหานี้ได้เกิดขึ้นมาร่วมครึ่งศตวรรษแล้ว ย่อมจะทำให้แนวร่วมยังคงอยู่แล้วน่าจะช่วยกัน "กระพือ" ให้ดังขึ้นๆ จนผู้กุมอำนาจไม่สามารถเลี่ยงแก้ปัญหาอีกต่อไปได้
    ยิ่งชุมนุมอย่างดื้อรั้นยิ่งทำลายภาพลักษณ์ของแกนนำ พธม. 2 คนหลัก ให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนแก่ดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง นิยมความรุนแรงในหลายๆ รูปแบบ (ไม่ได้หมายถึงเลือดกับความตายอย่างเดียว เช่น ชี้หน้าด่าทอคนอื่น ฯลฯ) และอาจจะเลยเถิดถูกมองว่าแอบแฝงผลประโยชน์บางอย่าง
    ยิ่งกรณีคำประกาศของคุณสนธิ เรื่อง "No Vote" เพื่อแสดงให้เห็นว่า พธม.ไม่เอาเลือกตั้ง เพราะนักการเมือง 99% เลว ไม่หวังพึ่งระบบเลือกตั้งได้อีกต่อไป หากสุริยะใสกับสมศักดิ์ยังดันทุรังจะให้ "พรรคการเมืองใหม่" ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครั้งนี้ ก็ไม่ต้องอยู่กับ พธม.อีกต่อไปเพราะพรรคการเมืองใหม่เกิดจาก พธม.
    แต่ดูเหมือนว่าหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ก็ไม่ได้หวั่นไหวมากนัก กลับดูเหมือนหนักแน่นมากยิ่งขึ้นในการพิสูจน์แนวทางของ 2 ผู้เฒ่า พธม.ให้ No Vote เพื่อปฏิเสธแนวทางการเลือกตั้งกับคะแนนระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใหม่ ที่นำโดย 2 แกนนำ พธม. ใครจะได้คะแนนมากกว่ากัน
    ผมอ่านคำสัมภาษณ์ของคุณสมศักดิ์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์เมื่อวานนี้ ก็ออกจะเห็นใจมากๆ ว่า กำลังอยู่บนทางสองแพร่งจะเดินหน้าพรรคการเมืองใหม่ในฐานะหัวหน้าพรรคก็คงไม่ได้คะแนนจากสมาชิก พธม.เป็นกอบเป็นกำในการเลือกตั้ง แต่หากจะกลับลำเชื่อฟังคุณสนธิกับ พล.ต.จำลองก็คงจะต้อง "ดันทุรัง" ชุมนุมแบบไร้พลังไปเรื่อยๆ ตามคำพูดของ พล.ต.จำลองบอกว่า พธม.จะชุมนุมไม่เลิก แม้ว่านายกฯ ยุบสภาไปแล้วก็ตาม
    คุณสมศักดิ์บอกว่า "เราลองทำดูสิว่าเลวเหมือนเขาหรือเปล่าหรือว่าที่ด่าคนอื่น เราอาจจะเลวกว่าเขาก็ได้ การพูดด่าคนง่ายจะตายไป... ก็ถูกที่ว่าถ้าเราเข้าไปสองคนจะไปทำอะไรได้ ยกมือก็แพ้ และถ้าอย่างนั้น คุณรสนา (โตสิตระกูล) ส.ว.กทม. อยู่ในสภา ทำให้ชั่วร้ายไหม คุณคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหาก็ไปผสมโรงกับเขา แกก็ลงสมัครเป็น ส.ว.สรรหาอีก แล้วตกลงมันอะไรกันแน่ มันชั่วร้ายเหรอ มันเป็นกรรมเป็นการกระทำของคน สมมติถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเรา แล้วการกระทำแบบนี้มันจะเป็นสัตว์นรกไหม คนมันมีทั้งชั่วทั้งดีในตัว"
    บอกได้คำเดียวว่าเสียดาย "พลัง" ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เคยยิ่งใหญ่ทรงพลังเป็นความหวังของการเมืองนอกสภา หากพัฒนาไปสู่การคานอำนาจของนักการเมือง "สัตว์นรก" ในสภาที่ยังอีกนาน กว่าพวกเขาจะเป็นความหวังของประชาชนได้ แต่ก็ยังไม่สายหากจะลองตั้งวงวิพากษ์ตนเอง "เปิดหู" ฟังความคิดเห็นที่แตกต่างนำข้อเสนอแนะจาก "แนวร่วม" กลับไปไตร่ตรอง แม้ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีใครว่าอะไร ขอแต่อย่าด่าทอทำลาย "แนวร่วม" ไปโดยไม่จำแนกแยกแยะว่าใครคือแนวร่วมใครคือศัตรู

     

แชร์หน้านี้

Loading...