เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เกิดเหตุคลื่นทะเลกลืนกินแผ่นดินที่ปัตตานีอย่างหนัก
    ปัตตานี - คลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทยอันเนื่องจากภูมิอากาศที่แปรปรวนตลอดกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งอย่างหนักตลอดแนวในพื้นที่ จ.ปัตตานี เผยบางพื้นที่คลื่นทะเลกลืนกินแผ่นดินและถนนที่ลึกเข้าไปกว่า 30 เมตร ส่งผลให้บางหมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

    [​IMG]

    ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปัตตานีว่า วันนี้ (1 เม.ย.) จากกรณีมีคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยสูง 2-3 เมตร และพัดเข้าหาชายฝั่งตลอดแนวของ จ.ปัตตานี ส่งผลทำให้จำนวน 6 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองปัตตานี อ.ยะหริ่ง อ.ปานาเระ อ.หนองจิก อ.สายบุรี และ อ.ไม้แก่นได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยชายฝั่งถูกคลื่นทะเลกัดเซาะไปจำนวนมาก

    โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากชายฝั่งถูกคลื่นลมแรงพัดกัดเซาะจนพื้นดินเดิมหายไปในทะเลกว่า 30 เมตร และคลื่นยังกัดเซาะจนถนนลาดยาง ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ชาวบ้านระหว่าง 2 อำเภอใช้สัญจรไปมา บริเวณถนนเรียบชายฝั่งหมู่ที่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง-อ.ปะนาเระ ในระยะทางกว่า 500 เมตร มีสภาพพังเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้ และบางหมู่บ้านต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

    [​IMG]

    ทั้งนี้ คลื่นลมที่แรงยังคงพัดกวาดเอาพื้นคอนกรีตของถนนทั้ง 2 เลนลงทะเล และกัดเซาะลึกเข้าหาฝั่งที่มีแนวโน้มที่จะพังเสียหายเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณใกล้เคียงต่างรู้สึกหวาดกลัวและเกรงจะได้รับอันตราย เนื่องจากคลื่นที่ยังคงกัดเซาะเข้าหาฝั่งจนได้รับความเสียหายอยู่ห่างจากบ้านเรือนเพียง 30 เมตรเท่านั้น

    นายมะลีเปง ยายา ชาวบ้านใกล้เคียงเล่าว่า คลื่นทะเลได้พัดกัดเซาะจนพื้นดินและถนนลาดยางพังเสียหายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้ตนและครอบครัวต่างหวาดกลัว เกรงว่าคลื่นจะยังคงซัดเข้าหาฝั่งและทำให้บ้านที่ก่อนหน้านี้อยู่หางจากทะเลกว่า 70 เมตรพังไปด้วย โดยตอนนี้คลื่นได้พัดและกัดเซาะพื้นดิน รวมทั้งถนนหายไปในทะเลและห่างจากบ้านตนในขณะนี้เหลือเพียง 30 เมตรเท่านั้น

    นอกจากนี้ ที่ ต.ดาโต๊ะ หมู่ 1 บ้านบุดี หมู่ 2 บ้านตะโล๊ะสะมิแล และหมู่ 3 บ้านบาตาบุดี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง ขณะนี้ถึงขั้นมีน้ำทะเลยังซัดเข้าบ้านเรือนประชาชนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับความเสียหายมาก มีเพียงถนนลาดยางสายริมทะเลเข้าหมู่บ้านที่ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายลึกเข้าไปจากชายฝั่ง 3 เมตร เป็นระยะทางเกือบ 1 กิโลเมตร และมีทรายและเศษขยะถูกซัดขึ้นกองบนถนน ทำให้การเดินทางสัญจรไปมาของประชาชนไม่สะดวกและมีอันตรายอีกด้วย

    ที่มา : http://www.manager.co.th/Local/ViewN...=9540000041247
    เครดิต คุณ chate_SP<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4544205", true); </SCRIPT> http://palungjit.org/threads/เกิดเหตุคลื่นทะเลกลืนกินแผ่นดินที่ปัตตานีอย่างหนัก.285833/
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 01:00
    กาแฟดำ
    ปิดเทอม ยึดอำนาจ ‘รัฐบาลภาคพิเศษ’ ล้วนผิดกติกาทั้งสิ้น

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ข้อเขียนวันนี้ไม่เกี่ยวกับ “วันลวงโลก” หรือ April’s Fool Day ที่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน ทุกปี...
    <SCRIPT type=text/javascript> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </SCRIPT><SCRIPT src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/r20110324/r20110321-2/show_ads_impl.js"></SCRIPT> เพราะว่าผมกำลังจะพูดถึงการเรียกร้องให้ “ปิดเทอม” ทางการเมืองของคนบางกลุ่มเพื่อ “สะสางบ้านเมืองให้สะอาด” เสียก่อน แล้วจึงกลับไปสู่ระบบการเลือกตั้ง
    ใครคนหนึ่งขึ้นเวทีอภิปรายวันก่อน เรียกร้องให้ “ประชาชนปฏิวัติ” และให้ “ทหารอารักขาประชาชน”
    อีกท่านหนึ่งบอกให้ “ปิดเทอม 5 ปี” เพื่อชะรำสะสางนักการเมืองน้ำเน่าให้พ้นจากประเทศไทย
    แน่นอนว่า บางคนพูดถึง “มาตรา 7” ของรัฐธรรมนูญ โดยตีความตามความเข้าใจของเขาว่าสามารถจะนำไปสู่ “รัฐบาลพระราชทาน” เพื่อไม่ให้ “นักเลือกตั้ง” ปู้ยี่ปู้ยำประเทศชาติให้ย่ำแย่กว่านี้
    อีกบางท่านเสนอให้ Vote No ในการเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ เพื่อแสดงความพร้อมเพรียงของประชาชน ที่ต้องการจะแสดงออกว่าไม่เห็นว่าพรรคการเมืองไหนจะมีความน่าไว้วางใจเลย
    ทางเลือกที่เสนอมาทั้งหมดนี้ ผมเห็นว่าสอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตย ในกติกาที่เราตกลงกันไว้ ก็คือ การเรียกร้องให้ผู้คนกาบัตรเลือกตั้ง ว่า “ไม่เลือกใคร” หรือ Vote No เท่านั้น
    นอกนั้นที่กล่าวมานั้น ผมมองไม่เห็นว่า จะสามารถทำให้บ้านเมืองก้าวหน้าพัฒนาไปในเส้นทางที่ถูกต้องชอบธรรมตรงไหนได้เลย
    ปัญหานักการเมืองเลวร้าย โกงกิน ฉ้อฉล ซึ่งไม่อาจจะแก้ไขได้ด้วยการเรียกร้องให้มีการ “ปิดเทอม” 3-5 ปี อย่างที่บางท่านเสนอ
    เพราะผมมองไม่ออกว่าเราจะยอมให้ใครมาสั่งให้ประเทศชาติ “ปิดเทอม” ได้ และถ้าหากเรายอมให้คนคนนั้นสั่งได้ ก็เท่ากับว่าเรายอมยกบ้านเมืองให้เขาหรือกลุ่มเขา
    แล้วคนไทยที่เหลือจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่า คนที่เราให้อำนาจ สั่ง “ปิดเทอม” ได้นั้น จะไม่ใช้อำนาจนั้นในทางที่ผิดเพื่อประโยชน์ของพวกเขาเอง?
    และต้องไม่ลืม ว่า ใครก็ตามที่สามารถสั่ง “ปิดเทอม” ได้ ก็ย่อมจะสั่ง “เปิดเทอม” ได้...และยิ่งกว่านั้น ก็ยังสามารถจะสั่งทำอะไรอย่างอื่นได้ด้วย เพราะว่าอำนาจไม่เข้าใครออกใคร ลงว่าได้อำนาจไปแล้ว จะเรียกคืนกลับมาเป็นของประชาชนอีกนั้นเป็นเรื่องลำบากยากเข็ญยิ่งนัก
    หรือจะให้ “ทหารอารักขา ประชาชนปฏิวัติ”? ก็ไม่รู้ว่าท่านผู้เสนอนั้นกำลังจะส่งสัญญาณอะไรไปให้ใคร?
    ประชาชนกลุ่มไหนครับที่จะปฏิวัติ? และคำว่า “ปฏิวัติ” ของท่าน แปลว่าอะไร? ปฏิวัติแล้วจะมอบอำนาจให้ใคร? และทหารกลุ่มไหนครับที่จะ “อารักขา” ประชาชนที่จะปฏิวัติ?
    หรือท่านกำลังเรียกร้องให้ทหารออกมาทำรัฐประหารอีกรอบหนึ่ง? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง กรุณาบอกด้วยว่าทหารยึดอำนาจไปแล้ว จะให้ทำอย่างไรต่อไปอีก? เพราะที่แล้วมาก็พิสูจน์ให้เห็นจะแจ้งแล้วว่า ทหารทำรัฐประหารครั้งใด ก็ทำบ้านเมืองเจ๊งกันทุกครั้งไป... เพราะไร้ทั้งวิสัยทัศน์ ไร้ทั้งความสามารถในการบริหารบ้านเมือง และไร้แม้กระทั่งความรอบรู้ที่จะไปเชิญใครมาบริหารบ้านเมือง หลังจากยึดอำนาจมาเป็นของตน
    สรุปว่าเละเทะทั้งสิ้น
    ผมมองไม่ออกครับว่า ทางออกที่เสนอให้ใช้วิธีการนอกกติกาทั้งหลายนั้น จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร เพราะผู้เสนอวิธีการต่างๆ ที่ว่านี้ ยังไม่สามารถจะบอกได้ว่าก้าวต่อไปหลังจากที่ทำอย่างที่ท่านเสนอแล้ว ประเทศไทยจะก้าวไปทางไหนต่ออีก?
    การเสนอให้คนไทยเข้าคูหาเลือกตั้งเพื่อกาช่อง “ไม่ลงคะแนนเสียง” หรือ “No” นั้น เป็นสิทธิอันชอบธรรม เพราะเป็นส่วนหนึ่งของกติกาภายใต้รัฐธรรมนูญ
    แต่การบอกให้ฉีกรัฐธรรมนูญ เพื่อหาทางออกที่ไม่มีใครกำหนดชะตากรรมของคนไทยร่วมกันได้นั้น ผมไม่เชื่อว่า สังคมไทยจะยอมรับหรือรับได้
    ปัญหาของระบอบประชาธิปไตยอย่างที่เราใช้อยู่นั้นมีแน่นอน และความชั่วร้ายของนักเลือกตั้งที่โกงกินเพื่อเข้ามามีอำนาจและผลประโยชน์นั้นก็เห็นกันชัดแจ้งอยู่
    เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ที่จะต้องหาทางออกจากวงจรเลวร้ายนี้ ด้วยความรอบคอบ อดทน และ จริงจัง...แต่จะไม่มีอัศวินขี่ม้าขาว หรือสูตรสำเร็จที่เรามอบอำนาจนอกกติกาให้ใคร หรือคนกลุ่มใด เพื่อที่จะเป็น “ยาวิเศษ” เพื่อพาเราให้พ้นพงหนามนี้ไปได้
    การเมืองภาคประชาชน การยืนยันในสิทธิของชาวบ้าน การรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องอำนาจของปวงชน และการทำตนเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบ ไม่สยบต่ออำนาจที่ไม่ชอบธรรม และการเคารพในสิทธิของผู้อื่นที่ถูกต้องตามกติกา คือ ทางออกของบ้านเมือง
    แม้ว่าจะเหนื่อยยาก ซับซ้อน เต็มไปด้วยอุปสรรค แต่นั่นคือเส้นทางแห่ง “เพื่อประชาชน โดยประชาชน ของประชาชน” ที่เราจะต้องฝ่าข้ามไปด้วยกันให้ได้ครับ

     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหตุบาทหลวงมะกันเผา “อัลกุรอาน” จุดชนวนเดือดประท้วงใน “อัฟกานิสถาน”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 14:49 น.
    [​IMG]

    วานนี้ (1) ชายอัฟกานิสถานหลายพันคนชุมนุมกลางท้องถนนในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ ซึ่งอยู่ในความสงบมาโดยตลอด สาเหตุของการประท้วงครั้งนี้เนื่องจากชาวมุสลิมอัฟกันไม่พอใจที่บาทหลวงชาวสหรัฐฯ เผาคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา



    เอเอฟพี - ชายฉกรรจ์ชาวอัฟกานิสถานมากกว่า 2,000 คนชุมนุมประท้วงด้วยความเดือดดาลในเมืองกันดาฮาร์ ทางตอนใต้ของประเทศ วันนี้ (2) หลังบาทหลวงคนหนึ่งในสหรัฐฯ เผาคัมภีร์อัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม นักข่าวเอเอฟพี รายงานจากที่เกิดเหตุ

    การประท้วงในกันดาฮาร์ เมืองเอกของจังหวัดกันดาฮาร์ วันนี้ ปะทุหนึ่งวันให้หลังการสังหารเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน 7 คน ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ชาวยุโรป 3 คน และการ์ดรักษาความปลอดภัยชาวเนปาล 4 คนนี้ ทั้งเจ็ดถูกสังหารระหว่างการประท้วงในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ ทางเหนืออัฟกานิสถาน วานนี้ (1) เพื่อแสดงความโกรธแค้นต่อการเผาคัมภีร์อัลกุรอานของบาทหลวงชาวสหรัฐฯ ณ โบสถ์แห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม

    วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองกันดาฮาร์ต้องยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงชนบุกเข้าไปยังสำนักงานขององค์การสหประชาชาติ และอาคารราชการประจำจังหวัด นักข่าวเอเอฟพี ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ รายงาน

    “ผู้ประท้วงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกพยายามบุกเข้าไปยังสำนักงานของยูเอ็น ส่วนอีกกลุ่มมีที่ทำการของผู้ว่าราชการจังหวัดกันดาฮาร์เป็นเป้าหมาย แต่ทั้งสองกลุ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางไว้ได้ … จำนวนผู้ประท้วงน่าจะมากกว่า 2,000 คน”

    กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งเป็นชายล้วนร้องตะโกนว่า “ไปตายซะ อเมริกัน” และ “ไปตายซะ (ประธานาธิบดีฮามิด) คาร์ไซ” นักข่าวเอเอฟพีรายงานสถานการณ์ “พวกมันลบหลู่พระคัมภีร์อัลกุรอานของเรา” หนึ่งในผู้ประท้วงตะโกน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม

    ทั้งนี้ นักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มฝูงชนที่กำลังเดือดดาลได้ทำร้ายช่างภาพชาวอัฟกานิสถานไปหนึ่งราย และทำลายกล้องถ่ายภาพของเขา

    เมื่อวันศุกร์ (1) ชายฉกรรจ์หลายพันคนร่วมตัวกันบนท้องถนนในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ จังหวัดบัลก์ ซึ่งอยู่ในความสงบมาโดยตลอด และบุกเข้าไปสังหารเจ้าหน้าที่ยูเอ็นทั้ง 7 คนดังกล่าว

    การ์ดรักษาความปลอดภัยชาวเนปาล 4 คน พยายามต่อสู้ป้องกันตัวจากกลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ แต่ไม่อาจต้านทานความโกรธแค้นของผู้ชุมนุมได้ และเสียชีวิตเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่ชาวนอร์เวย์ สวีเดน และโรมาเนีย ซึ่งการ์ดทั้งสี่มีหน้าที่ให้ความคุ้มครอง

    นอกจากนี้ รายงานล่าสุดจากนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า มีชาวอัฟกานิสถาน 4 รายเสียชีวิตระหว่างการประท้วงในเมืองกันดาฮาร์ การชุมนุมได้ลุกลามไปทั่วเมือง มีควันไฟลอยคละคลุ้งออกมาจากหลายๆ จุด อีกทั้งยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ

    [​IMG]

    [​IMG]


    ชาวอัฟกานิสถานในกรุงคาบูลก็ชุมนุมประท้วงเช่นกัน โดบมีการปราศรัยต่อต้านสหรัฐฯ อังกฤษ และอิสราเอล

    [​IMG]

    ปากีสถานก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประท้วงต่อเหตุการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน จนนำมาซึ่งการเผาธงชาติสหรัฐฯ

    Around the World - Manager Online -
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหตุบาทหลวงมะกันเผา “อัลกุรอาน” จุดชนวนเดือดประท้วงใน “อัฟกานิสถาน”

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 14:49 น.
    [​IMG]

    วานนี้ (1) ชายอัฟกานิสถานหลายพันคนชุมนุมกลางท้องถนนในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ ซึ่งอยู่ในความสงบมาโดยตลอด สาเหตุของการประท้วงครั้งนี้เนื่องจากชาวมุสลิมอัฟกันไม่พอใจที่บาทหลวงชาวสหรัฐฯ เผาคัมภีร์อัลกุรอาน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา



    เอเอฟพี - ชายฉกรรจ์ชาวอัฟกานิสถานมากกว่า 2,000 คนชุมนุมประท้วงด้วยความเดือดดาลในเมืองกันดาฮาร์ ทางตอนใต้ของประเทศ วันนี้ (2) หลังบาทหลวงคนหนึ่งในสหรัฐฯ เผาคัมภีร์อัลกุรอานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม นักข่าวเอเอฟพี รายงานจากที่เกิดเหตุ

    การประท้วงในกันดาฮาร์ เมืองเอกของจังหวัดกันดาฮาร์ วันนี้ ปะทุหนึ่งวันให้หลังการสังหารเจ้าหน้าที่ขององค์การสหประชาชาติในอัฟกานิสถาน 7 คน ผู้เสียชีวิตประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ชาวยุโรป 3 คน และการ์ดรักษาความปลอดภัยชาวเนปาล 4 คนนี้ ทั้งเจ็ดถูกสังหารระหว่างการประท้วงในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ ทางเหนืออัฟกานิสถาน วานนี้ (1) เพื่อแสดงความโกรธแค้นต่อการเผาคัมภีร์อัลกุรอานของบาทหลวงชาวสหรัฐฯ ณ โบสถ์แห่งหนึ่งในรัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 20 มีนาคม

    วันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองกันดาฮาร์ต้องยิงปืนขึ้นฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงชนบุกเข้าไปยังสำนักงานขององค์การสหประชาชาติ และอาคารราชการประจำจังหวัด นักข่าวเอเอฟพี ซึ่งเกาะติดสถานการณ์ รายงาน

    “ผู้ประท้วงแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกพยายามบุกเข้าไปยังสำนักงานของยูเอ็น ส่วนอีกกลุ่มมีที่ทำการของผู้ว่าราชการจังหวัดกันดาฮาร์เป็นเป้าหมาย แต่ทั้งสองกลุ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขัดขวางไว้ได้ … จำนวนผู้ประท้วงน่าจะมากกว่า 2,000 คน”

    กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งเป็นชายล้วนร้องตะโกนว่า “ไปตายซะ อเมริกัน” และ “ไปตายซะ (ประธานาธิบดีฮามิด) คาร์ไซ” นักข่าวเอเอฟพีรายงานสถานการณ์ “พวกมันลบหลู่พระคัมภีร์อัลกุรอานของเรา” หนึ่งในผู้ประท้วงตะโกน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นักข่าวเข้าไปพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม

    ทั้งนี้ นักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มฝูงชนที่กำลังเดือดดาลได้ทำร้ายช่างภาพชาวอัฟกานิสถานไปหนึ่งราย และทำลายกล้องถ่ายภาพของเขา

    เมื่อวันศุกร์ (1) ชายฉกรรจ์หลายพันคนร่วมตัวกันบนท้องถนนในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ จังหวัดบัลก์ ซึ่งอยู่ในความสงบมาโดยตลอด และบุกเข้าไปสังหารเจ้าหน้าที่ยูเอ็นทั้ง 7 คนดังกล่าว

    การ์ดรักษาความปลอดภัยชาวเนปาล 4 คน พยายามต่อสู้ป้องกันตัวจากกลุ่มผู้ประท้วงติดอาวุธ แต่ไม่อาจต้านทานความโกรธแค้นของผู้ชุมนุมได้ และเสียชีวิตเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่ชาวนอร์เวย์ สวีเดน และโรมาเนีย ซึ่งการ์ดทั้งสี่มีหน้าที่ให้ความคุ้มครอง

    นอกจากนี้ รายงานล่าสุดจากนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า มีชาวอัฟกานิสถาน 4 รายเสียชีวิตระหว่างการประท้วงในเมืองกันดาฮาร์ การชุมนุมได้ลุกลามไปทั่วเมือง มีควันไฟลอยคละคลุ้งออกมาจากหลายๆ จุด อีกทั้งยังมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ

    [​IMG]

    [​IMG]


    ชาวอัฟกานิสถานในกรุงคาบูลก็ชุมนุมประท้วงเช่นกัน โดบมีการปราศรัยต่อต้านสหรัฐฯ อังกฤษ และอิสราเอล

    [​IMG]

    ปากีสถานก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประท้วงต่อเหตุการเผาคัมภีร์อัลกุรอาน จนนำมาซึ่งการเผาธงชาติสหรัฐฯ

    Around the World - Manager Online -
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    “ฮามาส” เตือน “อิสราเอล” เตรียมรับผลกรรมจากปฏิบัติการทางอากาศครั้งล่าสุด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 13:30 น.

    [​IMG]

    เมื่อวันที่ 27 มีนาคม กองทัพอิสราเอลตัดสินใจติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยใกล้ “ไอออน โดม” แม้อยู่ในขั้นทดลอง นอกเมืองเบเออร์เชบา เพื่อป้องกันจรวดจากฉนวนกาซา



    เอเอฟพี - กลุ่มติดอาวุธฮามาสประกาศเตือนอิสราเอล วันนี้ (2) ให้เตรียมรับผลกรรม หลังเครื่องบินขับไล่ของกองทัพยิวยิงถล่มรถยนต์คันหนึ่งในฉนวนกาซา จนสมาชิกกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงเสียชีวิต 3 ราย

    เจ้าหน้าที่แพทย์และพยานให้ข้อมูลตรงกันว่า เป้าหมายของการโจมตีครั้งนี้อยู่ที่รถยนต์คันหนึ่ง ซึ่งกำลังเดินทางจากเมืองข่านยูนิส ไปยังค่ายผู้ลี้ภัย ดีอีร์ อัล-บาเลาะห์ ทั้งนี้ พยานระบุว่า เห็นเจ้าหน้าที่ลากศพไหม้เกรียม 3 ร่างถูลู่ถูกังออกมาจากรถยนต์ที่ไฟกำลังลุกไหม้คันดังกล่าว

    โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงว่า ปฏิบัติการทางอากาศดังกล่าวเป็นความร่วมมือกับ ชินเบต หน่วยงานความมั่นคงภายในอิสราเอล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงที่วางแผนลักพาตัวชาวอิสราเอล ระหว่างเทศกาลปัสกา (Passove) อันศักสิทธิ์ของยิว

    ด้าน กลุ่มฮามาสระบุในคำแถลงว่า ผู้เสียชีวิตทั้งสามเป็นสมาชิกของกองพลน้อยเอซเซดีน อัล-กอสซัม พร้อมทั้งข่มขู่ว่า อิสราเอลจะต้องชดใช้ผลของการโจมตีทางอากาศที่เพิ่มมากขึ้น

    ชาวอิสราเอลยังคงเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟแทบทุกครั้งเมื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สิบโท กิลัด ชาลิต วัย 19 ปี ถูกกลุ่มฮามาสลักพาตัวไปเป็นตัวประกันเพื่อต่อรอง ระหว่างการสู้รบข้ามพรมแดนในช่วงปี 2006 ปัจจุบัน ส.ท.ชาลิตยังคงหายสาบสูญ เชื่อกันว่า เขาถูกควบคุมตัวอยู่ฐานที่มั่นแห่งใดแห่งหนึ่งในฉนวนกาซา

    การตอบโต้ด้วยความรุนแรงระลอกใหม่นี้ปะทุขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม เมื่อกลุ่มหัวรุนแรงในฉนวนกาซายิงจรวดใส่พื้นที่ทางตอนใต้ของอิสราเอลอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หรือ เสียชีวิต

    ทว่า ภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กองทัพอิสราเอลก็ส่งเครื่องบินขับไล่ปฏิบัติการตอบโต้ เป็นผลให้นักรบของกองพลน้อยเอซเซดีน อัล-กอสซัม เสียชีวิต 2 ราย การกระทำครั้งนั้นถูกมองว่า รุนแรงเกินกว่าเหตุ

    หลังจากนั้น 2 วัน กองกำลังของกลุ่มฮามาสก็ระดมยิงปืนครกประมาณ 50 ลูกถล่มเมืองเบเออร์เชวา ทางใต้ของอิสราเอล ถือเป็นการโจมตีครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี และเมื่อไม่นานมานี้ กองทัพอิสราเอลได้ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยใกล้ “ไอออน โดม” ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นทดลอง บริเวณหน้าด่านเมืองเบเออร์เชวา เพื่อป้องกันจรวด หรือ กระสุนปืนใหญ่ที่ยิงออกมาจากฉนวนกาซา

    แม้ความตึงเครียดได้เพิ่มขึ้นเป็นทบทวี แต่ดูเหมือนว่า ทั้งอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซา ไม่ปรารถนาจะกระโจนเข้าสู่การสู้รบเต็มรูปแบบอีกครั้งเฉกเช่นสงครามในช่วงธันวาคม 2008 - มกราคม 2009 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,400 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวปาเลสไตน์

    [​IMG]

    สภาพโรงงานเครื่องดื่มแห่งหนึ่ของอิสราเอล ซึ่งเชื่อว่าถูกกลุ่มฮามาสยิงปืนใหญ่ถล่ม เมื่อวันที่ 26 มีนาคม
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ประท้วงเผาอัลกุรอานเดือดในอัฟกัน บุกสนง.UNฆ่าตัดหัวเจ้าหน้าที่

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 01:12 น.

    [​IMG]

    การชุมนุมประท้วงต่อต้านเผาพระคัมภีร์อัลกุรอาน ในกรุงคาบูล ขณะที่การชุมนุมในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ เกิดเหตุรุนแรง เมื่อผู้ประท้วงบุกเข้าไปยังสำนักงานของยูเอ็นและสังหารเจ้าหน้าที่ไปหลายราย
    เอเจนซี/เอเอฟพี - มีเจ้าหน้าที่ต่างชาติของสหประชาชาติอย่างน้อย 8 รายถูกฆ่าตายและ 2 ในนั้นถูกตัดศีรษะอย่างโหดเหี้ยมที่สำนักงานยูเอ็นในเมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ ทางเหนือของอัฟกานิสถานเมื่อวันศุกร์(1) การโจมตีที่มีขึ้นท่ามกลางเหตุชุมนุมอันโกรธกริ้วต่อการเผาคัมภีร์อัลกุรอานของบาทหลวงสหรัฐฯ

    ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกของยูเอ็นระบุว่า "เรายืนยันได้ว่ามีเหตุโจมตีคณะของยูเอ็นในศูนย์ปฏิบัติการประจำอัฟกานิสถานที่เมืองมาซาร์-ไอ-ชารีฟ และยืนยันว่ามีบุคลากรของสหประชาชาติเสียชีวิตหลายคน"

    เขาไม่ได้ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนเท่าใด แต่ตำรวจในอัฟกานิสถานบอกว่ามีผู้เสียชีวิต 8 คน ในจำนวนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ต่างชาติของสหประชาชาติ ซึ่งถูกฆ่าอย่างโหดร้ายหลังถูกกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเผาคัมภีร์อัลกุรอ่านของบาทหลวงสหรัฐฯรายหนึ่งเมื่อเดือนมีนาคม บุกเข้าไปในรั้วของสำนักงานในวันศุกร์(1)

    อย่างไรก็ตามมีความคาดหมายว่ายอดผู้เสียชีวิตน่าจะสูงขึ้นกว่านี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติรายหนึ่งบอกกับรอยเตอร์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตน่าจะสูงถึง 20 คน

    "สถานการณ์ยังคงสับสน เรากำลังสืบให้รู้ข้อเท็จจริงและดูแลเจ้าหน้าที่ของเราทุกคน" ฮักกล่าว และยืนยันว่าหัวหน้าสำนักงานเพียงได้รับบาดเจ็บ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เสียชีวิตเป็นชาวนอร์เวย์ โรมาเนียและสวีเดน ขณะที่ สเตฟฟาน เดอ มิสทารู ผู้แทนสูงสุดของสหประชาชาติประจำอัฟกานิสถาน กำลังมุ่งหน้ามายังเมืองแห่งนี้เพื่อดูแลสถานการณ์ด้วยตนเอง

    เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนหลายพันคนหลั่งไหลสู่องถนนสายต่างๆเพื่อชุมนุมอย่างสันติตามหลังพิธีสวนมนต์เย็นวันศุกร์(1) ทว่าคราวนี้หลังการชุมนุมผ่านไปเพียง 2 ถึง 3 ชั่วโมง เหตุความรุนแรงก็ปะทุขึ้น โดยมีรายงานว่ามีคนกลุ่มเล็กๆ โจมตีรั้วของสำนักงานยูเอ็น ขว้างปาก้อนหิน และปีนรั้วพยายามบุกเข้าไปภายใน

    แหล่งข่าวตำรวจรายหนึ่งซึ่งไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อเล่าว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ประท้วงก็บุกเข้าไปในรั้วได้สำเร็จและก่อเหตุลงมือเล่นงานเจ้าหน้าที่ จนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

    ทั้งนี้ยังมีการชุมนุมของผู้ประท้วงอีกหลายพันคนในเมืองฮารัต ทางตะวันตกของประเทศและอีกราว 200 คน ในกรุงคาบุล แต่ทั้งสองเมืองไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน วิกฤตนิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะ" ร้ายแรงกว่า "เชอร์โนบิล" มาก

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 09:14 น.

    [​IMG]

    ภาพถ่ายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ จากกองกำลังป้องกันตนเองทางน้ำของญี่ปุ่น

    เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์รายหนึ่งของรัสเซียชี้ หายนะที่เกิดกับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะของญี่ปุ่นซึ่งยังไม่สามารถคลี่คลายได้นั้นร้ายแรงกว่าเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิล "มาก" และอาจต้องมีการกำหนดระดับที่ใช้ในการวัดความรุนแรงของอุบัติเหตุปรมาณูสากลใหม่ทีเดียว



    นาตาเลีย มิโรโนวา วิศวกรด้านเทอร์โมไดนามิกส์ ซึ่งกลายเป็นแกนนำนักเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ในรัสเซีย หลังเหตุการณ์เตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่โซเวียตสร้างในยูเครนระเบิดเมื่อปี 1986 กล่าวว่า "เชอร์โนบิลเป็นการระเบิดของระเบิดกัมมันตรังสี ระเบิดกัมมันตรังสีที่ต่อไปคือฟูกูชิมะ ซึ่งจะสร้างความเสียหายใหญ่กว่ามาก" ทั้งในวาระทางเศรษฐกิจ และต่อมนุษย์

    เธอกล่าวว่า วิกฤตนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นนั้นอาจจะทำให้ความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิล ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในระดับ 7 อันเป็นระดับที่ร้ายแรงที่สุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ หรือไอเอ็นอีเอส ดูเล็กน้อยไปเลย

    หน่วยงานด้านนิวเคลียร์ต่างๆ ของยูเอ็น รวมถึงทบวงการพลังงานปรมาณู (ไอเออีเอ) ระบุในรายงานเมื่อปี 2005 ว่า โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์

    มิโรโนวาระบุว่า วิกฤตด้านนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นจากภัยแผ่นดินไหว และสึนามิรุนแรง ที่ทำให้ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ 4 เครื่องในโรงไฟฟ้าดังกล่าวเสียหายเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน อาจมีระดับไอเอ็นอีเอสสูงกว่า

    "เชอร์โนบิลอยู่ในระดับ 7 โดยมีเตาปฏิกรณ์เพียง 1 เครื่อง และยืดเยื้อเพียง 2 สัปดาห์ แต่ขณะนี้ เราผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ (ที่ฟูกูชิมะ) และเรามีเตาปฏิกรณ์ถึง 4 เครื่อง ซึ่งเรารู้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ" เธอเตือน

    สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นยังคงจัดระดับความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่ฟูกูชิมะอยู่ในระดับ 4 ขณะที่หน่วยงานของฝรั่งเศสที่เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดยกระดับขึ้นเป็น 6 แล้ว

    สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เชอร์โนบิลนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่อย่างเผ็ดร้อน โดยองค์กรต่างๆ ของยูเอ็นประเมินว่า เหยื่อที่คาดว่าจะเสียชีวิตจากผลสืบเนื่องโดยตรงจากอุบัติเหตุดังกล่าวมากถึง 9,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ขณะที่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม อย่างกรีนพีซระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะถึง 100,000 รายทีเดียว

    มิโรโนวากำลังเดินทางเยือนสหรัฐฯ พร้อมกับนักเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ของรัสเซียอีกหลายคน รวมถึง ทาเทียนา มูชาเมดยาโรวา และนาตาเลีย มันซูโรวา ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด และฟื้นฟูฉุกเฉินที่เชอร์โนบิล

    เดิมทีการเดินทางของพวกเขาถูกกำหนดไว้ให้ตรงกับวันครบรอบ 25 ปีการระเบิดของโรงไฟฟ้าที่เชอร์โนบิล เมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 แต่เนื่องจากวิกฤตการณ์ในญี่ปุ่น ทำให้มิโรโนวา และเพื่อนร่วมงานของเธอต้องเขียนรายงานนำเสนอให้ เพื่อเปรียบเทียบอุบัติเหตุเชอร์โนบิลกับฟูกูชิมะ

    Around the World - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ผู้เชี่ยวชาญเตือน วิกฤตนิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะ" ร้ายแรงกว่า "เชอร์โนบิล" มาก

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 09:14 น.

    [​IMG]

    ภาพถ่ายโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ จากกองกำลังป้องกันตนเองทางน้ำของญี่ปุ่น

    เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์รายหนึ่งของรัสเซียชี้ หายนะที่เกิดกับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะของญี่ปุ่นซึ่งยังไม่สามารถคลี่คลายได้นั้นร้ายแรงกว่าเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิล "มาก" และอาจต้องมีการกำหนดระดับที่ใช้ในการวัดความรุนแรงของอุบัติเหตุปรมาณูสากลใหม่ทีเดียว



    นาตาเลีย มิโรโนวา วิศวกรด้านเทอร์โมไดนามิกส์ ซึ่งกลายเป็นแกนนำนักเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ในรัสเซีย หลังเหตุการณ์เตาปฏิกรณ์ปรมาณูที่โซเวียตสร้างในยูเครนระเบิดเมื่อปี 1986 กล่าวว่า "เชอร์โนบิลเป็นการระเบิดของระเบิดกัมมันตรังสี ระเบิดกัมมันตรังสีที่ต่อไปคือฟูกูชิมะ ซึ่งจะสร้างความเสียหายใหญ่กว่ามาก" ทั้งในวาระทางเศรษฐกิจ และต่อมนุษย์

    เธอกล่าวว่า วิกฤตนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นนั้นอาจจะทำให้ความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิล ซึ่งถูกจัดให้อยู่ในระดับ 7 อันเป็นระดับที่ร้ายแรงที่สุดตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์ หรือไอเอ็นอีเอส ดูเล็กน้อยไปเลย

    หน่วยงานด้านนิวเคลียร์ต่างๆ ของยูเอ็น รวมถึงทบวงการพลังงานปรมาณู (ไอเออีเอ) ระบุในรายงานเมื่อปี 2005 ว่า โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์

    มิโรโนวาระบุว่า วิกฤตด้านนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ซึ่งเกิดขึ้นจากภัยแผ่นดินไหว และสึนามิรุนแรง ที่ทำให้ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์ 4 เครื่องในโรงไฟฟ้าดังกล่าวเสียหายเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน อาจมีระดับไอเอ็นอีเอสสูงกว่า

    "เชอร์โนบิลอยู่ในระดับ 7 โดยมีเตาปฏิกรณ์เพียง 1 เครื่อง และยืดเยื้อเพียง 2 สัปดาห์ แต่ขณะนี้ เราผ่านมาแล้ว 3 สัปดาห์ (ที่ฟูกูชิมะ) และเรามีเตาปฏิกรณ์ถึง 4 เครื่อง ซึ่งเรารู้ว่าอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆ" เธอเตือน

    สำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นยังคงจัดระดับความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่ฟูกูชิมะอยู่ในระดับ 4 ขณะที่หน่วยงานของฝรั่งเศสที่เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดยกระดับขึ้นเป็น 6 แล้ว

    สำหรับยอดผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เชอร์โนบิลนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่อย่างเผ็ดร้อน โดยองค์กรต่างๆ ของยูเอ็นประเมินว่า เหยื่อที่คาดว่าจะเสียชีวิตจากผลสืบเนื่องโดยตรงจากอุบัติเหตุดังกล่าวมากถึง 9,000 คน และมีมูลค่าความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

    ขณะที่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม อย่างกรีนพีซระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะถึง 100,000 รายทีเดียว

    มิโรโนวากำลังเดินทางเยือนสหรัฐฯ พร้อมกับนักเคลื่อนไหวต่อต้านนิวเคลียร์ของรัสเซียอีกหลายคน รวมถึง ทาเทียนา มูชาเมดยาโรวา และนาตาเลีย มันซูโรวา ซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด และฟื้นฟูฉุกเฉินที่เชอร์โนบิล

    เดิมทีการเดินทางของพวกเขาถูกกำหนดไว้ให้ตรงกับวันครบรอบ 25 ปีการระเบิดของโรงไฟฟ้าที่เชอร์โนบิล เมื่อวันที่ 26 เมษายน ปี 1986 แต่เนื่องจากวิกฤตการณ์ในญี่ปุ่น ทำให้มิโรโนวา และเพื่อนร่วมงานของเธอต้องเขียนรายงานนำเสนอให้ เพื่อเปรียบเทียบอุบัติเหตุเชอร์โนบิลกับฟูกูชิมะ

    Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทหารกัดดาฟีถล่มกบฏจนป้อแป้จ่อยึดเมืองสำคัญคืน-ปัดข้อเสนอหยุดยิง

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 04:00 น.

    [​IMG]

    สภาพเมืองมิสราตา ที่ถูกฝ่ายหนุนกัดดาฟีปิดล้อมและถล่มอย่างหนัก
    เอเอฟพี - กองกำลังผู้ภักดีต่อมูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบีย ระดมยิงถล่มมิสราตา เมืองที่อยู่ในการครอบครองของฝ่ายกบฏหนักหน่วงขึ้นเมื่อวันศุกร์(1) ในความพยายามยึดคืนเมืองด่านสำคัญแห่งนี้ ขณะที่ชาวบ้านแฉทหารของกัดดาฟีทุบทำลายร้านค้าและบ้านเรือนหลายหลังในย่านกลางเมือง

    มิสราตาคือป้อมปราการใหญ่สุดท้ายทางตะวันตกของลิเบียของฝ่ายกบฏ ทั้งนี้หลังยิงถล่มและล้อมกรอบเป็นเวลาหลายสัปดาห์ กองกำลังรัฐบาลก็ค่อยๆรุกคืบปลดเปลื้องเมืองจากฝ่ายต่อต้าน แม้ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของชาติตะวันตกมีเป้าหมายอยู่ที่ฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟีในเมืองแห่งนี้ด้วยก็ตาม

    ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่ากองกำลังฝ่ายรัฐบาลพยาบาลเข้าควบคุมใจกลางเมืองแต่ถูกขัดขวางโดยฝ่ายกบฏ ทว่าหลังจากนั้นทหารของกัดดาฟีก็ยิงถล่มท่าเรือและศูนย์กลางของเมืองโดยไม่เลือก

    "พวกเขาใช้รถถัง อาร์พีจี ปืนครกและจรวดอื่นๆยิงถล่มเมืองในวันนี้ มันเป็นการสุ่มยิงโดยไม่เลือกและเป็นการกระหน่ำโจมตึอย่างรุนแรง" โฆษกของฝ่ายกบฏบอกกับเอเอฟพีผ่านโทรศัพท์ "เราแทบจำเมืองแห่งนี้ไม่ได้เลย ภาพความเสียหายไม่สามารถบรรยายได้เลยจริงๆ"

    "ทหารของกัดดาฟีที่เข้ามาภายในเมืองผ่านถนนตริโปลี ได้ปล้นสดมภ์สถานที่ต่างๆ ร้านค้าหรือแม้กระทั่งบ้านเรือนของประชาชน และทำลายทุกอย่างที่ขว้างหน้า" เขากล่าว "เป้าหมายของพวกเขาคือทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรือนของชาวบ้าน"

    ด้านสถานีโทรทัศน์อัญจาซีเราะห์รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกของฝ่ายกบฏอีกคนบอกว่า มีประชาชนถูกสังหารไป 5 คน ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุเพียง 6 ขวบ หลังรถยนต์ที่เด็กน้อยรายนี้นั่งอยู่ถูกกระสุนปืนใหญ่ซัดเข้าอย่างจัง

    ก่อนหน้านี้ มุสตาฟา อับดุล จาลิล ผู้นำสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของลิเบียเผย กลุ่มกบฏพร้อมแล้วที่จะหยุดยิง เพื่อให้กองกำลังของมูอัมมาร์ กัดดาฟียุติการโจมตีเมืองต่างๆ ที่ฝ่ายต่อต้านนั้นยึดครองอยู่

    อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันศุกร์(1) ทางโฆษกรัฐบาลปฏิเสธเงื่อนไขต่างๆสำหรับการหยุดยิงของฝ่ายกบฏและประกาศลั่นจะไม่ออกจากเมืองต่างๆตามคำร้องขอของฝ่ายต่อต้าน "พวกเขากำลังร้องขอให้เราถอนกำลังจากเมืองของเรา ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องบ้าๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามันอะไรแล้ว เราไม่มีทางจะที่ออกจากเมือง"

    นอกจากนี้โฆษกของรัฐบาลลิเบีย ยังกล่าวหาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของชาติตะวันตกว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์ "นายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีบ้าๆบางคนของยุโรป กำลังทำสงครามครูเสดกับชาวมุสลิม และฟังดูเหมือนเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์"

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทหารกัดดาฟีถล่มกบฏจนป้อแป้จ่อยึดเมืองสำคัญคืน-ปัดข้อเสนอหยุดยิง

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 04:00 น.

    [​IMG]

    สภาพเมืองมิสราตา ที่ถูกฝ่ายหนุนกัดดาฟีปิดล้อมและถล่มอย่างหนัก
    เอเอฟพี - กองกำลังผู้ภักดีต่อมูอัมมาร์ กัดดาฟี ประธานาธิบดีลิเบีย ระดมยิงถล่มมิสราตา เมืองที่อยู่ในการครอบครองของฝ่ายกบฏหนักหน่วงขึ้นเมื่อวันศุกร์(1) ในความพยายามยึดคืนเมืองด่านสำคัญแห่งนี้ ขณะที่ชาวบ้านแฉทหารของกัดดาฟีทุบทำลายร้านค้าและบ้านเรือนหลายหลังในย่านกลางเมือง

    มิสราตาคือป้อมปราการใหญ่สุดท้ายทางตะวันตกของลิเบียของฝ่ายกบฏ ทั้งนี้หลังยิงถล่มและล้อมกรอบเป็นเวลาหลายสัปดาห์ กองกำลังรัฐบาลก็ค่อยๆรุกคืบปลดเปลื้องเมืองจากฝ่ายต่อต้าน แม้ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของชาติตะวันตกมีเป้าหมายอยู่ที่ฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟีในเมืองแห่งนี้ด้วยก็ตาม

    ชาวบ้านรายหนึ่งเปิดเผยว่ากองกำลังฝ่ายรัฐบาลพยาบาลเข้าควบคุมใจกลางเมืองแต่ถูกขัดขวางโดยฝ่ายกบฏ ทว่าหลังจากนั้นทหารของกัดดาฟีก็ยิงถล่มท่าเรือและศูนย์กลางของเมืองโดยไม่เลือก

    "พวกเขาใช้รถถัง อาร์พีจี ปืนครกและจรวดอื่นๆยิงถล่มเมืองในวันนี้ มันเป็นการสุ่มยิงโดยไม่เลือกและเป็นการกระหน่ำโจมตึอย่างรุนแรง" โฆษกของฝ่ายกบฏบอกกับเอเอฟพีผ่านโทรศัพท์ "เราแทบจำเมืองแห่งนี้ไม่ได้เลย ภาพความเสียหายไม่สามารถบรรยายได้เลยจริงๆ"

    "ทหารของกัดดาฟีที่เข้ามาภายในเมืองผ่านถนนตริโปลี ได้ปล้นสดมภ์สถานที่ต่างๆ ร้านค้าหรือแม้กระทั่งบ้านเรือนของประชาชน และทำลายทุกอย่างที่ขว้างหน้า" เขากล่าว "เป้าหมายของพวกเขาคือทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรือนของชาวบ้าน"

    ด้านสถานีโทรทัศน์อัญจาซีเราะห์รายงานโดยอ้างคำสัมภาษณ์ของโฆษกของฝ่ายกบฏอีกคนบอกว่า มีประชาชนถูกสังหารไป 5 คน ในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุเพียง 6 ขวบ หลังรถยนต์ที่เด็กน้อยรายนี้นั่งอยู่ถูกกระสุนปืนใหญ่ซัดเข้าอย่างจัง

    ก่อนหน้านี้ มุสตาฟา อับดุล จาลิล ผู้นำสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของลิเบียเผย กลุ่มกบฏพร้อมแล้วที่จะหยุดยิง เพื่อให้กองกำลังของมูอัมมาร์ กัดดาฟียุติการโจมตีเมืองต่างๆ ที่ฝ่ายต่อต้านนั้นยึดครองอยู่

    อย่างไรก็ตามในช่วงค่ำวันศุกร์(1) ทางโฆษกรัฐบาลปฏิเสธเงื่อนไขต่างๆสำหรับการหยุดยิงของฝ่ายกบฏและประกาศลั่นจะไม่ออกจากเมืองต่างๆตามคำร้องขอของฝ่ายต่อต้าน "พวกเขากำลังร้องขอให้เราถอนกำลังจากเมืองของเรา ถ้านี่ไม่ใช่เรื่องบ้าๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่ามันอะไรแล้ว เราไม่มีทางจะที่ออกจากเมือง"

    นอกจากนี้โฆษกของรัฐบาลลิเบีย ยังกล่าวหาปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของชาติตะวันตกว่าเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์ "นายกรัฐมนตรีกับประธานาธิบดีบ้าๆบางคนของยุโรป กำลังทำสงครามครูเสดกับชาวมุสลิม และฟังดูเหมือนเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษย์"

    Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รังสีที่หมู่บ้านนอกโซนอพยพหนีภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นลดต่ำกว่าเกณฑ์

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 02:42 น.

    [​IMG]


    โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
    เอเอฟพี - กัมมันตภาพรังสีที่พบ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งนอกโซนอพยพรอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นดีขึ้นตามลำดับและเวลานี้ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าค่ามาตรฐานความปลอดภัยแล้ว จากการเปิดเผยของสำนักงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์สหประชาชาติเมื่อวันศุกร์(1)



    สองวันก่อน ทางทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ตรวจพบระดับกัมมตภาพรังสีเกินข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ณ หมู่บ้านไออิตาเตะ ที่อยู่ห่างจากฟูกูชิมะ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร และอยู่นอกรัศมี 20 กิโลเมตรของเขตอพยพและอยู่นอกรัศมี 30 กิโลเมตร ที่แม้ไม่ใช่เขตอพยพ แต่ทางรัฐบาลแนะนำให้ประชาชนย้ายออกไปหรือไม่ก็ให้อยู่แต่ภายในอาคาร

    ทว่าในวันศุกร์(1) หลังตรวจสอบตัวอย่างเพิ่มเติม ก็พบว่าระดับกัมมันตภาพรังสีที่ฟุ้งกระจายนั้นกลับมาต่ำกว่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอแล้ว "จากผลประเมินล่าสุดพบว่ามันอยู่ในระดับต่ำกว่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอ" เอเลนา บูโกลวา ผู้อำนวยการของศูนย์เหตุการณ์และภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ของไอเออีเอระบุ

    เกอร์ฮาร์ด โพรล ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมของไอเออีเอระบุว่าจากตัวอย่างดิน 15 ต้วอย่างที่เก็บมาจากหมู่บ้านแห่งนี้ระหว่างวันที่ 19-29 มีนาคม พบว่ามีการสลายตัวของสารกัมมันตรังสีและเวลานี้อัตราเฉลี่ยที่มันถูกพัดพาไปอยู่ที่ 7.0 เมกะเบคเคอเรลต่อตารางเมตร "นี่เป็นระดับต่ำกว่าที่รายงานเมื่อ 2 วันก่อน และด้วยการสะลายตัวของกัมมันตภาพรังสี สถานการณ์ก็ดีขึ้นในทุกๆวัน"

    เมื่อวันพุธ(30) ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศแนะนำให้ทางการญี่ปุ่นประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง หลังพบว่าตัวอย่างหนึ่งจากทั้งหมด 6 ตัวอย่าง สามารถอ่านค่ากัมมันตภาพรังสีได้ถึง 20 เมกะเบคเคอเรลต่อตารางเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอถึง 2 เท่า

    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รังสีที่หมู่บ้านนอกโซนอพยพหนีภัยนิวเคลียร์ญี่ปุ่นลดต่ำกว่าเกณฑ์

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2554 02:42 น.

    [​IMG]


    โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ
    เอเอฟพี - กัมมันตภาพรังสีที่พบ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งนอกโซนอพยพรอบโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นดีขึ้นตามลำดับและเวลานี้ลดลงสู่ระดับต่ำกว่าค่ามาตรฐานความปลอดภัยแล้ว จากการเปิดเผยของสำนักงานเฝ้าระวังนิวเคลียร์สหประชาชาติเมื่อวันศุกร์(1)



    สองวันก่อน ทางทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) ตรวจพบระดับกัมมตภาพรังสีเกินข้อกำหนดด้านความปลอดภัย ณ หมู่บ้านไออิตาเตะ ที่อยู่ห่างจากฟูกูชิมะ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 40 กิโลเมตร และอยู่นอกรัศมี 20 กิโลเมตรของเขตอพยพและอยู่นอกรัศมี 30 กิโลเมตร ที่แม้ไม่ใช่เขตอพยพ แต่ทางรัฐบาลแนะนำให้ประชาชนย้ายออกไปหรือไม่ก็ให้อยู่แต่ภายในอาคาร

    ทว่าในวันศุกร์(1) หลังตรวจสอบตัวอย่างเพิ่มเติม ก็พบว่าระดับกัมมันตภาพรังสีที่ฟุ้งกระจายนั้นกลับมาต่ำกว่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอแล้ว "จากผลประเมินล่าสุดพบว่ามันอยู่ในระดับต่ำกว่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอ" เอเลนา บูโกลวา ผู้อำนวยการของศูนย์เหตุการณ์และภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์ของไอเออีเอระบุ

    เกอร์ฮาร์ด โพรล ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมของไอเออีเอระบุว่าจากตัวอย่างดิน 15 ต้วอย่างที่เก็บมาจากหมู่บ้านแห่งนี้ระหว่างวันที่ 19-29 มีนาคม พบว่ามีการสลายตัวของสารกัมมันตรังสีและเวลานี้อัตราเฉลี่ยที่มันถูกพัดพาไปอยู่ที่ 7.0 เมกะเบคเคอเรลต่อตารางเมตร "นี่เป็นระดับต่ำกว่าที่รายงานเมื่อ 2 วันก่อน และด้วยการสะลายตัวของกัมมันตภาพรังสี สถานการณ์ก็ดีขึ้นในทุกๆวัน"

    เมื่อวันพุธ(30) ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศแนะนำให้ทางการญี่ปุ่นประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง หลังพบว่าตัวอย่างหนึ่งจากทั้งหมด 6 ตัวอย่าง สามารถอ่านค่ากัมมันตภาพรังสีได้ถึง 20 เมกะเบคเคอเรลต่อตารางเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าบรรทัดฐานการอพยพของไอเออีเอถึง 2 เท่า

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จีนกับปัญหาหมู่เกาะในทะเลจีนใต้

    โดย สิทธิพล เครือรัฐติกาล โครงการปริญญาเอกสหวิทยาการ วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 เมษายน 2554 08:59 น.

    [​IMG]

    เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน (ภาพเอเยนซี)

    เมื่อต้นเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 ที่ผ่านมา ได้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยทางการจีนได้กล่าวหาว่าฟิลิปปินส์นำเรือสำรวจแหล่งน้ำมันเข้ามาแล่นในน่านน้ำของจีนในทะเลจีนใต้ เจียงอวี๋ (姜瑜) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม โดยเน้นย้ำว่าจีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ทั้งหมด รวมทั้งยังได้เรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติการกระทำที่จะสร้างปัญหาต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

    ปัญหาหมู่เกาะสแปรตลีย์ (The Spratly Islands) หรือหมู่เกาะหนานซา (南沙群岛) ในทะเลจีนใต้เป็นกรณีพิพาทระหว่างจีน ไต้หวัน เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยรัฐบาลจีนได้อ้างอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเหล่านี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เอกสารของทางการจีนระบุว่า ชาวจีนรู้จักหมู่เกาะดังกล่าวตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ. 23 - ค.ศ. 220) และจีนเป็นประเทศแรกที่เข้าไปปกครองหมู่เกาะสแปรตลีย์อย่างเป็นกิจจะลักษณะในสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1279 - ค.ศ. 1368) นอกจากนี้แผนที่ของทางการจีนสมัยราชวงศ์ชิงที่เขียนขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1724, ค.ศ. 1755, ค.ศ. 1767, ค.ศ.1810 และ ค.ศ.1817 ล้วนแต่ระบุว่าหมู่เกาะแห่งนี้เป็นของจีน

    จีนอ้างด้วยว่าอำนาจอธิปไตยของตนเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ได้รับการรับรองในกฎหมายระหว่างประเทศและที่ประชุมระหว่างประเทศ อาทิ สนธิสัญญาสันติภาพซานฟรานซิสโกเมื่อ ค.ศ. 1951 ที่ประชุมองค์การการบินพลเรือนสากลเมื่อ ค.ศ. 1955 เป็นต้น และจีนก็ได้แสดงออกซึ่งการปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะแห่งนี้อย่างเต็มที่จนถึงขั้นมีการใช้กำลังกับประเทศคู่กรณีมาแล้ว เช่น เวียดนามเมื่อ ค.ศ. 1988 และฟิลิปปินส์เมื่อ ค.ศ. 1995 เป็นต้น

    แต่ในเวลาเดียวกัน จีนก็ต้องการบรรยากาศของ “สันติภาพและการพัฒนา” เพื่อเอื้อต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจของตนเอง รวมทั้งลดความหวาดระแวงที่ประเทศคู่กรณีมีต่อจีน ด้วยเหตุนี้ในการประชุมอาเซียน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 จีนและประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันลงนามใน ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea) เพื่อแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่จะ “ส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความโปร่งใส สร้างความกลมเกลียว ความเข้าใจ และความร่วมมือซึ่งกันและกัน และอำนวยให้เกิดการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันโดยสันติ”

    [​IMG]
    หมู่เกาะสแปรตลีย์ (The Spratly Islands) หรือหมู่เกาะหนานซา (南沙群岛) ในทะเลจีนใต้ (ภาพเอเยนซี)

    แม้จะแสดงออกผ่านปฏิญญาดังกล่าวว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี หากแต่จีนก็ยังคงมีจุดยืนที่แข็งกร้าวและไม่ประนีประนอมในประเด็นเรื่องอธิปไตยอยู่เช่นเคย ดังเช่นเมื่อนายกรัฐมนตรีอับดุลละห์ อะห์มัด บาดาวี (Abdullah Ahmad Badawi) ของมาเลเซียเดินทางไปยังแนวหินโสโครกต้านหวาน (弹丸礁) ในหมู่เกาะสแปรตลีย์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2009 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนก็ได้ออกมาแถลงว่าจีนมี “อำนาจอธิปไตยที่ไม่อาจโต้แย้งได้” (indisputable sovereignty) เหนือหมู่เกาะแห่งนี้

    ในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน จีนได้ตอบโต้เช่นนี้อีกครั้งเมื่อเวียดนามต้องการขยายไหล่ทวีปออกไปเกิน 200 ไมล์ทะเล ข้อเขียนของบรรณาธิการ ประชาชนรายวัน ฉบับออนไลน์ วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 ถึงกับระบุว่า “จีนจะไม่ประนีประนอมในเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้และน่านน้ำต่อเนื่อง ถึงแม้จีนจะยังคงต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม”

    คำกล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวเองของท่าทีที่จีนมีต่อปัญหาหมู่เกาะสแปรตลีย์ เพราะในทางหนึ่ง จีนทราบดีว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของการอ้างอำนาจอธิปไตยที่ทับซ้อนกันของหลายประเทศ และจีนได้แสดงออกว่าต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยสันติผ่านการเจรจา แต่ในอีกทางหนึ่ง จีนกลับต้องการให้ประเทศคู่กรณียอมรับอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือหมู่เกาะแห่งนี้โดยไม่โต้แย้ง

    ท่าทีอันกำกวมของจีนเช่นนี้ทำให้ประเทศคู่กรณีไม่อาจคลายความกังวลลงไปได้ ดังที่โมฮาเม็ด จาวาร์ ฮัสซัน (Mohamed Jawhar Hassan) ประธานสถาบันยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (The Institute of Strategic and International Studies) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของมาเลเซียได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Beijing Review เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 ว่า ปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวในความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับจีนก็คือ ปัญหาหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยในทัศนะของผู้ที่ติดตามประเด็นปัญหาระหว่างประเทศของมาเลเซีย การลงนามในปฏิญญา ค.ศ. 2002 มิได้ช่วยลดความกังวลที่ประเทศคู่กรณีมีต่อจีนแต่อย่างใด

    ตราบใดที่จีนยังคงมีจุดยืนในลักษณะเช่นนี้ ตราบนั้นประเทศคู่กรณีก็จะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับท่าทีของจีนอยู่ต่อไป การที่จีนเน้นย้ำต่อนานาประเทศอยู่เสมอว่าตนเองจะ “ทะยานขึ้นอย่างสันติ” (和平崛起) จึงอาจเป็นแค่เพียง “ถุงมือกำมะหยี่” อันอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้ม “หมัดเหล็ก” อันแข็งกร้าวภายในของจีนเอาไว้ก็เป็นได้

    China - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จีนกับปัญหาหมู่เกาะในทะเลจีนใต้

    โดย สิทธิพล เครือรัฐติกาล โครงการปริญญาเอกสหวิทยาการ วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2 เมษายน 2554 08:59 น.

    [​IMG]

    เจียงอี๋ว์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน (ภาพเอเยนซี)

    เมื่อต้นเดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 ที่ผ่านมา ได้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยทางการจีนได้กล่าวหาว่าฟิลิปปินส์นำเรือสำรวจแหล่งน้ำมันเข้ามาแล่นในน่านน้ำของจีนในทะเลจีนใต้ เจียงอวี๋ (姜瑜) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม โดยเน้นย้ำว่าจีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ทั้งหมด รวมทั้งยังได้เรียกร้องให้ฟิลิปปินส์ยุติการกระทำที่จะสร้างปัญหาต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

    ปัญหาหมู่เกาะสแปรตลีย์ (The Spratly Islands) หรือหมู่เกาะหนานซา (南沙群岛) ในทะเลจีนใต้เป็นกรณีพิพาทระหว่างจีน ไต้หวัน เวียดนาม มาเลเซีย บรูไน และฟิลิปปินส์ โดยรัฐบาลจีนได้อ้างอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะเหล่านี้มาตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เอกสารของทางการจีนระบุว่า ชาวจีนรู้จักหมู่เกาะดังกล่าวตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ค.ศ. 23 - ค.ศ. 220) และจีนเป็นประเทศแรกที่เข้าไปปกครองหมู่เกาะสแปรตลีย์อย่างเป็นกิจจะลักษณะในสมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1279 - ค.ศ. 1368) นอกจากนี้แผนที่ของทางการจีนสมัยราชวงศ์ชิงที่เขียนขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1724, ค.ศ. 1755, ค.ศ. 1767, ค.ศ.1810 และ ค.ศ.1817 ล้วนแต่ระบุว่าหมู่เกาะแห่งนี้เป็นของจีน

    จีนอ้างด้วยว่าอำนาจอธิปไตยของตนเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ได้รับการรับรองในกฎหมายระหว่างประเทศและที่ประชุมระหว่างประเทศ อาทิ สนธิสัญญาสันติภาพซานฟรานซิสโกเมื่อ ค.ศ. 1951 ที่ประชุมองค์การการบินพลเรือนสากลเมื่อ ค.ศ. 1955 เป็นต้น และจีนก็ได้แสดงออกซึ่งการปกป้องอธิปไตยเหนือหมู่เกาะแห่งนี้อย่างเต็มที่จนถึงขั้นมีการใช้กำลังกับประเทศคู่กรณีมาแล้ว เช่น เวียดนามเมื่อ ค.ศ. 1988 และฟิลิปปินส์เมื่อ ค.ศ. 1995 เป็นต้น

    แต่ในเวลาเดียวกัน จีนก็ต้องการบรรยากาศของ “สันติภาพและการพัฒนา” เพื่อเอื้อต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจของตนเอง รวมทั้งลดความหวาดระแวงที่ประเทศคู่กรณีมีต่อจีน ด้วยเหตุนี้ในการประชุมอาเซียน ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002 จีนและประเทศสมาชิกอาเซียนได้ร่วมกันลงนามใน ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea) เพื่อแสดงออกถึงเจตนารมณ์ที่จะ “ส่งเสริมความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและความโปร่งใส สร้างความกลมเกลียว ความเข้าใจ และความร่วมมือซึ่งกันและกัน และอำนวยให้เกิดการแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันโดยสันติ”

    [​IMG]
    หมู่เกาะสแปรตลีย์ (The Spratly Islands) หรือหมู่เกาะหนานซา (南沙群岛) ในทะเลจีนใต้ (ภาพเอเยนซี)

    แม้จะแสดงออกผ่านปฏิญญาดังกล่าวว่าต้องการแก้ไขข้อพิพาทโดยสันติวิธี หากแต่จีนก็ยังคงมีจุดยืนที่แข็งกร้าวและไม่ประนีประนอมในประเด็นเรื่องอธิปไตยอยู่เช่นเคย ดังเช่นเมื่อนายกรัฐมนตรีอับดุลละห์ อะห์มัด บาดาวี (Abdullah Ahmad Badawi) ของมาเลเซียเดินทางไปยังแนวหินโสโครกต้านหวาน (弹丸礁) ในหมู่เกาะสแปรตลีย์เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2009 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนก็ได้ออกมาแถลงว่าจีนมี “อำนาจอธิปไตยที่ไม่อาจโต้แย้งได้” (indisputable sovereignty) เหนือหมู่เกาะแห่งนี้

    ในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน จีนได้ตอบโต้เช่นนี้อีกครั้งเมื่อเวียดนามต้องการขยายไหล่ทวีปออกไปเกิน 200 ไมล์ทะเล ข้อเขียนของบรรณาธิการ ประชาชนรายวัน ฉบับออนไลน์ วันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 ถึงกับระบุว่า “จีนจะไม่ประนีประนอมในเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้และน่านน้ำต่อเนื่อง ถึงแม้จีนจะยังคงต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านก็ตาม”

    คำกล่าวข้างต้นสะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในตัวเองของท่าทีที่จีนมีต่อปัญหาหมู่เกาะสแปรตลีย์ เพราะในทางหนึ่ง จีนทราบดีว่าปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องของการอ้างอำนาจอธิปไตยที่ทับซ้อนกันของหลายประเทศ และจีนได้แสดงออกว่าต้องการแก้ไขปัญหานี้โดยสันติผ่านการเจรจา แต่ในอีกทางหนึ่ง จีนกลับต้องการให้ประเทศคู่กรณียอมรับอำนาจอธิปไตยของจีนเหนือหมู่เกาะแห่งนี้โดยไม่โต้แย้ง

    ท่าทีอันกำกวมของจีนเช่นนี้ทำให้ประเทศคู่กรณีไม่อาจคลายความกังวลลงไปได้ ดังที่โมฮาเม็ด จาวาร์ ฮัสซัน (Mohamed Jawhar Hassan) ประธานสถาบันยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (The Institute of Strategic and International Studies) ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของมาเลเซียได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Beijing Review เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 ว่า ปัญหาใหญ่ปัญหาเดียวในความสัมพันธ์ระหว่างมาเลเซียกับจีนก็คือ ปัญหาหมู่เกาะในทะเลจีนใต้ ซึ่งควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยในทัศนะของผู้ที่ติดตามประเด็นปัญหาระหว่างประเทศของมาเลเซีย การลงนามในปฏิญญา ค.ศ. 2002 มิได้ช่วยลดความกังวลที่ประเทศคู่กรณีมีต่อจีนแต่อย่างใด

    ตราบใดที่จีนยังคงมีจุดยืนในลักษณะเช่นนี้ ตราบนั้นประเทศคู่กรณีก็จะยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับท่าทีของจีนอยู่ต่อไป การที่จีนเน้นย้ำต่อนานาประเทศอยู่เสมอว่าตนเองจะ “ทะยานขึ้นอย่างสันติ” (和平崛起) จึงอาจเป็นแค่เพียง “ถุงมือกำมะหยี่” อันอ่อนนุ่มที่ห่อหุ้ม “หมัดเหล็ก” อันแข็งกร้าวภายในของจีนเอาไว้ก็เป็นได้

    China - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 23 มีนาคม 2554 01:00

    วิกฤติกัมมันตภาพรังสีกับการเตรียมรับมือของไทย

    โดย : รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัช ชิตตระการ

    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่น ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล
    อีกทั้งส่งผลกระทบให้เตาปฏิกรณ์ ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล และแพร่กระจายไปหลายพื้นที่นั้น ขอแยกแยะสถานการณ์ของสารกัมมันตภาพรังสีที่หลายคนกำลังวิตกกังวลอยู่ออกเป็น 6 ประเด็น ดังนี้


    ประเด็นที่ 1 สารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสีคืออะไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสี ที่รั่วออกมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง ซึ่งกรณีนี้พบว่ากว่าที่จะได้พลังงานนิวเคลียร์ออกมานั้น เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (U-235) จะต้องจับเอาอนุภาคนิวตรอนเข้าไปรวมกับนิวเคลียสของ U-235 กลายไปเป็น U-236 ซึ่งในภาวการณ์ขณะนั้น U-236 ไม่เสถียรเอามากๆ ก็จะแตกตัวออกมาเป็นสองเสี่ยงใหญ่ๆ (เราเรียกว่าผลผลิตฟิสชัน) พร้อมกับปลดปล่อยพลังงานจลน์ออกมาประมาณ 200 MeV ต่อฟิสชัน พลังงานจลน์ส่วนนี้ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนที่นำเอาไปต้มน้ำให้เดือดกลายไปเป็นไอ แล้วไปหมุนกังหันในเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาให้เราได้ใช้กัน


    นอกเหนือจากผลผลิตฟิสชันและพลังงานจลน์ที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว ในแต่ละการแตกตัวยังได้อนุภาคนิวตรอนใหม่ออกมาเฉลี่ยประมาณ 2-3 ตัว อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และอนุภาคแกมมาที่ถูกปลดปล่อยพร้อมๆ กับการเกิดฟิสชันแล้ว พวกผลผลิตฟิสชันที่พวกเราคุ้นหู เช่น I-131, Cs-137, Co-60 และไอโซโทปรังสีอีกมากมายก็จะถูกปลดปล่อยออกมาด้วย ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่มีครึ่งชีวิตอายุตั้งแต่ไมโครวินาทีไปจนถึงหลายพันล้านปี โดยไอโซโทปรังสีที่เกิดมาหลังจากการเกิดฟิสชันนั้น ตามปกติแล้วจะยังคงปะปนอยู่ภายในแท่งเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถนำมาแยกเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และการเกษตรได้อย่างดี และส่วนใหญ่ยังสามารถแยกเอา U-235 ไปใช้ประโยชน์ด้วยการไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงแท่งใหม่ได้อีก


    ประเด็นที่ 2 ความสามารถในการแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศเป็นไปในลักษณะใด/ไกลเท่าไร การแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศนั้นขึ้นอยู่กับว่าแรงระเบิดของเตาปฏิกรณ์จะรุนแรงมากเพียงใด ถ้ารุนแรงมากก็อาจจะส่งให้ไอน้ำและสารกัมมันตรังสีที่ปะปนออกมาขึ้นไปในชั้นบรรยากาศสูงได้ หลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางและกระแสแรงลมที่จะพัดพามวลของฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้ไป ซึ่งจากแบบจำลองเบื้องต้นนั้นมีโอกาสที่จะพัดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังฝั่งตะวันตกของรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่ถ้าระยะยาวอาจจะแพร่ไปทั่วโลกได้


    ประเด็นที่ 3 อันตรายจากสารกัมมันตรังสี แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ


    1. ถ้าร่างกายรับเอาสารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกาย จะอันตรายมาก เพราะรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา จะทำลายเซลล์เนื้อเยื่อที่สารกัมมันตรังสีเหล่านั้นไปสะสมอยู่เช่น I-131 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปสะสมอยู่ที่ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) ซึ่งจะปลดปล่อยรังสีแกมมาออกมา ซึ่งเซลล์ของต่อมไทรอยด์จะถูกทำลายไปตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีสารกัมมันตรังสีบางตัวที่เป็นสารพิษเช่นพลูโทเนียม (Pu) ถ้าร่างกายรับเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเสียชีวิตได้


    2. ถ้าร่างกายรับรังสีจากภายนอกร่างกาย เนื้อเยื่อในแต่ละบริเวณของร่างกายจะได้รับผลกระทบแตกต่างกัน


    ประเด็นที่ 4 ประชาชนทั่วไป (ในไทย) จะสังเกตได้อย่างไรว่าได้รับสารดังกล่าว/เตรียมป้องกันตัวเองอย่างไร ประชาชนทั่วไป (ในไทย) โดยปกติก็จะได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ทุกวันอยู่แล้ว ก็ขอให้ติดตามข่าวสารจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีเครื่องมือวัดปริมาณรังสีในอากาศที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติติดตั้งตรวจสอบแบบ Real time ไว้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศจำนวน 8 แห่ง


    ประเด็นที่ 5 ถ้ามีความจำเป็นจะต้องไปในพื้นที่ ที่อาจมีการปนเปื้อนจริงๆ จะทำอย่างไร ถ้ามีความจำเป็นจะต้องไปในพื้นที่ ที่อาจมีการปนเปื้อนจริงๆ แล้วควรจะพก Pocket dosimeter ติดตัวไปด้วย เพราะจะช่วยบอกว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเรารับโดนรังสีเข้าไปในร่างกายมากน้อยเพียงใด ใกล้กับระดับมาตรฐานที่ 50 mSv ต่อปีที่ยอมรับได้หรือยัง และเมื่อกลับมาที่เมืองไทยแล้วควรจะผ่านการวัดปริมาณรังสีทั้งร่างกาย เพื่อการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งเครื่องวัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ (Total count dose) และถ้าเราอยู่ในข่ายเสี่ยงที่ได้รับ I-131 เข้าไปในร่างกาย ก็ควรจะพักแยก และไม่ควรพบปะครอบครัวและญาติประมาณ 1-2 อาทิตย์


    ประเด็นที่ 6 ความเป็นไปได้ที่อาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นจะมีสารปนเปื้อนหรือไม่ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องเชื่อระบบทั้งของญี่ปุ่น และฝ่ายไทยที่น่าจะมีมาตรฐานสูงพอที่จะตรวจวัดว่าจะมีสารอาหารถูกปนเปื้อนก่อนนำเข้าประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะนมผงเลี้ยงเด็กนั้นสำคัญที่สุด เพราะภูมิคุ้มกันของเด็กเล็กจะน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อสงสัยก็น่าจะส่งให้หน่วยวิจัยฟิสิกส์นิวเคลียร์ ภาควิชาฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยหลักๆ ได้ช่วยตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 23 มีนาคม 2554 01:00

    วิกฤติกัมมันตภาพรังสีกับการเตรียมรับมือของไทย

    โดย : รองศาสตราจารย์ ดร.ธวัช ชิตตระการ

    จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิถล่มประเทศญี่ปุ่น ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล
    อีกทั้งส่งผลกระทบให้เตาปฏิกรณ์ ในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดทำให้สารกัมมันตภาพรังสีรั่วไหล และแพร่กระจายไปหลายพื้นที่นั้น ขอแยกแยะสถานการณ์ของสารกัมมันตภาพรังสีที่หลายคนกำลังวิตกกังวลอยู่ออกเป็น 6 ประเด็น ดังนี้


    ประเด็นที่ 1 สารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสีคืออะไร ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสี ที่รั่วออกมาจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นมีอะไรบ้าง ซึ่งกรณีนี้พบว่ากว่าที่จะได้พลังงานนิวเคลียร์ออกมานั้น เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ (U-235) จะต้องจับเอาอนุภาคนิวตรอนเข้าไปรวมกับนิวเคลียสของ U-235 กลายไปเป็น U-236 ซึ่งในภาวการณ์ขณะนั้น U-236 ไม่เสถียรเอามากๆ ก็จะแตกตัวออกมาเป็นสองเสี่ยงใหญ่ๆ (เราเรียกว่าผลผลิตฟิสชัน) พร้อมกับปลดปล่อยพลังงานจลน์ออกมาประมาณ 200 MeV ต่อฟิสชัน พลังงานจลน์ส่วนนี้ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงานความร้อนที่นำเอาไปต้มน้ำให้เดือดกลายไปเป็นไอ แล้วไปหมุนกังหันในเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาให้เราได้ใช้กัน


    นอกเหนือจากผลผลิตฟิสชันและพลังงานจลน์ที่ปลดปล่อยออกมาแล้ว ในแต่ละการแตกตัวยังได้อนุภาคนิวตรอนใหม่ออกมาเฉลี่ยประมาณ 2-3 ตัว อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา และอนุภาคแกมมาที่ถูกปลดปล่อยพร้อมๆ กับการเกิดฟิสชันแล้ว พวกผลผลิตฟิสชันที่พวกเราคุ้นหู เช่น I-131, Cs-137, Co-60 และไอโซโทปรังสีอีกมากมายก็จะถูกปลดปล่อยออกมาด้วย ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสีที่มีครึ่งชีวิตอายุตั้งแต่ไมโครวินาทีไปจนถึงหลายพันล้านปี โดยไอโซโทปรังสีที่เกิดมาหลังจากการเกิดฟิสชันนั้น ตามปกติแล้วจะยังคงปะปนอยู่ภายในแท่งเชื้อเพลิง ซึ่งสามารถนำมาแยกเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ อุตสาหกรรม และการเกษตรได้อย่างดี และส่วนใหญ่ยังสามารถแยกเอา U-235 ไปใช้ประโยชน์ด้วยการไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงแท่งใหม่ได้อีก


    ประเด็นที่ 2 ความสามารถในการแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศเป็นไปในลักษณะใด/ไกลเท่าไร การแพร่กระจายในชั้นบรรยากาศนั้นขึ้นอยู่กับว่าแรงระเบิดของเตาปฏิกรณ์จะรุนแรงมากเพียงใด ถ้ารุนแรงมากก็อาจจะส่งให้ไอน้ำและสารกัมมันตรังสีที่ปะปนออกมาขึ้นไปในชั้นบรรยากาศสูงได้ หลังจากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางและกระแสแรงลมที่จะพัดพามวลของฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้ไป ซึ่งจากแบบจำลองเบื้องต้นนั้นมีโอกาสที่จะพัดข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังฝั่งตะวันตกของรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ แต่ถ้าระยะยาวอาจจะแพร่ไปทั่วโลกได้


    ประเด็นที่ 3 อันตรายจากสารกัมมันตรังสี แบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ


    1. ถ้าร่างกายรับเอาสารกัมมันตรังสีเข้าไปในร่างกาย จะอันตรายมาก เพราะรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา จะทำลายเซลล์เนื้อเยื่อที่สารกัมมันตรังสีเหล่านั้นไปสะสมอยู่เช่น I-131 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะไปสะสมอยู่ที่ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) ซึ่งจะปลดปล่อยรังสีแกมมาออกมา ซึ่งเซลล์ของต่อมไทรอยด์จะถูกทำลายไปตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีสารกัมมันตรังสีบางตัวที่เป็นสารพิษเช่นพลูโทเนียม (Pu) ถ้าร่างกายรับเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเสียชีวิตได้


    2. ถ้าร่างกายรับรังสีจากภายนอกร่างกาย เนื้อเยื่อในแต่ละบริเวณของร่างกายจะได้รับผลกระทบแตกต่างกัน


    ประเด็นที่ 4 ประชาชนทั่วไป (ในไทย) จะสังเกตได้อย่างไรว่าได้รับสารดังกล่าว/เตรียมป้องกันตัวเองอย่างไร ประชาชนทั่วไป (ในไทย) โดยปกติก็จะได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ทุกวันอยู่แล้ว ก็ขอให้ติดตามข่าวสารจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ซึ่งมีเครื่องมือวัดปริมาณรังสีในอากาศที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติติดตั้งตรวจสอบแบบ Real time ไว้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศจำนวน 8 แห่ง


    ประเด็นที่ 5 ถ้ามีความจำเป็นจะต้องไปในพื้นที่ ที่อาจมีการปนเปื้อนจริงๆ จะทำอย่างไร ถ้ามีความจำเป็นจะต้องไปในพื้นที่ ที่อาจมีการปนเปื้อนจริงๆ แล้วควรจะพก Pocket dosimeter ติดตัวไปด้วย เพราะจะช่วยบอกว่าในช่วงเวลาดังกล่าวเรารับโดนรังสีเข้าไปในร่างกายมากน้อยเพียงใด ใกล้กับระดับมาตรฐานที่ 50 mSv ต่อปีที่ยอมรับได้หรือยัง และเมื่อกลับมาที่เมืองไทยแล้วควรจะผ่านการวัดปริมาณรังสีทั้งร่างกาย เพื่อการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ที่ตั้งเครื่องวัดที่สนามบินสุวรรณภูมิ (Total count dose) และถ้าเราอยู่ในข่ายเสี่ยงที่ได้รับ I-131 เข้าไปในร่างกาย ก็ควรจะพักแยก และไม่ควรพบปะครอบครัวและญาติประมาณ 1-2 อาทิตย์


    ประเด็นที่ 6 ความเป็นไปได้ที่อาหารนำเข้าจากญี่ปุ่นจะมีสารปนเปื้อนหรือไม่ เรื่องนี้มีความเป็นไปได้ แต่ก็ต้องเชื่อระบบทั้งของญี่ปุ่น และฝ่ายไทยที่น่าจะมีมาตรฐานสูงพอที่จะตรวจวัดว่าจะมีสารอาหารถูกปนเปื้อนก่อนนำเข้าประเทศหรือไม่ โดยเฉพาะนมผงเลี้ยงเด็กนั้นสำคัญที่สุด เพราะภูมิคุ้มกันของเด็กเล็กจะน้อยกว่าผู้ใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีข้อสงสัยก็น่าจะส่งให้หน่วยวิจัยฟิสิกส์นิวเคลียร์ ภาควิชาฟิสิกส์ ของมหาวิทยาลัยหลักๆ ได้ช่วยตรวจสอบ ก็เป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้

     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 2 เมษายน 2554 01:00

    กาแฟดำ

    กองทัพเรือ จะซื้อเรือดำน้ำมือสองเยอรมนี... อย่าผลุบๆ โผล่ๆ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ข่าวยืนยันแล้วว่าประเทศไทย จะซื้อเรือดำน้ำมือสองจากเยอรมนี 6 ลำ ด้วยงบประมาณประมาณ 7.7 พันล้านบาท...
    และคณะรัฐมนตรีของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เห็นด้วยในหลักการไปแล้ว

    ทันทีทันใดก็มีคำถามว่าไทยต้องมี "กองเรือดำน้ำ" ด้วยเหตุผลอันใด

    ทันทีทันใดก็มีคำถามว่าทำไมค่าซื้อเรือดำน้ำชุดนี้ ยังใช้เงินน้อยกว่าค่าซ่อม (ค่าเรือดำน้ำเก่าจากเยอรมนีประมาณ 1.8 พันล้านบาท ขณะที่ต้องใช้เงินอีก 5 พันล้านบาท เพื่อซ่อมแซมอะไหล่ และจะใช้ได้อีกประมาณ 10 ปี)

    คำถามจากผู้คนทั่วไป ก็คือ ไทยกลัวว่าประเทศไหนจะคุกคามความมั่นคงของประเทศด้วยเรือดำน้ำ หรือถามอีกอย่าง ก็คือ ว่าในภาวะการเมืองวันนี้ กองทัพเรือของไทยวิเคราะห์ว่าประเทศไหนเป็น "ศัตรู" ของเรา และหากมีศัตรูจริง เขามีเรือดำน้ำที่จะแล่นเข้ามาในน่านน้ำไทย เพื่อสร้างปัญหาให้กับเราหรือไม่

    ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพเรือบอกนักข่าวว่าเพื่อนบ้านมาเลเซีย มีกองเรือดำน้ำแล้ว และพม่าก็กำลังจะซื้อเรือดำน้ำจากจีนในเร็ววัน

    เรามองว่าเพื่อนบ้านอย่างจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ จะมีปัญหาทางด้านความมั่นคงของไทยกระนั้นหรือ

    หรือเพราะกองทัพอากาศ กับกองทัพบก ได้งบประมาณซื้อเครื่องบินรบ Gripen จากสวีเดน และรถหุ้มเกราะ BTR-3EI จากยูเครนกับเฮลิคอปเตอร์ MI-17 จากรัสเซียกระนั้นหรือ

    เรือดำน้ำที่กองทัพเรือจะขอซื้อจากเยอรมนีเป็นของเก่าแบบ Type-206 ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ g-to-g โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล มอเตอร์ไฟฟ้า และลูกเรือ 22 คนต่อลำ

    ข่าวบอกว่าเรือดำน้ำมือสองของเยอรมันชุดนี้ใช้งานมาแล้ว 30 ปีแล้ว

    รายงานในนิตยสาร Jane’s บอกว่า เรือดำน้ำของกองทัพเรือเยอรมนีชุดนี้ เดิมจะปลดระวางในปี 2015 แต่ปรับวันเวลาให้เร็วขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

    ข่าวบอกด้วยว่าเกาหลี และจีน ก็ได้เสนอขายเรือดำน้ำให้กองทัพเรือของไทยเช่นกัน แต่ตัดสินใจซื้อของเยอรมนี เพราะเห็นว่าเงื่อนไขดีกว่าของประเทศอื่น

    ตอนแรกที่ข่าวออกมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เชื่อกันว่าถ้าเอาเรือดำน้ำเยอรมันเก่าที่ซื้อมาไปซ่อมด้วยงบกว่า 5 พันล้านบาท ก็อาจจะใช้ได้ประมาณ 10 ปี

    แต่อีกไม่กี่วันต่อมา หนังสือพิมพ์อ้างคำพูดของ พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ว่า ช่วงเวลาที่เหลือสำหรับปฏิบัติงานของเรือดำน้ำมือสองชุดนี้ จะอยู่ประมาณ 6-7 ปีเท่านั้น และบอกว่าความจริง กองทัพเรือได้เสนอแผนจะซื้อเรือดำน้ำครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำไป โดยที่ตอนแรก คิดว่าจะซื้อจากญี่ปุ่น แต่เมื่อประเทศนั้นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ไทยก็ระงับแผนนั้นเอาไว้

    แผนต่อมา คือ จะซื้อจากอิสราเอล แต่ข้อเสนอนั้นก็ไปไม่ถึงไหนเช่นกัน

    ผู้บัญชาการทหารเรือบอกว่าไทย ต้องการจะมีความสามารถทางด้านทะเลที่ไม่แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลายประเทศก็ได้จัดซื้อเรือดำน้ำแล้วเมื่อหลายปีก่อน

    แต่ท่านบอกว่าเข้าใจถึงปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางงบประมาณของรัฐบาล เพราะหากซื้อใหม่เลย แต่ละลำก็จะไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น กองทัพเรือจึงยอมลดมาตรฐานด้วยการเสนอซื้อของเก่าจากเยอรมนี

    แต่ท่านก็ยังจะต้องตอบคำถามของชาวบ้านอย่างพวกเราว่า "ความจำเป็น" ที่จะต้องมีกองเรือดำน้ำนั้นคืออะไร และคำนิยามของ "ความมั่นคง" วันนี้ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 60 ปีก่อนที่กองทัพเรือคิดจะมีกองเรือดำน้ำของตนเองไปแล้วอย่างไรหรือไม่

    นี่ยังไม่พูดถึงคำถามบางข้อที่ชาวบ้านอยากรู้ ว่าน้ำในอ่าวไทยลึกพอสำหรับเรือดำน้ำหรือไม่ และความขัดแย้งของเรากับประเทศไหนจะทำให้เกิดความจำเป็นที่เราจะต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยเรา

    ความโปร่งใสและชัดเจนในการอธิบายการใช้เงิน เพื่อซื้อหาอาวุธราคาแพงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งยวด ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังเจอกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่สามารถจะตอบโจทย์ของประชาชนมากมายหลายข้อ

    จะซื้อเรือดำน้ำ กระทรวงกลาโหมต้องไม่ผลุบๆ โผล่ๆ...และต้องตอบคำถามให้ได้ทุกประเด็น

     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 2 เมษายน 2554 01:00

    กาแฟดำ

    กองทัพเรือ จะซื้อเรือดำน้ำมือสองเยอรมนี... อย่าผลุบๆ โผล่ๆ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ข่าวยืนยันแล้วว่าประเทศไทย จะซื้อเรือดำน้ำมือสองจากเยอรมนี 6 ลำ ด้วยงบประมาณประมาณ 7.7 พันล้านบาท...
    และคณะรัฐมนตรีของ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็เห็นด้วยในหลักการไปแล้ว

    ทันทีทันใดก็มีคำถามว่าไทยต้องมี "กองเรือดำน้ำ" ด้วยเหตุผลอันใด

    ทันทีทันใดก็มีคำถามว่าทำไมค่าซื้อเรือดำน้ำชุดนี้ ยังใช้เงินน้อยกว่าค่าซ่อม (ค่าเรือดำน้ำเก่าจากเยอรมนีประมาณ 1.8 พันล้านบาท ขณะที่ต้องใช้เงินอีก 5 พันล้านบาท เพื่อซ่อมแซมอะไหล่ และจะใช้ได้อีกประมาณ 10 ปี)

    คำถามจากผู้คนทั่วไป ก็คือ ไทยกลัวว่าประเทศไหนจะคุกคามความมั่นคงของประเทศด้วยเรือดำน้ำ หรือถามอีกอย่าง ก็คือ ว่าในภาวะการเมืองวันนี้ กองทัพเรือของไทยวิเคราะห์ว่าประเทศไหนเป็น "ศัตรู" ของเรา และหากมีศัตรูจริง เขามีเรือดำน้ำที่จะแล่นเข้ามาในน่านน้ำไทย เพื่อสร้างปัญหาให้กับเราหรือไม่

    ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพเรือบอกนักข่าวว่าเพื่อนบ้านมาเลเซีย มีกองเรือดำน้ำแล้ว และพม่าก็กำลังจะซื้อเรือดำน้ำจากจีนในเร็ววัน

    เรามองว่าเพื่อนบ้านอย่างจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ จะมีปัญหาทางด้านความมั่นคงของไทยกระนั้นหรือ

    หรือเพราะกองทัพอากาศ กับกองทัพบก ได้งบประมาณซื้อเครื่องบินรบ Gripen จากสวีเดน และรถหุ้มเกราะ BTR-3EI จากยูเครนกับเฮลิคอปเตอร์ MI-17 จากรัสเซียกระนั้นหรือ

    เรือดำน้ำที่กองทัพเรือจะขอซื้อจากเยอรมนีเป็นของเก่าแบบ Type-206 ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ g-to-g โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล มอเตอร์ไฟฟ้า และลูกเรือ 22 คนต่อลำ

    ข่าวบอกว่าเรือดำน้ำมือสองของเยอรมันชุดนี้ใช้งานมาแล้ว 30 ปีแล้ว

    รายงานในนิตยสาร Jane’s บอกว่า เรือดำน้ำของกองทัพเรือเยอรมนีชุดนี้ เดิมจะปลดระวางในปี 2015 แต่ปรับวันเวลาให้เร็วขึ้น เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

    ข่าวบอกด้วยว่าเกาหลี และจีน ก็ได้เสนอขายเรือดำน้ำให้กองทัพเรือของไทยเช่นกัน แต่ตัดสินใจซื้อของเยอรมนี เพราะเห็นว่าเงื่อนไขดีกว่าของประเทศอื่น

    ตอนแรกที่ข่าวออกมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เชื่อกันว่าถ้าเอาเรือดำน้ำเยอรมันเก่าที่ซื้อมาไปซ่อมด้วยงบกว่า 5 พันล้านบาท ก็อาจจะใช้ได้ประมาณ 10 ปี

    แต่อีกไม่กี่วันต่อมา หนังสือพิมพ์อ้างคำพูดของ พลเรือเอกกำธร พุ่มหิรัญ ว่า ช่วงเวลาที่เหลือสำหรับปฏิบัติงานของเรือดำน้ำมือสองชุดนี้ จะอยู่ประมาณ 6-7 ปีเท่านั้น และบอกว่าความจริง กองทัพเรือได้เสนอแผนจะซื้อเรือดำน้ำครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำไป โดยที่ตอนแรก คิดว่าจะซื้อจากญี่ปุ่น แต่เมื่อประเทศนั้นแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง ไทยก็ระงับแผนนั้นเอาไว้

    แผนต่อมา คือ จะซื้อจากอิสราเอล แต่ข้อเสนอนั้นก็ไปไม่ถึงไหนเช่นกัน

    ผู้บัญชาการทหารเรือบอกว่าไทย ต้องการจะมีความสามารถทางด้านทะเลที่ไม่แพ้ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหลายประเทศก็ได้จัดซื้อเรือดำน้ำแล้วเมื่อหลายปีก่อน

    แต่ท่านบอกว่าเข้าใจถึงปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางงบประมาณของรัฐบาล เพราะหากซื้อใหม่เลย แต่ละลำก็จะไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น กองทัพเรือจึงยอมลดมาตรฐานด้วยการเสนอซื้อของเก่าจากเยอรมนี

    แต่ท่านก็ยังจะต้องตอบคำถามของชาวบ้านอย่างพวกเราว่า "ความจำเป็น" ที่จะต้องมีกองเรือดำน้ำนั้นคืออะไร และคำนิยามของ "ความมั่นคง" วันนี้ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อ 60 ปีก่อนที่กองทัพเรือคิดจะมีกองเรือดำน้ำของตนเองไปแล้วอย่างไรหรือไม่

    นี่ยังไม่พูดถึงคำถามบางข้อที่ชาวบ้านอยากรู้ ว่าน้ำในอ่าวไทยลึกพอสำหรับเรือดำน้ำหรือไม่ และความขัดแย้งของเรากับประเทศไหนจะทำให้เกิดความจำเป็นที่เราจะต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยเรา

    ความโปร่งใสและชัดเจนในการอธิบายการใช้เงิน เพื่อซื้อหาอาวุธราคาแพงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งยวด ในภาวะที่บ้านเมืองกำลังเจอกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการเมืองที่ไม่สามารถจะตอบโจทย์ของประชาชนมากมายหลายข้อ

    จะซื้อเรือดำน้ำ กระทรวงกลาโหมต้องไม่ผลุบๆ โผล่ๆ...และต้องตอบคำถามให้ได้ทุกประเด็น

     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 2 เมษายน 2554 07:31
    ฟิทช์ลดเรทติ้งโปรตุเกส 3 ขั้น

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    [​IMG]

    ฟิทช์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือโปรตุเกสอีก เชื่อว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกในเร็วๆ นี้
    ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโปรตุเกส 3 ขั้น อยู่ที่ BBB- ผลจากความวิตกว่า โปรตุเกสที่ประสบปัญหายุ่งยากทางการเงิน อาจจะยังไม่ได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกในอนาคตอันใกล้ หลังจากประกาศเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 5 มิ.ย.

    ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB- เป็นระดับต่ำสุดของอันดับน่าลงทุน
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 เมษายน 2554 14:47
    ภาคเหนือมาเลย์เจอน้ำท่วม

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    กัวลาลัมเปอร์ - รัฐปะลิสของมาเลย์เจอน้ำท่วม คนกว่า 4,000 คนต้องอพยพ
    โฆษกสำนักงานบรรเทาอุทกภัยมาเลเซียเผยว่าน้ำท่วมทำให้ชาวบ้าน 4,230 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในรัฐปะลิส ไปอยู่ศูนย์ผู้อพยพ 32 แห่ง
    ทั้งนี้ ฝนที่ตกต่อเนื่องในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทำให้ระบบชลประทานรับไม่ไหว เช่นเดียวกับระดับน้ำในแม่น้ำที่เอ่อล้นฝั่ง อย่างไรก็ตาม ตำรวจกล่าวว่าไม่มีรายงานผู้สูญหายจากเหตุน้ำท่วม

     

แชร์หน้านี้

Loading...