รวมกระทู้ที่ไม่เหมาะสมไม่อ้างที่มาในพระไตรฯภาษาไทยของ frozen flower และอีกหลายชื่อ

ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะ "สัจจะสัญญา" นั่นเอง

 

ในที่สุด เราก็ระลึกได้แล้ว คุณ หนุมาน...

 

ก้อนหินสามก้อน
ขอเชิญเทียบที่ พลังใจ
พันธะสัญาแห่งใจ ว่า............
ใครจะปกป้องสัจจะ

 

เฮ่ออออออ....ไม่น่าหลงเข้าเล้ยยตรู..เจอพวกเหนือมนุษย์อีกแล้ว

 

เมื่อซาตานแปลงเป็นพระเจ้า เราจะแยกแยะได้อย่างไร?

ลูซิเฟอร์เป็นซาตาน แต่มีลักษณะเหมือนพระเจ้ามาก
ทำให้มนุษย์แยกแยะไม่ออก พระเจ้าทรงมีอำนาจมาก
สามารถทำลายลูซิเฟอร์ได้ด้วยพระองค์เอง แต่ก็ทรง
ไม่กระทำ เพื่อใช้ให้ลูซิเฟอร์เป็นเครื่องทดสอบใจคน
ว่าจะศรัทธาท่านหรือศรัทธาซาตานลูซิเฟอร์กันแน่


บทความนี้ ให้ท่านลองพิจารณาดู

 

แล้วเจ้าลูซิเฟอร์มันเป็นตัวยังไงครับ เผื่อเจอจะได้จัดการแทนพระเจ้าเลย

 

พระเจ้าไม่เคยให้ตามการร้องขอ แต่จะทรงให้ด้วยพระวินิจฉัยของพระองค์เอง


พระเจ้าทรงมีพระปัญญาเหนือมนุษย์ทุกรูปนาม และทรงทราบด้วยพระองค์เองว่าจะทรง
ให้สิ่งใด แก่มนุษย์คนใด ไม่มีผิดเพี้ยน และเพื่อไม่ให้มนุษย์หลงโลกมากเกินไป เมื่อคน
ได้เกิดมาบนโลกแล้ว ท่านจึงต้องประทาน "สิ่งเตือนใจ" ให้คนไม่หลงโลก, หลงสุขเกิน
ควร ดังนั้น จึงทรงประทานทั้งสิ่งที่ดีและชั่วอย่างเหมาะสมและพอดีแก่บาปบุญของมนุษย์
ไม่ขาด ไม่เกิน ทว่า เมื่อมนุษย์ได้รับผลกรรมที่ตนก่อแล้ว กลับอ่อนแอ เสียศรัทธาในสิ่งที่
พระเจ้ามอบให้นี้ แทนที่จะยอมรับสิ่งไม่ดี แล้วตื่นเสียจากการหลงโลก แล้วบำเพ็ญธรรม
เพื่อกลับคืนสู่สรวงสวรรค์ ทว่า พวกเขากลับร้องขอ อธิษฐานร้องขอ ให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ช่วยเขา
เปิดช่องให้ "ซาตาน" แทรกเข้ามา ปรากฏ อย่างที่มนุษย์มองไม่เห็น แล้วใช้อิทธิฤทธิ์มอบ
สิ่งต่างๆ ให้ตามแต่การร้องขอของมนุษย์ มนุษย์ตกยาก ไม่ยอมอดทน ไม่พิจารณาตื่นโลก
กลับร้องขอ เพื่อให้ตนได้พ้นไปจากภาวะนั้น เรียกหาภาวะสุขทางโลกเรื่อยไป ซาตานก็ให้
แล้วซาตานก็แลกด้วย "พันธนาการ" ใช้ห่วงโซ่ทิพย์ผูกมัด กระชากจิตวิญญาณมนุษย์ลง
ไปกักขังไว้ใน "นรกมืด" มนุษย์คนนั้นสูญเสียจิตวิญญาณแล้ว ก็ตกเป็นทาสของซาตาน

 

มาได้ทุกรูปแบบ ในร่างมนุษย์ก็มี
เมื่อเธอเห็นเขาแล้ว เธอจะไม่ทำอย่างนั้น
เพราะเธอจะรักและหลงเขามาก ศรัทธาเขา ทันที!

 

แล้วเจ้าลูซิเฟอร์มันมีนิสัยยังไงอ่าครับ

 

ซาตานจะให้ทุกอย่างได้แม้ผิดธรรมชาติ แต่จะแลกเปลี่ยนด้วยพันธนาการ


ซาตานลูซิเฟอร์ ต้องการทาสบริวาร เพราะสิ่งนี้จะทำให้เขาเหมือนพระเจ้ามากยิ่งขึ้น
ยิ่งมีคน "กราบไหว้บูชา" มากๆ เขายิ่งชอบ, สักการะบูชามากๆ เขายิ่งชอบ ซึ่งเขาก็
พร้อมที่จะบันดาลให้มนุษย์ได้ทุกอย่าง อย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นไปได้ ผิดธรรมชาติ
เขาก็ทำได้ ผิดจากศีลธรรม เขาก็ให้ได้ เมื่อให้แล้ว เขาจะเอาจิตวิญญาณคนๆ นั้นไป
คนๆ นั้นจะรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง แสวงหาความเป็นตัวของตัวเอง
ในบางครั้ง (เพราะจิตวิญญาณของตัวเองหายไป) แต่ซาตานจะเอาบริวารในโลกมืดมา
แทรกไว้แทน คอยหลอกหลอนว่า "เธอเป็นแบบนี้ เป็นแบบนั้น ใช่แล้ว นั่นแหละเธอ"
ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติเดิมแท้ เช่น หลอกว่าเราเป็นแบบ J pop หรือ K pop แล้วเราจะมี
ความเท่ห์ ความน่ารัก ฯลฯ ทำให้เราแต่งตัวแตกต่างไปจากเดิม ผิดปกติจากดั้งเดิมเพื่อ
ให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น หรืออีกหลายๆ วิธี เหล่านี้ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าซาตานได้
นำเอาจิตวิญญาณมนุษย์ผู้นั้นไปแล้ว เขาเหล่านี้ดูเปลือกนอกเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก
ชอบแสดงออก, ชอบการแสดง, ชอบเวที, ชอบให้คนมาจับจ้อง และปรารถนาที่จะเป็น
ดารา แต่จะหวั่นไหวต่อสื่อต่างๆ มาก เพราะซาตานใช้สื่อเหล่านั้นในการควบคุมจิตเขา
อนึ่ง มนุษย์คนใด ให้อย่างมีเงื่อนไขหรือการตอบแทน เช่น ให้แล้วทำสัญากับเรา ให้เรา
ต้องเป็นบริวารเขา ในตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ มนุษย์คนนั้นอาจเป็นร่างหนึ่งของซาตาน

 

มีเปลือกนอกงดงามน่าศรัทธา ราวกับพระเจ้า
แต่ชอบผูกมัดพันธนาการคนด้วยวิธีการต่างๆ
มีอุบายแยบยลในการทำให้คนถูกผูกมัดใจ จน
ต้องตกเป็น "บริวารที่ภักดี" ของเขาตลอดไป


พระเจ้าที่แท้จริง จะไม่เคยผูกมัดใครเลย
พระองค์ทรงให้อิสรภาพแก่ทุกจิตวิญญาณ

 

ชาวคริสเตียนจำนวนมาก กำลังหลงบูชาซาตาน


ชาวคริสเตียนจำนวนมาก ไม่เข้าใจคำสอนของพระเยซู
พวกเขาก็ออกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ โดยอาศัยกิเลสของ
คนเป็นเครื่องมือ พวกเขาจะบอกเราว่า "ให้อธิษฐานสิ
แล้วพระเจ้าจะให้ ถ้าเป็นจริง ต้องเชื่อนะ ต้องศรัทธานะ"
นี่แหละ วิถีซาตาน ซึ่งพระเจ้าและพระเยซูไม่เคยทำเช่นนี้
ท่านต่างทำตัวตามธรรมชาติ ช่วยเหลือผู้คนด้วยใจบริสุทธิ์
มีความรักแท้ การให้ที่ไร้การตอบแทน การได้รับที่ไม่ต้อง
ร้องขอ อยู่เสมอ ซึ่งสิ่งนี้เราจะรับรู้ได้ สัมผัสได้ผ่านเทวทูต
หรือมนุษย์ที่นำพาเราไปรู้จักกับพระเจ้าที่แท้จริง ทำให้เรา
ยอมรับเขา เพราะความจริงใจและรักแท้ของเหล่าเทวทูต
นั้น มิใช่เพราะการแลกเปลี่ยน ขอนั่นนี่ ได้แล้ว จึงเชื่อก็
หาไม่ นั่นคือ "ศรัทธาเทียม" เพราะแอบแฝงด้วยการแลก
เปลี่ยน เจือปนด้วยกิเลส ไม่ได้มีความบริสุทธิ์จริงใจเลย

 

เมื่อคริสเตียนที่เข้าใจผิด เผยแพร่ศาสนาอย่างผิดๆ


พระเยซูทรงสอนให้เลิกกราบไหว้บูชาร้องขอนั่นนี่ทั้งหลาย
ทรงสอนให้ "อธิษฐานจิต" คือ "จิตสู่จิตถึงพระเจ้า" แล้วเรา
จะสัมผัสได้ รับรู้ได้ ถึงการมีอยู่ของพระองค์ ทว่า คริสเตียน
ที่อ่อนแอ ถูกซาตานครอบงำนั้น เข้าใจคำว่า "อธิษฐาน" ผิด
ไป เพราะถูกสอนให้ "อธิษฐาน หมายถึง ร้องขอ" ซึ่งผิดไป
มาก (คำว่า "อธิษฐาน" นั้น ไม่ใช่การร้องขอเลย)


ทว่า ชาวคริสเตียนที่อ่อนแอมากมาย ก็ใช้วิธีนี้เผยแพร่ศาสนา

 

พระเยซูทรงกระทำตามพระเจ้า
มิได้กระทำตามซาตาน ดังนั้น
พระองค์จึงมิได้พยายามสร้าง
ศรัทธา ไม่มีกุศโลบายใดให้คน
มาศรัทธาเลย ทั้งยังทรงกระทำ
ตรงกันข้าม เพื่อทดสอบใจคน


เมื่อใดคนมีใจไปทางหนึ่ง
ซาตานก็เข้าแทรกทันที

 

"การชำระบาป และ การกำเนิดใหม่" คือ อะไร?

เมื่อท่านได้ศึกษาพระคริสตธรรม จะพบคำว่า
"การชำระบาป" และ "การกำเนิดใหม่" ทว่า
สองคำนี้ หมายความว่าอย่างไร?

 

การชำระบาป หมายถึง การรับวิบากกรรมด้วยน้ำทิพย์สลายจิตวิญญาณ


เมื่อมนุษย์ทำบาป หลงทาง ถูกซาตานครอบงำ และมีจิตวิญญาณในโลกมืดแทรกอยู่
พระเจ้าจะทรงส่ง "พระบุตร" ของพระองค์ในรูปแบบต่างๆ ลงมาช่วยชำระบาปให้ เช่น
รูปแบบ อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ทรงแจกันน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อใช้น้ำมนต์ในแจกันนั้น
ชำระล้างบาป เมื่อเทลงมาแล้ว จะส่งผลให้จิตวิญญาณมืดนั้น สลายไป แล้วเกิดใหม่
เป็น "กุมาร" เมื่อจิตวิญญาณดวงนั้น ย่อมรับน้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ จนจิตวิญญาณสลาย
แล้ว นับว่า "รับวิบากกรรมหมดแล้ว" คือ รับกรรมหมดด้วยการยอมจิตวิญญาณสลาย
จึงหมดจากวิบากกรรมนั้น นี่เรียกว่า "ล้างบาป" ไม่ใช่ทำให้บาปหมดไปเฉยๆ แต่หมด
ไปด้วยการ "ยอมรับความผิดบาป" ซึ่งผู้รับน้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ มักน้ำตาไหล สำนึกผิด
เหมือนคนที่จิตวิญญาณสลาย เสียใจ แล้วจึงจะเริ่มต้นเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ในที่สุด


ด้วยวิธีนี้ จิตวิญญาณมืด จึงหลุดพ้น (เพราะตายแล้วเกิดใหม่ เป็นกุมาร) และอยู่ใน
สภาพที่พร้อมรับธรรมจากพระพุทธศาสนาได้ ในลำดับต่อไป

 

การเกิดใหม่ ด้วยการสลายจิตวิญญาณ เพื่อให้สังขารยังบำเพ็ญธรรมต่อได้


เพราะมนุษย์ถูกจิตวิญญาณมืดแทรกเข้าไปแล้ว หากใช้วิธีอื่นๆ เช่น พระขรรค์หรือ
อาวุธทิพย์แทงทำลาย จิตวิญญาณที่ซ้อนกันอยู่ในร่างนั้น จะได้รับผลกระทบทั้งคู่
ดังนี้ การใช้ "น้ำมนต์ศักดิสิทธิ์ชำระล้าง" จึงช่วยให้จิตวิญญาณดวงใน ไม่ได้รับ
ผลกระทบ กระทบเพียงเปลือกนอก หรือจิตวิญญาณมืดที่แทรกร่างอยู่เท่านั้น ก็จะ
ช่วยให้จิตวิญญาณดวงนั้นได้ "เกิดใหม่ในสังขารเดิมนั้น" คือ "โอปปะปาติกะ"


นี่คือ การเกิดใหม่ ซึ่งจะเห็นภาพปริศนาธรรมเป็นรูปคนโผล่ออกจากโลง นั่นเอง
(ไม่ใช่ให้เอาคนตายฝังดินแล้วคนตายเหล่านั้นจะลุกขึ้นมาจากโลงใหม่ ก็หาไม่)

 

น้ำศักดิสิทธิ์ ในแจกันทิพย์ของพระอวโลกิเตศวร มีอิทธิฤทธิ์ต่างกัน


อวโลกิเตศวรบางพระองค์ บำเพ็ญบารมีแตกต่างกันไป ส่งผลให้เมื่อได้บารมี
เป็น "แจกันทิพย์" แล้ว น้ำในแจกันทิพย์นั้นมีคุณสมบัติ, อิทธิฤทธิ์แตกต่างกัน
เช่น บางองค์ใช้แจกันทิพย์ควบคุมธาตุน้ำบนโลกให้พอดี, บางองค์ใช้ชุบชีวิต
บางองค์ใช้ชำระบาป, บางองค์ใช้เสริมพลังธาตุน้ำภายใน ฯลฯ แตกต่างกันไป
ตามวิธี, รูปแบบของการบำเพ็ญบารมีนั้นๆ ดังนี้ ใช่ว่าอวโลกิเตศวรทรงแจกัน
ทิพย์ทุกองค์จะสามารถ "ชำระบาป" ให้แก่มนุษย์ได้ ต้องเฉพาะท่านที่บำเพ็ญ
มาทางการชำระของเสีย, ของดำ, ความสกปรก ฯลฯ ให้สะอาดจริงๆ จึงทำได้

 

lucifer = god
god = lucifer

 

เมื่อ "ร้อนกลายเป็นหนาว" ขาวกลายเป็นดำ-ต่ำกลายเป็นสูง

เมื่อโลกมืดมน คนหลงทิศผิดทาง
ตามืดบอดมองเห็นผิดเป็นชอบ



โลกก็กลับตาลปัตร ร้อนกลายเป็นหนาว