คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด บุรีรัมย์

    [​IMG]
    ประวัติหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
    วัดบ้านกรวด เป็นวัดเก่าแก่ประจำ อำเภอ บ้านกรวด ตั้งขึ้นในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี มีอายุนับถึง ปัจจุบันไม่น้อยกว่า 120 ปี ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เมษายน พุทธศักราช 2469 มีประพุทธรูปศิลา อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นประธานในพระอุโบสถ มีเจ้าอาวาสครอง วัดติดต่อกันมานับถึงปัจจุบันรวม 4 รูปด้วยกัน เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือ พระครูวิบูลย์ปัญญาวัฒน์ หรือ หลวงปู่ผาด ฐิติปัญโญ .ซึ่งได้บวชเรียนมาตั้งแต่อายุได้ 22 ปี เป็นต้นมานับถึงปัจจุบัน 97 ปี นับพรรษา ได้ 76 พรรษา เมื่อครั้งอดีตสมัยท่านเป็นพระหนุ่มๆ ท่านได้ออกจาริกแสวงบุญไปยังที่ต่างๆ เพื่อศึกษาหาความรู้ทั้งทางพระเวทย์ วิชาแพทย์แผนโบราณต่างๆ ตามความเชื่อ และความนิยมของชาวพื้นบ้าน ในสมัยนั้น ได้ไปศึกษาเล่าเรียนเวทวิทยาอาคมที่จังหวัดอุดรมีชัย ถึง 3 ปี (ในสมัยนั้น จังหวัดอุดรมีชัย ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ) จากนั้นท่านได้จาริกไปศึกษาหาความรู้จากครูบาอาจารย์ต่างๆ แทบจะทุกภาคของไทยและประเทศใกล้เคียง เคยธุดงค์ไปศึกษาวิชาอาคมที่นครวัต ที่ประเทศเขมร เป็นเวลา 8 ปี จนมีความรู้เจนจบในไสยเวททุกแขนง แตกฉานในวิปัสสนากรรมฐาน อย่างแจ่มแจ้ง ต่อมาเมื่อท่านมีอายุมากขึ้น ท่านได้รับถวายที่ดินจากชาวบ้าน จากนั้นท่านก็ได้บูรณะจากพื้นดินที่ว่างเปล่า จนเป็น “วัดตาอี” ให้เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน สืบต่อมา หลวงปู่หริ่ง เจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด ได้มรณภาพลง ชาวอำเภอบ้านกรวด จึงได้นิมนต์ หลวงปู่ผาด มาเป็นเจ้าอาวาส แต่หลวงปู่ได้ปฏิเสธการเป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านกรวด มาโดยตลอด แต่ในที่สุดท่านก็ทนแรงศรัทธาของญาติโยมไม่ไหว จึงต้องยอมรับ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านกรวด และดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบันในที่สุด หลวงปู่ผาด ท่านได้พัฒนา วัดสาขาของท่านถึง 4 แห่ง ก็คือ วัดตาอี,วัดบ้านปราสาท,วัดบ้านบึงเก่า และวัดบ้านกรวด เป็นรูปเป็นร่างมาจน ถึงปัจจุบันนี้ หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระที่รักสันโดษ ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ ท่านได้ปฏิเสธ ในการสร้าง วัตถุมงคล มาโดยตลอด แต่บรรดาศิษยานุศิษย์ได้รบเร้า หลวงปู่ว่า มีผู้เลื่อมใสศรัธา ในตัวหลวงปู่ ประสงค์อยากจะได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ผาดไว้บูชา เพื่อเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินชีวิต หลวงปู่ท่านก็เลยอนุญาต ให้จัดสร้าง วัตถุมงคล ที่ออกมาภายใต้ชื่อ หลวงปู่ผาด จึงออกมาน้อยมาก ดังนั้นคนที่มีอยู่ต่างหวงแหน ไม่ค่อยหลุดออกมาให้เห็นกัน ทำให้วัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ของท่าน หายากขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยหลวงปู่ท่านเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเนื้อนาบุญของพุทธศาสนา โดยแท้ ทุกลมหายใจเข้าออกท่านกำหนดจิตด้วยกรรมฐานมีสติอยู่เสมอ วัตถุมงคล ที่ผ่านการอธิฐานจิตจากท่านจึงทรงความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งบุญญาฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ ดุจมีแก้วสารพัดนึก ใครมีโอกาส ได้ครอบครอง ขอให้เก็บไว้บูชาดีๆ เพราะท่านเคยพูดกับศิษย์บ่อยๆ ว่า “อีกหน่อยพระของเราจะเป็นเพชร” จากอมตะวาจาของหลวงปู่อนาคตจึงไม่ต้องพูดถึง เพราะต่างทราบกันดีว่า หลวงปู่ท่าน “วาจาสิทธิ์” เป็นยิ่งนัก เอาเป็นว่าอนาคตอันใกล้คงต้องได้เห็นอย่างแน่นอน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอนานเหมือนอดีต “ของดี”มีประการณ์ ประเดี๋ยวก็มีคนถามหากันเอง! หลวงปู่ผาด ท่านเป็นพระแท้ที่กราบไหว้ได้สนิทใจสมกับ “พุทธบุตร” โดยแท้ ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพระภิกษุอย่างหลวงปู่ผาดไม่ควรจะเป็นของอำเภอบ้านกรวดเพี
    ยงอย่างเดียวควรเป็นของพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป เปรียบดังช้างเผือกในป่า น่าจะมาเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง จึงจะถูกต้อง สมกับพระบารมีของท่านเป็นอย่างยิ่ง กิตติคุณความเป็นผู้ทรงวิทยาพุทธาคม แม้แต่ “นักบุญแห่งภาคอีสาน” จ้าวตำรับ “กูมึง” ขนานแท้ (แม้แต่พระองค์อื่นจะใช้บ้างก็ไม่น่าพิสมัยเท่าท่าน) ยังกล่าว ยกย่องเชิดชูกับคณะศรัทธาบุญจากอำเภอบ้านกรวด ที่ได้เดินทางไปกราบนมัสการท่านที่วัด เมื่อท่านสอบถามรู้ความว่าเดินทางมาจากอำเภอบ้านกรวด ท่านถึงกับออกปากพูดว่า “มึงจะมากราบมาเอาของกูทำไม มึงไปไหว้หลวงพ่อใหญ่วัดบ้านกรวดโน่นของท่านศักดิ์สิทธิ์กว่าของกูตั้งเยอะพวกมึงไม่
    จำเป็นต้องมาใช้ของกูเลยของดีอยู่กับท่านยังไม่รู้ค่าอีก” สำหรับประโยคคำพูดจากปากยอดพระเกจิอาจารย์ที่ประชาชนเคารพกราบไหว้ทั้งประเทศคงยืนยั
    น คุณวิเศษ ในองค์หลวงปู่ผาดได้อย่างดี เป็นแน่แท้พระระดับนี้ท่านยังเทิดทูนอภิวาทหลวงปู่ผาด แล้วเราๆท่านๆจะลังเลอยู่ไยล่ะครับ

    พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ เป็นพระเครื่องชุดสำคัญอีกชุดหนึ่ง ที่ได้ผ่านการอธิฐานจิตแผ่พุทธคุณจาก หลวงปู่ผาด ท่านได้มอบพระชุดนี้ทั้งหมดให้วัดบ้านบึงเก่านำไปบูรณะวัด และวัดบ้านบึงเก่าเป็นวัด 1 ใน 4 วัดที่หลวงปู่ผาดดูแล และรับผิดชอบอยู่ ซึ่งมีพระอธิการชวน ชาครธัมโม เป็นเจ้าอาวาส และเป็นศิษย์เอกที่หลวงปู่ผาดไว้วางใจรูปหนึ่ง เมื่อความที่หลวงปู่ผาด ท่านเขียนวันปบงสังขารของท่านไว้ล่วงหน้าแล้วพับเก็บไว้ใต้หมอน บังเอิญพระที่ทำความสะอาดกุฏิหลวงปู่ผาดไปพบเข้า “ความแตก” ชาวบ้านร้องห่มร้องไห้กันระงม ขอให้หลวงปู่ผาดท่านอย่าด่วนละสังขาร ขอให้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานต่ออีกเถอะ หลวงปู่ผาด ท่านก็รับปากบอกว่าจะอยู่ให้อีกระยะหนึ่ง ครั้งนั้นก็ได้ พระอธิการชวน เป็นกำลังสำคัญในการทำพิธีสืบชะตาของหลวงปู่ผาด สำหรับพระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณเป็นพระเครื่องที่จัดสร้างเป็นครั้งแรกในรูปแบบองค์ สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่หลวงปู่ผาด อธิฐานจิตบรรจุเวทวิทยาคม เป็นปางแรกของพระพุทธองค์เมื่อตรัสรู อนุตตรโพธิญาณ พระพุทธองค์ท่านได้ยกมือพนมทำความเคารพ โลกุตระธรรม ที่ท่านพบจนสำเร็จเป็นมหาศาสดาเอก ซ้ายขวาเป็นพระอินทร์กับพระพรหม ที่เสด็จลงมาอนุโมทนาสรรเสริญ พระอินทร์เป่าสังข์ก้องกังวานไปทั่วอนันตจักรวาลทั้ง 3 ภพ ให้รับรู้ว่าบัดนี้ ได้มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นแล้ว บันดาลให้เกิดเหตุมหัศจรรย์บังเกิดขึ้น เกิดแผ่นดินไหวทั่วปฐพี เสียงกึกก้องกัมปนาท ลมพายุพัดแรงเสียงอื้ออึ้งสะท้านไปทั่วพิภพ สัตว์น้อยใหญ่ในป่าพนาไพรทั้งหลายที่เป็นศัตรูต่อกันก็พลันกลับกลายเป็นมิตรชิดเชื้อ
    สนิทสนม มีจิตเมตตาไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เหล่าวิหกนานาชนิดต่างโผผินบินลอยละล่องเริงร่า ดาดาษกลาดเกลื่อนเป็นฝูงๆ เต็มท้องฟ้า ต่างบินวนเวียนเป็นทักษิณาวัตร เป็นรัศมีวงกลม แสดงอาการว่าได้ถวายบังคม พระบรมศาสดา ขณะนั้นพระวรกาย ก็บังเกิดฉัพพรรณรังสี 6 ประการ เปล่งประกายแผ่ขยายจากพระวรกายเป็นสายรุ้งมีรัศมีแผ่กว้างสว่างไสวไปทั่วทั้ง 3 โลก ต้นไม้น้อยใหญ่ ในป่าพงไพรก็ผลิดอกออกผลนอกฤดูกาล เบ่งบานเต็มต้น ทุกกิ่งก้าน ชูช่อสวยงามตะการตาเป็นยิ่งนัก เหล่าทวยเทพทั้งปวงในหมื่นโลกธาตุจักรวาล เปล่งปลั่งสำเนียงไพเราะอวยพรถวายพระพรชัย พร้อมโปรยปรายดอกไม้มณฑาทิพย์จากสรวงสรรค์ตกลงมาเต็มปริมณฑลท่วมท้นถึงรัตนะบัลลังก์
    เป็นเหตุมหัศจรรย์ครั้งยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์ เป็นการเฉลิมฉลองแห่งการตรัสรู้แห่งพระพุทธรัตนะมหาอนันตชิน ปางนี้จึงเป็นปางสำคัญอีกปางหนึ่งของพระพุทธองค์ที่เราควรมีไว้อภิวาท เป็นปางสำเร็จเลื่อนจากมนุษย์สู่มหาศาสดา อิทธิคุณในพระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ น่าจะดีทางชัยชนะในกิจทั้งปวง ศรตรูเป็นมิตร เป็นที่เคารพรักใคร่ของมนุษย์ อมนุษย์และเทพเทวา ทำกิจอันใดก็เจริญรุ่งเรื่อง ฯลฯ ก่อนที่ พระอธิการชวน จะมอบพระชุดนี้ออกมาให้ประชาสัมพันธ์ หลวงปู่ผาด บอกท่านว่า “พระยอดขุนพล” นี้ มีเทวดารักษาทุกองค์ ให้บูชาดีๆ สวดมนต์ถวายทุกคืนได้ยิ่งดี เพราะเทวดาท่านโปรดการสวดมนต์ และให้สังเกตความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ท่านบอกมาอย่างนั้นจะจริงเท็จประการใด ผู้บูชาเท่านั้นที่รู้ กรรมวิธิปลุกเสก หลวงปู่ผาด ท่านอธิฐานบรรจุคุณพระ ในกุฏิของท่านเงียบๆ เพียงองค์เดียว หรือที่วงการพระเรียกว่า เสกแบบบินเดี่ยว เป็นเวลานานถึง 7 สัปดาห์ ว่ากันว่าเต็มที่อย่างจุใจ ไม่ต้องมารีบเสกรีบขายเหมือนหลายสำนักที่ทำกัน ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นของจริง สามารถพึ่งพิงได้อย่างอบอุ่นใจ ปลุกเสกแบบพระป่าบ้านนอกไม่มีปะรำ พิธี พิธีบรรจุพุทธคุณของหลวงปู่ผาด จึงต้องใช้กุฏิเป็นปะรำพิธีแทน และมีเพียงธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยเท่านั้น วัตถุมงคลที่ผ่านการอธิฐานแผ่พุทธคุณจากท่าน จะแรงและดีขนาดไหน ต้องลองไปถามชาวอำเภอบ้านกรวดดูได้ เพราะพวกเขามีโอกาส ใช้พระหลวงปู่ผาด ก่อนเราๆท่านๆ ความศักดิ์สิทธิ์ของวัตถุมงคลต่างๆใช่ว่าพระสวยพิธียิ่งใหญ่อลังการแต่อย่างใด ที่สำคัญคือ ตัวผู้เสกต่างหากว่าท่านเก่งจริงไหม? หลวงปู่ผาดท่านเป็นประเภทคมในฝัก หรือ ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ท่านเป็นพระบริสุทธิ์ น่าเคารพนับถือ เป็นครูบาอาจารย์ยิ่งนัก ขนาดท่านรู้วันปลงสังขารของตนเองล่วงหน้า “จะมีกี่รูปในแผ่นดินนี้” พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ เกิดขึ้นจากมวลสารผงอิทธิเจ,ผงปัทมัง,ไม้โพธิ์นิพพานวันอังคาร ใบโพธิ์นิพพานหงายทิศตะวันออก 108 วัด,ว่าน 108 ,เกสร 108 ,ใบลานเผา,อิฐดอกจันทร์ค่ายบางระจัน,แร่ธาตุต่างๆ อีกมากมาย พระแม่ธรณีหน้าวิหารอาจารย์คง วัดแค,ศิลายอดปราสาท,ผงตะไบเกศพระพุทธรูปโบราณ ,ผงตะไบดาบโบราณ,ผงพระแตกหัก เทวรูปชำรุดต่างๆ,ว่านสบู่เลือด,ไพรดำ,เพชรหลีก ฯลฯ ด้วยความวิริยะอุสาหะของ พระอธิการชวน และบรรดาศิษย์ ที่ได้รวบรวม มวลสารต่างๆ มาจากทั่วสารทิศ ผงจากครูบาอาจารย์ทั่วประเทศ เพื่อนำมาทำวัตถุมงคล “พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ” ครั้งนี้โดยเฉพาะ “ดีทั้งนอก ดีทั้งใน” พูดได้เต็มปาก ไม่ได้คิดหลอกให้ท่านกราบไหว้"ปูน” กัน ขนาดมีข่าวรำลือกันว่า คืนแรกที่ หลวงปู่ผาด ปลุกเสก พระยอดขุนพลปฐมโพธิญาณ มีชาวบ้าน ฝันว่า....เห็นพระอินทร์ พระพรหม เทพเทวดา นางฟ้า รัศมีสว่างไสวมากันเต็มวัด พร้อมยังมีนักรบโบราณทรงช้าง ทรงม้ากรีฑาทัพเข้ามากันกันในวัดอย่างเป็นระเบียบ สง่าน่าเกรงข่ามสวยงามยิ่งนัก ทุกคนใส่ชุดสีแดง อาวุธครบมือ ตนจึงเข้าไปถามว่า...มาวัดกันทำไม นักรบในชุดแดงบอกว่า ... จะมาช่วยหลวงปู่ผาด ทำพระอนุโมทนาบุญร่วมกับท่าน ถ้าท่านมีโอกาสก็อย่าลืมแวะไปกราบท่าน ผมมั่นใจว่าจะหาพระเก่งๆแบบนี้ยาก ผมกล้ายืนยันว่าท่านไม่เป็นสองลองใครในอีสานใต้

    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลอย่างสูง และเวปไซท์
    www.ittipatihan.com
    เหรียญรุ่นสรางกุฎิของท่านครับ

    ส่งEMS 50 ครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2012
  2. SIR2010

    SIR2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,953
    ค่าพลัง:
    +5,649
    หลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี
    เหรียญที่ 1 ขอจองครับ
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ ปทุมธานี

    เหรียญหลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ ปทุมธานี ท่านเป็นศฺษย์หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์

    ลองหาอ่านประวัติท่านดูครับ

    ให้บูชา 100 บาทคาจัดส่ง EMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ นครสวรรค์

    เหรียญหลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ นครสวรรค์ ลองหาอ่านประวัติท่านดูก่อนครับ

    มีหลายท่านลงไว้ท่านธุดงมาอยู่ประเทศไทยหลายสิบปีจนกระทั่งมรณภาพ

    มีลูกศิษย์ลูกหามากกมาย

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อทองอยุ่ วัดใหม่นองพระองค์ สมุทรสาคร

    หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง

    หลวงพ่อทองอยู่ หรือ พระครูสุตาธิการี อดีตเจ้าอาวาส วัดใหม่หนองพระอง จ.สมุทรสาคร ท่านเป็นพระเถระ พระเกจิอาจารย์ยุคเก่า ที่แก่กล้าด้วยอาคม ท่านเกิดในตระกูล “สิงหเสนี” ซึ่งเป็นตระกูลทหารชาตินักรบ อุปสมบทเมื่ออายุประมาณ ๓๐ ปี ที่วัดใหม่หนองพะอง ครั้นพอพรรษาแรก จิตใจรู้สึกสงบ และทราบซึ้งในรสพระธรรม จึงได้อุปสมบทตลอดเรื่อยมา

    ในสมัยที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านได้ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรกว่า ๓๐ ปี ไปในที่ทุรกันดารต่าง ๆ ที่ใดที่มีพระอาจารย์เก่งกล้าทางคาถาอาคม หรือ เก่งทางด้านปฏิบัติธรรม ก็จะไปฝากตัวเป็นศิษย์ เพื่อขอศึกษาวิชาความรู้ต่าง ๆ โดยหลวงพ่อทองอยู่นี้ ในสมัยที่ท่านยังหนุ่มอยู่ ท่านจะเดินธุดงค์ไปปฏิบัติธรรมที่ภาคเหนือเป็นประจำทุกปี ซึ่งหลวงพ่อท่านก็มีโอกาสได้กราบนมัสการท่าน พระครูบาเจ้าศรีวิชัย ยอดนักบุญแห่งล้านนาไทยอย่างใกล้ชิดด้วย อีกทั้งยังเป็นศิษย์ในกรรมฐานของครูบาศรีวิชัย ซึ่งท่านครูบาศรีวิชัย ได้เคยชักชวน หลวงพ่อทองอยู่ ให้อยู่กับท่านด้วยกัน แต่หลวงพ่อทองอยู่ยังติดภาระที่ต้องดูแลทางวัดอยู่ จึงเดินทางกลับมา ซึ่งครูบาศรีวิชัย ท่านจะถวายปัจจัยสำหรับค่าเดินทางกลับให้อยู่เสมอมิได้ขาด

    มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อทองอยู่ ได้กราบเรียนถามพระครูบาเจ้าศรีวิชัย ว่า ปฏิบัติอย่างไรจึงมีเมตตามีบารมี และมีคนนับถือมากมายขนาดนี้ ซึ่งพระครูบาเจ้าศรีวิไชยก็ได้ตอบแก่หลวงพ่อทองอยู่อย่างเมตตา

    "พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้แหละ ที่เฮาภาวนาเสมอ มิได้ขาด” และ หลวงพ่อทองอยู่ ได้เคยกล่าวถึงท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า

    “ครูบาเจ้าศรีวิชัยนี้ ท่านมีญาณสูงมาก ด้วยเหตุนี้แหละ จึงมีผู้ตั้งอธิกรณ์ ฟ้องท่านว่าเป็นผีบุญ เพราะไปไหน ก็มีคนติดตามไปเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็เดินไปเหนือยอดหญ้า ฝนตกจีวรก็ไม่เปียก ทั้ง ๆ ที่เดินฝ่าฝนไป แต่ สุดท้าย ผู้ที่กล่าวหาท่าน ก็ถูกบาปกรรมตามสนองอย่างน่าสยดสยองที่สุด”

    หลวงพ่อทองอยู่ ท่านได้ขอเรียนวิชาเพิ่มเติมจาก หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ท่านเป็นยอดพระเกจิที่เก่งมาก ๆ ในสมัยก่อน หลวงปู่ทอง วัดราชโยธานี้ ท่านเป็นศิษย์รุ่นน้องของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งมีอาจารย์ร่วมสำนักเดียวกัน คือ หลวงปู่แสง วัดมณีชลขันธ์ จ.ลพบุรี (ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันอีกท่าน คือ หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์) ซึ่งในสมัยนั้นยังมีพระเกจิอาจารย์อีกหลายท่าน ที่มาขอเรียนวิชาเพิ่มเติมจากหลวงปู่ทอง เช่น หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา, หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม สมุทรสงคราม, หลวงปู่จาด วัดบางกะเบา ปราจีนบุรี, หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขันธ์ นครศรีธรรมราช, หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่ออี๋ สัตหีบ ชลบุรี และ หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว จ.สมุทรปราการ

    จะ เห็นว่า ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ที่เอ่ยนามมานี้ ล้วนเก่งกล้าวิทยาคม วัตถุมงคลของท่านเป็นที่นิยมของสะสมพระเครื่องทั้งหลาย ดังนั้น หลวงพ่อทองอยู่ ซึ่งเป็นศิษย์รุ่นน้อง หรือ รุ่นสุดท้ายของหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

    จะยกตัวอย่างพลังจิตของหลวงพ่อทองอยู่เรื่องหนึ่ง ในมูลเหตุที่ท่านได้รับฉายาจากศิษยานุศิษย์ทั้งหลายว่า หลวงพ่อทองอยู่ ดับดาวเดือน เพราะท่านเคยแสดงให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดดู โดยถามว่า เธอต้องการให้ดับดาวดวงไหน ให้ลองชี้มาแล้ว ท่านจะดับให้ดู ครั้นพอลูกศิษย์บอกว่าต้องการดูดวงไหนดับแล้ว ท่านจะบริกรรมคาถาสักครู่ แล้วชี้ไปที่ดาวดวงนั้น ซึ่งแสงดาวก็จะหายวับดับไปในทันที ราวกับปาฏิหารย์ แสดงว่า พลังจิตของท่านสูงส่งมากทีเดียว สามารถเพ่งกระแสจิต แล้วชี้ไปที่ดวงดาว จนแสงดาวที่กระพริบอยู่นั้น ดับวูบลงไปทันที

    ท่านเป็นสหธรรมิก กับ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพฯ โดยเรียนวิชายันต์ตรีนิสิงเห มาจาก หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ สมุทรสาคร มาด้วยกัน งานไหนมีปลุกเสกเครื่องรางของขลัง หรือ วัตถุมงคล ที่นั่นจะมี หลวงปู่โต๊ะกับ หลวงพ่อทองอยู่ ด้วยเสมอ

    วิชาที่สุดยอดของท่านอีกอย่างคือ ลงกระหม่อมด้วยน้ำมันจันทร์หอม ใครได้ลงครบสามครั้ง รับรองได้ว่า ไม่มีตายโหง และไม่อดไม่อยาก เป็นที่รักใคร่ของคนโดยทั่วไป ท่าน เจริญเมตตา จนมีฝูงปลาสวายมาอยู่หน้าวัดเต็มไปหมดเลย ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ ๑ ใน ๔ องค์ ที่หลวงปู่โต๊ะนิมนต์มาในงานครบรอบวันเกิดของท่านทุกปี อีกสามองค์ที่เหลือ องค์แรก คือ หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง กรุงทพฯ องค์ที่สอง หลวงพ่อฮะ วัดดอนไก่ดี สุพรรณบุรี องค์ที่สามเป็น พระจีน (ไม่ทราบชื่อ) สำหรับงานวันเกิดหลวงปู่โต๊ะนั้น จะนิมนต์หลวงปู่หลวงพ่อทั้ง ๔ องค์นี้เป็นประจำ มานั่งสี่มุม ส่วนหลวงปู่โต๊ะท่านจะนั่งที่หน้าพระประธานเป็นองค์ที่ห้า

    คำสั่งเสียของหลวงปู่โต๊ะ ก่อนมรณภาพ

    ในการสร้างพระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พุทโธ ของวัดประดู่ฉิมพลี ในขณะที่หลวงปู่โต๊ะชราภาพมากแล้ว ท่านปรารภกับลูกศิษย์ว่า "หากหมดบุญฉันแล้วให้ไปหาหลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพระองค์ ท่านแทนฉันได้" และท่านยังสั่งลูกศิษย์ใกล้ชิดไว้ว่า หากท่านอยู่ปลุกเสกรุ่นนี้ไม่ทัน ให้นำไปให้หลวงพ่อทองอยู่ปลุกเสกแทน พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ พุทโธ รุ่นนี้ จึงเป็นสุดท้ายของหลวงปู่โต๊ะ ซึ่งทางวัดประดู่ฉิมพลี ได้ประกอบพิธีเททองหล่อภายในวัด เมื่อวันที่ ๑๕ ก.พ. ๒๕๒๔ โดยหลวงปู่เป็นประธานในพิธี และมีเกจิอาจารย์อีก ๙ ท่าน ร่วมนั่งปรกในขณะเททอง

    ในขณะที่พระกริ่งพระชัยวัฒน์ พุทโธ กำลังอยู่ในระหว่างตกแต่ง หลวงปู่โต๊ะก็ได้มรณภาพเสียก่อน ในวันที่ ๕ มี.ค ๒๕๒๔ (แสดงให้เห็นถึงอนาคตังสญาณของหลวงปู่โต๊ะ ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะมรณภาพในปีนั้น) เมื่อตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงพ่อทองอยู่ ได้ปลุกเสกเดี่ยวให้ก่อน ๑ ครั้ง และ ต่อมา เมื่อทางวัดได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ พร้อมกับ รูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงหลวงปู่โต๊ะ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเททองหล่อขึ้น ทางวัดได้นำ พระกริ่ง พระชัยวัฒน์ "พุทโธ" เข้า ร่วมในพิธี โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร เป็นประธาน และ หลวงพ่อทองอยู่นั่งปรกปลุกเสกด้วย จำนวนสร้างพระกริ่ง ๑,๕๐๐ องค์ พระชัยวัฒน์ ๓,๐๐๐ องค์ ทั้ง ๒ พิมพ์ ตอกโค้ด "ต" สำหรับพระชัยวัฒน์นั้นใต้ฐานอุดด้วยเทียนชัย และเส้นเกศาของหลวงปู่โต๊ะไว้ด้วย

    สองเกจิร่วมสมัย ร่วมกันโปรดวิญญาณในคลองภาษีเจริญ

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี ๒๕๐๐ กว่า ๆ เป็นเหตุการณ์ที่พระอริยะเจ้าสองรูป ได้โปรดวิญญาณ ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน อยู่ในคลองภาษีเจริญ บริเวณประตูน้ำหน้าวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ พระอริยะเจ้าสองรูปนั้น องค์แรกท่าน คือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี องค์ที่สอง คือ หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่หนองพะอง เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจาก บริเวณหน้าวัดปากน้ำภาษีเจริญในขณะนั้น มีคนตกน้ำตายเป็นประจำ ชาวบ้านต้องตกอยู่ในความกลัวตลอด มีลูกศิษย์ไปเล่าเรื่องให้หลวงปู่ทั้งสองท่านฟัง ท่านจึงได้เดินทางมาโปรดวิญญาณทั้งหลาย ที่ต้องทนทุกข์อยู่ในน้ำนั้น โดยมี หลวงพ่อทองอยู่ เดินโปรยข้าวตรอกดอกไม้ และ หลวงปู่โต๊ะนั่งสมาธิอยู่ที่ริมคลองบริเวณประตูน้ำ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้น ผู้สูงอายุในขณะนี้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้น ต่างทราบเหตุการณ์นี้ดี

    วัตถุ มงคลที่สร้างในสมัยที่หลวงพ่อทองอยู่ ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเทียบกับพระเกจิอาจารย์อื่น ๆ ที่ร่วมสมัยเดียวกัน อย่างเช่น หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงปู่สุด วัดกาหลง, หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง, หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ฯลฯ แล้ว ถือว่า น้อยมาก และมีเพียงไม่กี่แบบ เท่าที่ทราบมี เหรียญรุ่นแรก สร้างปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จากนั้นก็มีเหรียญรุ่นต่าง ๆ อีกเพียงไม่กี่รุ่น, พระกริ่งสุตาธิการี, พระกริ่งตั๊กแตน ฯลฯ เนื่องจากท่านเป็นศิษย์สายวัดสุทัศน์ เคยอยู่วัดสุทัศน์มาก่อน พระกริ่งของท่านจึงได้รับความนิยมอย่างมาก ใช้แทนพระกริ่งวัดสุทัศน์ได้เลย นอกนั้นก็เป็นพวก พระปิดตา, ล็อกเก็ต, ภาพถ่าย, ท้าวเวสสุวัณ (ขนาดบูชา) ฯลฯ เป็นต้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของข้อมูลและที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเก่าสภาพผ่านการบูชาผิวกะไหล่ลอกบ้างปี2512 42ปีล่วงมาแล้วครับ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อล้อม วัดป่าเมตตาธรรม 101

    เหรียญรุ่น1หลวงพ่อล้อม วัดป่าเมตตาธรรม 101ศิษย์หลวงปู่ทองมา ถวโร

    ทางภาคอีสานท่านเป็นที่รู้จักและเป็นที่พึ่งของลูกศิษย์ลูกหามากมายมีเมตตา

    สูงครับเหรียญรุ่นนี้รุ่นแรกสวยรมดำเต็มๆเดิมๆเลยครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,971
    ค่าพลัง:
    +5,386
    เหรียญเก่าสภาพผ่านการบูชาผิวกะไหล่ลอกบ้างปี2512 42ปีล่วงมาแล้วครับ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]
    ขอจองครับ
     
  8. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,971
    ค่าพลัง:
    +5,386
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    <!-- google_ad_section_start -->เหรียญหลวงพ่อสมควร วัดถือน้ำ นครสวรรค์ ลองหาอ่านประวัติท่านดูก่อนครับ

    มีหลายท่านลงไว้ท่านธุดงมาอยู่ประเทศไทยหลายสิบปีจนกระทั่งมรณภาพ

    มีลูกศิษย์ลูกหามากกมาย

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]
    ขอจองครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่มั่น ทัตโต อุบลราชธานี

    [​IMG]


    เหรียญหลวงปู่มั่น ทัตโต สภาพสวยเดิมๆ ลองหาอ่านประวัติท่านดูครับสำหรับ

    ท่านที่ชอบของขลังสมัยก่อนผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนับถือท่านมากครับ

    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]
    [​IMG]

    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext id=modified_617 vAlign=bottom>



    </TD><TD class=smalltext vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาโม

    [​IMG]

    ถ้าหากเปรียบท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต องค์ท่านคือแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพธรรม(ฝ่ายธรรมยุตภาคอีสาน) ฉะนั้นแล้ว พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ก็เปรียบดั่งขุนพลใหญ่แห่งกองทัพธรรม

    พระญาณวิศิษฏ์ สมิทธิวิจารย์หรือท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาละ จ.นครราชสีมา นับเป็นศิษย์รุ่นแรกๆ และสำคัญมากๆ องค์หนึ่งของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมมัฎฐานเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความไว้วางใจจากพระอาจารย์มั่นมากๆ ให้ดูแลหมู่คณะ

    จนได้รับสมญานามว่า**ขุนพลใหญ่แห่งกองทัพธรรม** โดยได้สั่งสอนลูกศิษย์ และคอยควบคุมดูแลศิษย์ในการประพฤติปฎิบัติทำสามธิ และเดินจงกลมเพียงแต่ท่านนั่งทำสมาธิท่านก็สามารถล่วงรู้ได้ว่า พระเณรองค์ไหนปฎิบัติอย่างไรบ้าง

    สามารถรายงานให้ท่านพระอาจารย์ มั่นทราบได้ทุกองค์ จนเป็นที่เคารพยำเกรงแก่ศิษย์ทุกองค์ จนไม่กล้าประพฤติการกระทำอันในสิ่งที่ผิด เพราะเกรงท่านอาจารย์สิงห์จะล่วงรู้

    ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายที่ ตามธุดงค์อยู่ในป่าในเขาฝึกบำเพ็ญเพียรกับท่านอาทิ ท่านอาจารย์ฝั้น,หลวงปู่อ่อน,หลวงปู่คำดี,หลวงปู่ขาว ฯลฯ และท่านก็ถือว่าเป็นอาจารย์ใหญ่องค์หนึ่งในหมู่ลูกศิษย์รองจากท่านพระ อาจารย์มั่น

    ท่านพระอาจารย์สิงห์ในช่วงชีวิตของท่านไม่ได้สร้าง วัตถุมงคลออกมาสักเท่าไรนักจะมาสร้างในยุคบั้นปลายชีวิตของทันครับ (ท่านมรณะปี 2504)

    ยันต์แบบนี้เป็นยันต์เฉพาะตัวของพระอาจารย์สิงห์ ท่านเรียกยันต์นี้ว่า ยันต์นะหมอมหาวิเศษ (ยันต์นกคุ้ม) เป็นยันต์ที่ปรากฏในนิมิตของพระอาจารย์สิงห์ มีอานุภาพมากเป็นยันต์ที่คุ้มครอง ป้องกันภัย และแคล้วคลาดเมตตา อื่นๆ ที่มีอนุภาพครอบจักวาล

    เหรียญย้อนยุคครับสภาพสวยเดิมๆรมดำเต็ม

    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2011
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่อุ่น อุตฺตโม วัดอุดมรัตนาราม สกลนคร

    [​IMG]

    ศิษย์กรรมฐานครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่น

    ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่ผ่าน ปัญญาปทีโป สกลนคร อัฐิธาตุท่านก็เป็นพระ

    ธาตุเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ผ่านลูกศิษย์ท่านหลายหมื่นครับ แต่เหรียญรุ่นแรก

    หลวงปู่อุ่น หลักร้อย เหรียญรุ่นแรกของท่านครับสภาพกะไหล่ผิวเปิด...แต่ยัง

    ชัดเจน

    ให้บูชา บาทครับค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มีนาคม 2011
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ประวัติหลวงปู่สอ พันธุโลวัดป่าบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>ประวัติหลวงปู่สอ พันธุโล


    ชีวประวัติ และปฏิปทาของหลวงปู่สอ พันธุโล ( พระครูภาวนากิจโกศล ) วัดป่าบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร

    [​IMG]






    ชาติภูมิ
    หลวงปู่สอ พันธุโล นามสกุล ขันเงิน ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 8 ปีระกา ตรงกับวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอลุมพุก ( คำเขื่อนแก้ว ) จังหวัดอุบลราชธานี ( ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร ) บิดาชื่อนายตา ขันเงิน มารดาชื่อนางขอ ขันเงิน มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน 2 คน เป็นชายทั้งหมด คนแรกคือ หลวงปู่สอ พันธุโล คนที่สองคือ นายหมอ ขันเงิน ปัจจุบันอยู่ที่บ้านเดื่อ อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย หลวงปู่สอ พันธุโล สมัยที่ท่านเป็นฆราวาสนั้นเป็นคนที่ชอบสนุกสนาน ร่าเริง เข้ากับหมู่คณะได้ทุกคน ขณะเดียวกันก็ยังเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีความสามารถในการกล่าวกลอนสด ( ผญา ) ของคนอีสาน เป็นที่ชอบใจของผู้ฟังทำให้คนแปลกใจว่าทำไรหลวงปู่ จึงมีความสามารถมากเช่นนั้นจริงๆ ที่หลวงปู่สอ เรียนจบเพียงชั้น ป.3 แต่ถึงท่านจะชอบสนุกสนานรื่นเริง นิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งของท่านที่มีอยู่โดยตลอด คือ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียรซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งที่ส่งผลให้การทำความเพียรของท่านในภายหลังจากอุปสมบทแล้วมีความเด็ดเดียวมั่นคงและเจริญก้าวหน้าไปโดยลำดับ​



    ครองฆราวาสวิสัย
    เมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตฆราวาสอยู่นั้น เมื่ออายุได้ประมาณ 20 ปีเศษ หลวงปู่ได้แต่งงานกับนางบับ ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวบ้านเดียวกันนั่นเอง หลังจากแต่งงานมีครอบครัวแล้วความรับผิดชอบทุกอย่างก็ตกอยู่กับท่าน เพราะท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวจะต้องตื่นแต่เช้าขยันทำการงาน หนักเอาเบาสู้โดยหวังจะให้ภรรยา และลูกๆ มีความสุข บางครั้งต้องเดินทางรอนแรมไปต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว หลายครั้งเมื่อกลับมาถึงบ้านก็มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับภรรยาบ้าง ตามประสาของฆราวาสเหมือนลิ้นกับฟันที่ต้องกระทบกันอยู่ทุกวัน
    ในช่วงมีครอบครัวนี้ ท่านมีบุตร 3 คน ดังนี้คือ​



    1. นางอ่าง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
    2. เป็นผู้ชาย ( ไม่ทราบนาม ) ปัจจุบันได้เสียชีวิตแล้ว
    3. นางนาง ขันเงิน ปัจจุบันอยู่บ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร​



    สาเหตุแห่งการออกบวช
    ความคิดครั้งแรกก่อนแต่งงานท่านคิดว่าชีวิตจะมีความสุขมีความราบรื่น แต่สุดท้ายก็คิดได้ตามหลักสัจจะธรรม ว่าการมีครอบครัวเป็นการทำให้หมดอิสรภาพแทบทุกอย่าง ต้องแบกภาระมากมายจิตใจก็หมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องของฆราวาสวิสัยในกิจการงานจนไม่มีเวลาเป็นของตนเอง ชีวิตมีแต่ความทรมานเร่าร้อนเหมือนนั่งอยู่บนกองไฟ ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฆราวาสโดยทั่วไปมากนัก นอกจากผู้มีบุญบารมีเก่าที่เคยสั่งสมมาในอดีตชาติเท่านั้น หลวงปู่ได้ตัดสินใจบอกความประสงค์ของท่านต่อภรรยาว่าท่านปรารถนาจะออกบวช เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายต่อการครองเรือนแต่ภรรยาของท่านก็ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอยู่ในระหว่างการสร้างเนื้อสร้างตัว และลูกก็เล็กอยู่ หลวงปู่ไม่ละความพยายามเมื่อมีโอกาสก็ขออนุญาตออกบวชอยู่เสมอ จนภรรยาของท่านต้องยินยอมแต่มีข้อแม้ว่าต้องออกบวชเพียง 15 วันเท่านั้น
    การบวชครั้งแรก
    ในปี พ.ศ.2496 ขณะอายุของหลวงปู่ได้ 32 ปี ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ เป็นครั้งแรก ณ พัทธสีมา วัดสร่างโศรก ( วัดศรีธรรมาราม ) ตำบลในเมือง อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระครูปลัดบุญสิงห์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆ์รักษ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาสาย เป็นอนุสาวนจารย์ ได้รับฉายาว่า พันธุโล หลวงปู่สอ พันธุโล ได้เล่าว่าท่านมีความสุขใจ และมีความพอใจมากที่ได้บวชสมความตั้งใจ ทำให้มีความปลอดโปร่ง เหมือนบุคคลที่เป็นโรคแล้วหายจากโรค เหมือนบุคคลที่ถูกขุมขังแล้วหลุดพ้นจากที่คุม ขังจิตใจมีความสงบเยือกเย็น มองเห็นชีวิตแห่งการบวชเป็นทางที่จะแสวงหาความสุขได้อย่างแท้จริง ในการบวชครั้งนี้ หลวงปู่สอ ท่านพยายามที่จะทำตามกำหนดเวลาของภรรยาคือ บวช 15วัน แต่ในขณะที่บวชอยู่นั้นมีความรู้สึกสบายกายสบายจิต คิดว่าจะบวชให้นานที่สุด และท่านก็ได้ขอผัดผ่อนภรรยาเรื่อยมา สุดท้ายเมื่อครบ 15วัน ท่านก็ไม่ได้สึกตามที่ภรรยากำหนดไว้ จึงทำให้ท่านได้อยู่ในเพศพรหมจรรย์ และปฏิบัติธรรมเพื่อความสงบสันติแห่งใจเรื่อยมาถึง 2 พรรษา ในปี พ.ศ.2496 ซึ่งเป็นพรรษาแรก หลวงปู่สอ ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองแสง ตำบลสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ ( ปัจจุบันอยู่วัดป่าบ้านนาคูณ ) เป็นเจ้าอาวาส ท่านได้แนะนำ สั่งสอนข้อวัตรปฏิบัติ ตลอดถึงในการอบรมด้านสมาธิภาวนา​



    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ



    ท่านเป็นศิษย์สายหลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงตามหาบัว มรณภาพแล้วอัฐธิธาตุท่านเป็น​


    พระธาตุครับ​



    </TD></TR></TBODY></TABLE>เหรียญรุ่นแรกของท่านครับ สภาพสวยเดิมๆรุ่นแรก​

    ให้บูชา600 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2011
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระอาจารย์สนั่น รักขิตสีโล วัดสุขเกษมนิราศภัย

    ศิษย์สายหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้วอัฐธิธาตุเป็นพระธาตุ ลองหาอ่านประวัติท่าน

    ก่อนครับ

    เหรียญรุ่นแรกของท่านครับวัดหนองไผ่

    ให้บูชา650บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ[​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2011
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่เครื่อง วัดเทพสิงขาร อุดรธานี..

    ศิษย์สายหลวงปู่มั่น สมเด็จลุนจำปาศักดิ์ ประเทศลาว..

    อายุกาลมากกว่า110 ปี

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่กินรี จันทิโย นครพนม

    ศิษย์สายหลวงปู่มั่นอีกองค์ครับและเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อชา วัดหนอง

    ป่าพงด้วยครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระซุ้มกอ ค่ายอดิศร พระทหารสร้างครับพิธีใหญ่ หลวงพ่อกวย หลวงพ่อชา

    หนองป่าพง หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อ.นำดอนศาลา ลป.โต๊ะ ครูบาวัง

    บ้านเด่น ลพ.ปี๋ ด่านลานหอย ลพ.พรหม วัดช่องแค ลพ.คูณ สุดยอดพิธีครับ

    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    องค์ที่ 1

    [​IMG]



    [​IMG]

    องค์ที่ 2

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เหรียญหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลังหนุมาน เหรียญนี้แถบไม่เคยเห็น

    พระหลวงพ่อแพที่จะออกแนวบู๊ ส่วนมากพระท่านจะทางด้านเมตตามหานิยม

    น่าจะมีรุ่นเดียวที่หลังหนุมานครับ

    เหรียญหลวงพ่อแพหลังหนุมานพร้อมล็อคเก็ตโบราณหน้าหนุ่มสภาพเดิมๆ

    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อทวี อาภัสสโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ อ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี ได้จัดสร้างพระขุนแผนบ้านกร่าง รุ่นปลัดทวี เพื่อให้ประชาชนได้เช่าบูชา เนื่องจากพระกรุรุ่นเก่าหมดแล้ว

    จัดสร้างตั้งแต่เมื่อครั้งที่ หลวงพ่อทวี ยังเป็นรองเจ้าอาวาสวัดบ้านกร่าง เมื่อเดือนห้าปี พ.ศ.2490

    ประกอบพิธีบวงสรวงเทพเจ้า เพื่อเป็นสิริมงคลและความศักดิ์สิทธิ์ที่วิหารวัดบ้านกร่าง

    ครั้ง นั้น ได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์ดังในยุคนั้น เจริญพระพุทธมนต์ พระปริตร บริกรรมนวหรคุณ อาทิ หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี, หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี, หลวงพ่อโต๊ะ วัดลาดตาล จ.สุพรรณบุรี, หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์ จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น

    เมื่อปี พ.ศ.2492 ได้ประกอบพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยใช้อุโบสถวัดบ้านกร่าง มีพระเกจิดังเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก นั่งปรกอธิฐานจิต อาทิ หลวงพ่อนำ วัดดอนศาลา จ.พัทลุง, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ จ.สุพรรณบุรี, หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี เป็นต้น

    เมื่อประกอบพิธีพุทธาภิเษกเสร็จเรียบร้อย ได้บรรจุพระทั้งหมดไว้ในกรุ ที่อุทเทสิกเจดีย์ เปิดกรุเมื่อปี พ.ศ.2511

    สำหรับพระขุนแผน รุ่นปลัดทวี สร้างขึ้น 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว จัดสร้างจำนวนกว่า 3 แสนองค์

    มวลสารที่นำมาสร้างพระขุนแผน รุ่นปลัดทวี ประกอบด้วยมวลสารที่ใช้สร้าง อาทิ ดินก้นกรุ ดิน 7 โป่ง ดินขุยปู 7 ทุ่ง ดินสังเวชนียสถาน 4 ดินกรุพระซุ้มกอกำแพงเพชร พระรอดมหาวันที่แตกหัก ดินก้นกรุพระรอดมหาวัน ลำพูน เป็นต้น

    สำหรับพระขุนแผนบ้านกร่างรุ่นปลัดทวี ด้านหน้า เป็นพระขุนแผนเนื้อดินเผาดิน ลักษณะเนื้อหยาบ เรียกตามสมัยเดิมว่าพระขุนแผนปางมารวิชัยอยู่ในซุ้มเรือนกอแก้ว มีความงดงามทางพุทธศิลป์เป็นอย่างมาก ยังมีคราบกรุเนื้อดินและทรายเม็ดหยาบ โดยรวมพบว่าองค์และซุ้มลอยขึ้นมาเห็นได้ชัดเจน

    ส่วนด้านหลังพระขุนแผน มีรอยขรุขระตามวัสดุที่ใช้รองหลังพิมพ์เสร็จใหม่ ก่อนนำไปเผาแต่ยังมีรอยทรายเม็ดหยาบอยู่บ้าง แต่เนื้อของพระทุกองค์จะมีสีดอกพิกุลแห้ง ถือว่าเป็นคุณลักษณะเด่นของพระรุ่นนี้

    พระขุนแผนรุ่นนี้ เดิมเป็นการทำแจกกับญาติโยม เชื่อกันว่าพระขุนแผนทุกรุ่นทุกพิมพ์มีพุทธคุณเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี


    คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่

    -ขอบพระคุณอย่างมาก
    ที่มาจากหนังสือพิมพ์ : [​IMG]

    ขุนแผนบ้านกร่างพระครูอาภัสศีลคุณ (ปลัดทวี) ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2490 ปลุกเศก ปี 2492
    มวลสารที่ใช้สร้าง
    1.พระเครื่องก้นกรุวัดบ้านกร่าง ที่แตกหัก จำนวน 1 โอ่งมังกรเป็นมวลสารหลัก และดินก้นกรุ
    2.ดิน7โป่ง ดินขุยปู 7 ทุ่ง
    3.ดินสังเวชนียสถาน 4
    4.ดินกรุพระซุ้มกอกำแพงเพชร
    5.พระรอดมหาวันที่แตกหัก และดินก้นกรุพระรอดมหาวัน ลำพูน
    6.ดิน ผงธูป เกษรดอกไม้ จากวัดพระธาตุดอยสุเทพ และวัดอื่น ๆ ทางภาคเหนือ
    7.ผงวิเศษ และผง 108 จากหลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    8.ผงวิเศษจากพระเมธีธรรมสาร (หลวงพ่อไสว) วัดบ้านกร่าง
    9.ผงวิเศษจากหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    10.ดิน ผงธูป เกษรดอกไม้ จากทางภาคอีสาน วัดใน จ. ขอนแก่น พระธาตุช่อแฮ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
    11.พระเนื้อดินจากกรุวัดพระรูป สุพรรณ
    12.ผง ธูป พระร่วงโรจนฤทธิ์ พระปฐมเจดีย์ วัดพระนอนจักรสีห์ สิงห์บุรี พระนอน วัดพระเชตุพนฯ สมเด็จพระศาสดา วัดสุทัศน์ พระอัฏฐารส พิษณุโลก พระเเก้วมรกตในพระบรมมหาราชวัง เจดีย์ภูเขาทองวัดสะเกศ
    13. ดิน ผงธูป เกษรดอกไม้ จากพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์
    14.ดิน 7 วัง วังบางขุนพรม วังบูรพา วังสราญรมย์ วังเทเวศร์ วังสุโขทัย วังจันทร์เกษม และพระบรมมหาราชวัง
    15.ดิน 5 ทัพ ทัพขุนช้าง ทัพขุนแผน ทัพผึ้ง ทัพหมัน ทัพหลวง
    16. ดิน 5 ถ้ำ ถ้ำมหาสนุก สระบุรี ถ้ำกินนร สระบุรี ถ้ำเขาวัง เพชรบุรี ถ้ำจอมพล ราชบุรี ถ้ำเขานกจอด กาญจนบุรี
    17.ดิน 7 สระ สระแก้ว สระคา สระยมนา สระเกษ สระหนองหลวง สระลาดสิงห์ สุพรรณบุรี สระโกษิณารายณ์ กาญจนบุรี
    18 ดิน7 ท่า ท่าช้างวังหน้า ท่าราชวรดิษฐ์ ท่าเสด็จ ท่ามะกา ท่าม่วง ท่านางเริง ท่าวาสุกรี
    19ทราย 7หาด บางแสน พัทยา หัวหิน หาดประจวบ ภูเก็ต เจ้าสำราญ แหลมสิงห์


    เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2490 จึงได้นิมนต์พระอาจารย์ 7 รูปมาทำพิธีปลุกเศก และบวงสรวงขณะกดพิมพ์พระ
    1.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    2.หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
    3.หลวงพ่อโต๊ะ วัดลาดตาล
    4.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    5.หลวงพ่อไสว วัดบ้านกร่าง
    6.หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร
    7.หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ
    โดยจะพิมพ์พระภายในวิหารวัดบ้านกร่าง และจะเผาพระเครื่องเฉพาะ วันเสาร์ ตามตำราโบราณ
    ได้จำนวนพระบ้านกร่างประมาณ 3 แสนกว่าองค์ครับ
    จนถึงปี 2492 จึงได้ทำพิธีพุทธาภิเษกก่อนจะนำไปบรรจุกรุเจดีย์เดิม มีพระอาจารย์มาดังนี้
    1.หลวงพ่อนำ วัดดอนศาลา พัทลุง
    2.หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี
    3.หลวงพ่อเปลื้อง วัดสุวรรณภูมิ
    4.หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    5.หลวงพ่อแขก วัดหัวเขา
    6.หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย
    7.หลวงพ่อโต๊ะ วัดลาดตาล
    8.หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลยก์
    9.หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร
    10.หลวงพ่อไสว วัดบ้านกร่าง
    แล้วจึงนำบรรจุกรุเจดีย์เดิม
    จนปี พ.ศ. 2511 เปิดกรุ
    สมัยจอมพลถนอม กิตติขจรได้มีจดหมายมาขอพระไปแจกทหารสงครามเวียดนาม ได้เปิดกรุครั้งแรก 4000 องค์
    ครั้งที่ 2.สมัยจอมพลประพาส จารุเสถียร ได้ขอไปแจกทหารรุ่นกองพลเสือดำ จำนวน 5000 องค์
    ครั้งที่ 3 ทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 10,060 องค์
    ครั้งที่4 พ.ศ.2513 พ.อ.อำนวย สุรเชษฐ์ ค่ายจิรประวัติ นครสวรรค์ นำไปแจกทหาร 4500 องค์
    ครั้งที่ 5มอบให้ ผบ. พันกองบินยุทธการกำแพงแสน นครปฐม 1500 องค์
    ครั้งที่ 6 ปี 2523แจกทหารชายแดนอรัญญประเทศ 8900 องค์
    ครั้งที่ 7.ปี 2524 งานผูกพัทธสีมาวัดบ้านกร่าง 10000 องค์
    แล้วก็ได้ทยอยเปิดกรุออกมาเพื่อให้ประชาชนร่วมทำบุญ จนถึงปัจจุบัน

    สภาพสวยเดิมพิมพ์พายคู่
    ให้บูชา 1300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  19. monnut39

    monnut39 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +91
    จององค์ที่1ครับ

    จององค์ที่1ครับ โอนแล้วแจ้งครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เหรียญหลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี เหรียญรุ่นที่เท่าไหร่ผมจำไม่ได้

    แต่ว่ารุ่นนี้มีประสบการณ์ท้องที่นิยมนับถือท่านครับ เหรียญรุ่นนี้ออกวัดล่าสุดก็

    299 บาทแล้วครับ .....ท่านใดมีโอกาสมาบูชาวัตถุมงคลท่านที่วัดได้ครับ

    มี2พิมพ์รูปไข่และเสมาอย่างละ2เหรียญ

    ให้บูชาเหรียญละ 350 บาทค่าจัดส่ง EMS 50 บาทครับ

    เหรียญที่ 1(ปิดรายการ)<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->SIR2010<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4472960", true); </SCRIPT>

    เหรียญที่2
    [​IMG]

    [​IMG]


    เหรียญที่3

    [​IMG]
    [​IMG]


    เหรียญที่4

    [​IMG]

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...