เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. Soul Collector

    Soul Collector เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2011
    โพสต์:
    503
    ค่าพลัง:
    +610
    ถ้าเป็นไปตามที่ปู่ลินซีย์วิลเลี่ยมส์บอกในคลิปวีดีโอที่ทำจากดีวีดีสามแผ่นแล้วเค้าบอกว่าจะแพงมากๆๆๆคิดเป็นเงินไทยคงจะเกือบหรือเกินร้อยบาทต่อลิตรกระมังครับ ร้อยห้าสิบถึงสองร้อยดอลต่อถังหรือบาร์เรลไม่แน่ใจ แต่ถ้าคิดเป็นเงินบาทพวกเราน่าจะเจ๊บอั้กแน่ๆ (ความเห็นส่วนตัว)
     
  2. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    อุ้มน้ำมันถูกต้องแล้วครับผม
    แต่ผมติดใจมานาน เรื่องรถยนต์เดี่ยวนี้ CC. เยอะจังโดยเฉพาะดีเซล
    เครื่องยนต์ CC.น้อยๆประเภทไม่เกิน2,000 หาไม่ได้แล้วมั้งครับ
    ย้อนไปเมื่อ 10 ปี กระบะเครื่องยนต์1,600 ยังมีให้เห็น

    ในภาคอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันดีเซลในการผลิต อันนี้ผมเข้าใจ
    แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้คือการจำหน่ายน้ำมันราคาถูก
    ให้กับส่วนที่เกี่ยวข้อง ( เพราะเล่นแร่แปรธาตุกันเยอะ )

    แล้วที่สำคัญถ้าเงินที่ใช้อุ้มราคาน้ำมันหมดเมื่อไหร่
    เวลานั้นลำบากแน่นอนครับ ( คือแบบอาการ Shock ไงครับ ไม่รู้ตัวมาก่อน ก็เลยไม่เตรียมตัว )
    แล้วถ้าสิ้นเดือนเม.ย.54 น้ำมันยังไม่ลงนี่น่ากลัวมากๆครับ
    ไม่ใช่ผลกระทบลูกโซ่ เป็นวงคลื่นเลยครับ
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้าคนร่ำรวยเงินทอง คนมีเงิน คนมีอันจะกิน เห็นแก่ตัว ไม่เผื่อแผ่ให้คนที่ด้อยกว่า
    นายทุนหน้าเลือด พวกเอาแต่ได้ เก็งกำไร กินสินบน เอาเปรียบประเทศชาติ
    กอบโกยสมบัติส่วนกลางเข้าพกเข้าห่อให้กับพวกของตัวเอง
    ข้าราชการเห็นเห็นแก่ตัวไม่ทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชน
    นักการเมืองเอาแต่โกงกิน นายทุนก็เอาเปรียบคนอื่น
    ประเทศชาติก็มีแต่ล่มจม มีแต่หายนะ เพราะคนที่เสียเปรียบมากๆ
    โดนกดขี่ ถูกเอารัดเอาเปรียบทรัพยากรของชาติ พอมีคนเดือดร้อนมากๆ
    มีใครไปเป่าหู ยุแยง ปลุกปั่น มันก็ของขึ้นได้ง่ายๆ เรื่องร้ายๆมันก็จะตามมา
    ถ้าคนมีกับคนไม่มี รู้รักสามัคคี ช่วยเหลือกัน แบ่งกันทรัพยากรอย่างเท่าเทียม
    และเที่ยงธรรม ให้คนส่วนใหญ่พอใจ ไม่เอารัดเอาเปรียบกันจนคนด้อยโอกาสอยู่ไม่ได้
    มันก็จะเกิดความรุนแรงเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็จะสูญเสียกันทุกฝ่าย
    รู้ว่าพูดง่าย แต่ทำได้ยาก ดังนั้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คนที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง
    ก็จะถูกคนอื่นเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว คนที่เห็นแก่ตัวไม่ยอมเปลี่ยน
    แปลงตัวเอง ธรรมชาติเขาก็จะเปลี่ยนให้เอง เป็นไปตามกฏแห่งกรรม มีคนเป่าลูกโป่ง
    เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุดเป่า ซักวันลูกโป่งมันก็แตก แต่ถ้ามีสติได้ทัน แล้วหยุดเป่ามาช่วยกัน
    ปล่อยลมออกมาบ้าง ยอมเสียสละความสุขของตัวเองให้คนอื่นบ้าง ก็จะช่วยเหลือกันได้

    ห้ามโลก ห้ามคนอื่น เปลี่ยนคนอื่น ไม่ได้ อยู่แล้ว มีแต่เปลี่ยนที่ตัวเราเอง
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ถ้าเราฟังไม่ผิดนะ รัฐบาลเขาจะไม่ให้ติดลบนี่นา
    ถ้าเงินหมดหน้าตัก ก็สลบกันไปเลย ใครปรับตัวไม่ได้ ก็คงจะแย่
    ใครฉลาดหน่อย รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ก็เตรียมปรับตัวกันไปก่อน
    ใครไม่ปรับปรุงตัว ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็คงบาดเจ็บไปตามๆกัน
    หรือ ตอนนั้นอาจมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็ได้
    แต่รัฐบาลก็อาจตัดสินใจผิดพลาดก็ได้ เราก็ลุ้นอยู่ว่าให้รัฐบาลตัดสินใจถูก
    ทำถูกเรื่อง ถูกที่ ถูกเวลา คนไทยจะได้บาดเจ็บน้อยๆหน่อย
    น้ำมันดีเซล 30 บาท ก็แพงไม่น้อย ไม่จำเป็นก็คงไม่มีใครอยากจ่าย
    แต่ก็อย่างว่า รัฐบาลบริหารผิดพลาด ก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว
    เราก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็มีแต่หน้าเดิมๆ ข้าราชการเดิมๆ นักการเมืองเดิมๆ
    พวกประท้วงก็หน้าเดิมๆ พูดแล้วก็เป็นเรื่องเศร้าของพวกเรา
    มันเข้ายุค ทุกขเวทนาครั้งใหญ่ หลีกเลี่ยงได้ยาก ต้องหาทางรอดกันเอง
    พึ่งรัฐบาลก็ไม่ไหว พึ่งตัวเองยังมีหวังกว่า ดูสถานการณ์แล้วก็เครียดเนอะ
     
  5. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394

    ใช่ครับคุณk.kwan รัฐจะไม่ให้ติดลบครับ
    รัฐบาลชุดนี้ผมคิดว่าก็ไม่ได้ขี้เหล่ ( ไม่ได้เข้าข้างนะครับ )
    ส่วนวิกฤติน้ำมันปาล์ม จริงๆแล้วมันเริ่มส่งสัญญาณตั้งแต่ตุลาคม53แล้วครับ ( ถ้าจำไม่ผิด )
    ไม่ใช่อยู่ดีๆมาแล้วก็มีปัญหา
    ส่วนข้าวของที่แพงขึ้น , เงินเฟ้อ มาจากปัจจัยภายนอกเป็นส่วนใหญ่ครับ
    ถ้าคนที่ติดตามข่าวอยู่บ้างผมคิดว่าไม่มีใครโทษรัฐบาล

    >> ผมมาทำให้คุณk.kwan เครียดหรือเปล่าครับนี่ ^_^"
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ไม่มีใครทำให้เราเครียดหรอก มีแต่เราทำตัวเราเองให้เครียด เนาะ
    คุยกับคุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Nat_usp<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4432310", true); </SCRIPT> ก็เหมือนได้ระบายความในใจเหมือนกัน
    เป็นคนไทยเดี๋ยวนี้ หาคนคุยด้วยได้ยากทุกที แตกแยกทางความคิด
    โดนครอบงำแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย น่ากลัวจะตาย มีแต่คนรักชาติ แต่
    ไม่ค่อยมีคนรักตัวเองนะ คนที่รักชาติก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ถ้าได้ผู้นำดี
    ทำเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ คนในชาติก็จะได้เจอผลลัพธ์ที่ดีไปด้วย
    แต่ถ้ารักชาติแบบหน้ามืดตามัว รักชาติเหมือนกันแต่ความคิดต่างกัน
    แล้วฟาดฟันกันเองด้วยความรักชาติ มันจะกลายเป็นทำร้ายชาติด้วยความไม่รู้ไป

    ส่วนคนที่เขาลำบากจนชินก็มีภูมิต้านทานความลำบากอยู่ตามสภาพ
    ส่วนพวกเราๆอยู่แต่สบายไม่เคยอดนี่สิ จะทนลำบากได้ซักแค่ไหนยังไม่รู้เลย
    จะว่าไปนี่เราก็เก่งแต่ปากนะ ถึงเวลาลำบากแล้วไม่รู้จะยังมีสติอยู่ได้นานซักแค่ไหน

    บ่นเป็นคนแก่เลยเนอะ ก็ว่ากันตามกรรม ใครรู้ทันกรรมก็หนีให้ทันกรรมไปก่อนละกัน
    รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ยังไงอยู่เมืองไทยก็ยังดีกว่าอยู่ที่อื่น คนไทยมีน้ำใจให้กันอยู่แล้ว
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    Terror threats rising as FEMA orders $1 Billion in dehydrated food

    Terror threats appear to be on the rise as FEMA has rushed a $1 Billion order of dehydrated food in the event of attacks on domestic targets in the US.

    อเมริกากลัวภัยคุกคาม สั่งอาหารแห้งกักตุน มูลค่า 1 พันล้านเหรียญ

    จากการสังเกต จะเห็นว่ามีผู้ผลิตอาหารแห้งรายใหญ่ในประเทศ ได้ลดการส่งอาหารให้ลูกค้ารายย่อย เพื่อผลิตอาหารส่ง FEMA เป็นมูลค่าถึงหนึ่งพันล้านดอลล่าร์

    หนึ่งในผู้ผลิตอาหารแห้ง รายใหญ่ของประเทศ ได้ตัดยอดส่งไปยังลูกค้าต่างๆ ถึง 99% ไม่ใช่เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่ะเป็นพราะว่าเค้าไม่สามารถผลิตให้กับลูกค้าได้พอ
    ทำไมหล่ะ เพราะว่า ทุกอย่างในโรงงานต้องเอาไปผลิตให้กับออร์เดอร์ใหญ่ของรัฐบาล

    แล้วพวกเรารู้ได้อย่างไร เมื่อต้นเดือนนี้ FEMA (The Federal Emergency Management Agency) ได้สั่งให้มีการซื้ออาหารแห้งไว้ หรือ ย่อยว่า (Request for Proposal หรือ REP คือ อาหารที่มีเพียงพอใน 10 วัน สำหรับ 14 ล้านคน) นั่นคือ 420 ล้านมื้อ ทำไมอยู่ดีๆ ก็มาเพิ่มเป็น 420 ล้านมื้อหล่ะ เหมือนราวกับว่าเค้าตุนอาหารคล้ายๆ กับวันของ เรือโนอาห์ ใช่ไหม?


    ชาวบ้านคิดว่าคงเกี่ยวข้องกับการทหาร หรือจะมีการก่อการร้าย
    และได้ออกมาบอกถึงว่าน่าจะมีการระวังตัวเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพื้นดินในอนาคตอันใกล้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น ผู้ชุมนุม น้ำมันราคาสูง ดอลล่าร์ราคาตก อาหารขาดแคลน และพวกวิกฤตพวกนี้น่าจะเกิดขึ้นจากภายในประเทศหรือนอกประเทศได้ทั้งนั้น


    This is also coming on the heels of one of the largest terror drills performed by the US Navy on American soil, as Operation Solid Curtain is taking place this week.

    In an article Tuesday from the Beaufort Observer, many of the largest suppliers of dehydrated foods in the country are dropping their distributors and customers to dedicate their resources to supplying a billion dollar FEMA request and purchase.

    One of the nation's largest suppliers of dehydrated food has cut loose 99% of their dealers and distributors. And it's not because of the poor economy.
    It's because this particular industry leader can no longer supply their regular distribution channels.


    Why not? Because they're using every bit of manufacturing capacity they have to fulfill massive new government contracts. Look, the government has always been a customer of the industry to some extent. But according to our sources, this latest development doesn't represent simply a change of vendor on the government's part. It's a whole new magnitude of business.
    And that's not all.


    Apparently, even though they've cut off their regular consumer markets, the industry leader I've just mentioned still can't produce enough survival food to meet the government's vast requirements.

    How do we know? Earlier this month, FEMA (the Federal Emergency Management Agency) put out a Request for Proposal, or RFP, for even more dehydrated food. The RFP called for a 10-day supply of meals - for 14 million people. That's 420 million meals. Typically, FEMA maintains a stockpile of about 6 million meals. Why the sudden need to increase the stockpile by 420 million more? (And that's in addition to whatever our aforementioned industry leader is supplying.) It almost seems like they're trying to stock a modern day "Noah's Ark," doesn't it?

    Single functions or events such as FEMA requesting a purchase of survival food might not stand out as peculiar when it is their responsibility to ensure they are mission ready for unforseen events in the US, but couple this with other pieces of the puzzle, such as the Navy drill of Solid Curtain, which is intended for:
    ...nationwide "drill" involving all military, and it's a drill based on a severe terrorist attack.
    and the public had best be aware of something major potentially occurring on our soil in the near future. Global events across the world such as the revolutions and protests, the rising spike in oil, the falling dollar, food shortages, and unrest in Wisconsin and Ohio, are bringing us to the point where crisis may take place, whether from domestic or foreign sources.


    Terror alerts have been raised by FEMA in the past month, and this new special order of dehydrated food, at the magnitude of $1 Billion dollars in taxpayer money, should be a call for everyone to prepare on your own for any potential crisis.
    หน่วยงานรับมือภัยฉุกเฉินสหรัฐสั่งอาหารแห้งมูลค่าหนี่งพันล้านดอล์ล่าร์
    • [​IMG]
    • djmoder
    สหรัฐเตรียมสั่งอาหารแห้งจำนวนมากถึงหนึ่งพันล้านเหรียญเตรียมรับมือกรณีฉุกเฉิน เกี่ยวกับก่อการร้าย? หรือภัยพิบัติ?
    Terror threats rising as FEMA orders $1 Billion in dehydrated food - National Finance Examiner | Examiner.com


    เครดิตคุณ Falkman http://palungjit.org/threads/รายงาน...หตุการณ์ปัจจุบันและภัยธรรมชาติ.275082/page-11
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตูนิเซียยังไม่จบ ประท้วงตายสาม รักษาการณ์นายกฯ ลาออก

    February 28, 2011

    ถึงแม้ชาวตูนิเซียจะสามารถขับไล่ประธานาธิบดี ben Ali ออกนอกประเทศไปได้ แต่ดูเหมือนว่า “ความสงบ” จะยังไม่กลับสู่ตูนิเซียง่ายๆ
    รัฐบาลรักษาการณ์ของตูนิเซียนำโดยประธานาธิบดี Fouad Mebazaa ซึ่งแต่งตั้งนาย Mohamed Ghannouchi อดีตนายกรัฐมนตรีในสมัยของ ben Ali เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์ แต่ก็ได้รับเสียงต่อต้านจากประชาชน เพราะไม่ต้องการให้นักการเมืองที่มีส่วนร่วมกับ “ยุคสมัยก่อน” เข้ามาปกครองประเทศตูนิเซีย ส่งผลให้ประชาชนออกมาประท้วงอีกครั้ง และมีผู้เสียชีวิตอีก 3 คนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
    Mohamed Ghannouchi ได้ประกาศลาออกผ่านแถลงการณ์ทางโทรทัศน์ และประธานาธิบดี Mebazaa ได้แต่งตั้ง Beji Caid Essebsi อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการณ์แทน
    รัฐบาลชั่วคราวนี้จะดูแลประเทศไปจนถึงการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคม
    ที่มา – LA Times

    ตูนิเซียยังไม่จบ ประท้วงตายสาม รักษาการณ์นายกฯ ลาออก | Siam Intelligence Unit
     
  9. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    [​IMG]


    ขออนุญาตคั่นรายการครับ



    พระราชดำรัสที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง




    <O:p</O:p
    “...เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาของเศรษฐกิจ การที่ต้องใช้รถไถต้องไปซื้อ<O:p</O:p
    เราต้องใช้ต้องหาเงินมาสำหรับซื้อน้ำมันสำหรับรถไถเวลารถไถเก่า<O:p</O:p
    เราต้องยิ่งซ่อมแซม แต่เวลาใช้นั้นเราก็ต้องป้อนน้ำมันให้เป็นอาหาร<O:p</O:p
    เสร็จแล้วมันคายควัน ควันเราสูดเข้าไปแล้วก็ปวดหัวส่วนควายเวลาเราใช้<O:p</O:p
    เราก็ต้องป้อนอาหาร ต้องให้หญ้าให้อาหารมันกิน แต่ว่ามันคายออกมา<O:p</O:p
    ที่มันคายออกมาก็เป็นปุ๋ย แล้วก็ใช้ได้สำหรับให้ที่ดินของเราไม่เสีย...
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระราชดำรัส เนื่องในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ <O:p</O:p


    **************************************


    “...เราไม่เป็นประเทศร่ำรวย เรามีพอสมควร พออยู่ได้แต่ไม่เป็นประเทศ<O:p</O:p
    ที่ก้าวหน้าอย่างมาก เราไม่อยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมากเพราะถ้าเรา<O:p</O:p
    เป็นประเทศก้าวหน้าอย่างมากก็จะมีแต่ถอยกลับประเทศเหล่านั้นที่เป็นประเทศ<O:p</O:p
    อุตสาหกรรมก้าวหน้าจะมีแต่ถอยหลังและถอยหลังอย่างน่ากลัว แต่ถ้าเรา<O:p</O:p
    มีการบริหารแบบเรียกว่าแบบคนจนแบบที่ไม่ติดกับตำรามากเกินไป <O:p</O:p
    ทำอย่างมีสามัคคีนี่แหละคือเมตตากันจะอยู่ได้ตลอดไป...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔ <O:p</O:p


    **************************************


    “...ตามปกติคนเราชอบดูสถานการณ์ในทางดี ที่เขาเรียกว่าเล็งผลเลิศ<O:p</O:p
    ก็เห็นว่าประเทศไทย เรานี่ก้าวหน้าดี การเงินการอุตสาหกรรมการค้าดี มีกำไร<O:p</O:p
    อีกทางหนึ่งก็ต้องบอกว่าเรากำลังเสื่อมลงไปส่วนใหญ่ ทฤษฎีว่า ถ้ามีเงินเท่านั้นๆ<O:p</O:p
    มีการกู้เท่านั้นๆ หมายความว่าเศรษฐกิจก้าวหน้าแล้วก็ประเทศก็เจริญมีหวังว่า<O:p</O:p
    จะเป็นมหาอำนาจ ขอโทษเลยต้องเตือนเขาว่า จริงตัวเลขดีแต่ว่าถ้าเรา<O:p</O:p
    ไม่ระมัดระวังในความต้องการพื้นฐานของประชาชนนั้นไม่มีทาง...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๖<O:p</O:p


    **************************************


    “...
    เดี๋ยวนี้ประเทศไทยก็ยังอยู่ดีพอสมควร ใช้คำว่า พอสมควรเพราะ<O:p</O:p
    เดี๋ยวมีคนเห็นว่ามีคนจน คนเดือดร้อน จำนวนมากพอสมควร แต่ใช้คำว่า <O:p</O:p
    พอสมควรนี้หมายความว่าตามอัตตภาพ...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙


    **************************************


    “...
    ที่เป็นห่วงนั้น เพราะแม้ในเวลา ๒ ปีที่เป็นปีกาญจนาภิเษกก็ได้เห็น<O:p</O:p
    สิ่งที่ทำให้เห็นได้ว่า ประชาชนยังมีความเดือดร้อนมากและมีสิ่งที่ควรจะแก้ไข<O:p</O:p
    และดำเนินการต่อไปทุกด้าน มีภัยจากธรรมชาติกระหน่ำภัยธรรมชาตินี้เราคงสามารถ<O:p</O:p
    ที่จะบรรเทาได้หรือแก้ไขได้ เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาพอใช้มีภัยที่มาจากจิตใจของคน <O:p</O:p
    ซึ่งก็แก้ไขได้เหมือนกัน แต่ว่ายากกว่าภัยธรรมชาติธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งนอกกายเรา <O:p</O:p
    แต่นิสัยใจคอของคนเป็นสิ่งที่อยู่ข้างในอันนี้ก็เป็นข้อหนึ่งที่อยากให้จัดการ<O:p</O:p
    ให้มีความเรียบร้อย แต่ก็ไม่หมดหวัง...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙ <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    การจะเป็นเสือนั้นไม่สำคัญสำคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน <O:p</O:p
    แบบพอมีพอกินนั้น หมายความว่าอุ้มชูตัวเองได้ ให้มีพอเพียงกับตนเอง<O:p</O:p
    ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัวเอง<O:p</O:p
    จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอจะต้อง<O:p</O:p
    มีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างผลิตได้มากกว่าความต้องการก็ขายได้<O:p</O:p
    แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๙. <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    เมื่อปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถึงว่า เราควรปฏิบัติให้พอมีพอกินพอมีพอกินนี้ก็แปลว่า <O:p</O:p
    เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง ถ้าแต่ละคนมีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ยิ่งถ้าทั้งประเทศพอมีพอกิน<O:p</O:p
    ก็ยิ่งดี และประเทศไทยเวลานั้นก็เริ่มจะเป็นไม่พอมีพอกินบางคนก็มีมาก บางคนก็ไม่มีเลย...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    พอเพียง มีความหมายกว้างขวางยิ่งกว่านี้อีก คือคำว่าพอก็พอเพียงนี้ก็พอแค่นั้นเอง <O:p</O:p
    คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อยเมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย <O:p</O:p
    ถ้าประเทศใดมีความคิดอันนี้มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า
    พอประมาณ ซื่อตรง ไม่โลภอย่างมากคนเราก็อยู่เป็นสุข พอเพียงนี้อาจจะมี
    มีมากอาจจะมีของหรูหราก็ได้แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น...
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑ <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    ไฟดับถ้ามีความจำเป็น หากมีเศรษฐกิจพอเพียงแบบไม่เต็มที่เรามีเครื่องปั่นไฟ<O:p</O:p
    ก็ใช้ปั่นไฟ หรือถ้าขั้นโบราณกว่า มืดก็จุดเทียนคือมีทางที่จะแก้ปัญหาเสมอ ฉะนั้น<O:p</O:p
    เศรษฐกิจพอเพียงก็มีเป็นขั้นๆแต่จะบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้ให้พอเพียงเฉพาะตัวเอง<O:p</O:p
    ร้อยเปอร์เซ็นต์นี่เป็นสิ่งทำไม่ได้ จะต้องมีการแลกเปลี่ยนต้องมีการช่วยกัน
    ถ้ามีการช่วยกัน แลกเปลี่ยนกัน ก็ไม่ใช่พอเพียงแล้วแต่ว่าพอเพียง
    ในทฤษฎีในหลวงนี้ คือให้สามารถที่จะดำเนินงานได้...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    โครงการต่างๆ หรือเศรษฐกิจที่ใหญ่ต้องมีความสอดคล้องกันดีที่ไม่ใช่เหมือนทฤษฎีใหม่ <O:p</O:p
    ที่ใช้ที่ดินเพียง ๑๕ ไร่และสามารถที่จะปลูกข้าวพอกิน กิจการนี้ใหญ่กว่า แต่ก็เป็น<O:p</O:p
    เศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกันคนไม่เข้าใจว่ากิจการใหญ่ๆ เหมือนสร้างเขื่อนป่าสัก<O:p</O:p
    ก็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกันเขานึกว่าเป็นเศรษฐกิจสมัยใหม่ เป็นเศรษฐกิจ<O:p</O:p
    ที่ห่างไกลจากเศรษฐกิจพอเพียงแต่ที่จริงแล้ว เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกัน...”<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระราชดำรัส เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา <O:p</O:p
    ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๒ <O:p</O:p


    **************************************


    “...
    ฉันพูดเศรษฐกิจพอเพียงความหมายคือทำอะไรให้เหมาะสมกับฐานะของตัวเอง <O:p</O:p
    คือทำจากรายได้ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ขึ้นไปเป็นสองหมื่นสามหมื่นบาท คนชอบเอาคำพูดของฉัน<O:p</O:p
    เศรษฐกิจพอเพียงไปพูดกันเลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียงคือทำเป็น Self-Sufficiency <O:p</O:p
    มันไม่ใช่ความหมายไม่ใช่แบบที่ฉันคิด ที่ฉันคิดคือเป็น Self-Sufficiency of Economy เช่น
    ถ้าเขาต้องการดูทีวี ก็ควรให้เขามีดูไม่ใช่ไปจำกัดเขาไม่ให้ซื้อทีวีดู เขาต้องการดูเพื่อความสนุกสนาน
    ในหมู่บ้านไกลๆที่ฉันไป เขามีทีวีดูแต่ใช้แบตเตอรี่ เขาไม่มีไฟฟ้า แต่ถ้า
    Sufficiency นั้นมีทีวีเขาฟุ่มเฟือย เปรียบเสมือนคนไม่มีสตางค์ไปตัดสูทใส่
    และยังใส่เนคไทเวอร์ซาเช่อันนี้ก็เกินไป...” <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล <O:p</O:p
    ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔<O:p</O:p


    **************************************



    คัดลอกมาบางส่วน
    อ่านเพิ่มได้ที
    http://www.chaipat.or.th/chaipat/content/porpeing/porpeing.html#porpeing3<O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เนต<O:p</O:p
     
  10. มรรคโกวิโท

    มรรคโกวิโท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +8
    ที่มาของคำว่า **เซ็งเป็ด ** กาลครั้งหนึ่งไม่นานมาก มีสัตว์สามตัวเป็นเพื่อนสนิทกัน ไก่ นก เป็ด ชวนกันไปดื่มยามคำ่คืนในผับย่านรัชดา สัตว์ทั้งสามต่างสนุกสนานเมามายกับความบันเทืงในยืนนั้น และแล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงตี 2 ไฟสว่างก็เปิดขึ้น ผับปิด สัตว์ทั้งสามตัวจึงยืนตะลึงว่าปิดแล้วเหรอ ไก่ จึงถามเพื่อนสนิททั้งสองของตนว่า จะไปต่อกันไหม นก จึงตอบไก่ไปว่า ***จิ๊ปๆ*** แล้ว*เป็ด*จึงตอบไก่ไปว่า***กับ กับ*** นกกับไก่ เลยพูดว่า****เซ็งเป็ด*** นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า**เซ็งเป็ด**ครับ
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหตุความไม่สงบลิเบียดันราคาทองคำพุ่งทำนิวไฮ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 05:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ทองคำทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่แตะ 1,432.57 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันอังคาร(1) หลังมีความกังวลอย่างกว้างขวางว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงอาจเติมเชื้อเงินเฟ้อและกัดเซาะการเติบโตทางเศรษฐกิจ

    ราคาทองคำในตลาดลอนดอน พุ่งพรวดกว่า 13 ดอลลาร์จากราคาปิดเมื่อวันจันทร์(28) ผ่านสถิติ 1,431.25 ดอลลาร์ อันเป็นระดับสูงสุดตลอดกาลครั้งก่อนในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก่อนขยับลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 1,430.50 ณ เวลา 20.35 จีเอ็มที

    ขณะที่ราคาทองคำในตลาดนิวยอร์ก ปิดที่ 1,431.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน

    ทั้งนี้ทองคำขยับขึ้นตามราคาน้ำมันจากปัจจัยความไม่สงบในลิเบีย และหลังจาก เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯเตือนว่าราคาน้ำมันทึ่สูงขึ้นเรื่อยๆอาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาและจุดชนวนภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับอันตราย

    Around the World - Manager Online -
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เหตุวุ่นวายโลกอาหรับทำน้ำมันพุ่ง-หุ้นมะกันปิดลบแรง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 05:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    เอเอฟพี - น้ำมันพุ่งแรงเมื่อวันอังคาร(1) จากความตึงเครียดทางการเมืองที่ลุกลามไปทั่วโลกอาหรับและมีรายงานว่าอิหร่านปราบปรามผู้ประท้วงฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดลบแรง หลังประธานเฟดชี้ราคาพลังงานระดับสูงอาจกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอเมริกา

    สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 2.66 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 3.62 ดอลลาร์ ปิดที่ 115.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ฟิล ฟีนน์ นักวิเคราะห์จากพีเอฟจี เบสต์ รีเสิร์ช ระบุว่า "เวลานี้มีความกังวลต่อเหตุเสียงเรียกร้องก่อจลาจลในคูเวต ส่วนโอมาน ก็อยู่ในความเสี่ยง ขณะที่สถานการณ์ในลิเบีย ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลงง่ายๆ"

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(1) ปิดลบอย่างแรง หลัง เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารอเมริกา เตือนว่าราคาน้ำมันระดับสูงอาจจุดชนวนภาวะเงินเฟ้อและกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ

    ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 168.32 จุด (1.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,058.02 จุด แนสแดค ลดลง 44.86 จุด (1.61 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,737.41 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 20.89 จุด (1.57 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,306.33 จุด

    Around the World - Manager Online -
     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บังกลาเทศบีบคั้น‘ยูนุส’ผู้บุกเบิก‘ธนาคารคนจน’จนได้‘โนเบล’
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 04:09 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    โมฮัมหมัด ยูนุส ผู้ก่อตั้งสถาบันการเงินเพื่อคนจน

    เอเอฟพี - ทางการบังกลาเทศเดินหมากกดดันหนักเมื่อวันจันทร์(28ก.พ.) เพื่อบีบบังคับให้ มูฮัมหมัด ยูนุส ต้องออกจากธนาคารแห่งที่เขาใช้บุกเบิกสร้างผลงานด้านสินเชื่อรายย่อยเพื่อคนยากคนจน จนกระทั่งได้รับรางวัลโนเบล โดยแบงก์ชาติบังกลาเทศยืนยันว่า ยูนุสซึ่งปัจจุบันอายุ 70 ปีถึงวัยที่ต้องปลดเกษียณแล้ว


    ขณะที่บรรดาผู้สนับสนุนยูนุส เป็นต้นว่า อดีตประธานาธิบดีไอร์แลนด์ แมรี โรบินสัน ระบุว่า ในบังกลาเทศมีผู้ที่พยายามรณรงค์โจมตีผู้ชนะรางวัลโนเบลผู้นี้อย่างเป็นกระบวนการด้วยเหตุผลทางการเมือง นับตั้งแต่ที่ยูนุสเกิดไม่กินเส้นกับนายกรัฐมนตรี เช็ก ฮาซินา เมื่อปี 2007

    ธนาคารชาติซึ่งมีชื่อเป็นทางการว่า บังกลาเทศ แบงก์ ได้ส่งหนังสือแจ้งกระทรวงการคลังว่า ยูนุสซึ่งได้รางวัลโนเบลในปี 2006 จากผลงานสร้าง “ธนาคารคนจน” ที่ปล่อยสินเชื่อจำนวนไม่มากแก่ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีฐานะยากจนนั้น ควรที่จะถูกถอดออกจากธนาคารกรามีน (Grameen Bank) ที่เขาเป็นคนก่อตั้ง

    “ในหนังสือฉบับนี้ ธนาคารชาติระบุว่าศาสตราจารย์โมฮัมหมัด ยูนุส กำลังดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารกรามีนอย่างชนิดไม่มีกำหนดเวลา ซึ่งเป็นสื่งที่ผิดกฎหมาย” มูซัมเมล ฮัก ประธานกรามีน แบงก์คนปัจจุบัน และก็เป็นฝ่ายที่คัดค้านวิพากษ์วิจารณ์ยูนุส แถลง

    ส่วน จันนัต-อี-ควอนิเน โฆษกของธนาคารกรามีน กลับออกมาปฏิเสธว่าหนังสือดังกล่าวไม่ได้เสนอแนะว่ายูนุสควรจะลาออกไป โดยเป็นหนังสือที่ “เจ้าหน้าที่ของบังกลาเทศ แบงก์ คนหนึ่ง แสดงความคิดเห็นอันเกี่ยวเนื่องกับวาระการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของศาสตราจารย์ยูนุส”

    “ไม่ได้มีคำชี้แนะให้ศาสตราจารย์ยูนุสยุติการปฏิบัติหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการแต่อย่างไร รวมทั้งไม่ได้ข้อเสนอแนะใดๆ ให้ปลดเขาออกจากตำแหน่งนี้ด้วย” โฆษกหญิงผู้นี้กล่าว

    ทว่า ฮัก ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารของธนาคารกรามีนในปลายปีที่แล้ว ยืนยันว่าหนังสือดังกล่าวพูดชัดเจนว่า การที่ยูนุสดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทางธนาคารในเวลานี้ “เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและถือเป็นโมฆะ”

    “ในหนังสือฉบับนั้น ซึ่งผมมีสำเนาอยู่ฉบับหนึ่งด้วย ทางธนาคารชาติพูดว่า เขาไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคารกรามีนได้อีกต่อไป เพราะวัยเกษียณอายุที่ธนาคารกำหนดไว้คือ 60 ปี” เขาบอก

    ฮักกล่าวด้วยว่า ระหว่างการประชุมคณะกรรมการบริหารของธนาคารเมื่อวันจันทร์(28ก.พ.) ซึ่งยูนุสอยู่ด้วยนั้น ได้มีการอ่านหนังสือฉบับนี้ให้รับทราบกันแล้ว และมาถึงตอนนี้ทางคณะกรรมการบริหาร “จะมีปฏิบัติการที่จำเป็นในการประชุมคราวหน้า”

    ประธานกรามีน แบงก์คนใหม่ผู้นี้ เคยทำงานอยู่ใต้ยูนุสมาหลายสิบปี และเกษียณอายุออกไปจากธนาคารแห่งนี้เมื่อปี 2003 อย่างไรก็ดี เขาเป็นผู้ที่แสดงท่าทีคัดค้านวิพากษ์วิจารณ์ยูนุส และการที่เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร แม้มีการคัดค้านไม่เห็นด้วยกันมาก ก็ถูกมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวของรัฐบาลที่จะบ่อนทำลายสถาบันการเงินที่เป็นผู้บุกเบิกเรื่องสินเชื่อรายย่อยแห่งนี้

    เจ้าหน้าที่ธนาคารชาติผู้หนึ่งบอกว่า มาถึงตอนนี้กระทรวงการคลังมีเหตุผลเพียงพอสามารถที่จะปลดยูนุสได้ ทั้งนี้รัฐบาลถือหุ้นอยู่ 25% ในกรามีน แบงก์

    Around the World - Manager Online -
     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ชาติตะวันตกคิดบุกสยบกัดดาฟี เผยเขตห้ามบินต้องโจมตีทางอากาศก่อน
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 03:29 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ปืนต่อสู้อากาศยานที่ทั้งฝ่ายสนับสนุนและต่อต้านประธานาธิบดีกัดดาฟีมีในครอบครอง

    เอเอฟพี/เอเจนซี - ชาติตะวันตกเมื่อวันอังคาร(1) ขบคิดถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟีของลิเบีย โดยสหรัฐฯชี้ต้องโจมตีทางอากาศเพื่อรับประกันเขตห้ามบิน ขณะที่กองกำลังรัฐบาลลิเบียยาตราทัพเข้าประชิดหมายยึดเมืองแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกใกล้แนวพรมแดนติดกับตูนิเซียกลับคืนมา

    ผู้นำสหรัฐฯและชาติยุโรปกำลังชั่งใจใช้อำนาจทางอากาศของนาโตกำหนดเขตห้ามบินซึ่งมีเป้าหมายหยุดยั้งกองกำลังของกัดดาฟี ใช้เครื่องบินรบโจมตีเข่นฆ่าประชาชนที่ต่อต้านการปกครองของเขาอันนาวนานกว่า 4 ทศวรรษ

    ขณะเดียวกันฝ่ายผู้จงรักภักดีต่อกัดดาฟี ซึ่งสูญเสียการควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศแก่กบฏ หลังการประท้วงที่เริ่มมาตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ กำลังเตรียมโจมตีเมืองหลายแห่งเพื่อยึดเอาดินแดนคืนจากพวกกบฏ รวมถึงเมืองนาลุต ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนตูนิเซียเพียงราว 60 กิโลเมตร ภายหลังประชาชนในเมืองแห่งนี้เล่าว่า พวกเขาได้พบเห็นสมุนกัดดาฟีเดินทัพเข้าประชิดเมืองดังกล่าวเมื่อวานนี้ (1)

    “พวกเขา (ฝ่ายกัดดาฟี) ได้เข้าล้อมพื้นที่ใกล้กับแนวพรมแดนตูนิเซีย พวกเขามาพร้อมด้วยรถโฟร์วีลไดร์ฟที่ติดตั้งปืนกลอยู่บนนั้น นอกจากนี้พวกทหารยังมีอาวุธครบมืออีกด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ ซามี กล่าวกับรอยเตอร์

    ขณะที่ชาวบ้านในเมืองนาลุตอีกคนหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ เล่าว่า เขาได้ยินว่าพวกทหารลิเบียได้เคลื่อนพลสู่เขตพรมแดนติดกับตูนิเซีย “ยังไม่มีการสู้รบกันขึ้นในนาลุต พวกเขาเดินทัพผ่านไปและมุ่งหน้าไปยังแนวพรมแดนรอบๆ เขตวะสิน โดยที่ผู้คนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”

    นอกจากนี้ที่เมืองสำคัญสองแห่งอย่างมิสราตา เมืองซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ครึ่งล้าน และซอวิยะห์ เมืองยุทธศาสตร์อันเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันสำคัญหลายแห่ง ก็มีประจักษ์พยานระบุว่า ทหารฝ่ายรัฐบาลกำลังระดมพลเพื่อเตรียมการโจมตี

    พลเอกเจมส์ แมตธิส ผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯรายงานต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาว่าการกำหนดเขตห้ามบินใดๆ สิ่งแรกที่จำเป็นคือโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของลิเบีย

    "ในความเห็นทางทหารของผม ท่านที่เคารพ มันคงเป็นความท้าทายอย่างใหญ่หลวง" เขาตอบ หลังถูกถามถึงความเป็นไปในการกำลังเขตห้ามบิน "คุณจำเป็นต้องปลดขอบเขตความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเสียก่อนเพื่อจัดตั้งเขตห้ามบิน พูดตรงๆก็คือมันจะเป็นปฏิบัติการทางทหาร คงไม่ง่ายหรอกที่จะแค่บอกพวกเขาว่าห้ามนำเครื่องบินผ่าน"

    ความคิดเห็นของเขามีขึ้นขณะที่กองทัพสหรัฐฯเคลื่อนกองเรือรบและฝูงบินสนับสนุนจากฐานทัพเรือของตนในอิตาลีเข้าไปใกล้ลิเบียมากขึ้น ในจำนวนนั้นรวมไปถึงเรือรบลำหนึ่งซึ่งบรรทุกกำลังพลหลายร้อยนาย ในความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารของนาโต

    กระนั้นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสหรัฐฯบอกกับเอเอฟพีว่าแม้ผู้นำทางทหารของอเมริกากำลังเตรียมขอบเขตทางเลือกต่างๆให้แก่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา และอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรชาติยุโรป แต่ความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงยังคงไม่ชัดเจน

    ขณะเดียวกันทาง จูแลง จุปเป รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ของฝรั่งเศส ยืนยันว่าปฏิบัติการทางทหารใดๆควรได้รับอาณัติออกจากสหประชาชาติเสียก่อน

    "เรากำลังศึกษาทางเลือกต่างๆ โดยเฉพาะเขตห้ามบิน แต่ผมขอยืนยันอย่างชัดเจนเลยว่าจะไม่มีการรุกรานใดๆหากปราศจากอาณัติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ" จุปเปกล่าว

    อนึ่งเอเอฟพีระบุว่ากองกำลังของกัดดาปีมีขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานนับสิบที่สามารถสอยเครื่องบินรบที่รุกรานพวกเขาได้

    Around the World - Manager Online -
     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ประธานเฟดเตือนราคาน้ำมันพุ่งสูงกระทบศก.สหรัฐฯ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 02:37 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ

    เอเอฟพี/เอเจนซี - เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารสหรัฐฯ(เฟด)วานนี้(1) เตือนว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในลิเบียอาจคุกคามการเติบโตทางเศรษฐกิจของอเมริกาและจุดชนวนภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับอันตราย

    ระหว่างให้ปากคำกับสภาคองเกส เบอร์นันกี เชื่อว่าความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศผู้มั่งคั่งทางพลังงานจะทำให้ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเล็กน้อยและชั่วคราวเท่านั้น แต่ก็ยอมรับว่ายังคงมีความเสี่ยงในระดับสูง

    "ผลที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดคือราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเร็วๆนี้อาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและชั่วคราวของดัชนีราคาผู้บริโภคหรือภาวะเงินเฟ้อ" เขากล่าว "นั่นเท่ากับว่าราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆอาจคุกคามทั้งการเติบโตและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ"

    ภัยคุกคามของภาวะเงินเฟ้อที่ขยับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆอาจเพียงพอต่อการจุดชนวนความวิตกแก่ผู้บริโภคซึ่งไม่นานมานี้ที่เพิ่งยอมเปิดกระเป๋าควักออกมาใช้จ่ายตามหลังวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้าย

    อย่างไรก็ตาม เบอร์นันกี ประกาศว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะจับตาพัฒนาการของสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและถ้าจำเป็นก็จะมีมาตรการต่างๆออกมาเพื่อรับประกันว่าเศรษฐกิจของประเทศยังคงอยู่บนเส้นทางแห่งการฟื้นตัว

    ในความพยายามรักษาการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่บนเส้นทาง เวลานี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้อัดฉีดเม็ดเงิน 6 แสนล้านดอลลาร์เข้าสู่เศรษฐกิจ จนนำไปสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจุดชนวนภาวะเงินเฟ้อ

    กระนั้นก็ดีทาง เบอร์นันดีและสหายของเขายืนกรานว่าเมื่อถึงตอนนั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ จะใช้เครื่องมือที่จำเป็นสำหรับผ่อนคลายนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของพวกเขา

    Around the World - Manager Online -
     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กองกำลังของกัดดาฟีเคลื่อนพลประชิดกบฏ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 22:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    รถถังของทหารฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟี ประจำการอยู่ในเมืองแห่งหนึ่งห่างจากกรุงตริโปลี 30 กิโลเมตร ขณะที่มีรายงานว่ากองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีรายนี้ยาตราทัพเข้าประชิดเมืองแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกใกล้แนวพรมแดนติดกับตูนิเซีย และเมืองสำคัญอื่นๆ ซึ่งเวลานี้ถูกยึดครองโดยพวกกบฏโค่นล้มระบอบ

    เอเจนซี/เอเอฟพี - กองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟีของลิเบีย ยาตราทัพเข้าประชิดเมืองแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกใกล้แนวพรมแดนติดกับตูนิเซีย และเมืองสำคัญอื่นๆ ซึ่งเวลานี้ถูกยึดครองโดยพวกกบฏโค่นล้มระบอบ ขณะที่สหรัฐฯ ได้ส่งกองเรือรบและฝูงบินสนับสนุนจากฐานทัพเรือของตนในอิตาลีเข้าไปใกล้ลิเบียมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างลิเบียและตูนิเซียเนื่องจากมีผู้อพยพหนีตายอยู่เป็นจำนวนมากจนสหประชาชาติระบุว่าเข้าขั้นวิกฤตแล้วในตอนนี้

    สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) แถลงมาจากนครเจนีวา เมื่อเย็นวันอังคาร (1) ว่า เวลานี้สถานการณ์บริเวณตะเข็บชายแดนระหว่างลิเบียกับตูนิเซียได้มาถึงจุดวิกฤตแล้ว หลังจากที่มีผู้ลี้ภัยชาวลิเบียและต่างชาติจำนวน 70,000 - 75,000 คนได้อพยพข้ามแดนมาพำนักในบริเวณดังกล่าวนับตั้งแต่ที่เหตุรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา คำแถลงนี้มีขึ้นไม่นานหลังจากสื่อหลายสำนักรายงานว่า ทหารผู้ภักดีต่อกัดดาฟีกำลังเตรียมโจมตีเมืองหลายแห่งเพื่อยึดเอาดินแดนคืนจากพวกกบฏ รวมถึงเมืองนาลุต ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพรมแดนตูนิเซียเพียงราว 60 กิโลเมตร ภายหลังประชาชนในเมืองแห่งนี้เล่าว่า พวกเขาได้พบเห็นสมุนกัดดาฟีเดินทัพเข้าประชิดเมืองดังกล่าวเมื่อวาน (1)

    “พวกเขา (ฝ่ายกัดดาฟี) ได้เข้าล้อมพื้นที่ใกล้กับแนวพรมแดนตูนิเซีย... พวกเขามาพร้อมด้วยรถโฟร์วีลไดร์ฟที่ติดตั้งปืนกลอยู่บนนั้น นอกจากนี้พวกทหารยังมีอาวุธครบมืออีกด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ ซามี กล่าวกับรอยเตอร์

    ขณะที่ชาวบ้านในเมืองนาลุตอีกคนหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ เล่าว่า เขาได้ยินว่าพวกทหารลิเบียได้เคลื่อนพลสู่เขตพรมแดนติดกับตูนิเซีย “ยังไม่มีการสู้รบกันขึ้นในนาลุต พวกเขาเดินทัพผ่านไปและมุ่งหน้าไปยังแนวพรมแดนรอบๆ เขตวะสิน โดยที่ผู้คนยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้”

    นอกจากนี้ที่เมืองสำคัญสองแห่งอย่างมิสราตา เมืองซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ครึ่งล้าน และซอวิยะห์ เมืองยุทธศาสตร์อันเป็นที่ตั้งของโรงกลั่นน้ำมันสำคัญหลายแห่ง ก็มีประจักษ์พยานระบุว่า ทหารฝ่ายรัฐบาลกำลังระดมพลเพื่อเตรียมการโจมตี

    “เครื่องบินลำหนึ่งถูกสอยร่วงเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (1) ขณะที่มันกำลังโจมตีใส่สถานีวิทยุท้องถิ่น พวกผู้ประท้วงช่วยกันจับนักบินไว้ได้” โมฮัมเหม็ด จากเมืองมิสราตา เล่าเหตุการณ์ในสายกับรอยเตอร์

    ทางด้านสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้กองทัพเรือภาคที่ 6 ปฏิบัติการอยู่นอกชายฝั่งของอิตาลี ระบุว่า พวกเขาได้เคลื่อนกองเรือรบและเครื่องบินรบเข้าไปใกล้ลิเบียมากขึ้นแล้ว หลังจากเมื่อวันจันทร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา ก็ได้มีการถกหารือกับรัฐบาลชาติต่างๆ ถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการด้านการทหารเข้าช่วยกำจัดกัดดาฟี แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะลงความเห็นตรงกันว่า ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้กำลังกับลิเบียนั้นมีไม่มากก็ตาม

    ขณะที่ซูซาน ไรซ์ ทูตใหญ่สหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ก็ได้ระบุว่า รัฐบาลวอชิงตันกำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับภาคีสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และชาติพันธมิตรอื่นๆ เกี่ยวกับทางเลือกในการใช้กำลังทางทหาร นอกเหนือจากที่สหรัฐฯ ได้ทำการอายัดทรัพย์สินของกัดดาฟีและครอบครัวในแดนลุงแซมรวมทั้งสิ้นราว 30,000 ล้านดอลลาร์แล้ว

    ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรป (อียู) ได้แถลงว่า สมาชิกอียูได้เห็นพ้องตกลงกันที่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรกัดดาฟีและสมาชิกครอบครัว ตลอดจนผู้ช่วยคนสนิทของเขาอีก 25 คน ด้วยการลงโทษอายัดทรัพย์สิน, ห้ามขายสินค้าที่อาจใช้เป็นเครื่องมือปราบปรามผู้ประท้วง, และห้ามเดินทางมายังดินแดนของอียู ส่วนนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ ก็บอกว่า รัฐบาลของเขากำลังเร่งทำงานเพื่อวางมาตรการลงโทษลิเบียเพิ่มขึ้นโดยการกำหนดให้น่านฟ้าลิเบียเป็นเขตห้ามบิน

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้โอกาสที่กัดดาฟีจะสามารถครองอำนาจปกครองประเทศต่อไปตามเดิมนั้นดูจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ และตัวเขาเองก็ถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติเป็นระลอกๆ ทว่ากัดดาฟีก็ยังคงอยู่ในอากัปกิริยาที่ดูผ่อนคลายและปล่อยเสียงหัวเราะออกมาหลายครั้งในระหว่างการให้สัมภาษณ์โทรทัศน์เอบีซีของสหรัฐฯ และบีบีซี ของอังกฤษ จากในโรงแรมแห่งหนึ่งบนชายหาดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในกรุงตริโปลีเมื่อวันจันทร์ (28 ก.พ.) โดยที่เขาระบุว่า “ประชาชนทั้งหมดยังคงรักใคร่เขาดี และพวกเขาก็พร้อมจะตายเพื่อปกป้องผม”

    นอกจากนี้กัดดาฟียังปฏิเสธข้อเรียกร้องของพวกกบฏที่ต้องการให้เขาก้าวลงจากตำแหน่ง และยืนกรานหนักแน่นว่าเขาไม่ได้ใช้เครื่องบินรบบอมบ์ใส่กลุ่มผู้ประท้วง เพียงแต่แค่ถล่มใส่เขตพื้นที่ทหารและคลังสรรพาวุธเท่านั้น ซ้ำยังปฏิเสธด้วยว่าไม่มีการชุมนุมประท้วงใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องด้วยประชาชนวัยหนุ่มสาวของเขาถูกวางยาโดยพวกอัล-กออิดะห์ ซึ่งนั่นก็ทำได้ให้พวกเขาออกมาโหวกเหวกตามถนน โดยที่กองกำลังของรัฐบาลก็ถูกสั่งไม่ให้ยิงใส่พวกเขาแต่อย่างใด กระนั้นก็ตาม นางไรซ์แห่งยูเอ็นก็ได้ตราหน้าเขาว่าเป็น “จอมเพ้อเจ้อ” ที่เข่นฆ่าประชาชนของตนเอง และไม่มีคุณสมบติที่จะเป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป

    Around the World - Manager Online -
     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เวิลด์แบงก์คาด‘ราคาน้ำมัน’ไม่ถึงขั้นทำศก.โลกย่ำแย่
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 01:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันที่กำลังทะยานสูงขึ้นสืบเนื่องจากกระแสความไม่สงบในตะวันออกกลาง ถ้าหากยังยืนอยู่ในระดับนี้ไปสัก 1 ปี ก็จะส่งผลกระทบกระเทือนอย่างมากต่อบรรดาประเทศกำลังพัฒนา ทว่าไม่ถึงกับสร้างความเสียหายหนักให้แก่เศรษฐกิจของพวกเขาที่ฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งภายหลังวิกฤตการเงินโลกเมื่อ 3 ปีก่อน ทั้งนี้เป็นความเห็นของเจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์)

    แอนดริว เบิร์นส์ ผู้จัดการส่วนเศรษฐศาสตร์โลก ของเวิลด์แบงก์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันจันทร์ (28ก.พ.) ว่า ถ้าน้ำมันยังคงสูงไปอีก 1 ปีหรือกว่านั้น ก็จะทำให้อัตราเติบโตของบรรดาประเทศกำลังพัฒนาหดหายไประหว่าง 0.2 - 0.4% ทว่าคงไม่มากพอที่จะทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของชาติเหล่านี้ต้องเสียกระบวนไปเลย

    เจ้าหน้าที่อาวุโสของธนาคารโลกผู้นี้บอกด้วยว่า การที่น้ำมันในตลาดโลกมีราคาสูงขึ้น 15 - 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เป็นเรื่องน่าห่วงใย แต่ไม่ถึงกับเป็น “เหตุการณ์ที่สร้างความวิบัติหายนะ” ให้แก่พวกประเทศกำลังพัฒนา ที่เวลานี้กำลังขยายตัวกันในระดับราวๆ 6% หรือกว่านั้น

    “สมมุติว่าสถานการณ์ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือไม่รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก เราก็ควรที่จะได้เห็นราคาเหล่านี้หวนกลับลงมาสู่ระดับที่เราเห็นกันในเดือนธันวาคม” เบิร์นส์บอก “ในสถานการณ์เช่นนั้น ผลกระทบก็จะค่อนข้างน้อยนิด”

    แต่ถ้าความไม่แน่นอนทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือยืดเยื้อออกไป พวกประเทศกำลังพัฒนาก็จะเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่แพงขึ้น

    อย่างไรก็ดี เบิร์นส์ไม่คิดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งโด่งทะลุฟ้าจนแตะระดับ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2008 โดยเขาชี้ว่าตอนที่น้ำมันแพงลิบเมื่อ 3 ปีก่อนนั้น กำลังความสามารถในด้านน้ำมันของโลก เช่น การผลิต, การกลั่น ต่างก็อยู่ในระดับที่ต่ำเตี้ยเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ในปัจจุบัน กำลังความสามารถด้านน้ำมันยังคงมีอยู่อย่างเพียงพอ ไม่ว่าในสหรัฐฯ, ยุโรป, หรือประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนโดยตรงจากความปั่นป่วนวุ่นวายในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ

    Around the World - Manager Online -
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    บาห์เรนยังอึมครึม ประชาชนหลายพันเดินหน้าประท้วงต่อ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>2 มีนาคม 2554 00:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบาห์เรน ยังเดินหน้าชุมนุมต่อเนื่อง

    เอเอฟพี - ประชาชนชาวบาห์เรนหลายพันคนหลั่งไหลสู่ท้องถนนเมื่อวันอังคาร(1) และเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสเพิร์ล ในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่สืบเนื่องยาวนานมาแล้วกว่า 2 สัปดาห์

    "เราคือพี่น้อง ทั้งสุหนี่และชีอะห์" ผู้ประท้วงต่างร้องตะโกนขณะที่เดินขบวนจากเขตซัลมานอียะห์ในเมืองหลวง ห่างจากจตุรัสไปไม่กี่กิโลเมตร

    ผู้ประท้วงประกอบด้วยกลุ่มคนที่หลากหลายทั้งชาย หญิงและคนพิการที่ใช้รถเข็นเข้าร่วมขบวนประท้วงครั้งนี้ที่เคลื่อนผ่านถนนสายหนึ่งอันเป็นจุดที่ตำรวจยิงผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเสียชีวิตไป 2 รายเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

    "เราเข้ามาร่วมขบวนนี้เพื่อย้ำให้เห็นถึงความสามัคคีระหว่างชาวชีอะห์และสุหนี่ในบาห์เรน" จากคำกล่าวของ ชีค โมฮัมเมด ฮาบีบ อัล-มักดัด หนึ่งใน 25 นักเคลื่อนไหวที่เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย

    เหตุความไม่สงบในบาห์เรน เป็นส่วนหนึ่งในคลื่นแห่งการประท้วงที่ซัดถล่มทั่วแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง นับตั้งแต่เหตุจลาจลขับไล่ประธานาธิบดีตูนิเซีย ซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลี

    ผู้ประท้วงในชาติที่ชาวชีอะห์เป็นชนกลุ่มใหญ่และปกครองโดยกษัตริย์ ฮามาด บิน อิสซา อัล-คอลีฟา ที่ทรงเป็นสุหนี่ เรียกร้องเปลี่ยนระบอบการปกครอง

    แต่ฝ่ายค้านที่นำโดยกลุ่มชีอะห์มีจุดยืนที่เป็นทางสายกลางมากกว่า โดยเรียกร้องขอให้มีการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่เช่นมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและมีระบอบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลลาออกเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุสังหารผู้ประท้วงเสียชีวิตไป 7 ราย

    กษัตริย์ ฮามาด บิน อิสซา ทรงมอบหมายให้มกุฎราชกุมารชีค ซาลมาน บิน ฮาหมัด เปิดเจรจากับฝ่ายค้าน ข้อเสนอที่ผู้ประท้วงหัวรุนแรงมองว่าสายไปแล้ว

    Around the World - Manager Online -
     
  19. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    แย้มบุคคลเกี่ยวข้องจลาจลโลกอาหรับถูกเสนอชิงรางวัลโนเบลสันติภาพ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 23:24 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    อียิปต์คือหนึ่งชาติที่เกิดจลาจลนำไปสู่การขับไล่ประธานาธิบดี ขณะที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคลื่นแห่งการปฏิวัติทั่วโลกอาหรับ มีชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพหลายคน

    เอเอฟพี - บุคคลสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคลื่นแห่งจลาจลทั่วโลกอาหรับและวิกิลีกส์ เว็บไซต์จอมแฉคือหนึ่งในบรรดาผู้ที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวังโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้

    กว่า 50 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการรางวัลโนเบลได้เก็บบัญชีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในแต่ละปีเป็นความลับ แต่ปีนี้ทางเกียร์ ลุนเดสตัด ผู้อำนวยการสถาบันโนเบล แย้มกับเอเอฟพีว่าในปีนี้ประกอบด้วยองค์กร 53 แห่ง และบุคคล 188 คน แต่ก็ยอมรับว่ารายชื่อของผู้เข้าชิงรางวัลในปีนี้ได้รับอิทธิพลจากการลุกฮือของประชาชนในโลกอาหรับ

    "รายชื่อที่ถูกเสนอหลายๆคนที่เราได้รับสะท้อนถึงสถานการณ์ที่เราเห็นกันอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในตูนิเซีย อียิปต์และลิเบีย" เขากล่าว

    ประชาชนหลายพันคนได้รับเกียรติให้เสนอชื่อบุคคลและองค์กรที่น่าจะได้รับรางวัลนี้ ในจำนวนนั้นรวมไปถึงตัวแทนจากรัฐสภา รัฐบาลทั่วโลก ศาสตรจารย์มหาวิทยาลัยและสมาชิกสถาบันนานาชาติต่างๆ ทั้งนี้การเสนอชื่อหมดเขตไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

    คณะกรรมการโนเบลได้สิทธิ์เสนอชื่อผู้ที่เหมาะสมเช่นกัน โดยได้เสนอชื่อในระหว่างการประชุมนัดแรกซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์(28)

    ทั้งนี้ผู้เสนอชื่อบุคคลที่ควรได้รับรางวัลได้รับอนญาตให้เผยชื่อบุคคลหรือองค์กรเหล่านั้น และในปีนี้เป็นที่รับรู้กันแล้วว่า วิกีลีกส์ อยู่ในบัญชีดังกล่าวด้วย

    เมื่อเดือนที่แล้ว สนอร์เร วาเลน ส.ส.วัย 26 ปี จากพรรคโซเชียลิสต์ เลฟต์ ปาร์ตี ของนอร์เวย์ บอกว่าเขาเสนอชื่อเว็บไซต์วิกิลีกส์ ให้เข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปี 2011 จากการเปิดโปงปัญหาคอรัปชันและ อาชญากรสงคราม

    สำหรับผู้ที่ชนะรางวัลจะประกาศในราวต้นเดือนตุลาคม และจะมีพิธีมอบรางวัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันครบรอบการเสียชีวิตของนายอัลเฟรด โนเบล ผู้ก่อตั้งรางวัลโนเบล

    Around the World - Manager Online -
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    รมว.กลาโหมเยอรมนี “ลาออก” หลังข่าวฉาวกรณี “ตัด-แปะ” วิทยานิพนธ์ ป.เอก
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 21:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีประกาศลาออกวันนี้ (1) หลังถูกกล่าวหาว่า ขโมยความคิดของคนอื่นมาใส่ยังวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของตัวเอง

    [​IMG]

    คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก ในการแถลงลาออกวันนี้

    เอเอฟพี - รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนีประกาศลาออกวันนี้ (1) หลังเขาถูกถอนวุฒิปริญญาเอก จากข้อกล่าวหาว่า ขโมยความคิดของคนอื่นมาใส่ไว้ในผลงานวิทยานิพนธ์ของตนเอง

    “ผมขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีแมร์เคิลเป็นพิเศษ สำหรับการสนับสนุนทั้งหมด ท่านยังคงไว้วางใจผม และเห็นอกเห็นใจผมมาก” คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก ผู้กลายเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี แถลงต่อนักข่าวในกรุงเบอร์ลิน “ผมเคยพร้อมสู้เสมอ แต่ตอนนี้ความเข้มแข็งสุดท้ายของผมหมดลงแล้ว”

    นักการเมืองผู้มีภาพลักษณ์แสนสุภาพวัย 39 ปีรายนี้ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในคณะรัฐมนตรีของ อังเกลา แมร์เคิล แรกเริ่มเขารับตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจ และต่อมาโยกย้ายมาเป็นเจ้ากระทรวงกลาโหมเยอรมนี

    การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของพรรค ก่อนที่นายกรัฐมนตรีแมร์เคิลจะคว้าชัยเป็นสมัยที่ 2 เมื่อปลายปี 2009 ซู กุตเตนแบร์กได้รับความนิยมชมชอบราวกับเป็นดาราชื่อก้อง มีการพูดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นทายาททางการเมืองของ อังเกลา แมร์เคิล

    “การลาออกของ คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของ อังเกลา แมร์เคิล” เกโร นอยเกบอยแอร์ นักรัฐศาสตร์เยอรมนีวิเคราะห์ให้นักข่าวเอเอฟพีฟัง “นายกรัฐมนตรีกำลังสูญเสียนักรณรงค์เลือกตั้งคนสำคัญ”

    เขาไม่ค่อยถูกสื่อโจมตีมากนัก แต่เมื่อเรื่องขโมยผลงานวิทยานิพนธ์แดงขึ้นมาเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน สื่อสำนักต่างๆ รุมกินโต๊ะเขาอย่างตะกละตะกลาม

    ซู กุตเตนแบร์ก มาจากตระกูลเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 มิหนำซ้ำภรรยาของเขายังสืบเชื้อสายโดยตรงมาจาก ออทโท ฟอน บิสมาร์ค รัฐบุรุษแห่งเยอรมนี ผู้ได้รับสมญานามว่า “เสนาบดีเหล็ก” ข้อครหาดังกล่าวทำให้สื่อท้องถิ่นล้อเลียนเขาว่า “บารอน จอมตัดแปะ” (Baron Cut-And-Paste) และ “ซู กูเกิลแบร์ก” (Zu Googleberg)

    ข้อครหาการคัดลอกวิทยานิพนธ์ดังกล่าวปูดออกมา หลังจากศาสตราจารย์ด้านกฎหมายท่านหนึ่ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพรรคฝ่ายค้าน ได้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก เหล่านักสืบในโลกอินเตอร์เน็ตจึงได้ร่วมกันจัดทำเว็บไซต์ เพื่อตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของซู กุตเตนแบร์ก ทั้ง 475 หน้า ซึ่งผลสรุปออกมาว่า มากกว่า 2 ใน 3 ของปริญญานิพนธ์ฉบับนี้เต็มไปด้วยข้อความที่คัดลอกมาโดยไม่ได้ระบุแหล่งอ้างอิง

    มหาวิทยาลัยไบรอยท์ ได้ถอดถอนคำนำหน้า ดร. ของเขาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย รอยดิแกร์ บอร์มันน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิทยานิพนธ์ฉบับนี้ “ไม่ใช่ผลของการทำงานตามหลักการที่ถูกต้อง”

    ก่อนหน้านี้ ซู กุตเตนแบร์ก เคยขอให้ทางมหาวิทยาลัยไบรอยท์ถอดถอนคำนำหน้า ดร. ออกจากชื่อ เขาเคยกล่าวไว้ว่า “เป็นความผิดพลาดขั้นร้ายแรง ที่ฝ่าฝืนมาตรฐานอันดีงามของสถาบัน … ผมเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน ที่มีความอ่อนแอ

    [​IMG]

    คาร์ล-ธีโอดอร์ ซู กุตเตนแบร์ก และภรรยาผู้สืบเชื้อสายมาจาก ออทโท ฟอน บิสมาร์ค “เสนาบดีเหล็ก” ของเยอรมนี

    Around the World - Manager Online -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...