เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 11 พฤศจิกายน 2010.

  1. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ตุลาการอิตาลีเริ่มไต่สวนคดี “แบร์ลุสโกนีโกงภาษี” อีกครั้ง

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 21:02 น.

    [​IMG]

    ผู้พิพากษาขึ้นนั่งบัลลังก์ ณ ศาลยุติธรรมเมืองมิลาน วันนี้ (28) เพื่อพิจารณาคดีฉ้อโกงภาษีของ กลุ่มบริษัทมีเดียเซต ซึ่งมีชื่อของซิลวิโอ แบร์ลุสโกนีเข้าไปพัวพัน กลุ่มบริษัทเจ้าพ่อสื่ออิตาลีดังกล่าวถูกกล่าวหาว่า ตบแต่งตัวเลขรายได้ให้น้อยกว่าความเป็นจริง เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี



    [​IMG]

    ขณะที่ศาลกำลังพิจารณาคดีเกี่ยวกับตัวเขา ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนีกำลังเข้าร่วมประชุมพรรคเพื่อเปิดตัวโครงการใหม่วันนี้
    เอเอฟพี - การพิจารณาคดีโกงภาษีซึ่งพัวพันถึง ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี นายกรัฐมนตรีอิตาลีผู้อื้อฉาว กลับเข้าสู่กระบวนการศาลอีกครั้งวันนี้ (28) ทว่า เขาส่งทนายความมารับฟังการไต่สวนแทน คดีนี้นับเป็นคดีแรกในศึกประจันหน้า ระหว่างแบร์ลุสโกนีกับระบบตุลาการอิตาลี ซึ่งยังมีคดีอื่นๆ รออยู่เป็นหางว่าว

    ศาลมิลานมีกำหนดไต่สวนแบร์ลุสโกนีตามข้อกล่าวหาว่า บริษัทมีเดียเซต เครือข่ายธุรกิจของเขาฉ้อโกงภาษีที่ต้องชำระให้กับประเทศ โดยการปลอมตัวเลขรายได้ให้น้อยกว่าตัวเลขที่เป็นจริง อัยการอิตาลีกล่าวหาว่า การตบแต่งบัญชีรายรับดังกล่าวทำให้กลุ่มมีเดียเซต ของซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี สามารถเปิดบัญชีทุนสำรองในต่างประเทศ ขณะที่จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายให้กับทางการอิตาลีลดลง

    คดีดังกล่าวถูกระงับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว หลังจากรัฐสภาอิตาลีลงมติเห็นชอบกับกฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งมอบสิทธิคุ้มครองทางกฎหมายให้นายกรัฐมนตรีวัย 74 ปีผู้นี้ จากคณะอัยการทั้งหลายเป็นเวลา 18 เดือน อย่างไรก็ตาม เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญอิตาลีได้ตัดสินล้มมาตรการฉบับดังกล่าวเป็นบางส่วน เปิดทางให้อัยการรื้อคดีนี้กลับเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลอีกครั้ง

    การพิจารณาคดีโกงภาษีวันนี้ใช้เวลาเพียงไม่นาน และมุ่งประเด็นไปยังการกำหนดนัดพิจารณาคดีนี้ครั้งต่อไป ทั้งนี้แบร์ลุสโกนียังพัวพันกับการพิพากษาคดีอื่นๆ อีก 3 คดี แต่เขาสามารถปฏิเสธการขึ้นศาลได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หากอ้างถึงการปฏิบัติหน้าที่บริหารของประเทศ

    ขณะที่แบร์ลุสโกนีไม่ได้เข้ารับฟังการพิจารณาคดีวันนี้ ปิเอโร ลอนโก ทนายความของเขาระบุว่า ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนีอาจขึ้นศาลด้วยตัวเองในการไต่สวนคดีครั้งหน้า ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 11 เมษายน

    อาชีพนักการเมืองของแบร์ลุสโกนีตลอดช่วงเวลาเกือบ 20 ปีกำลังสั่นคลอนอย่างหนักด้วยปัญหาคดีต่างๆ ทว่า นายกรัฐมนตรีผู้อื้อฉาวรายนี้ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะขึ้นให้การต่อหน้าศาลด้วยตัวเองในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี ยังมีกำหนดขึ้นศาลอีกคดีหนึ่งในวันที่ 6 เมษายน ตามข้อกล่าวหา มีสัมพันธ์ทางเพศกับโสเภณีเด็ก และใช้อำนาจโดยมิชอบ

    แม้นายกรัฐมนตรีอิตาลีผู้นี้เคยกล่าวหาฝ่ายตุลาการอิตาลีว่า มีอคติทางการเมืองต่อเขา ทว่า ปิเอโร ลอนโก ยืนยันว่า เขายังคงมั่นใจในกระบวนการกฎหมาย

    [​IMG]

    ฟาดิโอ เด ปาสกวาเล อัยการอิตาลี ผู้ยื่นรับผิดชอบคดีโกงภาษีนี้


    [​IMG]

    นิกโกโล เกดินี ทนายความแก้ต่างของนายกรัฐมนตรีซิลวิโอ แบร์ลุสโกนี

    Around the World - Manager Online -
     
  2. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เตรียมรับมือน้ำมัน140เหรียญ

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 11:40 น.


    "ถูกคว่ำบาตร" ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเช้ามืดวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา สำหรับ "กัดดาฟี" ผู้นำจอมเผด็จการ เป็นการลงมติของสมาชิกยูเอ็นเห็นพ้องต้องกัน...

    ไปดูผลกระทบกรณีสงครามกลางเมืองที่ลิเบีย เริ่มกันที่ราคาน้ำมันในตลาดโลก ขณะนี้น้ำมันดิบผันผวนอย่างหนัก! ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ปรับตัวสูงขึ้น 97.28 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบตลาดเบรนท์อยู่ที่ 112.61 เหรียญต่อบาร์เรล...

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ภาคธุรกิจและประชาชนเตรียมรับมือภาวะน้ำมันแพงให้ดี หากประมาทจะเดือดร้อนกันถ้วนหน้า! ต้นทุนการขนส่ง การเดินทางจะถีบตัวขึ้นตาม แน่นอน "สินค้าราคาแพงได้อีก" หากสถานการณ์ยังไม่ยุติและขยายวงกว้าง "อาจทำให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้นถึง "140 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล!!!..."

    กลับมาในประเทศ หลังจากอั้นพอเป็นพิธี เมื่อวานนี้ (27 ก.พ.) "ปตท.-บางจาก" ทนไม่ไหว? ประกาศขึ้นราคาตามผู้ค้ารายอื่นๆ โดยประกาศปรับราคาเบนซินและแก๊สโซฮอล์อีก 50 สตางค์ต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ อี85 30 สตางค์ต่อลิตร...

    การเมืองในตะวันออกกลางไม่เพียงส่งผลต่อราคาน้ำมัน "ทองคำ" เป็นสินค้าที่เห็นได้ชัดอีกตัวหนึ่ง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำโลกขยับขึ้นมาแล้ว 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือพุ่งจาก 1,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็น 1,400 ประเมินเป้าหมายต่อไปอาจวิ่งถึง 1,500 "ฟันธง!..."

    ราคาดังกล่าวคิดเป็นเงินไทยทองคำจะวิ่งจากบาทละ 20,000 ไปอยู่ที่ 21,500 บาท...เป็นโอกาสของนักเก็งกำไร ใครมีเงินเย็น "ซื้อเลย!"...

    ไปกันที่แบงก์ชาติบ้าง "หม่อมเต่า-จัตุมงคล โสณกุล" เห็นต่างในเรื่องราคาน้ำมัน แม้ลิเบียจะมีปัญหา แต่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันส่งออก (โอเปก) จะออกมาดูแลน้ำมันในตลาดโลกไม่ให้พุ่งสูงจนเกินไป

    "โอเปกคงไม่ยอมให้ราคาน้ำมันตลาดโลกวิ่งขยับขึ้นไปเกิน 80-90 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นอาจส่งผลให้ทั่วโลกหันมาหาพลังงานทดแทนไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากแสงแดด ลมหรือพลังงานจากนิวเคลียร์มาใช้ก็เป็นไปได้" เป็นวิชั่นอดีตปลัดคลังและผู้ว่าแบงก์ชาติที่ต้องบันทึกไว้ "เดี๋ยวก็รู้ อิอิ!..."

    "หม่อมเต่า" ยังประกาศไม่ต่ออายุตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติที่จะสิ้นสุดในเดือนเม.ย.นี้ ด้วย อยากเปิดทางให้คนที่มีความรู้เข้ามาทำหน้าที่แทนบ้าง...

    เจ้าตัวเปิดอกบอกที่มารับเป็นประธานฯ เพราะผู้ว่าฯ คนเก่า "ธาริษา วัฒนเกส" ขอให้มาช่วย ส่วนจากนี้ไป เชื่อว่า "ประสาร ไตรรัตน์วรกุล" ซึ่งเป็นคนมีความรู้และความสามารถ จะนำพาแบงก์ชาติ "เจริญก้าวหน้าได้ แน่นอน!..."

    ปิดท้ายที่ "กรณ์ จาติกวณิช" พักหลังเก็บเนื้อเก็บตัว แต่วันนี้ (28 ก.พ.) ช่วงบ่ายๆ " ขุนคลังร่างโย่ง" ได้ฤกษ์แถลงข่าวใหญ่ อีกครั้ง เป็นการแถลงความคืบหน้า "โครงการปฎิบัติการประชาวิวัฒน์" เจ้าตัวยืนยันว่าโปร่งใส ไม่มีการมุบมิบ หรือจ้องแต่งาบเหมือนโปรเจกต์อื่น อ้อ สถานที่แถลงข่าว "กรณ์" เลือกเอาข้างๆ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล...นานๆ โผล่ที แบบนี้รับรอง "นักข่าวตรึม!??
    Business - Manager Online -
     
  3. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐและเกาหลีใต้เปิดฉากซ้อมรบร่วมท่ามกลางคำขู่จากเกาหลีเหนือ

    [​IMG]

    โซล 28 ก.พ. – กองทัพสหรัฐและเกาหลีใต้เปิดฉากซ้อมรบทางอากาศ ทางทะเลและบนบกประจำปีครั้งยิ่งใหญ่ในวันนี้ ขณะที่เกาหลีเหนือออกมาข่มขู่จะทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นทะเลเพลิงในกรณีที่มีการยั่วยุทุกกรณี

    การซ้อมรบร่วมภายใต้รหัส “คีย์รีซอลว์” และ “โฟลอีเกิล” นับเป็นการซ้อมรบร่วมครั้งแรกนับตั้งแต่เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่ถล่มเกาะยอนพยองของเกาหลีใต้เมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว สหรัฐและเกาหลีใต้แถลงว่า การซ้อมรบดังกล่าวเป็นการซ้อมเพื่อตั้งรับ แต่เกาหลีเหนือกลับกล่าวหาว่าเป็นการซ้อมเพื่อรุกราน โดยกองทัพเกาหลีเหนือแถลงวานนี้ว่า หากผู้รุกรานเริ่มยั่วยุเพื่อจะก่อสงครามในท้องถิ่น ทั่วโลกจะเป็นพยานในการตอบโต้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของกองทัพและประชาชนชาวเกาหลีเหนือ และจะพบเห็นการโต้ตอบอย่างไร้ความปราณี เช่น การทำให้กรุงโซลกลายเป็นทะเลเพลิง ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมักจะออกมาเตือนในลักษณะดังกล่าว ก่อนที่การซ้อมรบจะเริ่มขึ้นในเกาหลีใต้ .-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 28 ก.พ. 2554


    สหรัฐพร้อมช่วยโค่นกัดดาฟี


    [​IMG]

    วอชิงตัน 28 ก.พ.- สหรัฐเผยว่า พร้อมเสนอความช่วยเหลือทุกอย่างแก่ชาวลิเบียที่กำลังหาทางโค่นล้ม พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ด้านกลุ่มต่อต้านสามารถยึดหลายเมืองทางตะวันตกของประเทศแล้วและได้ตั้งสภาแห่งชาติชั่วคราวขึ้นในเมืองทางตะวันออก

    นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐสะท้อนเสียงเรียกร้องของผู้นำโลกรวมทั้งประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ต้องการให้ พ.อ.กัดดาฟี ลาออก เธอจะเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในวันนี้และเจรจาทวิภาคีกับหลายประเทศเรื่องวิกฤติลิเบีย นางคลินตัน กล่าวว่า ต้องการเห็นรัฐบาลกัดดาฟีสิ้นสุดและไม่มีการนองเลือดอีก รัฐบาลสหรัฐอยากให้เขาพ้นจากอำนาจโดยเร็วที่สุด และพร้อมเสนอความช่วยเหลือทุกรูปแบบแก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจากสหรัฐ รวมทั้งขอให้รัฐบาลลิเบียยุติการใช้ทหารรับจ้างเข่นฆ่าผู้ประท้วง

    ด้านแกนนำผู้ประท้วงในลิเบียได้ตั้งสภาแห่งชาติชั่วคราวขึ้นในเมืองทางตะวันออกที่ยึดอำนาจได้ และขอให้กองทัพช่วยยึดอำนาจในกรุงตริโปลี นายโจ ลีเบอร์แมน สว.อเมริกันอิสระเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐให้การรับรองรัฐบาลชั่วคราวของลิเบีย ให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยธรรม อาวุธ และทุกหนทางเพื่อใช้ต่อสู้กับเผด็จการในนามของประชาชนชาวลิเบีย ด้านนายจอห์น แมคเคน สว.พรรครีพับลิกันขอให้ประธานาธิบดีโอบามา ประกาศชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ลิเบียที่พัวพันกับการทำร้ายประชาชนจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม.-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 28 ก.พ. 2554


    อังกฤษอายัดทรัพย์สินและยกเลิกเอกสิทธิทางการทูตของกัดดาฟี


    [​IMG]

    ลอนดอน 28 ก.พ.- อังกฤษแจ้งว่า ได้อายัดทรัพย์สินและยกเลิกเอกสิทธิทางการทูตของ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย แล้ว เพิ่มแรงกดดันให้เขาลาออกหลังจากใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงอย่างนองเลือด

    นายวิลเลียม เฮก รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เผยว่า ได้ถอนเอกสิทธิทางการทูตในอังกฤษของ พ.อ.กัดดาฟี และครอบครัวแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แถลงทางโทรทัศน์ว่า กำลังเพิ่มแรงกดดันรัฐบาลลิเบีย และจะมีมาตรการด้านการส่งออกติดตามมา ถึงเวลาที่ พ.อ.กัดดาฟี จะต้องลงจากตำแหน่งแล้ว

    อังกฤษดำเนินการทันทีหลังจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติออกมติคว่ำบาตรลิเบียเรื่องห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินของเขา บุตรสาวและบุตรชาย 4 คน มีรายงานว่า ครอบครัวกัดดาฟีลงทุนในอังกฤษหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และนายซาอิฟ อัลอิสลาม บุตรชายของเขามีบ้านราคา 10 ล้านปอนด์ (ราว 500 ล้านบาท) ในอังกฤษ อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจนว่าการอายัดทรัพย์สินนี้จะกระทบกองทุนความมั่นคั่งแห่งชาติของลิเบียหรือไม่ คาดว่ากองทุนนี้บริหารทรัพย์สินราว 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท).-สำนักข่าวไทย

    วันจันทร์ ที่ 28 ก.พ. 2554
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1178
     
  4. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กุมภาพันธ์ 26, 2011

    และแล้ว ก็มาถึงเที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศ “ดิสคัฟเวอรี”

    Mr.Vop @ 08:34

    “ดิสคัฟเวอรี” กระสวยอวกาศซึ่งมีเที่ยวบินมากที่สุดของ NASA ทะยานฟ้าในเที่ยวบินสุดท้ายแล้ว (STS-133) นำ 6 ลูกเรือมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) กับปฏิบัติการในวงโคจรนาน 11 วัน พร้อมนำส่ง “อาร์ทู” หุนยนต์ฮิวแมนอยด์ตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ
    [​IMG]ลูกเรือทั้ง 6 คน (ซ้ายไปขวา) ของเที่ยวบินสุดท้าย STS-133 สตีฟ ลินด์ซีย์ ผู้บังคับการบิน ,อีริค โบ นักบิน และเจ้าห้นที่เฉพาะกิจ 4 ท่าน เบนจาบิน ดรู, ทีโมที โคบรา,ไมเคิล บาร์รัตต์, และ นิโคล สท็อต​
    เป็นภาพประวัติศาสตร์ที่หลายคนต้องจดจำสำหรับการทะยานฟ้าในเที่ยวบินสุดท้ายของ “ดิสคัฟเวอรี” (Discovery) หมายเลขเที่ยวบิน STS-133 โดยกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีเป็นกระสวยอวกาศที่มีเที่ยวบินมากที่สุดขององค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐฯ หรือ NASA
    กระสวยดิสคัฟเวอรีออกจากฐานปล่อยจรวดในศูนย์อวกาศเคนเนดี (Kennedy Space Center) ในฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อเวลา 04.53 น.ของวันที่ 25 ก.พ.2011 นี้ ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งสำนักข่าว AP ประมาณว่ามีแขกราว 40,000 คนที่ได้รับเชิญให้มาร่วมชมเที่ยวบินนี้
    [​IMG]ดิสคัฟเวอรี นำ 6 ลูกเรือมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station: ISS) ในภารกิจยาวนาน 11 วัน​
    พร้อมกันนี้ ดิสคัฟเวอรียังนำส่ง “โรโบนอท 2” (Robonaut 2) หรือ “อาร์ทู” (R2) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ตัวแรกที่ขึ้นสู่อวกาศ เมื่อทะยานฟ้าเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้ทวีตข้อความประกาศให้อาร์ทูว่า “ฉันอยู่ในอวกาศ! สวัสดีจักรวาล” (I’m in space! HELLO UNIVERSE!!!”) ทั้งนี้ อาร์ทูยังคงถูกเก็บไว้ในกล่องระหว่างปล่อยกระสวยอวกาศ ส่วนหุ่นยนต์แฝดฮิวนอยด์ที่ฐานปล่อยได้โบกมือลาแก่แฝดที่กำลังขึ้นสู่วงโคจรด้วย

    [​IMG]
    เป้าหมายของการพัฒนาหุ่นยนต์ “อาร์ทู” เพื่อให้เป็นหุ่นยนต์ที่ช่วยมนุษย์ทำงานและสำรวจอวกาศ โดยทั้งทำหน้าที่เคียงข้างมนุษย์ในอวกาศ รับภารกิจเสี่ยงแทนมนุษย์ ซึ่งการมีหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จะช่วยเหลืองานต่อเติมโครงสร้าง และการสำรวจของมนุษย์ ในเบื้องต้นหุ่นอาร์ทูที่ส่งขึ้นไปเป็นเพียงหุ่นที่มีร่างกายท่อนบน และต่อไปจะได้พัฒนาและส่งอวัยวะด้านล่างขึ้นไปต่อเติมในภายหลัง

    [​IMG]เสื้อยืดที่ระลึก พร้อมปักตราสัญลีกษณ์เที่ยวบินสุดท้าย STS-133 ที่หน้าอก​

    ภารกิจครั้งนี้เป็นเที่ยวบินที่ 39 สำหรับดิสคัฟเวอรีที่ปฏิบัติภารกิจมานานถึง 27 ปี และเป็นเที่ยวบินในปฏิบัติการส่งกระสวยอวกาศของนาซาเที่ยวบินที่ 133 โดยดิสคัฟเวอรีได้เดินทางมาแล้วเป็นระยะทาง 230 ล้านกิโลเมตรนับแต่เริ่มบินครั้งแรกเมื่อปี 1984 และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจครั้งนี้ในวันที่ 7 มี.ค.ก็จะมีระยะการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก 7.2 ล้านกิโลเมตร และจะได้ใช้เวลาอยู่ในอวกาศทั้งสิ้น 363 วัน โดยโคจรรอบโลกทั้งหมด 5,800 รอบ ซึ่งไม่มียานอวกาศลำไหนที่มีเที่ยวบินมากเท่านี้มาก่อน

    [​IMG]ดิสคัฟเวอรีกำลังดีดท่อเชื้อเพลิงแข็งด้านข้างทิ้งเมื่อพ้นชั้นบรรยากาศ ตัวยานจะเห็นเป็นจุดสว่างด้านล่าง​
    นอกจากนี้ เอเอฟพียังรายงานข้อมูลอีกว่าดิสคัฟเวอรีเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่กลับมาบินหลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับยานชาเลนเจอร์ (Challenger) ซึ่งระเบิดระหว่างทะยานฟ้าเมื่อปี 1986 และยานโคลัมเบีย (Columbia) ซึ่งระเบิดหลังกลับสู่โลก เมื่อปี 2003 และดิสคัฟเวอรียังเป็นกระสวยอวกาศลำแรกที่มีผู้บังคับการเป็นผู้หญิง อีกทั้งยังทำหน้าที่ขนส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (the Hubble Space telescope) ขึ้นสู่วงโคจรด้วย

    ขอบคุณ Manager.co.th , AP,AFP,NASA

    2011 กุมภาพันธ์
     
  5. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    น้ำมันขยับลงหลังซาอุฯยันชดเชยอุปทานลิเบีย-หุ้นมะกันปิดบวก

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 มีนาคม 2554 05:35 น.
    [​IMG]

    เอเอฟพี - ราคาน้ำมันขยับลงเมื่อวันจันทร์(28) หลังซาอุดีอาระเบียซาอุดีอาระเบียรับประกันชดเชยอุปทานที่ตึงตัวอันเนื่องมาจากเหตุความไม่สงบในลิเบีย ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดบวกตามข่าวเข้าซื้อและควบรวมกิจการของบริษัทต่างๆ

    สัญญาล่วงหน้าน้ำมันไลต์สวีตครูตของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 91 เซนต์ ปิดที่ 96.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 34 เซนต์ ปิดที่ 111.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(28) ปิดในแดนบวก หลังได้ปัจจัยหนุนจากข่าวเข้าซื้อและควบรวมกิจการ ขณะที่นักลงทุนจับตาไปที่ตัวเลขคนว่างงานมะกันที่มีกำหนดเผยแพร่ออกมาในช่วงกลางสัปดาห์

    วอลล์สตรีทได้รับแรงหนุนจากข่าวแบลคสโตนกรุ๊ป เตรียมเข้าซื้อทรัยพ์สินบางส่วนของเซนโทร พรอเพอร์ตี กรุ๊ป ราว 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอิกควินอกซ์ มิเนรัลส์ ยื่นข้อเสนอซื้อลุนดิน ไมนิง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าเจพี มอร์แกน เชส กำลังพยายามเข้าถือหุ้นของทวิตเตอร์ด้วย

    ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 95.89 จุด (0.79 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,226.34 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 1.22 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,782.27 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 7.35 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,327.23 จุด

    Around the World - Manager Online -
     
  6. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ทูตยูเนสโกย้ำถอนมรดกโลกพระวิหารไม่ได้ - ฮุนเซนดันแผนบริหารสุดตัว

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 00:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    นายโคอิชิโร มัตสึอุระ ทูตพิเศษยูเนสโก เข้าพบ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา 28 ก.พ.54

    “ทูตพิเศษยูเนสโก” ย้ำถอนพระวิหารจากมรดกโลกไม่ได้ ยูเนสโกจะรีบเข้าประเมินความเสียหายและซ่อมแซม หลังจากผู้สังเกตุการณ์จากอาเซียนเข้าพื้นที่แล้ว แต่ยูเนสโกจะยุ่งแค่เรื่องปราสาทไม่เกี่ยวเรื่องเขตแดน ด้าน “ฮุนเซน” ฟ้องไทยยิงปืนครกและปืนใหญ่ใส่ 400 ลูก ขอมรดกโลกเดินหน้าพิจารณาแผนบริหารจัดการในการประชุมที่บาห์เรน และขอให้ดึงไทยหารือความเสียหายของปราสาทพระวิหารที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโกในปารีส “สก อาน” ตอกย้ำอีกแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นที่ยอมรับของนานาชาติส่วนแผนที่ของไทยไม่มีใครรู้จัก

    เว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ เผยแพร่ข่าวจากสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายโคอิชิโร มัตสึอุระ ทูตพิเศษของยูเนสโก กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะถอนปราสาทพระวิหารจากบัญชีมรดกโลก นายโคอิชิโรตั้งข้อสังเกตระหว่างการพบหารือกับนายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    นายเอียง สุพัลเลธ โฆษกนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อ้างคำกล่าวของนายโคอิชิโรว่า “ประเทศไทยมีความตั้งใจที่จะขอให้ยูเนสโกถอนการขึ้นทะเบียนปราสาท แต่ผมได้แจ้งต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกษิต ภิรมย์ ว่าการถอนปราสาทพระวิหารจากบัญชีมรดกโลกนั้นเป็นไปไม่ได้ในทุกทาง เพราะปราสาทพระวิหารมีคุณค่าเป็นสากลโดดเด่น”

    “แหล่งมรดกโลกปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของยูเนสโก ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญยูเนสโกจะมาประเมินและซ่อมแซมปราสาทพระวิหารในอนาคต” นายโคอิชิโรบอกกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

    ขณะเดียวกัน ฮุนเซนได้แจ้งต่อนายโคอิชิโรว่า ทหารไทยได้ยิงกระสุนปืนครกและปืนใหญ่กว่า 400 ลูก เข้าใส่ปราสาทซึ่งทำความเสียหายอย่างรุนแรงต่อแหล่งมรดกโลก นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ขอไม่ให้คณะกรรมการมรดกโลกชะลอแผนบริหารจัดการในการประชุมประจำปีที่บาห์เรนในเดือนมิถุนายน

    “แผนบริหารจัดการปราสาทโดยยูเนสโกของแหล่งมรดกโลกไม่ควรถูกละเลยเพราะการคุกคามของประเทศไทย” ฮุนเซนกล่าว และเพิ่มเติมว่า “ถ้าเราไม่รีบซ่อมแซมปราสาทพระวิหารจะตกอยู่ในอันตราย ยิ่งกว่านั้น มันจะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีที่ว่าประเทศใหญ่สามารถคุกคามยูเนสโกไม่ให้สามารถบริหารจัดการและอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก”

    ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ อ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่านายโคอิชิโรสนับสนุนจุดยืนของฝ่ายไทยที่จะชะลอแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหารของกัมพูชา โดยในประเด็นนี้นายโคอิชิโรบอกกับผู้สื่อข่าวหลังเข้าพบว่า “ยูเนสโกไม่เข้าข้างประเทศใด ยูเนสโกเป็นกลาง”

    สำนักข่าวข่าวด่วนกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 รายงานว่าระหว่างพบหารือกับนายโคอิชิโร มัตสึอุระ ทูตพิเศษยูเนสโก นายฮุนเซน ได้ขอยูเนสโกให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจังเพื่อปกป้องปราสาทพระวิหาร ซึ่งถูกทำลายอย่างรุนแรงจากทหารไทย นายฮุนเซนได้ขอให้มีการหารือระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยกรณีความเสียหายของ ปราสาท และการหารือนั้นควรจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโกที่ปารีสพร้อมการเข้าร่วมของยูเนสโก

    นายฮุนเซนได้บอกกับนายโคอิชิโร มัตสึอุระ ว่าข้อพิพาทพระวิหารไม่ได้มีต้นเหตุมาจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลกตามที่ประเทศไทยกล่าวอ้าง แต่มีสาเหตุจากการรุกรานของ ไทยมากกว่า ขณะที่ นายสก อาน ได้บอกกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเนื้อหาการพบพูดคุยและระบุว่านายกรัฐมนตรีฮุนเซน ได้ยกประเด็นการใช้คลัสเตอร์บอมบ์ของประเทศไทยด้วย

    นายโคอิชิโร มัตสึอุระ บอกกับนายสก อาน ว่ายูเนสโกจะส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเสียหายของปราสาทพระวิหารโดยเร็วที่สุด หลังอาเซียนส่งผู้สังเกตการณ์เข้าประจำ พื้นที่พรมแดนไทย-กัมพูชา

    นายโคอิชิโร มัตสึอุระ เดินทางถึงกัมพูชาช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ โดยจะใช้เวลาเยือนกัมพูชาเป็นเวลา 3 วัน โดยได้เข้าพบนายสก อาน และนายฮุนเซน ในช่วงเช้าวันจันทร์ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมีแผนเข้าพบกับนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศ ตลอดจนจะเข้าพบกษัตริย์สีหมุนี นอกจากนี้ เขามีแผนจะพบกับตัวแทนยูเนสโกประจำกัมพูชารวมถึงเจ้าหน้าที่ทูต การเดินทางเยือนของนายโคอิชิโร มัตสึอุระ มีเป้าหมายเพื่อหาหนทางในการปกป้องปราสาทพระวิหารซึ่งได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากประเทศไทย ซึ่งนายสก อาน ระบุว่าความเสียหายเหล่านี้เป็นอาชญากรรมทางวัฒนธรรมและศาสนา

    ตามคำกล่าวของนายสก อาน รัฐบาลกัมพูชาได้จัดประชุมพิเศษเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของประธานอาเซียน ให้นำเสนอรายงานความเสียหายของปราสาทพระวิหารก่อนการ เดินทางมากัมพูชาของผู้สังเกตการณ์อาเซียน นายสก อาน หวังว่าอาเซียนจะส่งผู้สังเกตการณ์มายังกัมพูชาโดยเร็วที่สุด ซึ่งยูเนสโกจะได้จัดส่งคณะผู้เชี่ยวชาญมายังปราสาท

    สำนักข่าวซินหัวของจีนรายงานว่า นายโคอิชิโร มัตสึอุระ ทูตพิเศษของยูเนสโก กล่าวในวันจันทร์ว่าปราสาทพระวิหารของกัมพูชาจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน หลังเกิดความเสียหายจากการปะทะทางทหารระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยในข้อพิพาทพรมแดนแดนเมื่อวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์

    ระหว่างการเข้าพบนายสก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและประธานคณะกรรมาธิการยูเนสโกของกัมพูชา ในวันจันทร์ นายโคอิชิโรกล่าวว่า เมื่อผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมาถึงที่พิพาทพรมแดน ยูเนสโกจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาประเมินความเสียหายโดยเร็วที่สุด “การซ่อมแซมปราสาทอย่างเร่งด่วนจะต้องดำเนินการหลังการประเมินความเสียหาย และยูเนสโกจะส่งผู้เชี่ยวชาญการซ่อมแซมมาซ่อมแซมปราสาท” นายโคอิชิโรกล่าว และเพิ่มเติมว่า “ยูเนสโกจะไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาพรมแดน แต่จะเกี่ยวข้องเฉพาะตัวปราสาท”

    ขณะเดียวกัน นายสก อาน ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอแผนที่ซึ่งเป็นที่ยอมรับของนานาชาติเกี่ยวกับพรมแดนกัมพูชากับประเทศไทยให้แก่นายโคอิชิโร และได้แสดงแผนที่ซึ่งประเทศไทยบังคับใช้ฝ่ายเดียว ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ

    นอกจากนี้ นายสก อาน ได้แจ้งต่อนายโคอิชิโรถึงความเสียหายร้ายแรงของปราสาทพระวิหารที่เกิดจากกระสุนปืนครกและกระสุนปืนใหญ่ 414 ลูก ที่ตกในปราสาท “ดังนั้น กัมพูชาจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลนี้สู่ประชาคมนานาชาติ”

    Politics - Manager Online -
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    จ่อบุกลิเบีย!!สหรัฐฯเคลื่อนเรือรบ-เครื่องบินประชิด
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 03:28 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เรือกองทัพอังกฤษถูกส่งเข้าอพยพพลเรือนออกจากลิเบีย หลบหนีความไม่สงบ แต่ขณะเดียวกันมีรายงานว่าสหรัฐฯเคลื่อนเรือรบและเครื่องบินทางทหารประชิดลิเบีย ในความพยายามกดดัน กัดดาฟี ให้ลาออกจากตำแหน่ง

    เอเจนซี - เพนตากอนกำลังเคลื่อนเรือรบและเครื่องบินทหารประชิดลิเบีย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งเมื่อวันจันทร์(21) ไม่นานหลังจากรัฐบาลของบารัค โอบามา แสดงท่าทีว่ากำลังพิจารณาทางเลือกในการใช้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อกดดันให้ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ยอมก้าวลงจากตำแหน่ง

    "เรากำลังเคลื่อนเรือเข้าใกล้ลิเบียในกรณีที่จำเป็น" พันเอกดาวิด ลาแปน โฆษกเพนตากอนกล่าว พร้อมระบุว่าเครื่องบินหลายลำก็กำลังเคลื่อนย้ายที่ตั้งขยับไปใกล้ลิเบียเช่นกัน หลังจาก กัดดาฟี ดื้อดึงต่อแรงกดดันจากชาติตะวันตกและประชาชนของเขาเองสำหรับการสละอำนาจที่ยึดครองมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ

    ก่อนหน้านี้รัฐบาลของโอบมาบอกว่าปฏิบัติการทางทหารคือหนึ่งทางเลือกที่กำลังพิจารณาอยู่ แม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่ามีความเป็นไปได้สูงที่อเมริกาอาจไม่เลือกรุกรานทางบกหรือโจมตีทางอากาศ สืบเนื่องจากสถานการณ์ภาคพื้นดินที่ผันผวน

    ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯที่ประจำการอยู่ในทะเลเมเดเตอเรเนียนเป็นเรือชนิดใด โดยมีข้อมูลแต่เพียงว่าพวกเขามีเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำประจำการอยู่ห่างออกไปทางตะวันออก ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ มีฐานบัญชาการอยู่ใกล้กับเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี ที่อยู่ตรงข้ามชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียนของลิเบีย

    Around the World - Manager Online -
     
  8. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ฝรั่งเศสเปลี่ยนตัว'รมว.ต่างประเทศ'รับมือกระแส'ลุกฮือ'ในโลกอาหรับ
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 02:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เอเอฟพี - ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ลงแรงใช้ความพยายามเมื่อวันอาทิตย์(27) เพื่อกอบกู้นโยบายการต่างประเทศที่กำลังอยู่ในอาการตุปัดตุเป๋ของฝรั่งเศส โดยจัดแจงเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีต่างประเทศซึ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาว จากความสนิทสนมกับผู้นำตูนิเซียที่ถูกประชาชนโค่นล้ม ทั้งนี้ด้วยความฉาวโฉ่ดังกล่าวนี้เองทำให้แดนน้ำหอมเสียขบวนทำอะไรไม่ค่อยถูกในการรับมือกับกระแสลุกฮือครั้งมโหฬารในโลกอาหรับเวลานี้

    นางมิเชล อัลลิโยต์-มารี รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสซึ่งปัจจุบันอยู่ในวัย 64 ได้ยอมยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง แต่เธอยังคงยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ จากการที่เธอใช้บริการเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวและยอมรับไมตรีจิตมิตรภาพจากพันธมิตรสนิทสนมผู้หนึ่งของ ซิเน เอล อาบิดิเน เบน อาลี บุรุษเหล็กแห่งตูนิเซีย เพียงไม่นานก่อนที่เขาจะถูกประชาชนประท้วงลุกฮือโค่นล้ม

    ขณะที่ซาร์โกซีก็อนุมัติใบลาของเธออย่างไม่รีรอ และรีบแต่งตั้งรัฐมนตรีกลาโหม อแลง จุปเป ซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโสเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาก่อน เข้าแทนที่เธอ ด้วยความมุ่งหมายที่จะกอบกู้ฟื้นคืนชื่อเสียงของฝรั่งเศสในหมู่ประชาชนชาวตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ซึ่งกำลังก่อกระแสโค่นล้มระบอบปกครองเผด็จการประเทศแล้วประเทศเล่า

    การปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้บังเกิดขึ้นเพียงแค่ 3 เดือนหลังการปรับครั้งก่อนในวันที่ 14 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งซาร์โกซีวาดหวังว่าจะทำให้เขาได้ทีมผู้ชนะที่จะช่วยเติมเต็มพลังการต่อสู้ให้แก่เขา ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดจะจัดขึ้นในปีหน้า

    ทว่ากระแสการลุกฮือในโลกอาหรับ ซึ่งได้โค่นล้มพวกผู้นำที่เป็นเพื่อนมิตรของฝรั่งเศส เป็นต้นว่า ซิเน เบน อาลี แห่งตูนิเซีย และ ฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ เหล่านี้ทำให้การทูตของแดนน้ำมันอยู่ในอาการตุปัดตุเป๋ อีกทั้งสร้างความเสียหายแก่เกียรติภูมิของประเทศชาติ

    อัลลิโยต์-มารี กลายเป็นจุดศูนย์รวมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงที่สุด โดยการกระทำของเธอที่ถือว่าผิดพลาดที่สุดได้แก่ การที่เธอไปเสนอว่าฝรั่งเศสพร้อมช่วยตำรวจปราบจลาจลของตูนิเซีย ในภารกิจปราบปรามการก่อกบฎของประชาชนซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 11 มกราคม

    จากนั้นก็ตามมาด้วยการที่เธอถูกเปิดโปงว่า เธอพร้อมครอบครัวไปได้ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่ตูนิเซียซึ่งเคยเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในช่วงที่กำลังเกิดการลุกฮือ อีกทั้งใช้เครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของนักธุรกิจผู้หนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับระบอบปกครองของเบน อาลี แถมบิดามารดาของเธอยังได้ไปซื้อหุ้นบริษัทแห่งหนึ่งของนักธุรกิจผู้นี้ด้วย

    ทางด้านพรรคสังคมนิยมที่เป็นพรรคฝ่ายค้านของฝรั่งเศส ได้แถลงก่อนที่อัลลิโยต์-มารีจะยื่นใบลาออกอย่างเป็นทางการว่า การอำลาตำแหน่งของเธอเป็น “จุดจบที่สมเหตุสมผล” ทว่า “นิโกลาส์ ซาร์โกซี ต่างหาก คือตัวปัญหาของนโยบายการต่างประเทศของฝรั่งเศส”

    ไม่เพียงฝ่ายค้านเท่านั้น ในหมู่นักการทูตของฝรั่งเศสเองก็วิพากษ์วิจารณ์ตัวซาร์โกซีด้วย โดยที่นักการทูตกลุ่มหนึ่งได้ทำจดหมายเปิดผนึกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เลอมง ระบุว่านโยบายของซาร์โกซีนั้นมีจุดอ่อนในเรื่อง “ความเป็นมือสมัครเล่น” และ “การอาศัยแต่แรงกระตุ้น” จึงสร้างความเสียหายให้แก่ภาพลักษณ์ของฝรั่งเศส

    Around the World - Manager Online -
     
  9. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    กบฏลิเบียเตรียมสู้สมุนกัดดาฟี วิตก'รบ'ไม่จบแม้ยึดเกือบทั้งปท.
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 กุมภาพันธ์ 2554 22:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    กลุ่มกบฏติดอาวุธลิเบียตั้งมั่นเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีตอบโต้ของกองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี

    เอเอฟพี/เอเจนซี - กลุ่มกบฏติดอาวุธลิเบียตั้งมั่นเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีตอบโต้ของกองกำลังผู้ภักดีต่อประธานาธิบดีมูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อวันจันทร์ (28) หลังจากที่ยึดเมืองทางตะวันตกได้เพิ่มขึ้นจนทำให้สามารถควบคุมเกือบทั้งประเทศได้แล้ว อย่างไรก็ตามผู้นำกัดดาฟีประกาศกร้าวว่า เวลานี้สถานการณ์บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติโดยที่พวกนักรบโค่นระบอบได้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว และก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกินจริงตามที่ต่างชาติระบุแต่อย่างใด

    กลุ่มฝ่ายค้านซึ่งทวีกำลังเพิ่มขึ้นทุกวันจากพวกทหารและตำรวจที่แปรพักตร์มาสมทบ ได้รุดยึดครองเมืองซอวียะห์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกใกล้กับกรุงตริโปลีอันเป็นฐานที่มั่นและบัญชาการของกัดดาฟี ได้เพิ่มขึ้นอีกแห่งตั้งแต่วันอาทิตย์ (27) ส่งผลให้ตอนนี้ฝ่ายค้านสามารถควบคุมเมืองทางฟากตะวันตกได้เกือบทั้งหมดแล้ว จากที่ยึดครองเมืองฝั่งตะวันออกได้อย่างราบคาบก่อนนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาระบุว่า กองกำลังที่ยังจงรักภักดีต่อกัดดาฟีจำนวนราว 2,000 คน ยังคงห้อมล้อมเมืองซอวียะห์ไว้เพื่อรอจังหวะบุกโจมตียึดเมืองคืน

    “เราจะสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อขับไล่พวกมันออกไป พวกมันจะโจมตีเราในอีกไม่ช้า” อดีตนายตำรวจชั้นยศพันตำรวจตรีซึ่งหันมาเข้าร่วมกับพวกกบฏโค่นล้มระบอบ กล่าว “หากว่าพวกเรากำลังสู้เพื่อเสรีภาพ พวกเราก็พร้อมที่จะตายเพื่อมัน”

    ขณะที่พลเอกอาห์เหม็ด เอล-กอตรอนี หนึ่งในกลุ่มนายทหารระดับอาวุโสที่สุดที่ก่อการกบฏในเมืองเบงกาซี เล่าสถานการณ์ในกรุงตริโปลีกับรอยเตอร์ ระบุว่า พวกชาวบ้านได้ขว้างสิ่งกีดขวางใส่กองกำลังของรัฐบาลเพื่อเป็นการต่อต้าน พร้อมกันนี้ยังบอกด้วยว่า ทหารภายใต้บัญชาของเขาพร้อมแล้วที่จะเข้าช่วยเหลือพวกกบฏในการสู้ศึกที่เมืองทางฝั่งตะวันตก

    “พี่น้องของเราในตริโปลีบอกว่า 'พวกเรายังสบายดีกันอยู่ พวกเรายังไม่ต้องการความช่วยเหลือในตอนนี้' ซึ่งหากพวกเขาขอความช่วยเหลือมาเมื่อใด พวกเราก็พร้อมที่จะเคลื่อนพลทันที” เอล-กอตรอนี ระบุ

    ทั้งนี้ผู้สันทัดกรณีหลายคนวิเคราะห์ว่า กลุ่มกบฏจะสามารถยึดครองเมืองหลวงได้ในที่สุด จากนั้นก็จับเป็นหรือไม่ก็จับตายกัดดาฟี อย่างไรก็ตาม พวกเขาเตือนว่ากัดดาฟียังคงมีพิษสงที่ไม่อาจประมาทได้ โดยที่เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปราบปรามจลาจลและสงครามกลางเมืองตามที่กัดดาฟีและบุตรชายของเขาเคยขู่ไว้ก่อนหน้านี้

    นอกจากนี้ ปัญหาหนักอึ้งที่กลุ่มฝ่ายค้านยังต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากไม่สามารถเผด็จศึกกัดดาฟีลงได้โดยเร็ว ก็คือ การขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค โดยคอลิฟะห์ เอล-ฟายตูรี อาสาสมัครด้านสาธารณสุขและเภสัชวิทยา เตือนว่า เมืองเบงกาซี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศและอยู่ในความควบคุมของพวกกบฏกำลังจะขาดแคลนอาหารและยาขั้นรุนแรงภายใน 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมาได้กระทบต่อภาคการนำเข้าประเภทอาหารสดและอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ และจวบจนถึงบัดนี้ร้านค้าและโรงงานต่างๆ ในเมืองดังกล่าวก็ยังคงปิดดำเนินการอยู่

    ด้านกัดดาฟีได้ออกมาแถลงผ่านโทรทัศน์พิงค์ เทเลวิชั่นของเซอร์เบีย อันเป็นการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ต่างชาติในแบบที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยตำหนิการกระทำของรัฐบาลต่างชาติและกลุ่มอัลกออิดะห์ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ยังประณามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่มีมติคว่ำบาตรเขาและพวกพ้องด้วยบทลงโทษต่างๆ และบอกด้วยว่ามาตรการเหล่านั้นล้วนเป็นโมฆะ นอกจากนี้เขายังประณามมติยูเอ็นเอสซีที่จะนำเขาขึ้นเขียงไต่สวนที่ศาลอาญาระหว่างประเทศด้วยข้อหาอาชญากรสงคราม

    “ประชาชนลิเบียยังคงให้การสนับสนุนผม ขณะที่พวกกบฏกลุ่มเล็กๆ ได้ถูกล้อมไว้หมดแล้ว และจะต้องถูกปราบปรามให้สิ้นซาก” กัดดาฟี กล่าว

    "เป็นไปได้อย่างไรที่คณะมนตรีความมั่นคงจะลงมติด้วยหลักฐานอ้างอิงจากรายงานของสื่อ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และขัดกับสามัญสำนึก" เขากล่าวเป็นภาษาอาหรับ โดยมีคำบรรยายเป็นภาษาเซอร์เบีย

    นอกจากนี้ในถ้อยแถลงของผู้นำลิเบียยังยืนกรานว่า สถานการณ์ในประเทศเวลานี้ได้กลับสู่ภาวะปกติ และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแล้ว ทั้งยังอ้างด้วยว่าผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีจำนวนมากมายตามที่ต่างชาติประโคมข่าวแต่อย่างใด

    สำหรับสถานการณ์การเมืองภายในลิเบีย ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ (27) มุสตาฟา อับเดล จัลอิล อดีตรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้ประกาศจัดตั้งรัฐบาลชุดเฉพาะกาลขึ้นมาแทนที่ระบอบของกัดดาฟี แต่กระนั้นก็ปรากฏว่ายังไม่มีการตอบรับเป็นเสียงเดียวจากกลุ่มกบฏตามเมืองหลายแห่งซึ่งเวลานี้ได้ปลดปล่อยตนเองแล้วและแยกอิสระจากกัน

    ด้านมหาอำนาจยุโรปก็ยังคงกดดันไม่เลิกให้กัดดาฟีก้าวลงจากเก้าอี้ ขณะที่นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีการต่างประเทศของสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาประกาศย้ำท่าทีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา พร้อมกับระบุว่าทางสหรัฐฯ สามารถติดต่อกับกลุ่มฝ่ายค้านแล้ว

    ส่วนปฏิบัติการอพยพผู้คนออกจากลิเบียก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยที่มีมอลตาซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่ตั้งอยู่ใกล้กับลิเบียมากที่สุดเพียง 350 กิโลเมตร เป็นศูนย์กลางในการเป็นที่พักพิงของผู้อพยพชาวต่างชาติ โดยที่นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ กองซี ของมอลตา ระบุว่า ประเทศของเขาได้รับผู้อพยพจากลิเบียมาแล้วราว 8,000 คนจาก 89 สัญชาตินับตั้งแต่ที่วิกฤตลิเบียเริ่มปะทุเป็นต้นมา พร้อมกับแสดงความวิตกว่า ตัวเลขผู้ลี้ภัยอาจพุ่งสูงกว่านี้อีกมากโข

    “หากสถานการณ์ (ในลิเบีย) ยังคงทวีความตึงเครียดต่อไปเช่นนี้ เราก็จำเป็นต้องขอแรงช่วยเหลือจากชาติอื่นๆ ในยุโรปเพื่อแบ่งเบาภาระ” เขา กล่าว

    ก่อนหน้านี้เรือข้ามฟากลำหนึ่งซึ่งเหมาลำโดยบริษัทพลังงานของบราซิลได้ล่องมาถึงท่าเรือมอลตาพร้อมด้วยผู้อพยพราว 1,800 คน ซึ่งประกอบด้วยพลเรือนสัญชาติไทย, จีน, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยที่พวกเขาจะเดินทางต่อโดยเครื่องบินเพื่อกลับสู่มาตุภูมิต่อไป

    Around the World - Manager Online -
     
  10. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    สหรัฐฯ-ยุโรปคิดใช้กำลังทหาร สยบ'กัดดาฟี'ให้อำลาตำแหน่ง
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>1 มีนาคม 2554 01:40 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    กบฏลิเบียที่สามารถยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ กำลังติดตั้งปืนต่อสู้อากาศยานในเบนกาซี รับมือการโจมตีของฝ่ายสนับสนุนกัดดาฟี ประนาธิบดีที่ถูกนานาชาติกดดันอย่างหนัก

    เอเอฟพี/เอเจนซี - สหรัฐฯและยุโรปวันจันทร์(28ก.พ.) แสดงท่าทีว่ากำลังพิจารณาทางเลือกในการใช้ปฏิบัติการทางทหาร เพื่อกดดันให้ มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ยอมก้าวลงจากตำแหน่ง นอกเหนือจากใช้มาตรการกดดันคว่ำบาตรต่างๆ ขณะที่กลุ่มกบฏติดอาวุธลิเบียที่ยึดเมืองทางตะวันตกได้เพิ่มขึ้นจนทำให้สามารถควบคุมเกือบทั้งประเทศได้แล้วนั้น ก็ตั้งมั่นเตรียมพร้อมรับมือการโจมตีตอบโต้ของกองกำลังผู้ภักดีต่อกัดดาฟี

    เมื่อวันจันทร์ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชน เปิดประชุมหารือกันในนครเจนีวา ในเรื่องที่กองกำลังของกัดดาฟีปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านระบอบปกครองของเขาอย่างนองเลือด รวมทั้งเรื่องวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นตามมา ส่วนศาลอาญาระหว่างประเทศก็ประกาศจากกรุงเฮกว่า จะทำการสอบสวนถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดการประกอบอาชญากรรมต่อมนุษยชาติขึ้นในลิเบีย

    ทางด้านสหภาพยุโรป(อียู) แถลงจากกรุงบรัสเซลส์ว่า บรรดารัฐบาลของสมาชิกอียูได้ตกลงเห็นชอบใช้มาตรการคว่ำบาตรกัดดาฟีและสมาชิกครอบครัวตลอดจนที่ปรึกษาวงในของเขาอีก 25 คน มาตรการดังกล่าวมีทั้งการอายัดทรัพย์สิน, ห้ามขายสินค้าที่อาจใช้เล่นงานปราบปรามมผู้ประท้วง, และห้ามเดินทางมายังดินแดนของอียู

    นอกจากนั้น อียูยังบอกด้วยว่ามีการติดต่อกับชาวลิเบียที่กำลังหาทางโค่นล้มระบอบปกครองกัดดาฟี ท่าทีเช่นนี้ของฟากฝั่งยุโรป มีขึ้น 1 วันหลังจากที่สหรัฐฯก็แถลงว่ามีการติดต่อและพร้อมที่จะช่วยเหลือพวกผู้ประท้วงที่ลุกฮือขึ้นมายึดเมืองสำคัญๆ ในลิเบีย ตลอดจนเวลานี้เข้าควบคุมดินแดนอันกว้างขวางของรัฐร่ำรวยน้ำมันในแอฟริกาเหนือแห่งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว

    การที่กัดดาฟีทำการกวาดล้างปราบปรามพวกลุกฮืออย่างสุดโหดโดยไม่สนใจว่าจะกลายเป็นการสังหารหมู่หรือสงครามกลางเมือง รวมทั้งยังทำให้เกิดวิกฤตผู้อพยพหลบหนีออกจากลิเบียจำนวนมากมาย เจ้าหน้าที่อาวุโสของฝ่ายตะวันตกหลายราย เป็นต้นว่า นายกรัฐมนตรี ฟรองซัวส์ ฟิลลอง ของฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงท่าทีวานนี้ว่า กำลังพิจารณาเรื่องทางเลือกในการปฏิบัติการทางทหาร

    “เรากำลังศึกษาทางเลือกทุกๆ ทางที่จะทำให้มั่นใจว่า พ.อ.กัดดาฟีบังเกิดความเข้าใจขึ้นมาว่าเขาจำเป็นจะต้องออกไปเสีย ผมทราบว่าผู้คนเอ่ยอ้างถึงทางเลือกทางการทหารกันอยู่ และหนทางแก้ไขเหล่านี้ก็กำลังได้รับการพิจารณาโดยรัฐบาลฝรั่งเศส” ฟิลลองกล่าวในการให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุอาร์ทีแอล

    ทางเลือกในการปฏิบัติการทางทหารทางหนึ่งที่วางแบอยู่บนโต๊ะก็คือ การใช้แสนยานุภาพทางอากาศขององค์การนาโต้ บังคับให้มีเขตพื้นที่ห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย เพื่อยับยั้งกัดดาฟีไม่ให้ใช้เครื่องบินโจมตีประชาชนของตัวเอง อย่างไรก็ดี พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า มาตรการนี้จะทำได้ก็ต้องเป็นมติของยูเอ็นเสียก่อน

    สำหรับสถานการณ์ภายในลิเบียนั้น กลุ่มฝ่ายค้านซึ่งทวีกำลังเพิ่มขึ้นทุกวันจากพวกทหารและตำรวจที่แปรพักตร์มาสมทบ ได้รุดยึดครองเมืองซอวียะห์ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกใกล้กับกรุงตริโปลีอันเป็นฐานที่มั่นและบัญชาการของกัดดาฟี ได้เพิ่มขึ้นอีกแห่งตั้งแต่วันอาทิตย์ (27) ส่งผลให้ตอนนี้ฝ่ายค้านสามารถควบคุมเมืองทางฟากตะวันตกได้เกือบทั้งหมดแล้ว จากที่ยึดครองเมืองฝั่งตะวันออกได้อย่างราบคาบก่อนนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาระบุว่า กองกำลังที่ยังจงรักภักดีต่อกัดดาฟีจำนวนราว 2,000 คน ยังคงห้อมล้อมเมืองซอวียะห์ไว้เพื่อรอจังหวะบุกโจมตียึดเมืองคืน

    ขณะที่พลเอกอาห์เหม็ด เอล-กอตรอนี หนึ่งในกลุ่มนายทหารระดับอาวุโสที่สุดที่ก่อการกบฏในเมืองเบงกาซี เล่าสถานการณ์ในกรุงตริโปลี โดยระบุว่า พวกชาวบ้านได้ขว้างสิ่งกีดขวางใส่กองกำลังของรัฐบาลเพื่อเป็นการต่อต้าน พร้อมกันนี้ยังบอกด้วยว่า ทหารภายใต้บัญชาของเขาพร้อมแล้วที่จะเข้าช่วยเหลือพวกกบฏในการสู้ศึกที่เมืองทางฝั่งตะวันตก

    อย่างไรก็ตาม ปัญหาหนักอึ้งที่กลุ่มฝ่ายค้านยังต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หากไม่สามารถเผด็จศึกกัดดาฟีลงได้โดยเร็ว ก็คือ การขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค โดย คอลิฟะห์ เอล-ฟายตูรี อาสาสมัครด้านสาธารณสุขและเภสัชวิทยา เตือนว่า เมืองเบงกาซี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศและอยู่ในความควบคุมของพวกกบฏกำลังจะขาดแคลนอาหารและยาขั้นรุนแรงภายใน 3 สัปดาห์ข้างหน้านี้ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมาได้กระทบต่อภาคการนำเข้าประเภทอาหารสดและอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศ และจวบจนถึงบัดนี้ร้านค้าและโรงงานต่างๆ ในเมืองดังกล่าวก็ยังคงปิดดำเนินการอยู่

    ด้านกัดดาฟีได้ออกมาแถลงผ่านโทรทัศน์พิงค์ เทเลวิชั่นของเซอร์เบีย อันเป็นการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์ต่างชาติในแบบที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก โดยตำหนิการกระทำของรัฐบาลต่างชาติและกลุ่มอัลกออิดะห์ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบขึ้นในประเทศ นอกจากนี้ยังประณามคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ที่มีมติคว่ำบาตรเขาและพวกพ้องด้วยบทลงโทษต่างๆ และบอกด้วยว่ามาตรการเหล่านั้นล้วนเป็นโมฆะ

    นอกจากนี้ในถ้อยแถลงของผู้นำลิเบียยังยืนกรานว่า สถานการณ์ในประเทศเวลานี้ได้กลับสู่ภาวะปกติ และไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแล้ว ทั้งยังอ้างด้วยว่าผู้เสียชีวิตจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีจำนวนมากมายตามที่ต่างชาติประโคมข่าวแต่อย่างใด

    Around the World - Manager Online -
     
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 มีนาคม 2554 05:12
    <!-- End Content Header -->ทำพิธีดูอาเพื่อสันติ

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->[​IMG]

    มูลนิธิอิสลามเพื่อพัฒนาสังคมและเศรษฐกิแห่งประเทศไทยร่วมกับพี่น้องชาวมุสลิมทำพิธีดูอาเพื่อสันติสุข หน้าอาคารลิเบีย ร.ร.มูลนิธิสตรีไทยมุสลิม
     
  12. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 มีนาคม 2554 06:47
    กัดดาฟีระบุโดนสหรัฐทอดทิ้ง

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    [​IMG]

    กัดดาฟีให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ บอกโดนสหรัฐทอดทิ้ง พร้อมกล่าวหากรุงวอชิงตันว่าต้องการเข้าครอบครองลิเบีย

    พันเอกโมอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย ให้สัมภาษณ์สื่อต่างชาติ 3 รายว่า รู้สึกประหลาดใจต่อท่าทีของสหรัฐ เพราะลิเบียเป็นพันธมิตรกับโลกตะวันตก ในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอัลไกดา และว่า ในขณะนี้ ลิเบียกำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายเช่นกัน แต่ชาติตะวันตกกลับทอดทิ้งพวกเขา
    "บางที่พวกเขาอาจต้องการเข้าครอบครองลิเบีย" พันเอกกัดดาฟี ระบุ พร้อมยืนยันว่า จะไม่ยอมลงจากอำนาจ เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นทั้งประธานาธิบดี หรือกษัตริย์
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ผู้นำลิเบีย ยังกล่าวถึงประธานาธิบดีบารัก โอบามา ว่าเป็นคนดี แต่ชี้ว่า ผู้นำสหรัฐอาจได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด
    "ถ้อยแถลงที่ผมได้ยินมาจากเขา อาจมาจากบุคคลอื่น" ผู้นำลิเบียกล่าว พร้อมทิ้งท้ายว่า สหรัฐไม่ได้เป็นตำรวจโลก

     
  13. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 มีนาคม 2554 06:42
    <!-- End Content Header -->ดีเอสไอ ตรวจพบน้ำมันปาล์มหาย6.5แสนลิตร

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ดีเอสไอ พบน้ำมันปาล์มหาย 6.5 แสนลิตร ไล่ตรวจบริษัทและห้างที่เกี่ยวข้อง เตรียมเช็คใบกำกับภาษี คาดว่าได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

    ปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาด และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบในเรื่องนี้โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม และเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เข้าตรวจสอบการจัดเก็บและส่งจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดฝาสีฟ้า 2 จุด

    โดยจุดแรกที่ศูนย์กระจายสินค้าบริษัทเทสโก้ โลตัส สาขาสามโคก เลขที่ 30/1-2 หมู่ที่ 6 ถนนวงแหวนรอบนอก กม.ที่ 65 ต.คลองความ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี จุดที่สอง ศูนย์กระจายสินค้าบริษัทเทสโก้ โลตัส สาขาวังน้อย เลขที่ 118/1 หมู่ 4 ถนนพหลโยธิน ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากบริษัท โรงกลั่นน้ำมันปาล์มมรกต ที่ได้รับโควตาจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่านำส่งน้ำมันมากระจายสินค้าที่นี่
    พ.ต.ต.สุริยา เปิดเผยภายหลังจากการเข้าตรวจจุดแรก ว่า บริษัทมรกต แจ้งว่าได้ส่งน้ำมันปาล์มตามโควตา กระทรวงพาณิชย์ มาที่ศูนย์กระจายสินค้าสามโคก เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา จำนวน 27,960 ลิตร โดยส่งมา 3 ขนาด คือ 1 ลิตร 1.25 ลิตร และ 5 ลิตร แต่จากการตรวจสอบพบน้ำมันปาล์มชนิดบรรจุปี๊บ ความจุ 16.2 ลิตร ราคาขายปี๊บละ 1,009 บาท
    พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า เอกสารการส่งสินค้าของบริษัทมรกต และที่ตรวจพบในเทสโก้ โลตัส จึงไม่ตรงกัน ดังนั้น ดีเอสไอ จะกลับไปตรวจสอบเอกสาร และตรวจสอบนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีการบังคับการขายไว้ชัดเจนหรือไม่ เนื่องจากยังมีความแตกต่างของราคาระหว่างการขายเป็นขวดขนาด 1 ลิตร ในราคาขวดละ 47 บาท และการขายเป็นปี๊บ 16.2 ลิตร ในราคา 1,009 บาท
    ต่อมา พ.ต.ต.สุริยา พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบศูนย์กระจายสินค้าบริษัทเทสโก้ โลตัส สาขาวังน้อย ซึ่งได้รับน้ำมันปาล์มจากบริษัทโอลีน จำนวน 800,000 ลิตร และบริษัทมรกต จำนวน 650,000 ลิตร
    อย่างไรก็ตาม พบว่าที่ศูนย์กระจายสินค้าโลตัส ได้รับน้ำมันปาล์มจากบริษัท มรกต เพียง 500,000 ลิตร ส่วนบริษัทโอลีน ที่แจ้งว่าส่งมา 800,000 ลิตร แต่ที่ตรวจพบเพียง 300,000 ลิตร หายไป 500,000 ลิตร ซึ่งเอกสารทั้ง 2 บริษัทไม่ตรงกันจึงต้องตรวจสอบความผิดพลาดว่าเกิดจากจุดไหน โดยจะไปดูที่ใบกำกับภาษี และคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (1 มี.ค.) ดีเอสไอ มีกำหนดตรวจสอบเรื่องการกักตุนน้ำมันปาล์ม ที่ คลังกระจายสินค้าของห้างเทสโก้ โลตัส ย่านบางบัวทอง และคลังกระจายสินค้าของห้างแม็คโคร และ ห้างบิ๊กซี ย่าน อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
    นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า หากพบว่า มีการกระทำผิดเรื่องการกักตุนสินค้าจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง เนื่องจากในช่วงภาวะวิกฤติทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ปัญหา

     
  14. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 มีนาคม 2554 01:00

    <DD class=columnist-name>กาแฟดำ </DD>เรายังไม่มีแผนฉุกเฉิน สำหรับคนไทยต่างแดน

    โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

    ผมได้รับจดหมายผ่านอีเมลจากตัวแทน ของคนงานไทยที่ลิเบีย เมื่อสองวันก่อนด้วยน้ำเสียงของคนที่หงุดหงิด และต้องการเห็นการทำงาน

    ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของกระทรวงแรงงาน ในการช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ที่ลิเบีย อีเมลฉบับนี้เขียนว่าอย่างนี้
    ผมมีเรื่องให้ถามคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน (รัฐมนตรีแรงงาน) ว่าคำพูดข้างล่างหมายความว่าอย่างไร?
    “สถานทูตไทยมีไว้ทำไม? ทำไมไม่ทำเรื่องขออนุญาต ในเมื่อรายชื่อคนงานส่งไปให้หมดแล้ว คุณเฉลิมชัย พูดเหมือนว่าถ้าทางการลิเบีย ไม่อนุญาต ก็ไม่ต้องไปไหนใช่ไหม? จากข้อความข้างล่าง ผมว่ารัฐมนตรีคนนี้ “มั่ว” แล้ว...
    ...นายเฉลิมชัย กล่าวว่า “ขณะนี้มีแรงงานไทยรอขึ้นเครื่องบิน 1,936 คน แบ่งเป็นที่ตูนิเซีย 513 คน อียิปต์ 158 คนมอลตา 1,265 คนและต้องพิจารณาเรื่องการอพยพให้เหมาะ คือมีปัญหาสองเมืองคือตริโปลีและเบงกาซีซึ่งอาจไม่จำเป็นจำต้องอพยพ และการเดินทางออกจากลิเบีย ต้องได้รับใบอนุญาตให้ออกนอกประเทศหากไม่ได้รับการอนุญาตก็ไม่สามารถออกมาได้…”
    ความจริงก่อนที่ผมจะได้รับทราบความเห็นของคนไทยบางคน ที่มีปัญหาความล่าช้าของการอพยพ และการเข้าไปช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนเมื่อประสบเหตุการณ์ไม่ปกติ (ล่าสุดที่ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือว่าความไม่ปกติทางการเมือง และที่นิวซีแลนด์ เพราะเหตุแผ่นดินไหวร้ายแรง) ผมก็ได้รับทราบจากหลายทางถึงปัญหาการประสานงานระหว่างกระทรวงต่างประเทศ กับกระทรวงแรงงานและหน่วยราชการอื่นๆ ในความพยายามที่จะช่วยเหลือคนไทยในต่างแดนเมื่อมีเหตุเภทภัยที่คาดไม่ถึง
    คนข่าวที่ได้รับการติดต่อให้ร่วมไปทำข่าวที่ลิเบีย จากหน่วยราชการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พอเข้าไปประสานงานก็เจอปัญหาต่างฝ่ายต่างโยนกันระหว่างสองกระทรวงนี้ เสมือนหนึ่งไม่มี “เจ้าภาพ” และไม่รู้จักความสำคัญของการทำงานร่วมมือเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
    แทนที่จะยังติดกับดักกับปัญหาเรื้อรังเก่าๆ ว่า “ฉันรู้แต่เรื่องของกระทรวงฉัน เธออย่ามายุ่งกับฉัน เพราะเรามีเจ้านายคนละคน และต่างคนต่างก็ต้องการอ้างผลงาน”
    เหตุการณ์ในช่วงเดือนที่ผ่านมาในต่างประเทศ ที่กระทบคนไทยในต่างแดน ควรจะเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับการที่หน่วยราชการของไทยจะต้องมี “แผนสำรองฉุกเฉิน” สำหรับคนไทยในต่างประเทศเมื่อมีเหตุผิดปกติ และต้องการความช่วยเหลือด่วนเหมือนที่หลายประเทศกำหนดเอาไว้
    แต่ของประเทศไทยดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับ “แผนฉุกเฉินคนไทยในต่างแดน” น้อยมาตลอด และมักจะเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นทุกครั้งไป ทั้งๆ ที่ในหลายๆ ครั้งนั้น เหตุเลวร้ายที่มีผลกระทบต่อคนไทยในต่างประเทศสามารถจะคาดการณ์ได้ล่วงหน้า
    เช่นกรณีวิกฤติการเมืองในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ที่ได้เริ่มที่ตูนิเซียมาหลายเดือนก่อน และลามมาถึงลิเบียกับอีกหลายประเทศในวันนี้
    เป็นเรื่องที่สามารถจะวิเคราะห์ และคาดการณ์ได้ล่วงหน้าหากกระทรวงทบวงกรมต่างๆ จะตั้งหน่วยกลางที่มีตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์ ประสาน เตรียมพร้อม ซ้อมรับภัยเป็นระยะๆ อย่างที่หลายๆ ประเทศที่ทำเรื่องนี้สำเร็จมาก่อนหน้านี้แล้วเป็นตัวอย่างให้เห็น
    ประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้นที่จะเห็นชีวิตของคนของตัวเองมีค่า และมีแผนรองรับทุกสถานการณ์ ที่อาจจะคุกคามชีวิตของคนของตน ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศก็ตาม

     
  15. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 1 มีนาคม 2554 01:00

    โกงถึงก้นครัว

    โดย : รักษ์ มนตรีmo_tri@twitter,facebook

    ลมยามบ่ายพัดเอาไอร้อนจากทุ่งนาวังน้อย พระนครศรีอยุธยา โชยมาหาพวกเราสื่อมวลชน หลายชีวิตที่นั่งเฝ้ารอการตรวจสอบ

    ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทเทสโก้ โลตัส ถนนพหลโยธิน เพื่อให้เห็น "เส้นทางสายปาล์ม"
    กรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบโรงงานผลิตน้ำมันปาล์ม และตรวจดูโกดังศูนย์ค้าส่ง รวมถึงยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่รับโควตาน้ำมันปาล์มฝาสีฟ้า ไปจำหน่าย
    ขณะที่ผมนั่งเขียนคอลัมน์ ข่าวเอสเอ็มเอส ส่งผ่านเข้ามาทางโทรศัพท์มือถือบอกว่าห้างสรรพสินค้าหลายแห่งไม่มีน้ำมันปาล์มวางจำหน่าย ทั้งที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกพี่น้องประชาชนผ่านทางรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ว่าวันพรุ่งนี้ (28 กุมภาพันธ์) จะเริ่มมีน้ำมันปาล์มฝาสีชมพูออกจำหน่ายในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และอีก 2-3 วัน จะมีกระจายไปถึงพี่น้องประชาชนตามต่างจังหวัด
    (มีจริง เพราะนายอภิสิทธิ์ไปเจอกับตัวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านนวมินทร์ พบว่ามีน้ำมันปาล์มที่ตีตราเดือนมกราคม ออกมาวางขาย)
    ขณะที่ดีเอสไอกำลังตรวจสอบโกดังสินค้าของเทสโก้ โลตัส วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานคณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ บอกกับนักข่าวว่า "ดีเอสไอ รายงานการเข้าตรวจสอบความไม่โปร่งใสในการกักตุนน้ำมันปาล์มเฉพาะการตรวจสอบของโรงงานทั้งหลาย ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบแต่เรื่องของน้ำมันปาล์ม วันนี้จะออกสู่ตลาดได้เต็มที่มากขึ้นยืนยันว่าน้ำมันปาล์มวันนี้ไม่ขาดแคลนแน่นอน"
    ฟังฝ่ายบริหารประเทศแล้วรู้สึกสบายใจ ผมยกหูโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเปิดร้านขายอาหารที่ต่างจังหวัดก็ได้รับคำตอบที่ตรงกันข้าม "น้ำมันปาล์มมีขายจริงแต่ราคาไม่ได้ลิตรละ 47 บาท"
    ผมควรจะเชื่อใครดี รัฐบาลบอกว่ามีขายราคาขวดละ 47 บาท แต่คนทำมาค้าขายบอกว่ามีแต่ราคาขวดละ 70-80 บาท
    นักข่าวถามนายสุเทพ ว่า "ตกลงเรื่องนี้ใครได้ประโยชน์"
    นายสุเทพ ตอบว่า "เรื่องที่ใครจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างไร ผมขอให้ดีเอสไอไปทำเป็นคดีพิเศษ หากพบว่ามีคนไปหาประโยชน์โดยไม่ชอบก็ให้ดำเนินคดีไป ให้ผมไปกล่าวหาใครง่ายๆ ผมคงไม่ทำ แต่ว่าหน้าที่ในการแก้ปัญหาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน เมื่อนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ผมรับผิดชอบ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
    นายสุเทพ บอกว่า "การที่จะไปกล่าวหาใครต้องมีหลักฐาน การที่ผมสั่งให้ดีเอสไอไปดำเนินคดี ก็หวังว่าถ้าไปพบว่า ใครไปทำความผิดมีหลักฐานก็ต้องดำเนินคดีให้เป็นที่ประจักษ์"
    ขณะที่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล ผู้บัญชาการสำนักคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ บอกกับผมและเพื่อนผู้สื่อข่าว ขณะเราไปตรวจศูนย์กระจายสินค้าเทสโก้ โลตัส ที่สามโคก ปทุมธานี ว่า
    "เหตุที่ดีเอสไอ มาตรวจสอบที่นี่เป็นไปตามข้อมูลที่บริษัทน้ำมันพืชมรกต ให้มาว่า ส่งน้ำมันปาล์มบรรจุขวดมาที่แห่งนี้ 24,960 ลิตร 3 ขนาด คือ 1 ลิตร 1.25 ลิตร 5 ลิตร แต่เมื่อดีเอสไอ มาตรวจแล้วมีแต่ชนิดที่บรรจุ "ปี๊บ"...
    ....เมื่อข้อมูลไม่ตรงกัน ดีเอสไอ เตรียมที่จะตรวจสอบสาเหตุที่แจ้งไม่ตรงกัน เพราะที่ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทเทสโก้ โลตัส ถนนพหลโยธิน อ.วังน้อย ได้รับโควตาน้ำมันปาล์ม จากบริษัทน้ำมันมรกต 300,000 ลิตร และบริษัท น้ำมันโอลีน อีก 800,000 ลิตร"
    ผมฟังการให้ข้อมูลจากดีเอสไอ แล้วมาคิดคำนวณกัน ว่า น้ำมันบรรจุ "ปี๊บ" ขายกันในราคาขายปี๊บละ 1,009 บาท
    ปี๊บหนึ่งความจุ 16.2 ลิตร หากขายราคา 1,009 บาท เฉลี่ยตกราคาลิตรละ 62.28 บาท ขณะที่โครงการน้ำมันปาล์มฝาสีฟ้า กำหนดให้ขายในราคาลิตรละ 47 บาท ระหว่างการบรรจุขวดกับปี๊บ ส่วนต่างลิตรละ 15.28 บาท
    ผมดู "ส่วนต่างราคา" แล้วรู้สึกสงสาร "แม่บ้าน" ที่อยู่ "ก้นครัว"
    เธออยู่ก้นครัวทำกับข้าวอยู่ดีๆ ก็มีคนขี้โกง เข้ามาล้วงเงินค่ากับข้าวไปจากกระเป๋าของเธออย่างหน้าด้านๆ

     
  16. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 03:30
    <!-- End Content Header --><DL class="columnist-first clearfix"><DT>[​IMG] </DT></DL>
    ราคาน้ำมัน ราคาอาหาร และ เงินเฟ้อปีนี้

    โดย : ดร.บัณฑิต นิจถาวร bandid.econ@gmail.com
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->[​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    คงต้องขอเริ่มโดยกล่าวสวัสดีกับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เป็นวันแรกของผมที่เขียนลง กรุงเทพธุรกิจ โดยต่อไปนี้จะเขียนเป็นประจำทุกวันจันทร์

    ในคอลัมน์ “เศรษฐศาสตร์บัณฑิต” ช่วงนี้ผมมีเวลามากขึ้น และตอนนี้ก็ออกจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาสี่เดือนแล้ว น่าจะทิ้งระยะได้ห่างพอควรที่จะเขียนและพูดเรื่องเศรษฐกิจได้อย่างอิสระ สมัยอยู่แบงก์ชาติ จะคิดอ่านอะไรเรื่องเศรษฐกิจก็เพื่องานอย่างเดียว ตอนนี้จะคิดอ่านอะไรเรื่องเศรษฐกิจ ก็คงจะใช้ช่องทางนี้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อ่านกรุงเทพธุรกิจได้ โดยเฉพาะปีนี้ และต่อไป ที่ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ และ การทำนโยบายรัฐบาลและทางการ จะน่าสนใจ และน่าติดตาม

    อาทิตย์ที่แล้ว ผมได้ให้ความเห็นตอนไปพูดที่ กรุงเทพธุรกิจ ว่า ปีนี้เงินเฟ้อคงจะเป็นปัญหาสำคัญของการบริหารเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะมีหลายปัจจัยที่จะกดดันให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พอเป็นข่าวไป ก็มีคำถาม ตามมาว่า เงินเฟ้อน่ากลัวแค่ไหน และเราควรแก้ปัญหาเงินเฟ้อปีนี้อย่างไร ล่าสุดสถานการณ์ในตลาดน้ำมันโลก ก็ดูแย่ลงจากเหตุการณ์ในลิเบีย วันนี้จึงขอเขียนเรื่องเงินเฟ้อต่อ

    ที่ว่าปีนี้เงินเฟ้อจะเป็นปัญหาสำคัญ ก็เพราะปีนี้มีแรงกดดันอย่างน้อยสี่ด้าน ที่จะเร่งอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้น

    แรงกดดันแรก ก็คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจ ที่จะทำให้ความต้องการสินค้าและบริการในประเทศสูงขึ้น

    สอง ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ได้ปรับสูงขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และในกรณีของราคาน้ำมัน ความไม่สงบในแถบแอฟริกาตอนเหนือขณะนี้ก็เป็นปัจจัยเพิ่มเติม

    สาม ก็คือ สภาพคล่องที่มีมากในระบบการเงินโลก จากนโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม ทำให้นักลงทุนเข้ามาซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้ามากขึ้น เพื่อประกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ กดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงมากขึ้นอีก

    สี่ ก็คือ ราคาอาหารที่ได้เพิ่มสูงขึ้นมากตั้งแต่ปีที่แล้ว จากความต้องการที่สูงขึ้นในตลาดโลกและการผลิตที่ลดลงจากผลของภัยธรรมชาติ และความแปรปรวนของภาวะอากาศ สี่ปัจจัยนี้ ขณะนี้ยังทำงานอยู่และคงจะเป็นแรงกดดันต่อเงินเฟ้อปีนี้ทั้งปี

    แต่ที่ปัญหาเงินเฟ้อจะประมาทไม่ได้ปีนี้ก็เพราะ ลักษณะของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นปีนี้ โดยเฉพาะบทบาทของราคาอาหาร และราคาน้ำมัน จะทำให้การแก้ปัญหาปีนี้ยากขึ้น อันนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะเขียนเพิ่มเติมวันนี้

    ลักษณะแรกก็คือ จากสี่แรงกดดันที่พูดถึง ในทางเศรษฐศาสตร์ ต้องถือว่าราคาอาหารสำคัญที่สุด เพราะกระทบค่าครองชีพ ความเป็นอยู่ และเสถียรภาพของสังคม ประสบการณ์เงินเฟ้อในเศรษฐกิจโลกในอดีตชี้ชัดว่าคราวใดที่อัตราเงินเฟ้อเร่งตัว พร้อมกับหรือนำโดย การเร่งตัวของราคาอาหาร คราวนั้นปัญหาอัตราเงินเฟ้อมักจะต่อเนื่องและรุนแรง ดังนั้นคราวนี้เราจึงประมาทเรื่องเงินเฟ้อไม่ได้ เพราะราคาอาหารก็ปรับสูงขึ้น ที่สำคัญปัจจัยที่ทำให้ราคาอาหารปรับสูงขึ้นคราวนี้ ไม่ใช่ปัจจัยชั่วคราว แต่มาจากการบริโภคอาหารในโลกที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศอย่างจีน และ อินเดีย ที่มีชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น มีการใช้พืชเกษตรมาเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตเนื้อสัตว์เป็นอาหาร มีการใช้พืชอาหารเพื่อผลิตพลังงานทดแทน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยชั่วคราว แต่เป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่มีผลต่อเนื่องต่ออัตราเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ต้นทุนการผลิตอาหารก็จะสูงขึ้นอีก จากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น

    ลักษณะที่สอง ก็คือ ราคาน้ำมัน ที่ล่าสุด เมื่อบ่ายวันศุกร์ ราคาดับเบิลยูทีไอได้เพิ่มขึ้นเป็น 97.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หรือประมาณร้อยละ 9.1 ตั้งแต่ต้นปี ปีนี้แต่เดิมคาดว่าราคาน้ำมันคงจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่จังหวะการเพิ่มคงค่อยเป็นค่อยไป เพราะทุกๆ ฝ่ายคือทั้งประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้บริโภคไม่อยากให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นเร็ว เพราะกลัวจะกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่หลังจากที่สถานการณ์ในตะวันออกกลางได้ขยายวง และ เริ่มกระทบการผลิตของประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ในกลุ่มโอเปก เช่น ลิเบีย ราคาน้ำมันก็ดีดตัวสูงขึ้นเร็ว สะท้อนความเสี่ยงที่อุปทานน้ำมันในตลาดโลก อาจถูกกระทบมากขึ้นในอนาคต ขณะนี้ความไม่ชัดเจนในสถานการณ์น้ำมันมีมาก แต่ความเข้าใจของตลาดก็คือ สถานการณ์คงจะกระทบราคาน้ำมันให้ปรับสูงกว่าปกติเป็นการชั่วคราว และราคาควรปรับลดลงเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย แต่ที่ไม่ชัดเจนก็คือ ความไม่สงบจะยืดเยื้อนานแค่ไหน เพราะประเด็นที่ห่วงกัน ก็คือ เศรษฐกิจโลกขณะนี้ ไม่เข้มแข็งพอที่จะรองรับราคาน้ำมันที่สูงเกินปกติเป็นเวลานาน ด้วยเหตุนี้ อาทิตย์ที่แล้วตลาดจึงให้ความสำคัญกับการระวังความเสี่ยงในการลงทุน โดยลดการลงทุนจากหุ้นเข้าพันธบัตร และจากสกุลเงินที่คาดว่าเงินเฟ้อจะสูง เข้าสู่สกุลเงินที่คาดว่าเงินเฟ้อจะต่ำหรือควบคุมได้

    ในกรณีของเรา ถึงแม้เราจะเป็นประเทศส่งออกอาหาร แต่เราก็นำเข้าน้ำมันมากในการใช้พลังงาน ดังนั้นผลกระทบคงจะมี ทำให้ต้องเตรียมปรับตัว แต่จากที่สามในสี่แรงกดดันที่พูดถึง คือ ราคาอาหาร ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสภาพคล่อง เป็นปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา ดังนั้นการแก้ไขเงินเฟ้อปีนี้จะยากขึ้น แต่ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ โดยดำเนินนโยบายภายในประเทศให้ถูกต้อง และทันเหตุการณ์ ซึ่งที่สำคัญคงมีสองเรื่อง เรื่องแรกก็คือ นโยบายการเงินและการคลัง ต้องดูแลการใช้จ่ายในประเทศให้เหมาะสม ไม่สร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ไม่จำเป็น เรื่องที่สอง ก็คือ มีการช่วยเหลือกลุ่มที่มีรายได้น้อย หรือกลุ่มยากจนที่จะถูกกระทบมากจากภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ให้สามารถปรับตัวต่อราคาที่จะแพงขึ้นให้ได้

    โดยเฉพาะราคาอาหาร การช่วยเหลือที่มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแบบนี้ จะประหยัด ตรงประเด็น และมีเหตุมีผลกว่า การอุดหนุนเป็นการทั่วไปที่ให้แก่ทุกๆ คน อย่างกรณีของน้ำมัน ที่กำลังทำอยู่ในขณะนี้

    วันนี้ขอแค่นี้ก่อน พบกันวันจันทร์หน้าครับ

     
  17. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 01:00
    <!-- End Content Header --><DL class="columnist-first clearfix"><DT> เราพร้อมรับมือน้ำมันลิตรละ 50 บาทไหม...?</DT></DL>
    โดย : ทิฆัมพร ศรีจันทร์ bighnun@hotmail.com
    <!-- Begin Media Content --><SCRIPT type=text/javascript>$(function() {$('#media-content').tabs();});</SCRIPT><!-- Media Picture content --><!-- Begin More Pics-->[​IMG]

    ปรากฏการณ์ตูนิเซีย อียิปต์ไปจนถึงวิกฤติลิเบีย ส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก ด้วยเหตุว่ากลุ่มประเทศพวกนี้ เป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ป้อนให้กับโลก

    แน่นอนปัญหาในตูนิเซีย อียิปต์จบลงในเวลาสั้นๆ แต่วิกฤติลิเบียที่ผู้นำกระหายเลือดอย่าง โมฮัมมาร์ กัดดาฟี ประกาศสู้จนเลือดหยดสุดท้าย มีกองกำลังส่วนตัวพร้อมอาวุธครบมือไม่น้อยกว่า 2 แสนคน ย่อมหนีไม่พ้นสงครามกลางเมือง พื้นที่กรุงตริปูลี และเมืองโดยรอบ คงไม่ต่างไปจากทุ่งสังหาร

    การอพยพแรงงานต่างชาติออกจากลิเบีย เป็นสัญญาณว่าผู้นำกระหายเลือด พร้อมเข่นฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่างเต็มรูปแบบ แรงงานที่ออกจากลิเบียส่วนหนึ่งเป็นแรงงานของบริษัทน้ำมันข้ามชาติ การผลิตน้ำมันย่อมหยุดชะงักลงอย่างสิ้นเชิง ลิเบียผลิตน้ำมันป้อนโลก 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หากลิเบียยืดเยื้อน้ำมันหายไปจากตลาดโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกถีบตัวขึ้นอย่างฉับพลัน และมีการคาดการณ์เบื้องต้นไปที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และไม่มีใครรู้ว่าจะหยุดลงตรงไหน

    ผลสะเทือนจากลิเบีย ย่อมสร้างความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นหัวรถจักรใหญ่ ยังอยู่ในอาการ "ลูกผีลูกคน" ขณะที่ยุโรปเองกำลังวุ่นกับการแก้ปัญหาหนี้ ที่ยังไม่มีทีท่าฟื้น ไม่ต้องพูดถึงญี่ปุ่นที่ฟุบเป็นยักษ์หลับมานาน
    วิกฤติลิเบียส่งผลให้น้ำมันทะยานขึ้น ซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อ ราคาอาหาร ข้าวของแพงที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นทั่วโลกอยู่แล้ว แน่นอนธนาคารกลางของหลายประเทศอาจต้องใช้วิธีขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นการแก้ปัญหาหรือซ้ำเติมให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

    หันมาดูสถานการณ์และการแก้ปัญหาของไทย รัฐบาลไทยแล้วน่าเป็นห่วงยิ่งนัก เมื่อเราไม่มีแผนรับมือปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ไว้เลย รัฐบาลโดยหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจทั้งหลาย วิเคราะห์และคำนวณราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภาคเอกชนเองวางแผนรับมือไว้ที่ 90 ดอลลาร์เช่นกัน

    แต่สถานการณ์นี้ไม่ปกติ !

    ขณะที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีประกาศยืนยันตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร โดยไม่คำนึงปัจจัยอะไรทั้งสิ้น เพียงเพื่อจะนำตัวเองเข้าสู่สนามเลือกตั้ง โดยไม่ถูกโจมตี จึงเลือกฝืนกลไกตลาด กลไกราคา ผลคือยอดการใช้น้ำมันดีเซล ไม่มีทีท่าจะลดลงหรือคนได้รู้สึกประหยัดตามราคาที่แพงขึ้น
    ถ้าน้ำมันดิบพุ่งไปที่ 140-150 ดอลลาร์ เราอาจได้เห็นน้ำมันราคาจริงๆ ที่ 40-50 บาทต่อลิตร ซึ่งไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้

    เพราะขณะนี้ รัฐบาลใช้เงินอุ้มอยู่ 4-5 บาทต่อลิตร หมายถึงราคาจริงอยู่ที่ 35 บาทต่อลิตร ไม่อ้างถึงกลุ่มน้ำมันเบนซิน (แก๊สโซฮอล์) ที่เฉียด 40 บาทเต็มที

    อภิสิทธิ์จะนำเงินจากไหนมาอุ้มมากมายขนาดนั้น เมื่อใช้ไปแล้วเป็นหมื่นล้าน

    พิเคราะห์สถานการณ์ถึงขณะนี้แล้ว น่าวิตกอย่างยิ่ง หากยังไม่ให้ประชาชนรับความจริง หากยังคงฝืนกลไกตลาด หากยังตั้งอยู่ในความประมาท หากยังขาดการวางแผนรองรับ

    วันนี้เราต้องไม่ประมาท เหมือนที่รัฐบาลกำลังกระทำ

    ต้องวางแผนรับมือราคาน้ำมันลิตรละ 50 บาทกันแล้ว !

     
  18. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เลือกวิธีอุ้ม อุ้ม อุ้ม จนผิดกลไกไปมาก

    พอรู้ตัวก็สายเสียแล้ว

    คนใช้รถยนต์ดีเซล ไม่มีใครประหยัดหรอกครับ

    ยกเว้นใช้ในภาคโรงงานอุตสาหกรรม

    วันใดทุนหมดแต่ราคาน้ำมันโลกกลับสูงขึ้น

    วันนั้นมีคนร้องไห้เป็นแสนเป็นล้านแน่ๆครับ
     
  19. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    ขอถามเพื่อนๆพี่ๆครับว่าคิดอย่างไรกับแนวโน้มอุตสาหกรรมรถยนต์ในบ้านเรา ในปีนี้

    ส่วนตัวผมคิดว่าใกล้จบแล้วครับ ถึงสถานการณ์จะยังดีอยู่ก็ตาม
    ไม่น่าเกิน 2 เดือน ( คาดการณ์เฉยๆนะครับ )
     
  20. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    เราก็ไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล แต่ประเทศอื่นๆ เขาก็อุ้มกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ
    แต่ต้องบริหารจัดการให้ดี อย่าให้ติดลบ ต้องรู้จักอุ้มและปล่อยให้ถูกที่ถูกเวลา
    เพราะคนจนคนไม่มีเงิน ยังไงก็อดตายก่อนเพื่อน และคนหิวมักจะขาดสติ
    ถ้าคนมีเงินพอจะเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ ก็จะลดความรุนแรงลงได้บ้าง
    ที่สำคัญต้องรู้จักเสียสละความสุขส่วนตัว ใช้น้ำมันให้น้อยลง ขับรถส่วนตัวให้น้อยลง
    ใช้รถสาธารณะบ้าง ลดการใช้ไฟฟ้า น้ำประปา และลดใช้ของนอกของฟุ่มเฟือย
    หันมาสนับสนุนของผลิตในประเทศแทน ช่วยกันประหยัด รู้จักอยู่พอดี รู้จักใช้แต่พอดี
    และอดทนอดกลั้น
    อย่าตกเป็นเครื่องมือของคนที่ทำร้ายประเทศชาติของเราเอง เพราะถ้าเกิดเหตุร้ายๆขึ้นมา
    เราก็ต้องรับกรรมทั้งขึ้นทั้งล่อง ส่วนคนที่ทำกรรมไว้กับประชาชนและประเทศชาติ
    ย่อมหนีกรรมไปไม่พ้นหรอก อย่างไรก็ต้องรับกรรมที่ตนทำไว้อยู่ดี อยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
    เราก็ต้องอดทนอดกลั้นไม่ไปร่วมก่อกรรมไม่ดีกับใคร รักษาสติสัมปชัญญะไว้ให้ดี
    ประเมินผลดีผลเสียก่อนที่จะทำอะไร ดูข้อมูลให้รอบด้าน อย่าฟังความข้างเดียว
    ถ้าเรารู้ถูกได้ข้อมูลที่เป็นจริงไม่บิดเบือน เราก็จะตัดสินใจทำกรรมได้ถูกไม่มีผิดพลาด
    ไม่เป็นเครื่องมือของใคร ไม่ตกเป็นเหยื่อของใคร
     

แชร์หน้านี้

Loading...