เงินเฟ้อที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้ว??? รู้ทันโลก (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

แม้กัดดาฟีลงจากอำนาจ แต่ปัญหาของลิเบียอาจไม่จบ? อาจแยกเป็นหลายประเทศ
February 28, 2011

Dirk Vandewalle ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องลิเบียจากมหาวิทยาลัย Darthmouth ให้ข้อมูลกับนิตยสาร TIME ว่าขณะนี้ลิเบียกำลังแตกแยกออกเป็น 2 ส่วนคือเขตที่อยู่ใต้การควบคุมของกัดดาฟี และเขตของผู้ต่อต้าน ซึ่งถ้าฝ่ายกัดดาฟีชนะ ก็จะฆ่าคนมากขึ้น แต่ถ้าฝ่ายกัดดาฟีแพ้ ฝ่ายต่อต้านก็จะ “ล้างแค้น” เช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็รู้เรื่องนี้ดี และเป็นเหตุผลอธิบายได้ว่าเพราะเหตุใดถึงเกิดความรุนแรงอย่างมากในลิเบีย
ส่วน David Mack ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิภาคตะวันออกกลางของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ให้ความเห็นว่าลิเบียอาจกลายเป็น “โซมาเลีย” ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ลิเบียปัจจุบันเพิ่งเป็นปึกแผ่นในปี 1951 หลังได้รับเอกราชเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนหน้านี้พื้นที่ลิเบียปัจจุบันแยกออกเป็น 3 เขตแคว้นคือ Cyrenaica ทางตะวันออก Tripolitania ทางตะวันตก และ Fezzan ทางใต้
แผนที่แสดงเขตแคว้นของลิเบียในอดีต ภาพจาก Wikipedia

ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พื้นที่ของลิเบียถูกยึดครองโดยอิตาลี (ในชื่อ Italian North Africa) และแบ่งเป็นสองเขตคือ Italian Tripolitania ทางตะวันตก และ Italian Cyrenaica ทางตะวันออก
ระหว่างสงครามโลกสองครั้ง กษัตริย์ Idris ที่หนึ่งจากแคว้น Cyrenaica ซึ่งมีความสัมพันธ์ดีต่ออียิปต์และอังกฤษ (เจ้าอาณานิคมอียิปต์) ได้ต่อต้านอิตาลีที่ครอบครองเป็นเจ้าอาณานิคม และเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง สหประชาชาติได้รับรองลิเบียเป็นชาติเอกราชเมื่อปี 1951 ในชื่อ “ราชอาณาจักรลิเบีย” โดยมีกษัตริย์ Idris เป็นผู้ปกครอง เมืองหลวงอยู่ที่เมือง Benghazi ของแคว้น Cyrenaica
แต่ราชอาณาจักรลิเบียมีอายุอยู่ได้ไม่นาน เพราะในปี 1969 พันเอกกัดดาฟีผู้มีถิ่นกำเนิดจากแคว้น Tripolitania ได้ทำรัฐประหารปกครองประเทศ เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐประชาชนลิเบีย ย้ายเมืองหลวงมาที่ Tripoli แทนเมืองหลวงเก่า Benghazi ตลอด 40 กว่าปีของกัดดาฟี เขาทิ้งแคว้น Cyrenaica ไม่ให้พัฒนาทัดเทียมเท่ากับ Tripolitania จนเป็นสาเหตุหนึ่งของการประท้วงนั่นเอง
จะเห็นว่าประวัติศาสตร์ของลิเบียเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างแคว้น Cyrenaica และ Tripolitania โดยสถานการณ์ปัจจุบันคือแคว้น Cyrenaica ลุกฮือขึ้นมาปฏิเสธการปกครองของ Tripolitania ดังจะเห็นได้จากจุดเริ่มต้นของการประท้วงที่เมืองหลวงเก่า Benghazi ไม่ใช่เมืองหลวงใหม่ Tripoli
ในช่วงการปกครองของกัดดาฟี สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสองแคว้นก็ใช่ว่าจะเคยสงบ กัดดาฟีเองก็เคยผ่านการลอบสังหารขณะเดินทางตรวจเยี่ยมหัวเมืองภาคตะวันออกมาแล้ว การรวมชาติในปี 1951 อาจเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เป็นเอกราชจากอิตาลีได้เร็วขึ้นเท่านั้น
ขณะนี้ชาวลิเบียภาคตะวันออกได้เรียกตัวเองว่าเป็น “Free Libya” และเปิดรับชาวต่างชาติอย่างเต็มที่ ผู้สื่อข่าวของ TIME รายงานว่าชาวลิเบียภาคตะวันออกต้อนรับนักข่าวต่างชาติเป็นอย่างดี เสนอขับรถให้ ให้ที่พัก ให้ใช้คอมพิวเตอร์ ฯลฯ โดยเฉพาะ “นักข่าวอเมริกัน” จะได้รับการปฏิบัติดีเป็นพิเศษ เพราะชาวลิเบียภาคตะวันออกต้องการให้ข่าวการเข่นฆ่าประชาชนของกัดดาฟี เผยแพร่ออกไปทั่วโลกนั่นเอง
สถานการณ์ล่าสุด ณ ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอนว่าชาวลิเบียภาคตะวันออกจะสามารถอยู่ร่วมกับชาวลิเบียภาคตะวันตกได้หรือไม่ ถึงแม้ว่าจะสามารถโค่นกัดดาฟีลงได้ก็ตาม แต่ความบาดหมางและระยะห่างทางประวัติศาสตร์ยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม แมลิเบียภาคตะวันออกเลือกจะแยกตัวเป็นเอกราช ประเทศฝั่งนี้ก็มีพลเมืองเพียง 1.5 ล้านคนจากพลเมืองลิเบียรวม 7 ล้านคนเท่านั้น (แม้จะมีทรัพยากรสำคัญคือน้ำมันอยู่มากก็ตาม) จึงอาจเป็นอุปสรรคของลิเบียตะวันออกได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก TIME

แม้กัดดาฟีลงจากอำนาจ แต่ปัญหาของลิเบียอาจไม่จบ? อาจแยกเป็นหลายประเทศ | Siam Intelligence Unit

 

เหตุประท้วงในโอมานเริ่มรุนแรงขึ้น

February 28, 2011

กระแสคลื่นการประท้วงยังครุกรุ่นในโลกอาหรับ โอมานตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรอาหรับ ผู้ประท้วงกว่าร้อยคนปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองท่า Sohar สำนักข่าว ONA ของโอมานระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะ 2 ราย
ภายหลังสถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าว องค์สุลต่านกาบูสได้กล่าวว่า เขาเป็นผู้ทำให้โอมานเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำมันมากว่า 40ปี สร้างงานให้คนมีงานทำกว่า 50,000 แห่ง และยังมอบเงินให้แก่ทุกคนที่ว่างงานราว 386 เหรียญสหรัฐต่อเดือน
การประท้วงเริ่มขึ้นอย่างสันติแต่เปลี่ยนเป็นรุนแรงมากขึ้น ภายหลังตำรวจยิงกระสุนยางเข้าใส่ผู้ประท้วงที่ทำการเผาตึกและที่ทำการของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งสถานีตำรวจ รถยนต์
<IFRAME title="YouTube video player" src="http://www.youtube.com/embed/r3AiPU7tcGw" frameBorder=0 width=540 height=390 allowfullscreen></IFRAME>
สำนักข่าว Reuters ระบุว่า มีผู้ประท้วงบริเวณ Sohar ราว 2,000 คนรวมตัวเพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง และให้รัฐจัดหางานให้ทำมากกว่าใช้เงินแจกประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามใช้แก๊สน้ำตา กระบอง และกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุม
รัฐบาลหลายประเทศในอ่าวอาหรับได้ประกาศปฏิรูปการเมือง และให้ความช่วยเหลือด้านการเงินในไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อพยายามควบคุมความคับแค้นใจของประชาชน การเรียกร้องของกลุ่มผู้ประท้วงเกิดขึ้นทั้งในโลกอาหรับมีทั้งในตูนิเซีย โมร็อคโค อัลจีเรีย ลิเบีย จอร์แดน กาตาร์ โอมาน และบาห์เรน
The New York Times

เหตุประท้วงในโอมานเริ่มรุนแรงขึ้น | Siam Intelligence Unit

 

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ปี 2554 และนัยยะต่อตลาดการเงิน ตอนที่ 1

February 18, 2011

โดยสุรศักดิ์ ธรรมโม
แม้ว่าพึ่งจะผ่านกลางเดือนที่ 2 ของปีไปไม่นาน แต่ผมคิดว่าตอนนี้ ข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในยุโรปในไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาและพึ่งประกาศไปในสัปดาห์นี้ช่วยให้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ผนวกกับรายละเอียดของบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่พึ่งเปิดเผยออกมาล้วนฉายให้เห็นภาพแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อนำภาพและข้อมูลมาร้อยเรียงกันเหมือนต่อภาพ พอจะประเมินเบื้องต้นถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและนัยยะต่อตลาดการเงินโลกได้ ดังนี้
1) เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง แม้ว่า ระดับการฟื้นตัวของประเทศต่างๆ จะไม่เท่ากันนัก โดยการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จะเกิดขึ้นในประเทศเกิดใหม่ ในขณะที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าประเทศเกิดใหม่ แต่การขยายตัวของประเทศพัฒนาแล้ว มีความยั่งยืนในการขยายตัว ไม่ได้เปราะบางเหมือนต้นปีที่แล้ว


ประการสำคัญคือ ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจโลกจะกลับมาถดถอยอีกครั้งหนึ่งนั้นหรือมีการขยายตัวแบบตัว W นั้น เป็นไปได้ต่ำมาก

ปัญหาสำคัญของเศรษฐกิจโลกในตอนนี้คือ การคุกคามของเงินเฟ้อ ซึ่งเกิดขึ้นกับสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งที่เป็นอาหารและเป็นวัตถุดิบพื้นฐานของการผลิตเช่น น้ำมัน ซึ่งปัญหาเงินเฟ้อนั้นเกิดขึ้นไปทั่วโลก แต่ระดับการเร่งตัวเงินเฟ้อนั้น เกิดขึ้นกับประเทศเกิดใหม่มากกว่าประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะประเทศเกิดใหม่ที่เป็นผู้นำเข้าอาหารจากต่างประเทศ จะเปราะบางต่อปัญหาเงินเฟ้อมาก เพราะปัญหาเงินเฟ้ออาจจะนำไปสู่ปัญหาความไม่สงบในสังคม และนำไปสู่การไร้เสถียรภาพทางการเมืองซึ่งที่สุดย้อนกลับมาคุกคามเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ

ภาพที่ 1: เงินเฟ้อคุกคามเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่
​

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม แม้ปัญหาเงินเฟ้อจะคุกคามการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกแต่ไม่ได้ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกกลับสู่วิกฤติ

2) เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้นและแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก โดย Fed ประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ จะขยายตัวในช่วงที่ 3.4 %-3.9% ดีกว่าที่ Fed คาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ช่วง 3.0% -3.6 % ในขณะที่ตลาดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ 3.2 % (Consensus Forecasts as of Jan 2011) แม้ว่า อัตราการว่างงานสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในเกณฑ์สูงคือ 9 % ก็ตาม

ภาพที่ 2: การคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐ โดยส่วนวิจัยเศรษฐกิจองค์กรต่างๆ
​

นัยยะที่จะเห็นต่อไป คือเงินทุนทั่วโลกอาจจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในสหรัฐฯ การดำเนินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณครั้งที่ 2 (QE 2) ในวงเงิน 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะไม่ได้รับการต่ออายุในเดือน มิ.ย. 54 และมีความเป็นไปได้ที่มาตรการ QE 2 จะยกเลิกก่อนกำหนด
ผลคือเงินเหรียญสหรัฐ จะกลับมามีเสถียรภาพ โดยโอกาสที่เงินเหรียญสหรัฐจะอ่อนค่าอย่างมากๆ ในปลายปีที่แล้วนั้นเป็นไปได้ต่ำ

ภาพที่ 3: เปรียบเทียบผลตอบแทนหุ้นและเงินเฟ้อของประเทศเกิดใหม่ใน 40 วันแรกของปี 54
​

นอกจากนี้ การที่ปัญหาของเงินยูโรแม้จะเริ่มทรงตัวขึ้น แต่การที่ตลาดประเมินว่าแนวโน้มของวิกฤติยูโร จะคงอยู่เป็นเวลานาน จนกว่าการปรับตัวของทางด้านความสามารถในเชิงแข่งขันจะเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศที่มีปัญหาในยูโรโซนเช่น กรีซ โปรตุเกส ไอร์แลนด์ แต่การปรับตัวด้านความสามารถเชิงแข่งขันนั้นเป็นเรื่องที่ใช้เวลา
การที่ เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีสัญญาณการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ย่อมแสดงว่าสหรัฐฯ ยังคงจะเป็นคู่ค้าหลักของเอเชีย ดังนั้น ธนาคารกลางเอเชียยังคงเข้าถือครองเงินเหรียญสหรัฐฯ ต่อไปซึ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้เงินเหรียญสหรัฐมีเสถียรภาพ
ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐ มีสัญญาณเร่งตัวขึ้น แม้ว่า Fed จะไม่ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แต่การเร่งตัวของเงินเฟ้อทำให้ตลาดเริ่มประเมินว่า Fed จะกลับมาขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในต้นปีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดมาก ดังจะเห็นจาก อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีเร่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 3.61 % สะท้อนความกังวลของตลาดต่อปัญหาเงินเฟ้อ
ความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาอยู่ที่การขาดดุลการคลังของรัฐบาลแต่การที่ร่างกฏหมายงบประมาณของประธานาธิบดีโอบามา แสดงความมุ่งมั่นในการลดการขาดดุลทางการคลัง โดยเสนอปรับลดยอดขาดดุลการคลังลง 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐตลอด 10 ปีข้างหน้าหรือปีละ 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี มีส่วนช่วยในการสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดมากขึ้น
หมายเหตุ : โปรดติดตาม ตอนต่อไปในสัปดาห์หน้า บทความนี้มี 3 ตอนและตีพิมพ์ทุกศุกร์ในหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ตั้งแต่ 18 ก.พ. 54 เป็นต้นไป

แนวโน้มเศรษฐกิจโลก ปี 2554 และนัยยะต่อตลาดการเงิน ตอนที่ 1 | Siam Intelligence Unit

 

<TABLE style="BACKGROUND-COLOR: #f8f8ff" width=720 border=0><TBODY><TR><TD>การเมือง : ทัศนะวิจารณ์
</TD></TR><TR><TD> </TD><TD>วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2554 01:00
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BACKGROUND-COLOR: #f8f8ff" width=720 border=0><TBODY><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD><DT>รศ.วิทยากร เชียงกูล
คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต คอลัมน์ "ปฏิรูปประเทศไทย แบบไหน อย่างไร"</DT></TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE style="BACKGROUND-COLOR: #f8f8ff" width=720 border=0><TBODY><TR><TD> </TD><TD style="TEXT-ALIGN: center">เมืองไทยยุคแตกแยกเป็นหลายก๊ก
เราจะไปทางไหนกัน
</TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>โดย : รศ.วิทยากร เชียงกูล
</TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>
คนไทยเคยแตกแยกเป็นหลายก๊ก เมื่อ 2 ศตวรรษที่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลสุดท้ายของอยุธยาล้มเหลว พ่ายแพ้ต่อพม่า ครั้งนั้นก๊กพระยาตากก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำและกู้ชาติได้ แต่ยุคนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมากและสลับซับซ้อน ไม่มีก๊กใดก๊กหนึ่งที่จะกู้ชาติได้ตามลำพัง โดยไม่รู้จักร่วมมือกับคนอื่นๆ

เมืองไทยตอนนี้มีการแตกแยกเป็นหลายก๊ก ทั้งพรรคการเมือง ทั้งกลุ่มนอกสภา กลุ่มพรรคการเมืองมีฐานเสียง ส.ส.อยู่ อาจได้เปรียบในแง่ โลกภายนอกและคนส่วนใหญ่ยอมรับระบบการเมืองแบบรัฐสภา แต่ถ้าพวกเขาเล่นการเมืองแบบซื้อเสียง ใช้ระบบอำนาจ ระบบอุปถัมภ์ และหาผลประโยชน์กัน แบบนี้ต่อไป การแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่าของกลุ่มคนไทยก็อาจยืดเยื้อและรุนแรงอย่างไม่มีก๊กไหนเท่าที่แสดงออกอยู่ขณะนี้ที่จะนำชาติได้ เพราะก๊กที่ไม่ใช่นักการเมือง เช่น “เสื้อเหลือง” ก็มีจุดอ่อนประเภทแกนนำเชื่อมั่นตนเองสูง โจมตีคนอื่นที่มีแนวคิดที่ต่างจากตนค่อนข้างรุนแรง และมีแนวคิด จารีตนิยมในหลายเรื่อง

ปัญหาการเมืองไทยคือแต่ละก๊กต่างมีผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่น แต่ละก๊กต่างอ้างว่าตนเองทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และ หรือประชาชน และอ้างว่าฝ่ายอื่นทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ปัญหาการแตกแยกเป็นหลายก๊กนี้เป็นผลงานของรัฐบาลทุกรัฐบาลผู้ชอบทำให้ประชาชนรู้น้อยและต้องพึ่งพานโยบายเชิงอุปถัมภ์ของพวกตน ประชาชนไม่ได้รับการศึกษา ข้อมูล ข่าวสารอย่างมีคุณภาพ ไม่รู้จักคิดอย่างเหตุผลตามหลักวิชาการ หากเชื่อผู้นำกลุ่ม ตามแต่ความใกล้ชิด การรับรู้ การโน้มเอียงของคนแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม คนส่วนใหญ่ อาจไม่สนใจ สับสนหรือเบื่อหน่ายเรื่องการเมือง

การคิดแตกต่าง ถ้ามีเหตุผล น่าจะนำไปสู่ทางออกที่ดีขึ้น แต่ก๊กหรือกลุ่มการเมืองต่างๆ ของไทยขณะนี้ขัดแย้งกันด้วยเรื่องผลประโยชน์ และแนวคิดอุดมการณ์แบบใช้อารมณ์ความรู้สึกและความต้องการ มากกว่าการใช้เหตุผลและการวิเคราะห์ปัญหาจริงของประเทศไทยระยะยาวอย่างมีวุฒิภาวะ ทำให้คุยกันไม่รู้เรื่อง การโต้กันทางการเมืองแบบตอบโต้กันไปมาแบบโต้วาที การชุมนุมเพื่อโจมตีรัฐบาลผ่านทางโทรทัศน์ดาวเทียมและสื่อต่างๆ ไม่อาจสร้างปัญญาที่จะหาทางที่มีเหตุผลเป็นไปได้ที่ดีที่สุดได้ เพราะต่างฝ่ายมุ่งเอาแต่ชนะกันมากกว่าจะอดทนใจกว้างรับฟังกันและหาทางออกที่สร้างสรรค์เพื่อคนส่วนใหญ่ได้ในระยะยาว

ทั้งรัฐบาลและกลุ่มเช่นพันธมิตรควรจะต้องมีการคุยกันแบบเงียบๆ เปิดใจกว้าง รับฟังปัญหา แนวคิดของกันและกันตามแนวทาง “การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เพื่อหาทางประนีประนอมประสานประโยชน์และร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวม ไม่ใช่ต่อกลุ่มของตนเท่านั้น

แนวคิดชาตินิยมแบบเก่าอาจจะคับแคบล้าหลัง แต่ การรักชาติ แบบรักษาผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นเรื่องสำคัญ ประเทศชาติหมายถึงชุมชนที่มาอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างกติกาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ประเทศชาติยังเป็นหน่วยในการบริหารจัดการทางเศรษฐกิจสังคมของชุมชนขนาดใหญ่ที่จำเป็นต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมการเมืองวัฒนธรรมของพลเมือง

ปัญหาการขัดแย้งชายแดนกัมพูชา เป็นเรื่องซับซ้อนละเอียดอ่อน ซึ่งต้องพิจารณาปัญหานี้ให้รอบคอบ มองในแง่ประโยชน์ของชุมชนส่วนใหญ่ของทั้ง 2 ประเทศ ในระยะยาว มากกว่าการตัดสินด้วยทัศนะความรู้สึกชาตินิยมที่คับแคบแบบเก่าหรือมองแต่แง่ เรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจของนายทุน ในโลกสมัยใหม่ การร่วมมือและแข่งขันกันทางเศรษฐกิจอย่างสันติวิธี การคบค้ากับคนประเทศอื่นด้วยมิตรภาพ มิตรจิตมิตรใจคือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศในระยะยาวได้มากกว่าการมุ่งรบเอาแพ้ชนะกันแบบสมัย 200 ปีที่แล้ว แต่ผลประโยชน์ต้องแบ่งกันอย่างเป็นธรรมสถาบันประชาชนด้วย

ชนชั้นนำในประเทศอื่นๆ ที่คนมีวุฒิภาวะมากขึ้น เช่นยุโรป อเมริกาเหนือ เขาเจรจาตกลงให้ทรัพยากรชายแดนเป็นมรดกโลกร่วมกัน หรือตกลงที่จะอยู่ร่วมกันโดยได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยไม่ต้องรบกันหรือเกลียดกันให้เสียหายทั้ง 2 ฝ่าย เราควรจะเรียนรู้หาทางออกแบบนั้นด้วย

นี่อาจจะเป็นการกล่าวถึงแนวทางในระยะยาวที่ทั้งไทยกับกัมพูชาจะต้องพัฒนาประชาชนและประเทศให้มีวุฒิภาวะมากกว่าปัจจุบันอีกมาก ปัญหาขณะนี้คือชนชั้นนำของทั้งไทยและกัมพูชายังคงเป็นนักการเมืองแบบเก่าที่มุ่งหาประโยชน์ตนเอง มากกว่าเป็นรัฐบุรุษที่ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในระยะยาว ประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ติดชาตินิยมแบบเก่า การแก้ปัญหาแบบให้กลุ่มอาเซียนหรือประเทศอื่นเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยอาจเป็นวิธีการที่ดีกว่า ถ้า 2 ประเทศไม่สามารถตกลงกันได้เอง

สำหรับประเทศไทย เราอาจต้องกลับมามองที่ต้องแก้ไขขัดแย้งภายในประเทศและพยายามประคับประคองปัญหาความขัดแย้งปัญหาเศรษฐกิจการเมืองกับประเทศอื่นไม่ให้เสียหายมาก

รัฐบาลไทยควรยอมรับจุดอ่อนและพยายามมองการณ์ไกล คิดและทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง ไม่มุ่งรักษาหน้าตาหรือคะแนนเสียงของพรรค กล้าตัดสินใจแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องๆ กล้าที่จะยอมรับความบกพร่องการดำเนินนโยบายที่ผ่านมา กล้าแก้ไข กล้าคิดใหม่ทำใหม่ เช่น การที่คนไทย 7 คน ถูกจับในเขตที่เป็นชายแดนไทยหรือเขตที่กัมพูชาต่างอ้างว่าเป็นเขตตน รัฐบาล นายกฯ อภิสิทธิ์ ประเมินผิดพลาดโดยอาจมองแง่ดีเกินไปว่ากัมพูชาน่าจะยอมปล่อยคนไทยที่ถูกจับไปเพราะประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศในแง่การลงทุนค้าขายร่วมกันน่าจะสูงกว่า แต่ผู้นำรัฐบาลกัมพูชาเขาก็มีวิสัยทัศน์และวิธีเล่นการเมืองแบบของเขาเองที่มุ่งหาเสียงกับคนของเขามากกว่า

รัฐบาลไทยน่าจะออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาปล่อยตัวคนไทยทั้ง 7 ตั้งแต่แรก การที่รัฐบาลจะกล้าประท้วง ,กล้าออกแถลงการณ์เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง การทูตสมัยใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่สงครามเสมอไป การแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งเอาจริง มีสิทธิทำให้อีกฝ่ายต้องถอยหรือหยุดได้เช่นกัน

ทางออกประเทศไทย คงไม่ใช่ฝากความหวังไว้ที่ก๊กใดก๊กหนึ่งเท่าที่มีอยู่ในเวลานี้เพราะข้อเรียกร้องให้โค่นล้มรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลืองก็ค่อนข้างสุดโต่งและไม่น่าจะก่อให้เกิดผลดีในทางปฏิบัติได้ แม้พรรคการเมืองไทยจะคุณภาพต่ำจริง แต่การเปลี่ยนรัฐบาลโดยวิธีอื่นนอกจากการเลือกตั้ง เป็นการคาดหวังแบบโรแมนติกมากไป ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ตื่นตัวทางการเมือง ไม่มีองค์กรจัดตั้งที่เข้มแข็งและฉลาดพอ พวกทหารและชนชั้นนำอื่นก็ยังเห็นประโยชน์ส่วนตัวและไม่ฉลาดพอที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ ที่ไม่ใช่ปัญหาแต่บุคคลแต่คือปัญหาข้อจำกัดของทุกสถาบันทุกกลุ่มในขณะนี้

สิ่งที่พวกปัญญาชนผู้รักชาติพอทำได้คือ การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างกับตนเองที่รักชาติหรือรักคนส่วนใหญ่ เพื่อช่วยกันคิดหาทางออกแต่ละขั้นตอน อย่างสร้างสรรค์ มุ่งปฏิรูปประเทศไทยโดยเฉพาะการปฏิรูปคนไทยให้ฉลาด มีจิตสำนึกร่วมกันมากขึ้นหาทางปฏิรูป เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ประชาชนได้รับสิทธิเสมอภาค การศึกษาข้อมูลข่าวสารที่มีคุณภาพ มีวุฒิภาวะมากขึ้น เราถึงจะช่วยกันหาทางพัฒนาปัญญาที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ที่ซับซ้อนได้อย่างฉลาดและมีวุฒิภาวะมากกว่าแนวทางแบบสุดโต่งทางใดทางหนึ่ง
</TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD> </TD><TD> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/wittayakorn_c/20110228/379173/เมืองไทยยุคแตกแยกเป็นหลายก๊ก-เราจะไปทางไหนกัน.html

เครดิต เมืองไทยยุคแตกแยกเป็นหลายก๊ก เราจะไปทางไหนกัน --- รศ.วิทยากร เชียงกูล - FO3P.NET : บ้านสามจังหวัด

 

สำนักข่าวมุสลิมไทย ลุ้นระทึกรัฐสุลต่านโอมานจะเกิดประท้วงใหญ่หรือไม่
สำนักข่าวตะวันออกกลาง – เมื่อวันอาทิตย์ (27/02) ตำรวจโอมานใช้กระสุนยางยิงใส่ในกลุ่มผู้ประท้วง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 5 คน หลังจากกระแสประท้วงโค่นผู้นำกระเพื่อมถึงรัฐสุลต่านโอมาน ซึ่งเป็นรัฐที่นิยมตะวันตกแต่มีความสงบเรียบร้อยมานาน

​

มีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงในเมืองโซฮาร์ ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของมัสกัต 200 กิโลเมตร หลังฝูงชนพยายามบุกเข้าสถานีตำรวจ โดยสำนักข่าวทางการ ONA ยืนยันการบาดเจ็บและเสียชีวิตครั้งนี้ โดยว่าเป็นเพราะตำรวจและหน่วยปราบจลาจล พยายามปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนจากกลุ่มผู้ประท้วง

ใกล้สถานีตำรวจที่เกิดการปะทะกัน มีการนั่งประท้วงบริเวณสี่แยก Earth Roundabout โดยมีผู้ประท้วงประมาณ 250 คน มาเรียกร้องงานทำ ขอเพิ่มค่าแรง และ ต้องการให้ออกมาตรการควบคุมการคอรัปชั่น ผู้ประท้วงเปลี่ยนชื่อสี่แยกนั้นให้เป็น Reform Roundabout และเรียกร้องให้สุลต่านกาบูสลงจากตำแหน่งที่ปกครองประเทศมากว่า 40 ปี
รัฐสุลต่านโอมานเป็นรัฐเดียวที่ปกครองโดยตำแหน่งสุลต่านมาหลายสิบปี แต่รายงานขององค์กรพัฒนามนุษยชาติของสหประชาชาติระบุในปี 2010 ว่า โอมานเป็นประเทศที่ดำเนินการพัฒนามากที่สุดในจำนวน 135 ประเทศในโลก นับตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ชาวโอมานหญิง-ชายจำนวน 300 คน จัดการประท้วงอย่างสงบกลางกรุงมัสกัต เพื่อเรียกร้องขึ้นค่าแรง และปฏิรูปการเมือง นับเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการจัดประท้วงในโอมานโดยครั้งแรกมีขึ้นเมื่อ 17 มกราคม 2554 เพื่อประท้วงการขึ้นราคาสินค้า และคอรัปชั่น

เพื่อเป็นการเอาใจผู้ประท้วง สุลต่านกาบูสประกาศขึ้นเงินเบี้ยเลี้ยงให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัย และในสถาบันวิชาชีพต่างๆ เมื่อวันเสาร์ (26/02) และขึ้นเงินค่าครองชีพอีกประมาณ 25 – 90 รียัลโอมาน (65-234 ดอลล่าร์) และยังมีการสั่งให้ตั้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคขึ้น

ต้นเดือนที่ผ่านมา โอมานได้สั่งขึ้นเงินค่าแรงขั้นต่ำจาก 354 ดอลล่าร์/เดือน เป็น 520 ดอลล่าร์/เดือน ให้แก่พนักงานบริษัทเอกชนประมาณ 150,000 คน

กระแสการลุกขึ้นมาประท้วงของประชาชนในโลกอาหรับเพื่อโค่นผู้นำ ได้กระจายไปทั่วภูมิภาค เริ่มตั้งแต่การโค่นประธานาธิบดี เบน อะลี ของตูนีเซีย เป็นประเทศแรก ลุกลามมายังการโค่นประธานาธิบดีมุบารักของอียิปต์ และขยายมายังลิเบีย ซึ่งยังคงมีการประท้วงกันอยู่ ลามมายังเยเมน และบาห์เรน ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ที่โอมานก็เป็นสมาชิกอยู่ด้วย - www.muslimthai.com

 

สำนักข่าวมุสลิมไทย เรียกร้องปลดผู้นำในโลกอาหรับลามถึงกาต้าร์แล้ว
สำนักข่าวตะวันออกกลาง – มีผู้เปิดหน้าเฟสบุ๊ก เรียกร้องให้ไล่ ชี้คฮามัด บิน คอลิฟา อัล-ธานี เจ้าผู้ครองประเทศกาต้าร์ ออกจากตำแหน่งประมุข โดยกล่าวหาว่า พระองค์เป็นผู้นำที่นิยมตะวันตก และเป็นตัวแทนของอิสราเอล จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมา (26/02) มีผู้เข้าไปสนับสนุนแล้ว 18,262 ราย

​

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้ริเริ่มใช้เฟสบุ๊กไล่ผู้นำในกาต้าร์ ตั้งแต่มีเหตุความวุ่นวายยุ่งเหยิงในโลกอาหรับ โดยเฟสบุ๊กดังกล่าวนำภาพของผู้นำประเทศที่ขีดด้วยกากบาทสีแดงมาลงไว้ และมีการเขียนข้อความบนธงชาติกาต้าร์เรียกร้องให้มีการชุมนุมเพื่อปฏิรูปสู่เสรีภาพในวันที่ 16 มีนาคม 2554

ไม่อาจระบุได้ว่าผู้ที่คลิ๊กเข้าไปสนับสนุนอยู่ส่วนไหนของโลกบ้าง และที่อยู่ในกาต้าร์มีจำนวนเท่าใด

นอกจากนั้นยังมีการเรียกร้องให้ชี้คก้า มูสซา ยุติบทบาทด้านสังคม และให้กาต้าร์เลิกข้องแวะกับอิสราเอลและสหรัฐ ซึ่งขณะนี้มีฐานทัพอยู่ในกาต้าร์ 1 แห่ง

กาต้าร์ไม่มีความสัมพันธ์ด้านการทูตกับอิสราเอล แต่ยังคงมีความสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ อย่างเป็นทางการ โดยอิสราเอลเคยมีที่ทำการด้านการค้าอยู่ในกรุงโดฮา แต่ถูกปิดไปเมื่อเกิดเหตุการณ์ยิวบุกฉนวนกาซ่าในปลายปี 2009 หน้าเฟสบุ๊กดังกล่าวยังลงข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์อย่างดุเดือด ว่าเป็นผู้ทรยศเฉกเช่นมุบารัก

จำนวนผู้ใช้สังคมออนไลน์เฟสบุ๊กในโลกอาหรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 78 ในปี 2010 โดยมีจำนวน 21 ล้านจากเดิมที่มีเพียง 12 ล้าน

เมื่อต้นเดือนมีผู้เปิดหน้าเฟสบุ๊กวิพากษ์วิจารญ์และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปด้านการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในราชอาณาจักรซาอุดี้อาระเบีย จนถึงวันเสาร์ที่ผ่านมาเช่นกันมีผู้คลิ๊กสนับสนุนแล้วจำนวน 9,400 ราย

เมื่อวันพุธ (23/02) กษัตริย์อับดุลเลาะฮฺประกาศพัฒนาด้านสังคม, ขึ้นเงินเดือนข้าราชการอีกร้อยละ 15 และเพิ่มวงเงินกู้แก่ผู้ต้องการมีบ้านในซาอุดี้ - www.muslimthai.com

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 24 กพ. 54
สำนักข่าวมุสลิมไทย เทคนิเชียนเอ็กซเรย์ซาอุดี้ขู่ฟ้องสาธารณสุขไม่จ้างงาน
สำนักข่าวอาหรับ – นักเทคนิคเอ็กซเรย์ชาวซาอุดี้ที่ได้รับเพียงประกาศนียบัตร กำลังถูกลอยแพโดยกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากทางกระทรวงไม่จ้างเข้าทำงาน

การตัดสินใจของกระทรวงครั้งนี้ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ เนื่องจากมีหนุ่ม-สาวซาอุดี้จำนวนมาก ที่ทุ่มเทเวลา และเงินทองเพื่อเข้าศึกษาด้านเทคนิคการแพทย์สาขาต่างๆ เพื่อหวังทำงานในด้านนี้ หลังจากมีการอนุญาตให้เปิดสถาบันหลายแห่งทั่วประเทศ

กรณีของมุบารัก อาซีรี เป็นตัวอย่างหนึ่ง เขาจบจากสถาบันฝึกอบรมด้านเทคนิคเกี่ยวกับสุขภาพ ในมหาวิทยาลัยคิง คอลิด โดยใช้เวลาระยะเวลาในการเรียน 30 เดือน หลังจากนั้นต้องเข้าฝึกงานในโรงพยาบาลอีก 6 เดือน และยังเสียเงินอีก 32,000 รียัล แต่เมื่อจบออกมาแล้วไม่มีงานทำ นักศึกษาที่เรียนรุ่นเดียวกับเขา 46 คน จบในปี 2007 และยังไม่มีใครได้ทำงานเลยแม้แต่คนเดียว

กระทรวงสาธารณสุขเพิ่งประกาศว่าจะรับผู้จบเทคนิคการแพทย์ที่จบอย่างต่ำปริญญาตรีเท่านั้น แต่การจะศึกษาถึงระดับนั้นต้องใช้เงินถึง 120,000 รียัล แต่สถาบันที่เขาจบมาก็ได้รับอนุญาต และอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัย ซึ่งรับรองหลักสูตรดังกล่าว

กลุ่มเทคนิเชียนเหล่านี้กำลังดำริจะฟ้องร้องกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ออกเงินค่าเล่าเรียนในระดับปริญญาตรีให้ และถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าจบแล้วจะไม่มีงานทำ สถาบันดังกล่าวก็ยังคงรับนักศึกษาใหม่ในระดับนี้

แหล่งข่าววงในแผนกสาธารณสุข ของโรงพยาบาลอะซีรฺเปิดเผยว่า โรงพยาบาล 18 แห่ง และศูนย์สาธารณสุขอีก 300 แห่งกำลังต้องการช่างเอ็กซเรย์ แต่กระทรวงสาธารณสุขกลับจ้างชาวต่างชาติเข้ามาทำหน้าที่นี้ ในขณะที่ยังมีชาวซาอุดี้ตกงานเป็นจำนวนมาก - www.muslimthai.com

෤

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 23 กพ. 54

สำนักข่าวมุสลิมไทย ยิวเต้น เรือรบอิหร่านลอยลำเย้ยในคลองสุเอซ
ข่าวจากเอเจนซี่ – กองเรืออิสราเอลเตรียมพร้อมเต็มพิกัด หลังจากเรือรบอิหร่านใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ เพื่อไปออกทะเลเมดิเตอเรเนียน เมื่อวันอังคาร (02/21)

​

นับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอิสลามเมื่อปี พ.ศ. 2522 อิหร่านเพิ่งใช้เส้นทางนี้เป็นครั้งแรกเพื่อเดินทางไปยังซีเรีย ซึ่งทำให้ต้องผ่านน่านน้ำของอิสราเอล

มีรายงานว่าเรือรบอิหร่าน 2 ลำ คือ เรือ Alvand และเรือลำเลียง Kharg เข้าสู่คลองสุเอซเมื่อเวลา 5.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อวันอังคาร และผ่านออกไปยังทะเลเมื่อเวลาบ่าย 3.30 น. และคาดว่าเที่ยวกลับจะเป็นวันที่ 3 มีนาคม ศกนี้

คลองสุเอซตัดผ่านประเทศอียิปต์ และใช้เป็นเส้นทางลัดจากตะวันออกกลางไปยุโรปโดยเรือไม่ต้องไปอ้อมแหลมแอฟริกา ปากคลองสุเอซด้านเหนือเป็นที่ตั้งของ Port Said (ท่าเรือซาอิด) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเขตแดนอิสราเอลประมาณ 100 กิโลเมตร เส้นทางเดินเรือนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผ่านกาซ่า และฝั่งทะเลอิสราเอล

แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของอิสราเอลกล่าวกับ เอเอฟพี.ว่า อิสราเอลจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มใดๆ เว้นแต่เรือรบอิหร่านจะออกนอกเส้นทาง หรือกระทำสิ่งที่ดูเป็นการยั่วยุ

การใช้เส้นทางคลองสุเอซของอิหร่านครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ชาติอาหรับ และตะวันออกกลางกำลังเกิดความระส่ำ ซึ่งผลของมันในที่สุดอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในภูมิภาค ทำให้อิสราเอลเพิ่มความห่วงกังวลในเสถียรภาพมากขึ้น โดยทั้งกระทรวงการต่างประเทศ และนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเอง ออกมาประณามว่า เป็นการโชว์พลัง แผ่อิทธิพลและการยั่วยุของอิหร่าน และว่าการกระทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้เกิดความไม่มั่นคงในภูมิภาค - www.muslimthai.com

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 23 กพ. 54

สำนักข่าวมุสลิมไทย หลายกลุ่มในจอร์แดนต้องการจำกัดพระราชอำนาจกษัตริย์
สำนักข่าวรอยเตอร์ - แหล่งข่าวนักการเมืองจอร์แดนกล่าวเมื่อวันอังคาร (21/02) ว่า กษัตริย์จอร์แดนกำลังถูกกลุ่มต่างๆ บีบให้เปลี่ยนสถานะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องในเรื่องนี้

​

หัวหน้ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมในจอร์แดนกล่าวว่า กลุ่มต่างๆ ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญให้ประชาชนสามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งโดยใช้พระราชอำนาจหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมากษัตริย์จอร์แดนมีพระราชอำนาจในการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และยุบสภาอย่างเบ็ดเสร็จ

นักวิเคราะห์ด้านการเมืองในจอร์แดนกล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มการเมืองต่างๆ ที่กำลังชิงอำนาจในจอร์แดนต่างพูดกันอย่างหนาหูในเรื่องนี้ รวมทั้งกลุ่มที่เคยเห็นว่าเป็นฝ่ายที่จงรักภักดีกับระบบกษัตริย์ แม้จะยังไม่รู้ว่าจะดำเนินขั้นตอนอย่างไร

การประท้วงที่กระเพื่อมไปทั่วตะวันออกกลาง เร่งเร้าให้มีการโต้ตอบกันทางสังคมออนไลน์ทวิตเตอร์ ด้วยข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ราชวงศ์จอร์แดน แต่การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในจอร์แดนต่างกับในประเทศอื่น เพราะไม่มีความพยายามที่จะโค่นล้มพระราชอำนาจ เนื่องจากทุกคนตระหนักดีว่า พระองค์เป็นสายเลือดฮัชไมต์ซึ่งสามารถควบคุมเผ่าต่างๆ ที่เป็นชนส่วนใหญ่ในจอร์แดน และยังมีอิทธิพลต่อกลุ่มประชาชนเชื้อสายปาเลสไตน์หลายล้านคนที่เข้ามาอาศัยแผ่นดินจอร์แดนอยู่ และหากปราศจากราชบัลลังก์แล้วจอร์แดนก็คงล่มสลาย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กษัตริย์อับดุลเลาะฮฺ ที่ 2 ได้เรียกประชุมสมาชิกรัฐสภา และเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยพระองค์พยายามที่จะให้มีการปฏิรูปจอร์แดนในทุกด้าน และพระองค์ย้ำว่า ควรจะต้องเป็นการปฏิรูปที่แท้จริง และเร่งด่วน พระองค์ไม่ต้องการให้ข้าราชการประวิงเวลาด้วยเหตุเพราะหวาดกลัวความเปลี่ยนแปลง จนไม่กล้าที่จะเดินหน้าทำสิ่งต่างๆ - www.muslimthai.com

 

มุสลิมไทยดอทคอม : 23 กพ. 54

สำนักข่าวมุสลิมไทย ฝ่ายค้านบาห์เรนกลับประเทศหวังรัฐเจรจาอย่างจริงใจ
สำนักข่าวรอยเตอร์ – กลุ่มฝ่ายค้านรัฐบาลบาห์เรนเตรียมเดินทางกลับประเทศในวันอังคาร (22/02) เพื่อหวังเปิดการเจรจา หลังจากมีการประท้วงของชาวบาห์เรนหลายพันคนที่จตุรัสเพิร์ลเมื่อวันจันทร์ (21/02)

ฮัสซัน มุไชมาอฺ ผู้นำกระบวนการฮัค (Haq) เปิดเผยในเฟสบุ๊กเมื่อวันจันทร์ ว่า เขากำลังตริตรองว่าผู้นำรัฐบาลมีความตั้งใจจริงจะเจรจา หรือเป็นการล่อเพื่อจับตัวเขา มุไชมาอฺเป็นหนึ่งในจำนวนฝ่ายค้าน 25 คน ที่ถูกดำเนินคดีฐานวางแผนการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจรัฐบาลเมื่อปีที่ผ่านมา เขาหนีไปกบดานอยู่ในลอนดอน

กษัตริย์ฮามัดแห่งบาห์เรนออกแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ว่า คดีดังกล่าวจะถูกพักไว้ก่อน ทำให้มุไชมาอฺตัดสินใจเดินทางกลับบาห์เรน สำนักข่าวทางการเปิดเผยว่า กษัตริย์สั่งปล่อยนักโทษที่ถูกจับกุมโดยไม่มีการตั้งข้อหา และระงับการดำเนินคดีไว้ก่อน โดยพระองค์บัญชาให้เจ้าชายรัชทายาทดำเนินการเจรจาระหว่างกลุ่มต่างๆซึ่งรวมทั้งฝ่ายค้านด้วย

การประท้วงอย่างสงบที่ผ่านมา แสดงความต้องการให้บาห์เรนปกครองแบบระบบกษัตริย์ที่ใช้พระราชอำนาจภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาชาวบาห์เรนมีสิทธิ์เลือกผู้แทนเข้าไปนั่งในรัฐสภาก็จริง แต่ผู้แทนแทบจะไม่มีอำนาจในการในการเปลี่ยนแปลงใดๆ และศูนย์รวมการปกครองยังคงขึ้นอยู่กับพระราชอำนาจ โดยราชวงศ์คอลิฟะฮฺที่ปกครองบาห์เรนมากว่า 200 ปี มีอิทธิพลต่อรัฐสภาอย่างมาก เพราะลุงของกษัตริย์ฮามัดดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเป็นเวลา 40 ปีแล้ว

ฝ่ายค้านยังแสดงความต้องการให้รัฐบาลสั่งปล่อยนักโทษการเมืองอื่นๆ ด้วย - www.muslimthai.com

 

โพส์ทจากคุณ Falkman

เมื่อวันเสาร์ได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์รัตน์ ได้มีโอกาสสนทนาและท่านได้เมตตาตอบคำถามที่พวกเราถามกัน

ท่านบอกว่า ท่านเคยบอกลูกศิษย์ของท่านไว้ตั้งแต่ทองบาทละ 4,200 บาท ให้เก็บทองไว้ เพราะทองจะขึ้นถึง สองหมื่น และเมื่อทองแตะสองหมื่น คือ จะมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น ท่านบอกว่าตอนนี้ทองแตะสองหมื่นหรือยัง? เห็นไหมมันมีเหตุการณ์หลายๆ อย่างในหลายประเทศ แล้วท่านก็ถามว่าทองแตะสองหมื่นเมื่อไหร่ เลยตอบท่านว่าประมาณต้นปี (นี่คือจุดเริ่มแล้ว)

แล้วท่านเสริมว่าให้ดูราคาน้ำมันนะ เป็นอีกจุดสังเกตหนึ่ง คือ ถ้าราคาน้ำมันไปแตะที่ 150 ดอลล่าร์/บาร์เรล ตอนนั้นเศรษฐกิจโลกจะพังคลืน ให้จับตาดูไว้จะได้ไหวตัวทัน

ถามท่านว่า แล้วพระอาจารย์คิดว่า เมืองไทยจะเกิดภัยจากสงคราม(ทะเลาะกัน) หรือภัยพิบัติจะมาก่อน ท่านบอกว่า อาตมาคิดว่ามันมาพร้อมกัน คือ มีสองฝ่ายทะเลาะกันอย่างแรง แต่ฝ่ายหนึ่งคิดว่าตัวเองกำลังชนะ ยื้อกันไปมา แล้วอีกแป๊ป แผ่นดินยุบลงไป คนลงไปตาย ที่เหลือเห็นด้งนั้นเลิกทะเลาะกันทันที กลับตัวได้

แล้วท่านก็เสริมว่า อาตมาก็คิดๆ นะว่า คนกรุงเทพเค้าก็ทำบุญกันมาเยอะ บุญจะไม่ช่วยเค้าเชียวหรือ แล้วท่านก็เห็นว่าถึงแม้จะมีกรรมแต่ก็มีบุญดีที่มาช่วยคือ เช่น ถ้าน้ำจะท่วมกรุงเทพถาวร จะมีของเทียมมาก่อน เช่น จะมีน้ำท่วมหลอกๆ ขังไว้ระยะหนึ่งแล้วลด แล้วคนกรุงเทพจะรู้ว่า อือ อยู่ไม่ได้แล้วนะ ต้องเตรียมอพยพ แล้วของจริงจึงจะตามมา

ท่านบอกว่า ตอนนี้อาตมาทำเครื่องเรียกฝน ปรับอากาศ แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นที่เผยแพร่เท่าที่ควร อาตมาทำแล้วได้ผลดีไปขอดูได้ มีติดตั้งไว้หลายที่ แต่ยังขาดคนช่วยเผยแพร่ อาตมาเป็นพระลำบากที่จะไปเผยแพร่ ท่านทำหน้าที่ของท่านแล้วโดยการคิดค้นเครื่องมือ อยากให้ผู้คนไปช่วยเผยแพร่ จะได้ช่วยลดมลภาวะ (ช่วยๆ กันหน่อย อันนี้เติมเอง :boo

ถามท่านว่า ที่ท่านเคยบอกว่า จะมีลูกน้ำแข็งใหญ่ๆ หล่นมาจากฟ้า มันจะเกิดเพราะอะไร เป็นอย่างไร ท่านตอบว่า ตอนนี้บรรยากาศมีละองน้ำมันลอยอยู่ (คาร์บอนมอนน๊อกไซด์) แล้วพอเกิดกระทบกับคลื่นความถี่สูง (ไม่แน่ใจว่าเป็นพวกรังสีแกมม่าหรือเปล่า อันนี้เดาเอา) ท่านบอกว่าอาตมาไม่รู้ว่าอะไร แต่รู้ว่าเป็นคลื่นความถี่สูง เมื่อมากระทบกับไอพวกนี้ ก็จะจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็งแล้วหล่นมาเป็นลูกๆ เลย (ใหญ่มาก)

อีกเรื่องคือ ถามท่านเรื่องตอนนี้มีน้ำท่วมอินโดอย่างไร้ฝน และมีเสียงแผ่นดินไหวคำรามจากใต้ดิน ท่านบอกว่า ตรงใต้อินโดมีหลุมขนาดใหญ่ที่เกิดจากเส้นแรงแม่เหล็กตี อินโดอาจจะหล่นไปในหลุมนี้ได้ ให้สังเกตแก๊สด้วย ถ้าตรงไหนมีหลุมมีกลิ่นแก๊สให้รีบย้ายออก มันเกิดขึ้นที่ทะเลด้วย เลยทำให้ปลาตายจำนวนมาก แล้วปลามันก็หนีมาที่อ่าวไทย มาตายกันตรงนี้

เลยเล่าให้ท่านฟังเรื่องปลาตายจำนวนมากที่ระนองปลายปีที่แล้ว ที่ชาวประมงดำน้ำลงไปจับปลาแล้วน้ำร้อนขึ้นมาทำให้ดำลงไปไม่ได้ แล้วเจอฟองอากาศปุดๆ มาจากใต้ทะเล และมีกลิ่นแก๊สด้วย หลังจากนั้นปลาก็ตายจำนวนมาก ท่านบอกว่านั่นแหล่ะแสดงว่าข้างล่างมีหลุมใหญ่อยู่

สุดท้ายที่จะบอก ท่านถามว่าชาวพลังจิตอยากเรียนสมาธิกับท่านไหม นานๆ ท่านจะเสนอให้นะ ถ้าเป็นไปได้รวบรวมกันมา อาตมาจะสอนให้ ถ้าในกลุ่มมีดร.ก้องภพ มาด้วยยิ่งดีใหญ่เลย


จบแระ<!-- google_ad_section_end -->

http://palungjit.org/threads/ประวัติและผลงานของพระอาจารย์รัตน์-รตนญาโณ.269042/page-3

 

ผมศรัทธาหลวงพ่อรัตน์ครับ อยากเจอท่าน อยากถามเรื่องราวเรื่องภัยพิบัติมากมายจากท่านครับน้าขวัญ ^_^

 

ถ้ามีข่าวห้องภัยพิบัติเขาจัดคอร์ส ก็จะแจ้งให้ทราบนะ ช่วยๆกันประชาสัมพันธ์ ^^"

 

ผู้ประท้วงโอมานปักหลักปิดถนน ร้องรัฐปัญหา “ว่างงาน-ปฏิรูปการเมือง”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 16:33 น.



ชาวโอมานออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องการแก้ปัญหาว่างงาน และการปฎิรูปการเมือง



เอเอฟพี - ผู้ประท้วงชาวโอมานที่รวมตัวกันเรียกร้องตำแหน่งงาน และการปฏิรูปการเมือง ยังคงปักหลักชุมนุมกลางถนนวันนี้ (28) หนึ่งวันหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารประชาชนไปอย่างน้อย 2 ราย ขณะที่กระแสลุกฮือลุกลามเข้าไปยังประเทศซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสุลต่านแห่งนี้

กลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในฐานะว่างงาน ยังคงปิดกั้นถนนสายต่างๆ ในพื้นที่อุตสาหกรรมหลักในเมืองโซฮาร์ แม้ว่าทางการโอมานยอมอ่อนข้อ หลังประกาศมอบเงินสงเคราะห์สำหรับผู้ว่างงาน และเพิ่มอำนาจให้กับ สภาที่ปรึกษา หรือสภาล่าง มากขึ้นก็ตาม

วันนี้ ผู้ชุมนุมยังคงปักหลักยึดพื้นที่ สี่แยกเอิร์ธ ราวน์ดอะเบาต์ ชุมทางสำคัญของถนนเส้นหลัก ซึ่งทอดยาวสู่กรุงมัสกัต เมืองหลวงของโอมาน เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยไม่ไยดีต่อความพยายามสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สภาพการณ์ในวันนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงแม้แต่คนเดียวอยู่ในบริเวณที่ชุมนุม หลังจากวานนี้ (27) เกิดเหตุปะทะกัน จนทำให้ผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 ราย

ทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคงเปิดเผยว่า วานนี้กลุ่มผู้ประท้วงได้บุกรุกสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสี่แยกเอิร์ธ ราวน์ดอะเบาต์ ตำรวจจึงตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา และกระสุนยาง ซึ่งส่งผลให้ผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีก 5 ราย ทว่าฝ่ายมวลชนยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ทางการเปิดเผย อับดุลเลาะห์ อัล-เมกบาลี ผู้ประท้วงวัย 25 ปี ระบุว่า “ผมเห็นคนตายถึง 5 คนที่สถานีตำรวจเมื่อวานนี้” อย่างไรก็ตามสำนักข่าวโอนาของรัฐบาลโอมาน ยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตเพียง 2 คน และบาดเจ็บ 5 คนตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ความมั่นคง

สำนักข่าวโอนารายงานว่า เหตุความไม่สงบเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันเสาร์ (26) ต่อเนื่องจนถึงวันอาทิตย์ (27) มีรถยนต์ส่วนบุคคล และของทางการหลายคันถูกเผา ผู้ประท้วงยังได้วางเพลิงจวนผู้ว่าราชการเมืองโซฮาร์ นักข่าวเอเอฟพียังรายงานเพิ่มเติมว่า ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งก็ถูกวางเพลิงด้วยเช่นกัน

โอมานเป็นประเทศล่าสุดในโลกอาหรับที่เกิดกระแสประท้วงต่อต้านรัฐบาล ตามแบบฉบับในตูนิเซีย และอียิปต์ที่ผู้นำต้องยอมศิโรราบให้กับพลังมวลชน ขณะเดียวกัน ณ ตอนนี้มีกระแสขับไล่ผู้นำปะทุขึ้นในบาห์เรน ลิเบีย และเยเมน

ผู้ประท้วงชาวโอมานยืนกรานหนักแน่นว่า ไม่ได้ต้องการท้าทายอำนาจของสุลต่านกอบูส ซึ่งปกครองโอมานมาตั้งแต่ปี 1970 เพียงแต่ต้องการเรียกร้องการแก้ปัญหาว่างงาน และการปฏิรูปการเมือง

ในความพยายามแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประท้วง สุลต่านกอบูสทรงประกาศว่า จะมีเงินสงเคราะห์ผู้ว่างงาน และมีตำแหน่งงานใหม่กว่า 50,000 ตำแหน่งรองรับชาวโอมาน

พระราชกฤษฎีกาดังกล่าวประกาศผ่านทางสำนักข่าวโอนาวานนี้ โดยระบุว่า ชาวโอมานที่ขึ้นทะเบียนหางาน จะได้รับเงินสงเคราะห์คนละ 150 ริยาล (ประมาณ 12,000 บาท) ต่อเดือน

สุลต่านกอบูสยังทรงรับสั่งให้ คณะรัฐมนตรีโอมาน รวบรวมข้อเสนอการเพิ่มอำนาจให้กับสภาที่ปรึกษา หรือสภาล่าง ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ตามเสียงเรียกร้องของประชาชน ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษาทั้ง 83 คนดังกล่าวทำหน้าที่แนะนำรัฐบาลในเรื่องเศรษฐกิจ และประเด็นสังคม แต่ไม่มีสิทธิแสดงความคิดเห็นเรื่องการทหาร ความมั่นคงภายในประเทศ และนโยบายต่างประเทศ



ฉากหลังของกลุ่มผู้ประท้วงชาวโอมาน เป็นรถบรรทุกซึ่งถูกเผา ในเมืองโซฮาร์



ผู้ประท้วงโอมานเผารถราหลายต่อหลายคันที่จอดอยู่กลางถนน

Around the World - Manager Online -

 

แกนนำเบอร์ 2 กออิดะห์เตือน พรรคพวกมะกันเตรียมตั้ง รบ.ใหม่ในตูนิเซีย-อียิปต์

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 15:49 น.



อัยมาน อัลซอวาฮีรี แกนนำหมายเลขสองของอัลกออิดะห์

เอเอฟพี - อัยมาน อัลซอวาฮีรี แกนนำหมายเลขสองของกลุ่มอัลกออิดะห์ เตือน สหรัฐฯ กำลังก่อตั้งรัฐบาลใหม่ ที่เป็นพวกพ้องของตัวเองในประเทศตูนิเซีย และอียิปต์ พร้อมเรียกร้องให้พี่น้องชาวมุสลิมลุกฮือขึ้นต่อต้านผู้โจมตี และผู้รุกราน

เว็บไซต์เอสไอทีอี ซึ่งคอยสอดส่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ รายงานในวันนี้ (28) ว่า ซอวาฮีรีปล่อยข้อความเสียงเกี่ยวกับเหตุจลาจลในโลกอาหรับเป็นครั้งที่ 3 โดยบันทึกเสียงไว้ในช่วงที่รัฐบาลตูนิเซีย และรัฐบาลของประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัคในอียิปต์กำลังล่มสลาย

แกนนำหมายเลขสองของอัลกออิดะห์ยังระบุว่า ชาวตูนิเซียควรต่อต้านการครอบครองโดยฝรั่งเศส และสร้างกฎระเบียบ ที่ควรค่าแก่การเป็นแบบอย่างทั้งการให้คำปรึกษา และความยุติธรรมสำหรับพี่น้องชาวมุสลิม

เขาชี้ว่า สหรัฐฯ ได้ทอดทิ้งประธานาธิบดีซิเน เอล อาบิดีน เบน อาลีของตูนิเซีย ในกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าเขากลายเป็นภาระ แต่การควบคุมกิจการภายในประเทศก็ยังเป็นคนของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือทหาร

ซอวาฮีรีกล่าวในข้อความเสียงนี้ด้วยว่า ในอียิปต์เองก็เกิดเรื่องแบบนี้เช่นเดียวกัน โดยชี้ว่า ตัวเลือกที่จะเป็นผู้นำแทนคือโมฮัมหมัด เอลบาราเด อดีตผู้อำนวยการทบวงพลังงานปรมาณูสากล หน่วยงานของยูเอ็น

"ผมไม่รู้ว่าที่ใดจะเป็นกองบัญชาการใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังเปลี่ยนผ่านนี้ ในกรุงไคโร หรือในเวียนนา หรือในนิวยอร์ก เขาเป็นตัวเลือกที่กลมกลืนกับระบบสากล สนองต่อผลประโยชน์ และให้อิสรภาพ และเสรีภาพบางอย่างแก่คนจน และคนอ่อนแอ" ซอวาฮีรีกล่าวในเทปที่บันทึกไว้ตั้งแต่ก่อนมูบารัคถูกขับออกจากตำแหน่งเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เขาสำทับว่า อียิปต์ยังคงเป็นฐานที่มั่นในการทำสงครามศาสนา และหุ้นส่วนที่สำคัญที่สุดในสงครามต่อต้านอิสลามของอเมริกา ภายใต้ชื่อสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ทั้งยังเป็นผู้คุ้มครองชายแดนทางใต้ของอิสราเอลด้วย

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000026163

 

สหรัฐฯ-ยุโรปหารือประกาศ “เขตห้ามบิน” เหนือน่านฟ้าลิเบีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 11:59 น.



ฟรังโก แฟรตตินี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สหรัฐฯและยุโรปร่วมหารือเรื่องการประกาศเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้ทหารที่ยังภักดีต่อ กัดดาฟี เข่นฆ่าประชาชนเพิ่มขึ้น นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานวานนี้(27)

นิวยอร์ก ไทม์ส อ้างแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับสูงว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ

ฟรังโก แฟรตตินี รัฐมนตรีต่างประเทศอิตาลี กล่าววานนี้(27)ว่า สนธิสัญญาไมตรีระหว่างอิตาลีและลิเบียซึ่งทำขึ้นในปี 2008 “ถูกระงับลงแล้วโดยพฤตินัย”

“เมื่อผู้นำประเทศลั่นกระสุนปืนใส่ประชาชนของตัวเอง ประชาคมโลกก็จำเป็นต้องตอบโต้ และพวกเราก็ได้ตอบโต้แล้ว” แฟรตตินี กล่าว หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติคว่ำบาตรผู้นำลิเบียและบุคคลใกล้ชิด

เมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะประกาศเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้าลิเบีย แฟรตตินี ให้คำตอบว่า “นั่นเป็นทางเลือกหนึ่งซึ่งอาจนำไปสู่การแทรกแซงทางทหารต่อไป เราจึงต้องการเวลาทบทวนให้ดีก่อน”

สนธิสัญญาไมตรีระหว่างอิตาลีและลิเบียช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนระหว่างทั้ง 2 ประเทศมูลค่านับพันล้านดอลลาร์ และยังช่วยยับยั้งผู้อพยพลิเบียที่เดินทางเข้าอิตาลีโดยผิดกฎหมาย

นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า สนธิสัญญาดังกล่าวระบุข้อความว่าจะไม่รุกรานซึ่งกันและกัน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าจะทำให้อิตาลีวางตัวลำบาก หากนานาชาติตัดสินใจนำทหารเข้าแทรกแซงการเมืองในลิเบีย

การประกาศเขตห้ามบินจะต้องหารือกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเสียก่อน ซึ่งคาดว่าหน่วยงานดังกล่าวจะยังไม่แสดงท่าทีใดๆ เว้นแต่รัฐบาลลิเบียจะใช้ความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้เครื่องบินยิงถล่มประชาชน

บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ จะเข้าพบประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯวันนี้(28)ที่ทำเนียบขาว เพื่อหารือสถานการณ์ในลิเบียที่ย่ำแย่ลง

บัน และ โอบามา จะหารือด้วยว่า กองทัพสหรัฐฯจะสามารถขัดขวางระบบสื่อสารเพื่อไม่ให้ พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ออกแถลงการณ์ในลิเบียได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุวานนี้(27)

นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจะหาหนทางให้กองทัพจัดตั้งเขตฉนวนในตูนิเซียและอียิปต์ เพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวลิเบียด้วย

สหรัฐฯและนาโตมีฐานทัพอยู่หลายแห่งในอิตาลี ซึ่งคาดว่ากำลังเตรียมพร้อมโจมตีลิเบียได้ทุกเมื่อ รวมถึงฐานทัพเรือที่ 6 ของสหรัฐฯในเมืองเนเปิลส์

Around the World - Manager Online -

 

เกาหลีใต้สั่ง “ปิดไฟ” รับวิกฤตน้ำมันแพง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 14:05 น.



ภาพแสดงการใช้พลังงานไฟฟ้าในเกาหลีใต้เมื่อเทียบกับเกาหลีเหนือ (ภาพ: teslkoreanews.com)

เอเจนซีส์ - รัฐบาลเกาหลีใต้สั่งให้ประชาชนลดการใช้ไฟฟ้าในส่วนที่ไม่จำเป็น หลังปัญหาทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น เจ้าหน้าที่เผยวันนี้(28)

แถลงการณ์จากกระทรวงเศรษฐกิจฐานความรู้ ระบุให้ไฟส่องสว่างบริเวณสะพาน, อาคารพาณิชย์, ที่พักอาศัย และอาคารขนาดใหญ่อื่นๆ ต้องถูกปิดหลังเที่ยงคืน เช่นเดียวกับป้ายโฆษณาและป้ายไฟร้านค้าต่างๆ

ธุรกิจบันเทิงจะต้องปิดไฟนอกอาคารหลัง 2.00 น.เป็นต้นไป ส่วนสถานีบริการน้ำมันถูกขอร้องให้งดเปิดไฟในเวลากลางวัน

หลังช่วงผ่อนผัน 7 วันแรก ผู้ฝ่าฝืนจะต้องเสียค่าปรับสูงสุดถึง 3 ล้านวอน (ประมาณ 81,000 บาท)

กระทรวงเศรษฐกิจฐานความรู้ ยังขอร้องให้พนักงานบริษัทต่างๆจอดรถไว้ที่บ้านอย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ด้วย

“มาตรการนี้จะช่วยลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น โดยให้เกิดความลำบากแก่ประชาชนและธุรกิจต่างๆน้อยที่สุด” แถลงการณ์กระทรวง ระบุ

กระทรวงเศรษฐกิจฐานความรู้เพิ่มระดับคำเตือนวิกฤตพลังงาน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบพุ่งสูงเกิน 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลติดต่อกันเกิน 5 วัน

ราคาน้ำมันดิบโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นผลจากกระแสการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ โดยล่าสุดผู้นำลิเบียยังคงพยายามยื้ออำนาจ ขณะที่ประธานาธิบดีตูนิเซียและอียิปต์ต้องยอมพ่ายแพ้ต่อพลังประชาชนไปก่อนหน้านี้

เกาหลีใต้ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดจากต่างประเทศ

ปีที่แล้วเกาหลีใต้เป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก โดยมีปริมาณการนำเข้าถึง 872 ล้านบาร์เรล ซึ่งร้อยละ 82 มาจากตะวันออกกลาง

Around the World - Manager Online -

 

อังกฤษอายัดทรัพย์กัดดาฟี-ครอบครัว คาเมรอนจี้ถึงเวลาลงจากอำนาจแล้ว

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 13:17 น.



นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนของอังกฤษ

เอเอฟพี - กระทรวงต่างประเทศอังกฤษยืนยัน ได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของ มูอัมมาร์ กัดดาฟี และครอบครัวที่อยู่ในประเทศแล้ว ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนจี้ ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำจอมเผด็จการของลิเบียต้องลาออก

กระทรวงต่างประเทศแถลงว่า "วันนี้รัฐบาลได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของ พล.อ.มูอัมมาร์ อาบู มินยาร์ อัล-กัดดาฟี สมาชิกในครอบครัวของเชา และผู้ที่ทำหน้าที่ตัวแทน หรือรับคำสั่งจากเขา"

หนังสือพิมพ์เทเลกราฟรายงานว่า ทางอังกฤษทราบจำนวนสินทรัพย์สภาพคล่องของกัดดาที่มีอยู่ในประเทศ ราว 20,000 ล้านปอนด์ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในกรุงลอนดอน

ด้านจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีการคลังของอังกฤษชี้ว่า เขาได้ดำเนินการอายัดทรัพย์สินของผู้นำลิเบีย เพื่อที่ทรัพย์สินเหล่านั้นจะได้ไม่ถูกนำไปใช้ทำลายผลประโยชน์ของประชาชนชาวลิเบีย

ออสบอร์นยังเสริมว่า เขาตัดสินใจปฏิบัติตามมติลงโทษของยูเอ็นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก่อนที่ตลาดการเงินจะเปิดทำการ โดยคำสั่งการนี้เป็นข้อความสำคัญที่ส่งไปถึงรัฐบาลลิเบียว่า ความรุนแรงที่ใช้กับประชาชนของพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

ยิ่งไปกว่านั้น ตามรายงานข่าวยังระบุว่า ทรัพย์สินของกัดดาฟีในอังกฤษนั้นได้แก่ บัญชีธนาคาร อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และบ้านในกรุงลอนดอนมูลค่า 10 ล้านปอนด์

ด้านคาเมรอน ผู้นำของอังกฤษ กล่าวหลังจากภารกิจอพยพช่วยเหลือพลเมือง 150 คนออกจากลิเบียเสร็จสิ้นแล้วว่า "ทั้งหมดนี้เป็นข้อความที่ส่งถึงรัฐบาลนี้อย่างชัดเจนว่า ถึงเวลาแล้วที่ พล.อ.กัดดาฟีจะต้องลงจากอำนาจ และต้องลงเดี๋ยวนี้"

"เรากำลังกดดันรัฐบาลชุดนี้อย่างจริงจัง" คาเมรอนกล่าว โดยว่า คำสั่งห้ามการเดินทาง และการอายัดทรัพย์สินผู้นำลิเบีย และครอบครัวเป็นมาตรการที่ใช้เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกโดดเดี่ยวเพียงใด

Around the World - Manager Online -

 

“โอบามา” หนุนบาห์เรนเปิด “เจรจาระดับชาติ” ยุติการประท้วง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 10:50 น.



ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ สนับสนุนให้บาห์เรนเปิดการเจรจาระดับชาติเพื่อยุติความวุ่นวาย

เอเอฟพี - ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ แสดงท่าทีสนับสนุนวานนี้(27) ให้บาห์เรนเปิดการเจรจาระดับชาติที่ “ครอบคลุม, ไม่แบ่งแยก และตอบสนองความต้องการของประชาชน”

แถลงการณ์ของ โอบามา มีขึ้นเพียง 1 วันหลังจากที่กษัตริย์ ฮามาด บิน อิสซา อัล-คอลีฟา ทรงตัดสินพระทัยปรับคณะรัฐมนตรี และอนุญาตให้ผู้นำฝ่ายค้านที่ลี้ภัยนอกประเทศกลับเข้ามายังบาห์เรน หลังการประท้วงดำเนินมาแล้วถึง 13 วัน

“สหรัฐฯเห็นด้วยกับการเจรจาระดับชาติที่มกุฎราชกุมาร ซัลมาน บิน ฮามาด อัล-คอลีฟา ทรงริเริ่ม และขอสนับสนุนกระบวนการเจรจาที่มีนัยยะสำคัญ, ครอบคลุม, ไม่แบ่งแยกฝักฝ่าย และตอบสนองความต้องการของชาวบาห์เรน” โอบามา กล่าว

กรุงวอชิงตันพยายามดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ระหว่างการช่วยเหลือชาติพันธมิตรซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ กับการสนับสนุนกระบวนการประชาธิปไตยของชาวบาห์เรนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับประชาชนในตูนิเซียและอียิปต์

“การเจรจาครั้งนี้จะช่วยให้เกิดการปฏิรูปอย่างมีนัยยะ และเปิดโอกาสให้ชาวบาห์เรนร่วมกันสร้างอนาคตที่เท่าเทียม” โอบามา เสริม

“ในฐานะประเทศพันธมิตรที่ยาวนานของบาห์เรน สหรัฐฯเชื่อว่าความมั่นคงภายในบาห์เรนจะต้องมาจากการเคารพสิทธิพลเมือง และการปฏิรูปอย่างมีนัยยะสำคัญที่ตอบสนองความคาดหวังของชาวบาห์เรนทุกกลุ่ม”

วานนี้(27) ชาวบาห์เรนหลายพันคนเดินขบวนเรียกร้องให้มีการโค่นล้มราชวงศ์ที่กรุงมานามา ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน 18 คนก็ยื่นหนังสือลาออกเพื่อประท้วงที่รัฐบาลใช้ความรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิต 7 คน

ก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวได้ส่งพลเรือเอก ไมค์ มุลเลน ประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯไปยังบาห์เรน และได้ยืนยันการสนับสนุนของสหรัฐฯต่อกษัตริย์ฮามาด เมื่อวันศุกร์(25)ที่ผ่านมา

Around the World - Manager Online -

 

Focus: พลังสามัคคี! ชาวกีวีร่วมใจเป็นอาสาสมัครพลิกฟื้น “ไครสต์เชิร์ช”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กุมภาพันธ์ 2554 16:15 น.


อาสาสมัครคนหนึ่งกอบพลั่วขึ้นรถจักรยานเพื่อไปร่วมปฎิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตกับหน่วยกู้ภัย ที่เมืองไครสต์เชิร์ช วันนี้(28)

เอเอฟพี - อาสาสมัครชาวกีวีซึ่งมีเพียงพลั่ว, เสียม กับหัวใจเกินร้อย มุ่งหน้าไปตามจุดต่างๆของเมืองไครสต์เชิร์ช เพื่อขุดลอกท่อ, ทำความสะอาดบ้านเรือน และบอกให้ชาวเมืองผู้ประสบภัยได้รู้ว่า พวกเขาไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว

“ถ้าคุณนั่งมองเหตุการณ์ในโทรทัศน์ คุณจะรู้สึกหมดหวัง และคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง นี่ก็คือวิธีหนึ่งครับ” จอห์น ฮาร์ตเนลล์ ชาวนาคนหนึ่งกล่าว

“คนที่นั่งอยู่ในบ้านจะรู้สึกเครียด แต่พอเห็นกองทัพอาสาสมัครออกมาเดินตามถนน พวกเขาก็ออกมาบ้าง บางคนเอาขนมอบออกมาด้วยนะ เยี่ยมจริงๆ พอพวกเขาผ่านไปแล้ว ผู้คนก็กลับมายิ้มแย้มได้อีกครั้ง เพราะรู้ว่ายังมีคนห่วงใยพวกเขาอยู่”

เหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์เมื่อวันอังคาร(22)ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดปรากฎการณ์ซึ่งเรียกกว่า “การทำให้เป็นของเหลว” (liquefaction) ซึ่งทำให้ดิน, ทราย และโคลนน้ำหนักกว่า 180,000 ตันถูกบีบอัดจนเปลี่ยนสภาพเป็นเลน และไหลเข้าท่วมท้องถนนและสนามต่างๆทั่วเมืองไครสต์เชิร์ช

เมื่อเทียบกับอาคารบ้านเรือนที่พังเสียหายถึง 1 ใน 3 ของเมือง และอีกราว 200 ชีวิตที่สูญไป การขุดลอกท่ออาจถือเป็นงานเล็กน้อย แต่สำหรับชาวเมืองที่ต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปา และอาจต้องสูญเสียบ้านเรือนไป การปรากฎตัวของอาสาสมัคร 20 กว่าคนที่เข้ามาช่วยขนดินในสวน, ปัดกวาดเศษกระจก และขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ถือเป็นน้ำใจอย่างเหลือล้น

บ้านของ แอน-มารี โฟเลย์ เป็นเพียง 1 ใน 2 หลังบนถนนเอวอนเดลล์ซึ่งยังมีคนอยู่อาศัย หลังเกิดแผ่นดินขนาด 7.0 ริกเตอร์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว และยังเผชิญอาฟเตอร์ซ็อกรุนแรงเมื่อวันพฤหัสบดี(24)ที่ผ่านมา จนทำให้ตัวบ้านเอียงกะเท่เร่อยู่ในขณะนี้

“พวกเขาทำงานกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คุณคงไม่เชื่อแน่ๆว่าเขาทำอะไรกันบ้าง” โฟเลย์ กล่าวถึงอาสาสมัครชาวนา 22 คนที่เข้ามาช่วยขนดินในสวนของเธอนานถึง 3 ชั่วโมงวานนี้(27) ซึ่งเป็นงานที่เธอเองคิดว่าทำไม่ไหวแน่

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยมากเลย มันอาจฟังดูโง่ๆนะ ฉันอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาเหลือแล้ว อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง”

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนอีกหลายร้อยคนจากทั่วนิวซีแลนด์ที่เดินทางมาช่วยทำความสะอาดเมืองไครสต์เชิร์ช บางคนบินมาจากเวลลิงตันที่ห่างออกไปถึง 400 กิโลเมตร บ้างก็ลงทุนขับรถมาจากเกาะใต้ และอาศัยนอนตามเต็นท์หรือคอกม้าในลานแสดงผลผลิตทางการเกษตร เพียงเพื่อจะมาช่วยเพื่อนร่วมชาติ



เบ็น แม็คฟาร์แลนด์ นักศึกษา กำลังช่วยขุดลอกท่อระบายน้ำในเมืองไครสต์เชิร์ช ร่วมกับอาสาสมัครคนอื่นๆ วันนี้(28)

ชาวนิวซีแลนด์ราว 20,000 คนเข้าร่วมโครงการอาสากับนักศึกษามหาวิทยาลัยแคนเทอเบอรี ซึ่งตั้งกลุ่มในเฟสบุ๊กหลังเกิดแผ่นดินไหวเดือนกันยายนด้วยสมาชิกเพียง 160 คน อาสาสมัครกลุ่มนี้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยป้องกันพลเรือนที่ช่วยฟื้นฟูเมืองไครสต์เชิร์ช

แซม จอห์นสัน นักศึกษาด้านการเมืองและกฎหมายผู้ก่อตั้งกลุ่มอาสาสมัคร เล่าว่า ตนไม่คาดคิดมาก่อนว่าโครงการเล็กๆนี้จะเติบโตไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ และมีอาสาสมัครกว่า 1,500 คนลงไปช่วยตามจุดที่เสียหายที่สุดของเมืองในแต่ละวัน

“ด้วยยอดผู้เสียชีวิตในขณะนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนในเมืองไครสต์เชิร์ชล้วนได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งนั้น เราจำเป็นต้องช่วยกัน และนั่นคือสิ่งที่งดงามครับ” จอห์นสัน วัย 22 ปี กล่าว

กลุ่มของ จอห์นสัน ได้เปิดเวบไซต์ซึ่งชาวเมืองสามารถเข้ามาขอความช่วยเหลือ หรือลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครทำความสะอาดเมืองได้ โดยเขาระบุว่า สื่อสังคมออนไลน์เป็น “เครื่องมืออันทรงพลัง” ในการขับเคลื่อนชุมชนหลังเกิดภัยพิบัติ

วานนี้(27) กลุ่มชาวนาและสมาคมรักบี้ในเมืองไครสต์เชิร์ชเกือบ 1,000 คน ต่างก็คว้าเครื่องไม้เครื่องมือออกมาช่วยฟื้นฟูสภาพเมืองเช่นกัน

“คนที่ไม่ได้รับผลกระทบคงรู้สึกผิดบ้างในใจ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาต้องออกมาช่วย” ไมเคิล มอร์โรว์ ชาวนาและผู้ประสานงานอาสาสมัคร กล่าว

“การที่มีคนออกมามากมายขนาดนี้ ทำให้เราทึ่งจริงๆครับ”

บ็อบ ปาร์กเกอร์ นายกเทศมนตรีเมืองไครสต์เชิร์ช กล่าวว่า อาสาสมัครเป็นพลังที่สำคัญยิ่ง ไม่เพียงช่วยลดภาระงานของเจ้าหน้าที่เท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังใจให้แก่ชาวเมืองผู้สูญเสียอีกด้วย

“เรารู้สึกซาบซึ้งและมีกำลังใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่ามีอาสาสมัครป้องกันพลเรือนออกมาช่วยเหลือชาวเมือง และนี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในไครสต์เชิร์ช”

Around the World - Manager Online - <b><font color=blue>Focus:</font></b>