ว่างที่เกิดจากชาญ กับว่างจากนิพพาน เหมือนกันไหมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย pichak, 22 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ผู้บำเพ็ญได้ชาญ จนว่าง กับ ว่างแบบนิพพาน แตกต่างกันอย่างไรครับ
     
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่เหมือน

    ว่างจากนิพพาน เกิดจาก ผลของมรรค
     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ไม่รู้....ยังไม่สำเร็จนิพพาน ตอบไม่ได้......
     
  4. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    คำถามนี้คนที่ตอบได้คงต้องเคยสัมผัสสภาวะนิพพานมาแล้ว
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    พอดีเพิ่งโพสตั้งกระทู้ เห็นว่าบทความเกี่ยวเนื่องกัน

    ติดสมาธิ
    ท่านพระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน


    "...เพราะสมาธินี้เป็นความสุขที่พอจะให้ติดได้ถึงติดได้คนเราความสุขในสมาธิก็พออยู่แล้ว จิตใจไม่ฟุ้งซ่านรำคาญพอจิตหยั่งเข้าสู่ความรู้อันเดียวแน่วอยู่อย่างนั้น ไม่อยากออกยุ่งกับอะไรเลยตาไม่อยากดู หูไม่อยากฟัง มันเป็นการยุ่งกวน รบกวนจิตใจของเราให้กระเพื่อมเปล่าๆ

    เมื่อจิตได้แน่วแน่อยู่ในสมาธินั้น อยู่สักกี่ชั่วโมงก็อยู่ได้นี่ละมันติดได้อย่างนี้เอง สุดท้ายก็นึกว่าความรู้ที่เด่น ๆ อยู่นี้เองจะเป็นนิพพานอันนี้จะเป็นนิพพาน จ่อกันอยู่นั้นว่าจะเป็นนิพพาน ๆ

    สุดท้ายมันก็เป็นสมาธิอยู่อย่างนั้นละจนกระทั่งวันตายก็จะต้องเป็นสมาธิและติดสมาธิจนกระทั่งวันตาย ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์มาฉุดมาลากผมเองก็คือหลวงปู่มั่นมาฉุดมาลาก เถียงกันหน้าดำตาแดง

    จนกระทั่งพระทั้งวัดแตกฮือกันมาเต็มอยู่ใต้ถุน นี่เพราะฟังการโต้กับหลวงปู่มั่นไม่ใช่โต้ด้วยทิฐิมานะอวดรู้อวดฉลาดนะโต้ด้วยความที่เราก็เข้าใจว่าจริงอันหนึ่งของเรา ท่านก็จริงอันหนึ่งของท่านสุดท้ายก็หัวเราแตกเพราะท่านรู้นี่

    เราพูดทั้ง ๆที่กิเลสเต็มหัวใจ แต่เข้าใจว่าสมาธินี่มันจะเป็นนิพพานแต่เข้าใจว่าสมาธินี่มันจะเป็นนิพพานแล้วสุดท้ายท่านก็ไล่ออกมา..."

    (ความลึกลับซับซ้อนของจิตวิญญาณ หน้า๓๔๑)<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ตอบ คุณเรือธรรม

    การว่างของฌานนั้น เป็นความว่างที่เกิดจากการยึดติดความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ ทำให้ใจสงบสงัดเข้าถึงฌาน8 หรือ อรูปฌาน ใกล้เคียงกับอารมณ์พระนิพพานมาก หากแต่ขาดซึ่งวิปัสนาญาณ ที่ใช้ในการทำลายกิเลสให้หมดสิ้นไป ทำให้เมื่อตายในขณะทรงฌาน8 หรือ อรูปฌาน จะไปไม่ถึงพระนิพพาน ไปติดอยู่พรหมโลกชั้น อรูปพรหม เป็นดวงจิตลอยอยู่ในความว่างเปล่า

    ความว่างของนิพพาน นั้น คือ ความว่างจากกิเลส คือ ไม่ยึดติดในขันธ์ห้าหรือร่างกาย ดังคำของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่ว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา และทั้งนี้จิตยังมีความเคารพและยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เมื่อตายก็จะไปพระนิพพานทันที พระนิพพานนี้เป็นเมืองนะ ซึ่งมีความเป็นทิพย์เหนือสวรรค์ เหนือพรหมโลก เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว ไม่ต้องกลับลงมาเกิดอีก เป็นสุขตลอดกาล

    เจริญพร....สวัสดี
     
  7. moshininja

    moshininja เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +103
    เมื่อมองเห็นหนึ่งหินผาอันสง่าตั้งมั่นไม่หวั่นไหวเราเข้าใจแล้วว่าสงบ แต่เมื่อเราได้ยืนมองจากยอดหินผาอันสูงตระหง่านั้นลงมาจึงพบความดับสิ้นอันยิ่งใหญ่ ไพศาล และ ว่างเปล่า
     
  8. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    ว่างจากนิวรณ์ชั่วคราว = ว่างจากกิเลสชั่วคราว = ขณิกนิพพาน

    ว่างจากกิเลส ตัณหา อุปทาน ได้ด้วยปัญญาตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน = นิพพานดิบ
     
  9. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    สาธุ สาธุ
    - ท่าน GhostHead ตอบได้ชัดเจนตรงมากๆ ครับ แล้วคำว่าศรัทธา ก็ต้องวาง นี้ตรงกับข้อไหนของกิเลส ครับ
    - ท่าน สปาต้า ตอบว่างจากกิเลส ตัณหา อุปทาน ได้ด้วยปัญญาตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน = นิพพานดิบ สรุปว่า ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความทุกข์บนโลกใบนี้ใช่ไหมครับ
    - แล้วการใช้ัชีวิตมันไม่รู้สึกอะไรเฉย ๆ ค่อนข้างไปทางสุขนิด ๆ ทำก็ได้ ไม่ทำก็เฉยๆ มีให้ทำก็ทำ ไม่มีก็ไม่ทำ ช่วยก็ได้ เฉย ก็ได้ กราบครูบาอาจารย์ ก็เฉยๆ สิ่งเหล่านี้คืออะไรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 กุมภาพันธ์ 2011
  10. สปาต้า

    สปาต้า Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +46
    นิพพานดิบ สรุปว่า ใช้ชีวิตอย่างไม่มีความทุกข์บนโลกใบนี้ใช่ไหมครับ
    ขันธ์๕ ยังมีทุกข์อยู่นะครับ แต่จิตไม่ไปทุกข์กับ ขันธ์๕ แล้ว

    - แล้วการใช้ัชีวิตมันไม่รู้สึกอะไรเฉย ๆ ค่อนข้างไปทางสุขนิด ๆ ทำก็ได้ ไม่ทำก็เฉยๆ มีให้ทำก็ทำ ไม่มีก็ไม่ทำ ช่วยก็ได้ เฉย ก็ได้ กราบครูบาอาจารย์ ก็เฉยๆ สิ่งเหล่านี้คืออะไรครับ
    เฉย มีหลายขั้น ถามแค่นี้ไม่ทราบหรอกว่า เฉยแบบไหน แต่จะให้ดีต้อง สังขารุเปกขาญาณ
     
  11. เมเฆนทร์

    เมเฆนทร์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +53
    ความว่างจากฌาณ
    เป็นความว่างที่เข้าไปอาศัยสิ่งใดสิ่งหนึ่งกำหนดขึ้นมา......
    มีระดับฌาน 1-4
    เค้าเรียกกรรมฐานกองนี้ว่า....อากาสกสิน
    เป็นการกำหนดให้ว่างเหมือนอากาศ
    คือในอากาศ......ไม่มีอะไรเลย
    ว่าง....ชนิดนี้ เป็น "อัตตา" ครับ
    เป็นการเอาอัตตาละเอียด คือ ความว่าง
    ไปแก้อัตตาหยาบๆ
    อัตตาหยาบๆ คือ นิวรณ์ สิ่งที่เข้ามาขวางกั้นนิพพาน มี 5 อย่าง
    ว่างชนิดนี้.....ยังเป็นจิตที่ปรุงแต่งเกี่ยวกับสภาพจิตที่เกาะเกี่ยวอารมณ์ที่หยุดนิ่งกับองค์กรรมฐาน
    จิตชนิดนี้........ย่อมไม่เที่ยงและดับไปโดยสภาพธรรมชาติมันเองอยู่แล้ว.....ตามหลักสติปัฏฐาน ในหมวดจิต



    แต่ว่าง......อันเกิดจากนิพพาน
    เป็นความว่างที่เกิดจากการปรับทิฐิความเห็น
    ไปสู่สัมมาทิฐิ.....คือมีความเห็นตรง
    ตรงต่อกฎธรรมชาติ
    ที่ว่า

    ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นทุกข์ มีสภาพบีบคั้น

    ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา......เป็นสภาพธรรมชาติที่มันไม่เที่ยงโดยเนื้อหามันเองอยู่แล้ว

    ทุกสิ่งทุกอย่่างล้วนไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน
    คือ.....ความว่างเปล่าจากความหมายแห่งความมิใช่ตัวมิใช่ตนอยู่แล้ว โดยธรรมชาติมันเองเช่นกัน


    ความว่างเปล่าจากความหมายแห่งความมิใช่ตัวมิใช่ตนนี้แหละ......คือความว่างในสภาวะนิพพาน


    แต่นิพพาน......คือความดับสนิทไม่มีเหลือ
    นิพพาน คือ ธรรมชาติอันปรุงแต่งไม่ได้แล้ว

    เพราะฉะนั้น
    นิพพาน ก็คือ ธรรมชาติล้วนๆแห่งความว่างเปล่าจากความหมายแห่งความมิใช่ตัวมิใช่ตนนั่นเอง

    เป็นความคงที่ของธรรมชาติแห่งความว่าง


    คงพอเข้าใจในหลักเบื้องต้นนะครับ.




    [​IMG]
     
  12. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ตอบ...ว่างที่เกิดจากฌาน เป็นว่างที่เกิดจากเจตนาทำให้เกิด แต่ว่างแบบนิพพาน เป็นว่างที่ประกอบไปด้วตัวรู้ ทำให้เกิดความไม่ยึดถือในสรรพสิ่งทั้งปวงจ้า...
     
  13. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ จริงนะ ไม่ลองไปคุยในกระทู้ พระโสดาบันเล่า
    มาถึงห้องนี้แล้ว ก็ลองพิสูจน์ตนสิ
     
  14. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ตอบ...ขอบใจจ้า...เรื่องนี้เป็นของรู้ได้เฉพาะตน จึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เพราะโทษจะมีมากกว่าคุณ สำหรับคนที่เข้าไม่ถึง จะเกิดการหมิ่นในพระธรรมที่ท่านทรงบัญญัตไว้แล้ว แบบว่าทิฏฐิพาไป ไม่ตั้งใจ ประมาณนี้จ้า...คุณก็คิดว่าเอื้อเฟื้อผู้น้อยหน่อยละกันนะครับ ส่วนท่านที่เป็นผู้ใหญ่ เมื่อท่านเห็นกระทู้ที่ผมโพส ท่านก็จะทราบความจริงได้เองครับท่าน...
     
  15. GhostHead

    GhostHead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,010
    ค่าพลัง:
    +1,878

    ตอบ คุณเรือธรรม

    คำว่า ยึดมั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ตรงกับ

    การตัดสังโยชน์ ข้อที่ 2 คือ

    วิจิกิจฉา สงสัยในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์
     
  16. pichak

    pichak Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +69
    ตอบ คุณGhostHead
    (23-02-2011, 02:48 AM) คุณเมฆินทร์ ได้อธิบายไว้แล้วชัดเจน
    -ฝึกสมาธิ สมัถะ ก็ทำให้เรียนรู้ จัก สติ บาป บุญ คุณ โทษ
    -วิปัสสนากรรมฐาน ก็ฆ่ากิเลส
    สถานะที่ปฎิบัติไปด้วย วิปัสสนูปกิเลส ก็เกิด การติดขัด การแช่ก็มี ฐิถิ อหังการ ก็มี เลยไปไม่ถึงซักที แต่พอไปถึง อาจะข้ามต่อกัปป์ ต่อกัลป์ แล้วไม่เห็นมีอะไร อนิจจัง แล้วก็วาง วาง วาง ทั้งหมด แม้ศรัทธา ให้วาง ไม่ได้ไม่ให้ศรัทธา แต่แค่วาง ให้จิตอิสระ เบา ซึ่งไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นไปได้ และไร้จิต ในที่สุด ก็คือนิพพาน (นิพพาน คือ ไม่มีอะไร) ขั้นตอน ศรัทธา อย่าเอาไปปนขณะเดินทาง แต่วางศรัทธา หมายถึง จะสิ้นสุดการเดินทาง
    คำบางคำใช้ในสถานการณ์ต่างกัน มันก็ยุ่งน่าดู
    นั่งไม่ติดนั่ง กินไม่ติดกิน ยืนไม่ติดยืน นอนไม่ติดนอน ทุกขณะ ไม่ติด เวลากราบพระ ก็กราบด้วยนิพพาน ว่างไปเลย ไม่ต้องอย่างนี้ อย่างโน้น ว่างนิพพานเป็นการถวายบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  17. ธรรมภูมิ

    ธรรมภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +142
    นิพพานเป็นสภาวะหลุดพ้นเฉพาะตน และในขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือชี้แนะทุกจิตวิญญาณให้พ้นทุกข์หรือหลุดพ้นตามกันไปด้วย ซึ่งเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่และหนักหน่วงยิ่งกว่าภาระหน้าที่ใดๆ ในสามโลก ฉะนั้น เมื่อเข้าสู่นิพพานแล้ว จะต้องส่งจิตญาณหรือลูกแก้วของแต่ละพระองค์เองมาเกิดยังสามโลก เพื่อช่วยเหลือชี้แนะทุกจิตวิญญาณให้พ้นทุกข์หรือหลุดพ้นให้ได้ ซึ่งแต่ละพระองค์เองก็รู้ว่ามันเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ ที่จะช่วยเหลือชี้แนะทุกจิตวิญญาณให้หลุดพ้น แต่ทุกพระองค์จะพยายามช่วยเหลือชี้แนะให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทุกพระองค์จะทำได้ เพราะทุกพระองค์มีจิตที่เป็นมหาเมตตา และส่วนจิตต้นธาตุต้นธรรมของแต่ละพระองค์ก็ยังคงอยู่ในแดนนิพพาน แต่พระมหาโพธิสัตว์บางพระองค์ยังไม่ปรารถนาเข้าสู่แดนนิพพาน เช่น พระแม่กวนอิม ฯลฯ ก็เพราะทุกพระองค์ปรารถนาจะช่วยเหลือชี้แนะทุกจิตวิญญาณให้ได้เต็มที่เต็มกำลังที่สุดเท่าที่พระองค์จะทำได้ เพราะจิตต้นธาตุต้นธรรมของแต่ละพระองค์พระมหาโพธิสัตว์ยังคงสิ่งสถิตอยู่ในสามโลก และก็มีส่งจิตญาณหรือลูกแก้วของแต่ละพระองค์เองมาเกิดยังสามโลกเช่นกัน

    ปล. ผมรู้สึกได้เช่นนี้ ถ้าผิดถูกยังงัยก็ ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ! รวมถึง การใช้ภาษาที่อาจจะไม่ถูกต้องของผมด้วยเช่นกันครับ !

    ! โปรดใช้วิจารญาณในการอ่านด้วยนะครับ !


    จาก ผู้รู้น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  18. อศูนย์น้อย

    อศูนย์น้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +495
    ผมว่าคร้ายกันมากเลยครับจะว่าไช่ก็ไช่ จะว่าไม่ไช่ก็ไม่ไช่ เพราะอยู่ในวังวนเดียวกัน
    เช่า 1 ถึง 0 สภาวะนั้น มันมีแค่เส้นบางๆระหว่างความรู้กับความไม่รู้เท่านั้นเองครับ
    มันขึ้นอยู่กับว่าครัยจะมองเห็นเส่นบางๆ นั้นไหม ผู้สงสัยคือผู้ที่มองไม่เห็นเส่นบาง
    เหล่านั้น นี้เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ เพราะเข้าใจแบบนี้ ...
     
  19. เงาเทวดา

    เงาเทวดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +314
    ตอบ...ความเห็นคุณโดนใจจัง.."มันมีแค่เส้นบางๆระหว่างความรู้กับความไม่รู้เท่านั้นเอง..." มันยอดมากจ้า...

    ชื่อคุณก็ดูเป็นมงคลดีนะ อศูนย์น้อย แปลว่าไม่สูญน้อย สูญมากรึป่าวน้า...เดาๆ จ้า อย่าถือสานะ นานๆ จะเห็นคำคมโดนใจสักที จิตเลยสดชื่นมากไปหน่อยจ้า...
     
  20. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    รู้มากก็ใช่ว่าจะดี มีแต่ความฟุ้งซ่านรำคาญใจเพราะอยากมีอยากเป็น เกิดตัณหา เกิดวิภวตัณหา สารพัดจะเกิด ทำไปเรื่อยๆ ทำดีทำถูกก็จะไม่มีคำถามเกิดขึ้นมากับตนเองอีกเลย เพราะทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นกับตนเองเท่านั้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...