พระเครื่องในคอผู้เฒ่าประจำบ้าน.. น.๔๘๙ สุดยอดแห่งแดนใต้..

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย บุพนิมิต, 9 สิงหาคม 2010.

  1. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    พรรษา ๑๓ – ๒๓ พ.ศ.๒๕๑๔ –พ.ศ.๒๕๒๔ อายุ ๓๘-๔๘ ปี

    จำพรรษาที่วัดป่าบ้านเหล่าขวาว ตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี (ปัจจุบันจังหวัดอำนาจเจริญ) โดยมีพระอาจารย์คำบุ ธมฺมธโร เป็นประธานสงฆ์


    พ.ศ. ๒๕๑๒ ไปอยู่ภูทอก พ.ศ. ๒๕๑๔ ก็ลงมาจากภูทอก ไปกับพระอาจารย์คำบุ ธมฺมธโร มาอยู่ที่อำนาจเจริญ จำพรรษาบ้านเหล่าขาวกับพระอาจารย์คำบุ ๑๐ กว่าพรรษา มาสร้างวัดป่าสันติวนารามและทำถนนหนทางเข้ามาในหมู่บ้าน อยู่ที่นี้เรียกว่าออกตะลอน ๆ ไปเรื่อย ๆ พอออกพรรษาก็เดินธุดงค์ไปหาครูบาอาจารย์ อยู่อุปัฏฐาก ปรนนิบัติรับใช้เหมือนอย่างที่เคยทำมาแม้ในช่วงนั้นจะพรรษามากแล้วแต่กิจวัตร ที่เคยประพฤติปฏิบัติก็ยังคงทำเหมือนเดิมแถมยังละเอียดมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะจะได้เป็นแบบอย่างให้กับพระเถรเณรชีที่บวชใหม่ได้ปฏิบัติตามจนได้รับให้เป็นผู้ช่วยในการอบรมธรรมะแทนหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ สมัยที่อยู่ภูทอก และท่านยังยกย่องเรียกว่า อาจารย์ใหญ่ด้วย พอพระเณรประพฤติผิดพระธรรมวินัยข้อใดก็จะแนะนำให้ไปหาหลวงปู่ให้หลวงปู่เป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือนแทน พ.ศ. ๒๕๒๔ ออกจากวัดป่าสันติวนารามเดินธุดงค์มาทางโคราชคิดว่าจะอยู่โปรดญาติโยมสักพักจึงจะขึ้นไปกราบหลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ที่วัดหินหมากแป้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  2. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ธุดงค์สอนธรรมะ

    หลังจากนั้นก็เดินธุดงค์มาเรื่อยๆ มาพักอยู่วัดป่าสาลวันกับหลวงพ่อพุธ ฐานิโย อยู่สนทนาธรรมพอสมควรแล้วก็เดินตามป่า ตามไร่ ตามเขามาเรื่อย ๆ ธุดงค์มารูปเดียว มาพักอยู่บ้านริมคลอง ทางเข้าหมวกเหล็กพักอยู่ใต้ต้นมะเดื่อมีโยมคนหนึ่งอยู่แก่งคอย เขาชื่อทอก คำพิสัย เมื่อก่อนเขาเป็นพ่อค้าหาซื้อวัวมาขาย ก็ขึ้นไปร้อยเอ็ด อำเภอพนมไพรล่องขึ้นล่องลงเสร็จแล้วก็ไปได้ภรรยาคนร้อยเอ็ดอำเภอพนมไพร มาซื้อที่แถวสะพานหินวังม่วงทำไร่ เขาทำสวนน้อยหน่า หลวงปู่ไปบิณฑบาตผ่านบ้านเขา ๆ บอกพวกลูกหลานมาใส่บาตรแล้วถามว่า “อาจารย์มาจากไหน” บอกว่า มาจากสกลนคร ย้ายจากสกลนครมาอยู่อุบลฯ จากอุบลฯ มาพักอยู่นครราชสีมาก็มานี่ “แล้วจะไปไหน” เขาถามอาตมา ก็บอกไม่รู้ อาตมาธุดงค์ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ แล้วแต่จะมีโอกาสและจังหวะ “ถ้างั้นนิมนต์พักที่นี่พวกผมในกลุ่มนี้มีหลายครอบครัวพอที่จะปฏิบัติอุปัฏฐากอาจารย์ได้”

    เขาบอกอย่างนี้แล้วก็ให้คนมาทำกระต๊อบหลังหนึ่งใต้ร่มต้นมะเดื่ออยู่ริมป่าคลองหมวกเหล็ก เป็นมะเดื่อต้นใหญ่ แล้วที่อยู่ก็เหมาะดีริมคลองหมวกเหล็กมีน้ำไหลตลอดปีหน้าแล้ง หน้าฝน น้ำใสเย็นดี ก็อยู่ที่นั่นตอนเช้าไปบิณฑบาตโยมคนนั้นแหละมาถือปิ่นโตให้ ไปตามหมู่บ้านเขาก็บอก “พระมาแล้ว” ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งไปไกลเรื่อยๆ พอตกตอนเย็นมีญาติโยมมาถามข่าวสาระทุกข์สุกดิบ ไหว้พระ รับศีลฟังเทศน์ ฟังธรรม ส่วนมากเป็นคนทางภาคอีสาน สระบุรีพูดภาษาลาวทางอีสานแถวนั้นมีหลายครอบครัวเหมือนกันเสร็จแล้วเขาก็นิมนต์ให้จำพรรษา ก็เลยรับปากจำพรรษาอยู่กับเขาได้พรรษาหนึ่ง
    ออกพรรษาแล้วเขาไม่อยากให้ไป เราก็ไม่อยากอยู่ เพราะมันอยู่ในวงแคบ ๆ เลยตั้งสัจจะอธิษฐานว่า เดือน ๗ แรม ๘ ค่ำ เหลืออีกไม่กี่วันก็เข้าพรรษาจะทำยังไงดี เราจะกลับวัดหรือเดินไปเรื่อย ๆ ตั้งใจว่าจะมากราบเจ้าคุณเทพวรคุณ (หลวงปู่อ่ำ สุภัทโท)วัดเขาพระงาม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่หลวงปู่มั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น ท่านเดินธุดงค์มาพักปฏิบัติธรรมอยู่ แล้วจะล่องไปเรื่อย ๆ ไปหาอาจารย์จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จังหวัดพิจิตร และจะล่องไปเรื่อยๆ กะอย่างนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  3. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    พ.ศ.๒๕๒๕ พรรษา ๒๔ อายุ ๔๙ ปี

    จำพรรษาที่ใต้ต้นมะเดื่อ ริมคลองแห่งหนึ่ง ในเขตออำเภอหมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
    เทวดานำชี้ทาง

    เดินธุดงค์มาถึงที่นี้เลยอธิฐานว่า ในเขตท้องที่สระบุรี ลพบุรี เรายังไม่เคยมาไม่เคยอยู่หากว่าในอดีตเราเคยได้อยู่พักพาอาศัยปฏิบัติธรรม ณ ที่ใดที่หนึ่ง ขอเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์หรือว่าคณะญาติ ถ้ามีในอดีตก็ให้มาเข้าในนิมิตบอกสถานที่นั้นห้าทุ่มเลยเลิกปฏิบัติ ทำวัตรสวดมนต์แล้วก็นั่งสมาธิกำหนดภาวนาไปเรื่อย ๆ พอจิตสงบก็เกิดนิมิตขึ้น เห็นมีเทพ ๓ องค์ ไปจากถ้ำพรหมสวัสดิ์ ปัจจุบัน เป็นผู้ชายทั้งหมดไปถึงเขาบอกว่า มานิมนต์หลวงปู่ไปโปรดญาติโยมที่ถ้ำลพบุรี ญาติคอยมานานแล้วอาตมาบอกว่า เออ.......ถ้าอย่างนั้นไปก็ออกเดินทางเทพ ๓ องค์เขาออกนำหน้าออกเดินไปประมาณสัก ๒๐ วาเศษฯ ปรากฏว่าเทพ ๓ องค์นั้นลอยไป อาตมาก็ยืนดู คิดในใจว่า เอ๊ะ.......เขาลอยไปได้เราจะทำยังไงถึงจะลอยไปกับเขาได้ละนี่เลยตั้งจิตอธิฐานถึงครูบาอาจารย์คือหลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่จวน ให้มาช่วยพออธิฐานได้สักพักตัวเราก็ลอยตามพวกเทพนั้นไป ส่วนพวกเทพ ๓ องค์จะเหลียวหลังดูเราบ้างก็ไม่มี คล้าย ๆ ว่าเราต้องไปได้ เขาคงคิดอย่างนี้แหละไปถึงก็ลงตรงป่าอ้อย ป่าข้าวโพด พาเดินขึ้นเขาไป ซ้ายมือมีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่ง เขาพาลงไปเที่ยวในถ้ำ หนังถ้ำมีหินงอกก้อนหนึ่งคล้าย ๆ กลด เขาพาดูข้างในดูหมดแล้วก็พาขึ้นมามีถ้ำหลังเขาไปทะลุหน้าผาพาลงไปอีกถ้ำหนึ่ง เป็นเหวลึกพาชมหมดพอลงไปมีหินก้อนหนึ่งขวางอยู่ อาตมาไปเคาะดูเสียงดังนะ หินก้อนนั้นดูแล้วมันคล้าย ๆ ผลึกสีมรกตอ่อน ๆ ก้อนใหญ่ยาวประมาณ ๒ เมตร วัดโดยรอบประมาณ ๖๐ – ๗๐ เซนติเมตร เดี๋ยวนี้ก็ยังมีอยู่ พอขึ้นมาก็อ้อมไปด้านหลัง ไปลงอีกถ้ำหนึ่งถ้ำนี้เป็นห้องสี่ห้องลงไปห้องสุดท้ายจะเป็นห้องโถงกว้างใหญ่พาไปลงอีกถ้ำหนึ่งข้าง ๆ ห้องครัวนี่แหละ แล้วขึ้นมายืนที่ต้นไทร

    หลวงปู่เลยว่า กลับเถอะโยมเขาก็พากลับ พากลับก็ลอยกลับอย่างเก่านั่นแหละ เราก็ลอยตามไม่ต้องคุยกัน ไม่ต้องพูด รู้กันลอยตามไป ไปลงโน่นกระต๊อบที่ร่มมะเดื่อริมคลองหมวกเหล็กตอนนี้สิ.........อัศจรรย์ตอนเขาส่งแล้วก็กลับเขาจะสามารถบันดาลให้หลวงปู่ มองเห็นเขาได้ตลอด อยู่คลองหมวกเหล็กยืนอยู่ริมคลองแต่มองเห็นเขาเหาะมาจนกระทั่งมาถึงนี่ เลยขึ้นไปแล้วเดินเข้าในถ้ำไปเขาต้องการให้อาตมาจำได้ จะได้ไม่ต้องไปถามใครถึงทางไปทางมาพอเขาเช้าไปในถ้ำ หายเข้าไปสักพักจิตถอนตื่นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ลุกขึ้นนั่ง พิจารณาตามเหตุที่เห็นในนิมิตหลวงปู่คิดว่าต้องมีจริงแน่ ไม่งันเขาไม่บอกอย่างนี้หรอก พิสูจน์หาความจริง

    พอรุ่งเช้าไปบิณฑบาตถามโยมแพง...........ว่าแถว ๆ นี้มีคนเคยไปอยู่อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรีไหม เขาตอบว่ามีตามาไปทำไร่อยู่กับยายทองเลยบอกเขาว่าอาตมาอยากจะพบ อยากจะถามอะไรสักหน่อย ตอนเย็นช่วยบอกให้มาหาอาตมาหน่อยเขาก็มา ประมาณสี่โมงเย็นมาถึงหลวงปู่ก็ถามเรื่องถ้ำที่อยู่ปัจจุบันนี้ว่ามีภูเขาลูกเล็ก ๆ ยื่นออกมาจากภูเขาใหญ่ยาวแล้วมีถ้ำ ๆ หนึ่งพอขึ้นไปปากถ้ำจะมีต้นไทรอยู่ทางซ้ายมือภายในถ้ำกว้างใหญ่สวยงามมากและมีหินก้อนหนึ่งงอกออกจากผนังถ้ำลักษณะคล้าย ๆ กลดมีไหม “มีหลวงพ่อไปมาเมื่อไหร่” หลวงปู่บอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำไมหลวงพ่อรู้ที่หลวงพ่อพูดมานี่มันมีทั้งหมดเพราะผมไปดูมาผมไปทำไร่อยู่ที่นั่นหลายปี” เลยบอกเขาว่า เอาละโยม เป็นอันว่ามีใช่ไหมถ้ำนี้ “มีครับหลวงพ่อ” หลวงปู่อยู่ที่นั่นอีก ๓ วัน ก็บอกลาญาติโยมว่าจะไปลพบุรีล่ำลาแล้วก็ออกเดินทางพอพ้นหัวเขาที่เป็นเขาลูกที่สูงมองเห็นยอดเขาหลวงปู่จำได้หมดเลยโดยไม่ต้องถามใครห้าโมงเย็นพอดีมาถึงที่นี่ เดินขึ้นไปเห็นต้นไทรต้นที่ว่ายิ่งแน่ใจ มองไปทางขวามือมองเห็นถ้ำเห็นปล่องถ้ำก็ขึ้นไป พอเข้าไปวางบาตรวางกลดวางผ้าลงเอาไฟฉายออกมาพอเห็นแสงไฟค้างคาวเป็นพันบินออกหนีไปหมด ใบไม้อะไรต่ออะไรรกไปหมด ก็ยืนดูอยู่ เอ..........เราจะพักที่ไหนดีเห็นลานดินเป็นที่ราบสูงที่หนึ่ง ไม่นานก็มีโยม ๓ – ๔ คน ตามขึ้นไป มีโยมทรัพย์ โยมน้อยและโยมป้ายา โยมตาจ่อย พวกเขาถามว่า “หลวงพ่อจะพักที่ไหนคืนนี้” เลยบอกว่าคงจะเป็นถ้ำนี้แหละโยม เพราะมันมืดค่ำแล้วพวกเขาก็ช่วยกันทำความสะอาดให้พอทำเสร็จมันมืดสลัว ๆ พอดีโยมตาน้อยบอกว่า “พรุ่งนี้หลวงพ่อไปบิณฑบาตบ้านผมลงเขาแล้วเดินไปตามชายเขา ผมจะถือปิ่นโตคอยอยู่ที่หน้าบ้าน” พอเช้าก็ลงเขาไป ถึงบ้านเห็นตาน้อยถือปิ่นโตคอยอยู่ ก็ไปบิณฑบาตอยู่ที่ถ้ำทางขึ้นทางลงมันไม่มีอะไรหรอก ต้องปีนป่ายไปตามซอกหิน ฝนตกตะไคร่เขียว ๆ ลื่น ไม่ขาขึ้นก็ขาลงทุกวันแหละบางทีข้าวหก แกงหก พอฉันบ้างไม่พอฉันบ้างไม่พอก็มี แขน หัวเข่าถลอกปอกเปิดเลยล่ะ ขึ้นลงต้องระวังไปถึงก็พักผ่อนพอสมควรเดินจงกรมบ้าง บางที่ก็นั่งสมาธิก่อนฉัน ออกจากสมาธิบางที ๑๐ โมงครึ่ง บางที ๑๑ โมง ในเช้าแต่ละวัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  4. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    พ.ศ.๒๕๒๖ พรรษา ๒๕ อายุ ๕๐ ปี

    จำพรรษาที่วัดหนองโพธิ์ ตำบลช่องสาริกา อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ไม่มีพระจำพรรษาด้วยเลย จึงทำให้การบำเพ็ญเพียรสงบดียิ่ง จิตใจใสสะอาดบริสุทธิ์ พิจารณาอะไรก็มีแต่ธรรมะเท่านั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  5. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    พ.ศ.๒๕๒๖-ปัจจุบัน พรรษา ๒๕-๕๓ อายุ ๕๐-๗๘ ปี

    จำพรรษาที่วัดถ้ำพรหมสวัสดิ์ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
    มาอยู่ที่ถ้ำเป็นไข้มาลาเรียอยู่ ๓ ปี ไข้ป่ามันขึ้นเดินจงกรมอยู่พอรู้สึกตัวขึ้นมานอนรออยู่ เอ.......ทำไมเรามานอนอยู่อย่างนี้ ตอนแรกเราทำอะไร นึกขึ้นมา โอ้......ตอนแรกเราเดินจงกรมไข้มันขึ้นหนัก ล้มลงไปนอนเมื่อไหร่ไม่รู้สลบไป ไม่รู้เรื่องเลยพอตื่นขึ้นมาเพิ่งรู้ว่า โอ้..........มาดูตามเนื้อตามตัว ล้มลงบนหินแต่ไม่มีแผล ตามเข่าตามศอกไม่มีแผล แต่มันปวดเมื่อยไปหมด

    ต่อมานั่งสมาธิเกิดนิมิตมีชีประขาวสองคน จะนวดขาให้มันปวดมันเมื่อยเพราะเส้นมันยึดเขาว่าอย่างนั้น เราเหยียดขาให้เขานวดให้ เขามาช่วยก็ดีให้เขานวดไป นวดไป ๆ เขาดัดเส้นให้มันหายจริง ๆ หายไขมาตั้ง ๓ เดือน ช่วงเขานวดให้นะพวกเทพเขามานวดให้มาจับเส้นให้หายไปเลย ๓ เดือน ฉันท์ยาก็ยารากไม้ยาอย่างทุกวันนี้ไม่มี อย่างมาก็เกลือยารากไม้ ยาแผนโบราณ ลุงสมเป็นคนหามาให้เขาเป็นหมอแผนโบราณ มีรากไม้อยู่ ๓ ชนิด เขาว่าแก้ไข้ป่าเวลาเป็นไข้ ให้ฝน ๆ ในน้ำใส่แก้วแล้วกิน พอทุเลาไป แต่ไม่อยู่ ถึงเวลามันก็ไข้ จนกระทั่งหลวงปู่ว่าไม่เห็นกินยาช่วงนี้เป็นยังไง ท่านถาม บอกผมไม่ไข้มาเดือนกว่าสองเดือนแล้ว อือ.....ไปได้ยาดีมาจากไหน ก็ตอบหลวงปู่ไปว่า.........กระผมนั่งสมาธิอยู่ได้เกิดนิมิตเห็นชีประขาวสองคนมาขอจับเส้นมานวดให้ จากนั้นก็หายมานี้เดือนกว่า ๆ สองเดือนแล้ว หลวงปู่ว่าเออ..........มันได้หมอดีนี่หว่าท่านว่าอย่างนี้

    พอหลังจากนั้นมา หลวงปู่คิดว่า การปฏิบัติในศีลในธรรมแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงน้อยใหญ่นี้ เราทำอยู่ในขอบเขตพระธรรมวินัยมีคนช่วยรุกขเทวดาเขาก็ช่วย แม้แต่เป็นไข้ก็มีผู้มาช่วยทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ เกิดความอิ่ม ความปิติในธรรม ขยันปฏิบัติ เดินจงกรมมากกว่าเดิม ข้าวปลาไม่อยากฉันท์ถ้าฉันก็ฉันน้อย ๆ ฉันท์มากมันง่วงพอฉันท์เสร็จสองโมงหรือกี่โมงก็แล้วแต่ ท่านให้ลงเดินจงกรม โน่นสิบเอ็ดโมงตีระฆังถึงจะเลิก ทีนี้ก็บ่ายสอง ตีระฆังปฏิบัติถึงบ่ายสามเลิก ปัดกวาดวัดวาอาราม กุฏิ วิหาร ทำอยู่อย่างนี้ พอหกโมงครึ่งก็สรงน้ำครูบาอาจารย์ เสร็จเรียบร้อยก็ฉันน้ำร้อนน้ำชา ท่านพาทำวัตรสวดมนต์ เมื่อมีเทศน์มีอะไรท่านก็เทศน์ให้ฟัง ไม่มีท่านก็สั่งเลิก ต้องปฏิบัติถึงสี่ทุ่มตีระฆังสี่ทุ่มพักใครจะทำต่อก็แล้วแต่ความพากเพียรพอตีสามก็ตีระฆัง ทำอย่างนี้มาอยู่ตลอดฉันมื้อเดียว ฉันท์รวมในบาตร บิณฑบาตเป็นวัตรจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  6. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    เกิดมาเพราะกรรม

    ออกจากถ้ำจันทร์ พอฉันท์แล้วไปเที่ยวดง ไปกับ ท่านวงศ์ อาจารย์พัน พระชาลี เณรทัน เณรเตย ไปเที่ยว พอไปแล้วน้ำหมด เดินหาน้ำ ต่างต่างไปหาเกิดหลงกัน เรียกหากันไม่เจอพอไปถึงน้ำซับเห็นรอยช้างน้ำยังขุ่น ๆ อยู่ช้างมันหลายเชือก พอดีโยมจันทร์ เขามาบอกว่า ไม่รู้ว่าบ้านโคกกระแจเขายิงช้างมันพากันหนีมาทางนี้เขาตามมันอยู่ คงเป็นรอยน้ำขุ่น ๆ นั่นละมั้ง รีบไปเถอะอย่าอยู่แถวนี้เลย เดี๋ยวมันมาเจอเข้า เราก็หลบเข้าไปในซอกหิน สักพักมันมาจริง ๆ ตัวเจ็บอยู่ตรงกลาง สองตัวประคองอยู่ข้าง ๆ ตัวเจ็บมันเดินไม่ไหวประคองกันลงมาทางบ้านเหล่าหญ้าคา บ้านกลางใหญ่มันก็อยู่ไม่ได้หรอกเพราะนายพรานเขายิงมันทำนองฆ่าช้างเอางานั่นแหละ เขายิงเอางามันไปขายตอนที่หลบอยู่ในซอกหินเกิดความรู้สึกเมตตาสงสารมันมาก อย่างบอกไม่ถูกทำให้นึกถึงคำสอนของอุปัชฌาคือหลวงปู่พุฒ ที่ท่านบอกว่าสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมันเกิดมาเพราะกรรมเหมือนเรานี่แหละอย่าไปเบียดเบียนทำอะไรมันเลยสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย มันก็อยากอยู่อย่างเรา ไม่อยากเจ็บอยากป่วยอยากตายเหมือนกับเราดูเอาสิ เราเดินไป หนามทิ่มตีนนิด ๆ หน่อย ๆ เรารู้สึกเจ็บถ้าใครเขามาฆ่าเรา มันก็เหมือนกันกับเขานั่นแหละ

    ญาติในอดีตชาติ

    พอค่ำลงคืนแรกแทบไม่ได้นอนทั้งคืน มีคนเต็มไปหมดในถ้ำผู้หญิงผู้ชายผู้เฒ่าผู้แก่ เด็กเล็กเข้ามานั่งกันเป็นแถว มากราบบางคนก็บ่นว่าคิดถึง บางคนก็บ่นว่าปล่อยปละละเลย เอามาทิ้งไว้แล้วหนีเอาตัวรอดคนเดียวไม่กลับมาเยี่ยมมามองเขาว่าอย่างนี้หลวงปู่เลยบอกเขาว่า “โยม.........อาตมาไม่เคยรู้จักใครนะไม่เคยมาแถวนี้ไม่มีญาติมีโยมรู้จัก อาตมาเพิ่งมาทำไมญาติถึงว่า อาตมาเอาตัวรอดคนเดียวทิ้งไปไม่เหลียวกัลป์ปัปมาหมอง อาตมาไม่รู้นะเนี่ย” เขาบอกว่า “ ก็ปู่มาอยู่ที่นี่แล้วหนีไปปล่อยให้พวกข้าพเจ้าคอยอยู่จนไปไม่ได้” สุดท้ายเขาบอกว่าเป็นญาติทีนี้มันก็เกิดความสงสัยขึ้นมาในจิต แต่ละวัน ๆ ก็มีมาทีละ ๙ คน ๑๐ คน มากราบมารับศีลรับพรทำวัตรสวดมนต์ ฟังเทศน์เสร็จแล้วก็กลับไป แล้วพวกใหม่ก็มาทำให้หลวงปู่สงสารอยากจะโปรดกลุ่มที่อาตมาสงสารมากที่สุดมีอยู่ ๔ คน ผู้ชายบอกว่าหิวข้าว หลวงปู่ก็นึกสงสารดูอิดโรยหน้าตาซีดเซียว สังขารร่างกายผอม เลยคิดว่าจะทำยังไง ข้าวปลาอาหารเราไม่มี บิณฑบาตได้ไม่มาก เลยอธิฐานบารมีขึ้นว่า ถ้าอานิสงส์ที่เราได้ถวายข้าวน้ำโภชนาหารแก่พระภิกษุสามเณรครูบาอาจารย์ ขอจงเป็นโภชนาหารอันเป็นทิพย์ให้ญาติเหล่านี้ได้บริโภคได้อิ่มหนำสำราญทุก ๆ คนญาติโยมจงอนุโมทนารับเอาส่วนบุญส่วนกุศลที่อาตมาได้ทำมานี้เขาก็สาธุขึ้นพร้อมกัน

    รุ่งขึ้นอีกวันเขามาหาหลวงปู่คราวนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่นข้าวปลาอาหารได้บริโภคอิ่มหนำสำราญแล้วทำให้อาตมาสลดสังเวชในจิตว่าญาติมาทนทุกข์ทรมานอยู่นี้ไม่รู้กี่ภพกี่กัปที่เขามารอเราอยู่เพราะแถวนี้มันเป็นป่าดงดิบเป็นป่าดงพญาเย็น ดงพญาไฟ อยู่ปฏิบัติธรรมมาเรื่อย ๆ ญาติทั้งหลายเหล่านั้นก็มาหาอยู่เรื่อย ๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  7. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    วิญญาณนายพันธุ์

    เมื่อปี ๒๕๒๕ มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อนายพันธ์ ถูกฟ้าผ่าตายแล้วเอามาเผาที่นี่ กลางคืนมันชอบมาเล่นมาแหย่ บางทีนอนอยู่มันก็มาคลำขา มือมันเย็นนิ้วมือใหญ่เท่ากล้วยหอม มันบอก “ผมชื่อพันธ์ ผมอยู่แถวนี้แหละ” บางทีนึกครึ้มก็นวดให้ ความรู้สึกเหมือนมีคนนวดให้จริง ๆ พอนวดไปสักหน่อยเริ่มเย็นขึ้น ๆ ก็บอก....โอย.........พันธ์ มันหนาวมันก็หัวเราะอึก ๆ แล้วก็หายไป
    พออกพรรษปี ๒๕๒๕ วันนั้นเป็นวันพระ ญาติโยมมาทำบุญ เลยถามญาติโยมที่มาทำบุญว่า แถวนี้มีคนชื่อพันธ์ คนหนุ่ม ๆ อายุ ๒๐ กว่าไหม โยมเวียนเล่าให้ฟังว่า “นายพันธ์เป็นหลานของผมถูกฟ้าผ่าตายแล้วเอามาเผาตรงนี้ หลวงพ่อเห็นหรอ” ก็บอกว่าเขาว่าจะว่าเห็นก็ใช่ จะว่าเขายังอยู่ยังอยู่ยังไปไม่ได้ก็ใช่ เขาอยู่นี่โยม มาหาอาตมาอยู่ทุกวันอาตมาก็เมตตา ช่วยเขา ต่อมานายพันธ์นี่หายไปเลยนาน ๆ จะมาปรากฏที ถ้าเป็นธรรมดาอยู่ไม่ได้หรอกมันหรอกเก่ง

    วิญญาณสาวเปลือย

    หลวงปู่ไปเที่ยวที่ถ้ำมากักถ้ำนี้เป็นถ้ำเล็กพอเข้าไปจะเป็นรูเล็ก ๆ ต้องนอนคว่ำแล้วค่อย ๆ ให้มันไหลลงไป ไปงัดหินข้างในออกพอคลานขึ้นลงได้ ก็ลงไปนั่งสมาธิวันที่ ๓ ปรากฏว่ามีผู้หญิง ๔ – ๕ คนเห็นแต่คอ ผมยาวๆ ลอยอยู่ไปแต่ละวันก็เห็นอยู่แค่นั้นอาตมาก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าญาติโยมเหล่านี้คงจะไม่มีอะไรสักอย่างหนึ่งถึงให้เราเห็นแค่หน้าแค่หัวอาตมาก็ตั้งจิตเพ่งพินิจพิจารณาในภาพที่เห็นนั้น ปรากฏเห็นว่าหญิง ๔ – ๕ คนนั้นไม่มีเสื้อผ้านุ่งเขาให้เห็นแต่คอพอรู้แค่นั้นก็ตั้งสัจจะอธิษฐาน เดชะด้วยบารมีที่ข้าพเจ้าได้ถวายไตรจีวรแก่ครูบาอาจารย์พระภิกษุสงฆ์สามเณร ขอจงเป็นผ้านุ่งอันเป็นทิพย์ให้ญาติทั้ง ๔ – ๕ คน ของข้าพเจ้านี้จงได้บริโภคใช้สอยได้นุ่งห่มได้ปกปิดสรรพางค์ร่างกาย พวกเธอจงอนุโมทนาเอาส่วนบุญส่วนกุศลนี้เขาก็สาธุพร้อมกันพออกจากสมาธิเป็นเวลาเกือบ ๕ โมงเย็น ตั้งแต่เวลา ๑๐ โมงเช้าก็ออกมาจากถ้ำ จะมีแอ่งหินอยู่ตรงทางเข้าปล่องถ้ำพระ สังกัจจายน์ แอ่งหินตรงนี้มันเป็นดิน อาตมาไปคุ้ยดินออกแล้วเอาหินมากั้นไว้ให้น้ำมันไหลลงมาขังลึกประมาณ ๑ เมตร ยาวประมาณ ๒ เมตรเศษ ๆ พออาศัยน้ำนั้นล้างบาตร เป็นสถานที่สรงน้ำแต่ก็น่าเสียดายที่มาสร้างพระสังกัจจายน์ทับตรงนั้นทำให้ไม่มีหลักฐาน ก็ไปปัดกวาดทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็มาอาบน้ำพอ ๖ โมง จะเข้า ๖ โมงครึ่งก็ทำวัตรสวดมนต์ เสร็จทุ่มกว่า ๆ แล้วหลวงปู่ก็ขึ้นหลังเขาไปนั่งที่โคนต้นไทร หลังเขามีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่ง หลวงปู่เอาหินไปเรียงรอบ ๆ กลางคืนไปนั่งที่นั่น ตีสี่ก็ลงจากเขาเข้าไปในถ้ำทำวัตรสวดมนต์แผ่เมตตา
    ในคืนวันหนึ่งเห็นญาติผู้หญิง ๔ – ๕ คนมาจากถ้ำมะกักบอกว่าที่ตอนแรกไม่มากราบเอาบุญกุศลเพราะกลัวบาป ทั้งอาย ไม่มีเสื้อผ้าใส่พอหลังจากที่ได้รับโมทนาจากหลวงปู่แล้วเขาก็มีเสื้อผ้าปิดสรรพางค์ร่างกายมาอันนี้เป็นเหตุให้หลวงปู่สงสารญาติ สังเวชสลดจิตน้ำตาไหลเลย เสื้อผ้าจะนุ่งก็ไม่มีจะไปที่ไหนก็ไปไม่ได้ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ไม่รู้กี่พันปี เป็นกัปกัลป์ เพราะคนอื่นช่วยเหลือเขาไม่ได้นอกจากหลวงปู่ เขาถึงได้คอยอยู่ ทั้งพวกหิวข้าว ทั้งพวกที่ไม่มีผ้านุ่งห่ม และพวกเขามีอยู่มีกินที่อานิสงส์เขาก็เข้าไปอยู่ในถ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  8. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ธรรมะคือยาดีมีฝากญาติ

    เขาบอกว่าสมัยก่อนนี้หลวงปู่อยู่เวียงจันทร์ เป็นนายทหารเป็นขุนพลนำทับต้อนพี่น้องประชาชนหนีออกจากเวียงจันทร์ พอมาถึงเกิดอหิวาตกโรค เลยพาพวกเขามาหลบหนีเข้าไปอยู่ในถ้ำนี้แล้วบอกว่าจะไปหายา ให้คอยอยู่ที่นี่แต่พอไปแล้วก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย อันนี้แหละที่เขาต่อว่าหลวงปู่เอามาทิ้งมาปล่อยไว้แล้วไม่กลับมาเหลียวแล หลวงปู่บอกว่าไม่ได้ปล่อยได้ทิ้ง ไปหายาแต่ยังไม่ได้เจอยาดี บัดนี้อาตมาได้เจอยาดีมาแล้วพร้อมที่จะนำมาโปรดญาติพี่น้อง ยานี้คือ ยาพุทโธ ยาธัมโม ยาสังโฆ เป็นบุญเป็นกุศล เป็นสิ่งประเสริฐ เป็นธรรมะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ท่านทรงบัญญัติเอาไว้แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลายให้ประพฤติปฏิบัติตามได้เป็นบุญเป็นกุศลเป็นที่พึ่งทั้งในปัจจุบันและอนาคต จนกระทั่งหลุดพ้นจากภพจากชาติ น้อยใหญ่ ให้ญาติพี่น้องทั้งหลายประพฤติปฏิบัติเอารักษาเอา รักษาศีลห้า ศีลอุโบสถ วันพระให้ปฏิบัติเอารักษาเอา อย่ามาติดภพติดชาติอย่ามาคิดติดถ้ำติดเหว ติดหิน ติดเขาอยู่ที่แถวนี้พวกนี้มันเกิดพร้อมโลกมันก็เป็นไปอยู่อย่างนี้
    วัตถุพวกนี้ไม่มีใครที่จะสามารถนำติดตนตามตัวไปสู่ภพน้อยภพใหญ่ได้ จะเอาไปได้แต่ศีลธรรม คือ คุณงามความดี ประพฤติปฏิบัติละชั่ว กระทำดี ละกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในขอบในเขต ในศีลในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เห็นเป็นของอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นของไม่เที่ยงเป็นอนัตตาดับสูญไป เราจะมายึดมาถือสิ่งเหล่านี้ไม่สมควร ให้ปฏิบัติรักษาเอา สิ้นจากภพชาติเหล่านี้จะได้ไปสู่สุคติภูมิภพใหม่อย่างเช่นได้มาเกิดเป็นมนุษย์อย่างอาตมานี้ จะได้ออกบวช จะได้บำเพ็ญประพฤติปฏิบัติในศีลในธรรม จะได้มีความสุขความเจริญสร้างบารมีต่อไปสู่ภพน้อยภพใหญ่จะมีโภคสมบัติ มีบริวารสมบัติ หรือมีสติมีปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถรู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เอามาชำระกาย วาจาใจของเรา กิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ตัณหา อุปาทานที่เราถือมั่นยึดมั่นในสิ่งต่าง ๆ เราติดภพติดชาติ รูป เสียง กลิ่น รส โภชนาหารเห็นว่ามันดี เห็นรูปเราว่ามันสวยมันงามเราก็ติด ฟังเสียงเราก็ว่าเสียงเราก็ว่าเสียงมันดีเพระเสนาะโสตเราก็ติดเมื่อจมูกได้กลิ่นเราว่ากลิ่นมันหอมมันดีเราก็ติด ลิ้นได้สัมผัสรสเราก็ว่ารสอร่อยรสดีเราก็ติด สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเราติดมันก็ขัด ก็ข้องมันยึด มันข้อง มันติด จิตใจมันก็ติด เสร็จแล้วเมื่อมรณะมาถึงคือตายก็จะไปไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านี้มันติด มันขัด มันข้อง มันก็ต้องกลับมาเกิดอีก
    ผลสุดท้ายก็เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ หาที่สิ้นสุดไม่ได้เพราะเราติดในภพ ในชาติ ชาติคือความเกิด ภพภูมิคือที่อยู่ ชาติปิทุกขา ชาติ ความเกิดมันเป็นทุกข์ นี่พระพุทธองค์ท่านทรงบัญญัติเอาไว้ ชี้แจงเอาไว้ ชราปิทุกขา ความแก่ชราคร่ำคร่าก็เป็นทุกข์ มรณัฌปิทุกขัง ความตายก็เป็นทุกข์ ฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฎเป็นบ่อเกิดแห่งความทุกข์ของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงผู้จมอยู่ในกิเลส ตัณหา ราคะ มานะ ทิฐิ ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่มีเหตุไม่มีผลไม่เป็นความจริง เพราะโมหะคือความหลงใหล หลงในสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นของดี มีสาระเป็นประโยชน์ ที่จริงแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่มีสาระ ไม่เป็นประโยชน์ เป็นแต่ทุกข์ขึ้นชื่อว่าเกิดแล้วจะไม่มีทุกข์ไม่มี ภพใดชาติใดที่เราไปเกิดภพภูมินั้นก็เป็นทุกข์แม้แต่พืชต้นไม้ เมื่อมันเกิดแล้ว ก็ยังมีศัตรูไปเบียดเบียนมันพอมันแก่ชราคร่ำคร่าผลสุดท้ายมันก็ตายเหมือนกัน แม้อายุมันจะยืนยาวนาน แต่ความแก่ความชราคร่ำคร่าความเศร้าความหมองมันมี เพราะมันมีสังขาร มันมีร่างกาย มีตนมีตัวเหมือนกับเรานี่เป็นธรรมย่อ ๆ ที่อาตมาแสดงเทศน์โปรดให้ญาติพวกนั้นฟังเขาเหล่านั้นเมื่อได้ยินได้ฟังก็เกิดความปีติ ความยินดีในศีลในธรรม รับเอาธรรมะอันนั้นไปประพฤติปฏิบัติ เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าเขาจะไปหมดแล้วพวกเก่า ๆ ไม่ค่อยมีหรอกประวัติการก่อสร้างวัดถ้ำพรหมสวัสดิ์
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๔ มีคนกลุ่มหนึ่งมาจากสกลนคร บอกว่า เพิ่งรู้ว่าหลวงปู่อยู่ที่นี่ อาตมาบอกว่าจะปรับพื้นที่ให้เสมอกันให้สวย เหมาะสมกับพระประธานใหญ่ที่เรากำลังจะสร้าง เขาก็ช่วยถึงญาติโยมผู้มีศรัทธามีปัจจัยมาจากรุงเทพฯ มีโยมธเนศ โยมกฤษฏา โยมนพ อาจารย์มานิตย์ สอนอยู่รามคำแหง มาช่วยสร้างบอกว่าจะปรับพื้นที่ให้มันสวยงามเหมาะสมตอนปรับพื้นถ้ำได้ ๒ วัน มีผู้หญิง ๒ คนมาคุ้ยดินอยู่ข้างนอกเขาบอกว่าเขาเอายังขึ้นไม่หมดเขาก็หาของเขา พอรุ่งขึ้นมาอีกวันอาตมาก็เดินไปรอบ ๆ พระประธานแล้วบอกว่า มาติดมาขัดมาข้องกับข้าวเงินทองอยู่ ถ้าใครมีเงินทองข้าวของก็เอามาอาตมาจะพาสร้างพระประธานเอาบุญเอากุศล จะได้หลุดได้พ้นจากภพจากชาติ ตะมาติดกับข้าวของวัตถุเงินทองต่าง ๆ เฝ้าอยู่ไม่รู้กี่ร้อยกี่พันปีกี่กัปแล้ว มันได้ดีอะไรขึ้นมา ก็เป็นทุกข์อยู่อย่างนี้แหละ อย่ามัวขี้เหนียว มัวห่วงอยู่เลยโยม ญาติพี่น้องทั้งหลายถึงกาลถึงเวลาที่อาตมาจะพาสร้างแล้วสร้างเอาบุญเอากุศลเราจะได้เลิกกันเสียทีข้าวของเงินทองและวัตถุต่าง ๆ ก็ไม่เห็นเขาว่าไงบางคนก็เอามาให้ดูบางคนก็เงียบทั้งที่อาตมาเห็นอยู่ที่เขาเก็บนะมีคนหนึ่งซึ่งพ่อใหญ่เสนเอาเงินเป็นแท่งมาให้ดูกำมาสองกำมือ อาตมาก็เฉย เห็นแล้วก็ไม่ว่า อีกพวกหนึ่งมันอยู่ในไหเอาหลงไวในเหวหลังพระประธานใหญ่ ตรงระหว่างฤษีทั้งสององค์เป็นเหวลึก ก่อนที่จะถมอาตมาจะเอาไว้ที่นี่หรือจะเอาขึ้น ถ้าเอาขึ้นก็เอาขึ้นนะ พรุ่งนี้จะเทปูนปิดเขาไม่ว่าอะไร ถึงเวลาช่างเขาเทปูนปิด จนกระทั่งทุกวันนี้ เขายังหวงยังห่วงอยู่ พ่อใหญ่เสนนี่อายุมากนะร้อยกว่าปี แต่ยังแข็งแรงอยู่ อาตมาคิดว่าจะอยู่ที่นี่สัก ๗ วัน ผลสุดท้ายมาติดมาขัด สงสารพวกญาติเลยอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้
    ผลสุดท้ายหลวงปู่มาสร้างวัดก็เป็นภาระ ทั้งที่ตัวเองลงมาจากถ้ำจันทร์ภูทอก บึงกาฬกับหลวงปู่คำบุ พ.ศ. ๒๕๑๓ มาอยู่อำเภอหัวตะพานจังหวัดอำนาจเจริญมาสร้างวัดอยู่ที่นั่นเป็นวัดป่าตั้งชื่อวัดป่าสันติวนาราม บ้านเหล่าขาว ตำบลโพนเมืองน้อย อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ ที่ ๖๕ ไร่ มาสร้างอยู่ที่นั่นปี พ.ศ. ๒๕๑๔ อยู่กับหลวงปู่คำบุ ธมฺมธโร อาจารย์ใหญ่พอฝังลูกนิมิตฉลองโบสถ์เสร็จแล้วปี พ.ศ. ๒๕๒๔ หลวงปู่ถึงได้เดินทางมาที่นี่ คิดว่าการก่อสร้างนี้เราสร้างมานานแล้วมันเหนื่อยว่าจะหยุดพักก็ได้แค่ ๓ ปี จาก ๗ วัน เป็น ๒๐ ปี ด้วยมีเหตุ
    พ.ศ. ๒๕๒๗ เริ่มมีปัญหาขึ้นมาหลวงปู่มองดูญาติโยมมาหามั่ง ลูกหลานสานุศิษย์พระเณร เขาก็มาเขารู้ว่าอยู่ที่นี่ เอ.....มาแล้วท่านจะพักที่ไหนถ้าไม่สร้างเราจะมีภาระอีกแล้ว ก็มีจริง ๆ จำเป็นต้องสร้างถ้าจะอยู่ตั้งเป็นวัดทางป่าไม้เขาไม่ให้สร้างบนหลังเขา ยกเว้นมีที่ข้างล่าง ๘ ไร่ ขึ้นไป ขออนุญาตสร้างวัดแล้วอนุรักษ์ป่าไม้พวกนี้หลวงปู่มาซื้อที่แล้วขออนุญาตสร้างวัด ไปเชิญป่าไม้อำเภอป่าไม้ จังหวัดที่ดินอำเภอที่ดินจังหวัดมาขออนุรักษ์ถ้ำนี้ ป่า สัตว์ป่า พอเขามาเห็นถ้ำเขาให้เลย บอกว่าเอาเลยหลวงพ่อ ถ้ำสวย ๆ อย่างนี้เอาไว้เป็นสมบัติของลูกของหลาน ต้นไม้ กระรอก กระแต ไก่ป่ามันจะได้มีที่พึ่งพาอาศัย นิมนต์หลวงพ่อเลยตอนนี้เราได้ที่แล้วเรื่องที่อาตมาเล่าให้ฟังนี้เป็นประวัติโดยย่อๆ ที่มาอยู่ที่นี้ว่าจะอยู่แค่ ๗ วัน กลายเป็น ๒๐ ปี เพราะสงสารญาติโยม ญาติในอดีตที่คอยอยู่มีจริง ๆ หลายพวกหลายหมู่ที่อยู่ในนั้น รู้สึกพวกเก่า ๆ จะไป พวกใหม่ก็มาพวกที่ยังค้างอยู่ยังไม่ได้ไปเกิดก็มี
     
  9. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ด้วยผลแห่งศีลทานความดี

    เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ที่ผ่านมานี้หลวงปู่ยังงงอยู่เหมือนกันเขาลงมาจากถ้ำ บอกว่า.........ลาก่อนเด้อ.....ปู่ เป็นผู้หญิง และที่ตามมาก็มีหลายคน ที่แปลกที่สุดมีช้าง ๔ - ๕ เชือก เข้ามาแห่รับเอาผู้หญิงคนนั้นไป บอก......ไปก่อนไปคอยอยู่เปลือยใหญ่เด้อ.......หลวงปู่ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเปลือยใหญ่อยู่ที่ไหนแต่ในนิมิตเขาบอกอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาอยู่ที่นี่เป็นหัวหน้า หลวงปู่ถึงว่า ผลศีล ผลทาน ผลธรรม อำนาจศีลธรรมคุณงามความดีเราอยู่ ณ สถานที่ใดก็อยู่ได้ ถ้าเราประพฤติปฏิบัติดีทำดีปกติแล้วถ้ำตรงนี้ญาติโยมแถวนี้เล่าให้ฟังว่าพระมาอยู่ไม่ได้ มาจากไหนก็อยู่ไม่ได้จนกระทั้งหลวงปู่มา ๆ องค์เดียวเขายังพูดอยู่ออกพรรษาเขาก็เล่าให้ฟังบอกหลวงพ่อรูปนี้มาอยู่รูปเดียว ลองดูจะอยู่ได้สักกี่วันถ้าสามวันไม่เห็นไปบิณฑบาตเตรียมเก็บศพเพราะพระมาอยู่ที่นี้มาเช้าเย็นหายมาเย็นหายเช้าขืนอยู่ก็ป่วยตายอยู่ที่นี้ก็มี คงใช่เพราะอาตมาเห็นพฤติการณ์แล้วมีส่วน แต่หลวงปู่มันเกี่ยวเนื่องว่า เป็นญาติกับพวกเทพ รุกขเทวดาที่เคยอยู่มาก่อน อีกอย่างหนึ่งเราปฏิบัติในศีลในธรรม เราไม่เคยละเคยเว้น เราไม่ประมาทแผ่เมตตา อุทิศบุญกุศลชักนำแนะทาง ชี้ช่องบอกทางให้เขาละชั่ว กระทำดีให้ละจากภพจากชาติจากรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ มีหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่รู้ที่เห็นแล้วให้ถอดให้ถอนออก เขาก็ได้รับศีล รับพร รับคุณงามความดีที่เรา บำเพ็ญให้เขาได้ไปสู่ซึ่งภพภูมิที่ดีขึ้น ส่วนเรายังติดยังข้องอยู่ กับการก่อการสร้างวัตถุอะไรทำนองนี้ยังสร้างไม่เสร็จก็อยู่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสร้างถึงจะไป.......
     
  10. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    อานิสงส์ของการปฏิบัติ

    พอหลังจากนั้นมา หลวงปู่คิดว่า การปฏิบัติในศีลในธรรมแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงน้อยใหญ่นี้ เราทำอยู่ในขอบเขตพระธรรมวินัยมีคนช่วยรุกขเทวดาเขาก็ช่วย แม้แต่เป็นไข้ก็มีผู้มาช่วยทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจ เกิดความอิ่ม ความปิติในธรรม ขยันปฏิบัติ เดินจงกรมมากกว่าเดิม ข้าวปลาไม่อยากฉันท์ถ้าฉันก็ฉันน้อย ๆ ฉันมากมันง่วงพอฉันเสร็จสองโมงหรือกี่โมงก็แล้วแต่ ท่านให้ลงเดินจงกรม โน่นสิบเอ็ดโมงตีระฆังถึงจะเลิก ทีนี้ก็บ่ายสอง ตีระฆังปฏิบัติถึงบ่ายสามเลิก ปัดกวาดวัดวาอาราม กุฏิ วิหาร ทำอยู่อย่างนี้ พอหกโมงครึ่งก็สรงน้ำครูบาอาจารย์ เสร็จเรียบร้อยก็ฉันน้ำร้อนน้ำชา ท่านพาทำวัตรสวดมนต์ เมื่อมีเทศน์มีอะไรท่านก็เทศน์ให้ฟัง ไม่มีท่านก็สั่งเลิก ต้องปฏิบัติถึงสี่ทุ่มตีระฆังสี่ทุ่มพักใครจะทำต่อก็แล้วแต่ความพากเพียรพอตีสามก็ตีระฆัง ทำอย่างนี้มาอยู่ตลอดฉันมื้อเดียว ฉันรวมในบาตร บิณฑบาตเป็นวัตรจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
     
  11. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ครูอาจารย์ที่หลวงปู่เคยอยู่อบรมกัมมัฏฐานและจำพรรษาด้วยตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๐ - พ.ศ. ๒๕๒๔

    ๑. พระครูพุฒิวราคม วัดประชานิยม
    ๒. หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกองเพล
    ๓. หลวงปู่ชอบ ฐานสโม วัดป่าสัมมานุสรณ์
    ๔. หลวงปู่เทสส์ เทสรํสี วัดหินหมากเป้ง
    ๕. หลวงปู่บุญ ชินวํโส วัดประชานิยม
    ๖. หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม วัดป่าอรัญวิเวก
    ๗. หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร
    ๘. หลวงปู่คำดี ปภาโส สำนักสงฆ์ถ้ำผาปูนิมิต
    ๙. พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ วัดเจติยาคิรีวิหาร ( ภูทอก )
    ๑๐. พระอาจารย์วัน อุตฺตโม วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ( ถ้ำพวง )
    ๑๑. พระอาจารย์คำบุ ธมฺมธโร วัดสันติวนาราม
    ๑๒. พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร วัดป่าแก้วชุมพล
    ๑๓. พระอาจารย์มหาสีทน สำนักสงฆ์ถ้ำผาปูนิมิต
    ๑๔. หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสระแก

    การประพฤติปฏิบัติหลวงปู่ก็ได้ดำเนินมาโดยตลอดจนกระทั่งปัจจุบันนี้อายุก็มากแล้ว ขอฝากลูกบอกหลาน ในสมัยปัจจุบันที่โลกกำลังเจริญ ทั้งด้านวัตถุต่างๆ ก็แตกต่างมีมากมายหลากหลายจนไม่รู้อะไรเป็นอะไรทันสมัยไปหมด ให้พากันหมั่นบำเพ็ญบุญกุศล ให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนให้มากๆ ล่ะ ปล่อยวาง ในสิ่งที่ไม่ดี พยายามขวานขวายเอาคุณงามความดีให้เกิดมีขึ้นในจิตใจให้มากๆ จะได้ไม่เสียทีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา เพราะกาลเวลา ล่วงเลยผ่านไปทุกคืนวันอย่าปล่อยให้เวลาอันมีค่าเช่นนี้ผ่ามาและผ่านไปเฉยๆ เพราะความตายมันมา มันมี และเกิดขึ้นได้ทุกขณะ เมื่อความตายมาเยือนครั้นจะทำอะไร ก็สายไปเสีย...ถึงเขาจะอุทิศอะไรให้ก็ไม่เท่ากับเราหาเอาเองในขณะที่มีชีวิตอยู่หรอก...

    คัดลอกมาจาก www.promsawad.com
    ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2011
  12. ratscrab

    ratscrab สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    สวดยอดครับพี่ ขอบคุณมากครับ อุตส่าห์พิมพ์ให้อ่าน
     
  13. กำธร นครปฐม

    กำธร นครปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    2,756
    ค่าพลัง:
    +7,203
    ถ้าจะมาก็โทรบอกก่อนนะครับ จะได้จัดเวลาเตรียมต้อนรับครับ อ่านเรื่องหลวงปู่สรวง ของคุณเกรียงแล้วเยี่ยมครับ ขอบคุณนะครับ
     
  14. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ฮ่าๆๆๆ....
    หนังสือดีดี...อืมมม...สำหรับผมแล้ว...หนังสือทุกเล่มถือเป็นครู (ดีหมดครับ)...
    อ่านก็เพื่อนรู้...อ่านมากก็รู้มาก...รู้มากก็เข้าใจอะไรๆได้ง่ายขึ้น....เกิดเป็นองค์ความรู้ของตนเอง (ของตนเองนะครับ)...เวลาเรามีองค์ความรู้ขึ้นในตน...มองอะไรๆก็จะเข้าใจมากขึ้น...ไม่ได้เก่งขึ้นนะครับ...เพราะผมเอง...ยิ่งอ่านเยอะยิ่งมีความรู้สึกว่าตัวเองยังไม่รู้อะไรอีกเยอะอะครับ....ฮ่าๆๆๆๆ

    อ่านตั้งแต่หนังสือฟรี...ถูก...แพง...
    ผมชอบของฟรีอ่ะครับ...ถูก...หาตามร้านมือสอง....
    แต่ถ้ามีตังส์เยอะ...ก็อ่านแบบแพงๆก็ได้ครับ...ฮ่าๆๆๆๆ....

    เก่า...ก็ตรียัมปวาย...
    ใหม่...เยอะแยะไปหมด....

    ไหนๆก็ได้พูดคุยกันแล้ว...ขอนิดหนึ่งนะครับ...หากมีองค์ความรู้เป็นที่เอาตัวรอดแล้ว...อย่าดูถูกความไม่รู้ของคนอื่นอ่ะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ...

    ขอให้รู้เยอะขึ้นครับท่าน ratscrab....
     
  15. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    แอบก๊อบเค้ามาอ่ะครับ...promsawad.com
    อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ...
     
  16. akkhawee

    akkhawee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,908
    ค่าพลัง:
    +5,260
    ปกติเช้าไหว้พระก่อนออกจากบ้าน(อาราธนาพระขึ้นคอ) ก่อนนอนไหว้พระตามปกติอีกครั้ง ทุกวันพระเปลี่ยนดอกไม้ธูปเทียน(น้ำ)สวดมนต์ชุดใหญ่+ชินบัญชร+ชัยปริยคาถา ปรมาณนี้ครับ...
     
  17. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    อิอิอิ...ขอแอบไป surprise! ครับ...
    กลัวพี่โจ๊ะต้อนรับพิธีใหญ่....ข้าวหน้าเป็ดพะโล้ 1 จานก็พอใจแล้วครับ...ฮ่าๆๆๆๆ

    --------------------------------------------------------------------
    เสาร์นี้จะแวะไปต้อนพญาไก่ครับ...วันอังคารคงได้ขึ้นบินไปนครปฐมครับพี่โจ๊ะ...ช้านิดนะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กุมภาพันธ์ 2011
  18. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    ก็อยากแจกเยอะๆเลยครับ แต่ติดที่ว่าหยิบมาน้อยไปหน่อยครับ หลวงพ่อพิเชฐ ถามผมว่า ได้ผ้ายันต์ไปหรือยัง ผมบอกว่าได้แล้ว แต่ยังไม่มีไปแจกครับ หลวงพ่อก็บอกว่า ไปหยิบเอา เอากี่แผ่นก็เอา ผมก็หยิบมาครับ ได้มาสิบแผ่นได้ แต่แจกไปเยอะแล้วครับ อิอิอิ ก็กลัวว่าหลวงพ่อจะมองว่าผมโลภ ก็เลยไม่กล้าหยิบเยอะครับ จริงๆแล้วก็โลภมากอยู่ครับ ฮ่าๆๆ แต่ละอายใจตัวเองครับ เด๋ววันไหว้ครูเดือนหน้าถ้าได้ของดีจะนำมาแบ่งปันกันอีกครับผม
     
  19. สวนพลู

    สวนพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    6,596
    ค่าพลัง:
    +18,651
    เสาร์นี้จะไปเยือนถิ่นพี่กำธรครับ ไปสักหลวงปู่อั๊บ แล้วก็แก้บนกับรูปปั้นนางพิมพ์ด้วยครับ แฟนผมก็คนนครปฐมครับ แถวๆโรงพยาบาลสามพรานครับพี่
     
  20. kanchit_a

    kanchit_a เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    240
    ค่าพลัง:
    +317
    กราบนมัสการหลวงปู่สรวงครับ

    ขอบพระคุณครับ สำหรับข้อมูลความรู้ดีๆ.......สาธุ สาธุ สาธุ..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...