รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ ปี 2555-2560 โดยพระอริยะสงฆ์ของไทย

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 30 ธันวาคม 2010.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    รวมคำทำนายเรื่องภัยพิบัติ ปี 2555-2560
    โดยพระอริยะสงฆ์ของไทย

    [​IMG]

    คำตอบจากพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล

    คำถามนี้ถามเนื่องจาก เมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ย. 2552 เวลาสองทุ่มกว่าๆ เกือบสามทุ่ม หลวงปู่พูดเปรยๆว่า:

    อีก 3 ปีไทยจะขาดแคลนน้ำ(เพราะน้ำจืดไม่มี มีแต่น้ำเค็ม) แต่ที่ไหนมีการแก้ไข ก็จะมีน้ำพออยู่กันได้

    ประมาณนี้.. ซึ่งเราก็เลยสงสัยเล็กน้อย ก็เลยคุยกับเพื่อนๆ คนนู้นคนนี้ เพื่อนคนหนึ่งเลยบอกให้ตั้งคำถามถามหลวงปู่สิ คนที่อยากรู้คงมีเยอะ เราจึงได้ถามคำถามไป 5 ข้อค่ะ และเมื่อวาน วันที่ 28 พ.ย. 2552 เวลาดึกๆหลังสามทุ่ม หลวงปู่ก็ตอบค่ะ:

    1. เฉพาะกับเหตุการณ์ครั้งนี้ มีรายละเอียดเรื่องนี้ในพระไตรปิฎก เล่มไหน หน้าไหน หรือเปล่าคะ (ส่วนเหตุการณ์ภัยพิบัติอื่นๆ หนูได้อ่านพระไตรปิฎกตามหัวข้อที่วัดคัดลอกมาแล้ว)

    หลวงปู่บอกว่า ทำนายฝัน พระเจ้าปเสนทิโกศล .. เหตุภัยพิบัติมันมีมานานแล้ว และมันก็ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ มา ไป มา ไป เป็นธรรมดาๆของมัน ไม่ถึงขนาดในหนังเรื่อง 2012 ที่มันเว่อร์ๆแบบนั้นหรอก

    2. ขาดแคลนน้ำด้วยสาเหตุอะไรคะ

    หลวงปู่บอกว่า เพราะน้ำจืดไม่มี มีแต่น้ำเค็ม เครื่องกรองน้ำเค็มเป็นน้ำจืดเดี๋ยวนี้ก็มี(ที่ประเทศบาห์เรน) แต่พอถึงเวลานั้นมันใช้ไม่ได้หรอก(คงเป็นเพราะสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน ระบบไฟฟ้าขัดข้องไปทั่วโลก)

    3. และพระอาจารย์พอจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมได้หรือไม่คะ ว่าท่านเห็นอะไรและอย่างไรบ้าง
    ผู้ช่วยอ่านคำถามบอกว่า เริ่มวิตกแล้วล่ะ

    หลวงปู่บอกว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะตายหรอก ได้ตายแน่ๆแหละ(คนเราเมื่อหมดอายุขัยก็ต้องตายด้วยกันทุกคน)

    4. ที่อื่นๆนอกจากแถวน้ำหนาว พออยู่ได้ไหมคะ เช่น กรุงเทพ, นครปฐม, อเมริกาเหนือ

    หลวงปู่บอกว่า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งทวีป อยู่ได้หมด ที่ไหนมีการแก้ไขก็อยู่ได้ อุทิศบุญต่างๆนานา เกิดปัญหาอะไรก็ให้ค่อยๆแก้ไขไป

    ผู้ช่วยถามคำถามถามหลวงปู่ว่า มีคนรอดเยอะไหม

    หลวงปู่บอกว่า รอดเยอะมาก และตายเยอะมากเช่นกัน

    5. หนูและครอบครัวถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างเคร่งครัด พอช่วยได้ไหมคะ

    หลวงปู่บอกว่า ตอบไปแล้ว

    ประมาณนี้ค่ะ.. ขอบคุณค่ะ

    ไฟล์เสียง คำตอบจากพระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๒

    ที่มา http://www.samyaek.com/board2/index.php?topic=2268.0

    *****************************************************************





    คำเตือนจากปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแยอายุ 109 ปี

    ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้ จะแรงบ้างหรือเบาบ้างขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่ แต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องปี 2556 เหตุการณ์จะรุนแรงมาก ด้วยเหตุ 3 อย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ประการแรก บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ หาก..... ละสังขาร ประการสอง พายุจะถล่มเมืองไทย และที่อื่นๆ ประการสามน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในโลก หลายๆประเทศจะต้องเกิดเหมือนกัน จะรุนแรงไปเรื่อยๆ ผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์ ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรที่นั้นๆ

    ปัจจุบันนี้ผู้คนไม่มีศีลธรรม ไม่ละอายแก่บาป เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่กรรมของใครๆ แต่นี่คือวัฎรจักรของโลก บ้านเมืองเจริญขึ้น แต่จิตใจมนุษย์เจริญลง ยิ่งการสมสู่มนุษย์ต่อกันเดียวนี้ไม่มีเลือกผัวเลือกเมียหรือลูกหลาน นี่แหละกลียุคตามคำทำนายขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธโคดม เหตุดังกล่าวจะเบาลงและสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิภัยคือผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรม กตัญญูต่อบิดามารดา ละอายแก่บาป จงเป็นผู้รู้ในกิเลส และผู้ตื่นจากกิเลส สุดท้ายก็ไกลจากกิเลส

    ภัยพิบัติที่จะเกิด เมืองไทยจะมีการเตือนภัยล่วงหน้า จากในหลวงของเรา และท่านสมิทธ ธรรมสโรช (พูดแบบภาษาธรรม พระองค์ท่านในหลวงและคุณสมิทธมีสื่อจากผู้ดูแลมนุษย์ในโลกนี้ จะบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้คนเตรียมตัวหนีจากภัยที่จะเกิด) ส่วนเส้นทางหลบหนีปู่บอกว่าผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ และรถจะติดมากผู้คนต่างแย่งกันโกลาหลน่าดู และสุดท้ายหางแถวจะหนีไม่รอดนั้นเอง สระบุรีตั้งที่องค์พระนั่งสูง ตรงนั้นแผ่นดินจะยุบตัวลง เพราะข้างล่างเป็นบ่อน้ำใต้บาดาล ส่วนถนนที่พอจะรอดก็คือ กบินทร์-นครราชสีมา,นครนายก หรือเส้นทางอื่นๆที่ไม่ใช่มิตรภาพ แต่ส่วนมากผู้คนจะเลือกเส้นทางมิตรภาพมากเพราะไปได้ทั้งเหนือและอีสาน ขอเตือนไม่จำเป็นจะต้องไปอีสานอย่างเดียวนะครับ ภาคเหนือก็ไปได้

    (ปู่บอกแล้วเตือนแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุญของเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมส่วนมากจะรอด แม่บอกอย่างนี้) มนุษย์จากตัวใหญ่ลงมาถึงตัวเล็ก และกำลังเปลี่ยนแปลงจากเล็กไปหาใหญ่เรื่อยๆ สังเกตุจากลูกหลานจะเริ่มสูงใหญ่กว่าพ่อแม่แล้ว และค่อยเป็นค่อยเปลี่ยนไปตลอด

    ปล.ลูกเมืองสกลฯ องค์ปู่อินทร์,ปู่ปิยะ และครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ คือพ่อ<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มาhttp://palungjit.org

    *****************************************************************


    [​IMG]


    เมย์พบพระผู้มี " อภิญญา" มีฤทธิ์มาก ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว (ก่อน พ.ศ. 2560)

    พระ ผู้มีอภิญญาฤทธิ์ ลูกศิษย์เรียกท่านว่า "หลวงปู่ประเสริฐ"

    "หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านมีอภิญญาสูง มีฤทธิ์มาก เมย์เห็นมากับตาหลายครั้ง และลูกศิษย์ ก็เห็นมาหลายคน ใครเคยประสบด้วยตนเอง ช่วยมาโพสต์ในนี้ให้เพื่อนๆอ่านด้วยค่ะ (แต่วันนี้เมย์จะไม่เล่าเรื่อง อภิญญา ของหลวงปู่ เพราะมันเยอะ พิมพ์ไม่ไหว) แต่เมย์จะเล่าเรื่อง วาระสุดท้ายของโลกมนุษย์ค่ะ

    เมย์ ไปพบท่านเมื่อไม่นานมานี้เอง ไปกับกลุ่มของเพื่อนคุณพ่อค่ะ วันนั้นไปกันราว 10 คน พวกเรานั่งรถตู้ของเพื่อนคุณพ่อเมย์ นั่งรถตู้จากกรุงเทพ 8.00 น. กว่าจะถึง สำนักสงฆ์ของท่าน ก็เกือบเที่ยงอ่ะค่ะ เส้นทางวกวน เหมือนเขาวงกต เพราะสำนักสงฆ์อยู่บนเขาสูง (แถวนั้นเรียกว่า "ลำพญากลาง") สูงจากพื้นดินมากค่ะ เพราะทุกคนในรถตู้รู้สึก "หูอื้อ" ทุกคน พอไปถึงก็ยังไม่พบท่านหรอกค่ะ เพราะท่านอยู่ใน กุฏิ ด้านหลัง ซึ่งห้ามไม่ให้ใครเข้า สภาพของสำนักสงฆ์เรียบง่าย มีกุฏิ 2 หลัง, มีวิหารเล็กๆ 1 หลัง, มีโรงครัวเล็กๆ 1 หลัง, มีห้องน้ำราว 10 ห้อง ทั้งหมดมาจากเงินจากผู้บริจาค ของผู้ที่มากราบท่านทั้งสิ้น

    เพราะ หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 มาตั้งแต่ที่นี่ยังเป็นป่าอยู่เลย ยังไม่มีอะไรเลย มีแต่ป่าทั้งนั้น พอท่านอยู่ไปก็มี ผู้คนไปกราบไหว้ รวมคนที่ไปกราบท่านจนถึงปัจจุบันก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 100,000 คนค่ะ

    แล้ว หลวงปู่ท่านก็เดินลงมา แล้วตรงมาที่กลุ่มของเมย์ หลวงปู่ท่านอายุน่าจะ 80 ปีได้ค่ะ รูปร่างสูงสง่างาม (น่าจะสูงเกิน 180 ซม.) ดูท่านใจดี ลักษณะการเดินของท่านดูสูงส่งมากค่ะ (เดินสง่างาม น่าเลื่อมใส อธิบายไม่ถูก) น้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่านบอกกับทุกคนว่า "เอาล่ะนะ" ถึงเวลาที่ชั้นจะบอกเรื่องสำคัญล่ะนะ ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วไปเตือนผู้คน และคนอื่นๆ

    ท่าน ก็เริ่มเทศนาว่า... แท้จริง ประเทศไทย และ ทุกประเทศทั่วโลก น่าจะพบกับความหายนะครั้งใหญ่ จากภัยธรรมชาติใหญ่ ซึ่งผู้คนต้องตายเกือบหมดโลก ตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แต่ที่มันไม่เกิด ก็เพราะว่า มีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกัน อธิษฐานจิต ให้เหตุการผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆเหตุการณ์ภัยธรรมชาตใหญ่ิ และความหายนะครั้งใหญ่ ต้องเกิดขึ้นแน่นอน

    นับ แต่เวลาี้นี้ พ.ศ. 2552 แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว และจะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆมากขึ้นๆ โดยเริ่มทีละน้อยจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จะค่อยๆทวีความรุนแรงขึ้นๆ สารพัดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว, พายุ, ภูเขาไฟระเบิด, น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน, หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเลทั้งหมด และสารพัดอย่างจะประดังเข้ามา ฯลฯ

    ทุกอย่าง จะจบสิ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่ศีลไม่ครบ จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่ คร่าชีวิตทั้งหมด และมนุษย์ที่รอดชีวิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้ละกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุด คือรอดประมาณ 20-30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง พูดง่ายๆ ตายเกือบหมดประเทศนั่นแหละ จะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆเท่านั้นเอง

    หลัง ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษย์ชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรียกว่ายุคศิวิไลซ์ เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (20-30 %) ต่อไปประเทศไทยจะได้เป็น มหาอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ บำเพ็ญบุญ-กุศล

    ท่าน ว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว เหตุการณ์มันกำลังจะมาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำ เลิกใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญาเสียที สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียง บุญ-บาป เท่านั้น จำไปบอกต่อๆกันด้วยนะ ลูกหลาน ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ชั้นก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้แหละนะ เจริญพร.......ทุกคนก็กราบท่าน ด้วยความกลัว ใจหวิวๆ บอกไม่ถูกค่ะ

    ตอน จะกลับ เมย์ว่าจะถ่ายรูปของหลวงปู่ มาให้เพื่อนๆใน "เว็บพลังจิต" ดูซะหน่อย แต่ทางสำนักสงฆ์ ติดป้ายไว้ว่่า "ห้ามถ่ายรูป" อ่ะค่ะ ...เอาไว้เพื่อนๆลองไปกราบหลวงปู่ท่านเองละกันนะคะ เมย์บอกที่อยู่ให้แล้วอ่ะค่ะ

    เมย์ขอปิดท้ายค่ะ ชาวพุทธทุกคนทราบดีว่า พุทธศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นค่ะ ประเด็นอยู่ที่ ในวันภัยพิบัติ คนที่จะรอดชีวิต ต้องมีศีลมีธรรมจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะรอดค่ะ

    ที่มา http://palungjit.org

    ******************************************************************

    คำทำนายของหลวงปู่สรวง

    ."หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล" กล่าวไว้ว่า พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้

    [อ้างอิง หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน) พูดถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้...]

    ที่มา http://palungjit.org

    *****************************************************************<!-- google_ad_section_end -->



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]



    </FIELDSET>
     
  2. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,443
    สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียง บุญ-บาป เท่านั้น จำไปบอกต่อๆกันด้วยนะ ลูกหลาน ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ชั้นก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้แหละนะ เจริญพร.......สาธุ กราบ...............................
    กราบ..................................
    กราบ............................
    ............
     
  3. noi

    noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,120
    ค่าพลัง:
    +47,443
    เมย์พบพระผู้มี "อภิญญา" มีฤทธิ์มาก ท่านฝากเตือนมาว่า เวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว
    เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติ ในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการ บำเพ็ญบุญ-กุศล
     
  4. aumzaza

    aumzaza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +615
    T T อ่านแล้วขนลุก ผผมจะตั้งใจทำบุญ รักษาศีล5
    แงๆๆๆ
     
  5. TIGER36

    TIGER36 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +84
    น่ากลัวมากครับ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะรอดไหม
     
  6. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    ผมขอฝากข้อคิดเล็กๆน้อยๆ สำหรับคนดีที่นับถือพระพุทธศาสนาครับว่า**กันดีกว่าแก้ แย่แล้วแก้ไม่ทัน**คืออย่างนี้นะครับ ก่อนนอนสวดมนต์ใหว้พระทุกวัน พอล้มตัวลงนอนขอให้จับลมหายใจ++ความรู้สึกกระแสลมที่หายใจเข้า ผ่านที่จมูก ผ่านถึงอก และถึงจุดสดือ++เวลาหายใจออก+จากจุดสดือ ขึ้นมาที่อก และผ่านออกมาที่จมูก ++ปล่อยการหายใจอย่างธรรมชาติ ไม่กด ไม่เร่ง ไม่ดึงให้ช้าๆ***การจับลมหายใจ จับได้แค่ใหน ขอให้พอใจแค่นั้นนะครับ ขอให้ทุกๆท่านจงโชกดีนะครับ
     
  7. markerkab001

    markerkab001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +780
    การทำบุญของผมไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล
    นั้นคือพ่อ แม่ ของผมเอง ผมรักท่านมาก ๆ ครับ
     
  8. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
  9. Fabreguz

    Fabreguz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,911
    ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมจะหนีไปบวช... บำเพ็ญธรรม
     
  10. สมพิศเปรม

    สมพิศเปรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +361
    ทำบุญ ละบาป และขอขอบคุณที่นำข่าวมาบอก
     
  11. jinnich

    jinnich เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +221
    เวลาเหลือน้อยแล้ว มั่วแต่ทำอะไรกันอยู่ บ้านเมืองเวลานี้ก็มีแต่คนเห็นแก่ตัว เงินทองเป็นของนอกกาย มีแต่บุญและบาปที่จะติดตัวเราไปได้ เร่งทำความดีกันนะคะ
     
  12. มีดสยาม

    มีดสยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +2,535
    ขอโมทนาในกุศลจิตของคุณเกษมด้วยครับจะช่วยกันบอกเตือนต่อๆไปครับ
     
  13. เด็ก3ขวบ

    เด็ก3ขวบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +1,524
    รอดไปทำไมตายดีกว่ารอดไปก็ลำบากเปล่าๆ55555
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เตรียมกายและใจให้พร้อมรับมือกับภัยพิบัติ เหมือนดั่งพระมหาชนก...

    [​IMG]

    ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 8

    จากตอนที่แล้วพระโพธิสัตว์ เมื่อทรงทราบว่า เรือจะต้องอับปางแน่นอน จึงได้รีบเสวยน้ำตาลกรวดคลุกกับเนยจนอิ่ม จากนั้นก็นำผ้าเนื้อเกลี้ยงสองผืนที่ชุบน้ำมันจนชุ่ม ทรงนุ่งให้กระชับ ประทับยืนเกาะเสากระโดง แล้วก็ทรงปีนขึ้นไปประทับยืนบนยอดเสากระโดงนั้น


    ในเวลาเรือจมลง ก็ทรงกำหนดทิศที่ตั้งของเมืองมิถิลา แล้วก็กระโดดจากยอดเสากระโดงไปทางทิศนั้น ข้ามพ้นฝูงปลาร้ายไปตกอยู่ในที่ไกลจากเรือ

    พระมหาชนกนั้น ทรงเพียรแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทร จนถึงวันที่ ๗ ได้ทรงสังเกตเห็นพระจันทร์เต็มดวง ก็ทรงรู้ว่าวันนี้เป็นวันอุโบสถ จึงใช้น้ำทะเลบ้วนพระโอษฐ์ และทรงสมาทานอุโบสถศีล

    ในวันนั้น นางมณีเมขลาได้มาตรวจตรามหาสมุทร ก็เห็นพระมหาชนกโพธิสัตว์ กำลังทรงแหวกว่ายอยู่กลางมหาสมุทรจึงคิดว่า “ถ้าพระมหาชนกสิ้นพระชนม์ในมหาสมุทร เราจะมีความผิดอย่างมหันต์” จึงรีบเหาะมาสถิตอยู่ในอากาศ เหนือท้องมหาสมุทรตรงที่พระโพธิสัตว์กำลังว่ายน้ำอยู่

    นางเกิดความอัศจรรย์ใจ ว่าแม้ฝั่งก็มองไม่เห็น แล้วพระองค์จะว่ายไปทำไม จึงถามว่า “ใครหนอ แม้จะแลไม่เห็นฝั่งก็ยังพยายามว่ายอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ท่านเห็นประโยชน์อะไรจึงพยายามว่ายอยู่อย่างนี้”

    พระโพธิสัตว์ จึงตรัสตอบว่า “เราเห็นปฏิปทาของโลกและอานิสงส์แห่งความเพียร จึงพยายามเรื่อยไป หากไม่พากเพียรแล้วจะพบความสำเร็จได้อย่างไร”

    นางมณีเมขลาได้ฟังความตั้งใจอันแน่วแน่ของพระโพธิสัตว์แล้ว ก็อัศจรรย์ เกิดกำลังใจใคร่จะฟังธรรมจากพระโพธิสัตว์ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป จึงถามต่ออีกว่า “มหาสมุทรลึกจนประมาณไม่ได้ แม้ฝั่งก็ไม่ปรากฏ ความพยายามอย่างลูกผู้ชายของท่านทำไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ทันถึงฝั่งท่านก็จะต้องตายอย่างแน่นอน ท่านจะเพียรพยายามไปทำไมกัน”

    พระมหาชนกตรัสว่า “ท่านพูดอะไรอย่างนั้น เราทำความพยายาม แม้จะตายก็พ้นคำครหา บุคคลเมื่อกระทำความเพียร แม้จะตายก็ได้ชื่อว่า ไม่เป็นหนี้ในระหว่างหมู่ญาติ กับทั้งบิดามารดาและเทวดา อนึ่ง บุคคลเมื่อทำกิจอย่างลูกผู้ชาย ย่อมไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง ดูก่อนเทพธิดา บุคคลเมื่อทำความเพียร แม้จะตายก็ไม่เป็นหนี้ ย่อมไม่ถูกติเตียนในระหว่างหมู่ญาติ แม้เทวดาและพรหมก็สรรเสริญ”

    เทพธิดากล่าวแย้งว่า “ท่านมหาบุรุษ การงานอันใด แม้ทุ่มเทจนสุดกำลังแล้ว ก็ยังไม่บรรลุผลสำเร็จ การงานนั้นก็นับว่าไร้ผล เป็นความสูญเสียเปล่า ไม่เกิดประโยชน์ การทำความพยายามในฐานะอันไม่สมควรจนตัวเองต้องตาย ความพยายามนั้นจะมีประโยชน์อะไร”

    พระมหาชนกได้สดับแล้ว เมื่อจะทรงยืนยันว่าความเพียรเป็นสิ่งที่ควรทำ แม้ชีวิตจะวอดวายไปก็ตาม จึงตรัสต่อไปว่า “ดูก่อนนางเทพธิดา ผู้ใดรู้แจ้งว่าการงานที่ทำจะไม่ลุล่วงไปได้ ถ้าผู้นั้นละความเพียรนั้นเสีย ก็ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตของตน พึงรู้เถิดว่า นั่นเป็นผลแห่งความเกียจคร้านโดยแท้

    ดูก่อนเทพธิดา คนบางพวกในโลกนี้ มองเห็นผลแห่งความประสงค์ของตน จึงประกอบการงานทั้งหลาย ไม่ว่าการงานเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม

    ดูก่อนเทพธิดา ท่านก็เห็นประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ คนอื่นๆ จมลงในมหาสมุทรหมดแล้ว มีแต่เราคนเดียวยังว่ายอยู่ ก็เพราะความเพียรพยายามนี้เอง จึงทำให้เราได้เห็นท่านซึ่งมาสถิตอยู่ใกล้ๆ เรานั้นจักพยายามอย่างสุดความสามารถ จะทำความเพียรที่บุรุษควรทำ เพื่อไปถึงฝั่งแห่งมหาสมุทรนี้ให้จงได้”

    เทพธิดาได้สดับพระวาจาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของพระโพธิสัตว์ ก็รู้สึกอัศจรรย์ในหัวใจที่ปราศจากความย่อท้อของพระมหาชนก นึกเลื่อมใสในคำภาษิตของพระองค์

    จึงกล่าวสรรเสริญ พร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ขึ้นจากมหาสมุทรว่า “ท่านใดถึงพร้อมด้วยความพยายามโดยธรรม ด้วยกิจคือความเพียรของบุรุษ ไม่ยอมจมลงในห้วงมหรรณพซึ่งกว้างใหญ่ประมาณมิได้เห็นปานนี้ ท่านนั้นจงไปยังสถานที่ที่ท่านชอบใจเถิด”

    เราจะเห็นได้ว่า ผู้มีความเพียรอย่างแท้จริงนั้น แม้ทอดสายตาออกไป จะไม่เห็นขอบฝั่งแห่งทะเล แต่จิตใจของท่านก็ไม่ท้อแท้ เมื่อรู้ว่าทะเลย่อมมีฝั่ง จึงคิดแต่จะว่ายไปให้ถึงฝั่งให้ได้ เมื่อเรี่ยวแรงยังไม่สิ้นสุด ท่านก็จะไม่หยุดยั้งในการทำความเพียร เพราะผู้ที่มีความเพียรแม้จะไม่สำเร็จก็ย่อมได้รับการสรรเสริญ

    ท่านทั้งหลาย คงได้ทราบถึงหัวใจที่กว้างใหญ่เกินฟ้าครอบของพระโพธิสัตว์กันแล้ว ว่าจะไม่ยอมหยุดทำความเพียรจนกว่าจะถึงเป้าหมาย แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต ซึ่งเมื่อนางมณีเมขลาได้ฟังถ้อยคำที่มุ่งมั่นของท่านแล้ว ก็ได้กล่าวสรรเสริญ

    เทพธิดาได้ถามพระโพธิสัตว์ว่า ท่านประสงค์จะไปในที่ใด เมื่อพระโพธิสัตว์ตรัสว่า มิถิลานคร นางจึงได้อุ้มพระมหาชนกโพธิสัตว์ขึ้นจากน้ำ โดยใช้แขนทั้งสองประคองให้นอนแนบทรวง พาเหาะไปในอากาศเหมือนมารดาอุ้มบุตรอันเป็นที่รัก ฉะนั้น

    ขณะนั้น พระโพธิสัตว์มีผิวกายซูบซีดเศร้าหมองเปื่อยยุ่ย เพราะทรงแช่อยู่ในน้ำทะเลตลอด ๗ วัน ครั้นได้รับสัมผัสอันเป็นทิพย์ที่อบอุ่นนุ่มนวลของนางเทพธิดา ร่างกายก็กลับคืนสู่สภาพปกติได้บรรทมหลับไปอย่างมีความสุข

    นางมณีเมขลาได้นำพระมหาชนกไปถึงมิถิลานคร ให้บรรทมบนแผ่นมงคลศิลาในสวนมะม่วงโดยคลุมผ้าไว้ และมอบให้ภุมเทวดาในสวนอารักขาต่อไป แล้วจึงกลับไปสู่ที่อยู่ของตน

    ที่มา http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=desertcity&month=09-2007&date=11&group=1&gblog=30
    <!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • chadok-02.jpg
      chadok-02.jpg
      ขนาดไฟล์:
      59 KB
      เปิดดู:
      1,145
    • mahachanoke.jpg
      mahachanoke.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      86,572
  15. Worship with soul

    Worship with soul Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +60
    ตอนนี้เราไม่ได้คิดถึงเรื่องรอดไม่รอดเลย รู้สึกแค่ว่าไม่อยากเกิดมาอีกแล้วเท่านั้น

    วันนี้จึงทำเท่าทีใจรู้สึกว่าอยากทำนะค่ะ อย่างรักษาอุโบสถศีลทุกวันพระก็ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ตลอด ( ^ ^ ) ทำแล้วรู้สึกดีก็ OK ละนะ
     
  16. karan20

    karan20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,297
    ค่าพลัง:
    +2,379
    ในพระราชนิพนธ์พระมหาชนก
    ตอนเรือของพระมหาชนกแล่นกลางมหาสมุทร และเผชิญกับพายุร้ายที่พัดโหมกระหน่ำจนเรือใกล้แตก พระองค์ทรงประเมินสถานการณ์ด้วยสติปัญญาว่าเรือต้องจมเป็นแน่ จึงทรงคิดหาทางเอาตัวรอดด้วยปัญญา พระองค์ไม่กลัว ไม่ฟูมฟายร่ำไห้อ้อนวอนเทพเจ้าให้ช่วยดั่งคนบ้าเช่นพ่อค้าวานิชทั้งหลาย ดังความในพระราชนิพนธ์ว่า

    คัดลอกข้อความจาก นายกรเพชร - สายธารวรรณศิลป์ - ความสำเร็จแห่งชีวิต ใน พระมหาชนก (ตอนที่ 3)

    "เรือแล่นด้วยกำลังคลื่นที่ร้ายกาจ ไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ แผ่นกระดานก็แตกด้วยกำลังของคลื่น น้ำเข้ามาแต่ที่นั้นๆ เรือก็จมลงในกลางมหาสมุทร มหาชนกลัวมรณภัย ร้องไห้คร่ำครวญกราบไหว้เทวดาทั้งหลาย พระองค์ทรงทราบว่าเรือจะจม"

    การพึ่งตนเองเป็นคุณสมบัติของนักปราชญ์
    ดังพุทธสุภาษิตที่ว่า "อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
    พระมหาชนกทรงคิดวิธีเอาตัวรอด

    "จึงคลุกน้ำตาลกรวดกับเนย เสวยจนเต็มท้อง แล้วชุบผ้าเนื้อเกลี้ยงสองผืนด้วยน้ำมันจนชุ่ม ทรงนุ่งให้มั่น ทรงยืนเกาะเสากระโดง ทรงกำหนดทิศว่า เมืองมิถิลาอยู่ทิศนี้ ก็กระโดดจากยอดเสากระโดงล่วงพ้นฝูงปลาและเต่าไปตกในที่สุดอุสภะหนึ่ง (70 เมตร) เพราะพระองค์มีพระกำลังมาก"

    มีคำถามว่า ทำไมพระมหาชนกต้องรีบเสวยน้ำตาลกรวดกับเนยจนเต็มท้อง ทรงเห็นแก่กินหรือ ในขณะเกิดพายุโหมกระหน่ำอย่างนี้ยังจะมีจิตใจแสวงหาของกินอยู่หรือ?

    ก็ต้องตอบว่า นี่คือความฉลาดรอบรู้ของพระองค์ ทรงมีสติคิดได้ว่า การเสวยน้ำตาลกรวดกับเนยนั้นจะให้พลังงานสูง ให้ความอบอ่นแก่ร่างกายได้เพราะพระองค์จะต้องกระโดดลงน้ำและต้องว่ายน้ำไป อีกไกลและนานแค่ไหนไม่รู้ได้ จึงต้องเสวยเอาพลังานไว้ให้มากที่สุดก่อน

    อีกคำถามหนึ่งคือ ทำไมพระองค์ต้องเอาผ้าชุบน้ำมันพันกายให้กระชับมั่น คำตอบก็คือ ผ้าชุบน้ำมันนั้นจะไม่ชุ่มน้ำ อมน้ำจนทำให้ตัวหนัก และยังปกป้องร่างกายไม่ให้เปียกน้ำทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนในร่างกายไป

    ส่วนที่พระมหาชนกปีนไปอยู่บนเสากระโดงเรือก็เพราะเสากระโดงสูงสมารถมองเห็น ไปได้ไกล สามารถกำหนดทิศทางที่จะว่ายน้ำไปยังฝั่งได้ อีกประการหนึ่งพระองค์สามารถกระโดดให้ห่างไกลจากเรือที่กำลังจมซึ่ง ท้องมหาสมุทรเต็มไปด้วยฝูงปลาและเต่าที่จ้องจะมากินคน



    - จบข้อความที่คัดลอกมา-

    ผมขอเปรียบเทียบด้งนี้....

    เมื่อภัยจะมาถึงให้มีสติ และพึ่งตัวเอง อย่าเพียงคิดพึ่งเทวดา


    การเสวยน้ำตาลกรวดกับเนย อาจเปรียบถึงการเตรียมเสบียงอาหารอย่างฉลาด


    การใช้ผ้าชุบน้ำมันพันกาย อาจเปรียบถึงเสื้อชูชีพสำหรับลอยตัวในน้ำ


    การปีนขึ้นเสากระโดงเรือ อาจเปรียบถึงการขึ้นที่สูง


    การกำหนดทิศ อาจเปรียบถึงการมีเป้าหมายและมุ่งหน้าไปยังทิศที่ปลอดภัย


    การกระโดดออกให้ไกลจากเรือที่กำลังจะจม อาจเปรียบถึงการออกให้ไกลจากพื้นที่ซึ่งเสี่ยงภัย

    *** วิธีที่ดีที่สุดในการรับภัย คือ การหลบภัย ****


    ในพระราชนิพนธ์พระมหาชนก ยังมีเนื้อความว่า (ขอเล่าโดยย่อ)

    แม้ขณะพระมหาชนกท่านกำลังว่ายน้ำกลางมหาสมุทร และว่ายน้ำมาแล้วถึง 7 วัน
    เมื่อทราบว่าเป็นวันวันอุโบสถ (วันพระ) ท่านก็สมาทานศีล 8
    แสดงให้เห็นว่าท่านย่อมมีศีล 5 เป็นปกติ และสมาทานศีล 8 ในวันพระ
    อาจเปรียบถึงการมีศีล 5 และ ศีล 8 จึงจะปลอดภัย

    นางมณีเมขลาเทพธิดามาช่วยหลังจากว่ายน้ำมาถึง 7 วัน

    อาจเปรียบถึง ตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมช่วยผู้ที่คิดจะช่วยเหลือตัวเองก่อน
    อาจเปรียบถึงการมีความเพียร อดทนจนกระทั่งหน่วยกู้ภัยหรือความช่วยเหลือมาถึง

    ส่วนพวกที่ยึดเรือไว้ หวงเรือไว้ไม่ไปไหน หรือปล่อยไปตามยถากรรม
    หรือมัวอ้อนวอนเทพเทวดา ต่างกลายเป็นเหยื่อน้ำและสัตว์ในน้ำ
     
  17. *~*Sea Anemone*~*

    *~*Sea Anemone*~* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    791
    ค่าพลัง:
    +9,121
    อนุโมทนา สาธุ ขอบคุณที่นำข่าวสารมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
     
  18. jeshda

    jeshda Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +53
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เวลา 22:55:38 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ <!--[อ่านล่าสุด คน]-->

    <CENTER>
    </CENTER>
    ไม่ธรรมดา-หิมะตกท่ามกลางทะเลทรายในฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาซึ่งเป็นสภาพอากาศที่ไปกติสำหรับที่นี้

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>ไม่ธรรมดา-หิมะตกท่ามกลางทะเลทรายในฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนาที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาที่โดนพายุหิมะถล่ม ลมแรงและมีฝนตกหนักจนต้องปิดถนนและไฟฟ้าถูกตัด ซึ่งสภาพอากาศหนาวเย็นพร้อมมีฝนตกหนักหายากในภูมิประเทศเช่นนี้



    ข้อมูลจาก:เดลี่เมลล์ออนไลน์

     
  19. sixsenseman

    sixsenseman Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +40
    ผมกับมีความเห็นที่ต่างกันนะผมว่าบางคนที่ไม่รอดจากภัยพิบัติบางคนอาจไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีศีลธรรมครบก็ได้เพราะอะไรนะเหรอครับ ก็เพราะว่าบางคนรอดมาได้เพราะบุญเก่าที่เขาทำมาบวกกับยังไม่ถึงที่ตาย และสำหรับคนที่ไม่รอดบางคนอาจเป็นผู้มีศีลธรรมครบก็ได้สาเหตุเพราะว่าเหมือนเป็นการชดใช้กรรมซึ่งอาจเป็นกรรมเก่าจากอดีตชาติที่เขาทำไว้หรืออาจเป็นกรรมปัจจุบันในชาติภพนี้ก็ได้เหมือนกับพระโมคคัลลานะเถระไงครับลองไปหาอ่านดูว่าเพราะอะไรในพุทธประวัติของพระพุทธเจ้า ผมยอมรับว่าแรกๆผมก็กลัวๆจนขี้ขึ้นสมองแต่พอผมได้ศึกษาอ่านธรรมะมาเรื่อยๆผมพบว่าบางครั้งการที่เรายังมีชีวิตอยู่ก็มีอยู่สองประเด็นๆเเรกคือรอดเพื่อมีโอกาสกลับตัวกลับใจเป็นคนดีหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลเหมือนกับพระองคุลีมาลเถระไงครับ ประเด็นที่สองเพื่อเป็นการชดใช้กรรมในโลกมนุษย์ต่อไปและเพื่อเรียนรู้หลักการใช้ชีวิตเพื่อเป็นหนทางสู่นิพพานในชาติภพนี้หรือในอนาคตชาติข้างหน้าผมอยากให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจและรู้จักปล่อยวางอย่าแตกตื่นจนเกินไปเพราะไม่แน่บางที่พวกคุณอาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่เกิดภัยพิบัติก็ได้ และผมขอแนะอีกอย่างนึงก็คือหมั่นเจริญ ศีล ภาวนา และทานเข้าไว้มากๆเท่าที่จะทำได้เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหนเวลาไหนก็ได้ใครจะไปรู้ ยังไงๆก็อยากให้เพื่อนๆ คุณๆ ท่านๆ ทั้งหลายลองคิดและพิจารณาให้ดีๆแล้วกันครับ

    ป.ล ผมอยากจะบอกความในใจที่ผมอัดอั้นมานานแล้วผมไม่เข้าใจว่าทำไมบางท่านถึงอยากให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติจังทำไมไม่รู้จักทำบุญแผ่เมตตาให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและเพื่อที่จะได้ไม่เกิดภัยธรรมชาติผมรู้สึกว่าเหมือนบางคนคอยยุยงหรือแช่งให้เกิดให้ได้ยังไงหยั่งงั้นแหละอันนี้ผมไม่ได้ว่าพระหรือท่านที่เป็นผู้ทรงธรรม ทรงอภิญญานะครับแค่อยากจะบอกว่าทำไมไม่ร่วมมือกันช่วยทำบุญแผ่เมตตาให้กับโลกให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไม่ใช่เอาแต่พึ่งพระ หรือพึ่งบางท่านผู้ทรงอภิญญาทรงธรรมแทนที่จะช่วยๆกันเพราะบางครั้งลำพังแค่พระและท่านผู้ทรงอภิญญาทรงธรรมท่านก็พยายามช่วยทำไมพวกเราบางท่านกลับไม่ร่วมมือร่วมใจกันช่วยท่านอีกแรงเพื่อที่จะได้รอดพ้นหรือไม่เกิดภัยพิบัติอย่างน้อยจนกว่าจะสิ้นอายุไขของพระพุทธศาสนาที่พระพุทธองค์ได้ทำนายไว้ก็ยังดี
     
  20. Phusaard

    Phusaard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    436
    ค่าพลัง:
    +349
    รีบทำบุญทำกุศลกันนะครับ อย่าพลัดวันประกันพรุ่ง

    เพราะเมื่อเราถึงที่ตายแล้วคงไม่สามารถจะขอพลัดเลื่อนความตายออกไปได้

    สำหรับหลายๆท่านที่ปฏิบัติเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

    ก็คงมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...