เว็บพลังจิต ปฎิทินพลังจิตธรรมสัญจร 54

<table><tbody><tr valign="top"><td align="right"> </td></tr></tbody></table>​

ปฏิทินพลังจิตธรรมสัญจร

ปี ๒๕๕๔
​

เว็บพลังจิต โดยพลังจิตธรรมสัญจร หรือนามเดิมบึงลับแล และชมรมโมทนาบุญ เอากิจกรรมงานบุญตลอดปี ๒๕๕๔ มาเรียนแจ้งให้กัลยาณธรรมทุกท่านได้ร่วมอนุโมทนา ร่วมบุญกันตามกำลังทรัพย์ กำลังศรัทธา และเดินทางร่วมกันตามวาระธรรมะจัดสรร

​

อัพเดท กิจกรรมบุญใหญ่ส่งท้ายปี หลังวิกฤติมหาอุทกภัย ๕๔


ยบาร<wbr>มี[/COLOR][/COLOR][/B][/SIZE]
๑๐-๑๒ ธ.ค. เยือนภูทอก ไหว้พระอริยสงฆ์ ผ้าป่าสามัคคี ๑๓ วัด ๖ เมืองอีสาน จ.บึงกาฬ
๑๗-๑๘ ธ.ค. งานออกนิโรธกรรมพระครูบาวิจิตร มนูญโญ จ.ตาก
๒๔-๒๕ ธ.ค. ๙ พระบาท นมัสการสักการะพระพุทธบาท ๙ รอยเมืองจันท์ จ.จันทบุรี
เรียนเชิญร่วมบุญพิเศษเพื่อบูรณะวัดหลังน้ำลด ชดที่ ๑ น้อมรับวัตถุมงคล วันที่ ๑๖ ม.ค.๕๕




ร่วมรับชมภาพและบันทึกการเดินทางทุกกิจกรรมบุญตลอดปี
๑. มกราคม
​

๗-๙ มุทิตาจิตสักการะ-ถวายสังฆทานพระอาจารย์ บ้านอนุสาวรีย์
๑๔-๑๕ ธรรมสัญจร (๑) พิธียกยอดฉัตรเรือพระราชพรหมยาน-สืบชะตาพระสมุ<wbr>ห์ปรินทร์ ธมมฺสรโณ (หลวงพี่เิอก) วัดเขาแร่-หลวงพ่อศิลา-พระพุทธรูปทองคำ-อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๑-๒๔ ธรรมสัญจร (๒) งานออกนิโรธกรรมครูบาเหนือชัย โฆษิโต วัดถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)-พระธาตุ ๙ จอม-วัดร่องขุ่น- ดอยตุง- ทะเลหมอกภูชี้ฟ้า-ชมวิวแม่น้ำโขง จ.เชียงราย (๔ วัน ๓ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๓๐ ปฏิบัติธรรม (๑) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต-ปรียานันท์ธรรมสถาน

๒. กุมภาพันธ์

๔-๖ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
​

๑๒-๑๓ ธรรมสัญจร (๓) พิธีสมโภชพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง -พระพุทธบาทเขาวงพระจันทร์-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ชัยภูมิ-ลพบุรี (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๑๘-๒๐ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๓ วัดท่าขนุน

๓. มีนาคม
๔-๖ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๔-๖ เฉพาะกิจ (๑) พิธีพระราชทานเพลิงพระสรีระสังขารองค์หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน จ.อุดรธานี (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๖ ปฏิบัติธรรม (๒) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต
๑๘-๑๙ เฉพาะกิจ (๒) ประเพณีเตียวขึ้นดอย สรงน้ำพระพุทธบาท ๔ รอย-พระธาตุลำปางหลวง-พระธาตุหริภุญชัย จ.เชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๐ ปฏิบัติธรรม (๓) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต

๒๕-๒๖ ธรรมสัญจร (๔) นมัสการสักการะพระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฎ)-ไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองจันทบูร จ.จันทบุรี (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๓๑ พิธีฉลองเปิดบ้านวิริยบารมี
​

๔. เมษายน
​

๑-๓ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๖ ธรรมสัญจร (๕) ร่วมสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีไทย ณ วัดเขาวงถ้ำนารายณ์-พระพุทธบาทเบื้องซ้าย-เบื้องขวา-พระพุทธฉาย จ.สระบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๑๓-๑๗ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๕ วัดท่าขนุน
๒๔ ปฏิบัติธรรม (๔) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต

๕. พฤษภาคม

๒๙-๓๐ เม.ย. ๑ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๗ ธรรมสัญจร (๖) พิธีบวงสรวงไหว้ครูประจำปี เป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุน-อุทยานประวัติศาสตร์สงคราม ๙ ทัพ-ย้อนรอยโรงถ่ายสมเด็จพระนเรศวร จ.กาญจนบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๗ ปฏิบัติธรรม (๕) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต
๑๓-๑๗ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นพิเศษ วัดท่าขนุน
​

๖. มิถุนายน
๓-๕ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๕ ปฏิบัติธรรม (๖) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต
๑๐-๑๒ ธรรมสัญจร (๗) เสียงเพรียกจากลับแล ตอน... ลึกลับที่ลับแล วาระพิเศษ จ.กาญจนบุรี (๓ วัน ๒ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๑ เฉพาะกิจ (๔) ร่วมพิธีอุปสมบทหมู่ รุ่นพิเศษ วัดท่าขนุน-วัดพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๕ เฉพาะกิจ ร่วมพิธีเททอง หล่อพระประธานในอุโบสถ ปางสมเด็จองค์ปฐม พร้อมพระอัครสาวก วัดธรรมยาน-ไหว้พระอริสงฆ์เมืองมะขามหวาน จ.เพชรบูรณ์ (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
กิจกรรมบุญ โครงการพระพุทธศาสนาสงเคราะห์ฯ (๔) เพื่อทหารในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ (ปิดรับบริจาค)

๗. กรกฎาคม

๑-๓ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๒ ปฎิบัติธรรม (๗) ที่วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต
๘-๑๐ เฉพาะกิจ (๕) แอ่วหละปูน อิ่มบุญอิ่มรัก ตามรอยพระแม่เจ้าจามเทวี จ.ลำพูน-ลำปาง (๓ วัน ๒ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๑๕-๑๗ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๖ วัดท่าขนุน
๒๔ เฉพาะกิจ (๗) พิธีฉลองยกฉัตร "สมเด็จองค์ปฐม" หน้าตัก ๒๐ เมตร-ฉลองอายุวัฒนมงคล ๕๓ ปีหลวงพ่อโนรี วัดหนองหญ้าปล้อง-อาบน้ำแร่วัดวังขนาย จ.กาญจนบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๓๑ เฉพาะกิจ (๖) พิธีเททอง-หล่อพระ "หลวงพ่อเหลือ" วัดธรรมยาน-ไหว้พระอริยสงฆ์เมืองมะขามหวาน (วาระ ๒) จ.เพชรบูรณ์ (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง

๘. สิงหาคม
๔-๖ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๑๒ เฉพาะกิจ (๘) กิจกรรมวันแม่วัดท่าขนุน-กราบพระอริยสงฆ์ จ.กาญจนบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๑๒-๑๔ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๗ วัดท่าขนุน
๒๑ เฉพาะกิจ (-) หล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อทองคำ ๙ องค์ และสมเด็จองค์ปฐม หน้าตักกว้าง ๘๐ นิ้ว ๒ องค์ วัดสระพัง จ.นครปฐม (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๖-๒๘ เฉพาะกิจ (๙) วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก)-ไหว้พระอริยสงฆ์-สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ๖ เมืองอีสาน จ. ขอนแก่น-หนองบัวลำภู-อุดรธานี-หนองคาย-บึงกาฬ-สกลนคร (๓ วัน ๒ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๘ ปฏิบัติธรรม (๘) วัดท่าซุง-กราบท่านจิตโต

๙. กันยายน
๒-๔ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๑๗-๑๘ ธรรมสัญจร (๘) งานเข้านิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์ ชินวโร-งานทำบุญอายุวัฒนมงคล ๙๐ ปี หลวงปู่ครูบาอ่อนรตนวณุโณ จ.นครสวรรค์-พะเยา (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๔ ปฎิบัติธรรม (๙) วัดท่าซุง & บ้านสบายใจ (ท่านจิตโต) จ.อุทัยธานี (One day trip) ยกเลิก เนื่องจากน้ำท่วม
๒๕ ธรรมสัญจร (๘) งานออกนิโรธกรรมครูบาวิฑูรย์ ชินวโร-ไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เมืองปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง

กิจกรรมบุญ เรียนเิชิญร่วมเป็นเจ้าภาพมหากุศลงานเข้า-ออกนิโรธครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ปี ๒๕๕๔ ณ ปรียนันท์ธรรมสถาน (ปิดรับ ๒๔ ก.ย.๕๔) (ปิดรับบริจาค)

๑๐. ตุลาคม เดือนแห่งฤดูกาลกฐิน ​

๓๐ ก.ย.-๑-๒ ต.ค. ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๑๔-๑๖ ธรรมสัญจร (๙) กฐินสร้างพระอุโบสถวัดรัตนานุ<wbr>ภาพ (กฐินปลดหนี้ ๕๔) จ.นราธิวาส (๔ วัน ๓ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๓ ธรรมสัญจร (๑๐) กฐินวัดท่าขนุน ไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดถ้ำเบญจรัตน์นคร อาบน้ำแร่วัดวังขนาย จ.กาญจนบุรี (One day trip) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๒-๒๔ งานกฐิน-บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๘ วัดท่าขนุน
๒๘-๓๐ เฉพาะกิจ (๑๐) กฐินเมืองอีสาน วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) วาระ ๒ จ.บึงกาฬ (๓ วัน ๒ คืน) เลื่อนการเดินทางเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม (โอนปัจจัยร่วมบุญ)
กิจกรรมบุญ เรียนเิชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี ๔ ภาค กับพลังจิตธรรมสัญจร (ปิดรับ ๔ พ.ย.๕๔)

๑๑. พฤศจิกายน
๔-๖ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๒๓ ธรรมสัญจร (๑๑) กฐินวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จ.สระบุรี (One day trip) ยกเลิก เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม (โอนปัจจัยร่วมบุญ)
๒๐ ทริปทำความสะอาดวัดท่าซุง
๒๔ เฉพาะกิจ (พิเศษ) กราบสรีระสังขารองค์หลวงปู่คำสุข ญานสุโข วัดป่าซับคำกอง จ.เพชรบูรณ์ (One day trip) อ่านกำหนดการเดินทาง
กิจกรรมบุญ เรียนเชิญร่วมบุญพิเศษเพื่อบูรณะวัดหลังน้ำลด น้อมรับวัตถุมงคลวัดท่าขนุนเป็นที่ระลึก (ตามเงื่อนไข) ​

๑๒. ธันวาคม ​

๙-๑๑ ถวายสังฆทานพระอาจารย์
๓-๕ บวชเนกขัมมะ ปฎิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติรุ่นที่ ๙ วัดท่าขนุน
ธรรมสัญจร (๑๒) พิธีบวงสรวงพระธาตุดอยตุง-จอมกิตติ จ.เชียงราย เลื่อนเนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วม เลื่อนเป็นวันที่ ๖-๘ ม.ค.๕๕ อ่านกำหนดการเดินทาง
ธรรมสัญจร (๑๓) มโนยิทธิเต็มกำลัง วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี (One day trip) ยกเลิก เนื่องจากวัดท่าซุงเลื่อนงานธุดงควัตรเป็นเดือน ก.พ.๕๕
๑๐-๑๒ เฉพาะกิจ (๑๑) วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) ถวายผ้าป่าสามัคคี ๑๓ วัดเมืองอีสาน จ.บึงกาฬ (๓ วัน ๒ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๑๗-๑๘ เฉพาะกิจ (๑๒) งานออกนิโรธกรรมครูบาวิจิตร มนูญโญ จ.ตาก (๒ วัน ๑ คืน) รับชมภาพและบันทึกการเดินทาง
๒๔-๒๕ เฉพาะกิจ (๑๓) ๙ พระบาท นมัสการสักการะพระพุทธบาท ๙ รอย จ.จันทบุรี (๒ วัน ๑ คืน) กำหนดการเดินทาง

​

หมายเหตุ
๑. ทริปธรรมสัญจร/ธรรมเฉพาะกิจ ดูแลโดย คุณ ญ.ผู้หญิง (หญิง) โทรศัพท์ : ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ (081-7359261)
๒. ทริปปฎิบัติธรรม/บวชเนกขัมมฯ ดูแลโดย คุณ Komodo (คมน์) โทรศัพท์ : ๐๘๖-๘๘๐๑๒๑๓ (086-8801213)
๓. แหล่งเก็บรวบรวมกำหนดการ รูปภาพ บันทึกการเดินทาง ทุกกิจกรรมบุญ
Link บล็อกส่วนตัวของ ญ.ผู้หญิง
Link facebook ของ ญ.ผู้หญิง
Link กองคลังบุญ...ของบึงลับแล
Link รวมบันทึกการเดินทางกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๑
Link รวมบันทึกการเดินทางกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๒
Link รวมบันทึกการเดินทางกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๓
Link รวมบันทึกการเดินทางกิจกรรมบุญปี ๒๕๕๔

<object height="360" width="640"></object> <style type="text/css">#avg_ls_inline_popup { padding: 0px; overflow: hidden; position: absolute; z-index: 9999; margin-left: 0px; margin-top: 0px; width: 240px; word-wrap: break-word; color: black; font-size: 10px; text-align: left; line-height: 13px; }</style>

 

ธรรมสัญจร (๑)

ทริปธรรมสัญจร (๑) ร่วมงานสืบชะตาครบรอบ ๓๗ ปีพระเดชพระคุณพระสมุ<wbr>ห์ปรินทร์ ธมมฺสรโณ (หลวงพี่เิอก) วัดเขาแร่-สักการะหลวงพ่อศิลา-พระพุทธรูปทองคำ-ย้อนรอยอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย "แหล่งมรดกโลก" วันที่ ๑๔-๑๕ ม.ค. ๕๔ รวม ๒ วัน ๑ คืน

​

หลวงพี่เอก วัดเขาแร่
​

​

กำหนดการเดินทาง โดยรถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER (๑๐ ที่นั่ง)

วันศุกร์ ที่ ๑๔ ม.ค. ๕๔
๒๑.๐๐ น. จุดนัดพบปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า
๒๑.๑๕ น. ล้อหมุน

วันเสาร์ ที่ ๑๕ ม.ค. ๕๓
<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]-->๐๕.๐๐ น. เดินทางถึงวัดเขาแร่
- ทำธุระส่วนตัว

๐๗.๐๐ น. บวงสรวงทำพิธียกฉัตรมณฑปพระพุทธบาท
๐๘.๐๐ น. เบิกเนตรพระประทาน ฉลองพระราชพรหมยาน นิพพานนาวา
๐๙.๓๐ น. ทำพิธีสืบชะตาหลวง และทำบุญอายุวัฒนมงคล ฯ
๑๑.๓๐ น. ฉันภัตตาหาร เพล
๑๒.๓๐ น. ญาติโยมร่วมทำบุญถวายพระเถรานุเถระทุกรูป
๑. พระมหาโพธิวงศาจารย์ (พระคุณหลวงปู่ครูบาสุจี) วัดพระบาทมิ่งเมือง จังหวัดแพร่
๒. พระครูอดุลปุญญาภิรม (พระคุณหลวงปู่ครูบาผัด) วัดหัวฝาย จังหวัดสุโขทัย
๓. พระครูสุวรรณศาสนคุณ (พระคุณหลวงปู่นาม) วัดน้อยชมภู จังหวัดสุพรรณบุรี

๔. พระครูวรธรรมประยุต (พระคุณหลวงพ่อทุเรียน) วัดศรีคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย
๕. พระครูพินิจสารธรรม (พระคุณหลวงปู่ครูบาพรรณ) วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน
๖. พระครูสันติธรรมมาภิรม (พระคุณหลวงปู่ครูบาอ่อน) วัดสันต้นหวีด จังหวัดพะเยา

๗. พระครูโพธิโสภณ (พระคุณหลวงปู่ศรีวัย) วัดหนองเงือก จังหวัดลำพูน
๘. พระครูพิพิธปุญญาพิรัตน์ (พระคุณหลวงปู่ครูบาอินตา) วัดศาลา (น้ำแพร่) จังหวัดเชียงใหม่
๙. พระครูมงคลบุญญาคม (พระคุณหลวงปู่ครูบาบุญมา) วัดสามัคคีธรรม จังหวัดลำปาง

๑๐. พระครูภาวนาพิลาศ (พระคุณหลวงตาวัชรชัย) วัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) จังหวัดสระบุรี
๑๑. พระครูปทุมวรกิจ (พระคุณหลวงพ่อชำนาญ) วัดบางกุฎีทอง จังหวัดปทุมธานี
๑๒. พระครูปลัด ชลอ วิมโล วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ จังหวัดสมุทรสาคร

๑๓. พระครูธรรมธร เล็ก สุธมฺมปัญโญ วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี
๑๔. พระครูปลัด สมปอง สุธมฺสนฺตจิตโต อาศรมบ้านสบายใจ จังหวัดอุทัยธานี
๑๕. พระครูวินัยธร หลุย ธมฺมธโร วัดราชโยธา กรุงเทพมหานคร

๑๖. พระครูวินัยธร องอาจ อาภากโร วัดวีระโชติธรรมาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา
๑๗. พระปลัด วิรัช โอภาโส วัดพรหมยาน จังหวัดเพชรบูรณ์
๑๘. พระอธิการสิงห์ วิสุทโธ วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ จังหวัดลำพูน

๑๙. พระอธิการบุญยัง ปุญญังกโร วัดห้วยน้ำอุ่น จังหวัดลำพูน
๒๐. พระคุณหลวงปู่สิริ อคฺคสิริ วัดละหาร จังหวัดสุพรรณบุรี
๒๑. พระคุณหลวงปู่ครูบาครอง ขตฺติโย วัดท่ามะเกว๋น จังหวัดลำปาง
๒๒. พระครูบานิกร ชัยยะเสนโน วัดพระธาตุแก่งสร้อย จังหวัดตาก

รายนามพระเถรานุเถระเจริญพระพุทธมนต์ (แบบเหนือ)
๑. พระครูวิบูลภาวนานุศาสก์ (พระคุณหลวงพ่อครูบาสนิท) วัดห้วยบง จังหวัดลำพูน
๒. พระครูพิพิธธรรมมงคล (อินทร) วัดกลางดง จังหวัดสุโขทัย
๓. พระครูสุนทรอรรถการ (อุดร) วัดพระพุทธบาทผาหนาม จังหวัดลำพูน

๔. พระมหาธนวัฒน์ คุณวีโร วัดม่อนจำศีล จังหวัดสุโขทัย
๕. พระปลัดอลงกรณ์ อนาลโย วัดทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย
๖. พระสมุห์สง่า สนฺตจิตโต วัดพระธาตุดอยกวางคำ จังหวัดลำพูน

๗. พระสมุห์ภูไท ปภากโร วัดเขาแก้วชัยมงคล จังหวัดสุโขทัย
๘. พระปลัดบุญทัน ถาวโร วัดหัวฝาย จังหวัดสุโขทัย
๙. พระอธิการนิรันดร์ วัดหนองผักบุ้ง จังหวัดสุโขทัย

๑๓.๐๐ น. เดินทางไปวัดทุ่งเสลี่ยม-วัดพิพัฒน์มงคล
- สักการะหลวงพ่อศิลา
- สักการะพระพุทธรูปทองคำ

๑๕.๐๐ น. เดินทางถึงมรดกโลก "อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย"
- ชมวัดและโบราณสถานภายในอุทยานฯ รวมภาคภูมิใจกับคุณค่าของมรดกไทย
- ลิ้มรสก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย “ร้านต้นกระจี้”
- อาหารพื้นบ้านสุโขทัย

๒๔.๐๐ น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่านละ ๑,๐๐๐ บาท
(ราคานี้รวมค่าเดินทาง ค่าเข้าชมอุทยาน ค่ารถราง ค่าจักรยานชมอุทยานฯ ไม่รวมค่าอาหาร)


ท่่านที่ประสงค์จะร่วมเดินทางกรุณาโอนเงินค่าพาหนะเดินทางตามจำนวนที่กำหนดข้างต้นเข้าบัญชีตามข้างล่างนี้ และมาโพสต์แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้และจำนวนเงินที่โอนให้ทราบด้วยค่ะ

ชื่อบัญชี : ณญาดา ศราภัยวานิช
ธนาคาร : กรุงไทย ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี : ๑๒๑-๐-๑๐๕๔๕-๔ (121-0-10545-4)
โทรศัพท์ : ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ (081-7359261)


ทริปธรรมสัญจร (๑) ปิดรับจองที่นั่งรถและโอนเงินในวันศุกร์ที่ ๗ ม.ค. ๕๔ เวลา ๒๐.๐๐ น. หรือจนกว่าที่นั่งจะเต็ม

ท่านที่โอนเงินแล้วต่อมาประสงค์จะยกเลิกการเดินทาง ขอให้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย ๗ วัน ก่อนวันที่เดินทาง หากไม่แจ้งภายในกำหนดดังกล่าว ผู้จัดขอสงวนสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าเดินทางให้หากปรากฏว่าการยกเลิกล่าช้าของท่านทำให้ตัดสิทธิของบุคคลอื่นและก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้จัด

ในการโอนเงินคืนจะมีค่าธรรมเนียมการโอน ๒๕ บาท ซึ่งจะหักจากยอดเงินค่าเดินทางของท่าน หากมีเงินเหลือหลังจากชำระค่าบริการเช่ารถแล้ว ผู้จัดขออนุญาตนำเงินคงเหลือทั้งหมดเข้าร่วมบุญต่าง ๆ ของชาวคณะบึงลับแลต่อไป


ภาพประกอบ
๑. หลวงพ่อศิลา วัดทุ่งเสลี่ยม
๒. พระพุทธรูปทองคำ วัดพิพัฒน์มงคล
๓.-๙ บางส่วนของวัดและโบราณสถาน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

 

รายนามผู้ร่วมบุญ-ร่วมเิดินทางธรรมสัญจร (๑)

รายนามกัลยาณธรรมร่วมบุญ

๑. กองทุนบึงลับแล จำนวน ๕๐๐ บาท
๒. คุณ boontar จำนวน ๑๐๐ บาท
๓. หลาน ๆ สกุล "ศราภัยวานิช" จำนวน ๕๐ บาท
๔. คุณวิทูร และครอบครัว จำนวน ๒๐ บาท
๕. คุณร่มบุญ จำนวน ๕๐ บาท
๖. คุณวาง จำนวน ๒๕ บาท
๗. คุณนายเย็นชา จำนวน ๕๐ บาท
๘. คุณ gasnaka จำนวน ๑๐๐ บาท
๙. คุณกล้วยไม้และครอบครัว จำนวน ๑๔๐ บาท
๑๐. คุณเอก_ใต้ จำนวน ๒๐๐ บาท
๑๑. คุณว่าง จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๒. ด.ต.สุรพล ขำโอด-กัญญาภัค แผ่วรุณ จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๓. คุณมณีรัตน์ จำนวน ๕๐ บาท
๑๔. คุณชยาคมน์ จำนวน ๒๕๐ บาท
๑๕. คุณแพรวา จำนวน ๒๐๐ บาท
๑๖. คุณจิราพร จำนวน ๑,๐๐๐ บาท
๑๗. คุณพัชสัณฑ์ จำนวน ๑,๐๐๐ บาท
๑๘. คุณซามิ้น จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๙. คุณบุษบา นักไร่ จำนวน ๕๐ บาท
๒๐. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๑๕๐ บาท
๒๑. คุณ "ครอบครัวศุภธาเสฎฐ์" จำนวน ๑๐๐ บาท
๒๒. คุณมัลลิกา จำนวน ๒,๐๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์หลวงพี่เอก ๑,๐๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๑,๐๐๐ บาท)
๒๓. คุณ simmie จำนวน ๑๐๐ บาท
๒๔. คุณประภาศรี แซ่จิว และครอบครัว จำนวน ๑๕๐ บาท
๒๕. คุณธนกฤต พุ่มสุวรรณ จำนวน ๑๐๐ บาท
๒๖. คุณศิริลักษณ์ ปุญญสร้างเกียรติ และคณะกัลยาณธรรม จำนวน ๔๐๐ บาท

รวมเงินร่วมบุญ ณ วันที่ ๑๓ ม.ค.๕๔ จำนวน ๗,๐๘๕ บาท


รายนามผู้ร่วมเดินทาง
๑. คุณ ญ.ผู้หญิง ชำระ ลว. ๓๐/๑๒/๕๓
๒. คุณวรุณบุตร ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๓. คุณละ ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๔. คุณ i-Anne ชำระ ลว. ๑๑/๑/๕๔
๕. คุณจิราพร ชำระ ลว. ๓๐/๑๒/๕๓ (ขอถอนตัว ลว.๗/๑/๕๔ เนื่องจากงานเข้าไม่ประสงค์ขอรับเงินคืน)
๖. คุณพัชสัณฑ์ ชำระ ลว. ๓๐/๑๒/๕๓ (ขอถอนตัว ลว.๗/๑/๕๔ เนื่องจากงานเข้าไม่ประสงค์ขอรับเงินคืน)
๗. คุณอรวรรณ ชำระ ลว. ๓๑/๑๒/๕๓
๘. คุณพรทิพย์ ขอชำระ ลว. ๑๔/๑/๕๔*
๙. คุณอุ่นเรือน ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๑๐. คุณกุล ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
---------------------------------------
๑๑. คุณอังศุมาลิน (๑) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๑๒. คุณอังศุมาลิน (๒) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๑๓. คุณเต็ง ชำระ ลว. ๖/๑/๕๔
๑๔. คุณ PORNPIMOL (๑) ชำระ ลว. ๗/๑/๕๔
๑๕. คุณ PORNPIMOL (๒) ชำระ ลว. ๗/๑/๕๔
๑๖. คุณสุรเชษฐ์ ชำระ ลว. ๗/๑/๕๔
๑๗. คุณพงศกร (๑) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๑๘. คุณพงศกร (๒) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๑๙. คุณปอ ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๒๐. คุณดีม ขอชำระ ลว. ๑๔/๑/๕๔*
๒๑. คุณวีระ ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๒๒. คุณยุ้ย ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔

รวมผู้ร่วมเดินทาง ณ วันที่ ๗ ม.ค.๕๔ จำนวน ๒๐ คน (ปิดรับ)
ตรวจสอบผังที่นั่งได้ที่หน้า ๒ คคห.ที่ ๓๑


หมายเหตุ
๑. ให้สิทธิ์ที่นั่งสำหรับสมาชิกที่โอนชำระเงินค่าเดินทางเข้ามาภายในกำหนด และจะจัดที่นั่งทดแทนในกรณีที่มีสมาชิกที่ลงชื่อไว้ถอนตัวตามลำดับ และ/หรือในกรณีมีสมาชิกถอนตัวเนื่องจากงานเข้าและแจ้งความประสงค์ไม่ขอรับเงินคืนและมีสมาชิกทดแทน ขอนำเงินค่าเดินทางของสมาชิกท่าน ๆ นั้นถวายร่วมบุญ
๒. ปิดรับการโอนชำระเงินใน วันศุกร์ที่ ๗ ม.ค.๕๔ เวลา ๒๐.๐๐ น. หรือวันที่ ๙ ม.ค. (บ้านอนุสาวรีย์)

 

มารู้จักสถานที่ ๆ จะไปในธรรมสัญจร (๑) วันที่ ๑๔-๑๕ ม.ค.๕๔

๑. วัดเขาแร่

พระพุทธเจดีย์สิขีทศพล

​

วัดเขาแร่ ตั้งอยู่ที่บ้านโชกม่วง หมู่ที่ ๑๒ ตำบลทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย เดิมเป็นป่าไม้ชุมชน ขึ้นกับกรมป่าไม้ ปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร และได้รับการพิิจารณาให้สร้างวัดในที่ดินราชการ จังหวัดสุโขทัย ตามกฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๐๗) ออกตามความใน พรบ.คณะสงฆ์ปี ๒๕๐๕ เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๘ โดยอนุญาตใช้พื้นที่ได้จำนวน ๑๕ ไร่ สภาพพื้นที่วัดเต็มไปด้วยที่ราบเชิงเขาและป่าไม้เบญจพรรณผลัดใบในฤดูแล้ง ด้านทิศตะวันออกเป็นแนวเขาทอดยาวจากทิศเหนือไปทิศใต้ บริเวณพื้นดินมีแร่ข้าวตอกพระร่วง ปะปนอยู่ทั่วไป จึงเป็นที่มาของคำว่า "เขาแร่"

ชาวบ้านมีความเชื่อกันว่าบริเวณนี้มีความอัศจรรย์ ในคืนก่อนวันพระข้างแรม จะมีดวงไฟกลมโตลอยขึ้นจากยอดเขาทางทิศใต้ซึ่งมีความสูงไม่เิกิน ๓๐ เมตร บางครั้งเป็นสีขาวสว่างไสว บางครั้งเป็นสีแสด ชาวบ้านมักมาบนบาลศาลกล่าวเมื่อคราวเจ็บไข้ได้ป่วย บริเวณนี้จึงถูกกันไว้โดยชาวบ้านร่วมใจกันจะสร้างเป็นวัดประจำหมู่บ้านตั้งแต่ปี ๒๕๓๙ มีพระภิกษุจาริกธุดงค์มาพักชั่วคราวไม่เป็นการถาวร

ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๓ ชาวบ้านได้พร้อมใจกันมอบพื้นที่นี้ให้อยู่ในความดูแลของพระอาจารย์บุญส่ง อุปสโม (ปัจจุบันเป็นพระครูสังฆรักษ์บุญส่ง อุปสโม) ประธานสงฆ์ธุดงค์สถานเขาพระครูหลวงพ่อขันธ์ ปัจจุบันเป็นวัดทรงเมตตาวนาราม ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี องค์หลวงพ่อได้รับไว้ แต่มิได้ส่งพระภิกษุรูปใดมาจำพรรษา เพียงแต่นำคณะศรัทธามาทอดผ้าป่ากับพระภิกษุที่ชาวบ้านคุ้นเคยและนิมนต์มาจำพรรษาอยู่เท่านั้น และในปี ๒๕๕๔ ได้มีคณะพระภิกษุและสามเณรจากธุดงค์สถานเขาพระครูหลวงพ่อขันธ์ หรือวัดทรงเมตตาวนารามในปัจจุบัน เดินทางมาพำนักอาศัยและริเริ่มก่อสร้างพระพุทธเจดีย์ปฐมสิขีทศพล ประดิษฐานไว้บนยอดดอยเล็ก ๆ กลางพื้นที่ของวัด เพื่อบรรจุพระพุทธเกศาและพระบรมสารีริกธาตุ ที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราช และเป็นประธานถาวรวัตถุภายในวัด ได้เริ่มวางศิลาฤกษฺ์ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ พร้อมกับก่อสร้างเสนาสนะ สถานที่พักโยมผู้มาปฎิบัติธรรม และปูชนียวัตถุสถานต่าง ๆ ภายในวัดตลอดมา

เพื่อเ็ป็นศูนย์กลางในการพัฒนาชุมชนจิตใจ พัฒนาเป็นที่อบรมประชาชน กุลบุตรในท้องถิ่น ชาวบ้านได้ร่วมกันปรับปรุงอาณาเขตโดยรอบ มีการสร้างถนนล้อมที่วัดไว้ และขุดสระน้ำสำหรับใช้ประมาณ ๒ ไร่ อีกทั้งบำรุงรักษาสภาพป่าต้นไม้ประจำพื้นที่เจริญเติบโตเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรม โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญยิ่งในการสร้างวัด คือ การส่งเสริมให้เยาวชน ประชาชน ประพฤติปฎิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและองค์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ทั้งสมถะภาวนาและวิปัสนาภาวนา เพื่อให้เข้าถึงหลักการปฎิบัติธรรม คุณธรรมความดีต่าง ๆ อันเป็นแนวทางปฎิบัติเื่พื่อการพ้นทุกข์ และเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ ปีตามพุทธพยากรณ์

ปัจจุบันมีพระสมุห์ปรินทร์ ธมมฺสรโณ (หลวงพี่เอก) เป็นเจ้าอาวาส


๒. วัดทุ่งเสลี่ยม

หลวงพ่อศิลา
​

วัดทุ่งเสลี่ยม เป็นวัดที่ประดิษฐานหลวงพ่อศิลา ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลานาคปรก ที่งดงามที่สุดในโลก ตั้งอยู่บ้านทุ่งเสลี่ยม อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย สังกัดสำนักสงฆ์มหานิกาย จัดสร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๑ ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๘๒

วัดทุ่งเสลี่ยม ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีพุทธศาสนิกชนหรือคณะศรัทธาจากอำเภอทุ่งเสลี่ยมจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด โดยเฉพาะในวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ของทุกปี ซึ่งเป็นวันกราบหลวงพ่อศิลา จะมีขบวนแห่ครัวทาน ขบวนพานพุ่มจากทุกวัด ในเขตอำเภอที่สวยและงดงาม และจังหวัดใกล้เคียงก็มาร่วมสักการะด้วยทุกปี

ปัจจุบันมีพระปลัดอลงกรณ์ อนาลโย เป็นเจ้าอาวาส


๓. วัดพิพัฒน์มงคล

หอคำหลวง
​

วัดพิพัฒน์มงคล เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุโขโพธิ์ทอง หรือนามสามัญ หลวงพ่อทองคำวัดพิพัฒน์มงคลปางมารวิชัย หล่อด้วยทองคำบริสุทธ์(หน้าตักกว้าง ๙ นิ้ว) เดิมองค์พระพอกปูนลงรักปิดทองอารักขาภัยไว้ ตัวองค์พระทองคำดังปรากฏในปัจจุบันนั้นสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สกุลช่างสุโขทัย มีอายุประมาณ ๗๐๐ ปี มีประวัติความเป็นมาและอภินิหารที่น่าสนใจ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์

พระพุทธสุโขโพธิ์ทองเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างมากของชาวทุ่งเสลี่ยม เนื่องจากเชื่อกันว่าพระพุทธสุโขโพธิ์ทองเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้เจ้าอาวาสสามารถตั้งวัดและหาปัจจัย เพื่อก่อสร้างเสนาสนะให้วัดพิพัฒน์มงคลมีความเจริญและเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมสำคัญของจังหวัดสุโขทัยได้ในช่วงเวลาไม่ถึง ๒๐ ปี

พระพุทธสุโขโพธิ์ทองประดิษฐานอยู่ที่กุฎิเจ้าอาวาส ปัจจุบันทางวัดกำลังสร้างพระพุทธวิหาร เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานเป็นอาคารทรงทรงหอคำหลวงแบบสถาปัตยกรรมล้านนา โดยช่างรุ่ง จันทร์ตาบุญ นายช่างใหญ่คนเดียวกับผู้ออกแบบก่อสร้างอาคารหอคำหลวงในงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติราชพฤกษ์ ๒๕๔๙

ปัจจุบันมีพระครูวรคุณประยุต (พระอาจารย์พิพัฒน์มงคล คุณยุตฺ<wbr>โต) เป็นเจ้าอาวาส


๔. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

<center></center>​

อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ห่างจากตัวจังหวัดสุโขทัยไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ถนนจรดวิถีถ่อง ทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายสุโขทัย-ตาก

ในอดีตเมืองสุโขทัยเคยเป็นราชธานีของไทยมีความเจริญรุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางการปกครอง ศาสนา และเศรษฐกิจ ภายในอุทยานฯ มีสถานที่สำคัญที่เป็นพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีคูเมือง กำแพงเมือง และประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส

บริเวณพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยครอบคลุมพื้นที่กว่า ๗๐ ตารางกิโลเมตร และมีโบราณสถานสำคัญที่น่าชมมากมาย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐-๒๑.๐๐ น. หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๙.๐๐-๒๑.๐๐ น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน
​

พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ตั้งอยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสม ทองแดงรมดำ ขนาด ๒ เท่าขององค์จริง สูง ๓ เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลาบาตร พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน แท่นด้านซ้ายมีพานวางพระขรรค์ไว้ข้าง ๆ ลักษณะพระพักตร์เหมือนอย่างพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยตอนต้น ที่ถ่ายทอดความรู้สึกว่า พ่อขุนรามคำแหงมหาราชมีน้ำพระทัยเมตตากรุณา ยุติธรรม มีความเด็ดขาดในการปกครองแบบพ่อปกครองลูก ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย ​

​

กำแพงเมืองสุโขทัย ที่ตำบลเมืองเก่า ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึก เรียกว่า ตรีบูร มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้าง ๑,๓๐๐ เมตร ยาว ๑,๘๐๐ เมตร กำแพงชั้นในเป็นศิลาแลงก่อบนคันดิน กำแพง ๒ ชั้นนอกเป็นคูน้ำสลับกับคันดิน นอกจากทำหน้าที่ป้องกันข้าศึกแล้วคูน้ำยังใช้ระบายน้ำไม่ให้ไหลท่วมเมืองอีกด้วย ระหว่างกึ่งกลางแต่ละด้านมีประตูเมือง และป้อมหน้าประตูด้วย
​

<center>

​

วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ ๘ องค์ บนฐานเดียวกัน คือ ปรางค์ศิลาแลงตั้งอยู่ที่ทิศทั้ง ๔ และเจดีย์ทรงปราสาทก่อด้วยอิฐที่ได้รับอิทธิพลมาจากล้านนา จากการสำรวจพบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง ๒๐๐ องค์ วิหาร ๑๐ แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) ๘ ซุ้ม พระอุโบสถ ๑ แห่ง ตระพัง ๔ แห่ง ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร ที่ด้านเหนือ และด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ"​

</center><table border="0" width="100%"><tbody><tr><td align="middle" valign="top" width="25%">
</td><td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table>

วัดชนะสงคราม ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของวัดมหาธาตุ ใกล้กับโบราณสถานที่เรียกว่าหลักเมือง เดิมเรียกว่า วัดราชบูรณะ มีลักษณะเด่นคือ เจดีย์ทรงระฆังกลมขนาดใหญ่ เป็นเจดีย์ประธาน และมีวิหาร โบสถ์ เจดีย์รายต่าง ๆ​

<table border="0" width="100%"><tbody><tr><td width="33%">
</td><td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table>
<center>

เนินปราสาทพระร่วง หรือเขตพระราชวังในสมัยสุโขทัย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกติดกับวัดมหาธาตุ มีโบราณสถานแห่งหนึ่งเรียกว่า เนินปราสาท พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นฐานปราสาทราชวังของกษัตริย์เมืองสุโขทัย กรมศิลปากรได้ขุดแต่งบูรณะ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ พบฐานอาคารแบบฐานบัวค่ำ บัวหงาย มีลักษณะเป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด ๒๗.๕๐X๕๑.๕๐ เมตร มีบันไดที่ด้านหน้าและด้านหลัง​

</center> <table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">

​

</td><td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table><center>

​

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td width="67%">

วัดตระพังเงิน คำว่า “ตระพัง” หมายถึง สระน้ำหรือหนองน้ำ เป็นโบราณสถานสำคัญ ตั้งอยู่บริเวณขอบตระพังเงินด้านทิศตะวันตกของวัดมหาธาตุ ห่างจากวัดมหาธาตุ ๓๐๐ เมตร โบราณสถานนี้ไม่มีกำแพงแก้ว ประกอบด้วยเจดีย์ทรงดอกบัวตูมเป็นประธาน ลักษณะเด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูม คือ มีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านประดิษฐานพระพุทธรูปยืน และพระพุทธรูปปางลีลา (จระนำ หมายถึง ชื่อซุ้มท้ายวิหาร หรือท้ายโบสถ์ มักเป็นช่องตัน) วิหารประกอบอยู่ด้านหน้าและทางด้านตะวันออกของเจดีย์เป็นเกาะมีโบสถ์ตั้งอยู่กลางน้ำ
​

</td></tr></tbody></table>

​

​

</center><table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td width="67%">

วัดสระศรี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ เป็นโบราณสถานสำคัญอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน และสิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็ก ศิลปศรีวิชัยผสมลังกา ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ มีซุ้มพระพุทธรูป ๔ ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม
​

</td></tr></tbody></table>

​

<center>

วัดศรีสวาย ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของวัดมหาธาตุ ห่างออกไปประมาณ ๓๕๐ เมตร โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ ๓ องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว ตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ ลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีน สมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง ​

</center> <table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">

​

</td> <td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table>ศาลตาผาแดง มีลักษณะเป็นโบราณสถานตามแบบศิลปเขมร ก่อด้วยศิลาแลง สมัยนครวัด (พ. ศ. ๑๖๕๐-๑๗๐๐) ต่อมากรมศิลปากรได้ดำเนินการขุดแต่งและบูรณะศาลนี้ได้พบชิ้นส่วนเทวรูป และเทวสตรีประดับด้วยเครื่องตกแต่ง ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง

​

<center>

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นอาคารทรงไทย สถาปัตยกรรมแบบสุโขทัย อยู่ใกล้วัดพระพายหลวง ภายในอาคารเป็นศูนย์ให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย รวมทั้งจัดแสดงแบบจำลองของโบราณสถานต่าง ๆ ในเขตเมืองเก่าสุโขทัย นักท่องเที่ยวควรเริ่มต้นชมอุทยานฯ จากจุดนี้เพื่อจะได้เห็นภาพรวมของสุโขทัยในอดีต ​

</center> <table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">

​

</td> <td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table>
<center>

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%">
แหล่งโบราณคดีเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย (เตาทุเรียง) อยู่ใกล้วัดพระพายหลวง บริเวณแนวคูเมืองเก่าที่เรียกว่า “แม่โจน” เป็นเตาเผาถ้วยชามสมัยสุโขทัย มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ ค้นพบเตาโดยรอบ ๔๙ เตา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่บริเวณคันคูแม่น้ำโจนด้านทิศเหนือ ๓๗ เตา ด้านทิศใต้ข้างกำแพงเมือง ๙ เตา และด้านทิศตะวันออก ๓ เตา เตาเผาเครื่องสังคโลกมีลักษณะคล้ายประทุนเกวียนขนาดกว้าง ๑.๕๐ - ๒.๐๐ เมตร ยาว ๔.๕ เมตร เครื่องปั้นดินเผาที่พบบริเวณนี้ส่วนใหญ่เป็นประเภทถ้วยชาม มีขนาดใหญ่ น้ำยาเคลือบขุ่น สีเทาแกมเหลือง มีลายเขียนสีดำ ส่วนใหญ่ทำเป็นรูปดอกไม้ ปลา และจักร
</td></tr></tbody></table>​

</center> <table border="0" height="25" width="507"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">

​

</td> <td align="left" valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table>

​

<center>

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%"> วัดพระพายหลวง เป็นโบราณสถานขนาดใหญ่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากวัดมหาธาตุ ผังวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีคูน้ำล้อมรอบ ๓ ชั้น คูชั้นนอกเรียกว่า คูแม่โจน วัดพระพายหลวงเป็นศูนย์กลางของชุมชนโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดของวัด คือ พระปรางค์ ๓ องค์ เป็นปรางค์ประธานของวัด ก่อด้วยศิลาแลง ศิลปะเป็นเขมรแบบบายน สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ด้านหน้าของวัดเป็นอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น ๔ อิริยาบถ คือนั่ง นอน ยืน เดิน

</td></tr></tbody></table>​

<table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top" width="33%">
</td><td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table> </center> <center>

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%"> วัดศรีชุม ตั้งอยู่ห่างจากวัดพระพายหลวงไปทางทิศตะวันตก ๘๐๐ เมตร เป็นวัดที่ประดิษฐานพระอจนะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง ๑๑.๓๐ เมตร

ลักษณะของวิหารสร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังแต่ละด้านก่ออิฐถือปูนอย่างแน่นหนา ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายในและเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบ ๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะ หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้ ภายในช่องกำแพงตามฝาผนังมีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ ๗๐๐ ปี นอกจากนี้แล้วบนเพดานช่องบันไดยังมีแผ่นหินชนวนขนาดใหญ่แกะสลักลวดลายเรื่องชาดกต่าง ๆ มีจำนวนทั้งหมด ๕๐ ภาพ เมื่อเดินตามช่องทางบันไดขึ้นไปจะโผล่บนหลังคาวิหารมองเห็นทิวทัศน์อันงดงาม ของเมืองเก่าสุโขทัยได้โดยรอบ

เพราะเหตุใดวิหารวัดศรีชุมจึงมีความเร้นลับซ่อนอยู่อย่างนี้ เรื่องนี้หากพิจารณากันอย่างลึกซึ้งแล้วจะพบว่าพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์พระ ร่วงทรงพระปรีชาสามารถในด้านปลุกปลอบใจทหารหาญ และด้านอื่น ๆ อีกมาก เพราะผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็ก ๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้ และพูดออกมาดัง ๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่เดิมคงมีหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม

</td></tr></tbody></table>​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table>

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%"> วัดช้างรอบ อยู่ห่างจากประตู้อ้อไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๒.๔ กิโลเมตร มีโบราณสถานที่สำคัญประกอบด้วย เจดีย์ทรงกลมแบบลังกา ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีช้างโผล่ครึ่งตัว มีจำนวน ๒๔ เชือก พระอุโบสถอยู่ด้านหน้าเจดีย์ประธาน และมีเจดีย์ราย ๕ องค์ ล้อมรอบเจดีย์ประธานและโบสถ์

</td></tr></tbody></table>​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td valign="top" width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table>

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%"> วัดสะพานหิน วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงประมาณ ๒๐๐ เมตร บริเวณทางเดินขึ้นโบราณสถานมีทางเดินปูลาดด้วยหินชนวนจากตีนเขาขึ้นไปเป็น ระยะทาง ๓๐๐ เมตร สิ่งสำคัญภายในวัด ได้แก่ พระประธานเป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระปางประทานอภัย สูง ๑๒.๕๐ เมตร เรียกว่า “พระอัฏฐารศ”
</td></tr></tbody></table>​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table>

​

<table border="0" width="100%"><tbody><tr></tr><tr><td valign="top" width="67%"> เขื่อนสรีดภงค์ หรือทำนบพระร่วง ตั้งอยู่บริเวณเมืองเก่า ทำนบนี้เป็นเขื่อนดิน (คันดิน) สำหรับกั้นน้ำอยู่ระหว่างซอกเขาคือ เขาพระบาทใหญ่ และเขากิ่วอ้ายมา ที่สร้างขึ้นเพื่อกักน้ำ และชักน้ำไปตามคลองส่งน้ำมาเข้ากำแพงเมืองเข้าสระตระพังเงิน ตระพังทอง เพื่อนำไปใช้ในเมือง และพระราชวังในสมัยโบราณ ซึ่งในปัจจุบันกรมชลประทานได้ปรับปรุงบูรณะ และซ่อมแซมขึ้นใหม่

</td></tr></tbody></table>​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table>

วัดเชตุพน ศิลปกรรมที่น่าสนใจของวัดคือ มณฑปที่สร้างด้วยหินชนวน เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสี่อิริยาบท คือนั่ง นอน ยืน เดิน ภายในมณฑปเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโดยมีการใช้วัสดุทั้งอิฐ หินชนวน ศิลาแลงในการก่อสร้าง

สิ่งที่น่าชมภายในวัด คือ กำแพงแก้วที่ล้อมรอบมณฑปจตุรมุขนี้สร้างจากหินชนวนที่มีขนาดใหญ่และหนา โดยมีการสกัดและบากหินเพื่อทำเป็นกรอบ และซี่กรงเลียนแบบเครื่องไม้ และยังได้พบศิลาจารึกที่วัดนี้หลักที่ ๕๘ จารึกในปี พ. ศ. ๒๐๕๗ กล่าวว่าเจ้าธรรมรังสีสร้างพระพุทธรูปในวัดนี้ ​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table> </center> <center>

วัดเจดีย์สี่ห้อง ตั้งอยู่ทางตะวันออกของวัดเชตุพน ห่างไปประมาณ ๑๐๐ เมตร โบราณสถานที่น่าสนใจ คือ ที่ฐานเจดีย์ประธานมีภาพปูนปั้นประดับโดยรอบปั้นเป็นรูปบุคคล รูปบุรุษและสตรี สวมอาภารณ์และเครื่องประดับ ในมือถือภาชนะ มีพรรณพฤกษางอกโผล่พ้นออกมาที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นมีปูนปั้นรูปช้าง และสิงห์ประดับรูปบุคคล องค์เจดีย์ประธานเป็นทรงระฆังกลมที่ได้รับการบูรณะ ส่วนยอดเจดีย์ได้หักพังลง

​

</center>
<center>

วัดช้างล้อม เป็นโบราณสถานที่สำคัญ มีเจดีย์ทรงกลมแบบลังกาเป็นประธานของวัด รอบฐานเจดีย์ประดับด้วย ปูนปั้นเป็นรูปช้างโผล่ครึ่งตัว ด้านหน้ามีฐานวิหารก่อด้วยอิฐ และยังมีฐานกำแพงแก้วก่อด้วยอิฐล้อมรอบ ​

<table border="0" width="100%"> <tbody><tr> <td align="left" width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td> </tr> </tbody></table> </center>

​

วัดตระพังทองหลาง อยู่ริมถนนจรดวิถีถ่อง หากเดินทางมาจากจังหวัดสุโขทัยวัดตระพังทองหลางอยู่ริมซ้ายมือ ศิลปกรรมที่สำคัญคือ มณฑปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่อด้วยอิฐ ผนังด้านนอกประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์ ตอนประทานเทศนาโปรดพระพุทธบิดากับกษัตริย์ศากยราช และตอนเสด็จโปรดนางพิมพา นับเป็นศิลปกรรมชิ้นเอกของสุโขทัย ​

<table border="0" width="100%"><tbody><tr><td width="33%">
</td> <td valign="top" width="67%">
</td></tr></tbody></table>ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย

 

ธรรมสัญจร (๒)

ทริปธรรมสัญจร (๒) งานออกนิโรธกรรม ครูบาเหนือชัย โฆษิโต วัดถ้ำป่าอาชาทอง (พระขี่ม้าบิณฑบาตร)-สักการะพระธาตุ ๙ จอม-วัดร่องขุ่น-ซากุระบาน ณ ดอยแม่สลอง-ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทที่ดอยตุง- ทะเลหมอก ภูชี้ฟ้า-ชมวิวแม่น้ำโขง วันที่ ๒๑-๒๔ ม.ค. ๕๔ รวม ๔ วัน ๓ คืน

​

ครูบาเหนือชัย โฆษิโต
​

​

กำหนดการเดินทาง โดยรถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER (๑๐ ที่นั่ง)

วันที่หนึ่ง (ศุกร์ ที่ ๒๑ ม.ค. ๕๔) กรุงเทพ-แพร่-เชียงราย
๐๕.๐๐ น. จุดนัดพบปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า
๐๕.๑๐ น. ล้อหมุน นำท่านเดินทางสู่ จ.แพร่
- บริการอาหารว่างบนรถ (มื้อที่ ๑)
- สักการะพระธาตุช่อแฮ (พระธาตุประจำปีขาล) จ.แพร่
- พักรับประทานอาหารกลางวัน (ตามอัธยาศัย)
- สักการะพระธาตุ ๙ จอม (๑)* ได้แก่ พระธาตุจอมผ่อ ,พระธาตุจอมแจ้ง ,พระธาตุจอมหมอกแก้ว ,พระธาตุจอมทอง ,พระธาตุจอมสัก ,พระธาตุจอมจันทร์

๒๐.๐๐ น. เข้าที่พัก อ.แม่จัน
- รับประทานอาหารเย็น (ตามอัธยาศัย)

วันที่สอง (เสาร์ ที่ ๒๒ ม.ค. ๕๔ ) วัดถ้ำป่าอาชาทอง-ดอยแม่สลอง-พระตำหนักดอยตุง-วัดร่องขุ่น-ภูชี้ฟ้า
๐๔.๓๐ น. ตื่นทำธุระส่วนตัว
- บริการอาหารเช้า (มื้อที่ ๒ )

๐๕.๓๐ น. ออกเดินทางไปวัดถ้ำป่าอาชาทอง
- ร่วมใส่บาตรวันออกนิโรธครูบาเหนือชัย โฆษิตา
- ดอยแม่สลอง พาชมหมู่บ้านชาวเขาเผ่าเย้า หมู่บ้านอีก้อ หมู่บ้านสันติคีรี สุสานนายพลต้วน บ้านเกรียงศักดิ์ และความงดงามของดอกซากุระ
- สักการะพระธาตุดอยตุง (พระธาตุประจำปีกุน) สวนดอกไม้แม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง
- พักรับประทานอาหารกลางวัน (ตามอัธยาศัย)
- สักการะพระธาตุ ๙ จอม (๒)* ได้แก่ พระธาตุจอมแว่ ,พระธาตุจอมจ้อ
- วัดร่องขุ่น

๒๐.๐๐ น. เข้าที่พักภูชี้ฟ้า
- บริการอาหารเย็น (มื้อที่ ๓)
- พักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม (อาทิตย์ ที่ ๒๓ ม.ค. ๕๔) ทะเลหมอก-เส้นทางวิวริมโขง-พระธาตุผาเงา-พระธาตุจอมกิตติ
๐๕.๐๐ น. ตื่นทำธุระส่วนตัว
- เดินทางขึ้นภูชี้ฟ้า ชมความงดงามของทะเลหมอก
- รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ ๔)
- เดินทางเลาะเลียบริมโขง ชมความงดงามของทิวทัศน์เหนือฝั่งโขง
- นมัสการสักการะพระธาตุผาเงา
- นมัสการพระธาตุจอมกิตติ
- เดินทางกลับกรุงเทพฯ

วันที่สี่ (จันทร์ ที่ ๒๔ ม.ค. ๕๔)
- ๐๒.๐๐ น. ถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ

ค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่านละ ๓,๕๐๐ บาท
(ราคานี้รวมค่าเดินทาง ค่าประกันอุบัติเหตุ ค่าที่พักแม่จัน ๑ คืน (หลังละ ๒ ท่าน) ภูชี้ฟ้า ๑ คืน (หลังละ ๔ ท่าน) ค่าอาหาร ๔ มื้อรวมอาหารว่าง ค่าเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ และค่ารถขึ้นภูชี้ฟ้า)


ท่่านที่ประสงค์จะร่วมเดินทางกรุณาโอนเงินค่าพาหนะเดินทางตามจำนวนที่กำหนดข้างต้นเข้าบัญชีตามข้างล่างนี้ และมาโพสต์แจ้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้และจำนวนเงินที่โอนให้ทราบด้วยค่ะ

ชื่อบัญชี : ณญาดา ศราภัยวานิช
ธนาคาร : กรุงไทย ประเภทออมทรัพย์
เลขที่บัญชี : ๑๒๑-๐-๑๐๕๔๕-๔ (121-0-10545-4)
โทรศัพท์ : ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑ (081-7359261)


ทริปธรรมสัญจร (๒) ปิดรับจองที่นั่งรถและโอนเงินในวันศุกร์ที่ ๗ ม.ค. ๕๔ เวลา ๒๐.๐๐ น.* หรือจนกว่าที่นั่งจะเต็ม
(เนื่องจากทริปนี้ต้องจองที่พักล่วงหน้าในทั้ง ๒ สถานที่ จึงขอปิดการโอนชำระก่อนวันเดินทางให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้ทราบจำนวนผู้ร่วมเดินทางที่แน่นอนและเตรียมการได้ถูก และสมาชิกท่านใดที่โอนชำระเงินแล้ว อย่าลืมรักษาสิทธิ์ของท่านโดยการแจ้งชื่อ-สกุล-วันเดือนปีเกิดเพื่อใช้ในการทำประกันอุบัติเหตุด้วยค่ะ)


ท่านที่โอนเงินแล้วต่อมาประสงค์จะยกเลิกการเดินทาง ขอให้แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย ๑๐ วัน ก่อนวันที่เดินทาง หากไม่แจ้งภายในกำหนดดังกล่าว ผู้จัดขอสงวนสิทธิที่จะไม่คืนเงินค่าเดินทางให้หากปรากฏว่าการยกเลิกล่าช้าของท่านทำให้ตัดสิทธิของบุคคลอื่นและก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้จัด

ในการโอนเงินคืนจะมีค่าธรรมเนียมการโอน ๒๕ บาท ซึ่งจะหักจากยอดเงินค่าเดินทางของท่าน หากมีเงินเหลือหลังจากชำระค่าบริการเช่ารถแล้ว ผู้จัดขออนุญาตนำเงินคงเหลือทั้งหมดเข้าร่วมบุญต่าง ๆ ของชาวคณะบึงลับแลต่อไป

หมายเหตุ
พระธาตุ ๙ จอม ประกอบด้วย พระธาตุจอมผ่อ พระธาตุจอมแจ้ง พระธาตุจอมหมอกแก้ว พระธาตุจอมทอง พระธาตุจอมสัก พระธาตุจอมจัน พระธาตุจอมแว่ พระธาตุจอมจ้อ และพระธาตุจอมกิตติ


ภาพประกอบ
๑ ครูบาเหนือชัย โฆษิตา วัดถ้ำป่าอาชาทอง
๒ พระตำหนักดอยตุง
๓ เส้นทางสู่ยอดดอย
๔ ทะเลหมอก
๕ ภูชี้ฟ้า

 

รายนามผู้ร่วมบุญ-ร่วมเดินทางธรรมสัญจร (๒)

รายนามกัลยาณธรรมผู้ร่วมบุญ
๑. กองทุนบึงลับแล จำนวน ๕๐๐ บาท
๒. คุณ boontar จำนวน ๑๐๐ บาท
๓. หลาน ๆ สกุล "ศราภัยวานิช" จำนวน ๕๐ บาท
๔. คุณวิทูร และครอบครัว จำนวน ๒๐ บาท
๕. คุณร่มบุญ จำนวน ๕๐ บาท
๖. คุณวาง จำนวน ๒๕ บาท
๗. คุณ อ.เหม-คุณ ญ.ผู้หญิง และึคณะึกัลยาณธรรม ร่วมถวายชุดสังฆทาน ๑๔ ชุด (สำหรับวัด ๑๔ วัด)
๘. คุณนายเย็นชา จำนวน ๕๐ บาท
๙. คุณ gasnaka จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๐. คุณอรอนงค์ จำนวน ๒๐ บาท
๑๑. คุณรัง-หร่าย จำนวน ๑๑๐ บาท
๑๒. คุณแพรวา จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๓. คุณชาติชาย-พรพิมล-สาธิตา-รัชต อินทรกำธรชัย จำนวน ๑๑๗ บาท
๑๔. คุณปาล์ม จำนวน ๒๐๐ บาท
๑๕. คุณเบญจา จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๖. คุณว่าง จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๗. คุณเอก_ใต้ จำนวน ๕๐๐ บาท
๑๘. คุณธีรยุทธ จำนวน ๑๐๐ บาท
๑๙. คุณคลิก จำนวน ๕๐๐ บาท
๒๐. คุณพัชรกันย์ จำนวน ๓๐๐ บาท
๒๑. ด.ต.สุรพล ขำโอด-กัญญาภัค แผ่วรุณ จำนวน ๑๐๐ บาท
๒๒. คุณมณีรัตน์ จำนวน ๕๐ บาท
๒๓. คุณชยาคมน์ จำนวน ๒๕๐ บาท
๒๔. คุณ janrus จำนวน ๑,๐๐๐ บาท
๒๕. คุณ Fishjacker จำนวน ๕๐๐ บาท
๒๖. คุณซามิ้น จำนวน ๑๐๐ บาท
๒๗. คุณบุษบา นักไร่ จำนวน ๕๐ บาท
๒๘. คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จำนวน ๑๕๐ บาท
๒๙. คุณ "ครอบครัวศุภธาเสฎฐ์" จำนวน ๑๐๐ บาท
๓๐. คุณมัลลิกา จำนวน ๑,๕๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาเหนือชัย ๕๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๑,๐๐๐ บาท)
๓๑. คุณพนม จำนวน ๑๐๐ บาท
๓๒. คุณวรวีร์ จำนวน ๕๐ บาท
๓๓. คุณกัณฑิมา สามงามไตร จำนวน ๕๐ บาท
๓๔. คุณสายท่าขนุน จำนวน ๒๐ บาท
๓๕. คุณลุงโรจน์ จำนวน ๑๐๐ บาท
๓๖. คุณ aoffy_s จำนวน ๒๐๐ บาท
๓๗. คุณลือชา และคณะกัลยาณธรรมสุพรรณบุรี จำนวน ๕๐๐ บาท
๓๘. คุณ maithong จำนวน ๕๐๐ บาท
๓๙. คุณ kuppa20 จำนวน ๗๐๐ บาท
๔๐. ชมรมมหาบารมี โดยคุณชลิดา-ปารณ และคณะ จำนวน ๑,๐๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๕๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๕๐๐ บาท)
๔๑. คุณสุธรรม-เรณู ยอดไกรศรี และครอบครัว จำนวน ๑,๐๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๕๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๕๐๐ บาท)
๔๒. คุณสมศรี สัจจาลักษณ์-สุธรรม ยอดไกรศรี จำนวน ๑,๕๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๙๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๖๐๐ บาท)
๔๓. คุณประพาฬพงศ์ ศิริธีรานนท์ และครอบครัว จำนวน ๖๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๓๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๓๐๐ บาท)
๔๔. คุณชุติกาญจน์ จำนวน ๒๐๙ บาท
๔๕. คุณบ่าวใต้ บริจาคเสื้อผ้า จำนวน ๒ กระสอบ เพื่อถวายครูบาฯ นำไปแจกจ่ายให้กับเด็กชาวเขา
๔๖. คุณขวัญ09 จำนวน ๓๐๐ บาท
๔๗. คณะญาติธรรม ร้านจอมเทียนคอม จำนวน ๖๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๓๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๓๐๐ บาท)
๔๘. ร้านเทพประสิทธิสังฆภันฑ์ (คุณสนธยา ห้วยใหญ่-คุณศรีรัตน์ ชวลิตนิธิธรรม และครอบครัว) จำนวน ๖๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๓๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๓๐๐ บาท)
๔๙. คุณทิพย์วรรณ โนรี-คุณสิปรางค์ ช่างแสง และครอบครัว จำนวน ๑,๕๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๑๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๑,๔๐๐ บาท)
๕๐. คุณ Maithong และครอบครัว จำนวน ๗๐๐ บาท
๕๑. คุณรุจิตา-จีรนันท์ จำนวน ๔๘๐ บาท
๕๒. คุณพีระสัณห์-สมจิต พิทักษ์ และครอบครัว จำนวน ๑๐๐ บาท
๕๓. ร้าน Agency Excellent (คุณกรรณิกา แก้วสอาด และครอบครัว) จำนวน ๓,๐๐๐ บาท (ถวายส่วนองค์ครูบาฯ ๑,๖๐๐ บาท ,ร่วมบุญ ๑,๔๐๐ บาท)

รวมเงินร่วมบุญ ณ วันที่ ๒๐ ม.ค. ๕๔ จำนวน ๒๐,๗๐๐ บาท (เวลา ๒๐.๐๐ น.)

รายนามผู้ร่วมเดินทาง

๑. คุณ ญ.ผู้หญิง ชำระ ๓๐/๑๒/๕๓
๒. คุณแม่ย่า ชำระ ๓๐/๑๒/๕๓
๓. คุณ อ.เหม ขอชำระ ลว. ๒๑/๑/๕๔* (พร้อมร่วมบุญชุดสังฆทาน)
๔. คุณนินา ชำระ ๔/๑/๕๔
๕. คุณฐานิดา ชำระ ๖/๑/๕๔
๖. คุณอัมพร ชำระ ๔/๑/๕๔
๗. คุณอดิสร ชำระ ๔/๑/๕๔
๘. คุณยุพิน (๑) ชำระ ๗/๑/๕๔
๙. คุณยุพิน (๒) ชำระ ๗/๑/๕๔
๑๐. คุณยุพิน (๓) ชำระ ๗/๑/๕๔
----------------------------------------------
๑๑. คุณยุพิน (๔) ชำระ ๗/๑/๕๔
๑๒. คุณเบญจขันธ์ ขอชำระ ลว. ๒๑/๑/๕๔*
๑๓. คุณ HeartofDragon (๑) ชำระ ๖/๑/๕๔
๑๔. คุณ HeartofDragon (๒) ชำระ ๖/๑/๕๔
๑๕. คุณ interionut ชำระ ๗-๑๔/๑/๕๔
๑๖. คุณสุวัจน์ ชำระ ๕/๑/๕๔
๑๗. คุณนินันท์ ชำระ ๕/๑/๕๔
๑๘. คุณจิราพร ชำระ ๓๐/๑๒/๕๓
๑๙. คุณพัชสัณฑ์ ชำระ ๓๐/๑๒/๕๓
๒๐. คุณกล้วยไม้ ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔ (๒,๐๐๐ บาท)*
----------------------------------------------
๒๑. คุณอรวรรณ ชำระ ๓๑/๑๒/๕๓
๒๒. คุณอุ่นเรือน ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๒๓. คุณวารุนี ชำระ ๗/๑/๕๔
๒๔. คุณณัฐพัชร ชำระ ๖/๑/๕๔
๒๕. คุณเต็ง ชำระ ๖/๑/๕๔
๒๖. คุณสุ ชำระ ๗/๑/๕๔
๒๗. คุณตาเถน (๑) ชำระ ๗/๑/๕๔
๒๘. คุณตาเถน (๒) ชำระ ๗/๑/๕๔
๒๙. คุณอังศุมาลิน (๑) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
๓๐. คุณอังศุมาลิน (๒) ชำระ ลว. ๙/๑/๕๔
----------------------------------------------
เพิ่มเติม คันที่ ๔
๓๑. คุณว่าง (๑) ชำระ ลว. ๑๙/๑/๕๔
๓๒. คุณว่าง (๒) ชำระ ลว. ๑๙/๑/๕๔
๓๓. คุณพรทิพย์ ชำระ ลว. ๑๙/๑/๕๔ (๓,๐๐๐ บาท)*
๓๔. คุณปาริสุทธิ์ (๑) ชำระ ลว. ๒๐/๑/๕๔
๓๕. คุณปาริสุทธิ์ (๒) ชำระ ลว. ๒๐/๑/๕๔
๓๖. คุณ maithong ชำระ ลว. ๑๗/๑/๕๔
๓๗. คุณสืบศักดิ์ ชำระ ลว. ๑๗/๑/๕๔
๓๘. ด.ต.สุรพล ขอชำระ ลว. ๒๑/๑/๕๔*
๓๙. คุณอุษา ขอชำระ ลว. ๒๑/๑/๕๔*
๔๐. ชุดสังฆทาน

รวมผู้ร่วมเดินทาง ณ วันที่ ๒๐ ม.ค. ๕๔ จำนวน ๓๙ คน (ปิดรับ)
ตรวจสอบผังที่นั่งได้ที่หน้า ๔ คคห.ที่ ๗๕


หมายเหตุ
๑. ขอสงวนสิทธิ์จัดที่นั่งให้กับสมาชิกที่ลงชื่อและชำระเงินเข้ามาภายในกำหนด และจัดที่นั่งทดแทนในกรณีที่มีสมาชิกถอนตัวตามลำดับ
๒. ปิดรับการโอนชำระเงินใน วันศุกร์ที่ ๗ ม.ค.๕๔ เวลา ๒๐.๐๐ น. หรือแบ่งชำระ ๒ ครั้ง ๆ ที่ ๑ วันที่ ๗ ม.ค. จำนวน ๑,๕๐๐ บาท ครั้งที่ ๒ ส่วนที่เหลือภายในวันที่ ๑๔ ม.ค.
๓. แจ้งชื่อสกุลในการทำประกันอุบัติเหตุ ภายในวันที่ ๑๐ ม.ค.๕๔ เวลา ๒๔.๐๐ น.
๔. คันที่ ๔ ที่เปิดเพิ่มเติม ถ้าไม่สะดวกโอนอนุญาตให้ชำระหน้างานได้ แต่ต้องแจ้งชื่อ-สกุลเพื่อทำประกันอุบัติเหตุทันทีที่ตัดสินใจร่วมเดินทาง และค่าใช้จ่าย ณ วันที่ ๑๙ ม.ค. อยู่ที่ท่านละ ๓,๙๐๐ บาท ยกเว้นกรณีที่มีสมาชิกร่วมเดินทางเพิ่มเข้ามาเป็น ๙ ท่านจะอยู่ที่ ๓,๗๕๐ บาทและสมาชิก ๑๐ ท่านอยู่ที่ ๓,๖๐๐ บาทตามลำดับ

 

กองทุนบึงลับแล


​

รายงานสถานะ กองทุนบึงลับแล ณ วันที่ ๖ ธ.ค. ๕๔ ยอดคงเหลือ ๑๖๖ บาท (อ้างอิงตามตารางแนบ) ขอเรียนเชิญกัลยาณธรรมทุกท่านร่วมอนุโมทนาในทุกกองบุญที่ได้ร่วมทำกันมา


หมายเหตุ
อ้างอิงข้อมูลจากกระทู้ กองคลังบุญ ของ.....บึงลับแล

 

ตำนานพระธาตุ ๙ จอม

​

พระธาตุ ๙ จอม
​

พระธาตุเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธที่เป็นสถานที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเปรียบเสมือนเป็นองค์แทนพระองค์ไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชา ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำเพ็ญเพียรเผยแพร่หลักธรรมแห่งพุทธศาสนาเพื่อการหลุดพ้นจากบ่วงกรรมความทุกข์ทั้งปวง อันจะนำพาความเป็นสิริมงคลมาสู่ชีวิตของผู้ที่เคารพและศรัทธา

ตามคติความเชื่อของชาวล้านนามาตั้งแต่โบราณกาล เชื่อกันว่าการได้ทำบุญวัดประจำปีเกิดหรือการได้ไปทำบุญวัดที่เป็นมงคลนามทั้งเก้า รวมถึงการได้ไปนมัสการสักการะพระธาตุเก้าจอม จะทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล “อยู่เย็นเป็นสุข” หรือ ตามคติล้านนาว่า“อยู่ดีกินหวาน” ประสบความสำเร็จทั้งการงาน การเงิน การดำเนินชีวิตได้สมดังปรารถนา

พระธาตุถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอัศจรรย์ปาฏิหาริย์มาก จากคำบอกเล่าของบรรพชนมักได้ยินได้ฟังอยู่เสมอว่าทุกวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำของบางเดือน จะเกิดปรากฏการณ์พิเศษเกิดขึ้นอยู่เสมอ ๆ เช่น การปรากฏลำแสงพวยพุ่งสุขสว่างสดใสเป็นรัศมีสีแดง สีเหลือง สีขาวขึ้นรอบองค์พระธาตุหรือพาดผ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าบ้างหรือการปรากฏความร่มเย็นเป็นสุขมีฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลที่แห้งแล้งบ้าง หรือปรากฏกลิ่นหอมโรยรื่นอบอวลชวนให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสบ้าง ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้สำแดงออกมาโดยอัศจรรย์ด้วยพุทธานุภาพเป็นที่เลื่อมใส ศรัทธาแก่ผองชนที่เคารพเลื่อมใสเป็นอันมาก

พระธาตุเก้าจอมเป็นพระธาตุที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในส่วนต่าง ๆ ของพระวรกายโดยแท้ มีประวัติตำนานกล่าวขานที่เป็นพุทธมงคลรวมทั้งนามที่ตั้งก็เป็นมงคลนาม ผู้ที่ได้สักการะพระธาตุครบทั้งเก้าจอมจะถือว่าน้อมรับมงคลอันยิ่งใหญ่และสิ่งงดงามมาสู่ชีวิตของตนเองและบริวาร

๑. พระะธาตุจอมทอง
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระมหาเถระชาวลังกาได้นำมาถวายแด่พญาพังคราช แห่งเมืองโยนกนครนาคพันธุ์ ซึ่งพญาพังคราชได้โปรดให้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็น ๓ ส่วน และนำไปประดิษฐาน ณ พระบรมธาตุเจดีย์ที่สำคัญของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน ได้แก่ พระมหาชินธาตุเจ้าดอยตุง พระธาตุจอมกิตติ และพระธาตุดอยจอมทองแห่งนี้

๒. พระธาตุจอมหมอกแก้ว
อุปสรรคที่เปรียบเสมือนหมอกควันสีดำ ถ้ากราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐานอุปสรรคทั้งหลายก็จะจางใสเหมือนหมอกแก้วและ ประสบความสำเร็จ

​

๓. พระธาตุจอมแจ้ง
ถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐาน ท่านจะประสบความสำเร็จและรู้แจ้งเห็นจริง

๔. พระธาตุจอมผ่อ
"ผ่อ" เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ดูหรือมอง เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐาน เปรียบเสมือนการลืมตาเจอแสงสว่างในชีวิต

๕. พระธาตุจอมแว่
ความหมายนัยยะที่ ๑ "แว่" เป็นภาษาเหนือ แปลว่า แวะถ้าผู้ใดผ่านมากราบไหว้บูชาก็จะแคล้วคลาดปลอดภัยจากสิ่งเลวร้ายทั้งปวง​

ความหมายนัยยะที่ ๒ "แว่" เปรียบเสมือนเสียงเริ่มพูด เริ่มเจรจา ถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐานการเจรจาธุรกิจจะประสบผลสำเร็จ

​

๖. พระธาตุจอมจ้อ
"จ้อ" หมายถึง พูดดี พูดเก่ง ถ้าได้กราบไหว้ก็จะประสบความสำเร็จทุกสิ่ง เหมือนกับการเริ่มเจรจาก็นำมาซึ่งความสำเร็จและสมประสงค์ทุกประการ

๗. พระธาตุจอมสัก
เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้ ท่านจะได้รับสิริมงคลสูงสุด และพานพบแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์

๘. พระธาตุจอมจันทร์
เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐาน ผิวพรรณสวยงามเปล่งปลั่งรัศมีดุจแสงจันทร์งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
​

๙. พระธาตุจอมกิตติ
ถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐาน ท่านจะอุดมไปด้วยยศถาบรรดาศักดิ์ ลาภยศผู้คนสรรเสริญ เจ้าคนนายคน

ขอบคุณที่มา : วิกิพีเดีย

 

ได้ไปค่ะถ้าธรรมะจัดสรร แม้จะติดขัดอะไรตรงไหนก็จะได้ไปแน่นอน *-*

<label for="rb_iconid_31"></label>

ด้วยความยินดีค่ะพี่มา

<label for="rb_iconid_31"></label> สาธุ ขอต้อนรับด้วยความยินดีค่ะ

ทริปนี้เป็นทริปบุญแรกหลังปีใหม่เป็นการร่วมมุทิตาจิตสักการะและร่วมกราบพระสุปฎิปันโนที่เดินทางมาร่วมในพิธีหลายองค์ เห็นลงที่อยู่ว่าสงขลา ถ้าไม่มีโอกาสเดินทางมาแต่โมทนาร่วมกันก็ได้รับบุญร่วมกันทุกประการค่ะ<label for="rb_iconid_31"> </label>

 

ที่มาของพระขี่ม้าบิณฑบาตร และประวัติพระครูบาเหนือชัย โฆษิโต

ที่มาของการขี่ม้าบิณฑบาตร

จากเดิมที่พระครูบาเหนือชัยเดินขึ้นลงเขาเพื่อรับบาตรจากญาติโยม ได้ฉันบ้าง ไม่ได้ฉันบ้าง ด้วยหนทางที่ห่างไกลกว่าท่านจะเดินถึงวัดก็เลยเวลาฉันเพล ชาวบ้านจึงสงสารนำม้ามาถวายเพื่อให้ท่านใช้เป็นพาหนะในการเดินทาง ซึ่งม้าดังกล่าวเป็นม้าที่มีลักษณะดี ร่างกายกำยำ พระครูบาจึงตั้งชื่อให้ว่า "ม้าอาชาทอง" และใช้ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อวัดด้วย จึงเป็นที่มาของ "วัดป่าอาชาทอง" และพระขี่มาบิณฑบาต ซึ่งสร้างความแปลกใจจนกลายเป็นหนึ่งใน "unseen Thailand" เมื่อท่านมีม้าเป็นพาหนะจึงทำให้การบิณฑบาตและเดินทางเผยแผ่ธรรมะได้รับความสะดวกมากขึ้น แม้พระครูบาจะต้องขี่ม้าเป็นระยะทางไม่ต่ำกว่า ๕ กิโลเมตรเพื่อรับบาตรจากสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา บางครั้งอาหารที่ได้มาตกหล่นไปกว่าครึ่ง เพราะเวลาม้าควบตะบึงไปตามทาง มันคดโค้ง ขรุขระ ของก็กระเด้งกระดอนหล่นหมด พระครูบาท่านทนร้อนทนหนาวข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่า เพื่อนำอาหารที่เหลือจากฉันไปแจกจ่ายให้ชาวเขาเพราะพวกนี้ยากจนมาก ท่านก็เผยแผ่ธรรมะไปด้วย ท่านก็ไม่เคยบ่นไม่เคยท้อนะ ท่านอยากให้ชาวบ้านมีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม สุทธิพงศ์ ชุติมากุลทวี ผู้ประสานงานของวัดป่าอาชาทอง หนึ่งในลูกศิษย์ที่ติดตามรับใช้พระครูบาเหนือชัยมาตลอด เล่าถึงภารกิจของพระครูบา

​

เนื่องจากชาวเขาส่วนใหญ่นับถือผีและเป็นคริสต์ศาสนิกชนตามคำแนะของฝรั่งที่เข้าไปช่วยพัฒนาความเป็นอยู่ ชาวบ้านจึงไม่เข้าใจการเผยแผ่ธรรมะของพระครูบาเหนือชัย บางครั้งท่านถูกชาวเขาหลายสิบคนรุมทำร้าย แต่ก็รอดมาได้ด้วยบุญบารมีและวิชาหมัดมวยที่ท่านร่ำเรียนมา ด้วยปณิธานของท่านที่ต้องการดึงชาวเขาที่หลงผิดไปค้ายาและรับจ้างขนยาตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่าให้หันมาประกอบสัมมาอาชีพ และเป็นแนวร่วมในการดูแลรักษาผืนแผ่นดินไทย พระครูบาจึงเมตตาให้ความช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อนไปพร้อม ๆกับการอบรมธรรมะ

"ชาวเขาส่วนใหญ่จะรับจ้างขนยา แล้วพวกนี้ก็เสพยาเองด้วย เด็กอายุแค่ ๑๐ ขวบก็ติดยาแล้ว ติดกันทั้งหมู่บ้าน ฝิ่น เฮโรอีน ยาบ้า มีหมด ครูบาท่านมองว่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ท่านก็พยายามเอาชาวเขามาเรียน หนังสือ มาฝึกอาชีพ สอนมวยไทยให้เด็ก ๆ พอโตหน่อยพวกนี้ก็ไปรับจ้างแสดงในเมือง มีรายได้ขึ้นมา ใครมาวัด ก็ให้ข้าวของติดมือกลับไป แล้วก็สอนธรรมะไปด้วย สอนว่ายาเสพติดมันไม่ดี หลัง ๆ ชาวบ้านก็เลิกเสพ เลิกค้าไป เยอะจนขุนส่าเริ่มไม่พอใจ ก็มาดูตัว มาคุยกับพระครูบา แต่สุดท้ายราชายาเสพติดอย่างขุนส่าก็ยอมรับในตัวครูบาและขอให้ท่านไปอยู่ที่เมืองยอน ซึ่งเป็นเมืองของพวกว้าแดง เขาจะสร้างวัดให้ แต่ครูบาท่านไม่ไป ท่านบอกท่่านเป็นคนไทยจะอยู่และตายบนผืนแผ่นดินไทย" สุทธิพงศ์ เล่าถึงช่วงวิกฤตที่ครูบาเหนือชัยรับมือกับขุนส่า

พระครูบาเหนือชัยพยายามดึงชาวบ้านเข้ามาร่วมในกิจกรรมของวัด โน้มน้าวให้ชาวเขาส่งลูก ๆ มาบวชเรียนมีการสอนหนังสือให้แก่ชาวเขาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยท่านเป็นผู้เลี้ยงดูอาหารการกินทั้งหมด ชาวบ้านที่มาเรียนหนังสือ มาฟังธรรมะหรือช่วยงานวัด นอกจากจะได้รับความรู้และข้อคิดคุณธรรมต่าง ๆ แล้ว ยังได้ข้าวปลาอาหาร รวมถึงข้าวของเครื่องใช้กลับไปบ้านด้วย ข้าวของที่ญาติโยมถวายมานั้นพระครูจะแจกจ่ายให้เกือบหมด เหลือไว้ให้พระเณรที่วัดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากหมู่บ้านใดอยู่ไกลไม่สะดวกที่จะเดินทางมาที่วัดท่านและลูกวัดก็จะขี่ม้าข้ามเขานำข้าวของไปให้ ด้วยคุณธรรมของท่านทำให้ผู้มีจิตศรัทธานำข้าวของและม้ามาถวายให้ท่านเป็นจำนวนมากด้วยต้องการสนับสนุนการเผยแผ่ธรรมะของท่าน จากสถานปฏิบัติธรรมเล็ก ๆ ปัจจุบันวัดป่าอาชาทองจึงมีวัดสาขาถึง ๑๐ วัด มีม้าถึง ๑๐๐ กว่าตัว มีโค-กระบือ ๑๐ ตัว มีคนงานชาวเขาทั้งเด็กและผู้ใหญ่ถึง ๖๐ คน ซึ่งม้าดังกล่าวนั้นครูบาอนุญาตให้ชาวเขา ข้าราชการครูและตำรวจ-ทหารในพื้นที่หยิบยืมไปใช้ได้ หลังจากที่ข่าวเรื่องพระขี่ม้าบิณฑบาตได้รับการกล่าวขานออกไปแบบปากต่อปากจนเป็นที่สนใจของนัก ท่องเที่ยทั่วไป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงมาขอให้พระครูบาเหนือชัยนำวัดป่าอาชาทองเข้าร่วมในโครงการ "unseen Thailand" เพื่อช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวของเชียงราย ซึ่งครูบาเหนือชัยใช้เวลาคิดใคร่ครวญอยู่นานถึง ๓ ปี จึงตัดสินใจตกลงเข้าร่วมโครงการเมื่อปี ๒๕๔๗ เนื่องจากพระครูบารู้ดีว่า เมื่อการท่องเที่ยวย่างกรายเข้ามา วิถีชีวิตอันเงียบสงบของชาวเขาย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไป ทุก ๆ เช้า ท่านครูบาเหนือชัย ท่านจะออกมารับบิณฑบาตรตั้งแตเวลาประมาณ ๐๗.๐๐-๐๗.๓๐ น. (หรือวันไหนมีคนมาใส่บาตรเยอะ ก็ถึง ๐๘.๐๐ น.)

​

<table align="center"> <tbody><tr align="center"> <td></td> <td></td> </tr> <tr> <td align="center"></td> <td align="center"></td> </tr> </tbody></table>

ประวัติพระขี่ม้าบิณฑบาตร

"อาชาทอง" ม้าหนุ่มร่างกำยำควบตะบึงพาพระครูบาข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่าเพื่อรับบาตรจากญาติโยมผู้มีจิตศรัทธาแลเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธองค์ อาหารที่เหลือจากการบิณฑบาตถูกแจกจ่ายให้ชาวเขาผู้ยากไร้ กว่า ๑๓ ปีแล้ว ที่ 'พระครูบาเหนือชัย' พากเพียรให้ความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรมแก่ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน จ.เชียงราย เพื่อเปลี่ยนพวกเขาจากกลุ่มผู้ลักลอบขนยามาเป็นชาวไร่ผู้หวงแหนและร่วมพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทย

พระครูบาเหนือชัย โฆษิโต "เจ้าอาวาสวัดป่าอาชาทอง" อ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้เปลี่ยนฐานะจาก "นายเสมอชัย ใจบินตา" หนุ่มวัย ๒๙ ปีที่ชอบวิชาหมัดมวยมาบวชเป็นภิกษุเพื่อศึกษาธรรมะ ท่านตัดใจจากภรรยาและลูกน้อยชาย-หญิงทั้ง ๒ คน หลังจากมีครอบครัวได้เพียง ๘ ปี ด้วยเห็นทุกข์ของชีวิตทางโลก จะบวชเพียง ๗ วันแต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า ๑๓ ปีแล้วที่ท่านมุ่งศึกษาและเผยแผ่ธรรมะแก่บรรดาชาวเขาตามแนวตะเข็บชายแดน หลังครองผ้ากาสาวพัสตร์ได้เพียง ๑ วัน ท่านก็ออกธุดงค์เพื่อแสวงหาความสงบ โดยยึดโอวาทจากพระอุปัชฌาย์ว่า "บวชเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง" ท่านเดินทางมาจนถึง "ดอยผาม้า" และเห็นว่าเป็นสถานที่ ๆ เหมาะสมจึงยึดเป็นที่ปฏิบัติธรรม พระครูบานั่งสมาธิพิจารณาขันธ์ ๕ ด้วยใจมุ่งมั่นที่จะบรรลุธรรม ครั้งหนึ่งท่านนอนหลับและฝันว่า "หลวงปู่สด" วัดปากน้ำภาษีเจริญ มาสอนวิชาธรรมกายให้ท่านทำใจใส ๆ กำหนดองค์พระอยู่ศูนย์กลาง กายท่านไม่มั่นใจว่าฝันนั้นเป็นจริงหรือไม่จึงอธิษฐานจิตว่าหากหลวงปู่สดมาพบในฝันจริงขอให้มีญาติโยมนำปัจจัยมาถวาย ๑,๐๐๐ บาท พอรุ่งเช้าก็มีนักข่าวของสถานีวิทยุท้องถิ่นนำปัจจัยมาถวายตามคำอธิษฐานและขอสมัครเป็นศิษย์ ท่านจึงให้ญาติโยมดังกล่าวพาท่านไปยังวัดปากน้ำ และนำเงิน ๑,๐๐๐ บาทที่ได้ทำบุญกับทางวัด ท่านจึงนำคำสอนของหลวงปู่สดมาใช้ในการนั่งสมาธิเรื่อยมา ครั้งหนึ่งท่านนั่งสมาธิบนโขดหินโดยอธิษฐานว่า "จะขอนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าจะบรรลุธรรม แม้ตายก็จะไม่ลุกจากที่นี่" ท่านนั่งนิ่งอยู่ ๑๕ วัน จนผึ้งมาเกาะทำรังตามเนื้อตัว ท่านรู้สึกเจ็บจึงพยายามแยกความรู้สึกของกายออกจากจิต แม้กายจะเจ็บ แต่จิตนิ่งใสสว่าง ความเจ็บก็ทุเลาลง ท่านนั่งจนหมดสติไปและในฝันท่านเห็น "หลวงปู่เกษม" ซึ่งศึกษาฌานสมาบัติอยู่ ณ สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง มาบอกว่านี่คือการเข้านิโรธสมาบัติ แยกจิตกับกายและให้หมั่นเพียรนั่งสมาธิ ซึ่งจะทำให้เกิดปัญญาอันเป็นหนทางแห่งการบรรลุธรรม ท่านยังเห็นพระซึ่งเป็นครูบาอาจารย์มากมายมารายล้อมและบอกกับท่านว่า "นับแต่นี้ จะมีผู้คนมากมายมาสนับสนุนการเผยแผ่ธรรมมะของท่าน" และก็เป็นจริงเช่นนั้น เพราะหลังจากท่านฟื้นขึ้นก็พบว่า มีชาวบ้านเดินทางมากราบไหว้และถวายอาหาร เนื่องจากในช่วงที่พระครูบาเหนือชัยนั่งหลับตาและมีผึ้งมาเกาะนั้น มีชาวบ้านมาพบเข้าและเกิดจิตศรัทธาจึงไปชักชวนชาวบ้านคนอื่น ๆ มากราบไหว้ พร้อมทั้งช่วยกันสร้างที่พักให้ จนกลายเป็น "วัดป่าอาชาทอง" จนถึงปัจจุบัน

<table align="center"><tbody><tr><td></td> <td></td> </tr> <tr> <td></td> <td>
</td></tr></tbody></table>

การเดินทาง
๑. ใช้เส้นทางเชียงราย–แม่จัน เลยจากอำเภอแม่จันไป ๑ กม. มีทางแยกซ้ายไปดอยแม่สลอง ถนนผ่านหน้าบ้านแม่สลอง สภาพถนนเข้าหมู่บ้านยังไม่สะดวกควรใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ
๒. ใช้เส้นทางเชียงราย-แม่สาย (ทางหลวงสาย A๑) ระยะทางจากอำเภอเมือง-อำเภอแม่จัน ประมาณ ๒๘ ก.ม. จากตัวอำเภอแม่จันประมาณ ๔-๕ ก.ม. ก็ถึงปากทางไปวัดถ้ำป่าอาชาทอง (ถนนข้างวัดแม่คำหลวง) จะมีป้าย และลูกศรบอกตลอดทาง และเข้าไปอีกประมาณ ๕-๗ ก.ม. ลักษณะถนนตอนทางขึ้นตั้งแต่สะพานก่อนถึงลานพระแก้ว ระยะทางประมาณ ๒ ก.ม. รถยนต์ส่วนตัวของท่านสามารถขึ้นได้และทิวทัศน์สองข้างทางก็ทำให้สดชื่น (ใช้เส้นทางนี้สะดวกกว่าค่ะ)


ขอบคุณที่มา : พระขี่ม้าบิณฑบาตร การเดินทางไปชมพระขี่ม้าบิณฑบาตร
<table align="center"><tbody><tr><td>
</td></tr></tbody></table>