กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติภาคใต้ รวมพลังทำความดี

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ๑กุหว่าใจ๋๑, 6 มกราคม 2009.

  1. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    22 พ.ย.53 ได้ส่งเหรียญทำน้ำมนต์พร้อมลูกแก้วให้ พระอาจารย์ประจักษณ์ ที่วัดพระพรหม ท่าฉาง จ.สุราษฏร์ธานี ๑ ชุด อาสาสมัครทางสุราษฏร์ธานีไปรับลูกแก้วที่ท่านได้เลยนะครับ ช่วย ๆ กันหย่อนครับ สาธุ

    22 พ.ย.53 ได้จัดส่งเหรียญทำน้ำมนต์,ลูกแก้วจักรพรรดิ์ให้พี่ถาวะโร เพื่อนำหย่อนแนวชายฝั่งอันดามัน ฐท.พง. ๑ ชุด

    22 พ.ย.53 วันนี้เวลาประมาณ 15.30 น. ได้มอบลูกแก้วมหาจักรพรรดิ์ปรับภพภูมิ ให้กับอาจารย์ดรุณี ม.ศรีวิชัยสงขลา เพื่อมอบให้กับลูกษศิษย์ช่วยกันนำไปหย่อนตามสถานที่ในจังหวัดต่าง ๆ พวกเรามาร่วมโมทนาสาธุการกับคณะของอาจารย์ท่านด้วยครับ สาธุ

    เพื่อช่วยแผ่นดินไทยและคนดีมีศีลธรรมให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปภายภาคหน้าครับ

    จิตใจดีงาม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2010
  2. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    น้อมคุณพระธรรม ส่งกำลังใจชาวธรรมภาคใต้ค่ะ

    [​IMG]

    ด้วยมุฑิตาจิตเสียงสวดเจริญพระพุทธมนต์
    "ดุริยมนตรา เพื่อการปฏิบัติธรรม"
    หลวงปู่ ดร. สิงห์ทน นราสโภ

    กันนะคะ สาธุ




    ประกอบด้วยมนต์

    ๑. ชุมนุมเทวดา (แบบเมืองเหนือ)<O></O>
    ๒. นโมฯ ๓ จบ<O></O>
    ๓. ไตรสรณคมณ์<O></O>
    ๔. สรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ<O></O>
    ๕. บทขัดธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตร<O></O>
    ๖. ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตตัง<O></O>
    ๗. บทขัดอะนัตตะลักขะณะสูตร<O></O>
    ๘. อะนัตตะลักขะณะสูตตัง<O></O>
    ๙. บทขัดอาทิตะยะปะริยายะสูตร<O></O>
    ๑๐. อาทิตะยะปะริยายะสูตตัง<O></O>
    ๑๑. บทขัดสติปัฏฐานปาฐะ<O></O>
    ๑๒.สติปัฏฐานปาโฐ<O></O>
    ๑๓. บทขัดธรรมนิยามะสูตร<O></O>
    ๑๔. ธรรมนิยามะสูตตัง<O></O>
    ๑๕. เทวะตาอุยโยชะนะคาถา<O></O>


    [​IMG]


    พลังจากคลื่นเสียงการสวดมนต์จะช่วยให้เกิดบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ กุศลกรรมบถ ๑๐ และบารมี ๑๐ คือ

    ๑. ทานมัย การสวดมนต์เพื่อเปล่งเสียงออกมา เรียกว่า การให้ธรรมเป็นทาน หรือเรียกว่าสวดมนต์ภาวนาเป็นธรรมทาน
    <O></O>
    ๒. สีลมัย ขณะที่สวดมนต์ไม่ได้ด่าว่าใคร ไม่ได้โกหกหลอกลวงใคร ไม่ได้ทะเลาะกับใคร ไม่ได้พูดจาเพ้อเจ้อเหลวใหลไร้สาระ ขณะที่สวดมนต์ ไม่ได้ฆ่า ไม่ได้ทำร้าย ไม่ได้ปล้นไม่ได้ลักขโมยสิ่งของ ไม่ได้ประพฤฒิผิดสามีภรรยาใคร เป็นการปิดอบาย ช่วยให้เกิด สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ เรียกว่า เกิดมรรคผล เกิดกุศลกรรมบถ ๑๐ อันเป็นกุศล คือ วจีกรรม ๔ กายกรรม ๓ และมโนกรรม ๓
    <O></O>
    ๓. ภาวนามัย การสวดมนต์เป็น สัมมาวายามะ สัมมาสติ และ สัมมาสมาธิ เมื่อจิตเป็นกุศล สติควบคุมจิต ได้พิพิจพิจารณารู้ถ้อยคำอักขระไปด้วยจะเป็น สติปัฎฐาน ๔ สามารถเจริญญาณ หรือเข้าอัปปมาสมาธิได้ เกิดเป็น สัมมทิฐิ สัมมาสังกัปปะ หรือเกิดภาวนมยปัญญา หรือ มีดวงตาเห็นธรรม เกิดการรู้เห็นแจ้งได้
    <O></O>
    ๔. อปจายนมัย บุญที่เกิดขึ้นจากการแสดงความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย คือ ขณะสวดมนต์ภาวนาจะต้องประนมมืออยู่ระหว่างทรวงอก ซึ่งเป็นจุดแหล่งพลังงานหยินหยาง
    <O></O>
    ๕. เวยยาวัจจมัย บุญที่เกิดจากการขวนขวายช่วยเหลือให้ผู้อื่นไม่ว่าจะอยู่ในภพใดก็ตาม ได้มีโอกาสมาร่วมเสริมบุญ เสริมบารมี วัวัฒนาการปรับภพภูมิ
    <O></O>
    ๖. ปัตตติทานมัย การสวดมนต์ภาวนา เป็นการแผ่ส่วนบุญ ให้ดวงจิต ดวงใจทั้งปวง
    <O></O>
    ๗. ปัตานุโมทนามัย การสวดมนต์เป็นการแผ่กำลังบุญให้ผู้รับมี ๒ ประเภท คือ ผู้ที่ไปเกิดในภพภูมิที่มีความทรมานมาก ที่มาขอส่วนบุญ และผู้ที่เกิดเป็นเทพ เป็นพรหม ที่เคยเป็นเครือญาติท่านจะได้มาอนุโมทนาบุญมาช่วยเหลือรักษา แก้ปัญหาต่างๆได้ จากความมีสายสัมพันธ์บริสุทธ์ที่มีต่อกันมา
    <O></O>
    ๘. ธัมมัสสวณมัย การสวดมนต์เป็นได้ทบทวนพระพุทธวัจนะคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เสมือนได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดา
    <O></O>
    ๙. ธัมมเทสนามัย การสวดมนต์ภาวนาเป็นเสมือนหนึ่งได้สาธยาย หรือแสดงธรรมคำสั่งสอน แทนพระพุทธองค์
    <O></O>
    ๑๐. ทิฎฐุชุกัมม์การสวดมนต์ภาวนา ช่วยให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง เกิดดวงตาเป็นธรรม ดังในวิมุตติสูตร ในปัฐจะกะนิบาต อังคุตระนิกา ดังว่าการสวดมนต์สาธยายธรรมช่วยให้บรรลุเป็นพระอริยะ <O></O>
    <O></O>

    คัดสาระจากหนังสือ บทสวดมนต์ดุริยมนตรา โดย พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ<O></O>

    ที่มาข้อมูล : ดุริยมนตรา - Buddhism Audio


    ขอการปฏิบัติบุญกิริยานี้ บูชาคุณพระสัทธรรมเจ้าทั้งปวง

    ขออานิสงฆ์มหาธรรมทาน จงมีไปสู่ทุกสรรพชิวิต
    ขอให้ข้าพเจ้าและทุกดวงจิตทุกดวงวิญญาณ ได้รับรสพระธรรมแล้ว มีจิตผ่องใส
    เป็นบ่อที่เกิดแห่งคุณ คือ ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ สูตะ จาคะ
    ปัญญามีความเพียร ขันติ
    เป็นผู้กำเนิดแห่งไตรเหตุ (อโลภะ อโทสะ อโมหะ)
    ได้ญาณเป็นเครื่องรู้เฉพาะตนอันสูงสุด
    และห่างไกลพ้นเขตมารทั้งหลายโดยพลันและตลอดกาลเทอญ


    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=13606[/MUSIC]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤศจิกายน 2010
  3. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    <TABLE class=tborder id=post4074022 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->navysky<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4074022", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2010
    ข้อความ: 94
    พลังการให้คะแนน: 66 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_4074022 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->“สมิทธ”ออกโรงเตือนใต้ระวังพายุเดือน ธ.ค.<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG]
    มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ </B>

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><IFRAME marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://ads.palungjit.org/show.php?z=16&shape=1&rl=60" frameBorder=0 width=350 scrolling=no height=250></IFRAME>
    [​IMG]
    ประธานมูลนิธิสภาสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เตือน พื้นที่ภาคใต้ระวังพายุเดือนธ.ค.นี้
    วันนี้ 23 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิสภาสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผย ในระหว่างการเดินทางลงพื้นที่ จ.ระนองเพื่อเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการการเตรียมการซ้อมแผนรับมือ พิบัติภัยทางน้ำในวันที่ 24 พ.ย. 2553 นี้ว่า แม้ว่าประเทศไทยจะเกิดพิบัติภัยรุนแรงมาแล้วในทั่วทุกภาคก่อนหน้านี้ แต่จากข้อมูล และสถิติต่างๆ พบว่าในช่วงเดือน ธ.ค.ที่จะถึงนี้ยังเป็นช่วงเดือนที่ยังจะต้องเฝ้าระวังอันตรายพิบัติภัยต่อ ไป โดยเฉพาะภัยจากพายุ

    เนื่องจากยังคงได้อิทธิพลของปรากฏการณ์ลานินญา ที่จะส่งผลให้เกิดพายุในเขตพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิค โดยจากสถิติที่มีการจัดเก็บย้อนหลังไป 59 ปีคือช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2494-2552) ในเขตพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิค จะมีพายุเกิดขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 9 ลูก ดังนั้นทั้ง 9 ลูกยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีพายุลูกใดบ้างที่พัดเข้ามายังประเทศไทย หากโชคดีอาจจะไม่มี แต่หากโชคร้ายอาจจะมีเพียงแค่ 1-2 ลูกก็แย่แล้ว อย่างเช่นปรากฏการณ์ล่าสุดที่พายุพัดถล่มภาคใต้แค่เพียงลูกเดียวก็สร้างความ เสียหายอย่างใหญ่หลวง

    "สาเหตุที่ทำให้ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเสียหายมากในช่วงที่ผ่านมาคือ ปัญหาของระบบการเตือนภัย ที่ทุกฝ่ายต่างหันไปโทษที่อุปกรณ์ที่ไม่พร้อม แต่ตนมองว่าเกิดปัญหาที่คน และเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ที่ไม่มีการแจ้งเตือนภัยได้อย่างทันท่วงทีเมื่อ เกิดเหตุการณ์พิบัติภัยทั้งที่ระบบการเตือนภัยมีมากมากทั้งระบบหลักและระบบ สำรองอาทิการใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ,การแจ้งผ่านสถานีวิทนยุกระจายเสียง แห่งประเทศไทย,การแจ้งผ่านระบบสัญญาณมือถือ,การแจ้งผ่านเว็ปไซด์,การแจ้ง ผ่านหอเตือนภัย แต่ที่ผ่านมาปรากฏว่าไม่มีการแจ้งเตือนแต่ประการใดทำให้ประชาชนไม่ได้รับ ข้อมูลที่ชัดเจน และไม่สามารถเตรียมตัวได้ทันเมื่อเกิดเหตุการณ์พิบัติภัยเกิดขึ้น"

    ดร.สมิทธ กล่าวต่อถึง กรณีที่มีกระแสข่าวการเกิดสึนามิในเขตพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะทางฝั่งทะเลอันดามันในช่วงปลายปีนี้ว่า ตนพูดมาเสมอว่าไม่มีเทคโนโลยีใดที่ระบุวันเวลาการเกิดสึนามิได้อย่างชัดเจน แต่ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่พื้นที่ภาคใต้รวมถึง จ.ระนองจะเกิดสึนามิอีกครั้ง ต้องบอกว่ามีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ทั้งยังมีความเสี่ยงสูงที่จะประสบความเสียหายระลอกใหม่ โดยสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์และนักธรณีสิทยา เป็นห่วงมากคือรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกในแนวของรอยเลื่อนระนอง และรอยเลื่อนคลองมะรุยที่พาดผ่าน จ.สุราษฏร์และนครศรีธรรมราช ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการเลื่อนอีกครั้งเนื่องจากในปี 2547 ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิรอยเลื่อนแนวดังกล่าวมีการเลื่อนเพียงครึ่งเดียวจาก เกาะนิโคบาถึงเกาะสุมาตร แต่ส่วนที่พาดผ่านมาถึงประเทศไทยในพื้นที่ภาคใต้ยังไม่มีการเลื่อน

    รวมถึงปัจจัยการระเบิดของภูเขาไฟในอินโดนีเซีย ก็มีผลต่อการสั่นสะเทือนของแผ่นเปลือกโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อแนวรอยเลื่อน จนนำมาซึ่งการเกิดคลื่นยักษ์สึนามิได้อีกครั้ง ส่วนจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วอย่างไรนั้นไม่มีใครสามารถระบุวัน เวลาที่ชัดเจนได้ แต่ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องดังกล่าวทั้งของไอซ?แลนด์,ญี่ปุ่น ต่างมีความเห็นตรงกันว่ามีความเป็นไปได้และมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และหากเกิดระดับความรุนแรงจะสูงกว่าครั้งที่ผ่านมาเนื่องจากจุดที่เกิดตรง แนวรอยเลื่อนเข้ามาใกล้และติดกับชายฝั่งทะเลอันดามันของไทย ซึ่งน่ากลัวมากหากเกิดการเลื่อนไหลของแผ่นเปลือกโลกเกิดขึ้น

    "จากเหตุการณ์ และบทเรียนที่ผ่านมาขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องลงมาดำเนินการในเรื่อง ดังกล่าวอย่างจริงจังโดยเฉพาะการพัฒนาระบบการเตือนภัยที่ปัจจุบันยังมีปัญหา ทั้งอุปกรณ์,บุคคลากร และโครงสร้างการทำงาน แต่หากระบบไม่พร้อมทางแก้อย่างหนึ่งที่ทำได้คือการใช้วิธีการแบบชาวเลคือการ สังเกตความผิดปกติของแผ่นดินหากเกิดการสั่นสะเทือนที่รู้สึกได้ และเห็นน้ำทะเลลดลงผิดปกติจากน้ำขึ้นน้ำลง ก็ให้รีบหนีขึ้นที่สูงทันทีก็จะสามารถเอาชีวิตให้ปลอดภัยจากพิบัติภัยที่ เกิดขึ้นได้"

    [​IMG]

    ฝากกระทู้ทำสมาธิหมู่ของกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติไว้ด้วยครับ
    http://palungjit.org/threads/การนัดหมายทำสมาธิหมู่-เวลา-19-30-22-30-กิจกรรมดีๆ
    http://palungjit.org/threads/เผยข้อมูลทางวิทยาศาตร์ของ-ดร-ก้องภพ-คาดการณ์ภัยพิบัติโลก.265909/
    คนไม่เข้าใจ ว่าน้ำมาจากไหนกัน ถึงท่วมโลกได้<!-- google_ad_section_end -->
    ย้ายเมืองหลวงใหม่ รับมือน้ำท่วมโลก - Buddhist Clips
    ดร.สมิทธ กล่าวถึงในหลวง - Buddhist Clips


    <!-- google_ad_section_end -->


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  4. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD><CENTER>สัมมนา ฟรี “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด”ณ ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม

    </CENTER>
    [​IMG]
    ขอเชิญร่วมงานสัมมนา ฟรี เรื่อง “เจาะลึกภัยพิบัติ...พลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด”ณ ห้องบัวหลวงแกรนด์รูม
    ชั้น 6 อาคารดร.สุข พุคยาภรณ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม วิทยาเขตบางเขน กรุงเทพฯอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2553 เวลา 8.30 - 17.00 น.พบกับการสัมมนาและการบรรยายจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมากด้วยประสบการณ์
    เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลความรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุแห่งการเกิดภัยพิบัติต่างๆ
    และภัยธรรมชาติที่เกิดอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งแนะนำการเตรียมการเพื่อการป้องกันภัยในเบื้องต้นให้แก่ประชาชน
    ดร.สมิทธ ธรรมสโรช - ดร.ก้องภพ อยู่เย็น (โลก และ อวกาศ)
    ดร.วัฒนา กันบัว, ดร.เสรี ศุภราทิตย์ (พายุ น้ำท่วม stormsurge แผ่นดินไหว)
    พระอาจารย์รัตน์ - ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา(กาแลคซี่, สฟิงซ์, สโตนเฮนจ์, แกนพลังงานโลก และ วิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพ)
    นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล (การเตรียมพร้อม การช่วยเหลือ)
    การอภิปรายหมู่ (รวมทุกวิทยากร)
    17.00 ปิดงาน
    จำนวน 1,200 ที่นั่ง สำรองที่นั่งได้ที่...
    - ลงทะเบียนทางเมลล์ไปยัง register.191210seminar@gmail.com
    - หรือ โทรศัพท์/sms รายละเอียดไปที่ 086-534-1112 begin_of_the_skype_highlighting 086-534-1112 end_of_the_skype_highlighting
    เพื่อความสะดวก กรุณาลงทะเบียนสำรองที่นั่งก่อนวันที่ 17 ธันวาคม 2553
    รถเมลล์สายที่ผ่าน 34, 39, 59, 114, 503, 522, และ543
    </TD></TR><TR><TD> <TABLE border=0 cellSpacing=5 cellPadding=5 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top width="20%"><CENTER><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD height=8 width=7>[​IMG]</TD><TD background=images/frame_03.jpg>
    [​IMG]
    </TD><TD background=images/frame_03.jpg>[​IMG]</TD><TD background=images/frame_03.jpg>
    [​IMG]
    </TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=7>[​IMG]</TD><TD rowSpan=3 colSpan=3>[​IMG]</TD><TD vAlign=top width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=7>[​IMG]</TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=bottom width=7>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom width=8>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=7>[​IMG]</TD><TD height=7 background=images/frame_15.jpg>
    [​IMG]
    </TD><TD>[​IMG]</TD><TD background=images/frame_15.jpg>
    [​IMG]
    </TD><TD width=8>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    รวมรูปเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 ชุดที่หนึ่ง 7 รูปลักษณ์

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> รวมรูปเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4

    หลายๆท่านเข้าใจผิดว่า เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 มีแค่1-2รูปลักษณ์แต่จริงๆไม่ใช่นะครับ

    จริงๆเหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4
    มีทั้งหมด 9 รูปลักษณ์นะครับ
    แต่จะค่อยๆเปิดตัวมาเรื่อยๆ

    ในนี้จะมี 7 รูปลักษณ์ครับผม

    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น 4 รูปลักษณ์
    1.พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระสมณโคดม
    2.หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
    3.หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
    4.หลวงปู่โต พรหมรังสี
    5.หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    6.ครูบาศรีวิชัย
    7.หลวงพ่อ พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี)

    การแจกในเว็บ http://www.prommapanyo.com จะแจกเฉพาะรูปลักษณ์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญนะครับส่วนรูปลักษณ์อื่นจะทยอยแจ้งให้ทราบครับ
    ว่าจะมีการแจกที่ไหนบ้าง รับทราบตามนี้โดยทั่วกันนะครับ [​IMG]

    รูปไล่ดูด้านล่างตามหมายเลขที่กล่าวถึงข้างบนเลยนะครับผม
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    coming soon

    มกราคม 2554
     
  6. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    <TABLE width="98%"><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=middle><OBJECT codeBase="http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=9,0,28,0" classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000 width=450 height=330>
























    <embed width="450" height="330" src="./animation/earthquake.swf?ver=2010-11-28" quality="high" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" FlashVars="file=.%2Fanimation%2FEQ_query.php%3Fid%3D1631%26d%3D2010-11-28" type="application/x-shockwave-flash" ></embed></OBJECT></TD></TR><TR><TD height=35 vAlign=center width="100%" align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=450><TBODY><TR><TD bgColor=#abcdef height=1 colSpan=2 align=middle></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff height=1 colSpan=2 align=middle></TD></TR><TR><TD bgColor=#abcdef height=25 colSpan=2 align=middle>แผ่นดินไหวที่ SOUTHWEST OF SUMATRA, INDONESIA </TD></TR><TR><TD>ขนาด</TD><TD>: 4.7 ริกเตอร์ </TD></TR><TR><TD>จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว</TD><TD>: SOUTHWEST OF SUMATRA, INDONESIA </TD></TR><TR><TD>วันที่</TD><TD>: 27 พฤศจิกายน 2553 22:26 น. </TD></TR><TR><TD>ละติจูด</TD><TD>: 3° 35' 24'' ใต้ </TD></TR><TR><TD>ลองจิจูด</TD><TD>: 99° 48' 36'' ตะวันออก </TD></TR><TR><TD>ความลึกจากระดับผิวดิน</TD><TD>: 2 กิโลเมตร </TD></TR><TR><TD>เพิ่มเติม</TD><TD>: </TD></TR><TR><TD bgColor=#abcdef height=1 colSpan=2 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD class=subtitle colSpan=8>รายงานแผ่นดินไหวในรอบ 15 วัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=1 cellSpacing=0 borderColor=#d9d9d9 borderColorLight=#d9d9d9 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR class=RH><TD>วันที่</TD><TD>เวลา</TD><TD>จุดศูนย์กลาง</TD><TD>ละติจูด</TD><TD>ลองจิจูด</TD><TD>ขนาด</TD><TD>ลึกจากพื้นดิน</TD><TD>หมายเหตุ</TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>27 พ.ย. 53</TD><TD>22:26</TD><TD align=left>SOUTHWEST OF SUMATRA, INDONESIA</TD><TD>3° 35' 24'' S</TD><TD>99° 48' 36'' E</TD><TD>4.7 </TD><TD>2 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>27 พ.ย. 53</TD><TD>05:12</TD><TD align=left>SERAM, INDONESIA</TD><TD>2° 27' 36'' S</TD><TD>129° 18' 36'' E</TD><TD>5.2 </TD><TD>40 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>27 พ.ย. 53</TD><TD>02:20</TD><TD align=left>SOUTHWESTERN RYUKYU ISL., JAPAN</TD><TD>24° 02' 24'' N</TD><TD>123° 00' 36'' E</TD><TD>4.8 </TD><TD>57 </TD><TD align=left> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></P>
     
  7. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    ย้อนระลึกถึงหลัง พายุเข้าเมื่อวันที่ ๑ พ.ย.๒๕๕๓

    ย้อนดูบรรยากาศ ต่าง ๆ ภายในตัวเมืองสงขลา เพราะคนจะมีความเข้าใจน้อย เรื่องของพายุและน้ำฝน และการเตรียมการก่อนที่พายุจะเข้า เมื่อพายุเข้าแล้วจะมีบรรยากาศแบบภาพเหล่านี้ บางท่านที่บ้านพังไปด้วยแรงลม มีอาการซึมเศร้า
    เพราะขาดการเข้่าวัดสวดมนต์ นั่งสมาธิแผ่เมตตา ทำให้กำลังใจไม่เข็มแข็ง นี้ขะนาดลูกแรกที่เตือน ถ้าเกิดอีกละจะเป็นอย่างไรต่อจิตใจผู้คน .................... ตอนนี้หมั่นเข้าวัดสวดมนต์นั่งสมาธิกันได้แล้วจะได้ฝึกจิต ให้แข็มแข็ง เมื่อเจอสภาพที่หน้าสพึงกลัว ก็จะทำใจได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  8. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    ย้อนระลึกถึงหลังจากภัยพิบัติจากธรรมชาติเข้าเมื่อ ๑ พ.ย.๕๓

    บริเวณชายทะเลชุมชนเก้าเส้ง, ถนนชลาทัศน์, หน้าศาลกรมหลวงชุมพร, เขาตังกวน และบริเวณภายในจังหวัดสงขลาบางส่วน ผลกระทบจากภัยพิบัติจากธรรมชาติ
    ใครจะเป็นผู้เตรียมการเตือนภัยให้กับประชาชน หน่วยงาน .........................หรือ ................... ชาวบ้านบางพื้นที่ได้พบเห็นเหตุการบอกว่าไม่ใช้พายุลมฝนอย่างเดียว แต่ผู้ที่มีบ้านอยู่ติดชายทะเลบอกเวลานั้นกลางคืนที่เกิดมีพายุ มีน้ำทะเลซัดฝั่งด้วย คลื่นสูงมาก .......................น้ำทะเลหนุน ไม่มีใครเห็นใครทราบเนื่องจากเกิดเวลากลางคืน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2010
  9. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    ....................
     
  10. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    .....................
    เชิญร่วมสัมนาฯ
     
  11. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;หลวงปู่ทวดปี2497 เนื้อว่าน

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    [​IMG] *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;หลวงปู่ทวดปี 2497 เนื้อว่าน


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    หลวงปู่ทวดเนื้อว่านเป็นพระเนื้อว่านที่สร้างขึ้นเป็นรุ่นแรกเมื่อปี พ.ศ.2497 ของวัดช้างให้
    พุทธคุณเด่นในทางโชคลาภ เมตตา และแคล้วคลาด มากถึงมากที่สุดครับ

    การเลือกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี 97ก็มีเหตุผลสำคัญครับ เพื่อรวมพลังงานพุทธคุณของสุดยอดมวลสารและ ว่าน108

    เพราะยิ่งดูก็ก็ยิ่งเหมาะกับ Scope และ Scale การใช้งานของเหรียญทำน้ำมนต์มากๆครับ
    พลังงาน ว่าน108จำเป็นอย่างมากในการต่อสู้ของมนุษย์งาน คนกินเงินเดือนอย่างเราครับ ทั้งรักษา นำโชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย สารพัดประโยชน์จริงๆ


    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นหลวงปู่ทวดปี 2497เข้าไปด้วยแล้ว

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ


    [​IMG] *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    coming soon
    มกราคม 2554
     
  12. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอเป็นกำลังใจให้ชาวใต้ทุกๆคนครับ ช่วงนี้ยังมีฝน มีพายุอยู่อีกในหลายพื้นที่ภาคใต้

    ระมัดระวังเฝ้่าระวัง รับฟังข่าวสารและช่วยเหลือเกื้อกูลกันเอาไว้ครับ
     
  13. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    ....................
    โมทนสาธุกับอาจารย์ครับ



    พระนิพพานเป็นแดนทิพย์วิเศษ

    พระนิพพานเป็นแดนทิพย์วิเศษพ้นจากอำนาจของการเวียนว่ายตายเกิดจาก นรกโลก มนุษย์โลก เทวโลกพรหมโลก คำว่านิพพาน แปลว่าดับ หรือ หมด ดับหรือหมดจากอะไร

    1. ดับกิเลสสังโยชน์10 อย่างมีกิเลส โลภ โกรธ หลง เป็นต้น ดับความโลภด้วยการให้ทานเพื่อสงเคราะห์คนสัตว์ทั้งโลก ดับความโกรธด้วยการให้อภัยมีความสงสารเมตตาต่อคนสัตว์ทั้งโลกดับความหลงด้วยการเพียรคิดพิจารณาตามความเป็นจริงว่า โลกมนุษย์ เทวโลกพรหมโลกไม่มีความสุขจริง สุขชั่วคราวโลกมนุษย์เต็มไปด้วย ความทุกข์ยากลำบากวุ่นวายเสื่อมสลายตลอดเวลา

    2. ดับขันธ์5 คือกาย เวทนา สัญญา สังขารวิญญาณคือระบบประสาท ตา หู จมูก ลิ้น กาย อารมณ์ใจ ดับหมด คือไม่มีถึงแม้มีตอนนี้แต่ก็สลายตัวไปในที่สุด คือ แยกกาย รูป นามออกจากจิตที่เป็นของจริงกายเป็นเพียงเปลือก เป็นของปลอม เป็นภาพมายาจิตเพียงแต่มาอาศัยกายชั่วคราวเพราะความไม่รู้จริงของชีวิตจิตจึงต้องมาเกิดในร่างกายที่เป็นซากศพเดินได้หายใจได้ พูดได้อย่างนี้ ขอย้ำว่า วิญญาณในขันธ์5 คือความรู้สึกของระบบประสาทในร่างกายทั้งหมด ไม่ใช่ จิต อารมณ์ต่าง ๆดี ชั่วก็ไม่ใช่ของจิต

    3. จิตเดิมแท้เป็นจิตสะอาด บริสุทธิ์มีลักษณะเป็นจิตพุทธะประภัสสรมาก่อนเป็นจิตนิ่งเฉย ไม่วอกแวกไม่สอดส่ายอยากรู้อยากเห็นในเรื่องของโลก จิตเดิมแท้มีพลังงานมีอานุภาพเหนือธรรมชาติ มีความฉลาดรอบรู้ในสิ่งที่ต้องการรู้มีอภิญญา สมาบัติและมีความสุขเลิศล้ำจิตอันนี้จะมีรูปลักษณ์หรือจะทำให้ไม่มีรูปลักษณ์ก็ได้ตามจิตปรารถนา ไม่ได้ดับสูญสลายเหมือนขันธ์5

    จิตที่เข้าถึงพระนิพพานจึงเป็นจิตที่อยู่ในขันธ์5 ทั้ง ๆที่ยังไม่ตายเพียงแต่กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา อกุศลกรรมไม่สามารถบังคับให้จิตต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป จิตแบบนี้คือ จิตสอุปาทิเสสนิพพานถ้าหากร่างกายตาย จิตที่สะอาดปราศจากกิเลสตัณหาอุปาทานก็ไปเสวยสุขยอดเยี่ยมแดนทิพย์วิเศษนิพพานไม่อยู่ในอำนาจของวัฏฏสงสารไม่อยู่ในอำนาจของอนิจจัง ทุกขังอนัตตา
    พระนิพพานเป็นโลกุตรธรรม อยู่เหนือคำว่า อนิจจังทุกขังอนัตตา

    นิพพานนัง สูญญัง แปลว่าพระนิพพานเป็นธรรมที่ว่างจากนรกโลก เทวโลกว่างจากมนุษย์โลก คือ ว่างจากการเวียนว่ายตายเกิดว่างจากความแปรปรวนว่างจากความทุกข์ทั้งสิ้น ว่างจากอนัตตาไม่มีวันสูญสลายตายไปเหมือนโลกทั้ง3 พระนิพพานจะมีแต่จิตของพระพุทธเจ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์จิตของพระนิพพานเป็นจิตที่ว่างเปล่าจาก อวิชชา ความรู้ไม่จริงว่างเปล่าจากความอยากตัณหาว่างจากอุปาทาน ความยึดติดในกายคน กายเทพ กายพรหมซึ่งเป็นของสมมุติชั่วคราวกายนิพพานละเอียดเบาใสสว่างเบิกบานมีพลังมาก

    กายทิพย์นิพพาน เรียกว่าธรรมกาย เป็นอมตะธาตุ ที่ไม่มีดิน น้ำ ลม ไฟไม่ใช่กายเทพ กายพรหม เป็น อสังขธาตุเป็นพุทธิธาตุ เป็นธาตุที่มีอยู่แล้ว เหนือกฎธรรมชาตทั้งปวง เป็นกายทิพย์ จิตทิพย์จิตนิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นจิตของพระอรหันต์ พระขีณาสพเรียกสภาวะจิตที่ไม่มีขันธ์5 ไม่มีกายหยาบ กายเทพ กายพรหมว่าอนุปาทิเสสนิพพาน

    ดังนั้นพระนิพพานองค์พระศาสดาจึงแบ่งแยกไว้มี2 ชนิดคือ

    1) สอุปาทิเสสนิพพาน คือ จิตดับจากกิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชาอกุศลกรรมแต่ยังมีกายหยาบคือ ขันธ์5 ของคนขันธ์ทิพย์ของเทวดาพรหมอยู่ คือ ยังไม่ตายแต่จิตเป็นจิตของพระอรหันต์ขีณาสพผู้ห่างจากกิเลสเครื่องเศร้าหมองยังรู้อาการเจ็บปวดของกายครบถ้วน

    2) อนุปาทิเสสนิพพาน กายหยาบขันธ์5 ตายดับสูญสลายจากกายสัตว์นรก กายมนุษย์ กายเทพ กายพรหมแต่จิตบริสุทธิ์ ไม่ดับสลายยังอยู่มีความสุขตลอดกาล ในแดนอมตะทิพย์นิพพานเป็นนิพพานกาย-ธรรมกาย

    การปฏิบัติธรรมตามเบื้องพระยุคลบาทขององค์สมเด็จพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของพุทธบริษัทในโลกนี้ต้องแบ่งแยกกันออกไปนั่นหมายความว่าสภาพจิตของแต่ละท่านนั้นแตกต่างกันการสร้างบุญบารมีก็ไม่เหมือนกัน

    บางท่านมีบารมีเก่าในชาติก่อนมาแล้วเมื่อมาเกิดในชาติปัจจุบันก็ได้พยายามสร้างบุญบารมีเพิ่มขึ้นอีกบุคคลประเภทนี้นั้นไม่ว่าจะทำอะไรเกี่ยวข้องกับทางธรรมะขององค์สมเด็จพระพิชิตมารที่ได้ทรงสอนเอาไว้เช่นได้ฟังธรรมได้อ่านบทพระธรรมวินัยก็เกิดเลื่อมใส เกิดปิติ ศรัทธาแล้วก็นำคำสอนขององค์พระบรมโลกเชษฐ์มาพิจารณาด้วนสติปัญญาเห็นสมควรดียิ่งแล้วนำเอาไปประพฤติ ปฏิบัติ และได้ประโยชน์อย่างมหาศาลเป็นต้นว่าหยุดการเวียนว่ายตายเกิด

    องค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงค้นหาสัจธรรมด้วยความพากเพียรสู้อดทนต่อความยากลำบากด้วยพระปัญญาบารมีและเต็มไปด้วยพระเมตตาปรารถนาที่จะช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิดพระองค์ท่านได้เอาชนะอุปสรรคทุกอย่างต่อสู้อย่างเต็มความสามารถมีความแน่วแน่เด็ดเดี่ยวที่จะค้นหาวิธีที่จะทำให้ไม่ต้องเวียนเกิดเวียนตายอีกต่อไป

    ในที่สุดพระองค์ก็ได้พบแดนทิพย์วิเศษที่ไม่มีใครทราบมาก่อนนั่นคือ สถานที่อันประเสริฐสูงสุดมีชื่อว่าพระนิพพาน เป็นแดนสงบสุขอย่างยอดเยี่ยมไม่มีดินน้ำลมไฟ ไม่มีพระอาทิตย์ ไม่มีขันธ์5 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่มีปัญหาต้องแก้ เสรีจากกฎของกรรมไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป มีจิตทิพย์กายแก้ว มีอิสระ เสรีจากกฎของกรรม กฎของธรรมชาติไม่มีเพศหญิงเพศชายปรารถนาสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น ปรากฏทันที จะไปแดนไหนๆก็ไม่มีใครห้าม

    นิพพานัง ปรมังสุขขัง
    พระนิพพานเป็นแดนทิพย์มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นมีความสุขอย่างยิ่ง

    นิพพานนังปรมังสุญญัง
    นิพพานสูญจากความทุกข์ทั้งสิ้น สูญจากรูปนามขันธ์5 สูญจากอนิจจังทุกขัง อนัตตา สูญจากการเวียนว่ายตายเกิดสูญจากธาตุดินน้ำลมไฟสูญจากกรรมชั่วทุกอย่าง สูญในที่นี้หมายความว่าไม่มีทุกอย่างที่โลกนี้มี

    การที่พระนิพพานมีลักษณะตรงข้ามกับโลกเช่นนี้จึงเป็นการยากที่คนจะเข้าใจพระนิพพานได้ผู้ที่จะเข้าใจพระนิพพานได้ชัดเจนจริง คือผู้ที่ปฏิบัติสมาธิ วิปัสสนา พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง (เช่นมโนมยิทธิเป็นต้น)

    สัพเพ ธัมมา อนัตตา
    แปลว่าธรรมทั้งหลายทั้งปวงควบคุมไว้ไม่ได้ต้องแตกสลายสูญหายไปทั้งสิ้น บางท่านจึงแปลไปว่าพระนิพพาน คือ ธรรมะ เป็นอนัตตาสูญสลาย ตามโลกมนุษย์ด้วยซึ่งเป็นการเข้าใจผิด
    พระนิพพานไม่ใช่อนัตตาเป็นอมตะไม่อยู่ในกฎของไตรลักษณ์

    โปรดอย่าลืมว่าพระพุทธองค์ทรงสอนธรรม2 แบบ

    1. โลกียธรรม คือธรรมที่ชาวโลกปฏิบัติให้มีชีวิตอยู่ไม่ทุกข์เกินไปแต่ก็ยังวนเวียนว่ายตายเกิดอยู่

    2. โลกุตตรธรรม คือ ธรรมที่เหนือนรก โลกสวรรค์ พรหม เป็นธรรมที่ ทำให้หลุดพ้นทุกข์ นรกโลก สวรรค์ พรหมไปสู่แดนที่เป็นสุขตลอดกาล คือพระนิพพาน

    ท่านผู้ได้ปฏิบัติศึกษาทางธรรมเป็นที่เข้าใจตามองค์พระพุทธศาสดาทรงสอนไว้เป็นหลักฐานในพระคัมภีร์เรียกว่าพระไตรปิฏกซึ่งมีพระธรรมคำสอนอยู่ครบถ้วนและท่านที่มีศรัทธาบารมีมีความเชื่อมั่นในพระธรรมคำสอนได้เอาพระธรรมไปศึกษาพิจารณาปฏิบัติก็จะได้เกิดเป็นประโยชน์คือมีความสุขกายสุขใจ

    พระธรรมนั้นไม่มีคำว่า ล้าสมัยทันสมัยตลอดกาลเพราะพระธรรมเป็นของจริง พระธรรมคือ ธรรมชาติในกายเรารอบ ๆตัวเราทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของจริงพระธรรมคือธรรมชาติในกายเรารอบ ๆ ตัวเราทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของเพราะอยู่ใต้บังคับบัญชาของกฎธรรมชาติ คือต้องเปลี่ยนแปลง วิ่งเข้าหาความสึกหรอทรุดโทรมแล้วสูญสลายแตกหักกระจายในที่สุดถ้าเป็นคนสัตว์ก็เรียกว่า เน่าเหม็นตายจิตวิญญาณที่มาอาศัยอยู่ในกายชั่วคราวไม่ใช่เจ้าของร่างกายเลยร่างกายไม่ได้อยู่ในอำนาจของจิตวิญญาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2010
  14. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
  15. ๑กุหว่าใจ๋๑

    ๑กุหว่าใจ๋๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,730
    จากภัยพิบัติหลายๆครั้งที่ผ่านมา ผมสังเกตุว่าคนที่ประสพภัยส่วนใหญ่มักรอความช่วยเหลือจากส่วนกลาง ไม่ก็จากภายนอก ซึ่งบางครั้งก็ไม่ค่อยทันหรือเพียงพอต่อความต้องการ หากลองเปลี่ยนความคิดใหม่ โดยการลองหาวิธีเตรียมความพร้อมเบื้องต้น ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ และอาจช่วยเหลือเพื่อนบ้านหรือส่วนรวมได้บ้างตามกำลัง ค่อยๆขยายความพร้อมออกไปจากครอบครัวเป็นระดับชุมชนหรือท้องถิ่น ก็จะเกิดความเข้มแข็ง สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นครับ
     
  16. ANUWART

    ANUWART เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,669
    ค่าพลัง:
    +14,320
    .................
    เชิญเข้าร่วมสัมนาฯ กันครับ สาธุ
     
  17. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์ หลวงปู่ใหญ่;หลวงปู่เทพโลกอุดร

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;

    หลวงปู่เทพโลกอุดร

    (ในหลายๆความเชื่อว่ากันว่าท่านคือองค์เดียวกับพระอุตตระมหาเถระเจ้า
    พระธรรมทูตที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิครับ
    ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ)


    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เหรียญน้ำมนต์รุ่น4;รูปลักษณ์หลวงปู่ใหญ่;เป็นรูปลักษณ์ที่ 8 ที่postมานะครับ รอรูปลักษณ์สุดท้ายได้เร็วๆนี้ครับ
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  18. รัตนกมล

    รัตนกมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +211
    ที่ภูเก็ต
    มีกลุ่มพลังจิตพิชิตภัยอยู่ตรงไหนหนอ
    เราเพิ่งเข้ามา
    อยากรู้จัง
     
  19. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ชนวนพิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย

    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4

    ชนวน พิเศษในเหรียญน้ำมนต์รุ่น4;ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล นั่นเองครับ( องค์ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อพระราชพรหมยานด้วยครับ)

    coming soon
    มกราคม 2554


    [​IMG]





    ปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล
    พุทธคุณกว้างขวางมากครับ
    ใช้ดูดพิษ แมลงสัตว์กัดต่อย ทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี เมตตา มหานิยม ก็มีครับ

    ครูบาชุ่ม วัดวังมุยท่านเป็นพระที่ทรงความดีอย่างที่สุดแล้วครับมีผู้ให้ความเคารพนับถืออย่างมากมาย

    หลวง ปู่ชุ่ม หรือ ครูบาเจ้าชุ่ม โพธิโก เป็นพระผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ท่านปฏิบัติตามแนวทางกรรมฐาน 40 ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างอุกฤษฏ์ ชนิดยอมเอาชีวิตเข้าแลก จึงปรากฏว่าท่านเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนา และบุคคลทั่วไปอย่าง หลวงปู่ชุ่มเป็นพระทีรอบรู้และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย บำเพ็ญบารมี 10 ประการ อันประเสริฐตลอดชีวิตสมณเพศ และมีความวิริยะอุตสาหะปฏิบัติเพื่อมรรคผลสูงสุดในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

    ด้วย พลังแห่งฌานสมาบัติที่แก่กล้า และพลังแห่งเมตตาจิต รวมทั้งสรรพวิชาที่ท่านได้เพียรศึกษาและสั่งสมมาตามคติครูบาอาจารย์ ทำให้กิตติศัพท์ความเก่งกล้าทางด้านวิชาพุทธาคมของหลวงปู่ชุ่ม เป็นที่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชนยิ่งนัก โดยเฉพาะด้านคงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด หลวงปู่ชุ่มท่านเป็นพระภิกษุที่มีความชำนาญด้านการผูกอักขระเลขยันต์ต่างๆ รวมทั้งมีอำนาจฌาณสมบัติที่แกกล้าและขลังมาก หลวงปู่ชุ่มได้รับนิมนต์ให้ไปเป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกหลายงาน ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ได้แก่ พิธีพุทธาภิเษกอัฐิท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย วัดบ้านปาง จ.ลำพูน หลวงปู่ชุ่มเป็นองค์ประธานในพิธี มีพระอริยะเจ้าทั่วภาคเหนือเข้าร่วมในพิธีนี้ ซึ่งนับเป็นประวัติการณ์อันมิได้ปรากฏขึ้นโดยง่าย

    พูดถึงพระที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบแล้วทางล้านนาเราก็ต้องนึกถึงครูบาศรีวิชัยเป็นอันดับต้นๆใช่ไหมครับ

    ครู บาชุ่มนี่แหละครับคือศิษย์เอกของครูบาศรีวิชัยอย่างแท้จริง และเป็นศิษย์ที่ครูบาศรีวิชัยให้ความไว้วางใจอย่างมาก อีกทั้งพัดหางนกยูงของครูบาศรีวิชัยก็ได้มอบให้กับครูบาชุ่มก่อนที่จะมรณภาพ อีกด้วยครับ

    ในปัจฉิมวัยของหลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก ท่านเปิดเผยเกียรติภูมิเต็มองค์ โดยร่วมเส้นทางธรรมสัญจรไปพร้อมกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และเผ่าพงศ์พระสุปฏิบันโน ผู้ล้วนเป็นสหธรรมิกที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น


    ครู บาชุ่มท่านมีวิชาปรอทสำเร็จ คือ สามารถนำปรอทมาเสกเป็นตัว เพื่อทำตระกรุดปรอทได้

    "
    จากคำกล่าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี"

    อาตมาเคยได้มาดอกหนึ่ง (ได้ให้ลูกปุ๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ไปแล้ว) อันวิชาปรอทสำเร็จนั้น สุดจะยากเย็นแสนเข็ญอยู่แล้ว และความสามารถของหลวงปู่นั้น หลวงพ่อเล่าว่า... หลวงปู่ชุ่มสามารถเข้านิโรธสมาบัติด้วยอิริยาบถทั้ง ๔ (ปกติผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะอิริยาบถใดอิริยาบถหนึ่ง ส่วนใหญ่ไม่นั่งก็นอน) ซึ่งหลวงพ่อเล่าว่าในชีวิตของท่าน ไม่เคยได้ยินว่ามีใครทำได้อย่างนี้มาก่อนเลย...

    (จากคำกล่าวของพระ เดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ที่บันทึกโดยพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ ๒๘ มีนาคม ๒๕๓๓ ขอกราบขอบพระคุณครับ)

    การ จะทำตะกรุดปรอทได้นั้นพระเกจิรูปนั้นต้องใช้ฌาณสมาบัติที่สูงมาก เพราะปรอทนั้นเป็นของเหลว และเคลื่อนตัวลื่นไหลไปมาได้ การที่จะเสกปรอทให้เป็นตัวนั้นจะต้องมีสมาธิที่แก่กล้ามากครับ ปรอทนั้นเป็นธาตุกายสิทธิ์ในตระกูลของเหล็กไหลชนิดหนึ่ง มีอำนาจและความศักด์สิทธิ์ในตัว เชื่อกันว่าเมื่ออาราธนาปรอทติดตัวไว้คุ้มครองกายแล้วเหมือนกับการได้มี เหล็กไหลอยู่ในความครอบครองของเราเลยทีเดียวครับ ..ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐานจิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม และดวงจิตดวงธรรมที่เปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ และขาวสะอาดตลอดอายุกาลของท่าน อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความกันแล้วครับ

    ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ลูกหาไว้ว่า "มึงมีของกูไว้เหมือนมึงได้อยู่กับกู ไม่ต้องกลัว ต่อให้ระเบิดจะลงมึงก็ไม่ต้องกลัว"...

    (หากมีข้อมูลใดผิดพลาดกราบขอขมาครูบาชุ่ม โพธิโกและขอขมาพระรัตนตรัยมาณที่นี้ด้วยครับ)

    ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัยโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผนโบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอดกันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อคงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา


    สรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมีปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำเป็นน้ำมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อรักษาโรคต่างๆ


    การเล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)

    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปอีกทอดหนึ่ง

    อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมาแต่โบราณ
    1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี


    ===========​


    การ เลือกปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุยหรือวัดชัยมงคล ก็มีเหตุผลสำคัญครับ เพราะด้วยเดิมทีอานุภาพของปรอทสำเร็จก็มีคุณอย่างมากในเรื่องของการฆ่าพิษ ทำลายพิษ ดูดพิษ ถอนยาสั่งสรรพคุณของปรอท ใช้ได้กว้างขวางในแง่ของการรักษาโรคอยู่แล้ว

    ยิ่งถ้าได้รับการอธิษฐาน จิตปลุกเสกจาก พระเกจิอาจารย์ที่มีอำนาจพลังจิต หรือ มีฌานสมาบัติที่แก่กล้า พร้อมทั้งเป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ด้วยศีลาจาริยวัตรที่งดงาม อย่างหลวงปู่ ครูบาชุ่มแล้ว เชื่อว่าคงไม่ต้องอธิบายให้มากความถึงความพิเศษกันแล้วล่ะครับ



    confirmครับว่าเมื่อรวมชนวนพิเศษดังเช่นปรอทกายสิทธิ์ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย เข้าไปด้วย

    เหรียญทำน้ำมนต์ชุดปิดตำนานนี้จะมีพุทธคุณมหาศาลครอบจักรวาลและ
    ."ช่วยกลับร้ายกลายเป็นดี สิ่งที่ดีทวีขึ้นพลันนิรันดร"แน่นอนครับ



    ปล.
    เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4 จะได้รับการอธิษฐานจิตจากหลวงปู่ศรี มหาวีโรพระผู้มากล้นด้วยบารมี
    1 ในเสาหลักพระกรรมฐานของยุคนี้ครับ
    ชมภาพหลวงปู่ศรี วัดป่ามหากุง และมหาเจดีย์ที่ท่านสร้างได้ที่นี่ครับ

    [​IMG]
    หลวงปู่ศรี มหาวีโร วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด


    ============​



    ลองอ่านประวัติเกี่ยวกับตำนานปรอทและอานุภาพของปรอทเป็นออเดิร์ฟ ก่อนที่จะได้รับเหรียญทำน้ำมนต์แล้วกันนะครับ

    *ประวัติและความเป็นมาของ"ปรอท"
    *

    * ปรอท ตามคติของการสร้างวัตถุมงคล เป็นแร่ธาตุที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยในสมัย
    โบราณท่านกล่าวไว้ว่า ให้นำแร่ปรอทมาใช้เป็นส่วนผสม ส่วนหนึ่งในการรักษาโรคต่างๆ ของยาแผน
    โบราณ และบางส่วนก้อใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ในอีกส่วนหนึ่งก็มีการทำให้แข็งตัวตามตำราที่สืบทอด
    กันมาจากโบราณ ที่เรียกขานกันว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะวงการนักนิยมเครื่องรางของลัง
    เชื่อถือกันว่า ปรอท เป็นแร่ธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และมีอานุภาพ อยู่ในตัวเอง แม้นจะเก็บไว้นานก้อ
    คงสภาพไม่แปรเปี่ยนเป็นสีอื่น ปรอทที่แท้จริงจะมีสีขาว ถ้าขัดถูจะดูสดใสขึ้นในทันที จะดูเป็นสีใหม่อยู่
    เสมอ พิสูจน์ได้โดยเอาถูกับตะกั่วซองบุหรี่ จะร้อนไหม้ขึ้นในทันที เอาหลังแตะกันจะเห็นเป็นยาง
    เอาถูอลุมิเนียมจะเป็นขุยขึ้นมา เอาถูที่มือ จะป็นสีดำ จึงจะเป็นของแท้ถูกต้องตามตำรา สรรพคุณ
    ของปรอท ใช้ได้กว้างขวาง เหมาะแก่ท่านที่อยู่ตามชนบท ต่างๆ เช่น ตามไร่ นา ป่า เขา ควรมี
    พระปรอทติดตัวไว้บูชา ป้องกันอันตรายได้หลายอยาง บรรพบุรุษนับถือกันจริงๆ ยิ่งนำมาสร้างเป็น
    พระหลวงปู่ทวดเหยีย่บน้ำทะเลจืด ถือได้ว่าย่อมมีความศักดิ์สิทธิ์หลายอย่าง เพราะหลวงปู่ทวด เป็น
    สุดยอดพระนิรันตราย พระเนื้อปรอทหลวงปู่ทวดนี้ นำพกติดตัว เมื่ออันตรายใช้ได้ทันที อาทิ แช่น้ำ
    เป็นน้ำพุทธมนต์ หรือ ดื่มกินเพื่อักษาโรคต่างๆ อานุภาพ ของพระเนื้อปรอทตามตำนานที่เชื่อถือกันมา
    แต่โบราณ
    *

    *1. เมื่อถูกของมีคม ใช้ถูปากแผล ห้ามเลือด และแผลจะปิดทันที
    2. กันไข้ป่า ไข้พิษ ต่างๆ
    3. ดูดพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำสุราล้างพระปรอท ปิดแผล
    4. ดูดพิษงู
    5. ป้องกันภูติ ผีปิศาจ และคุณไสย
    6. เวลาเดินทางไกล อาราธนาติดตัว หรือแช่ทน้ำมนต์ ประพรหมยานพาหนะป้องกันภยันตรายต่างๆ
    7. ปวดฟันให้อมพระปรอทไว้
    8. ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง
    9. ทารักษาโรคผิวหลังกลากเกลื้อน
    10. เป็นฝี ใช้พระเนื้อปรอท ล้างน้ำสุรา ปิดที่หัวฝี การเล่นแร่แปรธาตุหุงหาปรอท ตามตำหรับ
    โบราณนี้ เป็นเรื่องที่หาพระคณาจารย์ ผู้ที่มีวิชาทำได้ยากยิ่ง ดังนั้นพระปรอทจึงเป็นสิ่งสำคัญหายาก
    จึงควรเก็บักษาไว้ให้ดี เพราะตำราที่ใช้หุงปรอทนั้นเป็นตำรับที่ตกทอดมาแต่โบราณ เป็นการรักษา
    ของเก่าที่มีมาแต่ครั้งบรรพบุรุษไม่ให้สูญหายไปกับกาลเวลา *


    เล่นแร่แปรธาตุ ปรอทวิเศษ (สำเร็จ)
    *
    *การแปรธาตุหนึ่งไปสู่อีกธาตุหนึ่ง ที่มีคุณลักษณะทางกายภาพและเคมีให้ต่างไปจากเดิม
    นั้น ชาวสยามในสุวรรณภูมิมีวิทยาการในเรื่องนี้มาช้านานจากตำนานพบว่าได้รับการถ่ายทอดมาจาก
    ชาวชมพูทวีปที่ได้รับความรู้นี้มาจากไอยคุปต์โบราณอีกทอดหนึ่ง เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุนี้เป็นเรื่อง
    จริงที่มิใช่เพียงตำนานที่เล่าขานนอกจากการแปรธาตุให้เป็นสิ่งที่มีค่ามากขึ้นยังพบว่ามีการใช้ในการ
    สรรสร้างวัตถุที่ประจุพลังจิตอีก เรื่องราวเหล่านี้พบในเอกสารโบราณหลายฉบับทั้งยังมีกล่าวในพระ
    ไตรปิฏกตอนที่กล่าวถึงโลกจินไตยว่าอันคติเรื่องโลกนั้นแบ่งได้สองสาขาคือ*

    *๑. มนิกาวิชชาคือความรู้เรื่องจิตศาสตร์อันได้แก่ ความรู้ทางจิต การบำเพ็ญจิตในลักษณะต่างๆ
    ทั้งก่อนพุทธกาลและในขณะนั้นเช่นการสะกดจิต การฝึกปราณยามะ การเพ่งกสิณ
    ๒. ตัชชารีวิชชา อันนี้คือความรู้เรื่องเครื่องลางของขลัง ๔ ประการคือ*

    *๒.๑ มูลตัชชารี ความรู้เรื่องต้นไม้ว่านยาที่มีอานุภาพต่างๆ
    ๒.๒ มันตาตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องเวทมนต์ต่างๆที่หลายท่านคุ้นเคยกันดี
    ๒.๓ อังกตัชชารีวิชชา ได้แก่ความรู้เรื่องการทำเครื่องลางของขลังพวกพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด
    พิสมรต่างๆ
    ๒.๔ ธาตุตัชชารีวิชชา คือความรู้เรื่องแร่ธาตุต่าง ที่มีอิทธิฤทธิ์รวมทั้งวิชาเคมียุคดึกดำบรรพ์ เรียก
    ว่ารสายนเวทที่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆ เช่นการแปรธาตุตะกั่วเป็นทองคำ
    (สีสัน-ลักษณะโครงสร้างภายนอก) การแปรธาตุปรอทเป็นของแข็งที่เรียกกันว่าปรอทสำเร็จธาตุ
    กายสิทธิ์วิชาเรื่อง การแปรธาตุนี้เกือบเหลือเป็นเพียงแค่ตำนานเพราะมีผู้รู้สืบทอดน้อยลงวิชา
    ประการต่างๆก็พลอยสาบสูญไปกับผู้ที่รู้วิชาเหล่านั้น*

    *การแปรธาตุนั้นถือเป็นการร่ำเรียนพระเวทขั้นสูงเพราะต้องใช้ทั้งความรู้และสติปัญญา
    ในการไขปริศนาแห่งวิชาให้เข้าใจทั้งต้องมีพลังจิตในระดับอัปมัญญาสมาธิ (ฌานสมาบัติ) จึงจะ
    สามารถทำสำเร็จ เท่าที่พบในประวัติศาสตร์ของชาวสยามนั้นมีวิชาการที่กล่าวถึงเรื่องนี้อยู่มากทั้ง
    ปรากฏหลักฐานในพระเครื่องรางของขลังที่ผู้มีความรู้พระเวทสายนี้สรรสร้างบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์
    ต่างๆ แสดงถึงความรุ่งเรืองของรสายนเวทในสมัยนั้น หากท่านเป็นนักนิยมพระเครื่อง คงรู้จัก
    เครื่องลางเช่นลูกปรอทกรอก็เป็นประดิษฐกรรมอย่างหนึ่งและพระเครื่องที่ทรงฤทธานุภาพสูงที่บรรจุ
    ในกรุโบราณมาแต่สมัยศรีอโยธยารามเทพนคร ที่สรรสร้างด้วยพระเวทสายเล่นแร่แปรธาตุก็คือ พระ
    กรุวัดท้ายย่าน จังหวัดชัยนาท ที่ปรากฏมีผู้เรืองวิทยาคมสูงส่งสืบทอดอย่างไม่ขาดสายจนปัจจุบัน
    ความเข้มขลังของพระกรุนี้นักนิยมพระรุ่นเก่าถึงขนาดดูแท้ปลอมด้วยการอาราธนากำพระเครื่องนี้
    แล้วนำเข็มฉีดยาแทงหากว่าเข็มทะลุผ่านชั้นเนื้อไปได้ก็ถือว่าพระเครื่องท้ายย่านองค์นั้นปลอม นี่คือ
    กฤติยาคมที่ผ่านพ้นอดีตจนมาพิสูจน์ความจริงแท้ในโลกปัจจุบัน*

    * นอกจากพระกรุวัดท้ายย่านจะมีอิทธิคุณเข้มขลังแล้วท่านทราบไหมว่าพระเครื่องชุดนี้
    สร้างจากวิชาเล่นแร่แปรธาตุที่ปรากฏในตำนานสยามคือวิชาปรอทสำเร็จธาตุกายสิทธิ์นั่นเองเมื่อผ่าน
    กาลเวลานานนับร้อยปีประกอบกับความร้อนเย็นในกรุพระปรอทนั้นก็กินตัวกรอบไม่คงทนทำให้พระชุดนี้
    ตกแตก บรรดานักนิยมพระเครื่องที่ไม่เดียงสาก็คิดว่าพระท้ายย่านนั้นมีส่วนผสมสร้างจากแร่
    พลวง(วุลแฟรม)ชนิดหนึ่งเท่านั้นและท่านทราบอีกหรือไม่ว่าพระชุดนี้มิได้ใช้การหลอมเทด้วยความร้อน
    !!!! แต่เป็นการปั้นอัดพิมพ์โลหะกายสิทธิ์นั้นด้วยวิชาพระเวทขั้นสูงที่น่าตื่นตะหนกที่หลอมโลหะด้วย
    พระเวทแล้วชุบให้แข็งตัวหลายท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจบอกว่าเหลือเชื่อไม่น่าเป็นไปได้แต่ยืนยันว่า
    เป็นเรื่องจริง*

    *ก่อนที่จะมาถึงการหลอมปรอทโดยไม่ใช้ไฟที่มีนักวิทยาคมหลายท่านสงสัยว่าจริงหรือ ?
    บางท่านถึงกับกล่าวปรามาสไปก็มีว่าเป็นเรื่องเล่นกลหลอกลวงหรือบางรายกล่าวแบบขอไปทีว่าถึงทำ
    ได้แล้วไงจะขลังจริงหรือ อันนี้เป็นเรื่องต่างความคิดต่างความเชื่อกันคงไปบังคับกะเกณฑ์กันไม่ได้แต่
    ที่นำมาเล่าให้ฟังนี่ก็เพื่อสืบตำนานเรื่องราวที่เป็นความเชื่อทางวัฒนธรรมประการหนึ่งของไทยเราจะ
    ขอปูพื้นความรู้เรื่องปรอทวิเศษหรือปรอทสำเร็จที่เป็นของวิเศษในความเชื่อของผู้ศึกษาวิทยาคมว่า
    ใครหากทำได้เเล้วก็นับว่าบรรลุจุดสูงสุดในวิชาวิทยาคมประการหนึ่งเเบบเดียวกับที่เราศึกษาวิชา
    ความรู้ภาคสามัญแล้วได้ปริญญาอย่างไรอย่างนั้นจึงขอคัดตำราการหุงปรอทสำเร็จแบบหนึ่งซึ่งจริงใน
    เมืองไทยมีตำราแบบที่ว่าด้วยการหุงปรอทนี่เท่าที่พบไม่น้อยกว่ายี่สิบตำราครับการหุงปรอทตำรับนี้ที่ได้
    จากตำราเก่าอายุหลายร้อยปีเล่มหนึ่งกล่าวถึงการหุงปรอทและสรรพคุณไว้จึงขอคัดมาเป็นพื้นความรู้
    เพื่อกล่าวถึงเนื้อความต่อๆไปดังนี้ครับ
    ปรอทเป็นของเหลวและไหลกลอกกลิ้งได้เช่นเดียวกับน้ำ หลักวิทยาศาสตร์ปรอทนั้นจะมีอาการหดตัว
    เมื่อถูกความเย็นและพองตัวเมื่อถูกความร้อน ตามวิชาการแพทย์ก็ต้องใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดระดับ
    ความร้อนของคนไข้ หลักอุตุนิยมวิทยาก็ใช้ปรอทเป็นเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นต้น
    เพราะความคุมตัวกันไม่ติดของปรอท และเป็นธาตุชนิดหนึ่งที่มีอาการประหลาดนี้เอง ในโบราณกาล
    จึงถือว่าปรอทนั้นหากผู้ใดมีวิชาสามารถทำคุมตัวกันได้ และประกอบพิธีโดยหลักไสยศาสตร์อันถูกต้อง
    ครบถ้วนแล้วฤทธิอันเกิดจากวิทยาคมซึ่งรวมอยู่ในปรอทนั้นอาจจะสามารถนำผู้ที่เป็นเจ้าของให้เกิด
    อิทธิฤทธิและกระทำปาฏิหาริย์ต่างๆได้ ดังอุปเท่ห์โบราณดังนี้*

    *๑. ผู้ใดอมปรอทไว้ ผู้นั้นจะมีรูปร่างดังพระมหาจักรพรรดิ (หมายถึง ความมีเดช
    ฤทธิ์ และความงามเป็นที่เสน่หากระมังอันนี้รวมถึงอานุภาพที่คล้ายกับเหล็กไหลในตำนานที่เด่นเรื่อง
    คุ้มครองป้องกันด้วย)
    ๒. เสียงไพเราะ ดังท้าวมหาพรหม (หมายถึง พูดถูกใจบุคคล เป็นเสน่ห์ พูดอะไรมี
    คนเชื่อถือกระมัง)
    ๓. ไปป่าหิมพานต์ยาม ๑ ก็ถึง (คงหมายถึงการปาฏิหาริย์ ล่องหน)
    ๔. ไป ๔ ทวีป ในนิ้วมือเดียว (เช่นเดียวกับข้อ ๓ หรืออาจหมายถึงกายทิพย์ก็ได้)
    ๕. คิดอะไรสำเร็จความปรารถนา*
    (ขอบคุณข้อมูลจากเว็บเทพจำแลง)
    อนุโมทนาด้วยครับ
    [​IMG]

    *** ในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งดีดีจะมาหาคุณ *** เหรียญทำน้ำมนต์รุ่น4


    coming soon
    มกราคม 2554
     
  20. วิชา ละ

    วิชา ละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    338
    ค่าพลัง:
    +2,416
    ตามพี่ๆเข้ามาร่วมกันให้กำลังใจกับทุกท่านทุกความดีด้วยคนครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...