คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu

    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ<!-- google_ad_section_end -->
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [[​IMG]

    เรื่องหลวงพ่อโต

    ครั้งหนึ่งขณะที่คุณนิพนธ์ ภัคดีวัฒนา ยังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนอาษา ในช่วงปิดเทอมซึ่งกำลังปรนนิบัติบีบนวดหลวงปู่อยู่นั้น ได้มีครอบครัวหนึ่งเดินทางมากราบหลวงปู่ที่วัด เมื่อมาถึงหลวงปู่สั่งให้ไปกราบหลวงพ่อโตก่อน และได้เล่าประวัติของหลวงพ่อโตให้ฟังว่า เมื่อก่อนประมาณสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ หลวงปู่ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดกำแพงเพชร ขณะนั้นเกิดอหิวาตกโรคระบาด ชาวบ้านก็กำลังอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ชั่วคราวเพื่อหนีการระบาดของโรค หลวงปู่เมื่อได้เข้าพักที่บ้านญาติก็ได้เกิดนิมิตเห็นพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพิเศษ จึงได้เอ่ยปากขอบิณฑบาตพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งได้หรือไม่โดยยังไม่บอกว่าองค์ไหน ญาติหลวงปู่จึงตอบไปว่าจะเอาองค์ไหนไปก็ได้แล้วแต่หลวงปู่จะเอาไปเพราะว่าขณะนั้นที่บ้านมีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมากมายหลายองค์ หลวงปู่จึงนำหลวงพ่อโตกลับมาไว้ที่วัดพญาปราบ


    ปู่นับถือหลวงพ่อโตองค์นี้มากเพราะจิตสื่อถึงกันได้ ก่อนที่หลวงปู่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนนั้นหลวงปู่สร้างแต่พระรูปหลวงพ่อโตแจก ไม่เคยสร้างเหรียญรูปเหมือนตนเองเลย มีแต่ศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงปู่สร้างมาถวายทั้งนั้น ยิ่งรูปเหมือนลอยองค์และพระบูชารูปเหมือนนั้นหลวงปู่ไม่อนุญาตให้สร้าง แต่ลูกศิษย์ก็สร้างมาแล้วมาบอกท่านในภายหลังท่านจึงอนุโลมปลุกเสกให้ ถ้าบอกท่านก่อนท่านจะไม่ยอมให้สร้างอย่างแน่นอน

    ของเป็น

    การปลุกเสกอธิษฐานจิตของหลวงปู่เย่อนั้น ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่มักจะบอกอย่างมั่นใจว่า หลวงปู่นั้นถ้าของแกไม่ดีจริงแกไม่มีทางเอามาแจกเป็นอันขาด ถ้าอะไรที่หลวงปู่เอามาแจกแล้วเป็นอันว่าดีจริงมั่นใจได้ หลวงปู่มักจะเสกนานเป็นพิเศษในการลงเหล็กจารนั้นหลวงปู่จะต้องดูฤกษ์ดูยามด้วย ว่าจะลงจารวันไหนช่วงเวลากี่โมงถึงกี่โมง หลวงปู่จะเสกให้อย่างดีและตั้งใจมาก แต่บางครั้งหลวงปู่ก็เสกให้ไม่นานก็มี โดยเฉพาะการรับกิจนิมนต์ไปเข้าพิธีนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ที่หลวงปู่ได้รับกิจนิมนต์ บางครั้งหลวงปู่ท่านจะนั่งทำพิธีเพียงแค่ครู่เดียวแล้วท่านก็จะลงจากอาสนะเดินกลับวัดทันที มีอยู่ครั้งหนึ่งในงานพุทธาภิเศกวัตถุมงคลหลวงพ่อพริ้งที่วัดบางปะกอก หลวงปู่นั่งปรกสักครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ ด้วยความเกรงใจเจ้าภาพในงานพิธีลูกศิษย์จึงท้วงติงว่า “หลวงปู่ครับทำไมรีบกลับจังนั่งเสกนานๆ หน่อยสิครับ” หลวงปู่ตอบว่า “ของเป็นแล้วจะไปนั่งอยู่ทำไม ขืนอยู่ต่อก็นั่งหลับเปล่าๆ” ท่านหมายถึงว่าใช้ได้แล้ว ท่านจึงกลับ ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ต่อให้เปล่าประโยชน์

    ความเมตตาของหลวงปู่

    เมื่อครั้งที่ พ.ต.อ. สมัคร เกิดสว่างเนตร ได้สร้างเหรียญหลวงปู่รุ่นสอง มาถวาย ได้กล่าวกับหลวงปู่ว่าจะนำไปแจกตำรวจส่วนหนึ่ง ที่เหลือถวายวัด ซึ่ง พ.ต.อ. สมัคร ท่านก็ไม่ได้คิดมากอะไร เจตนาหมายถึงถวายหลวงปู่ไว้ด้วยเช่นกัน แต่หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดมากเมื่อบอกว่าถวายวัดก็หมายถึงต้องเป็นของวัด เมื่อถึงเวลาหลวงปู่ท่านปลุกเสกเสร็จ ท่านจึงได้มอบพระคืนให้ พ.ต.อ.สมัคร และส่วนที่พ.ต.อ. สมัคร มอบให้มานั้น หลวงปู่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการวัดไปดำเนินการทั้งหมด หลวงปู่จึงไม่ได้แจกเหรียญรุ่นสองเลย แม้แต่ศิษย์ใกล้ชิดไปขอเหรียญรุ่นสอง หลวงปู่ยังบอกให้ไปทำบุญเอา เพราะเขาไม่ได้บอกถวายให้หลวงปู่ไว้เลย เขาบอกว่าถวายวัด ถ้าพระที่ผู้สร้างนำมาถวายหลวงปู่ หรือเป็นพระที่หลวงปู่สร้างเอง หลวงปู่จะแจกพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่มาทำบุญบ้าง มาขอบ้าง หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตามากท่านแจกอย่างเดียวแจกจนหมดวัด มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณสมหมาย (น้องชายคุณอั้ง ร้านน้ำแข็งหน้าวัดพญาปราบ) ได้เดินมากมาจากภาคใต้ มากราบหลวงปู่ เมื่อถึงคราวจะลากลับจึงขอเหรียญท่านไปบูชา แต่ท่านแจกจนหมดจึงไม่มีเหลือ เมื่อไม่มีให้ คุณสมหมายก็รู้สึกผิดหวัง หลวงปู่ท่านจึงใช้เด็กในวัด ไปหาเช่าจากสนามพระแถวพระประแดงมาให้ โดยที่ท่านไม่ได้เรียกร้องเงินทองแต่อย่างใด แจกอย่างเดียวเพราะท่านเป็นพระที่มีแต่ความเมตตาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง

    อาจารย์เสือ

    หลวงปู่เย่อท่านเป็นพระที่เงียบๆ ไม่ค่อยคุยกับใครมากนัก แต่ถ้าศิษย์คนไหนประพฤติตนไม่เหมาะสม ท่านก็จะดุ หรือตวาดเสียงดังจนศิษย์ตกใจกลัว นอกจากเสียงแล้วแววตาท่านยังดุดันแข็งกร้าวเปี่ยมด้วยอำนาจ ไม่มีใครกล้าลองดีกับหลวงปู่ บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่วัดราชบพิธ จึงพากันตั้งฉายาให้หลวงปู่ว่า “อาจารย์เสือ” โดยเปรียบหลวงปู่ว่าท่านเสียงดุเหมือนเสือเลยทีเดียว แต่หลวงปู่ท่านก็ดุกับคนบางคนที่สมควรโดนสั่งสอนให้หลาบจำเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ท่านดุท่านสอนล้วนแล้วแต่ออกมาจากจิตที่ตั้งอยู่บนเมตตาธรรมทั้งสิ้น

    เคยมีตำรวจผู้หนึ่งได้ไปกราบขอพระเครื่องจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(วาสน์) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านถามตำรวจผู้นั้นว่า “เป็นคนที่ไหน” ตำรวจผู้นั้นตอบว่า “เป็นคนพระประแดงครับ” ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงบอกว่า “ถ้าอยู่พระประแดงก็ไม่ต้องมาขอพระเราหรอก ไปขออาจารย์เสือที่วัดอาษา เพราะว่าพระของเราก็ให้อาจารย์เสือปลุกเสกให้ทั้งนั้น ละ

    ทุกครั้งที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ให้ศิษย์วัดราชบพิธนำพระเครื่องมาให้หลวงปู่เย่อปลุกเสก ด้วยความเกรงใจหลวงปู่ ถ้าครั้งไหนมีจำนวนมากท่านจะเขียนด้วยลายมือท่านเองกำกับมาด้วยว่า “ท่านไม่ต้องจาร” แต่ถ้าครั้งไหนมีจำนวนไม่มากนัก หลวงปู่ท่านจะจารให้ทุกเหรียญ

    ***ท่านใดที่มีเหรียญของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) ลองสังเกตุที่ด้านหลังเหรียญดู บางเหรียญจะมีรอยจาร นะปัดตลอด ลายมือหลวงปู่เย่อ เหมือนกันกับที่จารในเหรียญของหลวงปู่แต่ละรุ่นครับ

    ตะกรุดหลวงปู่

    เรื่องตะกรุดของหลวงปู่นั้นมีการสร้างปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมายหลายครั้ง เรื่องที่เป็นที่กล่าวขานกันเนื่องจากได้พบเห็นต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมากได้แก่เรื่อง “เด็กลอยน้ำ” ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมของโรงเรียนอาษา ซึ่งได้เดินกลับบ้านกันในช่วงเลิกเรียนตอนเย็น ขณะเดินกลับบ้านก็ได้เล่นสนุกกับเพื่อนโดยผลักกันไปผลักกันมาทำให้เสียหลักพลัดตกน้ำบริเวณทางเดินปูน ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ฝั่งวัดกลาง ตรงข้ามวัดอาษา เรื่องน่าอัศจรรย์คือเด็กคนนี้ไม่จมน้ำทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น คงลอยน้ำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีคนมาช่วย เนื่องจากเพื่อนๆ พากันตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย ซึ่งเด็กคนนี้พ่อแม่นำตะกรุดของหลวงปู่เย่อใส่สร้อยแขวนคอไว้ให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องแปลกที่ผู้คนพบเห็นกันหลายคนอีกเรื่อง และพากันไปขอตะกรุดหลวงปู่มาบูชากัน เพราะต่างก็ประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาตนเอง

    อาจารย์สมยศ ตันติวงศ์วงวาณิชย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้เขียนมาตั้งแต่เด็ก พี่น้องทุกคนเรียนหนังสือที่โรงเรียนอาษา) ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยไปทำรางน้ำฝนที่วัดอาษา ครอบครัวอาจารย์สมยศมีอาชีพทำรางน้ำโดยเปิดร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดกลาง ชื่อร้านง่วนฮงการช่าง รางน้ำฝนที่ทำเสร็จแล้วก่อนที่จะนำขึ้นไปติดบนหลังคา หลวงปู่เย่อท่านได้นำเหล็กมาจารและบริกรรมคาถาก่อนจึงให้นำขึ้นไปติด ส่วนรางเก่าที่ทำการรื้ออกมานั้น หลวงปู่ท่านได้ใช้เหล็กจารพร้อมทั้งบริกรรมคาถา เสร็จแล้วท่านจึงบอกว่า “ใช้ได้แล้ว” ท่านบอกให้นำไปตัดแบ่งกันทำเป็นตะกรุดได้

    คุณนิพนธ์ ภัคดีวัฒนา สมัยวัยเด็กได้เคยพาพี่ชายซึ่งเป็นลูกของลุง ไปกราบหลวงปู่แล้วเอ่ยปากขอตะกรุดกับหลวงปู่เย่อ หลวงปู่ท่านพูดขึ้นด้วยความเมตตาและเอ็นดูต่อศิษย์วัยเด็กทั้งสองว่า “ตะกรุดของหลวงปู่นั้นมีอยู่สองแบบนะ มีแบบอยู่ยงคงกระพันชาตรียิงฟันไม่เข้า และแบบเมตตามหานิยมมีเมียเยอะๆ ใครจะเอาแบบไหนว่ามา” คุณนิพนธ์ ตอบหลวงปู่ด้วยความสนิทสนมจึงแหย่หลวงปู่เล่นด้วยว่า ผมเอาแบบอยู่ยงคงกระพันยิงฟันไม่เข้าครับ(พร้อมทั้งทำปากยิงฟันล้อเลียนหลวงปู่) พี่ชายคุณนิพนธ์ ตอบหลวงปู่ว่า ผมเอาแบบเมตตามหานิยมมีเมียเยอะๆ (ลากเสียงยาว) ครับหลวงปู่ หลวงปู่จึงหยิบตะกรุดมามอบให้ศิษย์ทั้งสองคนพร้อมทั้งบริกรรมคาถาเสร็จแล้วจึงหย่อนลงมือเด็กทั้งสองทีละคนด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง (ปรากฎว่าในปัจจุบัน พี่ชายคุณนิพนธ์ ก็ได้มีเมียเยอะจริงๆ มีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายหลังตามที่หลวงปู่พูดไว้สมัยวัยเด็ก)

    เรียกตะกรุด

    เมื่อคราวปลายปี ๒๕๒๓ ขณะนั้นหลวงปู่ชราภาพมากแล้ว คุณนิพนธ์ ภักดีวัฒนา ศิษย์ใกล้ชิดผู้เคยปรนนิบัติหลวงปู่ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ได้จากหลวงปู่ไปนานครั้นพออายุ ๒๖ ปีเลยวัยเบญจเพศได้เข้ามาที่วัดอาษาอีกครั้งเพื่อที่จะมาไหว้หลวงพ่อโตและมากราบหลวงปู่เย่อ ขณะนั้นหลวงปู่เย่อสรงน้ำอยู่ คุณนิพนธ์จึงนำดอกไม้ไปไหว้หลวงพ่อโต เมื่อหลวงปู่สรงน้ำเสร็จเดินออกมา เห็นคุณนิพนธ์กำลังไหว้หลวงพ่อโตอยู่จึงถามพระอาจารย์หวินว่า “ไอ้นั่นมันใครวะ” เมื่อพระอาจารย์หวินได้บอกว่าเป็นลูกใครหลานใครซึ่งเคยมารับใช้หลวงปู่สมัยก่อนแล้ว หลวงปู่ท่านนึกอยู่สักครู่ ท่านก็จำได้จึงบอกพระที่ดูแลหลวงปู่อยู่ให้ไปหยิบตะกรุดมาหนึ่งดอก ขณะนั้นคุณนิพนธ์คิดในใจว่าไม่อยากได้ตะกรุดเลยเพราะได้มาเยอะแล้ว ที่บ้านก็มีอยู่แล้วหลายดอก ยิ่งเวลานี้หลวงปู่ก็แก่มากแล้วจำอะไรก็ไม่ได้ จะเสกตะกรุดได้ศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกเหรอ สักพักพระที่ดูแลหลวงปู่ก็หยิบตะกรุดมาส่งให้หลวงปู่หนึ่งดอกแล้วจึงเดินจากไป หลวงปู่จึงบอกให้คุณนิพนธ์แบมือรอรับ คุณนิพนธ์จึงแบมือหลวงปู่ก็บริกรรมคาถา เมื่อเสกเสร็จก็ปล่อยตะกรุดลงพื้นไม่ลงมือคุณนิพนธ์ และตะกรุดก็กลิ้งไปใต้ฐานพระหลวงพ่อโต คุณนิพนธ์จึงบอกว่า “หลวงปู่ทำไมปล่อยไม่ลงมือ ตกพื้นไปแล้วครับ” แล้วคุณนิพนธ์จึงก้มลงมองหาตะกรุดที่ตกลงไปใต้ฐานพระ ได้ยินเสียงหลวงปู่พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปหาหรอก อยู่นี่ไง” ซึ่งคุณนิพนธ์ก็ยังไม่เชื่อที่หูตัวเองได้ยิน เพราะเห็นกับตาตนเองว่าตะกรุดตกลงพื้นแล้วกลิ้งไปใต้ฐานพระ ยังคงก้มมองหาอยู่ หลวงปู่พูดขึ้นเป็นครั้งที่สองว่า “บอกว่าไม่ต้องไปหา ตะกรุดอยู่นี่” เมื่อคุณนิพนธ์เงยหน้าขึ้นมาดู ปรากฎว่าหลวงปู่ถือตะกรุดอยู่ในมือจริงๆ จึงมาคิดได้ว่าหลวงปู่คงจะรู้จิตใจตนเองเป็นแน่จึงได้แสดงให้ดูว่า ความชราของหลวงปู่ไม่ได้ทำให้พลังจิตของหลวงปู่ลดน้อยลงไปเลย

    โดย เวชยคม /บทความโดยคุณสมชาย ปรางค์นวรัตน์

    ขอบคุณที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อโต หลวงปู่เย่อ วัดอาษา สภาพสวย หายากมากครับ

    ให้บูชา 900 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระกริ่งอ.ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ เนื้อนวะโลหะรุ่นแรก

    พระกริ่งอ.ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ เนื้อนวะโลหะรุ่นแรก

    องค์นี้ได้จากรางวัลในงานประกวดพระเครื่องที่ผ่านมา สำหรับผู้ที่ส่งพระเข้า

    ประกวดและติดรางวัลที่ 1 .ไม่มีให้บูชา และไม่ได้กันง่ายๆ

    ที่วัดมีให้บุชาแต่ไม่ใช้แบบนี้ครับ

    องค์นี้โค๊ตสวยเลขสวย ๑๙๔๙

    ให้บูชา 3500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  4. ก้องครับ

    ก้องครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    2,447
    ค่าพลัง:
    +10,647
    วันนี้ได้โอนค่าบูชากริ่งอู่ทองและปรกมะขามหลวงปู่หมุนให้เรียบร้อยแล้วนะครับ

    800+50+220+50 = 1,120 บาทครับ เวลาประมาณ 17.30 น.

    ที่อยู่ที่จัดส่งจะ PM ไปให้นะครับ

    ขอบคุณมากๆครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบครับขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อสายหยุด เกิดในสกุล สุดจิตร เป็นชาวตำบลทรงคะนอง อ.พระ ประแดง อุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม 2479 ณ วัดทรงธรรวรวิหาร อ.พระประแดง จ.สมุทรปรา การ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางน้ำผึ้งนอก เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2504
    หลวงพ่อสายหยุด ให้ความเคารพนับถือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นอย่างยิ่ง ท่านนิยมเก็บสิ่งของหรือวัตถุมงคลที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จฯ ไว้ทุกประเภท
    สำหรับวัดบางน้ำผึ้งนอก อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา หลวงพ่อสายหยุด ได้บูรณปฏิสังขรณ์ศาลาการเปรียญ สร้างอุโบสถ เขื่อนกั้นน้ำ กุฏิ ถนน ไฟฟ้า และสร้างโรงเรียนวัดบางน้ำผึ้งนอก จนมีความเจริญรุ่งเรืองตราบมาจนถึงทุกวันนี้
    หลวงพ่อสายหยุด มรณภาพลงด้วยโรคระบบหายใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลจุฬาลง กรณ์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2541 สิริอายุ 84 ปี พรรษา 62 เหรียญหลวงพ่อสายหยุด เป็นที่นิยมกันมากในหมู่นักสะสมพระเครื่องเมืองสมุทรปราการ โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อสายหยุด
    เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อสายหยุด เป็นเหรียญรูปไข่ มีหูห่วง เนื้อโลหะมี 2 ชนิด คือ เนื้อทองแดงรมดำและเนื้อทองฝาบาตร จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2510 ที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถวัดบางน้ำผึ้งนอก เพื่อแจกญาติโยมที่เข้าร่วมงานในครั้งนั้น
    ด้านหน้าเหรียญ เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อสายหยุดครึ่งองค์ หันหน้าตรง ขอบเหรียญเป็นลายเกลียวเชือก ด้านล่างเขียนคำว่า "พระปลัดปกรณ์" ด้านบนขอบโค้ง เขียนคำว่า "ที่ระลึกในงานยกช่อฟ้าอุโบสถ์วัดบางน้ำผึ้ง นอก" มีข้อสังเกต ตรงคำว่า อุโบสถ์ มีตัวการันต์ตรงตัวอักษร "ถ"
    ด้านหลังเหรียญเรียบ ไม่มียกนูน ตรงกลางระบุปี "๒๕๑๐" เป็นตัวเลขไทย ซึ่งเป็นปีที่จัดสร้าง และมียันต์รูปเหมือนจันทร์เต็ม และจันทร์เสี้ยว เล่ากันในหมู่ลูกศิษย์หลวงพ่อปุย ว่า มีคนที่คล้องเหรียญหลวงพ่อสายหยุด ถูกลอบยิงหลายครั้งหรือเอามีดฟัน แต่ไม่ระคายผิว รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
    ปัจจุบัน เหรียญหลวงพ่อสายหยุด รุ่นนี้ มีเหลือเพียงจำนวนไม่มากนัก ด้วยผู้ที่มีไว้ในครอบครองต่างไม่ยอมปล่อยออกมา ส่วนราคาเช่าบูชาอยู่ที่หลักพันต้นเท่านั้น นับเป็นพระเหรียญที่น่าสะสมเป็นอย่างยิ่ง



    แหล่งข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด[​IMG]

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อเคน เขาอีโต้ ปราจีนบุรี

    [​IMG]
    หลวงพ่อเคน

    หลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ เกจิผู้โด่งดังอีกรูปหนึ่งของจังหวัดปราจีนบุรี ผู้มีอภินิหารมากมาย เช่น
    หายตัวได้ ย่นระยะทางได้ ต่างๆนานา อยู่ในถ้ำเขาอีโต้ จนมรณะภาพ


    หลวงพ่อเคน (หรือหลวงปู่เคน) เป็นพระเกจิอาจารย์ ยุคเก่า ที่พรรษาน่าจะมากกว่าหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก และหลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน จึงไม่ค่อยมีประวัติ
    ของหลวงพ่อมากนัก ด้วยปี พ.ศ.2513 อันเป็นปีที่หลวงพ่อเคนมรณะภาพ

    ปีนั้นหลวงพ่อก็มีอายุถึง 111 ปีแล้ว วัตถุมงคลของหลวงพ่อ จะเน้นไปทางเมตตา มหานิยม การค้าขายดี เป็นต้น ท่านมีชื่อเสียงเรื่องการสร้าง ไซดักเงิน และนก
    (ที่ทำจากไม้กาหลง) วัตถุมงคลที่เราพบมากที่สุด เป็นงานสร้างด้วยมือล้วนๆ ส่วนมากชุดนี้จะพบอยู่หลังภาพถ่ายของหลวงพ่อ มีด้วยกันหลายขนาด ขนาดสูง
    เกิน 1 นิ้ว จะเป็นของผู้ชาย หากขนาดกลาง หรือเล็ก ตลอดจนจิ๋ว จะเป็นของผู้หญิง มีทั้งภาพถ่ายสี่เหลี่ยม ภาพกลม และรูปหัวใจเป็นต้น

    วัตถุมงคลที่โด่งดัง ของหลวงพ่อเคน คือไซดักปลาเสก ที่เด่นทางเมตตา มหานิยมเเละค้าขายดี

    เหรียญสวยสภาพเดิมๆกะไหล่ทองหายากครับ
    หลวงพ่อชาและหลวงพ่อเคน

    www.ampoljane.com/new/index.php?option=com_content&view=article&id=180:2009-09-29-04-30-50&catid=41:2009-01-21-07-52-44&Itemid=81

    ลองเข้าไปอ่านอภินิหารอีกแบบครับ

    ขอบคุณที่มาบทความจากเวปอา อำพล เจนครับและ ท่านผู่ให้ประวัติอย่าง

    สูงครับ

    ให้บูชา 900 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระกลีบบัว เนื้อพลาสติค หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์

    [​IMG]

    คาถาบูชา หลวงพ่อเดิม

    (วัดหนองโพ)


    อิติอะระหัง สุขะโต พุทธสโร


    หลวงพ่อเดิม นามะเต อาจาริโยเม


    อายัสมา อาจาริโยเม ภันเตโหหิ


    สวด ๑ จบ


    พระกลีบบัว เนื้อพลาสติค หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์มีประวัติการสร้างและที่

    มาครับ ไม่ใช้พระอุปโลกแน่นอนครับปัจจุบันอัตราบูชาไม่สูงเขาบอกว่าพระ

    สร้างจำนวนมาก

    ได้มาสภาพเดิมๆเลี่ยมกรอบโลหะแบบนี้ครับ ยังไหงก็ศักดิ์ศรีพระหลวงพ่อเดิม

    ครับครูบาอาจารย์อย่างหลวงพ่อเดิม อธิฐานจิต

    ให้บูชา 1200 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]

    ข้อมูลบอกสร้างวัดบวรสมัยสมเด็จญาณสังวร และปลุกเสกสายพระป่า พิธีใหญ่

    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี แจกผู้ร่วมบุญและ นปข.

    หลวงปู่ดูลย์นำกลับไปแจกศิษย์ด้วย บางสายก็เล่นเป็นของหลวงปู่ดูลย์

    หายากแล้วครับถ้ามีคนรู้ที่ และพิธี เนื้อผงมวลสารอย่างดี ตามข้อมูล



    (ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2012
  10. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    โอนแล้วครับ 24/11/2553 เวลา09.19 น. ยอด 2050 บาท โอนช้านิดไปต่างจังหวัดหลายวันครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ

    วันนี้หรือพรุ่งนี้จะัจัดส่งให้นะครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]

    ประวัติหลวงปู่ครูบาอินสม


    ๑. ชื่อ พระครูอินทสรวิสุทธิ์ ฉายา อินฺทสโร ( ครูบาอินสม ) อายุ ๘๑ พรรษา ๖๐ น.ธ. เอก

    ๒. สถานะเดิม
    ชื่อ อิ่นแก้ว นามสกุล บุญสุยะ เกิด วันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๓ ยามใกล้รุ่ง ตามบันทึกใบลานจารึก ฤกษ์เกิดของครูบา ว่า “ พอเกิดมาแล้วเอาอาบน้ำเสร็จก็แจ้งพอดี เป็นยามพระกุมบาตร “ ตรงกับ วัน ขึ้น ๒ ค่ำ เดือน อ้ายเหนือ ( เกี๋ยง) ปีกดสัน (วอก ) จุลศักราช ๑๒๘๒ บิดาชื่อ พ่อเฒ่าจันทร์ บุญสุยะ มารดาชื่อ แม่นายบัวคำ บุญสุยะ บ้านนาเหลืองใน หมู่ที่ ๑ ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่านมีพี่น้องร่วมบิดา มารดา ดังนี้
    ๑. พระครูอินทสรวิสุทธิ์ หลวงปู่ครูบาอินสม
    ๒. นางเป็ง อินตา มีครอบครัว อยู่ที่บ้านนาเหลืองใน
    ๓. นางบัวลอย รัตนะ มีครอบครัว อยู่ที่บ้านนาเหลืองใน
    ๔. นางบุญศรี ปันทะนันท์ มีครอบครัว อยู่ที่บ้านนาเหลืองใน
    ๕. นางบัวไข อุตมะ มีครอบครัว อยู่ที่บ้านนาเหลืองใน ( เสียชีวิตแล้ว )

    หมายเหตุ: ตระxxxลทางฝ่ายมารดาของครูบาสืบเชื้อสายมาจากปู่พญาแสนหลวงอภิบาลราชมลเฑียร ( ต้นตระxxxลมูลทา ) ขุนเค้าสนาม ( ๑ ในเสนาบดีทั้ง ๔ที่ ร่วมพิจารณาข้อราชการร่วมกับพญาเจ้าเมือง ) ในหอคำนครเมืองน่านในอดีต

    ๓. บรรพชา
    วัน พุธ ที่ ๑๐ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๑ ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ ปีขาลเมื่ออายุได้ ๑๙ ปี ณ วัดนาเหลืองใน หมู่ที่ ๑ ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยมี พระครูสาราธิคุณ ( พระครูบาเฒ่าไชยปัญญา ) วัดศรีกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยขณะนั้นพระอุปัชฌาย์ได้เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า สามเณร อินสม บุญสุยะ และได้ศึกษาอักขรล้านนา ธรรมเทสนาแบบล้านนา และ ศาตรศิลป์ด้านต่าง ๆของล้านนากับพระอธิการอภิวัง ญาณวโร และพ่อครูมหาขนานอินแปลง ปวงจันทร์หอม และเรียนสูตรมนต์ต่าง ๆของล้านนา กับพระบุญช่วย หิตผโล ซึ่งมีศักด์เป็นน้าของหลวงปู่ครูบา จากนั้นในพรรษาที่ ๒ โยมพ่อของท่านและพระอธิการอภิวัง ได้นำตัวมาฝากเรียนพระปริยัตธรรมกับพระอธิการบุญนัก ปุญญสโร เจ้าสำนักเรียนวัดเมืองราม ในขณะนั้นจนสอบได้นักธรรมชั้นตรี และในสมัยนั้น สามเณรอินสม เป็นผู้ที่เทสน์ธรรมเทสนามหาเวสสันดรชาดกได้ไพเราะมาก ๆ โดยเฉพาะ กัณฑ์ กุมารบรรพ์ ถ้าท่านได้ขึ้นเทสน์แล้วใส่กาพย์ต่อท้ายธรรมเทศนา ( ซึ่งเป็นกาพย์เฉพาะของสำนักนาเหลืองใน ) แล้วญาติโยมมักจะซึ่งถึงกับร้องไห้ตาม ญาติโยมผู้ชายบางคนถึงกับไปหมอบอยู่ตรงบันไดลงจากธรรมมาสน์ให้สามเณรเหยียบหลังของตนลงธรรมมาสน์ เป็นการแสดงการบูชาธรรมเทศนาและน้ำเนียงเสียงเทสน์ของผู้เทสน์อย่างสุดซึ้ง

    ๔. อุปสมบท
    วันศุกร์ ที่ ๙ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ ตรงกับวันขึ้น ๖ ค่ำ ปีเถาะ เมื่ออายุได้ ๒๑ ปี ณ พัทธสีมาวัดดอนไชยพระบาท อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน โดยมีพระชยานันทมุนี ( พระมหาสิทธิ์ ) เจ้าคณะจังหวัดน่าน เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการ กาวิชัย เจ้าคณะตำบลตาลชุมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอินหวัน ( พระสาราธิคุณ ) วัดศรีกลางเวียง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้รับนามฉายาว่า อินฺทสโร แปลว่า ผู้มีเสียงดุจดังพระอินทร์

    ๕. วิทยะฐานะ
    พ.ศ. ๒๔๗๙ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ( รุ่นแรก ) จากโรงเรียนบ้านนาเหลืองใน ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบได้นักธรรมชั้นตรีสำนักเรียนวัดเมืองราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบได้นักธรรมชั้นโทสำนักเรียนวัดเมืองราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    พ.ศ. ๒๔๘๖ สอบได้นักธรรมชั้นเอก จากสำนักเรียนวัดบุญยืน ตำบลกลางเวียง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

    และนอกจากนั้นยังได้ไปเรียนกรรมฐานกับครูบาอินต๊ะ วัดแสงดาว นอกจากนั้นยังได้ศึกษาในฝ่ายวิปัสสนาธุระตาม ครองกรรมฐานของหลวงปู่ครูบา สีชิไชยยา อดีตเจ้าอาวาสวัดเมืองราม และครูบาญาณสี วัดดอนชัยพระบาท ซึ่งเป็นกรรมฐานล้านนาสายครูบามหาป่าสู่งเม่น และใน ปีพ.ศ. ๒๔๘๗ หลวงปู่ครบาอินสมท่านออกธุดงด์ กับพระสหธรรมมิกท่านอีก องค์หนึ่ง ชื่อว่า พระบุญศรีการออกธุดงค์คราวนั้นท่านตั้งใจว่าจะไปประเทศพม่าแต่ด้วยเหตุการณ์ร์บ้านเมืองขณะนั้นไม่สงบด้วยสงครามโลก จึงไม่สามารถออกเดินธุดงค์ไปประเทศพม่าได้ ท่านจึงเปลี่ยนเส้นทางธุดงค์ของท่านไปทางภาคอีสานและไปปฏิบัติอยู่ที่พระธาตุพนม จนใกล้เข้าพรรษาท่านจึงเดินกลับมาจำพรรษาที่วัดนาเหลืองใน อันเป็นวัดบ้านเกิดของท่าน รวมเวลาที่ออกธุดงค์ครั้งนั้น ๘ เดือนพอดี ( หลวงปู่เล่าให้ตุ๊หนึ่ง ฟังว่า “กลับมาถึงวัดนาเหลืองใน ครั้งนั้น เดือน ๑๐ เหนือ เป็ง พอดี พออีกวันเป็นแรมค่ำก็เข้าพรรษา ” )

    สำหรับศาสตรศิลป์ สิปคุณ เวทย์มนต์คาถา ที่หลวงปู่เคยไปศึกษาร่ำเรียนและฝากตัวเป็นศิษย์กับครูบาอาจารย์จากที่ต่าง ๆมาเท่าที่ได้เรียนถามหลวงปู่โดยตรงและไค้ค้นคว้าเจอในตำรับตำราของท่านแล้วมีดังนี้

    ๑. พระมหาสิทธิ์ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เมืองน่าน พระอุปัชฌาย์
    ๒. พรครู ไชยปัญญาสาราธิคุณพิทักษ์กิจบริเวณน่านใต้ ครูบาเฒ่าวัดศรีกลางเวียง เมืองสา
    ๓. ครูบาอินต๊ะ ปูเผือก วัดแสงดาว
    ๔. ครูบาจันทร์ วัดม่วงใหม่ องค์นี้เป็นอายุเท่ากับโยมแม่ของหลวงปู่
    ๕. ครูบาอินต๊ะยศ วัดสะหลีบุญเรือง เมืองน่าน
    ๖. หลวงพ่อทบวัดชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์
    ๗. ครูบาอินหวัน วัดป่าแลวม่อน
    ๘. พ่อครูมหาข๋ะหนาน ขันทะ มะนิลทิพย์ บ้านนาเหลืองใน
    ๙. พ่อครูมหาข๋ะหนาน บุญสาร บ้านเมืองราม
    ๑๐. พ่อครูข๋ะหนาน บุญแฝง สามแยกเพชรบูรณ์

    ๖. สมณะศักดิ์
    วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในพระราชทินนามว่า พระครูอินทสรวิสุทธิ์
    วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ จากชั้นตรี เป็นชั้นโท ในพระราชทินนามเดิม
    วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณะศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ จากชั้นโท เป็นชั้น เอกในพระราชทินนามเดิม

    ๗. ตำแหน่งหน้าที่งานปกครอง
    วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๒
    - เป็นเจ้าอาวาสวัดนาเหลืองใน ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๑ เมษษยน พ.ศ. ๒๔๙๗
    - เป็นเจ้าคณะตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘
    - เป็นเจ้าอาวาสวัดเมืองราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐
    - เป็นพระอุปัชฌาย์ในเขตตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๐
    - เป็นวิทยากร บรรยายธรรมแก่กำนันผู้ใหญ่บ้าน ณ สภาตำบลนาเหลืองอำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๓
    - เป็นวิทยากรบรรยายธรรมแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านนาเหลืองไชยราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๕
    - เป็นวิทยากรบรรยายเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ในการประชุมอบรมพระสังฆาธิการ ในเขตอำเภอเวียงสา ณ วัดบุญยืน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๗
    - เป็นวิทยากรบรรยายธรรม เรื่อง หลักพระพุทธศาสนา ณ โรงเรียนบ้านนาเหลืองไชยราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙
    - เป็นวิทยากรบรรยายธรรมแก่ประชาชนบ้านนาเหลืองนอก ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๒-๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๐
    - เข้ารับการอบรมพระสังฆาธิการ ระดับวัด และตำบล ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

    ๘. ตำแหน่งหน้าที่งานศึกษา
    วันที่ ๙ - ๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๓
    - เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง ชั้นตรี ณ วัดพระบาท มิ่งเมือง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
    วันที่ ๒๔ - ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๔
    - เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวงชั้นตรี ณ วัดช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน
    วันที่ ๒๘ - ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๖
    - เป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวงชั้นตรี ณ วัดช้างค้ำวรวิหาร อำเภอเมืองน่าน
    วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐
    - เป็นวิทยากรอบรมครูพระปริยัติธรรม ณ วัดบุญยืน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๑
    - ให้โอวาทแก่พระนวกะในคราวเปิดเรียนธรรมะภาคพรรษา ณ วัดบุญยืน อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
    วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๖
    - เป็นกรรมการรณรงค์ เพื่อการรู้หนังสือไทยแห่งชาติ จังหวัดน่านร่วมกับศูนย์การศึกษา นอกโรงเรียน จังหวัดน่าน
    วันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๓๑
    - เป็นประธานเปิดสำนักเรียนพระปริยัติธรรม แผนกบาลี สำนักเรียนวัดเมืองราม ตำบลนาเหลือง อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ

    เหรียญสวยสภาพเดิมๆคมชัดครับ

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ขุนแผนหลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานราชดำริหลังฝั่งตะกรุด

    [​IMG]




    หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต


    ท่านผู้อ่านบางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ

    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น :- ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ

    หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น

    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

    ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลอย่างสูงครับ


    มี 3 องค์สภาพเดิมๆครับ ขุนแผน พิมพ์เล็ก หลวงปู่ฤทธิ์ สร้างประมาณ ปี 42 ด้านหลัง เป็นยันต์นางอกแตก ฝั้งตะกรุด 1 ดอก ลงด้วยหัวใจขุนแผน มีมวลสารที่มีคุณวิเศษมาก มาย หลายอย่าง อาทิเช่น ว่านสาวหลง ว่านดอกทอง ทั้งตัวผู้และตัวเมีย ผงขุนแผน ผงสาริกาหลงรัง สีผึ้งเสน่ห์ ไม้กุกไก่ ้หลวงปู่ได้ลง มนต์เรียกจิต มนต์ขุนแผน มนต์เสน่ห์ มหานิยม
    ข้อมูลเขาว่ามาแบบนี้นะครับ............


    ให้บูชาองค์ละ 350 บาทค่าจัดส่ง

    EMS 50 บาทครับ

    องค์ที่ 1 (ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2011
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    องค์ที่2
    ให้บูชาองค์ละ 350 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2011
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    องค์ที่3
    ให้บูชาองค์ละ 350 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)


    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2011
  16. ลูกมังกร

    ลูกมังกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,461
    ค่าพลัง:
    +1,424
    ของดีๆๆ อยากได้จริงๆๆ ^^
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เหรียญรักษาดินแดน รัชกาลที่๖

    ฝรั่งชอบพูดอยู่สำนวนหนึ่ง

    CHEAP THING NO GOOD, GOOD THING NOT CHEAP

    ของถูกไม่ดี ของดีไม่ถูก

    ถ้าจะขายของอะไรสักอย่างให้ฝรั่ง บอกราคาถูก ๆ ไปโดยที่ของนั้นควรจะมีราคาแพงกว่าที่บอก ฝรั่งมักจะลังเลสงสัย ไม่แน่ใจว่าของที่ว่านี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า

    ธรรมเนียมของของดีนั้นต้องแพงว่างั้นเถิด

    ดังนั้นถ้าพบว่าของใดมีราคาแพงมาก ๆ คนก็มักจะหยุดดูเสียก่อน ว่าเพราะอะไรของนั้นจึงได้แพงนัก

    ดูแค่แปรงสีฟันอันละ 10 บาท จะให้ดีอันละ 35 บาทก็ยาก หรือรถยนต์ชั้นดีอย่างเมอร์ซีเดส เบ๊นซ์ จะหาราคาถูกเท่ารถญี่ปุ่นก็ยากเหมือนกัน

    ธรรมชาติทั่ว ๆ ไปของของดี มักมีราคาแพงกว่าของไม่ดีเสมอ

    แต่ของดีที่มีราคาถูก ๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มี

    มีอยู่ในวงเครื่องรางของขลังเมืองไทยเรานี่เอง ไม่ได้มีอยู่ในแปรงสีฟัน หรือรถยนต์ยี่ห้อไหน

    เหรียญ ร.6 ของกรมการรักษาดินแดน ปี 2505 นี่แหละครับของดีราคาถูกที่ผมพูดอย่างผึ่งผายได้ ไม่กลัวว่าจะผิดธรรมเนียมแต่อย่างใด ค่าที่เป็นของดีอย่างแท้จริงและมีราคาถูกจริง ๆ

    เหรียญ ร.6 ของกรมการรักษาดินแดน ปี 2505 นี้ได้ถูกจัดเข้าอยู่ในทำเนียบวัตถุมงคลของพระภิกษุธมฺมวิตกฺโก พระยานรรัตน์ราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์) วัดเทพศิรินทราวาส แม้ว่าท่านจะมิได้เป็นพระภิกษุรูปเดียวที่ได้ปลุกเสกอธิษฐนจัดเหรียญ ร.6 นี้ก็ตาม คือหมายความว่าเหรียญรุ่นนี้ได้ฝ่านพิธีพุทธาภิเษกหมู่โดยคณาจารย์หลายองค์ แต่คนทั่วไปก็ยกเหรียญ ร.6 ให้เป็นเครดิตของท่านไป

    ทำนองเดียวกับพระเครื่องที่ปลุกเสกในพระอุโบสถวัดบวรฯ แม้เป็นพิธีหมู่คือมีครูบาอาจารย์ทั่วประเทศเข้าร่วมนั่งปรก คนทั้งหลายก็ยกให้เป็นพระเครื่องของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าไปทั้งหมดเหมือนกัน

    เหรียญพระบรมรูปของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 กรมการรักษาดินแดนจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกพระอนุสรณ์อนุสาวรีย์ ที่ประดิษฐานอยู่หน้าสวนลุมพินี โดยทำขึ้นหลายแบบทั้งกลมใหญ่ กลมเล็ก และใบเสมา จำนวนสร้างคาดว่าถึงหลักแสน เมื่อสร้างสำเร็จแล้ว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกขึ้นในวันที่ 17 พ.ย. 2505 มีคณาจารย์รับนิมนต์มานั่งปรกปลุกเสกหลายองค์ เช่น หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร หลวงปู่อาคม วัดสุทัศน์ฯ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่อคล้าย วัดจันดี หลวงพ่อนาค วัดระฆัง พระสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ พระอาจารย์ผ่อง วัดสามปลื้ม และหลวงพ่อจง วัดหน้าด่างนอก ในพิธียังได้มีการอัญเชิญดวงพระวิญญาณของอดีตพระมหากษัตริย์ไทย แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่ ร.1-ร.8 มาประทับทรงในร่างของนายทหารและนายตำรวจ เพื่อทรงเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีปลุกเสกด้วย

    คุณท.สิริปัญโญ ได้กล่าวถึงเหรียญ ร.6 ไว้ในหนังสือทำเนียบประวัติของท่านเจ้าคุณนรฯ ว่า

    “ในสมัยนั้นข้าพเจ้ายังรุ่นหนุ่ม ยังได้ดูเขาทำพิธีกันเห็นมีอาสนะว่างอยู่ 2 ที่ เท่าที่จำได้มีพระเกจิอาจารย์จากวัดต่าง ๆ มานั่งปรกกันเป็นจำนวนมาก และมีพระครูประกาศสมาธิคุณ สำนักวัดมหาธาตุเป็นผู้บรรยาย (โฆษก) ฝ่ายสงฆ์ในสมัยนั้น พอเสร็จพิธีได้มีหลวงพ่ออยู่องค์หนึ่งท่านนั่งปรกอยู่ข้างอาสนะที่ว่าง ท่านได้สอบถามเจ้ากรมรักษาดินแดนว่าเป็นพระรูปใดที่มานั่งปรกอาสนะข้างท่าน ท่านเจ้ากรมจึงกราบเรียนว่าเป็นอาสนะของท่านเจ้าคุณนรฯ ท่านบอกว่าเห็นมานั่งปรกอยู่เสร็จแล้วก็ได้หายไปเฉย ๆ ยังความแปลกใจให้กับทุกคนที่ได้ยินและได้ฟัง เพราะต่างเห็นว่าว่างเปล่า ไม่เห็นมีใครมานั่งอยู่บนอาสนะนั้น”

    เรื่องที่อาสนะของท่านเจ้าคุณนรฯ ว่างเปล่า จนเป็นเหตุอัศจรรย์ว่ามีหลวงพ่อองค์ที่นั่งใกล้อาสนะว่างนั้น เกิดนิมิตเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมานั่งปรกปลุกเสกด้วย คือมานั่งเดี๋ยวเดียวก็หายตัวไปนั้นมีอยู่ว่า ในการกระทำพิธีพุทธาภิเษกเหรียญ ร.6 ครั้งนั้น คณะกรรมการทุกคนจำเป็นต้องระลึกถึงท่านเจ้าคุณนรฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่จงรักภักดีต่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 จนปวารณาตัวบวชไม่สึก และล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ก็ทรงไปโปรดปรานท่านเจ้าคุณนรฯ เป็นอย่างยิ่ง เมื่อระลึกถึงท่านเจ้าคุณนรฯ ได้อย่างนี้แล้ว ก็ไปกราบอาราธนาท่านเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วย แต่ท่านได้ปฏิเสธและบอกว่า

    “อาตมาจะขอนั่งปรกปลุกเสกอยู่ในกุฏินี้ เพื่อส่งกระแสจิตไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกด้วยจนกว่าจะเสร็จ”
    และท่านยังได้สั่งให้จัดอาสนะสำหรับท่านไว้ในพิธีนั้นด้วย

    คณะกรรมการสร้างเหรียญ ร.6 ชุดนั้นได้นำชื่อของท่านเจ้าคุณนรฯ ออกประกาศให้ประชาชนทั้งหลายทราบว่าท่านจะได้ส่งกระแสจิตเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้
    งนี้ด้วย แม้ว่าท่านจะไม่มา จนกระทั่งเกิดเป็นเรื่องฮือฮา ถึงกับมีการจองเหรียญ ร.6 นี้เป็นจำนวนมาก ชั่วเวลาไม่ถึงสิบ เป็นแค่คำสรรเสริญเยินยอไปตามธรรมเนียม แต่ท่านเป็นได้อย่างที่กล่าวสรรเสริญจริง ๆ ดังจะเห็นได้ว่า ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ทรงถึงกับมีรับสั่งกับคนใกล้ชิดว่า

    “สำหรับพระยานรรัตน์ฯ ฉันขอใครอย่าไปรบกวนแกเป็นอันขาด เพราะแกตั้งใจปฏิบัติรับใช้ฉันแต่ผู้เดียว”

    ด้วยเหตุที่ล้นเกล้าฯ ร.6 ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพระยารรรัตน์ฯ เป็นพิเศษเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาอยู่ดีที่จะต้องมีผู้อิจฉาริษยา

    เวลาท่านเข้าเวรไม่อยู่ในห้องก็จะมีคนแอบเอาน้ำมาราดที่นอนจนเปียกและใช้นอนไม่ได้ ท่านก็รื้อเอาที่นอนเปียกออกแล้วนอนบนเตียงเหล็กนั้นเฉย ๆ ไม่ว่าอะไร

    มีเสียงลอยลมว่า “เด็กเลี้ยงควายจะมาเป็นนาย” กระทบท่าน ท่านก็เอาหูทวนลมไม่หวั่นไหว

    ในหนังสือประวัติของท่านได้กล่าวว่า ท่านได้ปฏิบัติงานของท่านไปไม่ย่อท้อจนกระทั่งเสียงนินทาว่าร้ายกระทบกระแทกแตกดับเง
    ียบหายไปเอง

    ท่านบันทึกข้อเตือนใจคนไว้คำหนึ่ง

    “ถ้าถูกอิจฉา อย่าเสียใจหรือโกรธผู้อิจฉา แสดงว่าเราจะต้องดีกว่าเขา เพราะไม่มีผู้ใดจะอิจฉาคนที่เลวกว่าตน และเราก็อย่าไปอิจฉาผู้อื่น”

    มีอยู่คราวหนึ่ง ล้นเกล้า ร.6 จะต้องทรงเครื่องจอมทัพเรือ ท่านได้ถวายการตบแต่งพระองค์จนเสร็จ เหลือแต่ติดกระบี่เล่มเดียว จึงถอยออกมาเพื่อให้มหาดเล็กติดกระบี่ถวายแทน ถอยออกมายังไม่พ้นห้องก็ได้ยินเสียงที่ทรงกริ้วว่า

    “ทำไมสั้นแต่อย่างนี้”

    ท่านจึงกลับเข้าไปด้วยความตกใจ ก้มลงกราบแล้วจัดแจงเอามือจับสายกระบี่ดึงขึ้นดึงลงพอเป็นพิธี

    “เออ เอาล่ะ ค่อยยาวลงหน่อย ใช้ได้แล้ว”

    นี่เป็นข้อที่จะยืนยันได้ว่า ล้นเกล้าฯ ร.6 ทรงโปรดปรานพระยานรรัตน์ฯ อย่างแท้จริง

    ถึงคราวที่ทรงพระประชวรหนัก ใกล้สวรรคต พวกข้าราชบริพารไปชุมนุมเผ้าดูพระอาการเป็นจำนวนมาก บางคนสูบบุหรี่ควันโขมง ฟุ้งไปทั้งห้องบรรทม จนอากาศในห้องไม่ดีเท่าที่ควร แพทย์ก็สั่งไว้ว่าพระองค์ทรงต้องการอากาศดี เพราะพระนาภีมีกลิ่นหนองไหลออกมาจนต้องใช้น้ำยาดับกลิ่น บางคนก็จับกลุ่มเล่นการพนันเฮฮาแถวโรงโซนข้างพระที่นั่ง หาได้มีอาการห่วงใยพระองค์ไม่ พระยานรรัตน์ฯ ถึงกับทนไม่ไหวลุกขึ้นไล่ต่อยชกตีเหล่าข้าราชบริพารนั้นกระเจิงไป จนใคร ๆ หาว่าท่านบ้า ถึงกับไปตามโยมแม่ของท่านเจ้าวังมาระงับด่วน ท่านได้กราบเท้าชี้แจงโยมแม่ของท่านว่า

    “ลูกไม่ได้บ้าอย่างที่เขาเล่าลือกัน เท่าที่ทำไปเพราะทนการกระทำของบางคนไม่ได้ เวลาในหลวงดี ๆ ก็ประจบสอพลอหาประโยชน์ส่วนตัว เวลาประชวรหนักแทนที่จะแสดงความจงรักภักดีห่วงใย กลับสนุกสนานเฮฮากัน ทนไม่ไหวจึงต้องว่ากล่าวเอะอะเสียบ้างให้สำนึกผิด”

    ครั้นล้นเกล้าฯ เสด็จสวรรคตแล้ว พระยานรรัตน์ฯ ได้อุปสมบทหน้าพระเพลิง หรือพูดแบบชาวบ้านก็ว่าบวชหน้าไฟ บวชแล้วก้เลยมีอันไม่สึกจนตลอดชีวิต นับวันคืนเดือนปีได้ 45 พรรษาในเพศสมณะ

    คณะการมการจัดสร้างเหรียญพระบรมรูป ร.6 ได้ทำวันก่อนพิธี ปรากฏว่ามีการจองเหรียญกันแล้วไม่น้อยกว่า 4 หมื่นเหรียญ นี่ก็เห็นจะเป็นเพราะคำประกาศที่ว่าท่นเจ้าคุณนรฯ จะส่งกระแสจิตเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกนั่นเอง

    เรียกว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยิน แต่ว่าในที่สุดก็มีเหตุแปลกประหลาดยิ่งกว่าเกิดขึ้น เมื่อหลวงพ่อองค์หนึ่ง (เสียดายที่ไม่ทราบชื่อของท่าน) ได้เกิดมีอันเห็นพระรูปหนึ่งที่ท่านเองไม่เคยรู้จัก มานั่งบนอาสนะว่างของเจ้าคณนรฯ ในระหว่างที่พิธีปลุกเสกกำลังดำเนินอยู่ จึงทำให้ทุกคนเชื่อว่านั้นต้องเป็นภาพที่เกิดด้วยอำนาจการส่งกระแสจิตของท่านเจ้าคุณ
    นรฯ อย่างไม่ต้องสงสัย

    จะเรียกว่ากายทิพย์หรือเรียกอย่างไรก็สุดแล้วแต่ศรัทธา
    สาเหตุที่ท่านเจ้าคุณนรฯ ไม่ได้มาร่วมพิธีปลุกเสกเหรียญ ร.6 นั้นก็เพราะว่าท่านได้อธิษฐานการไม่ออกจากวัดเอาไว้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้สงครามจะเกิดถึงขั้นมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิดใส่วัด ท่านก็ไม่หนีไปไหน ยังคงนั่งภาวนาแผ่เมตตาให้นักบินข้าศึกอยู่ในกุฏิของท่านตามลำพัง คนอื่น ๆ พากันทิ้งวัดหมด แต่ท่านไม่ทิ้ง เพราะว่าได้อธิษฐานไว้อย่างนั้นแล้ว

    คราวภิกษุผู้เป็นบิดาของท่านมรณภาพลงที่วัดโสมนัสวิหาร ท่านก็ยังไม่ออกจากวัดไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพหรืองานพระราชทานเพลิงศพภิกษุบิดาท่านแต
    ่อย่างใด เพราะสัจจะที่ตังไว้มั่นคงว่าจะไม่ออกจากวัดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซี่งท่านก็ทำได้ตามนั้นจนกระทั่งถึงวันหมดลมหายใจไปจริง ๆ

    เห็นจะต้องเล่าถึงข้อที่ว่าท่านเจ้าคุณนรฯ ได้เป็นที่ทรงโปรดปรานจากล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ด้วยนั้นไม่ใช่จะชอบที่สุดแล้ว ที่ได้นิมนต์ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก จนหลังจากนั้นมาท่านก็ได้ปรากฏชื่อเสียงขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่รู้จักศรัทธาของคนไทยทั้งประเทศไปในที่สุด

    เรื่องของท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ มีเล่าอยูมาก ทั้งโจษขานในอภินิหารของท่านและเชิดชูกตัญญูที่ท่านมีต่อผู้มีพระคุณอย่างหาที่สุดมิ
    ได้ ท่านเป็นตัวอย่างของผู้มีความซื่อสัตย์ กตัญญู และเคร่งครัด ในภาคปฏิบัติแห่งชีวิตสมณะและเป็นยอดของนักถ่อมตัว

    ครั้งหนึ่ง ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช ได้กราบเรียนถามท่านว่า ใต้เท้าครับ เขาลือว่าใต้เท้าสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้วจริงหรือครับ

    ท่านดึงหูคุณชายคึกฤทธิ์เข้าไปกระซิบว่า

    “ไอ้บ้า”

    อย่างไรก็ตาม พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ฯ ได้เคยปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตไว้มากมายนั้น โดยมากมีราคาแพงมาก ๆ คงมีเหรียญ ร.6 ที่กรมการรักษาดินแดนจัดสร้างในปี 2505 นี้เท่านั้นที่ยังมีราคาถูก ๆ อาจเรียกว่าถูกที่สุดในบรรดาของขลังทั้งหมดของท่านก็ว่าได้


    (ขอบคุณ คุณนำลาภ วัชรเสถียร ที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูลในการเขียนครั้งนี้)

    <!--/coloro-->จากนิตยสารศักดิ์สิทธิ์

    ขอบคุณที่มาจากเวปสวนขลังครับและท่านผู้เขียนข้อมูลอย่างสูงสุดครับ

    เหรียญสภาพผ่าการบูชาครับ

    ให้บูชา 400บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]

    พิมพ์เล็กให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาท
    [​IMG]

    [​IMG]

    บูชาคู่กัน 2 องค์ 600 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2010
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่ง EG 8766 9250 7 TH เขาค้อ

    ขอบคุณครับ
     
  19. บังรอน

    บังรอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,368
    ค่าพลัง:
    +1,788
    ขุนแผนหลวงปู่ฤทธิ์ องค์ที่ 1ขออนุญาตจองครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,468
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...