คชสีห์๙บารมี๙บารมี๙แผ่นดินหลวงปู่หมุนเสก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 30 สิงหาคม 2010.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อผาง จิตคุตโต ขอนแก่น

    เหรียญหลวงพ่อผาง จิตคุตโต ขอนแก่น เหรียญรุ่นนี้ออกที่จ.ลพบุรี

    สร้างโดยศูนย์สงครามพิเศษครับ

    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2010
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    ชุดหลวงตาม่อม วัดโพธิ์งาม ลพบุรี

    หลวงตาม่อมเป็นศิษย์หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนูครับ ครูบาอาจารย์ยุคสงคราม

    อินโดจีน จาด จง คง จันทร์มาเป็นชุดครับเพราะได้มาแบบนี้

    (ปิดรายการ)
    1รูปอัดกระจกหลังจีวรพร้อมเลี่ยม
    [​IMG]

    [​IMG]

    2 เหรียญเซียนแปดเหลี่ยม

    [​IMG]

    [​IMG]

    3เหรียญไข่

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    สมเด็จพระเทพเสด็จทรงเททองในพิธี เนื้อนวะโลหะ

    สภาพเดิมๆพร้อมกล่อง พิธีใหญ่ หลวงปู่โต๊ะปลุกเสกด้วยครับ

    ให้บูชา 900 บาท ค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG]
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    <center>[​IMG]</center>
    หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
    หลวงปู่ทองมา ถาวโร มีนามเดิมว่า ทองมา ภูมิวัล ท่านเกิดวัน ๗ฯ๙ ค่ำ ปีชวด ตรงกับวันที่ ๘เดือนสิงหาคม ๒๔๔๔ บิดาชื่อ นายแก่นท้าว มารดาชื่อนางทา ท่านมีพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ๗ คน แต่ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว
    ท่านเกิดที่บ้านท่าสี ต.เชียงใหม่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ) บิดาของท่านเป็นชาวเมืองหลวงพระบาง ย้ายมาอยู่มณฑลร้อยเอ็ดสมัยเจ้าอนุวงค์แห่งกรุงเวียงจันทร์
    สมัยเป็นเด็กท่านเป็นคนเงียบขรึมไม่สนใจกับใคร ไม่เล่นซุกซนคลุกคลีกับใครๆส่วนมากจะเล่นคนเดียว เมื่อท่านมีอายุย่างเข้าสู่วัยเรียนบิดาและมารดาของท่านได้ส่งท่านไปเรียน อยู่กับอาจารย์เตียง วัดสว่างท่าสีเป็นเวลา ๑ ปี จากนั้นก็ส่งไปเรียนต่อที่เมืองกมลาไสยจนท่านจบชั้นประถมปีที่ ๕ ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดในสมัยนั้นเมื่ออายุล่วงเข้า ๑๕ ปีก็ถูกครูโรงเรียนบ้านเชียงใหม่ขอร้องให้ไปเป็นครูสอนนักเรียน ในสมัยนั้นเขตตำบล เชียงใหม่ ,ดอนโอง,สะอาด,หนองตาไก้,อุ่มเม่า,โพธิ์ศรีสว่าง,จะมีโรงเรียนที่บ้าน เชียงใหม่แห่งเดียว ท่านก็เมตตารับสอนได้ ๓ เดือน ก็ลาออกไปบวชเป็นสามเณร
    อุปัชฌาย์ของท่านมีชื่อว่าเจ้าอธิการคำ อยู่บ้านงิ้วโพธิ์ชัย เขตอำเภอธวัชบุรี พรรษาแรกถึงสามท่านจำพรรษาที่วัดสว่างท่าสีกับพระอาจารย์เตียง เรียนบุพพสิกขาวรรณา สวดมนต์น้อย สวดมนต์กลาง สวดมนต์ใหญ่ เรียนตัวอักษรไทยน้อย อักษรธรรม อักษรขอม จนอ่านออกเขียนได้ การเรียนสมัยก่อนลำบากมากเพราะไม่มีตำรา จะต้องหาใบลานมาเขียน แล้วเก็บไว้เป็นมัดๆ ท่านเขียนบารมี ๓๐ ทัศน์จบก่อนคัมภีร์อื่น จากนั้นก็เขียนคำผะเวด (มหาชาติ)

    ท่านเป็นพระองค์แรกในชีวิตที่ผมศรัทธาตลอดมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ผมเกิดมาแม่ก็อุ้มไปให้หลวงปู่เป่ากระหม่อมภาพของหลวงปู่ที่ชราภาพมากแต่ ท่านไม่ลดละที่จะโปรดญาติโยมผู้ได้รับความทุกร้อนมันตรึงใจผมอยู่แม้ใน ปัจจุบัน
    หลวงปู่ท่านเป็นพระวิปัสนาโดยแท้ปฏิปทายิ่งใหญ่เด็ดเดี่ยว ด้านปริยัติท่านก็ไม่ธรรมดา จนครูบาอาจารย์ตั้งฉายาให้ ท่านสอนให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะๆอันอื่นเช่นนับถือฝีไม่มีเด็ดขาดในแถบนั้น ท่านดั้นด้นธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆทั้งไทย ลาว พม่า เขมร เวียดนาม และอินเดีย ปราบยักษ์ ปราบผี ปราบพญาช้าง ฯลฯ เปลี่ยนชาวป่าเถื่อนให้เป็นชาวพุทธ นับไม่ถ้วน ท่านเป็นทั้งนักบุญและหมอยา อาจารย์ของท่านคนหนึ่งที่ทุกคนรู้จักดีก็คือสำเร็จลุนที่นครจำปาสัก และท่านถือว่าเป็นศิษย์คนหนึ่งของหลวงปู่มั่นฯ ท่านธุดงค์ไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่เชียงใหม่ หลวงปู่มั่นบอกว่าท่านทองมาทำดีแล้วและจะเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ท่านไม่ได้ติดตามหลวงปู่มั่นเพราะท่านชอบสันโดษเป็นที่สุด
    ตอนเป็นเด็กท่านไปเล่นกับเสือโคร่งจนยายสลบเพราะตกใจ ท่านข้ามแม่น้ำชีได้ในฤดูน้ำหลากแพเต็มท่านบอกให้โยมข้ามไปก่อนแต่พอข้ามไป แล้วท่านนั่งอยู่บนศาลาวัดเฉยเลย ท่านเดินไปปราบผีเกิดพายุพัดฝนตกหนักเณรที่ตามไปด้วยตัวแฉะแต่ท่านไม่เปียก เลยจีวรก็ปรกติ ท่านธุดงค์ไปเวียงจันทร์มีการประลองวิชา ท่านเดินทะลุประตูกำแพงออกมาหน้าตาเฉยอีก ชาวบ้านขอร้องให้ท่านอยู่ท่านไม่อยุ่เพราะท่านชอบความสงบไม่วุ่นวาย
    ที่เล่ามานี้ทุกท่านคงแปลกใจว่าทำไมท่านจึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักผมขอเรียน ว่าไม่แปลกเลยเพราะท่านเป็นพระที่สมถะและขรึมท่านจะพูดแต่สิ่งที่เป็นสาระ และตรงๆไม่มีอ้อมค้อม เรื่องปาฏิหาริย์ถ้าคนไม่ถามท่านมักไม่เล่า ถ้าเล่าๆก็สั้นๆ เรื่องที่ท่านไม่เล่ามีมากมายนับไม่ถ้วน คงเพราะท่านเห็นว่าไม่จำเป็นเท่าการรักษาศีลและปฏิบัติธรรม

    ด้านลาภยศหรือตำแหน่งทางจังหวัดมาถวายท่านปฏิเสธหมด ท่านฉันเอกามื้อเดียว นอนน้อย พูดน้อยแต่ปฏิบัติมาก พอท่านพรรษาเยอะไม่ได้ธุดงค์ไปไหนกระผมขอรับรองด้วยชีวิตว่าท่านคอยโปรดญาติ โยมทุกวี่ทุกวัน ประเภทผีร้ายหรือโรคภัยหรือโดนคุณไสยไปที่ไหนไม่ออก มาหาหลวงปู่หายทุกราย เท่าที่ผมจำได้วลีของท่านเช่น “บ่อฮักไผ บ่อซังไผ เฮ็ดใจคือแผ่นดิน” หมายความว่า ไม่ต้องรักใคร และไม่ต้องเกลียดใคร เพราะรักก็เป็นกิเลส ทำใจให้เหมือนแผ่นดิน นิ่งๆอุเบกขา ส่วนหลักธรรมที่ท่านสอนมุ่งการารักษาศีลและสมาธิ สมัยผมเป็นเด็กย่ากับทวดบวชชีอยู่กับหลวงปู่ ท่านสอนให้พิจารณากายคตาสติ หรือชาวบ้านเรียกว่าอาการ ๓๒
    ส่วนปาฏิหาริย์หรือบารมีธรรมของท่านพรรณนาไม่หมดทหารที่ไปรบเวียดนามฝ่าดง กระสุนเพื่อนตายหมดรอดอยู่คนเดียว เพราะห้อยหลวงปู่เดี๋ยวผมจะแนะนำหนังสือและลูกศิษย์คนสำคัญของท่านตอนท้าย ก่อนอื่นเอาที่ประสบการณ์กับตัวผมก่อน เมื่อหลายปีก่อนโดนคนรุมทำร้าย ปรากฏว่าเวลาที่โดนเตะต่อยเหมือนมีหมอนสำลีมารองรับไม่รู้สึกอะไรเลย ต่อมาสักหกปีก่อนรถมอเตอร์ไซค์โดนรถใหญ่ชนกระเด็นที่แยกราชเทวีก็ไม่เป็น อะไรเลย ล่าสุดสองปีก่อนไปลื่นล้มหัวฟาดลานหินที่น้ำตกแสงจันทร์ ที่อุบลก็เช่นกัน คนที่ไปด้วยคิดว่าตายแน่ๆ เพราะศรีษะกระแทกหินเสียงดังก่อนที่จะกระเด็นตกลงไปในน้ำ แปลกไหมไม่เป็นไรเลย ผมก็มั่นใจแต่เพื่อนไล่ให้ไปหาหมอ เลยไปฉายรังสีที่รพ.จุรีเวชร้อยเอ็ด หมอบอกปรกติ ฟิล์มยังเก็บไว้เลยครับ ผมห้อยพระเครื่องรุ่น........ไม่บอกครับเพราะจริงๆแล้วรุ่นไหนก็ดีทั้งนั้น แต่ต้องศรัทธาก่อนนะครับ
    ลูกศิษย์ท่านมีมากมายเช่นเจ้าอาวาสวัดสว่างท่าสี คือหลวงปูทองสุข สันตจิตโต สมัยบวชผมก็ได้ปรนนิบัติท่านสองเดือน ผมศรัทธาท่านมากแต่ท่านมรณภาพเมื่อปี ๒๕๔๙ ส่วนอีกองค์ที่พวกคุณต้องรู้จักแน่นอนเพราะเป็นศิษย์เอกหลวงปู่และมีชื่อ เสียงนั่นก็คือหลวงพ่อล้อม สีลสังวโร หรือพระครูวิมล สังวรคุณ แห่งวัดป่าเมตตาธรรม จังหวัดร้อยเอ็ด องค์หลังนี้เขียนประวัติหลวงปู่ไว้พอสมควรนะครับ ที่ผมกำลังย่อให้อ่านก็มาจากเล่นที่ท่านเขียน ผมยังคิดว่าจะขอท่านจัดพิมพ์เพราะตั้งคำถามกับตัวเองตลอดมาว่าทำไมเมื่อพูด ถึงหลวงปู่ทองมาฯ คนจึงรู้จักท่านน้อย (ที่จริงไม่น้อยแต่เราอยากให้มากกว่านี้) ถ้าคนรู้จักประวัติท่านละเอียดแล้วใครไม่ศรัทธาผมยอมกราบเท้าได้เลยครับ


    คาถาหลวงปู่
    อิสะวาสุ สุสะวาอิ อิกะวิติ
    ติวิกะอิ มะอะอุ อุมะอะ
    จะทองมา จะคำมา จะเงินมา จะถาวะโรติ

    ขอบคุณข้อมูลดีๆ จากคุณ อรุณ ครับ

    หลวงปู่ทองมา ถาวโร วัดสว่างท่าสี ต.เกาะแก้ว อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

    นานๆเจอครับเหรียญเก่าเก็บ สายอิสาน

    (ปิดรายการ)

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงพ่อน้อย หลวงพ่อประเทือง วัดหนองโพ นครสวรรค์

    เหรียญหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อประเทือง วัดหนองโพ นครสวรรค์

    และผ้ายันต์อกเลาประตูโบสถ์

    หลวงพ่อน้อย ศิษย์รุ่นท้ายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง

    พ่อเดิมอยู่กับหลวงพ่อเดิม

    หลวงพ่อประเทืองเจ้าอาวาสถัดมาจากหลวงพ่อน้อย

    ผ้ายันต์อกเลาที่ปั๊มยันต์จากประตูโบสถ์ตอนบูรณะสร้างไว้เมื่อปี2535ของดีที่

    ศิษย์สายนี้บูชากันครับให้บูชายกชุด 2องค์ 1ผืน

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับมี2ชุดครับ
    [​IMG][​IMG]



    [​IMG][​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    ขอจองครับ มีดยาวกี่นิ้วครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบการจองครับ มีดวัดจากปลายถึงเศียรพ่อแก่9.5นิ้วครับ

    ขอบคุณครับ
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่งให้ท่าน

    EG 8766 5977 5 TH รามอินทรา

    พรุ่งนี้ได้รับครับ

    ขอบคุณครับ
     
  9. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    โอนแล้วครับวันนี้ เวลา 15.31 น.ยอด 1950.01บาท
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    รับทราบครับจะรีบจัดส่งให้โดยด่วนครับ

    ขอบคุณครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    หลวงปู่เริ่ม ปรโม ชลบุรี

    สภาพสวยให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ลองอ่านประวัติปฎิปทาท่านได้ตามลิ้งเวปนี้ครับ ขอบคุณเวปลิ้งครับ

    www.certificatepra.com/wiki/show_detail.php?sp_id=841

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]

    เรื่องหลวงพ่อโต

    ครั้งหนึ่งขณะที่คุณนิพนธ์ ภัคดีวัฒนา ยังเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนอาษา ในช่วงปิดเทอมซึ่งกำลังปรนนิบัติบีบนวดหลวงปู่อยู่นั้น ได้มีครอบครัวหนึ่งเดินทางมากราบหลวงปู่ที่วัด เมื่อมาถึงหลวงปู่สั่งให้ไปกราบหลวงพ่อโตก่อน และได้เล่าประวัติของหลวงพ่อโตให้ฟังว่า เมื่อก่อนประมาณสมัยรัชกาลที่ ๖ ได้ หลวงปู่ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดกำแพงเพชร ขณะนั้นเกิดอหิวาตกโรคระบาด ชาวบ้านก็กำลังอพยพย้ายถิ่นที่อยู่ชั่วคราวเพื่อหนีการระบาดของโรค หลวงปู่เมื่อได้เข้าพักที่บ้านญาติก็ได้เกิดนิมิตเห็นพระพุทธรูปองค์นี้เป็นพิเศษ จึงได้เอ่ยปากขอบิณฑบาตพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งได้หรือไม่โดยยังไม่บอกว่าองค์ไหน ญาติหลวงปู่จึงตอบไปว่าจะเอาองค์ไหนไปก็ได้แล้วแต่หลวงปู่จะเอาไปเพราะว่าขณะนั้นที่บ้านมีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมากมายหลายองค์ หลวงปู่จึงนำหลวงพ่อโตกลับมาไว้ที่วัดพญาปราบ


    ปู่นับถือหลวงพ่อโตองค์นี้มากเพราะจิตสื่อถึงกันได้ ก่อนที่หลวงปู่จะสร้างเหรียญรูปเหมือนนั้นหลวงปู่สร้างแต่พระรูปหลวงพ่อโตแจก ไม่เคยสร้างเหรียญรูปเหมือนตนเองเลย มีแต่ศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงปู่สร้างมาถวายทั้งนั้น ยิ่งรูปเหมือนลอยองค์และพระบูชารูปเหมือนนั้นหลวงปู่ไม่อนุญาตให้สร้าง แต่ลูกศิษย์ก็สร้างมาแล้วมาบอกท่านในภายหลังท่านจึงอนุโลมปลุกเสกให้ ถ้าบอกท่านก่อนท่านจะไม่ยอมให้สร้างอย่างแน่นอน

    ของเป็น

    การปลุกเสกอธิษฐานจิตของหลวงปู่เย่อนั้น ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่มักจะบอกอย่างมั่นใจว่า หลวงปู่นั้นถ้าของแกไม่ดีจริงแกไม่มีทางเอามาแจกเป็นอันขาด ถ้าอะไรที่หลวงปู่เอามาแจกแล้วเป็นอันว่าดีจริงมั่นใจได้ หลวงปู่มักจะเสกนานเป็นพิเศษในการลงเหล็กจารนั้นหลวงปู่จะต้องดูฤกษ์ดูยามด้วย ว่าจะลงจารวันไหนช่วงเวลากี่โมงถึงกี่โมง หลวงปู่จะเสกให้อย่างดีและตั้งใจมาก แต่บางครั้งหลวงปู่ก็เสกให้ไม่นานก็มี โดยเฉพาะการรับกิจนิมนต์ไปเข้าพิธีนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ที่หลวงปู่ได้รับกิจนิมนต์ บางครั้งหลวงปู่ท่านจะนั่งทำพิธีเพียงแค่ครู่เดียวแล้วท่านก็จะลงจากอาสนะเดินกลับวัดทันที มีอยู่ครั้งหนึ่งในงานพุทธาภิเศกวัตถุมงคลหลวงพ่อพริ้งที่วัดบางปะกอก หลวงปู่นั่งปรกสักครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ ด้วยความเกรงใจเจ้าภาพในงานพิธีลูกศิษย์จึงท้วงติงว่า “หลวงปู่ครับทำไมรีบกลับจังนั่งเสกนานๆ หน่อยสิครับ” หลวงปู่ตอบว่า “ของเป็นแล้วจะไปนั่งอยู่ทำไม ขืนอยู่ต่อก็นั่งหลับเปล่าๆ” ท่านหมายถึงว่าใช้ได้แล้ว ท่านจึงกลับ ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ต่อให้เปล่าประโยชน์

    ความเมตตาของหลวงปู่

    เมื่อครั้งที่ พ.ต.อ. สมัคร เกิดสว่างเนตร ได้สร้างเหรียญหลวงปู่รุ่นสอง มาถวาย ได้กล่าวกับหลวงปู่ว่าจะนำไปแจกตำรวจส่วนหนึ่ง ที่เหลือถวายวัด ซึ่ง พ.ต.อ. สมัคร ท่านก็ไม่ได้คิดมากอะไร เจตนาหมายถึงถวายหลวงปู่ไว้ด้วยเช่นกัน แต่หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดมากเมื่อบอกว่าถวายวัดก็หมายถึงต้องเป็นของวัด เมื่อถึงเวลาหลวงปู่ท่านปลุกเสกเสร็จ ท่านจึงได้มอบพระคืนให้ พ.ต.อ.สมัคร และส่วนที่พ.ต.อ. สมัคร มอบให้มานั้น หลวงปู่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการวัดไปดำเนินการทั้งหมด หลวงปู่จึงไม่ได้แจกเหรียญรุ่นสองเลย แม้แต่ศิษย์ใกล้ชิดไปขอเหรียญรุ่นสอง หลวงปู่ยังบอกให้ไปทำบุญเอา เพราะเขาไม่ได้บอกถวายให้หลวงปู่ไว้เลย เขาบอกว่าถวายวัด ถ้าพระที่ผู้สร้างนำมาถวายหลวงปู่ หรือเป็นพระที่หลวงปู่สร้างเอง หลวงปู่จะแจกพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่มาทำบุญบ้าง มาขอบ้าง หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตามากท่านแจกอย่างเดียวแจกจนหมดวัด มีอยู่ครั้งหนึ่ง คุณสมหมาย (น้องชายคุณอั้ง ร้านน้ำแข็งหน้าวัดพญาปราบ) ได้เดินมากมาจากภาคใต้ มากราบหลวงปู่ เมื่อถึงคราวจะลากลับจึงขอเหรียญท่านไปบูชา แต่ท่านแจกจนหมดจึงไม่มีเหลือ เมื่อไม่มีให้ คุณสมหมายก็รู้สึกผิดหวัง หลวงปู่ท่านจึงใช้เด็กในวัด ไปหาเช่าจากสนามพระแถวพระประแดงมาให้ โดยที่ท่านไม่ได้เรียกร้องเงินทองแต่อย่างใด แจกอย่างเดียวเพราะท่านเป็นพระที่มีแต่ความเมตตาสูงส่งเป็นอย่างยิ่ง

    อาจารย์เสือ

    หลวงปู่เย่อท่านเป็นพระที่เงียบๆ ไม่ค่อยคุยกับใครมากนัก แต่ถ้าศิษย์คนไหนประพฤติตนไม่เหมาะสม ท่านก็จะดุ หรือตวาดเสียงดังจนศิษย์ตกใจกลัว นอกจากเสียงแล้วแววตาท่านยังดุดันแข็งกร้าวเปี่ยมด้วยอำนาจ ไม่มีใครกล้าลองดีกับหลวงปู่ บรรดาลูกศิษย์หลวงปู่ที่อยู่วัดราชบพิธ จึงพากันตั้งฉายาให้หลวงปู่ว่า “อาจารย์เสือ” โดยเปรียบหลวงปู่ว่าท่านเสียงดุเหมือนเสือเลยทีเดียว แต่หลวงปู่ท่านก็ดุกับคนบางคนที่สมควรโดนสั่งสอนให้หลาบจำเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ท่านดุท่านสอนล้วนแล้วแต่ออกมาจากจิตที่ตั้งอยู่บนเมตตาธรรมทั้งสิ้น

    เคยมีตำรวจผู้หนึ่งได้ไปกราบขอพระเครื่องจากท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(วาสน์) ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ท่านถามตำรวจผู้นั้นว่า “เป็นคนที่ไหน” ตำรวจผู้นั้นตอบว่า “เป็นคนพระประแดงครับ” ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงบอกว่า “ถ้าอยู่พระประแดงก็ไม่ต้องมาขอพระเราหรอก ไปขออาจารย์เสือที่วัดอาษา เพราะว่าพระของเราก็ให้อาจารย์เสือปลุกเสกให้ทั้งนั้น ละ

    ทุกครั้งที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ให้ศิษย์วัดราชบพิธนำพระเครื่องมาให้หลวงปู่เย่อปลุกเสก ด้วยความเกรงใจหลวงปู่ ถ้าครั้งไหนมีจำนวนมากท่านจะเขียนด้วยลายมือท่านเองกำกับมาด้วยว่า “ท่านไม่ต้องจาร” แต่ถ้าครั้งไหนมีจำนวนไม่มากนัก หลวงปู่ท่านจะจารให้ทุกเหรียญ

    ***ท่านใดที่มีเหรียญของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช (วาสน์) ลองสังเกตุที่ด้านหลังเหรียญดู บางเหรียญจะมีรอยจาร นะปัดตลอด ลายมือหลวงปู่เย่อ เหมือนกันกับที่จารในเหรียญของหลวงปู่แต่ละรุ่นครับ

    ตะกรุดหลวงปู่

    เรื่องตะกรุดของหลวงปู่นั้นมีการสร้างปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมายหลายครั้ง เรื่องที่เป็นที่กล่าวขานกันเนื่องจากได้พบเห็นต่อหน้าผู้คนเป็นจำนวนมากได้แก่เรื่อง “เด็กลอยน้ำ” ซึ่งเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมของโรงเรียนอาษา ซึ่งได้เดินกลับบ้านกันในช่วงเลิกเรียนตอนเย็น ขณะเดินกลับบ้านก็ได้เล่นสนุกกับเพื่อนโดยผลักกันไปผลักกันมาทำให้เสียหลักพลัดตกน้ำบริเวณทางเดินปูน ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ฝั่งวัดกลาง ตรงข้ามวัดอาษา เรื่องน่าอัศจรรย์คือเด็กคนนี้ไม่จมน้ำทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น คงลอยน้ำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีคนมาช่วย เนื่องจากเพื่อนๆ พากันตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย ซึ่งเด็กคนนี้พ่อแม่นำตะกรุดของหลวงปู่เย่อใส่สร้อยแขวนคอไว้ให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เป็นเรื่องแปลกที่ผู้คนพบเห็นกันหลายคนอีกเรื่อง และพากันไปขอตะกรุดหลวงปู่มาบูชากัน เพราะต่างก็ประจักษ์ในความศักดิ์สิทธิ์ด้วยตาตนเอง

    อาจารย์สมยศ ตันติวงศ์วงวาณิชย์ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้เขียนมาตั้งแต่เด็ก พี่น้องทุกคนเรียนหนังสือที่โรงเรียนอาษา) ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยไปทำรางน้ำฝนที่วัดอาษา ครอบครัวอาจารย์สมยศมีอาชีพทำรางน้ำโดยเปิดร้านอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดกลาง ชื่อร้านง่วนฮงการช่าง รางน้ำฝนที่ทำเสร็จแล้วก่อนที่จะนำขึ้นไปติดบนหลังคา หลวงปู่เย่อท่านได้นำเหล็กมาจารและบริกรรมคาถาก่อนจึงให้นำขึ้นไปติด ส่วนรางเก่าที่ทำการรื้ออกมานั้น หลวงปู่ท่านได้ใช้เหล็กจารพร้อมทั้งบริกรรมคาถา เสร็จแล้วท่านจึงบอกว่า “ใช้ได้แล้ว” ท่านบอกให้นำไปตัดแบ่งกันทำเป็นตะกรุดได้

    คุณนิพนธ์ ภัคดีวัฒนา สมัยวัยเด็กได้เคยพาพี่ชายซึ่งเป็นลูกของลุง ไปกราบหลวงปู่แล้วเอ่ยปากขอตะกรุดกับหลวงปู่เย่อ หลวงปู่ท่านพูดขึ้นด้วยความเมตตาและเอ็นดูต่อศิษย์วัยเด็กทั้งสองว่า “ตะกรุดของหลวงปู่นั้นมีอยู่สองแบบนะ มีแบบอยู่ยงคงกระพันชาตรียิงฟันไม่เข้า และแบบเมตตามหานิยมมีเมียเยอะๆ ใครจะเอาแบบไหนว่ามา” คุณนิพนธ์ ตอบหลวงปู่ด้วยความสนิทสนมจึงแหย่หลวงปู่เล่นด้วยว่า ผมเอาแบบอยู่ยงคงกระพันยิงฟันไม่เข้าครับ(พร้อมทั้งทำปากยิงฟันล้อเลียนหลวงปู่) พี่ชายคุณนิพนธ์ ตอบหลวงปู่ว่า ผมเอาแบบเมตตามหานิยมมีเมียเยอะๆ (ลากเสียงยาว) ครับหลวงปู่ หลวงปู่จึงหยิบตะกรุดมามอบให้ศิษย์ทั้งสองคนพร้อมทั้งบริกรรมคาถาเสร็จแล้วจึงหย่อนลงมือเด็กทั้งสองทีละคนด้วยความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง (ปรากฎว่าในปัจจุบัน พี่ชายคุณนิพนธ์ ก็ได้มีเมียเยอะจริงๆ มีบ้านเล็กบ้านน้อยหลายหลังตามที่หลวงปู่พูดไว้สมัยวัยเด็ก)

    เรียกตะกรุด

    เมื่อคราวปลายปี ๒๕๒๓ ขณะนั้นหลวงปู่ชราภาพมากแล้ว คุณนิพนธ์ ภักดีวัฒนา ศิษย์ใกล้ชิดผู้เคยปรนนิบัติหลวงปู่ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นก็ได้จากหลวงปู่ไปนานครั้นพออายุ ๒๖ ปีเลยวัยเบญจเพศได้เข้ามาที่วัดอาษาอีกครั้งเพื่อที่จะมาไหว้หลวงพ่อโตและมากราบหลวงปู่เย่อ ขณะนั้นหลวงปู่เย่อสรงน้ำอยู่ คุณนิพนธ์จึงนำดอกไม้ไปไหว้หลวงพ่อโต เมื่อหลวงปู่สรงน้ำเสร็จเดินออกมา เห็นคุณนิพนธ์กำลังไหว้หลวงพ่อโตอยู่จึงถามพระอาจารย์หวินว่า “ไอ้นั่นมันใครวะ” เมื่อพระอาจารย์หวินได้บอกว่าเป็นลูกใครหลานใครซึ่งเคยมารับใช้หลวงปู่สมัยก่อนแล้ว หลวงปู่ท่านนึกอยู่สักครู่ ท่านก็จำได้จึงบอกพระที่ดูแลหลวงปู่อยู่ให้ไปหยิบตะกรุดมาหนึ่งดอก ขณะนั้นคุณนิพนธ์คิดในใจว่าไม่อยากได้ตะกรุดเลยเพราะได้มาเยอะแล้ว ที่บ้านก็มีอยู่แล้วหลายดอก ยิ่งเวลานี้หลวงปู่ก็แก่มากแล้วจำอะไรก็ไม่ได้ จะเสกตะกรุดได้ศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกเหรอ สักพักพระที่ดูแลหลวงปู่ก็หยิบตะกรุดมาส่งให้หลวงปู่หนึ่งดอกแล้วจึงเดินจากไป หลวงปู่จึงบอกให้คุณนิพนธ์แบมือรอรับ คุณนิพนธ์จึงแบมือหลวงปู่ก็บริกรรมคาถา เมื่อเสกเสร็จก็ปล่อยตะกรุดลงพื้นไม่ลงมือคุณนิพนธ์ และตะกรุดก็กลิ้งไปใต้ฐานพระหลวงพ่อโต คุณนิพนธ์จึงบอกว่า “หลวงปู่ทำไมปล่อยไม่ลงมือ ตกพื้นไปแล้วครับ” แล้วคุณนิพนธ์จึงก้มลงมองหาตะกรุดที่ตกลงไปใต้ฐานพระ ได้ยินเสียงหลวงปู่พูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปหาหรอก อยู่นี่ไง” ซึ่งคุณนิพนธ์ก็ยังไม่เชื่อที่หูตัวเองได้ยิน เพราะเห็นกับตาตนเองว่าตะกรุดตกลงพื้นแล้วกลิ้งไปใต้ฐานพระ ยังคงก้มมองหาอยู่ หลวงปู่พูดขึ้นเป็นครั้งที่สองว่า “บอกว่าไม่ต้องไปหา ตะกรุดอยู่นี่” เมื่อคุณนิพนธ์เงยหน้าขึ้นมาดู ปรากฎว่าหลวงปู่ถือตะกรุดอยู่ในมือจริงๆ จึงมาคิดได้ว่าหลวงปู่คงจะรู้จิตใจตนเองเป็นแน่จึงได้แสดงให้ดูว่า ความชราของหลวงปู่ไม่ได้ทำให้พลังจิตของหลวงปู่ลดน้อยลงไปเลย

    โดย เวชยคม /บทความโดยคุณสมชาย ปรางค์นวรัตน์

    ขอบคุณที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อโต หลวงปู่เย่อ วัดอาษา สภาพสวย หายากมากครับ

    ให้บูชา 900 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]

    วัดซากหมากฯซึ่งเป้นพระภิกษุบ้านนอกจากชายฝั่งทะเลตะวันออกก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่คณะกรรมการผู้ดำเนินงาน
    อาราธนาไปร่วมเป็นพระเวทยาจารย์ด้วย เมื่อวันที่๒๔พฤษภาคม๒๕๑๘โดยครั้งนั้นพระอาจารย์กัสสปมุนีแห่งสำนักปิปผลิวนาราม
    อำเภอบ้านค่าย ก็ได้อาราธนาไปร่วมพิธีด้วย การได้ไปร่วมในพิธีพุทธาภิเษกครั้งสำคัญๆของหลวงพ่อหอมนี้
    หากจะนำมากล่าวทั้งหมดทุกๆครั้งก็ดูจะเป็นการลำบากเหลือเกินเพราะมิได้มีศิษย์ใกล้ชิดท่านใดจดบันทึกไว้เป็นหลักฐานเลย
    ในสมัยที่หลวงพ่อหอมกำลังก่อสร้างวัดซากหมากฯอยู่นั้น ท่านได้เดินธุดงค์มาจากวัดมาบข่าเมื่อปี๒๔๗๑
    มีพรรษาเพียงสองพรรษาเท่านั้นสันนิฐานว่าท่านคงประสงค์จะมาเยี่ยมบ้านเกิดของท่านที่บ้านสำนักท้อน
    แต่เมื่อผ่านบ้านซากหมาก ซึ่งขณะนั้นเป็นป่าคงดิบซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิดเช่น ช้าง เสือ หมูป่า
    ลิง ค่าง และงูพิษอาศัยอยู่มากมาย มีบ้านเรือนอยู่เพียงไม่กี่หลัง คือครอบครัวนายแผน นายมาน นายแหว นายจิ๊ด
    นางนก และนายไพร หลวงพ่อได้พบกับบ้านที่ทำด้วยไม้ไผ่สองหลังทรุดโทรมจนเกือบใช้การไม่ได้แล้ว
    สอบถามชาวบ้านก็ทราบว่าเป็นสำนักสงฆ์ ซึ่งพระอาจารย์ล้าเคยอยู่มาก่อน
    แต่ได้ปล่อยให้เป็นสำนักล้างมาประมาณ๑๐ปีเศษ
    หลวงพ่อจึงตกลงใจที่จะฟื้นฟูสำนักสงฆ์แห่งนี้ให้เป็นวัดขึ้นมาให้ได้
    จึงได้เข้าป่าไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำเขานางหย่อง เพื่อแสวงหาไม้ที่จะนำไปปลูกสร้างถาวรวัตถุของวัดที่ตั้งใจไว้
    และในขณะที่ท่านจำพรรษาอยู่ในถ้ำนั้น
    ก็ปรากฏว่ามี ช้าง เสือ และสัตว์ร้ายอื่นๆ มาวนเวียนอยู่ใกล้ท่านตลอดเวลา
    แต่ก็เป็นที่น่ามหัศจรรย์ที่สัตว์ร้ายเหล่านั้นหาได้เข้าทำร้ายท่านไม่
    ตรงกันข้ามเมื่อนานๆเข้ากลับปรากฏว่าสัตว์เหล่านั้นเชื่องได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถพูดกับช้างป่ารู้เรื่องกันเป็นอย่างดี ถึงขนาดทำอะไรๆตามคำสั่งท่านได้
    เมื่อท่านคัดเลือกไม้ที่ต้องการได้แล้ว
    จึงได้นำชาวบ้านขึ้นไปตัดโค่นจนได้จำนวนพอแก่ความต้องการ
    แต่ก็เกิดมีปัญหาว่าจะทำอย่างไรจึงจะชักลากไม้เหล่านั้นลงมาแปรรูปข้างล่างได้
    เพราะเป็นระยะทางไกลถึง ๗กิโลเมตร
    จึงได้ชักชวนชาวบ้านที่ขึ้นมาช่วยตัดโค่นต้นไม้กลับลงมาที่สำนักสงฆ์ซากหมากก่อน
    เพื่อที่จะหาวิธีขึ้นไปชักลากไม้ลงมาจากเขานางหย่องให้ได้
    แต่เมื่อได้ปรึกษาหารือกับชาวบ้านเป็นเวลาหลายวันก็ยังไม่พบวิธีที่ต้องการ
    หลวงพ่อจึงย้อนขึ้นไปบนเขาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสำรวจดูเส้นทางให้ละเอียดเสียก่อนอีกครั้งหนึ่ง
    พอหลวงพ่อไปถึงเชิงเขาก็ต้องประหลาดใจอย่างยิ่ง เพราะปรากฏว่าที่เชิงเขานั้นมีไม้ที่ตัดไว้บนเขา
    ได้ลงมากองอยู่จนครบทุกท่อน กับได้เห็นรอยเท้าช้างป่าขนาดใหญ่รอบๆบริเวณกองไม้และทางขึ้นเขาเปรอะไปหมด
    ซึ่งต่อมาหลวงพ่อก็ทราบว่าเป็นฝีมือช้างป่าที่คุ้นเคยกับท่านจำนวน ๗ เชือก ช่วยกันชักลากมาไว้นั้นเอง
    ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ชาวบ้านได้ประสบกับความมหัศจรรย์ในอภินิหาริย์ของหลวงพ่อ
    และเริ่มบังเกิดความศรัทธาอย่างสูงมาตั้งแต่นั้น
    เมื่อหลวงพ่อสร้างอุโบสถ ได้มีชาวบ้านใกล้ๆวัดเข้ามาหาหลวงพ่อบอกว่าช้างป่าเข้าไปในไร่เก็บกินพืชผลที่เขาปลูกเอาไว้
    จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก เขาจะยิงก็เกรงใจหลวงพ่อขอให้หลวงพ่อช่วยเขาด้วยเถิด
    เมื่อหลวงพ่อได้ทราบเช่นนั้นก็รับปากว่าจะช่วย และลุกเดินไปยืนบริกรรมอยู่สักครู่หนึ่งหน้าโบสถ์
    แล้วร้องตะโกนขึ้นว่า” ลูกหลานพญาฉัททันต์ อย่าไปเหยียบย่ำไร่ของเขาเลย เจ้าของเขาจะยิงเอา
    ของเรามีอยู่แล้วในแปลงขวามือไปกินได้”ซึ่งภายหลังจากนั้นก็ไม่ปรากฏว่ามีช้างเข้าไปรบกวนชาวบ้านอีกต่อไป
    เลย แต่ตรงกันข้ามกับของหลวงพ่อที่มีอยู่ใกล้ๆ วัดกลับไม่มีพืชผลเหลืออยู่เลย เพราะฝีมือช้างป่านั้นเอง
    อีกครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อสร้างความมหัศจรรย์แก่ชาวบ้านเอาไว้คือเมื่อประมาณปี ๒๔๘๑
    ตอนนั้นหลวงพ่อบวชได้๑๒พรรษาแล้ว
    วันหนึ่งได้มีนายพรานช้างมาขอพักที่วัดและตอบคำถามของหลวงพ่อว่าจะมาล่าช้างในป่าแถบๆนี้
    แต่เวลาใกล้คร่ำจึงขอพักเอาแรงที่วัดสักคืนก่อน หลวงพ่อก็อนุญาตให้พรานเหล่านั้นพักตามประสงค์
    แล้วหลวงพ่อเดินไปยืนบริกรรมที่หน้าโบสถ์สักครู่ก็ตะโกนขึ้นว่า”ลูกหลานพญาฉัททันต์ทั้งหลายวันนี้อย่าออก
    ไปหากินไกลวัดมีคนเขาจะมายิงให้หากินอยู่ในบริเวณวัดนี้”เมื่อนายพรานออกป่าเพื่อล่าช้างก็ปรากฏว่า
    ไม่พบช้างเลยแม้แต่ตัวเดียวเพราะช้างป่าเหล่านั้นได้ชวนกันมาหากินอยู่ภายในบริเวณวัดหมด
    นายพรานจึงต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป
    ต่อมาหลวงพ่อพร้อมด้วยพระภิกษุอีก ๔ รูป ได้ชวนกันไปหากระเพรา ๗ อ้อม ด้วยการเดินธุดงค์
    เมื่อเดินทางไปถึงที่แห่งหนึ่งซึ่งหลวงพ่อบอกว่าสงสัยจะเป็นเขตจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นท้องที่เดิมบางนางบวชในปัจจุบัน
    ได้พบศาลายกพื้นสูงมากหลังหนึ่งอยู่ในป่าทึบ มีหนังสือเขียนไว้มีข้อความว่า”ใครผ่านมาทางนี้
    เมื่อมืดแล้วให้ขึ้นไปอยู่ข้างบนเพราะมีสัตว์ชุกชุมมาก”แต่หลวงพ่อกลับบอกพระที่ไปด้วยกันว่าเราปักกลดกัน

    อยู่ข้างล่างนี้แหละไม่ต้องขึ้นไปหลอกทั้งหมดก็ปักกลดอยู่ข้างล่างนั้นเองเมื่อปักกลดเสร็จหมดทุกองค์แล้ว

    หลวงพ่อก็ได้เสกทรายซัดล้อมกลดไว้โดยรอบ และสั่งพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดว่าอย่าได้ออกไปนอกกลดเป็นอันขาด
    ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนกันนั่งสมาธิเจริญภาวนาแผ่เมตตาแก่สรรพสัตว์โดยทั่วกัน
    ซึ่งในคืนวันนั้นปรากฏว่ามีสัตว์ร้ายหลายชนิดมาวนเวียนอยู่แถวรอบๆกลดเหมือนกัน
    แต่ไม่มีตัวใดเข้ามาทำร้ายจนรุ่งเช้าสัตว์เหล่านั้นก็หายไปในป่าหมด
    หลวงพ่อจึงได้ชวนพระที่มาด้วยกันเดินทางต่อไป
    ในการเดินทางต่อไปในช่วงนี้ หลวงพ่อเล่าว่าเป็นป่าเขาโดยตลอด
    ขนาดเดินทางมาสามวันแล้วยังไม่พบบ้านเรือนคนเลยแม้แต่หลังเดียวต้องอดอาหารกันทั้งสามวัน
    จนกระทั่งวันที่สี่จึงได้สวนทางกับชาวบ้านคนหนึ่งหาบขนมจีนผ่านมา
    แล้วเอาขนมจีนนั้นถวายทุกองค์ได้ฉันกันจนอิ่ม
    หลวงพ่อได้ถามชายคนนั้นว่า”ต่อจากที่นี่ไปอีกไกลไหมจึงจะถึงบ้านคน”ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า”
    พอพลบค่ำก็จะเห็นแสงไฟบ้านคน”แล้วเดินหายไปในป่านั้น หลวงพ่อจึงชวนพระที่ไปด้วยออกเดินทางต่อไป
    ซึ่งตลอดทางที่เดินผ่านไปนั้นไม่พบบ้านคนเลยจึงหน้าสงสัยว่าคนที่ถวายขนมจีนนั้นเป็นใครกันแน่
    เพราะถ้าเป็นคนธรรมดาจะอยู่แถวนั้นได้อย่างไรกัน
    จนกระทั่งเวลาพลบค่ำจึงได้พบบ้านคนจริงตามที่ชายคนนั้นบอกไว้
    จึงชวนพระที่ไปด้วยกันทั้งหมดปักกลดพักที่บริเวณใกล้ๆ
    กับหมู่บ้านนั้นและต่อมาก็เดินทางกลับวัดซากหมากฯโดยไม่ได้กระเพรา๗อ้อมมาตามต้องการเพราะไม่พบว่ามีอยู่ท

    ี่ใดเลย ส่วนเรื่องที่พบคนเอาขนมจีนมาถวายกลางป่าทั้งๆบริเวณใกล้ๆนั้นไม่มีบ้านคนเลย
    ก็คงเป็นปริศนาให้แปลกใจอยู่ตลอดมา
    สมัยอู่ตะเภามีฐานทัพอเมริกันตั้งอยู่ ได้มีฝรั่งชาตินิโกร ซึ่งเป็นทหารนักบินคนหนึ่ง
    มีเมียเช่าเป็นคนไทยภาคอีสานได้พากันไปหาหลวงพ่อที่วัดแล้วเช่าพระกริ่งรูปเหมือนของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวเป

    ็นประจำ และมีอยู่ครั้งหนึ่งทหารฝรั่งนิโกรคนนี้ได้ถูกคำสั่งให้ขับเครื่องบินไปนครพนม
    แต่บังเอิญไปเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินตกระหว่างทาง เครื่องบินนั้นได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้
    ทหารที่ไปด้วยกันก็เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสกันทุกคน แต่ฝรั่งนิโกร
    ซึ่งเป็นนักบินคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จึงบังเกิดความเลื่อมใสหลวงพ่อเป็นอย่างมาก
    เมื่อมีโอกาสจะต้องมาหาหลวงพ่อที่วัดเป็นประจำ
    เมื่อวัดหลวงพ่อมีงานก็จะมาช่วยงานอย่างแข็งขันทุกครั้งไป
    เมื่อถูกส่งกลับไปอเมริกาแล้วก็ยังส่งเงินมาถวายหลวงพ่ออยู่เนืองๆ
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าวัยรุ่นย่านบางรัก
    กรุงเทพฯยกพวกต่อยตีกันเป็นมวยหมู่ มีการบาดเจ็บกันเป็นระนาว
    แต่ก็มีอยู่หลายคนที่ไม่เป็นอะไรเลยทั้งๆที่ได้เข้าไปประจัญบานกับเขาด้วยอย่างเมามัน
    ซึ่งภายหลังปรากฏว่าพวกที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนั้นล้วนแต่มี”สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ทั้งนั้น
    สอบถามได้ความว่าเคยร่วมคณะกฐินจากกรุงเทพฯซึ่งไปถอดวัดซากหมากฯแล้วเช่า
    “สิงห์งาช้าง”ของหลวงพ่อไปไว้ติดตัวกันคนละตัว ซึ่งครั้งแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้
    จนได้ประสบเหตุเข้ากับตัวเองจึงเชื่อและพาพรรคพวกเพื่อนฝูงเดินทางไปขอเช่าที่วัดกันอีกหลายคนด้วยกัน
    แต่หลวงพ่อก็เตือนว่า”ถ้ารังแกข่มเหงเขาสิงห์ของพ่อไม่ช่วยนะ”
    ตามธรรมดาทุกๆปี ที่วัดซากหมากฯจะต้องมีงานประจำปี
    และมีอยู่ปีหนึ่งหลวงพ่อได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือนองค์หลวงพ่อขึ้นเป็นรุ่นแรก
    ได้มีทหารจำนวนหนึ่งไปเที่ยวงานและเช่าพระกริ่งนี้คนละองค์
    แล้วชวนกันไปหลังโรงเรียนวัดซากหมากซึ่งอยู่ใกล้วัดนั้นเอง เพื่อจะทดลองความศักดิ์สิทธิ์ดูให้แน่ใจ
    จึงได้นำเอาพระกริ่งของหลวงพ่อออกมาวางรวมกันแล้วยิงด้วยปืน .๓๘ ก็ปรากฏว่ายิงกี่ครั้งๆก็ไม่ออก
    แต่เมื่อเบนปากกระบอกปืนไปทางอื่นกลับยิงออกทุกนัด ทหารเรือกลุ่มนั้นจึงกลับเข้ามาในวัด
    และขอเช่าเพิ่มกันอีกจนเงินหมดกระเป๋า
    เมื่อกลับไปแล้วยังได้บอกกล่าวให้บรรดาเพื่อนฝูงพากันมาเช่ากันไปไว้ประจำตัวอีกมากมาย
    และตั้งแต่นั้นมาเมื่อหลวงพ่อมีงานอะไรขึ้น
    บรรดาทหารเรือจากฐานทัพเรือสัตหีบจะมาช่วยกันอย่างมากมายทุกครั้งไป
    เมื่อนายสงั่น ไตร่ตรอง ได้เป็นกำนันตำบลสำนักท้อนใหม่ๆ
    เคยขับรถยนต์ไปธุระที่สมุทรปราการพร้อมกับลูกบ้านอีก ๘ คน
    แต่พอรถไปถึงโค้งบางปิ้งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นโค้งผีสิง จะด้วยเหตุอันใดก็ไม่อาจทราบได้
    รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำไปหลายตลบ เผอิญมีตำรวจอยู่ใกล้ๆกับบริเวณนั้นเห็นเหตุการณ์เข้า
    คิดว่าจะต้องมีคนในรถได้รับบาดเจ็บหรืออาจถึงตายแน่ๆ
    จึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลโดยรีบด่วน
    แต่เมื่อเข้าไปถึงก็ต้องประหลาดใจอย่างมากเพระไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดที่อยู่ในรถคันนั้นได้รับบาดเจ็บกันเลย
    ซึ่งต่อมาเมื่อมีการสอบถามกันขึ้นด้วยความสงสัย จึงทราบว่าทุกคนที่ไปกันในรถคันนั้นต่างก็มี
    “สิงห์งาช้าง” ของหลวงพ่อหอมติดตัวกันทั้งนั้น
    วิทยาเวทย์ที่เป็นคุณวิเศษของหลวงพ่อหอมวัดซากหมาก
    อีกประการหนึ่งที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยได้เรียนรู้มาก่อนคือ”การต่อชะตาดิน”ซึ่งคุณวิเศษนี้ก็เป็นที่เลื่อ

    งลือในความศักดิ์สิทธิ์ของท่านอย่างมากทีเดียว
    คือหากที่ดินของผู้ใดที่เคยอยู่อาศัยหรือใช้ประกอบกิจการใดๆมาก่อน
    เกิดอาการเสื่อมโทรมใช้ประโยชน์ไม่ได้ดีเหมือนเดิม
    หรือกิจการบนดินนั้นเสื่อมโทรมลงหลวงพ่อก็จะไปทำพิธี”ฝังหิน”
    ให้แล้วกิจการบนที่ดินแห่งนั้นก็จะกลับคืนเป็นคุณแก่เจ้าของดั่งเดิมอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    ซึ่งวิชาต่อชะตาดินนี้ได้เคยมีบรรดาศิษย์อยากจะเรียนจากหลวงพ่อ
    แต่หลวงพ่อก็บอกว่าผู้ที่จะเรียนได้จะต้องเป็นพระภิกษุเท่านั้น
    และเมื่อเรียนแล้วก็จะต้องตั้งมโนปนิธาณด้วยว่า
    “จะบวชจนตายในผ้ากาสาวพัตร์”คือจะสึกออกไปครองเพศฆราวาสไม่ได้อย่างเด็ดขาด
    ถ้าผิดไปจากนี้แล้วจะต้องถูก”ฟ้าผ่า”ทันที จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะเรียนต่อจากท่าน
    เพราะการบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ ไม่ใช่เป็นของง่ายนักที่จะประกาศตนว่าจะไม่สึกไว้ล่วงหน้า
    นอกจากหลวงพ่อหอมวัดซากหมากจะเป็นผู้มีวิทยาคุณในทางเครื่องรางของขลังแล้วท่านยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในทางร
    ักษาโรคภัยไข้เจ็บนานาชนิดอีกด้วย
    ทั้งนี้เพราะท่านได้เคยศึกษาเล่าเรียนมาจากบิดาของท่านซึ่งเป็นแพทย์ประจำตำบล
    ในสมัยเมื่อท่านยังเป็นฆราวาสอยู่ตามธรรมดาทุกๆวัน
    จะมีคนป่วยด้วยโรคต่างๆมาหาท่านที่วัดเพื่อขอให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคร้ายเหล่านั้นให้หาย
    วันหนึ่งๆถึง
    ๔๐-๕๐ คน หลวงพ่อจึงเป็นพระภิกษุผู้ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ทั้งที่เป็นคนไทย จีน แขกซิกส์
    และฝรั่ง ดังจะเห็นได้จากเมื่อหลวงพ่อมรณภาพได้มีผู้หลั่งไหลกันไปเคารพศพของท่านอย่างล้นหลาม
    โดยเฉพาะในวันถวายน้ำสรงศพของท่าน
    เจ้าหน้าที่ได้จัดให้เรียงแถวกันเข้าไปต้องใช้เวลาถึงสามชั่วโมงเศษจึงหมดคนที่ไปถวายน้ำสรงท่าน
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือ พระครูภาวนานุโยค อดีตเจ้าอาวาสวัดซากหมาก หมู่ที่ ๒ ตำบล
    สำนักท้อน กิ่งอำเภอบ้านฉาง(ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง) จังหวัดระยอง เดิมชื่อ หอม ทองสัมฤทธิ์
    เกิดวันจันทร์ เดือน๑๐ ปีขาล พุทธศักราช๒๔๓๓ เป็นบุตรของนายสัมฤทธิ์ กับนางพุ่ม ทองสัมฤทธิ์
    มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันสามคน หลวงพ่อเป็นคนสุดท้องพี่ทั้งสองคนเป็นหญิงคนโตชื่อ นางวอน
    คนรองชื่อนางเชื่อม
    เมื่อเยาว์วัยอาศัยอยู่กับบิดามารดาที่บ้านเกิดของท่านเอง ส่วนในการศึกษาเบื้องต้นนั้น
    เป็นน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดทราบว่าท่านได้ศึกษากับใครที่ไหนเพราะในสมัยนั้นโรงเรียนในชนบทที่ห่างไกลจาก

    ความเจริญเช่นบ้านเกิดหลวงพ่อคงยังไม่มีตั้งขึ้นแน่นอน
    การดำรงชีพของหลวงพ่อในสมัยนั้น
    ก็เป็นการช่วยบิดามารดาทำสวนทำไร่และเก็บของป่าขายในตัวตลาด
    ซึ่งการเดินทางไปตลาดบ้านฉางหรือตลาดสัตหีบในสมัยนั้นลำบากมาก เพราะยังไม่มีถนนอย่างเช่นในปัจจุบัน
    ต้องอาศัยทางเกวียน ซึ่งผ่านป่าดงดิบแวดล้อมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด
    ถ้าเป็นฤดูฝนด้วยแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความลำบากเป็นทวีคูณ
    และคงจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อเคยมีชีวิตจำเจอยู่แต่ในป่าดงดิบนี่เอง
    จึงทำให้ท่านพยายามพัฒนาป่าให้กลับกลายเป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญขึ้นในทุกๆด้าน
    โดยท่านเห็นว่าหากมีถนนตัดจากจากที่เจริญเข้าสู่หมู่บ้านได้เมื่อใด
    ความเจริญนั้นก็ต้องขยายตัวของมันเองตามถนนไปด้วยอย่างแน่นอน จึงได้ร่วมกับ นายหยอย สุวรรณสวัสดิ์
    กำนันตำบลสำนักท้อนคนก่อนชักนำชาวบ้านช่วยกันตัดถนนจากบ้านฉาง เข้าไปจนถึงบ้านซากหมากระยะทาง ๑๒
    กิโลเมตรจนสำเร็จ และถนนสายนี้ในปัจจุบันได้กลายเป็นถนนสายอเนกประสงค์แล้วอย่างสมบูรณ์
    เมื่อหลวงพ่ออายุครบ๒๑ปี ก็โอกาสทำหน้าที่ของลูกชายไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
    ด้วยการได้รับคัดเลือกเข้ารับราชการทหารในกองทัพเรือ ในสมัยที่ฐานทัพเรือยังตั้งอยู่ที่บางพระ
    อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสังกัดอยู่หน่วยไหน
    และใครบ้างที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของท่าน ทราบแต่เพียงว่าในขณะที่ท่านรับราชการอยู่นั้น
    ไม่เคยถูกลงโทษฐานกระทำผิดวินัยเลยทั้งไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับบรรดาเพื่อนๆด้วย
    ตรงกันข้ามกับเป็นที่รักใคร่ของเพื่อนฝูงทุกคน เพราะปกติท่านเป็นคนมีนิสัยเยือกเย็น สุขุม
    และโอบอ้อมอารีต่อทุกคนอยู่แล้ว
    เมื่อรับราชการทหารครบ ๒ปี
    ทางราชการก็ปลดออกจากประจำการจึงกลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพที่บ้านสำนักท้อนตามเดิม
    และในช่วงนี้เองก็ได้แต่งงานกับ นางเจียม ซึ่งเป็นหญิงสาวในหมู่บ้านเดียวกันนั้น
    และมีบุตรด้วยกัน๓คนคือ
    นายพิน ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่ง ทองสัมฤทธิ์ นายหรั่น ทองสัมฤทธิ์
    การครองชีวิตแบบคฤหัสถ์ผู้ครองเรือนของหลวงพ่อ ได้เป็นไปอย่างธรรมดาเรื่อยๆมา
    โดยพร้อมกันนั้นก็ได้พยายามถ่ายทอดวิชารักษาโรคต่างๆจากบิดาไปด้วย
    จนมีความรู้ความสามารถไม่ยิ่งหย่อนไปจากบิดาของท่านแต่อย่างใด แล้วก็ได้ใช้วิชาความรู้นี้
    ช่วยเหลือเพื่อนบ้านตลอดมา
    หลวงพ่อหอม วัดซากหมากฯ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๙
    อายุ๓๖ ณ พัทธสีมาวัดทับมา ตำบลทับมา อำเภอเมือง จังหวัดระยอง โดยมีหลวงพ่อขาว
    วัดทับมาเป็นพระอุปัชฌาย์
    หลวงพ่อจี๊ด วัดเขาตาแขก เป็นพระกรรมวาจาจารย์และหลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เป็นอนุสาวนาจารย์
    เมื่อหลวงพ่อหอมอุปสมบทใหม่ๆ
    ยังเป็นนวกภิกษุผู้น้อยด้วยคุณวุฒิไม่อาจจะปกครองตนเองและผู้อื่นได้
    จึงยังจำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยเบื้องต้นในฐานะอันเตวาสิกของหลวงพ่อชื่น อยู่ที่วัดมาบข่า
    แต่เพียงชั่วระยะ ๒ พรรษาเท่านั้น
    หลวงพ่อหอมก็เป็นผู้แตกฉานในพระธรรมวินัยอย่างน่าอัศจรรย์เนื่องจากเป็นผู้มีความเพียรเป็นเลศ
    ยากที่จะหาพระภิกษุรูปใดในรุ่นเดียวกันเสมอเหมือนได้ แม้
    หลวงพ่อชื่นเองก็ยังเคยปรารภให้พระภิกษุรูปอื่นๆฟังว่า”อีกหน่อยคุณหอมเขาจะหอมทวนลมนะ”
    และต่อมาหลวงพ่อหอมก็ได้กลายเป็นหลวงพ่อผู้มีชื่อเสียงหอมทวนลมจริงดั่งคำของหลวงพ่อชื่นนั้น

    เมื่อหลวงพ่อหอมได้รับอนุญาตจากหลวงพ่อชื่นซึ่งเป็นพระอาจารย์เบื้องต้นไปอยู่ที่วัดซากหมากใกล้ๆ
    บ้านเกิดของท่านแล้ว ก็ได้พยายามค้นคว้าศึกษาพุทธเวทย์เพิ่มเต็มอย่างจริงจัง
    จนบังเกิดผลดังที่ได้ประจักษ์แก่บรรดาศิษยานุศิษย์อย่างถ้วนหน้าแล้วนั้น
    นอกจากท่านจะได้สร้างวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธ์ เพื่อให้ผู้มีไว้บูชาบังเกิดที่พึ่งทางใจอย่างได้ผลแล้ว
    ก็ยังได้สร้างถาวรวัตถุขึ้นไว้ในวัดอีกหลายประการด้วยกัน เช่น อาคาร ศาลา หอระฆัง หอไตรกลางสระน้ำ
    และอีกหลายๆอย่างที่ท่านได้สร้างไว้

    ด้วยความที่หลวงพ่อหอมเป็นผู้ประกอบคุณงามความดีให้ปรากฏในศาสนจักรและราชอาณาจักรมากมายนี่เอง
    จึงได้พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
    รัชกาลที่๙แห่งราชวงศ์จักรีพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีเป็นพระครูภาวนานุโยค
    ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๗
    นับเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งแก่หลวงพ่อและบรรดาศิษยานุศิษย์โดยทั่วหน้ากัน
    และในโอกาสนี้เองทีหลวงพ่อหอมได้สร้างพระกริ่งรูปเหมือน
    แหนบบูชารูปเหมือน(ชนิดสั้น)รูปปั้นเหมือนองค์จริงแบบบูชาเป็นรุ่นแรกขึ้น
    กับได้สร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นสอง
    แบบหน้านูนครึ่งองค์ด้านหลังเหมือนกับเหรียญรุ่นแรกพร้อมกับแหวนทองแดงรูปเหมือนและแบบเดียวกับที่สร้างเม

    ื่อปีพุทธศักราช๒๔๙๘
    หลวงพ่อหอม จนฺทโชโต หรือพระครูภาวนานุโยค ได้อาพาธด้วยโรคชราและมรณภาพด้วยอาการสงบ
    เมื่อเวลาประมาณ ๐๕.๐๐น.ของวันที่๑๓ เมษายน พุทธศักราช๒๕๒๐(นับวันเวลาสากล)ณ
    โรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์
    ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี รวมอายุได้๘๗ปี๕๑พรรษาและได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน
    พุทธศักราช๒๕๒๑ ภายหลังจากท่านมรณภาพแล้ว๓๗๕ วัน ณ. วัดซากหมากฯ หมู่ที่ ๒ ตำบล สำนักท้อน
    กิ่งอำเภอบ้านฉาง(ปัจจุบันเป็นอำเภอบ้านฉาง)จังหวัดระยอง
    ซึ่งเป็นวัดที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสมาโดยตลอดนั้นเอง

    จากหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ

    พระครูภาวนานุโยค(หอม จนฺทโชโต)

    เหรียญงาช้าง สภาพเหรียญสวยๆเดิมๆ

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ(ปิดรายการ)
    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    วันนี้จัดส่งให้ท่าน

    EG 8766 7611 5 TH เขาค้อ

    ขอบคุณครับ
     
  15. ลูกมังกร

    ลูกมังกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    1,461
    ค่าพลัง:
    +1,424
    ของดีๆๆ ขายดิบ ขายดีครับผม
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระราชธรรมวิจารย์) หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง หรือ วัดสุนทรธรรมทาน

    ท่านเป็นศิษย์ในสายหลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ และยังได้ศึกษาวิชาเพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์หลายๆท่าน หลวงปู่ท่านก็เป็นหนึ่งในเกจิดังช่วงยุคสงครามอินโดจีน หลวงปู่จะมีความสนิทสนมกับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมอย่างมาก เดินทางไปหาสู่กันประจำ ในยุคหลัง พ.ศ.2500 ท่านจะได้รับนิมนต์เข้าร่วมปลุกเสกพระในพิธีต่างๆตลอดเวลา โดยมากจะเป็นพิธีในกรุงเทพฯหรือจังหวัดใกล้เคียง พระและวัตถุมงคลของท่านจะเด่นในเรื่องเมตตา มหานิยม แคล้วคลาดและคงกะพัน ในทางเมตตา มหานิยมจะพิสูจน์ได้จาก พระเอกหนังดัง มิตร ชัยบัญชา ดาราดังตลอดกาลของวงการหนังเมืองไทย เป็นที่นิยมชมชอบของคนทั่วประเทศ ทางด้านคงกะพัน วัดแคนางเลิ้งอยู่ในถิ่นนักเลงในสมัยนั้น นักเลงดังๆในยุค แดง ไบเล่ย์ ปุ๊ ระเบิดขวด ถ้าไม่เก่งจริงลูกศิษย์ลูกหาเดือดร้อนแน่

    การจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงปู่ธูป จะจัดแบ่งเป็นสามยุคคือยุคต้นช่วงสมัยสงครามอินโดนจีนจะเป็นผ้ายันต์ ผ้าประเจียดและตะกรุดเสียส่วนมาก ด้านพระเครื่องจะสร้างไว้น้อย โดยมากจะเป็นพระผงแล้วนำไปชุบรักไว้อีกที (ต้องดูให้ดีๆว่าถูกยุคไหม) ยุคกลางคือช่วงปีพ.ศ.2504หลวงปู่จะสร้างพระผงน้ำมันเสียส่วนใหญ่ ยุคท้ายคือช่วงตั้งแต่ พ.ศ.2514-2517ท่านจะสร้างเป็นพระผง ด้านหลังมีฝังแร่ หรือจีวร หรือไม่มีฝังเลยก็ได้ เอกลักษณ์ในพระของท่านโดยมากจะปั๊มเป็นยันต์ใบพัด ที่ไม่ปั๊มก็มี แต่มีน้อยมาก ส่วนที่ปั๊มด้วยยันต์ตัวอื่นก็มีแต่หายากมาก เครื่องรางที่ขึ้นชื่อของท่านจะเป็นลูกอม เป็นเนื้อผงมีสองแบบคือขนาดเล็กไว้พกติดตัว และขนาดใหญ่หน่อยเรียกว่าลูกอมศรีสวาทด้านในจะใส่กริ่งเอาไว้ เขย่าจะมีเสีย เอาไว้แขวนหน้าร้านหรือใส่ไว้ในลิ้นชักเก็บเงิน เด่นทางด้านเมตตาค้าขาย เครื่องรางอีกอย่างคือผ้ายันต์สาลิกาน้ำจันทร์เป็นผ้ายันต์ปั๊มหมึก เด่นครบวงจรทั้งเมตตา มหานิยมและคงกะพันแต่ไหนแต่ไรก็หายากมากคนเก็บกันหมด

    พระเครื่องของท่านเป็นของดีราคาถูกพุทธคุณสูง แถมราคาไม่สูงมากเพราะพระของท่านจะโดนลูกศิษย์ลูกหาสายตรงเก็บเข้ารังหมด ไม่แพร่หลายเป็นที่รู้จักในวงการมากนัก ปัจจุบันพระของท่านเริ่มๆทยอยแตกรังออกมาบ้าง เมื่อคนในไปบูชาเริ่มมีประสบการณ์ พระเครื่องของท่านจะหายากกว่านี้ครับ



    หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง รูปหล่อเล็กและล็อคเก็ต หลวงปู่ธูปวัดแคนางเลิ้ง

    ให้บูชาคู่กัน 2 องค์ 350 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    เหรียญหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อประเทือง วัดหนองโพ นครสวรรค์

    และผ้ายันต์อกเลาประตูโบสถ์

    หลวงพ่อน้อย ศิษย์รุ่นท้ายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวง

    พ่อเดิมอยู่กับหลวงพ่อเดิม

    หลวงพ่อประเทืองเจ้าอาวาสถัดมาจากหลวงพ่อน้อย

    ผ้ายันต์อกเลาที่ปั๊มยันต์จากประตูโบสถ์ตอนบูรณะสร้างไว้เมื่อปี2535ของดีที่

    ศิษย์สายนี้บูชากันครับให้บูชายกชุด 2องค์ 1ผืน

    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับมี2ชุดครับ
    [​IMG][​IMG]



    [​IMG][​IMG]


    [​IMG]
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระรอดพิธีศูนย์การทหารม้า

    พิธีใหญ่รวมสายกรรมฐาน และทุกๆสาย

    หลวงพ่อกวย หลวงพ่อชา พระอาจารย์นำ ดอนศาลา หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อพรหม วัดช่อง

    แค พิธีใหญ่พอๆกับพิธีจักพรรดิ2515เลยครับ


    รายนามครูบาอาจารย์บงส่วนจากหน่วยงานราชการครับที่ร่วมพิธีนี้ครับ

    [​IMG] [​IMG]

    พระสวยสมบูณร์ครับสภาพสวยๆหายากครับเนื้อแกร่งสีแดง
    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    [​IMG]




    หลวงพ่อสอนสมาธิให้ชาวต่างชาติ

    <SCRIPT src="http://w.sharethis.com/button/sharethis.js#publisher=17494b01-07fd-4174-a9a4-070239fa6298&type=website&embeds=true" type=text/javascript></SCRIPT>ShareThis
    <SCRIPT src="http://www.igetweb.com/modules/share/libraries/tinymce/tiny_mce.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://www.igetweb.com/modules/share/scripts/jquery.jeditable.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript> var igetEditable = { editable: true, area: { 'title': { module: 'photo', id: 'edit_photo_title', mode: 'text', content_id: 536044 }, 'detail': { module: 'photo', id: 'edit_photo_detail', mode: 'mce', content_id: 536044 } }, ln: 't' }</SCRIPT>
    ประวัติสังเขป
    หลวงพ่อเที่ยง (พระครูสัจจานุรักษ์ ปภังกโร)

    เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทเขากระโดง. เจ้าคณะตำบลเสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    สถานะเดิม
    ชื่อ เที่ยง อารมณ์ เกิดวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 ปีมะเส็ง วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 บิดาชื่อนาย เสด มารดาชื่อ นางมั่น อารมณ์ บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 12 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
    บรรพชาอุปสมบท
    วัน เสาร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ วันที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2513 วัด อิสาน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จนถึงวันนี้ 39 พรรษา อายุ 68 ปี
    หลวงพ่อเที่ยง ปภังกโร เป็นชาวบุรีรัมย์โดยกำเนิด ท่านเรียนจบแค่ประถมปีที่ 4 จากนั้นก็ช่วยพ่อแม่ทำไร่ทำนามาตลอด ช่วงชีวิตในวัยรุ่นไม่ค่อยมีอะไรผาดโผนเท่าไรนัก เพราะเป็นคนขยันทำมาหากินอย่างเดียว
    กระทั่งอายุ 29 ปี ท่านจึงเข้าอุปสมบทที่วัดอีสาน โดยมีพระเมธีธรรมาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อบุญมา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อจำรัส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทแล้วมาอยู่จำพรรษาที่วัดพระพุทธบาทเขากระโดง หลวงพ่อเที่ยง ศึกษาวิทยาคมและวิปัสสนากรรมฐานอยู่หลายปี จนเชี่ยวชาญเสมอด้วย หลวงพ่อบุญมาทีเดียว ซึ่งได้รับการแนะนำว่า ถ้าจะบรรลุถึงธรรมปฏิบัติที่แท้จริงแล้วจะต้องออกธุดงค์ เพื่อหาความวิเวกฝึกจิตสมาธิให้กล้าแข็ง ท่านจึงออกเดินธุดงค์จาริกหาความวิเวกไปตามป่าดงดิบทั้งไทย พม่า และเขมร
    ต่อมา หลวงพ่อบุญมาถึงแก่มรณภาพ.......ท่านได้เดินทางกลับมาเพื่อช่วยจัดการเกี่ยว กับศพของหลวงพ่อบุญมา และพระอธิการบุญเย็น พระอาวุโสในวัดได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อมา
    หลังจากนั้น หลวงพ่อเที่ยงก็ออกธุดงค์อีก คราวนี้ขึ้นไปทางเหนือ จุดหมายปลายทางคือ ฝั่งเมียวดี ประเทศพม่า ท่านผ่านทางแม่สอด จ.ตาก แล้วข้ามฟากมุ่งสู่ยอดดอย "ลิ้นกี่" ฝั่งเมียวดี แล้วเข้ากรรมฐานรักษาศีลปฏิบัติธรรมอยู่ที่นั่นเป็นเวลาเกือบปี
    และวันหนึ่ง ท่านใด้พบกับพระลาวรูปหนึ่งชื่อว่า หลวงมหาตันอ่อน เป็นพระเถระจากเมืองเวียงจันทร์ ซึ่งเชี่ยวชาญในคาถาอาคม ออกธุดงค์มานับสิบ ๆ ปีแล้ว ท่านทั้งสองได้แลกเปลี่ยนวิทยาคม และความรู้ด้านปฏิบัติสมถะสำหรับในด้านคาถาอาคมนั้น พระมหาตันอ่อนก็เปรียบเสมือนครูอีกคนหนึ่งของหลวงพ่อเที่ยง ท่านได้สั่งสอนวิทยาคมต่าง ๆ ให้กับหลวงพ่อเที่ยงอย่างไม่ปิดบัง กระทั่งใก้ลเข้าพรรษา ท่านทั้งสองก็ต้องแยกจากกันเพื่อหาที่พักจำพรรษารับอนิสงส์ตามประเพณี พอออกพรรษา หลวงพ่อเที่ยงก็แบกกลดคู่ชีพธุดงค์มุ่งหน้าสู่เขาพระวิหารเพื่อบำเพ็ญเพียร สร้างสมบารมี
    ที่เขาพระวิหารนี้ ท่านได้พบกับพระเถระของเขมรระดับเกจิหลายรูปด้วยกัน ได้ฝากตัวเป็นศิษย์รับการถ่ายทอดวิชาการต่าง ๆ อย่างเต็มที่ หลวงพ่อเที่ยงธุดงค์เข้าไปในเขมรพร้อมกับพระอาจารย์อุทัยเพื่อนสหธรรมมิก พบกับพระเกจิอาจารย์ขมังเวทชาวเขมรได้รับความเมตาสั่งสอนถ่ายทอดวิทยาคมต่าง ๆ อย่างไม่ปิดบัง จนสำเร็จอภิญญาทางอิทธิฤทธิ์ หรือสมถกรรมฐานนั่นเอง ท่านรอนแรมธุดงค์อยู่ในป่าเสียมากก่วาจะอยู่ในเมือง พยายามที่จะทำวิปัสสนาธุระให้ได้ และศึกษาความรู้จากพระอาจารย์ต่าง ๆ นั่นเอง.....

    ขอบคุณที่มาอย่างสูงเวปวัดเขากระโดงครับ

    เหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเที่ยง สภาพสวยเดิมๆครับองค์นี้ไม่มีจารแต่บล๊อคสวย

    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    เหรียญที่ 1 บล็อคสวยไม่มีจาร

    [​IMG]
    [​IMG]

    เหรียญที่ 2 บล็อคไม่สวยมีจาร

    [​IMG]


    [​IMG]


    เหรียญที่ 3 บล็อคไม่สวยมีจาร

    [​IMG]

    [​IMG]


    สำหรับท่านที่ชอบทางด้านคุ้มครองป้องกันคงกระพันชาตรีครับ
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,467
    ค่าพลัง:
    +21,327
    พระดีพิธีใหญ่ครับ หลวงปู่สุข วัดโพธิ์ทรายทองและหลวงพ่อกวยร่วมเสก

    ท่านที่รูจักและเป็นศิษย์สายนี้น่าจะทราบถึงพุทธคุณของพระอาจารย์ทั้ง 2 รูปนี้

    องค์นี้สภาพหน้าองค์พระไม่สวย

    ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ(ปิดรายการ)


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...