ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Pleased, 30 พฤษภาคม 2009.

  1. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ยินดีต้อนรับครับ ขอให้เจริญในธรรมและบารมีสูงมากยิ่งๆ ขึ้นครับ
     
  2. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    สวัสดีค่ะอาจารย์ภราดรภาพ
    วันนี้ไม่มีคำถาม เก็บไว้คราวหน้าที่ไปฝึก ครั้งที่ 8 ค่ะ แต่จริง ๆ คำถามมีมากมาย เมื่อเราฝึกแต่ละวัน ก็เจอแปลก ๆ ได้ทุกวัน อาจารย์ไม่มีเรื่องเล่าเป็นวิทยาทานหรือค่ะ หน้าบอร์ดว่างไป ไม่รู้สมาชิกไปไหนหมด ไม่มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังเลย. แต่ที่ได้ผล เห็นจะเป็นที่บ้านเราเองนะค่ะ ทุกทีไม่เคยสนใจในเรื่องที่เราทำ ตอนนี้บอกให้รีบฝึกกันได้แล้ว ก็เริ่มสนใจมากขึ้น คนเคยเห็นผี กับคนไม่เคยเห็นผี บอกให้เชื่อคงยาก ต้องให้เจอเอง และเช่นกัน คนมีทุกข์ กับคนไม่เคยทุกข์ ความรู้สึก จะลึกซึ่งได้ไม่เท่าเทียมกัน
    ญาณิศา กระบี่ศรี
     
  3. พุทธาวตาร

    พุทธาวตาร "อีกเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป..."

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    81
    ค่าพลัง:
    +398
    สวัสดีครับ ศิษย์เก่าและใหม่ทุกท่าน
    ศิษย์รุ่น 5 เข้ามาทักทายครับ

    ถือโอกาสรายงานสภาวะอารมณ์ ความคืบหน้ากับอาจารย์เลยล่ะกัน

    สภาวะตอนนี้ อารมณ์เริ่มจะนิ่ง สงบ ระงับมากขึ้นครับ
    นั่งหลังจากสวดมนต์เสร็จเช่นเดิม จิตความคิดยังมีความฟุ้งซ่าน
    ประมาณ ครึ่งชั่วโมงแรก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มนิ่ง...เริ่มสงบขึ้น...
    สุข... และปิติกับการนั่งมากๆ ครับ
    (หรืออาจจะเป็นการปล่อยวางของจิตของผม.. ปล่อยวางทุกอย่าง...
    ไม่ว่าจะเป็นความฟุ้งซ่านความปวดเมื่อย...ความง่วง...ความขี้เกียจ...
    ทุกอย่าง...ปล่อยวางทุกอย่างไม่ใส่ใจกับมัน...มันก็แค่ความคิด...
    คิดอะไรก็ให้มันคิดไป..ถึงไหนก็ช่างมัน...มันไม่มี ตัวตน..ไม่จีรัง..
    และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโลกธาตุ..ในโลก..ในจักรวาล...สากลจักรวาล
    รวมทั้งร่างกายเราที่เป็นกระดูกโปะด้วยเนื้อ..น้ำหนอง..หุ้มด้วยหนังที่กำลังนั่งอยู่นี้..
    ก็ไม่จีรัง..มีเกิด..ปรากฏ..เห็นอยู่..และก็พร้อมที่จะดับไปเองทุกขณะ ทุกเวลา)

    เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ความฟุ้งซ่าน ความคิดต่างๆ หยุด..สงบ..เงียบ ระงับ...
    แล้วก็เห็นแสงสว่าง..เหมือนมีใครเปิดไฟนีออน ซึ่งก่อนหน้านี้มืดสนิท..สว่างจ้า...นวล
    ระยิบ..ระยับ ขนลุกซู่ เย็นวาบหนึ่ง และจมูกก็สัมผัสกับกลิ่นหอม..(หอมมากๆครับ จะอธิบายไงดี..
    อธิบายไม่ถูกไม่รู้จะเปรียบเทียบกับน้ำหอมยี่ห้อไหนดี ตอนแรกนึกว่ากลิ่นกำยาน..หรือธูปหอมที่จุด
    แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะดมอยู่ทุกวัน) แต่ได้กลิ่นหอมพักเดียวไม่นาน...สงสัยนึกอยาก
    จะดมดูอีก ก็หายไปแล้วครับ หรือว่าเป็นอุปทาน?

    ไม่รู้ผมมาถูกทางหรือเปล่าครับท่านภราดรภาพครับ?

    ระลึกถึง...เสมอ และดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2010
  4. hottime

    hottime สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    เรื่องเล่าหน้างาน ช่วงนี้ไม่ได้นำเสนอ ไว้ให้คุณ เดมีดี ได้ไปศึกษาและฝึกจักระตามที่ต้องการ แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ตอนนี้อยากให้คุณเดมีดี อย่าไปสนใจอย่างอื่น ให้สนใจตนเองให้มากขึ้น ฝึกจิตตนเอง ดูจิตตนเองให้มากๆ ขึ้น ญาณทัศนะจะเกิดขึ้นได้ ก็ย่อมต้องรู้เห็นและผ่านประสบการณ์นั้นมามากแล้ว มองจิตตนนั่นว่ายากแล้ว แต่มองเห็นสภาวะจิตสภาวะธรรมนั้นยากยิ่งกว่าเป็นไหนๆ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  5. hottime

    hottime สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +5
    ก่อนอื่น ขออนุโมทนา เต็มกำลัง อย่างน้อยที่สุดท่านก็ได้เริ่มอย่างจริงๆ จังๆ สักที ให้ยึดมั่นและน้อมใจด้วยหลักการว่า "สะอาดด้วยศีล สงบด้วยสมาธิ สว่างด้วยปัญญา" สภาวะที่เข้าสู่องค์ฌานด้วยความนิ่งสงบ ไม่ติดสุข ไต่องค์ฌานจนกว่าจะเข้าใกล้ฌานสี่นะครับ อารมณ์ ณ จุดนี้ จิตจะไม่กระวนกระวาน จิตไม่ติดนิวรณ์ใดๆ กายจะนิ่ง ลมหายใจจะสงบและละเอียดมากๆ


    ณ จุดนี้ สภาวะองค์ฌานสี่เต็มกำลัง อารมณ์ปิติสุขจะหายไป สิ่งที่เห็นในอุคหนิมิต สิ่งที่สัมผัสอายตนะทั้งหลาย ก็ให้สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าสัมผัส กล่าวคือ การวางอารมณ์เฉย แม้จะรู้สึก แต่ก็เฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย ถือได้ว่าเป็นอารมณ์เดียว (เอกคัคตา)

    ขอให้มุ่งหมั่นต่อไปครับ พยายามไต่ฌานสมาบัติ (ฌาน 5 - 8) จนกว่าจะรับรู้หมายของอารมณ์นั่น แนะนำเทคนิค ต่อจากฌาน 4 โดยการจับอากาศเป็นความว่าง (5: อากาสฯ) พิจารณาวิญาณเป็นอารมณ์ใส่ในความว่าง (6: วิญญาณฯ) พิจารณาอารมณ์เหล่านั้นไม่มีแก่นสารในความว่าง (7: อากิญฯ) เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คงตั้งอยู่และก็ดับ สิ่งที่เคยดับ ก็เคยตั้งอยู่ และก็เคยเกิดขึ้น (8: เวนะสัญญฯ) ขอให้จับอารมณ์นี้ต่อไป แล้วมาเล่าสู่กันฟังนะครับ


    ไม่ผิดหรอกครับ ทางอันหลากหลายเปรียบเสมือนถนนที่บรรจบ ณ ที่เดียวกัน จะถึงเร็วหรือช้า ก็อยู่ที่การบำเพ็ญเพียรของตัวท่านเอง มิใช่หรือ


    ท่านก็เช่น ขอให้เจริญไปด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พลัง และบารมีสูงมากยิ่งๆ ขึ้นครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2010
  6. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    เรียน ถามนะคะ
    มีอาการปวดศรีษะข้างเดียว กับมีอาการง่วงนอน แต่พอนอนได้สักไม่ถึง 2 -3 นาทีกำลังจะหลับ ร่างกายมีอาการกระตุก นั้นเป็นเพราะอะไรนะคะ และ ควรแก้ไขอย่างไรคะ เป็นมาได้สัก3 คืนแล้วคะ
     
  7. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    คุณศิลามณี
    ยินดีที่รู้จักครับ ขอให้คุณเจริญบารมีด้วยบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ คำถามคุณอาจดูเหมือนผงเข้าตาตัวเอง แต่ไม่สามารถเขี่ยด้วยตนเองได้ ประเด็นคำถามของคุณ

    1) หากมองเรื่องด้านสุขภาพ เพราะอายุมากขึ้น หญิงเจริญวัยทอง ส่วนใหญ่จะมีอาการอย่างนี้ อันเนื่องจากฮอร์โมนที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย

    2) หากแต่มองในแง่มุมจิตวิญญาณ นั้นก็หมายถึง เจ้ากรรมนายเวรของคุณ เขามาทวงบุญคุณจากคุณ ในเมื่อคุณมากด้วยบุญบารมี ก็จะมีพวกเหล่านี้คอยจดจ้องอยู่แล้ว ดั่งเศรษฐีที่มีทรัพย์ ย่อมเป็นที่หมายปองของพวกอยากไร้ ในเมื่อคุณเป็นเศรษฐีใจบุญอยู่แล้ว เจอเคสเจาะจงอย่างนี้ ก็ต้องแผ่ไปให้ตามระเบียบ คุณลองใช้มโนมยิทธิที่คุณได้มา สื่อสาร สอบถาม และเจรจาต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ ดังนี้ (ลองทำดู)

    นามผู้ใดที่ต้องทำให้เราเป็นเยี่ยงนี้?
    ท่านต้องการอะไร?
    มีเงื่อนไขอะไรเป็นการแลกเปลี่ยน?
    การอโหสิกรรมจะเกิดขึ้นหรือไม่ตามเงื่อนไข?
    อื่นๆ เป็นต้น

    แต่หากข้อแนะนำเป็นที่เข้าใจหรือรู้แจ้งอยู่แล้ว ก็ขอให้ละเลยสิ่งที่ชี้แนะนี้ไป ก็แล้วกันนะครับ
     
  8. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    ขอบคุณคะ จะลองถามเขาดู ผงเข้าตาจริงๆด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2010
  9. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    ขอบคุณจริง ๆ ค่ะที่ชี้แนะ

    บางครั้งเราฝึก เมื่อเกิดอะไรขึ้น มันเกิดในความฝัน เราก็เลยเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ในใจเราเชื่อเต็มร้อย นี่แหละค่ะ จิตที่อ่อนไหวของตนเอง จึงต้องการฝึก การฝึกจักระ ที่ตั้งใจไปก็เพราะนับถือในศาสตร์นี้เหมือนกันค่ะ เพราะด้วยความบังเอิญในอดีต ที่ทำอยู่เป็นประจำก็ไม่รู้เรียกว่าจักระหรือเปล่า เลยต้องไปหาผู้รู้ค่ะ พอคุยแล้ว ก็อยากพบอาจารย์เลยค่ะ แต่ฝึกก่อนดีที่สุด เดือนหน้าได้เจออาจารย์แน่ ๆ ค่ะ ด้วยความนับถือ
    ญาณิศา กระบี่ศรี
     
  10. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ต้องขอโทษคุณ nanthiya1 ด้วยครับ ที่ข้ามกระทู้ไป ขอแสดงความเห็นดังนี้ครับ

    การที่จะรับรู้ถึงพระนามแห่งพระองค์ (เทพเทวัญ) ได้นั้น มีด้วยกันหลายๆ วิธี อาทิเช่น พระองค์ทรงแสดงอัตลักษณ์ให้เห็นทางกายกรรม มโนกรรม วจีกรรม ได้แก่ เอ๋ยพระนามออกมา มีการแสดงท่าทางต่างๆ ออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ มีการแสดงให้เห็นรูปลักษณ์ในความฝันหรืออุคหนิมิต ก็แล้วแต่ท่านจะบรรดาลให้


    อย่างที่คุณบอกว่า เป็นการสื่อสารทางจิตที่รับรู้ได้ในรูปแบบสนทนาระหว่างกัน เหมือนคนพูดเองตอบเอง (คนอื่นมอง อาจหาว่าบ้าได้) เหมือนมีพรายกระซิบ ใครมีแบบอื่นๆ ก็แจ้งให้ทราบข้อมูลด้วยนะครับ

    เทพเทวัญ มีหลายระดับชั้น มีตั้งแต่ ชั้นบาดาล ชั้นนรก ชั้นโลก ชั้นสวรรค์ ชั้นพรหม ชั้นจักรวาล แต่ละชั้นระดับเทพเทวัญมิได้นั่งนอนสุขสบายนะครับ งานเพียบ มีหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย เช่น งานติดตาม งานแจ้งบุญ งานแจ้งบาป งานเก็บแต้มบารมี มีการโอนงานเป็นโซนๆ ด้วยนะครับ


    ยิ่งชั้นนรกไม่ต้องพูดถึง มีเรื่องพิจารณาให้รกศาลรกแท่น เต็มไปหมด แต่เขาใช้แบบอัตโนมัติ ประมาณว่าจิตวิญญาณฟ้องแหลก พิพากษาโดยไม่บิดบิ้ว ไม่โกหก ไม่แถ รับรองความยุติธรรม ไม่เหมือนศาลบนโลกมนุษย์ คนละระดับชั้นกันเลยทีเดียวละ ตราชั่งนรกรับรองความถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วแบบทันท่วงที

    แต่ก็อย่างว่าละครับ พระองค์ท่านคงติดตามคุณทุกย่างก้าว ตามบุญตามวาสนาของคุณ แต่ทุกอย่างท่านก็ให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ท่านจะแป้ดเปื้อนกรรมนะครับ


    ขอให้ท่านเจริญในธรรมสูงมากยิ่งๆ ขึ้นครับ
     
  11. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    คุณเดมีดี เห็นคุณลงทะเบียนเพื่อเสริมจักระกับหม๋าม๋า อะไรนั้น ก็อยากให้คุณไปชมบารมีเขา แล้วมาเล่าสู่กันฟังบ้าง

    ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หม๋าม๋าใช้พลังกันแน่ ระหว่างพลังจักระ กับ พลังเมตตา แต่ที่อาจารย์จับพลังได้ น่าจะเป็นพลังมหาเมตตาของพระอวโลกิเตศวร

    ประเด็นที่สอง หม๋าม๋าเปิด-ปิดจักรให้ได้ไหม เพราะหากผู้มากด้วยพลังเมตตาท่านนี้ สามารถเปิด-ปิดจักระได้ด้วย ก็ย่อมเป็นเนื้อนาบุญมิใช่น้อยเลยทีเดียว

    มีหลายท่านยังสับสนในประเด็นนี้อยู่ ก็ขอความกระจ่างให้ด้วยนะครับ

    ในอนาคตกาล จะเป็นยุคของกาลจักร (kalachakra) เป็นศาสตร์ค่อนข้างลึกลับ เกี่ยวกับวงล้อมแห่งกาลเวลา มีการบูชยิดัม (Yidum) การรวมจิตกับมลฑลอันศักดิ์สิทธิ์ (malada) เป็นศาสตร์ของทางทิเบตที่มีความลึกลับกว่าของเราเยอะ ไว้ว่างจะศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมครับ
     
  12. nanthiya1

    nanthiya1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +966
    ขอบคุณมากที่ตอบให้หายค้องใจนะค่ะ แต่ในระหว่างคุยจะเห็นภาพท่านชัดเจนมากเห็นแม้นแต่เครื่องแต่งกายว่ามีลักษะแบบไหนคำพูดที่ท่านพูดคุยกับดิฉันจะเกิดขึ้นจริงหมดดิฉันมาสังเกตดูแล้ว แรกๆก็คิดว่าตัวเองบ้าหรือเปล่าที่รับสัมผัสแบบนี้แต่ก่อนไม่เคยได้กลิ่นดอกไม้ แต่มาระยะหลังมีกลิ่นดอกไม้มาให้ได้สัมผัส ดิฉันจะมีความรู้สึกท่านจะตามดิฉันตลอดเพราะดิฉันจะรับสัผัสด้วยหางตาบางครั้งจะมีรัศมีเป็นลำแสงมาโดนตัวดิฉันก็มีเหมือนท่านจะรู้ว่าดิฉันไม่เชื่อเพราะก่อนหน้านั้นไม่เห็นจะมีอะไร ขนาดท่านมายืนยันขนาดนี้ดิฉันยังไม่อยากจะเชื่อ การรับสัมผัสดิฉันรับได้คนเดียว ดิฉันก็กลัวคนอื่นจะมองว่าดิฉันบ้าเหมื่อนกัน
     
  13. ศิลามณี

    ศิลามณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +1,321
    สวัสดีคะ ศิลามณีส่งข้อความส่วนตัว เรียนถามเพิ่มเติมนะคะ
     
  14. thanawin52

    thanawin52 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +199
    มีความสงสัย

    บางครั้งเดาใจคนได้ แบบว่ารู้ก่อนว่าเขาจะพูดอะไร

    หรือไม่ก็คาดเดาอะไรล่วงหน้าได้แม่น

    เกิดจากอะไร สมาธิหรือความบังเอิญครับ

    เพราะโดยส่วนตัวก็นั่งสมาธิ สวดมนต์ เจริญภาวนา เป็นประจำ

    timetoslam1990@hotmail.com

    ขอขอบคุณสำหรับคำตอบล่วงหน้านะครับ
     
  15. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    เรียนถามอาจารย์ภารดรภาพค่ะ
    เล่าย้อนหลังก่อนนะค่ะ ก่อนเคยไปร่วมงานหล่อพระ ตอนไปไม่ได้กินมังฯ เมื่อเข้าร่วมพิธี ไหล่จะหนักมาก และเมื่อกินมังฯ ก็ดีขึ้น และตอนนี้ที่ฝึกปฎิบัติ เมื่อเราเข้าสมาธิ ไหล่ก็จะหนักมากเช่นกัน ต้องปฎิบัติอย่างไรดีค่ะ ที่ทดลองทำคือน้อมนำเข้ามาในหัวใจและทำสมาธิต่อ บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ มีวิธีแก้ไขอย่างไรค่ะ เห็นบางบอร์ดบอกว่า มีนิวรณ์
    บางบอร์ดว่าอาจารย์มาสอน หรือไม่ก็ของขึ้น เราเอาแบบปกติค่ะ ต้องการปล่อยวางค่ะ
    ขอบคุณอาจารย์ค่ะ
    ญาณิศา กระบี่ศรี
     
  16. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    คุณ thanawin ผมขอตอบปัญหาในกระทู้นี้นะครับ เพราะจะได้รับทราบและเป็นประโยชน์โดยทั่วกัน

    ประเด็นของคุณมีตัวรู้อันเป็นคุณวิเศษที่เรียกว่า เจโตปริยญาณ แปลว่า รู้ใจคน หรือรู้อารมณ์จิตใจคนและสัตว์ หากเป็นนักปฎิบัติธรรมสายพระ สิ่งนี้ถือได้ว่าอภิญญาอย่างหนึ่ง แต่หากเป็นสายเทพเทวัญ เรียกว่า ญาณบารมีเทพเทวัญ ที่ท่านได้ประทานมาให้เพื่อประโยชน์ในการสร้างบารมี

    การรู้ใจผู้อื่นได้แม่นยำได้ ก็ต้องรู้ใจตนเองเสียก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ ฝึกดูจิตตน จนเกิดตัวรู้ขึ้นมานั่นเอง หากเปรียบเทียบกับทางโลกได้เหมือนกับนักบริหารระดับสูง ที่ถูกฝึกทักษะและการบริหารจัดการเชิงจิตวิทยา คุณจะเห็นว่าผู้บริหารระดับสูงบางท่าน ทำไมจึงเดาใจและเข้าใจของผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี ก็เพราะทราบและเข้าใจถึงพฤติกรรม และความต้องการนั่นเอง

    เช่นเดียวกันกับการรู้ใจผู้อื่นได้ ก็ต้องฝึกเดาใจหรืออ่านใจคนเป็น บางครั้งแค่ดูรูปลักษณ์ภายนอก หรือสนทนาไม่กี่คำ ก็สามารถรู้ได้ในทันที ดังนั้นการมีเจโตมักจะคู่กับทิพย์จักขุญาณ (ตาทิพย์) เพราะต้องประสานงานกัน รวมถึงการเห็นและการรับรู้ไปด้วยกัน นั่นหมายความว่า สองสิ่งนี้จะทำให้มีการคาดคะเนมีความถูกต้องและแม่นยำมากขึ้น

    สำหรับพื้นฐานการฝึก เริ่มจากการเจริญสมาธิและสติ ให้มีความนิ่งและละเอียด ยิ่งได้ฌานสมาบัติได้ ก็ยิ่งดี เพราะฌานสมาบัติเป็นฐานให้กับอภิญญา และสามารถติดต่อสื่อสารกับพลังเทพเทวัญ จะแม่นยำเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับสองสิ่งนี้นะครับ

    ไว้มีข้อมูลเสริม จะเพิ่มเติมให้ภายหลังนะครับ
     
  17. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    อาการที่คุณเดมีดี แจ้งมา มองได้สองประเด็นหลัก ในแง่ของสุขภาพ อาจมีการเจ็บปวดบริเวณไหล่เนื่องจากการยกของ หรือการเคลื่อนไหวผิดท่าทางก็เป็นได้

    แต่หากมองในแง่จิตวิญญาณ บ้างก็กล่าวว่ามีเทพเทวัญหรือครูบาอาจารย์ของท่านมาประทับที่ไหล่ เพราะท่านมาอนุโมทนาบุญกุศลที่ได้สร้างในกาลนี้ คุณสังเกตดีๆ ว่าทำไมเวลานั่งสมาธิ แล้วเกิดอาการนั่งตัวแข็งหรือหนักไหล่มากๆ แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ก็เพราะสิ่งที่กล่าวมาแล้วนั้นเอง

    แต่ถ้านั่งแล้วมีอาการเป็นอื่น เช่น คันหน้าคันตาไปทั้งตัว เหน็บกินขาบ้าง ปวดตรงนั้นตรงนี้บ้าง บอกได้เลยว่าเจ้ากรรมนายเวรมาขอส่วนบุญ ก็ขอให้แผ่เมตตาให้เขาไปตามระเบียบ คำแผ่เมตตาตามที่ได้เคยสอนไว้นะครับ

    ขอให้เจริญในธรรม
     
  18. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    เรียนถามอ.ภราดรภาพค่ะ
    ..คือดิฉันสงสัยว่า เทพสามารถมาผ่านร่างเราได้ตามใจไหมค่ะ แม้เราปฎิบัติอยู่
    โดยส่วนใหญ่จะมาเวลานั่งสมาธิ บางครั้งก็มาเมื่อเหตุเกี่ยวเนื่องกันกับบางคน
    แต่เราจะได้ยินเหมือนเสียงให้ได้ยินก่อน ว่าท่านเป็นใครจากนั้นจะผ่านร่างลงมาเลย เสียงได้ยินว่าท่านพูดเรื่องอะไร แต่จะไม่ให้ลงไม่ได้ แต่ท่านมีมารยาทนะคะ คือไม่ลงพร่ำเพรื่อ นอกจากกิจนั้นๆ .แต่ที่ดิฉันสงสัยก็คือทำไมมาได้หลายองค์ ดิฉันกว่าว่าดิฉันปกติดีใช้ชีวิตปกติทุกประการ
     
  19. ภราดรภาพ

    ภราดรภาพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +2,762
    ตอบคุณคะรุทา:
    ประเด็นแรก: การติดต่อสื่อสาร สามารถแสดงอัตลักษณ์ได้หลายรูปแบบ เช่น การผ่านร่าง ประทับร่าง และแฝงร่าง นักปฏิบัติธรรมที่มีญาณแฝงจะสามารถรับรู้ถึงสิ่งนี้ได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะแฝงมากน้อย ญาณแฝงจะทำเรารับรู้ได้พลังบารมีของพระองค์ท่าน อย่างเช่น บางคำพูดเราไม่ได้พูดเองหรือคิดเอง การแสดงออกด้วยท่าทางที่เราไม่ได้กระทำเอง แม้เราจะมีสติอยู่ก็ตาม แต่ก็ควบคุมไม่ได้เช่นกัน

    ประเด็นที่สอง: บางครั้งกระแสพลังของเทพเทวัญทำให้เราสามารถรับรู้ได้ตนเอง อันนี้ก็แล้วแต่บารมีของแต่ละคน การแฝงท่านจะแสดงอัตลักษณ์ไม่พร่ำเพือหรอกครับ ท่านรู้วาระ กาละ และเทศะ

    ประเด็นที่สาม: ญาณแฝงทำไมมีได้หลายพระองค์ ก็เพราะครูบาอาจารย์ที่เรามีบุพกรรมร่วมกับท่าน มีหลายพระองค์เช่นกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บางท่านมีเทพเทวัญหลายพระองค์ คุ้มครองอยู่ครับ ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าพลังเทพท่านใดจะสลับได้เนียบเนียนกว่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับบารมีที่สะสมและพื้นฐานสมาธิที่ดีมากๆ ของร่างนั้นเอง

    ญาณแฝงที่ดีต้องมีสลับญาณบารมีได้อย่างเนียบเนียน สามารถสอนหรือพูดได้ดั่งน้ำไหลและไม่ติดขัด ญาณแฝงถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ร่างทรงที่ได้รับการพัฒนาจิตเป็นญาณแฝงได้ ก็นับว่าประเสริฐยิ่งกว่า เพราะร่างทรงส่วนใหญ่มักจะไม่มีสติในการควบคุม ขณะที่ญาณแฝงเราสามารถรับรู้และควบคุมได้ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับพลังแห่งจิตครับ

    ขอให้เจริญธรรม
     
  20. คะรุทา

    คะรุทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,243
    ค่าพลัง:
    +3,477
    ขอบพระคุณอ.ภราดรภาพมากค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...