แนะนำพระดี มีพลังมหัศจรรย์ อาถรรพ์หนุนชีวิต อิทธิฤทธิ์มหาศาล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 15 พฤษภาคม 2010.

  1. noppornl

    noppornl เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    1,607
    ค่าพลัง:
    +8,008
    สวัสดีหน้าที่ 599 ครับ เลขสวยดี
     
  2. 2zani

    2zani เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +5,549
    สวัสดีครับพี่หนุ่มและพี่ๆทุกท่านครับ

    พระโมคคัลลานะ เรียนวิชาแก้ง่วง<!-- google_ad_section_end -->





    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->[FONT=&quot]พระโมคคัลลานะ หลังจากบวชแล้ว ได้บำเพ็ญเพียรทางจิตอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว้นมคธ รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณวิถี จึงเสด็จไปแสดงวิธีแก้ง่วงให้ท่าน ดังนี้[/FONT][FONT=&quot]<O>[/FONT]

    [FONT=&quot]</O>[/FONT][FONT=&quot]๑[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ามีสัญญาอย่างไรอยู่ เกิดความง่วง ก็ให้ทำในใจซึ่งสัญญานั้นให้มาก หมายถึงว่า ถ้าเรากำหนดหมาย หรือนึกคิดเรื่องใดแล้วรู้สึกง่วง ก็ให้นึกคิดเรื่องนั้นให้มากกว่าเดิม แล้วความง่วงจะหายไป<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๒[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ตรึกตรองพิจารณาข้อความหรือเรื่องราวที่ได้ฟังมา หรือเล่าเรียนมาแล้วจะหายง่วง<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๓[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ท่องข้อความ เช่น ตำราที่กำลังอ่านอยู่นั้นออกมาดัง ๆ การเปล่งเสียงดัง ๆ จะทำให้หายง่วงได้<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๔[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ยอนหูทั้งสองข้าง หมายถึงเอาอะไรแยงหูให้ความง่วงหายไปหรือให้เอาฝ่ามือลูบตามตัว จะทำให้ตื่นตัวหายง่วงได้<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๕[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้ลุกขึ้นเอาน้ำล้างหน้า แหงนมองดูดาวบนฟ้า ความง่วงจะหายไป<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๖[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ให้คำนึงถึง “อาโลกสัญญา” หมายถึง นึกถึงแสงสว่าง ถึงจะนั่งอยู่ในที่มืดในยามราตรี ก็นึกว่ากำลังนั่งอยู่ตอนกลางวันพระอาทิตย์กำลังแผดแสงจ้า ความง่วงจะหายไป<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๗[/FONT][FONT=&quot]. ถ้ายังไม่หายง่วง ก็ให้เดินจงกรม คือลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาสักพัก ความง่วงจะหายไป<O></O>[/FONT]
    [FONT=&quot]๘. ถ้ายังละไม่ได้ แต่นั้นท่านควรสำเร็จสีหไสยา คือนอนตะแคงขวา ซ้อนเท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะ ทำความหมายอันจะลุกขึ้นไว้ในใจ พอท่านตื่นแล้วรีบลุกขึ้นด้วยความตั้งใจว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]-เราจะไม่ประกอบสุขในการนอน[/FONT]
    [FONT=&quot]-เราจักไม่ประกอบสุขในการเอนข้าง[/FONT]
    [FONT=&quot]-เราจักไม่ประกอบสุขในการเคลิ้มหลับ[/FONT]

    [FONT=&quot]โมคคัลลานะ ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่ชูงวง (คือถือตัว) เข้าไปสู่ตระกูลดังนี้เพราะว่า ถ้าภิกษุชูงวงเข้าไปสู่ตระกูล ถ้ากิจการในตระกูลนั้นมีอยู่ ซึ่งเป็นเหตุที่มนุษย์จะนำไม่ถึงภิกษุผู้มาแล้ว ภิกษุก็จะคิดเห็นว่าเดี๋ยวนี้ใครหนอ ยุยงให้เราแตกจากตระกูลนี้ เดี๋ยวนี้มนุษย์พวกนี้มีอาการอิดหนาระอาใจในเรา เพราะไม่ได้อะไร เธอก็จะมีความเก้อ ครั้นเก้อก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่าน ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จะเกิดความไม่สำรวม ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จะห่างจากสมาธิ อนึ่ง ท่านควรสำเหนียกใจอย่างนี้ว่า เราจักไม่พูดคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกัน ถือผิดต่อกัน ดังนี้ เพราะว่าเมื่อคำซึ่งเป็นเหตุเถียงกันถือผิดต่อกันมีขึ้น ก็จำจะต้องหวังความพูดมาก[/FONT]

    [FONT=&quot]เมื่อความพูดมากมีขึ้น ก็จะเกิดความคิดฟุ้งซ่าน[/FONT]
    [FONT=&quot]ครั้นคิดฟุ้งซ่านแล้ว ก็จะเกิดความไม่สำรวม[/FONT]
    [FONT=&quot]ครั้นไม่สำรวมแล้ว จิตก็จะห่างจากสมาธิ[/FONT]

    [FONT=&quot]อนึ่ง โมคคัลลานะเราสรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวงหามิได้แต่มิใช่ว่าจะไม่ สรรเสริญความคลุกคลีด้วยประการทั้งปวง คือเราไม่สรรเสริญความคลุกคลีด้วยหมู่ชนทั้งคฤหัสถ์ บรรพชิต ก็แต่ว่าเสนาสนะที่นอนที่นั่งอันใด เงียบเสียงที่จะอื้ออึงปราศจากลมแต่คนเดินเข้าออก ควรเป็นที่ประกอบกิจของผู้ต้องการที่สงัดควรเป็นที่หลึกออกเร้นอยู่ตามสม ณวิสัย เราสรรเสริญความคลุกคลีด้วยเสนาสนะเห็นปานั้น เมื่อพระศาสดาตรัสสอนอย่างนี้แล้ว[/FONT]

    [FONT=&quot]พระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า ว่าโดยย่อด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่าไหน ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้ว ในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วนเกษมจากโยคธรรมล่วงส่วน เป็นพรหมจารีบุคคลล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน ประเสริฐสุดกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย[/FONT]

    [FONT=&quot]พระศาสดาตรัสตอบว่า โมคคัลลานะภิกุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า บรรดาธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ครั้นได้สดับดังนี้นแล้ว เธอทราบธรรมทั้งปวงขัดด้วยปัญญาอันยิ่ง[/FONT]

    [FONT=&quot]ครั้นทราบธรรมทั้งปวงชัดด้วยปัญญาอันยิ่งดังนั้นแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงดังนั้นแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี มิใช่ทุกข์ มิใช่สุขก็ดี[/FONT]
    [FONT=&quot]- เธอพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องหน่าย[/FONT]
    [FONT=&quot]- พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องประดับ[/FONT]
    [FONT=&quot]- พิจารณาเห็นด้วยปัญญาเป็นเครื่องสละคืน ในเวทนาทั้งหลายนั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]- เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลก[/FONT]
    [FONT=&quot]- เมื่อไม่ยึดมั่นย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น[/FONT]
    [FONT=&quot]- เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสได้สงบได้จำเพาะตัว[/FONT]

    [FONT=&quot]และทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว กิจที่จำจะต้องทำได้ทำเสร็จเท่านี้แล ภิกษุชื่อว่าน้อมไปแล้วในธรรมที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จล่วงสวนเกษมจากโยคธรรมล่วงส่วนเป็นพรหมจีบุคคลประเสริฐสุดกว่า เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย[/FONT]

    [FONT=&quot]พระโมคคัลลานะปฏิบัติตามโอวาทที่พระศาสนดาทรงสั่งสอน ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในวันนั้น และพระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นภิกษุผู้เที่มีอิทธิฤทธิ์อภิญญาเป็นเลิศ กว่าสาวกองค์อื่น ๆ[/FONT]

    [FONT=&quot]<!--End Main-->[/FONT]<O></O>



    หลวงพ่อชา สุภัทโท ตอบปัญหาธรรม
    (ตอบปัญหาธรรมแก่พระสงฆ์)

    [​IMG]

    ได้พากเพียรอย่างหนักในการปฏิบัติกรรมฐาน แต่ไม่ได้ผลคืบหน้า
    เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าพยายามที่จะเอาอะไรๆ ในการปฏิบัติ ความอยากอย่างแรงกล้าที่จะหลุดพ้น หรือรู้แจ้งนั้น จะเป็นความอยากที่ขวางกั้นท่านจากการหลุดพ้น ท่านจะเพียรพยายามอย่างหนักตามใจท่านก็ได้ จะเร่งความเพียรทั้งกลางคืนกลางวันก็ได้ แต่ถ้าการฝึกปฏิบัตินั้นยังประกอบด้วยความอยาก ที่จะบรรลุเห็นแจ้งแล้ว ท่านจะไม่มีทางที่จะพบความสงบได้เลย แรงอยากจะเป็นเหตุให้เกิดความ สงสัยและความกระวนกระวายใจ ไม่ว่าท่านจะฝึกปฏิบัติมานานเท่าใดหรือหนักเพียงใด ปัญญา (ที่แท้)จะไม่เกิดขึ้นจากความอยากนั้น ดังนั้น จงเพียงแต่ละความอยากเสีย จงเฝ้าดูจิตและกายอย่างมีสติ แต่อย่ามุ่งหวังที่จะบรรลุถึงอะไร อย่ายึดมั่นถือมั่นแม้ในเรื่องการฝึกปฏิบัติหรือในการรู้แจ้ง​

    ควรจะนอนหลับมากน้อยเพียงใด
    อย่าถาม ตอบไม่ได้ บางคนนอนหลับคืนละประมาณ ๔ ชั่วโมงก็พอ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญก็คือ ท่านเฝ้าดูและรู้จักตัวของท่านเอง ถ้าท่านนอนน้อยจนเกินไป ท่านก็จะไม่สบายกาย ทำให้คุมสติไว้ได้ยาก ถ้านอนมากเกินไป จิตใจก็จะตื้อเฉื่อยชา หรือซัดส่าย จงหาสภาวะที่พอเหมาะกับตัวท่านเอง ตั้งใจ เฝ้าดูกายและจิต จนท่านรู้ระยะเวลาหลับนอนที่พอเหมาะสำหรับท่าน ถ้าท่านรู้สึกตัวตื่นแล้วและยังซุกตัวของีบต่อไป นี่เป็นกิเลสเครื่องเศร้าหมอง จงมีสติรู้ตัวทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้น​

    จิตของชาวเอเชียและชาวตะวันตกแตกต่างกันหรือไม่
    โดยพื้นฐานแล้วไม่แตกต่างกัน ดูจากภายนอก ขนบธรรมเนียมประเพณีและภาษาที่ใช้อาจดูต่างกัน แต่จิตมนุษย์นั้นเป็นธรรมชาติซึ่งเหมือนกันหมด ไม่ว่าชาติใดภาษาใด ความโลภและความเกลียดก็มี เหมือนกันทั้งในจิตของชาวตะวันออกหรือชาวตะวันตก ความทุกข์และความดับแห่งทุกข์ก็เหมือนกันในทุกๆ คน​

    เราควรอ่านตำรับตำรามากๆ หรือศึกษาพระไตรปิฎกด้วยหรือไม่ในการฝึกปฏิบัติ
    พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริง ด้วยตัวของท่านเองว่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำรับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่าความรู้สึกต่างๆ (เวทนา) เกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอ เมื่อมีอะไรๆ เกิดขึ้นให้ได้รู้ได้เห็น นี่คือทางที่จะบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงเป็นปกติธรรมดา ตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่าน ทำขณะอยู่ที่นี่เป็นโอกาสแห่งการฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมดเมื่อท่านทำวัตรสวดมนตร์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่าท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะ อยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่า ท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น พวกท่าน บางคนบ่นว่า ไม่มีเวลาพอที่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม การทำสมาธิภาวนา ของท่านคือการมีสติระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ​

    บางครั้งกังวลใจอยู่กับพระวินัยของพระสงฆ์ ถ้าฆ่าแมลงโดยบังเอิญแล้วจะผิดไหม
    ศีลหรือพระวินัยและศีลธรรมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการฝึกปฏิบัติของเรา แต่ท่านต้องไม่ยึดมั่น ถือมั่นในกฎเกณฑ์ต่างๆ อย่างงมงาย ในการฆ่าสัตว์หรือการละเมิดข้อห้ามอื่นๆ นั้น มันสำคัญที่เจตนา ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจของท่านเอง อย่าได้กังวลกับเรื่องพระวินัยให้มากจนเกินไป ถ้านำมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยเสริมการฝึกปฏิบัติ แต่พระภิกษุบางรูปกังวลกับกฎเกณฑ์เล็กๆ น้อยๆ มากเกินไป จนนอนไม่เป็นสุข พระวินัยไม่ใช่ภาระที่ต้องแบก
    ในการฝึกปฏิบัติของเราที่นี่มีรากฐานคือพระวินัย พระวินัยรวมทั้งธุดงควัตรและการปฏิบัติ ภาวนา การมีสติและการสำรวมระวังในกฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนในศีล ๒๒๗ ข้อนั้นให้คุณประโยชน์ อันใหญ่หลวง ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องทำตนอย่างไร ดังนั้นท่านก็หมดเรื่องต้องครุ่นคิด และมีสติดำรงอยู่แทน พระวินัยทำให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน และชุมชนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ลักษณะภายนอกทุกๆ คนดูเหมือนกัน และปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระวินัยและศีล ธรรมเป็นบันไดอันแข็งแกร่ง นำไปสู่สมาธิยิ่งและปัญญายิ่ง โดยการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามพระวินัยของพระสงฆ์ และธุดงควัตรทำให้เรามีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ และต้องจำกัดจำนวนบริขารของเราด้วย ดังนั้น ที่นี่เราจึงมีการปฏิบัติที่ครบถ้วนตามแบบของพระพุทธเจ้า คือ งดเว้นจากความชั่วและทำความดี มีความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ตามความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ชำระจิตให้บริสุทธิ์ โดยการเฝ้าดูจิตและกายของเรา ในทุกๆ อิริยาบถ เมื่อนั่งอยู่ ยืนอยู่ เดินอยู่ หรือนอนอยู่ จงรู้ตัวของท่านเอง​

    ควรจะทำอย่างไรเมื่อสงสัย บางวันวุ่นวายใจด้วยความสงสัยในเรื่องการปฏิบัติ
    ความสงสัยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกคนเริ่มต้นด้วยความสงสัย ท่านอาจได้เรียนรู้อย่างมากมาย จากความสงสัยนั้น ที่สำคัญก็คือ ท่านอย่าถือเอาความสงสัยนั้นเป็นตัวเป็นตน นั่นคืออย่าตกเป็น เหยื่อของความสงสัย ซึ่งจะทำให้จิตใจของท่านหมุนวนเป็นวัฏฏะอันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะเป็นเช่นนั้น จงเฝ้าดูกระบวนการเกิดดับของความสงสัยของความฉงนสนเท่ห์ ดูว่าใครคือผู้ที่สงสัย ดูว่าความสงสัย นั้นเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร แล้วท่านจะไม่ตกเป็นเหยื่อของความสงสัยอีกต่อไป ท่านจะหลุดพ้นออก จากความสงสัยและจิตของท่านก็จะสงบ ท่านจะเห็นว่าสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ปล่อยวาง ความสงสัยของท่านและเพียงแต่เฝ้าดู นี่คือที่สิ้นสุดของความสงสัย​

    วิธีฝึกปฏิบัติ (วิธีภาวนา) มีหลายวิธีจนสับสน
    มันก็เหมือนกับการจะเข้าไปในเมือง บางคนอาจจะเข้าเมืองทางทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ ทางถนนหลายสาย โดยมากแล้วแนวทางภาวนาก็แตกต่างกันเพียงรูปแบบเท่านั้น ไม่ว่าท่านจะเดินทางสายหนึ่งสายใด เดินช้าหรือเดินเร็ว ถ้าท่านมีสติอยู่เสมอ มันก็เหมือนกันทั้งนั้น ข้อสำคัญที่สุดก็คือ แนวทางภาวนาที่ดีและถูกต้องจะต้องนำไปสู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ลงท้ายแล้วก็ต้องปล่อยวาง แนวทางภาวนาทุกรูปแบบด้วย ผู้ปฏิบัติต้องไม่ยึดมั่นแม้ในตัวอาจารย์ แนวทางใดที่นำไปสู่การปล่อยวาง สู่การไม่ยึดมั่นถือมั่น ก็เป็นทางปฏิบัติที่ถูกต้อง
    ท่านอาจจะอยากเดินทางไปเพื่อศึกษาอาจารย์ท่านอื่นอีก และลองปฏิบัติตามแนวทางอื่นบ้างก็ได้ พวกท่านบางคนก็ทำเช่นนั้น นี่เป็นความต้องการตามธรรมชาติ ท่านจะรู้ว่า แม้ได้ถามคำถามนับพันคำถามก็แล้ว และมีความรู้เรื่องแนวทางปฏิบัติอื่นๆ ก็แล้ว ก็ไม่อาจจะนำท่านเข้าถึงสัจจธรรมได้ ในที่สุด ท่านก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย ท่านจะรู้ว่าเพียงแต่หยุดและสำรวจตรวจสอบดูจิตของท่านเองเท่านั้น ท่านก็จะรู้ ว่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนอะไร ไม่มีประโยชน์ที่จะแสวงหาออกไปนอกตัวเอง ผลที่สุดท่านต้องหันกลับมา เผชิญหน้ากับสภาวะที่แท้จริงของตัวท่านเอง ตรงนี้แหละที่ท่านจะเข้าใจธรรมะได้​

    จำเป็นไหมที่จะต้องนั่งภาวนาให้นานๆ
    ไม่จำเป็นต้องนั่งภาวนานานนับเป็นหลายๆ ชั่วโมง บางคนคิดว่ายิ่งนั่งภาวนานานเท่าใดก็จะยิ่ง เกิดปัญญามากเท่านั้น ผมเคยเห็นไก่กกอยู่ในรังของมันทั้งวันนับเป็นวันๆ ปัญญาที่แท้เกิดจากการที่เรา มีสติในทุกๆ อิริยาบถ การฝึกปฏิบัติของท่านต้องเริ่มขึ้นทันทีที่ท่านตื่นนอนตอนเช้า และต้องปฏิบัติ ให้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งนอนหลับไป อย่าไปห่วงว่าท่านต้องนั่งภาวนาให้นานๆ สิ่งสำคัญก็คือท่าน เพียงแต่เฝ้าดูไม่ว่าท่านจะเดินอยู่ หรือนั่งอยู่ หรือกำลังเข้าห้องน้ำอยู่
    แต่ละคนต่างก็มีทางชีวิตของตนเอง บางคนต้องตายเมื่อมีอายุ ๕๐ ปี บางคนเมื่ออายุ ๖๕ ปี และบางคนเมื่ออายุ ๙๐ ปี ฉันใดก็ฉันนั้น ปฏิปทาของท่านทั้งหลายก็ไม่เหมือนกัน อย่าคิดมาก หรือกังวลใจในเรื่องนี้เลย จงพยายามมีสติและปล่อยทุกสิ่งให้เป็นไปตามปกติของมัน แล้วจิตของท่านก็จะสงบมากขึ้นๆ ในสิ่งแวดล้อมทั้งปวง มันจะสงบนิ่งเหมือนหนองน้ำใสในป่า ที่ซึ่งบรรดาสัตว์ป่าที่สวยงาม และหายากจะมาดื่มน้ำในสระนั้น ท่านจะเข้าใจถึงสภาวะธรรมของสิ่งทั้งปวง (สังขาร) ในโลกอย่างแจ่มชัด ท่านจะได้เห็นความอัศจรรย์และแปลกประหาดทั้งหลายเกิดขึ้นและดับไป แต่ท่านก็จะยังคงสงบอยู่เช่นเดิม ปัญหาทั้งหลายจะบังเกิดขึ้นแต่ท่านจะรู้ทันมันได้ทันที นี่แหละคือศานติสุขของพระพุทธเจ้า​

    จิตฟุ้งซ่านมากทั้งๆ ที่พยายามจะมีสติอยู่
    อย่าวิตกในเรื่องนี้เลย พยายามรักษาจิตของท่านให้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อเกิดรู้สึกอะไรขึ้นมาภาย ในจิตก็ตาม จงเฝ้าดูมัน และปล่อยวาง อย่าแม้แต่หวังที่จะไม่ให้มีความนึกคิดเกิดขึ้นเลย แล้วจิตก็จะเข้า สภาวะปกติตามธรรมชาติของมัน ไม่มีการแบ่งแยกระหว่างความดีและความชั่ว ร้อนและหนาว เร็วหรือช้า ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีตัวตนเลย อะไรๆ ก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น เมื่อท่านเดินบิณฑบาตไม่จำเป็นต้องทำอะไรพิเศษ เพียงแต่เดินและเห็นตามที่เป็นอยู่ อย่ายึดมั่นอยู่กับการแยกตัวไปอยู่แต่ลำพัง หรือกับการเก็บตัว ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใด จงรู้จักตัวเองด้วยการปฏิบัติตนเป็นปกติตามธรรมชาติ และเฝ้าดู เมื่อเกิดสงสัยจงเฝ้าดูมันเกิดขึ้นและดับไป มันก็ง่ายๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นกับสิ่งใดทั้งสิ้น
    เหมือนกับว่าท่านกำลังเดินไปตามถนน บางขณะท่านจะพบสิ่งกีดขวางทางอยู่ เมื่อท่านเกิดกิเลส เครื่องเศร้าหมอง จงรู้ทันมันและเอาชนะมันโดยปล่อยให้มันผ่านไปเสีย อย่าไปคำนึงถึงสิ่งกีดขวางที่ ท่านได้ผ่านมาแล้ว อย่าวิตกกังวลกับสิ่งที่ยังไม่ได้พบ จงอยู่กับปัจจุบัน อย่าสนใจกับระยะทางของถนน หรือกับจุดหมายปลายทาง ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าท่านผ่านอะไรไป อย่าไปยึดมั่นไว้ ในที่สุดจิตจะบรรลุถึงความสมดุลตามธรรมชาติของจิต และเมื่อนั้นการปฏิบัติก็จะเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นและดับไปในตัวของมันเอง​


    <TABLE border=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center>« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2009, 05:33:16 pm »





    </TD><TD style="FONT-SIZE: smaller" height=20 vAlign=bottom align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>





    <HR class=hrcolor SIZE=1 width="100%">
    [​IMG]


    สูตรของเว่ยหล่าง (หรือฮุยเหนิง)? ของพระสังฆปริณายก (นิกายเซ็น) องค์ที่หก
    ท่านฮุยเหนิงมีปัญญาเฉียบแหลมมาก คำสอนของท่านลึกซึ้งยิ่งนัก ซึ่งไม่ใช่ของง่ายที่ผู้เริ่มต้นปฏิบัติจะเข้าใจได้ แต่ถ้าท่านปฏิบัติตามศีลและด้วยความอดทนและถ้าท่านฝึกที่จะไม่ยึดมั่นถือมั่น ท่าน ก็จะเข้าใจได้ในที่สุด ครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ผมคนหนึ่งอาศัยอยู่ในกุฏิหลังคามุงแฝก ฤดูฝนนั้นฝนตกชุก และ วันหนึ่งพายุก็พัดเอาหลังคาโหว่ไปครึ่งหนึ่ง เขาไม่ขวนขวายที่จะมุงมันใหม่ จึงปล่อยให้ฝนรั่วอยู่อย่างนั้น หลายวันผ่านไป และผมได้ถามถึงกุฏิของเขา เขาตอบว่าเขากำลังฝึกการไม่ยึดมั่นถือมั่น นี่เป็นการไม่ยึด มั่นถือมั่นโดยไม่ใช้หัวสมอง มันก็เกือบจะเหมือนกับความวางเฉยของควาย ถ้าท่านมีความเป็นอยู่ดีและ เป็นอยู่ง่ายๆ ถ้าท่านอดทนและไม่เห็นแก่ตัว ท่านจึงจะเข้าใจซึ้งถึงปัญญาของท่านฮุยเหนิงได้

    ขอให้อธิบายเพิ่มที่ว่าสมถะหรือสมาธิ และวิปัสสนาหรือปัญญานี้เป็นสิ่งเดียวกัน
    นี่ก็เป็นเรื่องง่ายๆ นี่เอง สมาธิ (สมถะ) และปัญญา (วิปัสสนา) นี้ ต้องควบคู่กันไป เบื้องแรกจิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิอยู่ได้โดยอาศัยอารมณ์ภาวนา จิตจะสงบตั้งมั่นอยู่ได้เฉพาะขณะที่ท่านนั่งหลับตาเท่านั้น นี่คือสมถะและอาศัยสมาธิเป็นพื้นฐานช่วยให้เกิดปัญญา หรือวิปัสสนาได้ในที่สุด แล้วจิตก็ จะสงบไม่ว่าท่านจะนั่งหลับตาอยู่หรือเดินอยู่ในเมืองวุ่นวาย เปรียบเหมือนกับว่า ครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นเด็ก บัดนี้ท่านเป็นผู้ใหญ่ แล้วเด็กกับผู้ใหญ่นี้เป็นบุคคลคนเดียวกันหรือเปล่า ท่านอาจจะพูดได้ว่าเป็น คนคนเดียวกัน หรือถ้ามองอีกแง่หนึ่งท่านก็อาจจะพูดได้ว่าเป็นคนละคนกัน ในทำนองเดียวกัน สมถะกับวิปัสสนา ก็อาจจะพูดได้ว่าเป็นคนละเรื่องกัน หรือเปรียบเหมือนอาหารกับอุจจาระ อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนละสิ่งกัน
    อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ผมพูดมานี้ จงฝึกปฏิบัติต่อไป และเห็นจริงด้วยตัวของท่านเอง ไม่ต้องทำอะไร พิเศษไปกว่านี้ ถ้าท่านพิจารณาว่าสมาธิและปัญญาเกิดขึ้นได้อย่างไรแล้ว ท่านจะรู้ความจริงได้ด้วยตัว ของท่านเอง
    ทุกวันนี้ผู้คนไปยึดมั่นอยู่กับชื่อเรียก ผู้ที่เรียกการปฏิบัติของพวกเขาว่า ?วิปัสสนา? สมถะก็ถูก เหยียดหยามหรือผู้ที่เรียกการปฏิบัติของพวกเขาว่า ?สมถะ? ก็จะพูดว่าจำเป็นต้องฝึกสมถะก่อน วิปัสสนา เหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระ อย่าไปวุ่นวายคิดถึงมันเลย เพียงแต่ฝึกปฏิบัติไป แล้วท่านจะรู้ได้ด้วย ตัวท่านเอง

    ในการปฏิบัติของเรา จำเป็นที่จะต้องเข้าถึงฌานหรือไม่
    ไม่ ฌานไม่ใช่เรื่องจำเป็น ท่านต้องฝึกจิตให้มีความสงบ และมีอารมณ์เป็นหนึ่ง (เอกัคคตา) แล้วอาศัยอันนี้สำรวจตนเอง ไม่ต้องทำอะไรพิเศษไปกว่านี้ ถ้าท่านได้ฌานในขณะฝึกปฏิบัตินี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่อย่าไปหลงติดอยู่ในฌาน หลายคนชะงักติดอยู่ในฌาน มันทำให้เพลิดเพลินได้มากเมื่อไปเล่นกับมัน ท่านต้องรู้ขอบเขตที่สมควร ถ้าท่านฉลาดท่านก็จะเห็นประโยชน์และขอบเขตของฌาน เช่นเดียวกับที่ท่านรู้ขั้นความสามารถของเด็ก และขั้นความสามารถของผู้ใหญ่

    ทำไมต้องปฏิบัติตามธุดงควัตร เช่น ฉันอาหารเฉพาะแต่ในบาตรเท่านั้น
    ธุดงควัตรทั้งหลายล้วนเป็นเครื่องช่วยเราให้ทำลายกิเลสเครื่องเศร้าหมอง การปฏิบัติตามข้อที่ ว่าให้ฉันแต่อาหารในบาตร ทำให้เรามีสติมากขึ้น ระลึกว่าอาหารนั้นเป็นเสมือนยารักษาโรค ถ้าเราไม่มี กิเลสเครื่องเศร้าหมองแล้ว มันก็ไม่สำคัญว่าเราจะฉันอย่างไร แต่เราอาศัยธุดงควัตรทำให้การปฏิบัติของ เราเป็นไปอย่างง่ายๆ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติธุดงควัตรไว้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระภิกษุทุกองค์ แต่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติธุดงควัตรสำหรับพระภิกษุผู้ประสงค์จะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดธุดงควัตร เป็นส่วนเพิ่มขึ้นมาในศีล เพราะฉะนั้น จึงช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเข้มแข็งของจิตใจเรา ข้อวัตรทั้งหลายเหล่านี้ มีไว้ให้ท่านปฏิบัติ อย่าคอยจับตาดูว่าผู้อื่นปฏิบัติอย่างไร จงเฝ้าดูจิตของตัวท่านเอง และดูว่าอะไรจะเป็นประโยชน์สำหรับท่าน กฎข้อที่ว่าเราต้องไปอยู่กุฏิ จะกุฏิใดก็ตามที่กำหนดไว้ให้เรา เป็นกฎที่เป็นประโยชน์เช่นเดียวกัน มันช่วยกันไม่ให้พระติดที่อยู่ ถ้าผู้ใดจากไปแล้วและกลับมาใหม่ ก็จะต้องไปอยู่กุฏิใหม่ การปฏิบัติของพวกเราเป็นเช่นนี้ คือไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด

    หากว่าการใส่อาหารทุกอย่างรวมลงในบาตรเป็นสิ่งจำเป็นแล้ว ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่ปฏิบัติด้วย
    ถูกแล้ว อาจารย์ควรจะทำเป็นตัวอย่างแก่ลูกศิษย์ของตน ผมไม่ถือว่าท่านติผม ท่านซักถามได้ ทุกอย่างที่อยากทราบ แต่ว่ามันก็สำคัญที่ท่านต้องไม่ยึดอยู่กับอาจารย์ ถ้าดูจากภายนอก ผมปฏิบัติดี พร้อมหมดก็คงจะแย่มาก พวกท่านทุกคนก็จะพากันยึดติดในตัวผมยิ่งขึ้น แม้พระพุทธเจ้าเอง บางครั้งก็ ตรัสให้บรรดาสาวกปฏิบัติอย่างหนึ่ง และพระองค์เองกลับปฏิบัติอีกอย่างหนึ่ง ความไม่แน่ใจในอาจารย์ ของท่านก็ช่วยท่านได้ ท่านควรเฝ้าดูปฏิกิริยาของตัวเอง ท่านไม่คิดบ้างหรือว่า อาจจะเป็นไปได้ว่า ที่ผม แบ่งอาหารจากบาตรใส่จานไว้เพื่อเลี้ยงดูชาวบ้านที่มาช่วยทำงานที่วัด
    ปัญญา คือสิ่งที่ท่านต้องเฝ้าดู และทำให้เจริญขึ้น รับเอาแต่สิ่งที่ดีจากอาจารย์ จงรู้เท่าทันการ ฝึกปฏิบัติของท่านเอง ถ้าผมพักผ่อนในขณะที่พวกท่านทุกองค์ต้องนั่งทำความเพียรแล้ว ท่านจะโกรธหรือไม่ ถ้าผมเรียกสีน้ำเงินว่าแดง หรือเรียกผู้ชายว่าผู้หญิงก็อย่าเรียกตามผมอย่างหลับหูหลับตา
    อาจารย์องค์หนึ่งของผมฉันอาหารเร็วมาก และฉันเสียงดัง แต่ท่านสอนให้พวกเราฉันช้าๆ และฉันอย่างมีสติ ผมเคยเฝ้าดูท่านและรู้สึกขัดเคืองใจมาก ผมเป็นทุกข์แต่ท่านไม่ทุกข์เลย ผมเพ่งเล็งแต่ลักษณะภายนอก ต่อมาผมจึงได้รู้ บางคนขับรถเร็วมาก แต่ระมัดระวัง บางคนขับช้าๆ แต่มีอุบัติเหตุบ่อยๆ อย่ายึดมั่นถือมั่นในกฎระเบียบและรูปแบบภายนอก ถ้าท่านใช้เวลาอย่างมากเพียงสิบเปอร์เซ็นต์ มองดูผู้อื่น แต่เฝ้าดูตัวเองเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างนี้เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องแล้ว แรกๆ ผมคอยเฝ้า สังเกตอาจารย์ของผมคืออาจารย์ทองรัต และเกิดสงสัยในตัวท่านมาก บางคนถึงกับคิดว่าท่านบ้า ท่าน มักจะทำอะไรแปลกๆ หรือเกรี้ยวกราดเอากับบรรดาลูกศิษย์ของท่าน อาการภายนอกของท่านโกรธ แต่ ภายในใจท่านไม่มีอะไร ไม่มีตัวตน ท่านน่าเลื่อมใสมาก ท่านเป็นอยู่อย่างรู้แจ้งและมีสติจนถึงวาระที่ท่าน มรณะภาพ
    การมองออกไปนอกตัวเป็นการเปรียบเทียบแบ่งเขาแบ่งเรา ท่านจะไม่พบความสุขโดยวิธีนี้ และ ท่านจะไม่พบความสงบเลยถ้าท่านมัวเสียเวลาแสวงหาคนที่ดีพร้อม หรือครูที่ดีพร้อม พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้เราดูที่ธรรมะ ที่สัจจธรรม ไม่ใช่คอยจับตาดูผู้อื่น

    จะเอาชนะกามราคะที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกปฏิบัติได้อย่างไร
    กามราคะจะบรรเทาลงได้ด้วยการเพ่งพิจารณาถึงความน่าเกลียดโสโครก (อสุภ) การยึดติดอยู่ กับรูปร่างกายเป็นสุดโต่งข้างหนึ่ง ซึ่งเราต้องมองในทางตรงข้าม จงพิจารณาร่างกายเหมือนซากศพและ เห็นการเปลี่ยนแปลงเน่าเปื่อย หรือพิจารณาอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น ปอด ม้าม ไขมัน อุจจาระ และอื่นๆ จำอันนี้ไว้และพิจารณาให้เห็นจริงถึงความน่าเกลียดโสโครกของร่างกายเมื่อมีกามราคะเกิดขึ้น ก็จะช่วยให้ท่านเอาชนะกามราคะได้

    เมื่อโกรธ ควรทำอย่างไร
    ถ้าท่านมีโทสะในขณะภาวนา ให้แก้ด้วยเมตตาจิต ถ้ามีใครทำไม่ดีหรือโกรธ อย่าโกรธตอบ ถ้าท่านโกรธตอบ ท่านจะโง่ยิ่งกว่าเขา จงเป็นคนฉลาดสงสารเห็นใจเขา เพราะว่าเขากำลังได้ทุกข์ จงมี เมตตาเต็มเปี่ยมเหมือนหนึ่งว่าเขาเป็นน้องชายที่รักยิ่งของท่าน เพ่งอารมณ์เมตตาเป็นอารมณ์ภาวนา แผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก เมตตาเท่านั้นที่เอาชนะโทสะและความเกลียดได้
    บางครั้งท่านอาจจะเห็นพระภิกษุรูปอื่นปฏิบัติไม่สมควร ท่านอาจจะรำคาญใจ ทำให้เป็นทุกข์โดยใช่เหตุ นี้ไม่ใช่ธรรมะของเรา ท่านอาจจะคิดอย่างนี้ว่า ?เขาไม่เคร่งเท่าฉัน เขาไม่ใช่พระกรรมฐานที่ เอาจริงเอาจังเช่นฉัน เขาไม่ใช่พระที่ดี? นี่เป็นกิเลสเครื่องเศร้าหมองอย่างยิ่งของตัวท่านเอง อย่าเปรียบเทียบ อย่าแบ่งเขาแบ่งเรา จงละทิฐิของท่านเสีย และเฝ้าดูตัวท่านเอง นี่แหละคือธรรมะของเรา ท่านไม่ สามารถบังคับให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติตามที่ท่านต้องการหรือเป็นเช่นท่านได้ ความต้องการเช่นนี้มีแต่ จะทำให้ท่านเป็นทุกข์ ผู้ปฏิบัติภาวนามักจะพากันหลงผิดในข้อนี้ การจับตาดูผู้อื่นไม่ทำให้เกิดปัญญาได้ เพียงแต่พิจารณาตนเองและความรู้สึกของตน แล้วท่านก็จะเข้าใจได้

    ง่วงเหงาหาวนอนมาก ทำให้ภาวนาลำบาก ควรทำอย่างไร
    มีวิธีเอาชนะความง่วงได้หลายวิธี ถ้าท่านนั่งอยู่ในที่มืด ย้ายไปอยู่ที่สว่าง ลืมตาขึ้น ลุกไปล้างหน้า ตบหน้าตนเอง หรือไปอาบน้ำ ถ้าท่านยังง่วงอยู่อีก ให้เปลี่ยนอิริยาบถ เดินจงกรมให้มาก หรือเดินถอยหลัง ความกลัวว่าจะไปชนอะไรเข้าจะทำให้ท่านหายหายง่วง ถ้ายังง่วงอยู่อีกก็จงยืนนิ่งๆ ทำใจให้สดชื่น และสมมติว่าขณะนั้นสว่างเป็นกลางวัน หรือนั่งริมหน้าผาสูงหรือบ่อลึก ท่านจะไม่กล้าหลับ ถ้าทำอย่างไรๆ ก็ไม่หายง่วงก็จงนอนเสีย เอนกายลงอย่างสำรวม ระวังและรู้ตัวอยู่จนกระทั่งท่านหลับไป เมื่อ ท่านรู้สึกตัวตื่นขึ้นจงลุกขึ้นทันที อย่ามองดูนาฬิกาหรือหลับต่ออีก เริ่มต้นมีสติระลึกรู้ทันทีที่ท่านตื่น
    ถ้าท่านง่วงนอนอยู่ทุกวัน ลองฉันอาหารให้น้อยลง สำรวจตัวเอง ถ้าอีกห้าคำท่านจะอิ่มจงหยุด แล้วดื่มน้ำจนอิ่มพอดี แล้วกลับไปนั่งดูใหม่อีก เฝ้าดูความง่วงและความหิว ท่านต้องกะฉันอาหารให้พอดี เมื่อท่านฝึกปฏิบัติต่อไปอีก ท่านจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นและฉันน้อยลง ท่านต้องปรับตัวของท่านเอง

    ทำไมเราจึงต้องกราบกันบ่อยๆ ที่นี่ (ที่วัดหนองป่าพง)
    การกราบนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นรูปแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ การกราบนี้ต้องทำให้ถูกต้อง ก้มลงจนหน้าผากจรดพื้น วางศอกให้ชิดกับเข่า ฝ่ามือทั้งสองราบอยู่ที่พื้น ห่างกันประมาณสามนิ้ว กราบลงช้าๆ มีสติรู้อาการของกาย การกราบช่วยแก้ความถือตัวของเราได้เป็นอย่างดี เราควรกราบบ่อยๆ เมื่อท่านกราบสามหน ท่านควรตั้งจิตระลึกพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ นั่น คือคุณลักษณะแห่งจิตอันสะอาด สว่าง และสงบ ดังนั้นเราจึงอาศัยรูปแบบนี้ฝึกฝนตน กายแลจิตจะ ประสานกลมกลืนกัน อย่าได้หลงผิดไปจับตาดูว่า ผู้อื่นกราบอย่างไร ถ้าสามเณรน้อยดูไม่ใส่ใจ และพระผู้เฒ่าดูขาดสติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะตัดสิน บางคนอาจจะสอนยาก บางคนเรียนได้เร็ว บางคนเรียนได้ช้า การพิจารณาตัดสินผู้อื่นมีแต่จะเพิ่มความหยิ่งทะนงตน จงเฝ้าดูตัวเอง กราบบ่อยๆ ขจัดความหยิ่งทะนงตนออกไป
    ผู้ที่เข้าถึงธรรมะได้อย่างแท้จริงแล้ว ท่านจะอยู่เหนือรูปแบบ ทุกๆอย่างที่ท่านทำก็มีแต่การอ่อน น้อมถ่อมตน เดินก็ถ่อม ฉันก็ถ่อม ขับถ่ายก็ถ่อม ทั้งนี้ก็เพราะว่าท่านพ้นจากความเห็นแก่ตัวเสียแล้ว

    กิเลสเครื่องเศร้าหมอง เช่น ความโลภหรือความโกรธ เป็นเพียงมายาหรือว่าเป็นของจริง[/b]
    เป็นทั้งสองอย่าง กิเลสที่เราเรียกว่าราคะหรือความโลภ ความโกรธ และความหลงนั้นเป็นแต่เพียงชื่อ เป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา เช่นเดียวกับที่เราเรียกชามใหญ่ ชามเล็ก สวย หรืออะไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สภาพที่เป็นจริง แต่เป็นความคิดปรุงแต่งที่เราคิดปรุงขึ้นจากตัณหา ถ้าเราต้องการชามใหญ่เราก็ว่าอันนี้ เล็กไป ตัณหาทำให้เราแบ่งแยก ความจริงก็คือมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น ลองมามองแง่นี้บ้าง ท่านเป็นผู้ ชายหรือเปล่า ท่านตอบว่าเป็น นี่เป็นเพียงรูปปรากฏของสิ่งต่างๆ แท้จริงแล้วท่านเป็นส่วนประกอบของ ธาตุและขันธ์ ถ้าจิตเป็นอิสระแล้ว จิตจะไม่แบ่งแยก ไม่มีใหญ่ ไม่มีเล็ก ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีอะไร จะเป็นอนัตตา หรือความไม่ใช่ตัวตน แท้จริงแล้ว ในบั้นปลายก็ไม่มีทั้งอัตตาและอนัตตา (เป็นแต่เพียงชื่อเรียก)






    <HR>ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://mahamakuta.inet.co.th/practice/mk722.html


    เนื่องในโอกาสวันแม่ 12 สิงหาคม 2553 และในโอกาสจะครบ 3 เดือนของกระทู้นี้ในวันที่ 15/8/53
    เรามาร่วมสนุกกันเล็กๆน้อยๆในหมู่เพื่อนพ้องน้องพี่ของเรา โดยเขียนบทความในหัวข้อ เล่าเรื่องแม่ มาลงให้เพื่อนๆได้อ่านเก็บไว้เป็นข้อเตือนใจและข้อคิดดีๆ ในสิ่งที่ผ่านมาของแต่ละคน สามารถเริ่มเขียนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปได้เลย หมดเขตการร่วมสนุกในวันที่ 15/8/53

    มีรางวัลตอบแทนน้ำใจ

    1.พระผงดวงเศรษฐี จำนวน 5 รางวัล (พี่หนุ่มมอบให้)
    2.เหรียญสมเด็จองค์ปฐม บัญชีทองคำ จำนวน 2 รางวัล (2zani)
    3.พระผงดวงเศรษฐี จำนวน 1 รางวัล (พี่namo-2009มอบให้)
    4.พระผงดวงเศรษฐี จำนวน 1 รางวัล (พี่wee99มอบให้)
    5.เหรียญหมุนเงินหมุนทอง หลวงปู่หมุน จำนวน 1 รางวัล (พี่ลูกปลาใหญ่มอบให้)
    6. ประคำหลวงตาม้า พร้อมพระหลวงปู่ทวด จำนวน 1 เส้น (พี่man_12มอบให้)
    7. เหรียญที่รฤกสร้างอุโบสถหลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา จำนวน 3 รางวัล (พี่natta peaมอบให้)
    8.พระสมเด็จมงคลมหาลาภ รุ่น2 กรุวัดเนินเขาดิน จำนวน 1 รางวัล (พี่พุทธิวงษ์มอบให้)
    9.พระขุนแผนพรายกุมารรุ่นระฆังทอง ข้างหลัง ไม่ฝังตะกรุด จำนวน 3 รางวัล(พี่ภูวดิทมอบให้)
    10.พระผงจักรพรรดิ์พิมพ์พระเหนือพรหมใหญ่ จำนวน 26รางวัล(พี่Natasanมอบให้)
    -ลูกแก้วจักรพรรดิ์มณีนพรัตน์ของหลวงตาม้าจำนวน 26 ลูก (พี่Natasanมอบให้)
    11.พระสมเด็จประทานพร จำนวน 1 รางวัล (พี่APIRATมอบให้)
    12.พระโพธิจักร เนื้อเกษรจำนวน1รางวัล(พี่นะจักรวาลมอบให้)
    13.แหนบหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) จำนวน 10 รางวัล(พี่หน้ากากเสือมอบให้)
    14.พระหลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ 1 รางวัล(พี่norragateมอบให้)
    15.พระหลวงพ่อคูณรุ่นคูณลาภ ปี17 จำนวน 3 องค์ มีพิมพ์พระปิดตา รูปเหมือน เเละนางพญา อย่างละองค์ 1 รางวัล (พี่vavakokoมอบให้)
    16.หลวงพ่อทวดพิมพ์พระรอดเนื้อว่านสีดำ รุ่นปางปฏิหารย์ แบบธรรมดา ลำดับ 13 วัดห้วยมงคล
    จำนวน 1 รางวัล
    หลวงพ่อทวด จตุคาม-รามเทพ ปางปาฏิหรรย์ วัดห้วยมงคล จำนวน 2 รางวัล
    เหรียญพระนเรศวร (สู้) เหรียญพระราชทาน<!-- google_ad_section_end --> จำนวน 2 รางวัล
    (พี่นวลมอบให้ )
    17.พระขุนแผนพรายกุมาร รุ่น สากหักสีขาว องค์เล็ก 1 รางวัล (พี่เฉียวฟงมอบให้ )
    18.สมเด็จจิ๋ว วัดประสาท 06 จำนวน 1 รางวัล
    หลวงปู่ศุข กรมหลวงชุมพรฯ รุ่นบันดาลสุข
    จำนวน 1 รางวัล
    พระธาตุข้าวบิณฑ์ จำนวน 5 ชุด ชุดละ 9 องค์
    (พี่9046มอบให้ )
    19.พระที่จะมอบให้ ปลุกเสกโดยหลวงปู่ลี วัดภูผาแดง ศิษย์เอกองค์หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จำนวน 10 รางวัล<!-- google_ad_section_end -->
    (พี่นมสดปั่นมอบให้ )

    20.องค์พ่อรุ่นราชันดำ จำนวน 3 รางวัล
    (พี่<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->หรหมจาโร<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3644801", true); </SCRIPT>มอบให้ )

    ณ.ตอนนี้ได้รางวัล 112 ชิ้นแล้วครับล่าสุด:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2010
  3. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    สวัสดียามเช้าครับญาติธรรมทุกๆท่าน.....(^_^).....รู้สึกเหมือนว่าวันนี้เป็นวันศุกร์ยังไงไม่รู้....^_^...
     
  4. khwan

    khwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    636
    ค่าพลัง:
    +1,454
    พรุ่งนี้จะหยุดยา .........ว แล้วครับ
    เที่ยวให้สนุก กลับมาปลอดภัยน่ะครับ
     
  5. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ขอบคุณครับ...แหม่...หายไปนานนะครับ...แหะๆ...(^_^)....
     
  6. Tawatchai1889

    Tawatchai1889 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6,406
    ค่าพลัง:
    +16,785
    อ รุ ณ ส วั ส ดิ์ ค รั บ ทุ ก ๆ ท่ า น ทุ ก ๆ ค น
     
  7. โต้งชลบุรี

    โต้งชลบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,474
    ค่าพลัง:
    +18,351
    เปิดกรุที่บ้านเมื่อไหร่ ส่งข่าวด้วยนะพี่ ผมจะได้เตรียมตัวบุก 555
     
  8. พุทธิวงษ์

    พุทธิวงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,200
    ค่าพลัง:
    +7,879
    เดินทางปลอดภัยนะครับ Welcome to Thailand
     
  9. sakuda

    sakuda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +2,214
    ขอบคุณมากครับ คิดถึงเจ้าตัวเล็กด้วยครับ
     
  10. พุทธิวงษ์

    พุทธิวงษ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,200
    ค่าพลัง:
    +7,879
    วันนี้หรือพรุ่งนี้หลายๆท่านคงกลับไปหาแม่กัน ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ :cool:
     
  11. 9046

    9046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +2,503
    สวัสดียามเช้าครับ พี่หนุ่ม และพี่ๆ ทุกท่านในบ้าน หยุด 4 วันขอให้มีความสุขมากๆนะครับ...
     
  12. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    กลอนวันแม่

    เริ่มลืมตา เห็นหน้า ใครคนแรก
    หูจำแนก แปลกใจ เรียกลูกจ๋า
    สองมือช้อน นอนแนบ แอบอุรา
    ใครกันหนา วาจา น่ารักจัง

    หิวคอยป้อน ซ้อนตัก รักที่สุด
    ปลอบให้หยุด ร่ำไห้ คล้ายมนต์ขลัง
    ลูกป่วยไข้ ใจเธอ ร่ำร้องดัง
    น้ำตาหลั่ง ดังวิญญาณ ถูกคร่าไป

    ป้องประคอง มองตาม ยามตั้งไข่
    กำลังใจ ให้ก้าว เท้าข้างไหน
    ล้มรีบเข้า เป่าเพี้ยง หายเร็วไว
    โอ้ดวงใจ ใครเล่า สอนเราเดิน

    เธอคือครู ผู้เริ่ม เติมชีวิต
    เป็นมิ่งมิตร คู่คิด ไม่ห่างเหิน
    มีภัยมา ปกป้อง พร้อมเผชิญ
    ความรักเกิน ฟ้าใหญ่ โอ้ใครกัน

    รักเกินกว่า นิยาม คำว่ารัก
    จงตระหนัก ความจริงแท้ ไม่แปรผัน
    ใครกันเล่า รักเจ้า เท่าชีวัน
    คอยป้องกัน กล่อมเห่ ไกวเปลนอน

    ขอบฟ้ากว้าง เส้นทาง ยังห่างลิบ
    แนบกระซิบ ลูกน้อย คอยสั่งสอน
    ความวิบาก ขวากหนาม ยามที่จร
    ช่วยริดรอน ถากถาง เดินทางเป็น

    ประโลมใจ ให้ลูก อย่าเขลาขลาด
    แม้พลั้งพลาด เตือนติ สติเห็น
    โอบกอดเจ้า เฝ้าถาม ยามหนาวเย็น
    ดุจดังเป็น มิตรแท้ แก้ทุกข์คลาย

    สุดหนทาง ต้องวาง ดวงใจส่ง
    ลูกยังคง ก้าวไป ด้วยใจหมาย
    คอยส่งจิต ตามติด ชิดข้างกาย
    สร้างแรงใจ ผ่านประตู สู่เส้นชัย

    ลูกยืนหยัด เป็นคน พึ่งตนได้
    คุณยิ่งใหญ่ ไร้คำ ขับขานไข
    เปรียบยิ่งกว่า ฟากฟ้า นภาลัย
    รักที่ให้ “แม่”เท่าฟ้า ไม่น่าพอ <O:p</O:p



    จาก Forword mail
     
  13. b_wanlop

    b_wanlop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +1,888
    ความรักของแม่ ไม่มีบทบรรยาย ใช้ภาพสื่อแทนความรู้สึกนะครับ

    ได้มาจาก forword mail

    น่าจะเกิดในประเทศอินเดีย

    หน้าม้าของเรา คือเจ้าตูบสีดำน่ะครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 สิงหาคม 2010
  14. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735
    ผมชอบรูปแม่กระรอกตัวนี้มากครับ....เคยได้รับเมลล์นี้เหมือนกัน..คิดว่าจะนำมาลงเช่นกันแต่เมล์ใน inbox เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก หาเท่าไรก็หาไม่เจอ ...จนได้มาพบจากคุณ b_wanlop ครับ....(^_^)....
     
  15. Norragate

    Norragate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    19,518
    ค่าพลัง:
    +37,735

    ผมคนหนึ่งที่จะเดินทางออกจาก กทม.คืนนี้หลังเลิกงานเพื่อไปกราบคุณย่า(ผู้เปรียบเสมือนแม่แท้ๆ) ครับ...(^_^)... กว่าจะได้กลับเข้ามาในกระทู้อีกครั้ง ..ก็คงเกือบๆครบ700 หน้าแน่เลย..แหะๆ...

    มีความสุขมากๆเช่นกันนะครับคุณพุทธิวงษ์.....และทุกๆท่าน..(^_^)..
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่คืออะไรแต่ ครูบาวงศ์ ท่านก็เรียกว่าขวานฟ้า ศิษย์ท่านยังนำมาสร้างวัตถุมงคลให้ท่านเลย ท่านว่ามีคุณมาก
     
  17. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    เอาเรื่อง ขวานฟ้า ที่ครูบาวงศ์พูดถึงมาให้อ่านครับ
    คลิกอ่านเอากันเองนะครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 0.jpg
      0.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.4 KB
      เปิดดู:
      632
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.2 KB
      เปิดดู:
      202
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      180.8 KB
      เปิดดู:
      197
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.8 KB
      เปิดดู:
      171
  18. 9046

    9046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    487
    ค่าพลัง:
    +2,503
    ..ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยนะครับ คุณพระคุ้มครอง..
     
  19. ภูวดิท

    ภูวดิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,050
    ค่าพลัง:
    +8,086
    สวัสดียามเช้าครับ พี่หนุ่ม
     
  20. 15 ค่ำ

    15 ค่ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,108
    ค่าพลัง:
    +10,573
    สวัสดียามเที่ยงๆครับครู.....สวัสดียามเที่ยงๆครับ ทุกท่าน ^^...........
     

แชร์หน้านี้

Loading...