ประสบการณ์การมองเห็นผ่านตาที่สาม

ของผมนั่งสมาธิ ภาวนา พุท โธ ไปเรื่อย มาหลายเดือน จนผมรู้สึก ว่ามีอะไร มาหมุนตรงกลางหน้าผาก ระหว่างคิ้ว กับ จมูก แม้กระทั่ง ไม่นั่ง สมาธิก็เป็น จนตอนหลัง ผมหันมาพิจารณาสังขาร แต่ ที่หมุน ๆ ก็ ยังอยู่ จนตนนี้ กลายเป็นสิว กลางหน้า ผาก ๆไปแล้ว เป็นเม็ดวงกลม เซ็งเลย

 

เป็นแบบกษิณแสง หรือกษิณไฟ หรือเปล่า ถ้าเป็นกษิณไฟอย่ากำหนดไว้ในตัว เพราะจะทำลายร่างกายได้

 

หว่างคิ้วกระตุกไม่หยุดเลย เสียดายกำลังขับรถ ไม่งั้นจะหลับตากำหนดจิต

 

มาช่วยดันครับ จะตกละ ^^

 

ขอเรียนถามอาจารย์Mountainที่นับถือ
1.การเปิดตาที่สาม โดยวิธีของอาจารย์ จำเป็นต้องมีระดับสมาธิถึงฌาณ4ไหมครับ
2.หากผู้ฝึกเปิดตาที่สาม ได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีระดับสมาธิสูงกว่า จะสามารถเปิด
ตาที่สามได้สำเร็จไหมครับ
3.มีอาจารย์ท่านใดไหม ที่สามารถช่วยได้ ดังข้อ2
4.ไปติดต่อได้ที่ไหนครับ

ขอบพระคุณครับ
วสุธรรม

 

ฝันว่าได้เรียนวิชาทำคลอด เห็นทารกหลุดออกมา และดิฉันทำวามสะอาดเลือด ดูได้ไหมคะว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และหมายถึงอะไร catt24

 

เงียบจังแหะ .. มาช่วยดันขึ้นไปอีกครับ

..แต่ช่วงนี้ หลับตาแล้วเห็นแสง แว๊บ ๆ ๆๆ

บ่อยจังแหะ.. งิงิ

 

โมทนา สาธุ กับคุณเม้าท์ และท่านอื่นๆ ที่เล่าประสบการณ์ต่างๆ ให้อ่านกันครับ

อ่านแล้วก็มีกำลังใจในการปฏิบัติเพิ่มขึ้นมากเลย

 

หนังสือแนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต

ท่านไดสนใจฝึกเปิดตาที่สามให้ไปหาหนังสือเล่มนี้อ่านได้ครับ
จะสอนโดยละเอียดมาก ราคาเล่มละ 60 บาทเท่านั้น

สั่งซื้อหนังสือได้ที่ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>
อาจารย์ ยุทธพงษ์ แสงอรุณกุศล ที่ 59/303 บ้านชมรมธรรมไมตรี สุดซอย 15 หมู่บ้าน ป.ผาสุข ถนนบรมราชชนนี (ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี) <o></o>
บางระมาด ตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170 โทรศัพท์ 02-4483592

 

ผมก็เป็นครับเป็นมาจะ2ปีละ ผมจะเป็นบ่อยมากเป็นทุกวัน แต่เป็นช่วง หากท่านไดที่พอจะสามารถแก้ไขให้อาการนี่หายไปได้ ผมขอคำนะนำด้วยครับ
มีคนเคยบอกว่าให้เลกนั่งสมาธิ ให้หายเป็นแล้วค่อยกลับมานั่งใหม่ผมทำแล้วครับจนเวลาผ่านไปเป็นปียังไม่หายครับ

 

การเปิดตาที่สาม จะต้องอาศัยความขยัน อดทน หมั่นฝึกฝน ใช้เพียงสมาธิขั้นต้น และจิตที่ปล่อยวาง ก็สามารถใช้ตาที่สามได้ในเวลาไม่นานนัก

ไม่ต้องให้ใครเปิดให้หรอกครับ เราปฏิบัติเอง รู้เอง
ของแบบนี้อยู่ที่บุญกรรม ของแต่ละคนด้วย

การฝึกให้เห็นภาพ เพื่อรองรับการทำงานของจักระหก(ตาที่สาม)
โดยการ มองภาพที่อยู่ข้างหน้า อาจจะเป็นแก้วน้ำ หรือบันได ก็ได้ แล้วหลับตา
ให้ภาพนั้นติดตา ถ้ายังไม่ชัดก็ลืมตาดูใหม่ แล้วหลับตา สลับกันไป
ฝึกบ่อยๆ จะรู้กลไก ของภาพที่จะมาปรากฏบริเวณตาที่สาม

ให้นึกเสมอว่า ตาที่สาม เป็นเพียงอุปกรณ์ เท่านั้น
ไม่ใช่ตัวตนชิ้นส่วนของเรา อย่าไปยึดว่าเป็นของเรา
แล้วการฝึกจะไปได้เร็วขึ้นครับ

 

เมื่อจิตเกาะ อยู่กับบริเวณใด บริเวณนั้น ย่อมรู้สึกได้ชัดเจนกว่า
หากเกาะเป็นสมาธิอยู่ที่ตาที่สาม ก็จะมีอาการตึง
หากต้องการให้หาย ต้องย้ายฐานความรู้สึกที่จิตมาเกาะนั้นครับ
เช่นย้ายมาอยู่ที่ปลายจมูก รู้สึกถึงลมหายใจเข้าออก
แล้วอาการตึงจะหายไป

ถ้ายังไม่หายให้ย้ายฐานความรู้สึกสมาธิ มาอยู่ที่ท้องจุดตันเถียน หรือศูนย์กลางกายก็ได้ ให้ห่างจากฐานหน้าผากมากเท่าไรยิ่งดี


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) - Index

 

สาธุครับคุณดาว

จะพยายามเข้ามาเล่าประสบการณ์ให้ฟังอีกครับ
ประสบการณ์ที่ผ่านมาส่วนมากคือ การเห็นกรรม
ตอนนี้ค่อยๆเปิดกว้างขึ้น

แต่การจะเห็นสิ่งใดของผู้อื่น ก็ต้องอยู่ที่ผู้นั้น หรือเจ้ากรรมนายเวร ครูบาอาจารย์ เขาจะเปิดให้เห็นหรือไม่ด้วยเหมือนกันครับ

 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสใช้อุปกรณ์ตาที่สาม
ตรวจดูกรรมให้กับญาติของคุณยูคริน

ชั่วครู่เดียวก็ปรากฏภาพกุ้งตัวใหญ่กำลังงอตัวและยืดตัวสลับกันไปในแนวตั้ง
ดูเหมือนกุ้งกำลังเต้นระบำ

จึงถามไปว่า เคยไปเกี่ยวข้องกับกุ้งบ้างหรือเปล่า
โดยเฉพาะ กุ้งเต้น (ตามภาพที่เห็น)

ญาติคุณยูคริน มองแบบ งงงง ก่อนจะตอบว่า
เคยกินกุ้งเต้นจริง

ถามต่อไปว่า ถ้าเคยกินกุ้งเต้น (กุ้งตัวเล็กๆนับจำนวนร่วมร้อยตัว เป็นๆ นำมาใส่ภาชนะมีฝาปิด ปรุงด้วยน้ำปลา มะนาว พริก แล้วปิดฝาเขย่า จนกุ้งหมดแรงขาดใจตาย แล้วนำมารับประทาน)

จะต้องมีโรคภัยในตัว เกี่ยวกับทางเดินลมหายใจ ผิวหนัง

ตอบว่า มีทุกอย่างตามที่พูด และยังมีโรคอื่นๆอีก

จึงบอกให้เขารักษาศีลห้า ปล่อยชีวิตสัตว์ ส่งบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร
ตลอดเวลา สาม เดือน
ซึ่งเขาก็รับปาก ผลจะเป็นเช่นไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้กระทำกรรมเอง



กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) - Index

 

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ

 

อ่านมาจน ๘ หน้าเลยค่ะตั้งแต่เข้ามา คุณ Mountain มีสาระข้อคิดมากมายจิงๆ สนใจมากๆ เลยค่ะและจะลองฝึกหัดดูสักวัน

"อยากถามว่าเคยจิตสงบแล้วแค่เพียงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนสายตา เพียงเสี้ยววินาที แต่ปรากฏภาพให้เห็นเป็นฉากๆ เป็นภาพที่มองลงมาจากข้างบน แล้วลงมาข้างล่างลอยเรียบไปกับพื้นดิน แล้วลอยเรียบขึ้นไปตามยอดไม้ จากนั้นก็ดึงขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเห็นพื้นดินต่ำลงเรื่อยๆ เหมือนเรามองลงมาจากเครื่องบินยังงัยยังงั้นน่ะคะ แล้วสักพักหนึ่งทุกอย่างก็มืดสนิทลง (เคยนั่งสมาธิค่ะ และได้รับครูมา แต่ไม่ค่อยเห็นอะไร เลยแปลกใจว่าทำไมตอนที่ไม่ได้ทำสมาธิ แต่เราสามารถเห็นภาพเหล่านั้นได้)
คือตอนนั้นเราปล่อยตัวปล่อยใจนิ่งเฉยไว้น่ะค่ะ เพราะคิดว่าเกิดขึ้นได้ยาก เพราะอยากให้เกิดมากในตอนที่นั่งสมาธิ" (อยากเป็นไวไวอ่ะ..จะได้เห็นอดีตและช่วยเหลือผู้คนได้เหมือนคุณ Mountain บ้าง)

พอจะมีข้อแนะนำตรงไหนได้บ้างค่ะ คิดว่าพอจะมีโอกาสได้เห็นตาที่ ๓ กับเขารึปล่าค่ะ

ขอบคุณและร่วมอนุโมทนา ความรู้ที่คุณ Mountain แบ่งปันให้เพื่อนๆ ด้วยค่ะ สาธุ


-----------------------------------
มือใหม่ ฝึกหัดน่ะคะ ยังไมีมีใครสอน

 

ผมก็ศึกษาจากเล่มนี้เหมือน 10กว่าปีก่อนครับ
อันนี้เสนอแนะเพิ่มเติมนะครับ
การเจริญกรรมฐานโดยการกําหนดจุดที่หน้าผากนี้ก็ดีอยู่ (ผมก็ใช้)

แต่ไม่อยากให้ไปใช้การกระแทก ลักษณะแบบเปิดตาที่สามครับ เมื่อกําหนดไปเรื่อยๆมันทําปฏิสัมพันธ์กับสิ่งภายนอกเอง จะเห็นเองได้เมื่อจิตมีสมาธิถึงระดับความละเอียดเป็นเส้นเดียวกับอายตนะภายนอกอันเป็นทิพย์ที่มีความละเอียดเท่ากัน

การไปกระแทกเป็นการใช้พลังงานทางจิตโดยสิ้นเปลือง
และ อาจจะมีผลร้ายอื่นๆในระยะยาวตามมา ต้องศึกษาผลระยะยาวให้ดี และควรจะมีอาจารย์คอยแนะนํา

ผมให้เห็นตัวแดงแล้วนะครับ และขอยําอีกครั้ง มีผลระยะยาวตามมา ศึกษาให้ดี อย่าไปมองแต่ผลใกล้

 

นั่งสมาธิ แต่จิตนิ่งได้สักพักตาก็ลืมขึ้นมาเอง เป็นทุกครั้งที่จิตนิ่งไม่ทราบเป็นอะไรค่ะ

 

เมื่อเคยฝึก เคยอยากเห็น ก็จะไม่เห็น
เมื่อจิตสงบ สิ่งที่ไม่คิดอยากเห็น ก็จะได้เห็น

เมื่อเราได้พื้นฐานจากสมาธิสามารถทำจิตให้สงบได้แล้ว ปล่อยวาง
ละอัตตา ในขณะนั้น สิ่งที่เคยคิดอยากทำ อยากช่วยเหลือผู้คน
ก็จะปรากฏให้เห็น

ขออนุโมทนากับความตั้งใจที่ดีของคุณkitten78 มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

ตอนนั้นจิตฝึกยากมากครับ เลยต้องหาอุบายมากระแทกกระทั้น
ไม่งั้นไม่ได้ผล สำหรับจิตที่ชอบวอกแวก ซัดส่าย ในขณะนั้นสำหรับผมนะครับ
ที่สำคัญอย่าขาดสติก็แล้วกัน

ขออนุโมทนากับคุณอาภากร ที่เข้ามาช่วยชี้แนะด้วยครับ

ชื่อ อาภากร นี้ เป็นชื่อผู้มีพระคุณสูงสุดที่ผมเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง