ชมรมนักปฏิบัติธรรมและคนมีองค์

สมัครด้วยคนนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

ขอบคุณครับ...ที่เมตตาให้เกียรติ ขออนุโมทนาครับเป็นความรู้ดีจังเลยครับ.... สาธุ..

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

ยินดีต้อน รับ คุณออกกรรม

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณนพดล
2) ภรรยาคุณนพดล
3) คุณจิตโขง
4) คุณลิ้ง
5) เพื่อนคุณทานะบารมี 1
6) เพื่อนคุณทานะบารมี 2
7) คุณพลัฐ
8) คุณเก่ง
9) คุณเพชร
10) เพื่อนคุณเพชร
11) คุณออกกรรม



ยอดผู้สมัคร จำนวน 11 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 4 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

บทความเกี่ยวกับความเป็นมาของพระสูตร คัมภีร์มหาไวโรจนะสูตรา
http://palungjit.org/threads/ปรามาจารย์คูไค-ต้นนิกาย-ชินงอน.155691/

ส่วนรายละเอียด น่าจะได้รับเพิ่มเติมจาก คุณ Vanco

 

ประกาศ เปิดรับสมัครนักปฏิบัติธรรมรุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ที่สนใจและตั้งใจจริงทุกๆ ท่าน

จำนวนที่รับ: 15 ท่าน

วัตถุประสงค์:
1) เพื่อพบปะ สนทนา และสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัลยาณมิตร
2) เพื่อศึกษา วิเคราะห์ และปฏิบัติสมาธิแบบ TM และแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
3) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนนักปฏิบัติธรรมให้มีความรู้และความเข้าใจอย่างถ่องแท้ รวมถึงร่วมกิจกรรมสร้างบุญกุศลและสาธารณประโยชน์แก่สังคม

กำหนดการ:
วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2553 เวลา 10.00 น. - 17.00 น.

กิจกรรม:
09.30 น. พบปะ แนะนำ สนทนา แบบพี่ๆ น้องๆ
10.00 น. บรรยายเรื่อง: แก่นธรรม สังโยชน์สิบ พลังจิตตานุภาพ
12.00 น. พักทานอาหารกลางวัน (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
13.00 น. นั่งสมาธิแบบกรรมฐาน-วิปัสสนา
14.00 น. สอบอารมณ์
15.00 น. จบโปรแกรม

สถานที่:
98/318 หมู่บ้านลัดดารมย์ ปิ่นเกล้า ถนนวงแหวนรอบนอก ต. บางคูเวียง อ. บางกรวย จ. นนทบุรี แผนที่ตามแนบ



สถานที่ตั้ง
1) เส้นทางหลัก คือ ถนนกาญจนาภิเษก หรือวงแหวนรอบนอก
2) อยู่ตรงข้ามกับ เทสโก โลตัส บางใหญ่
3) ก่อนถึงที่หมาย สังเกตุ ป้ายปั้มน้ำมัน ปตท. (ปั้ม jet เดิม) ถัดจากปั๊ม ปตท. ประมาณ 100 ม. จะถึงหมู่บ้านพฤกภิรมย์ก่อน ถัดไปอีก 200 เมตร ก็จะถึง หมู่บ้านลัดดารม์ ปิ่นเกล้า (จะมีป้ายตัวโตๆ บอกไว้)
4) อย่าลืมบอก บ้านเลขที่ แก่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย: 98/318 ซอย 2/18

หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ คุณภราดรภาพ 081-808 6695

 

พอดีมีกระทู้ของคุณออกกรรม ซึ่งกำลังสับสนกับชีวิต จึงขอตอบคุณออกกรรมเป็นประเด็นดังนี้

สภาวะบางอย่าง มันยากที่จะอธิบายได้ ก็ต้องสอบถามผู้รู้ที่มีประสบการณ์ใกล้เคียงลักษณะนี้ บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องกรรมเวร บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลจิตดลใจ บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องโรคปัจจุบัน ต่างคนก็ต่างกล่าวกันไปต่างๆ นานา จนสับสนในชีวิตไปหมด

ไปหาพวกร่างทรงก็บอกให้แก้อีกแบบ ไปหาพวกโหราก็บอกให้แก้อีกแบบหนึ่ง ไปหานักจิตวิทยาหรือหมอ ก็บอกให้แก้อีกแบบหนึ่ง งั้นจะแก้ปัญหาด้วยตนเอง ก้ไม่มีปัญญาแก้ไข ไม่รู้จักเริ่มต้นอย่างไรดี

คุณออกกรรม ก่อนอื่นคุณต้องนิ่งๆ ใจเย็นๆ อย่างหวั่นไหวไปตามอารมณ์ จากนั้นก็ให้คุณสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิเพื่อความเป็นศิริมงคล ในระหว่างนั่งสมาธิ หากมีบางอย่างมาทำให้เรารู้สึกอึดอัดหรือมีบางอย่างมาบังคับคุณ ณ ขณะที่ยังครองสติอยู่ ก็ขอให้รับรู้ว่าอาจเป็นครูบาอาจารย์ของท่านมาคุมอยู่ ก็ให้คุณกำหนดจิตบอกพระองค์ว่า ขอให้พระองค์เมตตาและสงสารลูก ขอให้ลูกอยู่ในอาการปกติเถอะ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แล้วลูกจะขอปฏิบัติบูชา สร้างบารมีด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

ปกติหากวาระมาถึง ท่านจะรู้เองว่าจะปฏิบัติอย่างไร (แต่หากไม่รู้ ก็ให้ถามผู้รู้) พระองค์เปรียบเหมือนบิดามารดา ท่านไม่เคยที่จะทำร้ายลูก มีแต่หวังดี รักและเมตตาอย่างไร้เงื่อนไข หากแต่ลูกยังดื้อดึง ยังติดสุข ยังหลงอยู่ในกิเลส ผิดศีลธรรม หรือยังเสียสัจจะแล้ว ท่านก็เฆี่ยนตีบ้างเป็นธรรดา ไม่ถึงตายหรอก แล้วพบกันครับ

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

ยินดีต้อน รับ เพื่อนคุณหญิง

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณนพดล
2) ภรรยาคุณนพดล
3) คุณจิตโขง
4) คุณลิ้ง
5) เพื่อนคุณทานะบารมี 1
6) เพื่อนคุณทานะบารมี 2
7) คุณพลัฐ
8) คุณเก่ง
9) คุณเพชร
10) เพื่อนคุณเพชร
11) คุณออกกรรม
12) เพื่อนคุณหญิง


ยอดผู้สมัคร จำนวน 12 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 3 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

สรรพธาตุสว่างย่อมต้องอยู่โดยใกล้กับธาตุที่สว่างฉันใด
สรรพจิตดีย่อมต้องอยู่โดยใกล้กับจิตที่ดีฉันนั้น.
อันเป็นไปตามโดยลำดับแห่งสภาวะที่เหมาะสมในภารกิจกาลบารมี.
ทุกสรรพสิ่งล้วนมีพลังงานเป็นของตนคือ ทุน แลสรรพสิ่งทั้งหลายย่อมต้องดิ้นรน
ค้นหา ไขว่ขว้าเพื่อได้มาซึ่งการฅงอยู่และขยายเจริญเติบโตการณ์เป็นไปด้วยตาม จริต
สว่าง รึ มืด ดี หรือ เลว ล้วนเป็นพลัง มีมาก รึ มีน้อย ก็ยังเป็นของตน คือ หลัก
ตนย่อมพึ่งตนได้เป็นที่สุดในการแห่งตน พิจารณา.
องฅ์ประกอบนั้นเมื่อเสริม เพื่อได้สมกับการณ์เป็นเหตุ
สุทธิสุดที่ ผล เช่นใด กอรปกำหนดไว้โดย ธรรม..
จิตใจเราย่อมเป็นองฅ์หลักแห่งชีวิตเรา...

 

นานๆ จะได้เจอะเจอข้อความประมาณนี้ ล้ำลึกจริงๆ ขออนุญาตต่อยอดนะครับ

สรรพสิ่ง ย่อมมีเจตจำนงค์และอัตลักษณ์เฉพาะตน
สรรพจิต ก็ย่อมมีเจตจำนงค์และอัตลักษณ์เฉพาะตน ฉันนั้น
สรรพสิ่ง ย่อมมีพลังเป็นเอนกอนันต์
สรรพจิต ก็ย่อมมีพลังของธาตุรู้อันวิเศษ ฉันนั้น

พลังของสรรพสิ่งและสรรพจิตทั้งหลาย
ย่อมเฉิดฉายแก่ผู้บำเพ็ญเพียร
ขอพลังที่เฉิดฉายนี้จงแผ่อณูทั่วไปทุกหนแห่ง
ดั่งเงาจันทร์ที่ทอดลงบนผืนแผ่นน้ำ

ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมรู้ดีว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมรู้ดีว่า วาระ กาละ เทศะ และพละ ที่ตนพึงมีพึงได้
ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมรู้ดีว่า เหตุปัจจัยนำพาให้เกิดผล
ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมรู้ดีว่า ธรรมใดที่ถูกจริตตน
ผู้บำเพ็ญเพียรย่อมรู้ดีว่า พลังแห่งชีวิตย่อมนำพาตนไปถึงฝั่งหมาย


เราเป็นผู้บำเพ็ญเพียรมิใช่หรือ?

 

คติเตือนใจของผู้ที่ปรารถนาทุกอย่าง

<TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>คติเตือนใจของผู้ที่ปรารถนาทุกอย่าง

</TD></TR><TR><TD vAlign=top>

เรื่องภายในย่อมสำคัญกว่าเรื่องภายนอกตน
คนที่รู้เพียงเปลือกนอกย่อมสู้คนที่รู้ถึงแก่นไม่ได้
อดีต คือ ความฝัน ปัจจุบัน คือ ภาพมายา อนาคต คือ ความไม่แน่นอน
คิดก่อนทำ อดทนไว้ พึงอภัย
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้แต่ตัวของเราเอง
โกงคนอื่น เหมือนจุดไฟเผาตัวเอง
เมตตาคนอื่น เหมือนสร้างบ้านให้ตัวเอง
อย่าระแวงคนอื่น ยิ่งกว่าระวังตัวเอง
ชีวิตไม่พอกับตัณหา เวลาไม่พอกับความต้องการ
ที่พักครั้งสุดท้าย คือป่าช้า

ถ้าท่านทำงานแข่งกับสังคม ความพินาศล่มจมจะตามมา
ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า ท่านจะพบปัญหาเรื่อยไป
ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้ ท่านอย่าหว ังน้ำใจจากเพื่อนฝูง
ถ้าท่านกล้าเกินไป ท่านจะทำอะไรไม่สำเร็จ
ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม ท่านจะพบกับความเดือดร้อน

ถ้าท่านขาดความพอดี ท่านจะพบกับความทุกข์อย่างมหันต์
ถ้าท่านขาดความยังคิด ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย
ถ้าท่านทำใจให้สงบ ท่านจะพบกับความสุขที่เยือกเย็น
ถ้าท่านมีความพอดี ท่านจะเป็นเศรษฐีในเรือนยาจก
ถ้าท่านมีแต่ความงก ท่านจะเป็นยาจกในเรือนเศรษฐี

ถ้าท่านมีเมตตาจิต ท่านจะมีญาติมิตรทั่วบ้าน
ถ้าท่านเมตตาเกินประมาณ ท่านจะพบคนพาลทั่วเมือง
ถ้าท่านคิดถึงความหลัง ท่านจะพบรังแห่งความเศร้า
ถ้าท่านมีความมัวเมา ท่านจะพบความปวดร้าวภายหลัง
ถ้าท่านทำดีเพื่อเด่น ท่านจะถูกขเม่นจากญาติมิตร

ถ้าท่านทำดีเพื่อน้ำจิต ท่านจะมีชีวิตอยู่อย่างสบาย
ถ้าท่านหวังพึ่งแต่คนอื่น ท่านจะต้องกลืนน้ำตาตัวเอง
ถ้าท่านรู้จักใช้เวลา ชีวิตจะมีค่ากว่านี้
ถ้าไม่กินอยู่เท่าที่มี จะได้เป็นเศรษฐีเงินกู้
ถ้ามั่วสุมกับอมายมุข จะพบความทุกข์ในเบื้องปลาย

ถ้าทำหูเบาตามเขาว่า จะต้องน้ำตาตกใน
ถ้าพูดโดยไม่คิด เท่ากับพ่นลมพิษใส่คนอื่น
ถ้าจริงจังกับโลกเกินไป จะต้องตายเพราะความเศร้า
ถ้าต้องการความเป็นอิสระ ให้พยายามชนะใจตัวเอง
ถ้าไม่รู้จักความทุกข์ จะพบกับความสุขได้ที่ไหน

ถ้าไม่ยอมปล่อยวาง จะพบกับความว่างได้อย่างไร
ถ้าหาความสุขจากความมัวเมา ท่านกำลังจับเงาในกระจก
ถ้าอยากเป็นคนงาม อย่าวู่วามโกรธง่าย
ถ้าอยากเป็นคนสบาย อย่าเบื่อหน่ายความเพียร
ถ้าอยากเป็นคนมั่งมี อย่าเป็นคนดีแต่จ่าย

ถ้าอยากเป็นคนนำสมัย อย่าทำลายวัฒนธรรม
ถ้าอยากเป็นคนมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น
ถ้าอยากเป็นคนความรู้ อย่าลบหลู่อาจารย์
ถ้าอยากหาความสำราญ อย่าล้างผลาญสมบัติ

ถ้าอยากเป็นคนมีอำนาจ อย่าขาดความยุติธรรม
ถ้าอยากเป็นคนดัง อย่าหวังความสงบ
ถ้าอยากเป็นที่เคารพ ต้องพบความจบก่อนตาย
อย่าทำตัวให้เด่น โดยการสร้างหนี้ให้ตัวเอง


( อย่าพยายามทำใจคนอื่นให้เหมือนใจเรา เพราะเราก็ทำใจให้เหมือนคนอื่นไม่ได้ )
​

</TD></TR></T></TBODY></TABLE>ขอขอบคุณที่มาคะ http://www.dhammadelivery.com/story-...php?sto_id=148

http://www.watkoh.com/kratoo/forum_posts.asp?TID=4052<!-- google_ad_section_end -->
จากคุณ
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->TupLuang<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1401770", true); </SCRIPT>

 

สะกิดธรรม

ว่ากันว่า เวลาจะชี้แนะหรือโปรดธรรมผู้ใด ให้ดูสิ่งสำคัญ 2 ประการ
1) ความรู้ และประสบการณ์ของตนเอง
2) สาระสำคัญที่เขาอยากรู้ โดยเฉพาะสิ่งที่เขาคาดหวังว่าต้องการอะไร

ดังนั้น การถ่ายทอดที่ถูกร้อยเรียง ควรมาจากจิตที่กลั่นกรอง และวิเคราะห์แล้ว
ไม่ใช่เอาแต่จำเขามาหรือคัดลอกเอาของเขามาทั้งดุ้น ซึ่งสิ่งนี้มิได้แสดงให้ตนดูดีขึ้นเลย
ความคิดเห็นและวลีที่เขานำเสนอ บ้างได้แสดงภูมิปัญญาขั้นสูง
แต่ก็จะพยายามยัดเยียดภูมิปัญญาตน ซึ่งดูจะห่างเหินและดูจะด้อยภูมิธรรมเกินไป
พิจารณาด้วยว่า อะไรควร อะไรไม่ควร และให้ทบทวนในสิ่งที่กระทำ

 

สำหรับบางคนอาจก่อเกิดประโยชน์แก่เขา
บางคนอาจก่อเกิดโทษแก่เขา
เพราะหากผู้ฟังเกิดปัญญาเข้าใจในสิ่งที่พูดคนๆนั้นได้ประโยชน์ไป
แต่หากผู้ฟังกลับคิดว่าสิ่งที่พูดนั้นตำหนิเราด่าเราดูถูกเรา มันก็จะเกิดโทษแก่เขาเอง
ทั้งนี้เราไม่ได้ตำหนิผู้ใดแต่อย่างใด
ทุกคนไม่มีใครเก่งกว่าใคร
ต่างกันที่สิ่งที่เคยทำแต่อดีต

 

ไม่ทราบว่า
ใครพอจะมีความรู้และประสบการณ์ในสายสัญญาบารมีบ้างครับ
เพราะต้องการเรียนรู้และนำไปประยุกต์กับแนวทางบ้างอย่าง

 

" สัญญานะ สัญญา ว่าจะทำแต่กรรมดี บนพื้นปฐพีที่เป็นของเรา " รุ่นลูกก็สืบทอด แต่ความหมายที่แท้อยู่ที่พ่อ พิธีกรรมอาจจะเหมือนแต่พลังและความรู้จริงคงจะเพี้ยน สมัยนี้มีตัวรู้จริงหรือไม่ แต่อ้างอิงธรรมมะก็โอเค อย่างไรส่วนใหญ่สาดโคลนใส่คนอื่นแต่ตัวก็หารู้จริงไม่"

 

ขอบคุณครับสำหรับข้อความสั้นๆ แต่มีนัยที่ชัดเจน
มีคนได้รับองค์ธรรมสายสัญญาบารเป็นจำนวนมาก
แต่ทำไมต้องแตกกระจายมากมายเพียงนี้
ผู้ฝึกฝนได้ผลแท้จริงเยี่ยงใด มากน้อยแค่ไหน ช่วยบอกที

 

ก็ไม่น่าจะแปลกอะไรเพราะคนเรามีหลายหลากเทพก็มีหลากหลายความคิดเช่นเดียวกันการที่จะเรียนรู้และเปิดรับความคิดเห็นของแต่ละคน (องค์) ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร วิสัยทรรศเราก็จะได้กว้างไกล ไม่ใช่เป็นมนุษย์ก็รู้แค่ว่ามนุษย์เขาทำอะไรกัน แค่นั้นชีวิตมันก็ไม่ได้พัฒนาอะไรเลย

"มีหลากหลายเหตุการณ์ที่หลายคนไม่สามารถอธิบาย"

บางครั้งคนอื่นก็ไม่ได้รู้อย่างลึกซึ้งเหมือนตัวเราเอง ดังนั้น...จึงสอนว่าให้ศึกษาตัวตนของตัวเองเสียก่อนเหตุที่เกิดมาจากความซับซ้อนของภพชาติใช่ไหม? มาจากการกระทำหรือเปล่า? หรือจิตมันปรุงแต่งไปเอง? ส่วนบางสิ่งที่ไม่เข้าใจอาจยังไม่ถึงเวลา แม้จะไขว่คว้าเยี่ยงใดก็เจอแต่ความว่างเปล่า
ยามจิตเร่าร้อน อยากค้นหา อยากเจอ ก็จะถูกเติมเต็มและเบื่อหน่ายไม่อยากที่จะค้นหาต่อไปอีก เมื่อนั้นแหละทุกสิ่งทุกอย่างจะจบ ไม่อยากเกิด ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น กิเลสจะเริ่มเบาบาง หนทางแห่งความสุขก็จะปรากฏขึ้นตรงหน้าของเรา

"ส่วนสัพพะเวสีติดตามขอส่วนบุญเรามากมายจนเรากลัว"

ก็คงต้องพยายามฝึกจิตให้เข้มแข็ง...พระอาจารย์ข้าพเจ้าหลายท่านก็เจอเหมือนกัน นั่งกรรมฐานกันในป่าช้าบ้าง ปักกลดกลางป่าบ้าง ท่านก็เจอกลับมาเล่าให้ฟังบ้าง เราเจอเองบ้าง ป๊อดเลย...วิ่งป่าราบ กลดปลิวก็เคยเพราะมันอีกัวน่า (อีน่ากลัว)...ช่วงนี้ว่างเลยออกไปคุยด้วยก็มี...มาแบบว่าเหมือนเคยรู้จักกันมานานแสนนานไม่รู้ยุคไดโนเสาร์อะปล่าว..

ท่านเคยถามกลัวทามไม? ตายแล้วเป็นอะไร?
ก็เป็นผีนะสิ เหอ...เหอ...:boo:
และจะไปกลัวเขาทำไม?
อะนะ ..จิง...จิง

พวกเขาเหล่านั้นน่าสงสารแต่ละตนก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันมีเวลาก็จะเล่าให้ผู้พบเห็นฟังเรียกคะแนนสงสารและขอส่วนบุญบ้างเป็นการตอบแทน

คำว่าขอส่วนบุญก็หมายความว่าผู้ที่เจอหรือได้สัมผัสต้องมีบุญ ผู้ที่คุยโต้ตอบได้ก็ต้องมีบารมีรองรับส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วยก็อีกเรื่องหนึ่ง(เพราะกรรมของใครกรรมของมัน ไปแตะเข้าสุ่มสี่สุ่มหกก็โดนเจ้ากรรมนายเวรเขาตืบออกมา)

ดังนั้นก็ที่คุณเห็นได้ก็หมายความว่าเป็นผู้มีบุญบารมีก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ไม่น่าที่จะเศร้าเลย ขอให้มองโลกในแง่ดี จิตก็จะเบิกบานพบกับความสุขในชีวิต

 

คุณสมรปราง หายไปนานนะครับ
ยังระลึกถึงอยู่ ว่างๆ มาเยี่ยมเยียนชมรมฯ บ้างก็ได้นะครับ ญาติธรรมรออยู่
สอบถามกันวุ่น ว่าคุณสมรปรางอยู่ไหน

 

รายนามผู้สมัครนักปฏิบัติธรรมและ คนมีองค์รุ่นที่ 3 ประจำปี 2553

ยินดีต้อน รับ เพื่อนคุณพงษ์พัทรและเพื่อน

รับจำนวน: 15 ท่าน

1) คุณนพดล
2) ภรรยาคุณนพดล
3) คุณจิตโขง
4) คุณลิ้ง
5) เพื่อนคุณทานะบารมี 1
6) เพื่อนคุณทานะบารมี 2
7) คุณพลัฐ
8) คุณเก่ง
9) คุณเพชร
10) เพื่อนคุณเพชร
11) คุณออกกรรม
12) เพื่อนคุณหญิง
13) คุณพงษ์พัทร
14) เพื่อนคุณพงษ์พัทร


ยอดผู้สมัคร จำนวน 14 ท่าน
ยอดคงเหลือ จำนวน 1 ท่าน

ยังสมัครได้อยู่นะครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->

 

เราอาจจะมีแต่เป็นด้วยความรู้ด้วยจากตนเองเกือบทั้งหมดไม่มีฐานจากตำราหรืออาจารย์ภายนอกอื่น ไม่ทราบว่าถูกผิดในความหมายอย่างไรโปรดชี้แนะ... [ด้วยความที่เราเป็นผู้ไม่ค่อยมั่นใจในตนเอง]
ในความเข้าใจของฃ้าพเจ้าขออธิบายอย่างหยาบคร่าวเฉพาะ ณ.กาลนี้ก่อน. พิเฅราะห์ "สัญญาบารมี" หมายความคือ "พลังประสพการณ์ของจิตในห้วงเวลาตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตกาลที่ได้สะสมเก็บและยึดมั่นแลติดฅงอยู่จวบถึงก่อน ณ.ขณะสุดกาลปัจจุบันโดยทางโลกฃาน "พรสวรรค์" เมื่อตั้งจิตของตนในสายนี้ย่อมมักจะเก็บประสบการณ์โดยด้านที่ตนมักจะมีความชอบคือถูกจริต เหตุเพราะมีพลังประสพการณ์แต่เดิมสะสมอยู่ เกื้อให้ถนัดเชี่ยวชาญได้เป็นพิเศษ ณ.กาละนั้น แลส่วนจะเป็นไปในสาขาการใดขึ้นอยู่ด้วย"จิต"นั้นกำหนดตั้งไว้. ความพิเศษในสายนี้ "แม้จะลืมเรื่องข้อมูลรายละเอียดในอดีตแต่มักจะสามารถถ่ายทอดแสดงความรู้ความสามารถในด้านที่ตนมี โดยแม้ตนจะไม่รู้รึมิทราบ สาเหตุเพราะมิได้ศึกษามา ณ.ขณะปัจจุบันกาล.. (ด้วยเหตุความไม่พร้อมของชีวิตฃ้าฯ ณ.ขณะที่ได้แสดงความเหล่านี้จึงไม่เป็นได้อย่างที่ต้องการให้และควรจะเป็น ฃ้าฯจะพยายามฟื้นตนกระทั่งกลับสู่ความเป็นตนให้ได้สมบูรณ์ก่อน ณ.ที่สิ้นสุด...) ฃอบฅุณทุกท่านที่ได้เสียสละเวลาอ่านแลพิจารณาความอันมิสมบูรณ์ชุดนี้.

 

ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีติดต่อกับเพื่อนไม่ได้ขอยกเลิกเพื่อนด้วยค่ะ 2 ที่ค่ะ