กรณี Sriaraya5 VS iofeast โต้แย้งกัน... ขอลบออกทุกโพสต์

iofeast · 21 กุมภาพันธ์ 2010

ดาก็ยังเที่ยวเพ้อเจ้อ เที่ยวแอบอ้างหลวงปู่ท่านไม่เลิกราซะที ......อย่าหลงอีกเลย

Sriaraya5 said: ↑

ที่สุดของศีล สมาธิ ปัญญา

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘<O</O

วันนี้จะอธิบายเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา นี้แหละ ไม่ต้องอธิบายอื่นไกลหรอก แต่ว่าจะอธิบายถึงที่สุดของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เพราะศาสนานั้นพระพุทธเจ้าทรงสอนให้มีที่สุดเป็น ถ้าไม่มีสิ้นสุดเป็นแล้ว จะไปจบตรงไหนศาสนาพระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาว่า จบศาสนา มันจบตรงไหนกันก็ไม่ทราบ ไม่เห็นที่จบสักที ศีล ก็รักษากันมาแต่ไหนแต่ไร สองร้อยยี่สิบเจ็ดยิ่งมากเข้าไปกว่านั้นอีกเหลือหลาย ปกิณกะที่มานอกนั้นก็มากมาย สมาธิิก็หลายเรื่องหลายอย่าง ยิ่งสมัยนี้ยิ่งแปรปรวนไป มีคนประดิษฐ์คิดต่างๆ ขึ้นมาหลายอย่างหลายเรื่อง เอาตามความคิดความเห็นชอบใจของตน ปัญญา ก็ยุ่งมากยิ่งกว่าอะไรอีก ไม่มีที่สิ้นสุด
ในทางพุทธศาสนาพระองค์ทรงสอนว่า มีที่สุดของศาสนา อยู่จบพรหมจรรย์ อยู่จบศาสนา ทรงว่าอย่างนั้น มันจบตรงไหนกัน ? เราลองคิดดูซิ ศีลห้า ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดก็เอาเถอะมากมายหลวงหลาย ศีลน่ะไม่ใช่พระองค์ทรงเอามาด้วย และพระองค์ทรงดับขันธ์ไปแล้วก็ไม่ได้เอาไปด้วย ศีล หากเกิดจากความประพฤติของพระของเจ้า ประพฤติผิดมากศีลก็มีมากเท่านี้แหละ ถ้าพระองค์ทรงมีชีวิตอยู่จนป่านนี้ ไม่ทราบว่าจะมีศีลกี่หมื่นกี่แสน เมื่อประพฤติล่วงเกิน พระพุทธองค์ก็ทรงบัญญัติตามความผิดของพระนั่นแหละ
พระองค์ทรงสอนว่า ศีลมีข้อเดียว มันอันเดียวคือเจตนางดเว้นนั่นเป็นข้อสำคัญที่สุด
เราสมาทานศีลจะเป็นศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบอะไรก็ตามเถอะ ครั้นถ้าไม่มีเจตนาสักแต่ว่าพูดไปเฉยๆ ว่า สมาธิยามิ ไปทุกข้อ แต่เจตนาที่จะงดเว้นในข้อนั้นๆ ไม่มีมันก็สักแต่ว่าพูดไปเฉยๆ ไม่รู้จักศีล ว่าที่จบที่สุดอยู่ตรงไหนกัน ส่วนศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ก็เหมือนกัน ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติข้อๆนั้น ก็เพราะเหตุที่พระภิกษุองค์นั้นทำผิด เหตุนั้นจึงว่าตัว เจตนา นั้นเป็นข้อสำคัญ ถ้าหากว่าเรามีเจตนาแล้ว มันก็หยุดเพียงแค่นั้นไม่ต้องทำผิดต่อไปอีก องค์นั้นๆ ที่ทำผิดก็หมดเพียงแค่นั้น เจตนาตัวเดียว ข้องดเว้นมีเจตนาตัวเดียวเท่านั้น <O></O>
อย่างพระคณาจารย์หรือนักเทศน์ทั้งหลายท่านสอน ศีล เป็นเครื่องระงับดับกิเลสเบื้องต้น คือ รักษากาย รักษาวาจา ระงับกิเลสบรรเทากิเลสเบื้องต้น มีแต่กาย วาจาไม่พูดถึงใจ มันก็ผิดน่ะสิ ผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าเจตนาเป็นตัวศีล ลองคิดดูว่า คนตายรักษาศีลได้ไหม ? ครั้นไม่มีใจแล้วจะรักษาศีลได้ไหม? ถ้าไม่มีใจจะงดเว้นอะไร คนตายไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยสมาทานศีล ถึงเมื่อพระให้ศีลในเวลาปลงศพปลงอะไรต่างๆ ไม่ใช่คนตายรักษาศีล คนเป็นต่างหาก คนเป็นอาราธนาศีล เป็นคนสมาทานศีล จึงค่อยเป็นศีล ถ้าหากไม่มีเจตนาแล้ว เป็นศีลไม่ได้
ครั้งพุทธกาลไม่เคยสมาทานศีลก่อนจึงค่อยฟังเทศน์ พระองค์จะไม่ทรงเทศน์ถึงเรื่องศีล ทรงเทศน์ให้พระเจ้าพระสงฆ์ฟัง ไม่เทศน์ถึงเรื่องศีล ทรงเทศน์ถึงเรื่องสมาธิอันเดียว เมื่อจิตเข้าถึงที่แล้ว จิตบริสุทธิ์แล้ว ศีลเลยเกิดขึ้นมาเองศีลพร้อมขึ้นมาเอง ไม่ต้องสมาทานศีลไม่ต้องรักษาศีล อย่างพระองค์คุลีมาล พระองค์ทรงเทศน์ให้ละที่จิตอันเดียวเท่านั้นแหละ เลยสำเร็จมรรคผลนิพพาน อันพวกเรานี้มันงมงายแต่รักษาศีล มันงมงายแต่ศีลเบื้องต้น เบื้องปลายที่สุดอะไรต่างๆหลายเรื่องหลายอย่าง ก็เลยยุ่งไปกันใหญ่
ถ้าฟังธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามุ่งหมายจะทำความบริสุทธ์อันเดียวแล้ว จิตที่บริสุทธิ์นั่นแหละ เป็นศีล เป็น สมาธิเป็น ปัญญาไปในตัว ศีลจึงค่อยมีที่สุดคือเจตนาเป็นที่สุดของศีล
ที่สุดของสมาธิ คือ ภวังค์ หรือ อัปปนาสมาธิ เรียกอัปนาฌานก็เรียก วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา หรือเอกัคตาอุเบกขา อุเบกขาแล้วก็หมดเรื่อง ถึงหากว่ารูปฌาน อรูปฌานต่อไป ก็ลงตัวจิต อัปปนา นั้นแหละ จิตที่เป็น อัปปนา นั้นน่ะถึงที่สุดของสมาธิ ฌานก็อันนั้นแหละ อัปปนาฌาน อัปปนาสมาธิ นั้นแหละ ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ ดับสัญญา เวทนา หมด ปัญญา ก็เลยไม่ใช้ ไม่ต้องใช้กันหรอกดับหมดเลย ก็เพียงแค่อันเดียวกันนั้น ตัวจิตอันเดียวนั้นแหละ ดับจิตตัวเดียวเท่านั้น เรียกว่าที่สุดของสมาธิ
ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถิด ฝึกหัดอะไรก็ทำไปเถิด อย่างสมัยเดี๋ยวนี้แหละ มีคณาจารย์หลายท่านหลายองค์ อย่างเขาทำกันยุบหนอพองหนอก็ดี หรือสัมมาอะระหังก็ดี พุทโธก็ดี อานาปานสติก็ดี มรณัสสติก็ดี สารพัดทุกอย่างนั่นแหละ ทำเพื่อให้จิตถึงที่สุดถึงสมาธิ คือ อัปปนาอันเดียว อัปปนานี้ไม่ใช่เกิดอุบายปัญญาอะไรหรอก พักจิตเฉยๆ นี่แหละ วิธีหัดจิตอบรมจิตตั้งแต่เบื้องต้นไป อย่างที่เรียกว่าวิตก วิจารณ์ หมู่นี้เป็นเรื่องหัดจิตทั้งนั้น ภวังค์ หรือ สมาธิอะไรต่างๆ เป็นวิธีหัดทั้งนั้นแหละ ครั้นถึงที่สุดแล้วไม่มีอะไรหรอก ถึงที่สุดของสมาธิก็คืออัปปนาเมื่อถึงที่สุดแล้วมันหยุดแล้วคราวนี้ ไม่มีอะไรหมดทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดเพียงแค่นั้น
ปัญญามันเกิดตรงไหน มันเกิดตรงมาจากอัปปนา แล้วมาถึงอุปจาระนั้นต่างหาก มันจึงค่อยเกิดขึ้น อุปจาระที่ออกมาจากอัปปนา มันไม่ใช่อุปจาระเข้า “อุปจาระเข้า” นี้มันต้องระงับดับส่วนเบื้องต้นความวุ่นวายต่างๆ มันเข้าไปถึงอุปจาระตอนนั้น มันส่งส่ายอยู่ภายใน แต่ว่ามันไม่ส่งส่ายภายนอก มันส่งส่ายภายใน ค้นคว้าอยู่ภายใน เรียกว่า อุปจาระเข้า
"อุปจาระออก" นั้นมันออกมาจากอัปปนาแล้ว มันแน่วแน่ในอารมณ์อันเดียว พิจารณาในอารมณ์อันเดียว พิจารณาอะไรก็พิจารณาแต่อันนั้น อันนั้นเรียกว่า อุปจาระออก อุปจาระออก จากอัปปนา ก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน อุปจาระเข้าก็ได้ประโยชน์ อุปจาระออก ก็ได้ประโยชน์ ก็แต่ว่าอุปจาระออก นั้นมันละเอียดกว่าคือ มันได้ อัปปนา เบื้องต้น ได้อัปปนา เป็นพื้นฐาน แล้วจึงค่อยมาอยู่ในอุปจาระ ตัวนี้ต่างหากเกิดปัญญา
บางคนนั้นว่านั่งหลับตาทำสมาธิมันจะได้อะไร ? โอ๊ย….มันไม่เคย พวกไม่เคยได้ทั้งนั้นแหละ มันมีประโยชน์มาก นั่งหลับตาทำสมาธิได้ประโยชน์มากทีเดียวละ จนกระทั่งไม่รู้ตัวโน้นแหละ มีประโยชน์มากทีเดียวใครทำได้นับว่าได้กำลังใจอย่างยิ่ง เรียกว่าพักจิต ในขณะนั้นพักนานเท่าใดยิ่งมีกำลังมาก เวลาออกมาพิจารณาตอนออกจากอัปปนานั้น มีสติรอบคอบรอบรู้ รู้ทั้งนั้นอดีต อนาคต ปัจจุบัน พิจารณาชัดเจนแจ่มแจ้ง ถ้าไม่มีสมาธิเป็นหลักฐาน จะพิจารณาอะไรก็พิจารณาไปเถิด หยุดยั้งไม่ได้ เตลิดเปิดเปิงจนกระทั่งไม่มีขอบเขต
ครั้นมีหลักฐาน มีอัปปนาเป็นพื้นฐานอยู่นั้น มีสมาธิเป็นพื้นฐานอยู่นั้น พิจารณาไปเถิดพิจารณาอะไรก็พิจารณาไปเถิด มันจะต้องหมด ลงสิ้นสุด ลงถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วกลับมาหาที่เก่าคือ สงบลงที่ใจ นิ่งแน่วอยู่เฉยๆ ให้พิจารณาก็ได้ ไม่พิจารณาก็ได้ อันนี้เรียกว่า จิตอยู่ในบังคับ คือ เนื่องจากมีสมาธิเป็นหลักฐาน ชำนิชำนาญเรื่องสมาธิ อันนี้เรียกสมาธิมีที่สุด คืออัปปนา สมาธิมีที่สุดตรงนั้นละ ทำไปเถอะใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่นอกเหนือไปจากนั้นหรอก
คราวนี้ ปัญญามีหลักฐานอย่างไร ? มีที่สุดอย่างไร ? ก็ด้วยอำนาจที่ฝึกหัดสมาธิมาแต่เบื้องต้น เรื่องศีลเรื่องสมาธิมาแต่เบื้องต้น พิจารณาทุกสิ่งทุกประการ มันจะต้องหมดที่สุดคือไตรลักษณ์ เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วมันจะไปที่ไหนละ ลงถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วจะไปที่ไหนกัน ไม่มีหรอก นอกจากนี้ ไม่มีหรอกในโลกอันนี้ มันลงอันนั้นแหละเข้ามารวมลงอันเดียวกันหมดลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็วาง ลงสภาวะ เป็นสภาวะ ลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้วเป็นสภาวะ อันนั้นแหละที่สุดของ ปัญญา
ให้เข้าใจถึงที่สุดอย่างนี้ ธรรมมะทั้งหลายนั้น ถ้าไม่มีที่สุดไม่ใช่ธรรมะเป็นโลก พิจารณาเรื่องโลกเพลิดเพลินไม่อิ่มไม่พอสักที ถ้าเป็นธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า ถูกตามคำสอนของพระองค์แล้ว มันต้องรวมลงมา พิจารณาออกไปแล้ว หมดเรื่องแล้วต้องรวมลงมาของเก่า มาหาใจ ที่พูดง่ายๆ เรียกว่าใจ มันไม่คิดไม่นึก ไม่ส่งส่ายอะไรทั้งหมด จะให้พิจารณาก็ได้ ไม่ให้พิจารณาก็ได้ ใช้มันได้เลย ใช้ใจได้ใจอยู่ในบังคับของตน มันก็หมดเรื่องน่ะซี จะไปทำอย่างไรกันอีก จิตมันบังคับตน ให้ตนคิดค้นพิจารณาไปไม่มีขอบเขต ไม่รู้จักสิ้นสุด มันจะสิ้นสุดได้อย่างไรตรงนั้น จึงว่าศาสนามีที่สุดอย่างนี้ ทางโลกไม่มีที่สิ้นสุด เอาล่ะ <O</O
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า เอ่อคือ......ท่านไปลอก ไปก๊อปมาจากไหน กรุณาใส่ที่มา และชื่อเจ้าของบทความด้วยนะจ๊ะ มันเป็นมารยาท ของผู้ที่เจริญแล้วพึงกระทำซึ่งท่านไม่มีและยังไม่มีใครสอนอ่ะจ๊ะ และที่สำคัญ เดี๋ยวชาวบ้านจะต๊กกะใจว่า คนบ้าแต่งบทความนี้เองได้นะเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

1. อภิชฌาวิสมโลภะ ละโมบไม่สม่ำเสมอ คือความเพ่งเล็ง
บักดาละโมบ ละโมบคำสรรเสริญเยินยอจากผู้อื่น
ตอบ เชิงฌานหนั้งแค่พรหมสัมโพชงนิ่งไวร์หยั้งเฉลย
ชั่วขณะจิตเดียวเราก็รู้ว่าท่านมันบ้าไปแล้ว

2. โทสะ ร้ายกาจ
ดามีโทสะร้ายกาจ ใครรู้ทันพูดแทงใจดำ ก็จะแต๋วแตก เที่ยวสาปแช่งชาวบ้าน
ตอบ ทำบาปเองก็ย่อมศร้าหมองเอง
ก็ท่านกำลังเศร้าหมองอยู่นี่ไง

3. โกธะ โกรธ
ดามักโกรธอยู่เป็นประจำ ด้วยไม่ยอมรับความจริง
ตอบ ถือเสียแต่ว่า เป็นแต่แขกภายนอกมาสอบอารมณ์
โกรธก็โง่ โมโหก็บ้า ไม่โกรธไม่โมโห ก็จะได้ไม่บ้าไม่โง่
อูยยยยยย ท่านทั้งโง่ ทั้งบ้าเลยอ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ๋าฮ๋า

4. อุปนาหะ ผูกโกรธไว้
ดามักผูกโกรธไว้ด้วยเรื่องเล็กน้อย แม้เรื่องแค่นี้ยังวางไม่ลง แต่บอกว่าตนบรรลุธรรมแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
ตอบ พระนิพพานไม่ได้มาพูดด้วย
อย่างท่านพูดถึงเรื่องใกล้ตัวเช่นโรงบาลบ้าดีกว่ามั้ยจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

5. มักขะ ลบหลู่คุณท่าน
ดามักลบหลู่คุณท่านจืออาจารย์ตนดังปรากำอยู่เนื่องๆ
ตอบ หมู่หงส์จะก้มกราบกาดำ" ซึ่งนักปราชญ์ท่านแปลไว้ว่าพระอริยเจ้าทั้งหลายตนเองจะถูก<WBR>พวกลวงโลกหลอกให้ก้มกราบหลงนับถือเขาเป็นอาจารย์แต่คุณธรรมเขาต่ำ
แยกทางกันแล้วก็เลิกกันแล้วให้มันจบๆไป
เนรคุณอาจารย์ตนอีกนะนั่น ฮ่าฮ่าฮ๋า

6. ปลาสะ ตีเสมอ คือยกตัวเทียมท่าน
ดามักยกตนเสมอพระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า พระศรีฯ มันหลงจริงๆนะ
ตอบในการประชุมครั้งหนึ่ง ณ เชตวันมหาวิหาร องค์สมณโคดมตั้งจิตอธิษฐานว่า “เมื่อสิ้นพุทธกัปป์แห่งการเป็นพระพุทธเจ้าของเราแล้ว ใครหนอจะมีบารมีแข็งแกร่งพอที่จะสืบศาสนา เผยแพร่สัจธรรมให้แก่โลกต่อไปได้” พระองค์เพียงแต่แค่ดำริอยู่ในพระทัยเท่านั้น พระอรหันต์ชลาตา นามสกุล กัจจายนะ นั่งอยู่ไกลจากองค์สมณโคดมมาก สามารถรู้เข้าใจพระดำริ จึงเปล่งรัศมีในกายตอบไปว่า “ข้าฯนี่แหละ จะเป็นผู้เสียสละ ที่จะสืบต่อศาสนาของพระองค์” ด้วยความเข้าใจกันทางกระแสจิตเช่นนี้ องค์สมณโคดมจึงขว้างดอกบัวออกไปท่ามกลางที่ประชุมสงฆ์ ด้วยอำนาจแห่งญาณ ดอกบัวนั้นลอยผ่านเศียรเกล้าพระอรหันต์ทั้งหลายไปสู่อรหันต์ชลาตา อรหันต์ชลาตาจึงรับ
ดอกบัวไว้ได้
แล้วทำไมยังมั่วำไปได้เรื่อยเปื่อย ให้แสดงธรรมโดยไม่ต้องไปก๊อป ไปลอก ไม่เคยทำได้สักครั้งเลยจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

7. อิสสา ริษยา คือเห็นเขาได้ดี ทนอยู่ไม่ได้
ดามักริษยาผู้อื่น เห็นผู้มีปัญญามากกว่า มักทนอยู่เฉยไม่ได้ สุดท้ายโดยตอกกลับมาหน้าหงายนับครั้งไม่ถ้วน
ตอบ ฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่นขึ้นชื่อว่าทำตามคำสังสอนของพุทธะทั้งหลายขึ้นชื่อว่าได้ที่พึ่งอันได้ยาก
ตกลงจะเป็นอะไรกันแน่จ๊ะ จะตรัสรู้แล้ว จะบรลลุธรรมแล้ว จะเป็นพระศรีฯ งงอ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ๋า

8. มัจฉริยะ ตระหนี่
ดามักตระหนี่ อยากกรี๊ดน้องแคทแต่ไม่อยากเสียตังค่าตั๋ว จึงปลอมตัวเป็นเด็กเก็บขยะ เพื่อเข้าไปใกล้ชิดแบบฟรีๆ ฮ่าฮ๋า
ตอบ การให้ธรรมะชนะซึ่งการให้ทั้งปวง
แล้วการตามกรี๊ดน้องแคทเป็นปีๆหล่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ๋า

9. มายา มารยา คือเจ้าเล่ห์
ดามารยาเจ้าเล่ห์สุดๆ มักตัดต่อคำพูด บทความต่างๆแล้วตู่เป็นของตนเพื่อให้ดูว่าตนนั้นมีปัญญา ทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ตอบ ผมไม่ได้คิดมาเปลี่ยนแปงแต่ทำให้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
น่าน..........ยังจะแถอีก .........ปัญญาจะคิดเองแต่งเองยังไม่มี ยังมีหน้าจะมาพูดพล่อยๆเยี่ยงนี้อีกนะ คราวก่อนปรามาสหลวงพ่อฤาษีไปทียังไม่สำนึกอีกนะ ไปเช็คประสาทเถิดนะ

10. สาเถยยะ โอ้อวด
ตอบ แสดงเท่าที่ตนทำได้ จะได้ไม่เป็นคนเก้อในเวลาเพื่อนนักปฏิบัติด้วยกันถามในการเป็นขึ้นมาภายหลัง
ฮ่าฮ่าฮ๋า ทำได้แล้วทำไมยังต้องไปลอก ไปก๊อปมาตอบอีกอ่ะจ๊ะ

11. ถัมภะ หัวดื้อ
ดา ทั้งโอ้อวด ทั้งขี้โม้ ถูกต้อนจนมุม ก็จะแถไปเรื่อยๆ ถูกตักเตือนก็จะทำมึนๆ ช่างหัวดื้อจริงๆ
ตอบ การไม่รู้อะไรเลยทั้งหมดนับว่าเป็นการดี การรู้อะไรแล้วรู้แจ้งแทงตลอดนับได้ว่าเป็นการตรัสรู้แล้ว การรู้อะไรครึ่งๆกลางๆยังไม่จัดว่ารู้ เรียกว่าความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอดวัฏฏ<WBR>สงสาร
พูดจากลับไปกลับมา ไปหาหมอเช็คประสาทเถิดนะ ฮ่าฮ่าฮ่า

12. สารัมภะ แข่งดี
ดา มักจะแข่งดี แข่งเด่นกับชาวบ้าน ด้วยเข้าใจว่า ตนลอก ก๊อปปี้ ตัดต่อบทความมาสอดไส้เก่งที่สุด แต่ไม่มีปัญญาจะเข้าใจบทความต่างๆที่ลอกมาได้
ตอบ แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งวาสนาแข่งไม่ได้ข้อนี้บัณฑิตทางธรรมะที่แท้จริงจะรู้กัน
ไปเช็คประสาทเถิด ฮ่าฮ่าฮ๋า

13. มานะ ถือตัว
ดา มักถือตัว ว่าตนมีปัญญาเหนือชาวบ้าน แต่ความจริงปัญญาน้อยมากมาย ด้วยสมองหยุดการเจริญเติบโตมานานแล้ว
ตอบ
14. อติมานะ ดูหมิ่นท่าน
ดา มักดูหมิ่นผู้อื่น ไม่เว้นแม้แต่ ท่านจืออาจารย์ตน
ตอบ ผู้มีกำลังมากกว่า มีในตาดีกว่า ผู้มีฌานสูงกว่า การกระทำย่อมสำคัญกว่าคำพูด เนื่องด้วยผู้ที่อ้างเป็นอาจารย์คนยังทำไม่ได้ ก็ฟังได้ แต่ไม่ขอยึดเป็นสระณะและทำตาม
ฮ่าฮ่าฮ่า ฌานท่านยังไม่ได้เข้าถึงหรอกนะ ไอ้ที่ท่านนั่งสมาธิแล้วน้ำหูน้ำตาไหลแล้วคิดว่าตนตรัสรู้แล้วน่ะ มันเป็นอาการอย่างหนึ่งของปิติเท่านั้น เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ๋ษ

15. มทะ มัวเมา
ดา มัวเมาสุดๆ ยกตัวอย่างตามกรี๊ดน้องแคทอย่างไม่อาจหักห้ามใจได้
ตอบ มันเรื่องส่วนตัว กิจที่ทำได้ทำหมดแล้ว กิจอื่นเพื่อหาอุบายมาละกิเลสไม่มี
ฮ่าฮ๋าฮ่า เขาเรียกแถเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ๋า

16. ปมาทะ เลินเล่อ หมายเหตุ ทำจิตของเราให้ว่างแล้วพิจารณาจิตของเราดูว่า มีสิ่งชั่วร้ายตัวใดบ้างที่เกาะกุมอยู่ในภายในจิตของเราแล้วค่อย ๆ ลบล้างให้หมดไปจากจิต หรือเมื่อวาระจิตของเรากระทบกับอะไรแล้วทำให้จิตเราเกิดอุปกิเลสใดใน
ตอบ ว่างในจิต กับ สลายวิญาณ ดับ ไปทำให้มันถูกต้อง
การทำกิเลสให้สิ้น ย่อมดีกว่าเลี้ยงกิเลสไว้ใช้งานเป็นแน่แท้
ใครเขาก็รู้ ตอบได้แค่นี้เองเหรอเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ดา ประมาทเลินเล่อ ทำจิตตนให้ว่างยังไม่ได้ มีน้องแคทครอบครองอยู่เต็มจิต เต็มใจตน ยังมีหน้ามาบอกให้ชาวบ้านทำมันเพ้อจริงๆ
ความจริง จะทำจิตให้ว่างด้วยอะไร ก็ยังไม่รู้ด้วซ้ำไป ฮ่าฮ่าฮ๋า

16 ข้อแล้ว บังคับอย่าให้เกิดขึ้นกับจิตของเรา ทำบ่อย ๆ เมื่อเราทำได้ จิตของเราจะมีความสุข คือไม่เศร้าหมอง อุปกิเลสคือ ขยะของจิต และจิตคือถังขยะ ขยะให้กลิ่นเหม็น และทำให้ถังขยะเหม็น จิตที่ดองขยะเอาไว้ คือจิตที่เหม็นเน่า คือเศร้าหมอง
ตอบ กลับไปสอนตนให้ดีก่อนฝึกตนดีแล้วจึงฝึกผู้อื่นขึ้นชื่อว่าทำตามคำสังสอนของพุทธะทั้งหลายขึ้นชื่อว่าได้ที่พึ่งอันได้ยาก
ใช่ๆ กลับไปฝึกตนให้ก่อนแล้วค่อมาเพ้อเจ้อ เดี๋ยวเราถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้อีกตามฟอร์ม ฮ่าฮ๋าฮ๋า

16 ข้อ ที่พูดมา ดา เป็นเองหมดทั้งสิ้นเลย จิตของดาจึงเหมือนถังขยะใบใหญ่ส่งกลิ่นตุๆอย่างรุนแรงอยู่เป็นนิจจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกก ๆๆๆๆๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ๋า
ตอบ มีคำพูดที่กินใจอยู่ว่า บุคคลย่องย่องผู้อื่น ก็คือยกย่องตนเอง
เอ่อ.....คือ........เราเห็นแต่ท่านยกย่องตัวเองแบบคนบ้าอ่ะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

Sriaraya5 said: ↑

ถ้าคิดว่าเป็นอุปปาทานก็ไช่ แต่ผมไม่คิดว่าเป็นอุปปาทาน

หลวงปู่เทพโลกอุดรพระโสณเถระเจ้า ท่านมาเมตตาพาเหาะขึ้นไปบนฟ้าท่านอุ้มผมลอยไปยังกับขนนกที่ปลิวไปตามลม

ท่านยังแสดงความรักในฐานะที่ผม อยู่ในความอุปถัมภ์ของท่านพระอาจารย์ ท่านบอกว่ากลิ่นกายหลวงปู่หอมและถ้าใครอยู่ไกล้ชิดชีวิตที่ติดสนิทในหลวงปู่กลิ่นกายก็จะพลอยหอมตามไปด้วย

การปรากฎกายของท่านหลวงปู่เทพโลกอุดรพระโสณเถระเจ้า วันที่ 28 /6/52 เวลากลางคืน
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่อุปทานหรอก แต่ท่านเป็นรโรคจิตชนิดคิดไปเองอย่างรุนแรงแล้ว ไปหาหมอซะเถิดนะ........ เลิกบ้าเลิกเพ้อเจ้อเลิกแอบอ้างได้แล้ว จะถามเป็นครั้งที่ 25(อะไรที่ไม่มีในกูเกิ้ล ไม่เคยตอบได้สักครั้ง) หลวงปู่ท่านมีฉายาทางสงฆ์ว่าอะไร หากตอบไม่ได้ก็อย่ามาซี้ซั้วแอบอ้างอีก ลูกศิษย์ท่านรู้ฉายาทางสงฆ์ของท่านทุกคน เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 21 กุมภาพันธ์ 2010

Sriaraya5 said: ↑

ตนของตนเตือนตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตน<WBR>ไม่ได้ใครจะเตือน ตนแชเชือนใครจะเตือนให้พ้นภัย

ถือเสียแต่ว่า เป็นแต่แขกภายนอกมาสอบอารมณ์
โกรธก็โง่ โมโหก็บ้า ไม่โกรธไม่โมโห ก็ไม่บ้าไม่โง่
Click to expand...

ตนของตน เตือนตน อย่ายึดติด
อย่าเที่ยวคิด ว่าตน เก่งลอกหลาย
ยังมีคน รู้ทัน อีกมากมาย
มียางอาย บ้างเถิด เกิดเป็นคน.........ฮ่าฮ่าฮ่า

Sriaraya5 · 22 กุมภาพันธ์ 2010

<FORM id=formBrowseFullsize name=formBrowseFullsize action=/mediadetail/ method=post>กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย
</FORM>
เชื่อ iofeast ก็ไม่เหลือศักศรี

ของความเป็นมนุษย์แล้ว

กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย

iofeast · 22 กุมภาพันธ์ 2010

Sriaraya5 said: ↑

ที่สุดของศีล สมาธิ ปัญญา

วันที่ ๑๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๘<O</O

วันนี้จะอธิบายเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา นี้แหละ ไม่ต้องอธิบายอื่นไกลหรอก แต่ว่าจะอธิบายถึงที่สุดของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เพราะศาสนานั้นพระพุทธเจ้าทรงสอนให้มีที่สุดเป็น ถ้าไม่มีสิ้นสุดเป็นแล้ว จะไปจบตรงไหนศาสนาพระพุทธเจ้าท่านทรงเทศนาว่า จบศาสนา มันจบตรงไหนกันก็ไม่ทราบ ไม่เห็นที่จบสักที ศีล ก็รักษากันมาแต่ไหนแต่ไร สองร้อยยี่สิบเจ็ดยิ่งมากเข้าไปกว่านั้นอีกเหลือหลาย ปกิณกะที่มานอกนั้นก็มากมาย สมาธิิก็หลายเรื่องหลายอย่าง ยิ่งสมัยนี้ยิ่งแปรปรวนไป มีคนประดิษฐ์คิดต่างๆ ขึ้นมาหลายอย่างหลายเรื่อง เอาตามความคิดความเห็นชอบใจของตน ปัญญา ก็ยุ่งมากยิ่งกว่าอะไรอีก ไม่มีที่สิ้นสุด
ในทางพุทธศาสนาพระองค์ทรงสอนว่า มีที่สุดของศาสนา อยู่จบพรหมจรรย์ อยู่จบศาสนา ทรงว่าอย่างนั้น มันจบตรงไหนกัน ? เราลองคิดดูซิ ศีลห้า ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดก็เอาเถอะมากมายหลวงหลาย ศีลน่ะไม่ใช่พระองค์ทรงเอามาด้วย และพระองค์ทรงดับขันธ์ไปแล้วก็ไม่ได้เอาไปด้วย ศีล หากเกิดจากความประพฤติของพระของเจ้า ประพฤติผิดมากศีลก็มีมากเท่านี้แหละ ถ้าพระองค์ทรงมีชีวิตอยู่จนป่านนี้ ไม่ทราบว่าจะมีศีลกี่หมื่นกี่แสน เมื่อประพฤติล่วงเกิน พระพุทธองค์ก็ทรงบัญญัติตามความผิดของพระนั่นแหละ
พระองค์ทรงสอนว่า ศีลมีข้อเดียว มันอันเดียวคือเจตนางดเว้นนั่นเป็นข้อสำคัญที่สุด
เราสมาทานศีลจะเป็นศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบอะไรก็ตามเถอะ ครั้นถ้าไม่มีเจตนาสักแต่ว่าพูดไปเฉยๆ ว่า สมาธิยามิ ไปทุกข้อ แต่เจตนาที่จะงดเว้นในข้อนั้นๆ ไม่มีมันก็สักแต่ว่าพูดไปเฉยๆ ไม่รู้จักศีล ว่าที่จบที่สุดอยู่ตรงไหนกัน ส่วนศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ก็เหมือนกัน ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติข้อๆนั้น ก็เพราะเหตุที่พระภิกษุองค์นั้นทำผิด เหตุนั้นจึงว่าตัว เจตนา นั้นเป็นข้อสำคัญ ถ้าหากว่าเรามีเจตนาแล้ว มันก็หยุดเพียงแค่นั้นไม่ต้องทำผิดต่อไปอีก องค์นั้นๆ ที่ทำผิดก็หมดเพียงแค่นั้น เจตนาตัวเดียว ข้องดเว้นมีเจตนาตัวเดียวเท่านั้น <O></O>
อย่างพระคณาจารย์หรือนักเทศน์ทั้งหลายท่านสอน ศีล เป็นเครื่องระงับดับกิเลสเบื้องต้น คือ รักษากาย รักษาวาจา ระงับกิเลสบรรเทากิเลสเบื้องต้น มีแต่กาย วาจาไม่พูดถึงใจ มันก็ผิดน่ะสิ ผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่าเจตนาเป็นตัวศีล ลองคิดดูว่า คนตายรักษาศีลได้ไหม ? ครั้นไม่มีใจแล้วจะรักษาศีลได้ไหม? ถ้าไม่มีใจจะงดเว้นอะไร คนตายไม่เคยรักษาศีล ไม่เคยสมาทานศีล ถึงเมื่อพระให้ศีลในเวลาปลงศพปลงอะไรต่างๆ ไม่ใช่คนตายรักษาศีล คนเป็นต่างหาก คนเป็นอาราธนาศีล เป็นคนสมาทานศีล จึงค่อยเป็นศีล ถ้าหากไม่มีเจตนาแล้ว เป็นศีลไม่ได้
ครั้งพุทธกาลไม่เคยสมาทานศีลก่อนจึงค่อยฟังเทศน์ พระองค์จะไม่ทรงเทศน์ถึงเรื่องศีล ทรงเทศน์ให้พระเจ้าพระสงฆ์ฟัง ไม่เทศน์ถึงเรื่องศีล ทรงเทศน์ถึงเรื่องสมาธิอันเดียว เมื่อจิตเข้าถึงที่แล้ว จิตบริสุทธิ์แล้ว ศีลเลยเกิดขึ้นมาเองศีลพร้อมขึ้นมาเอง ไม่ต้องสมาทานศีลไม่ต้องรักษาศีล อย่างพระองค์คุลีมาล พระองค์ทรงเทศน์ให้ละที่จิตอันเดียวเท่านั้นแหละ เลยสำเร็จมรรคผลนิพพาน อันพวกเรานี้มันงมงายแต่รักษาศีล มันงมงายแต่ศีลเบื้องต้น เบื้องปลายที่สุดอะไรต่างๆหลายเรื่องหลายอย่าง ก็เลยยุ่งไปกันใหญ่
ถ้าฟังธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามุ่งหมายจะทำความบริสุทธ์อันเดียวแล้ว จิตที่บริสุทธิ์นั่นแหละ เป็นศีล เป็น สมาธิเป็น ปัญญาไปในตัว ศีลจึงค่อยมีที่สุดคือเจตนาเป็นที่สุดของศีล
ที่สุดของสมาธิ คือ ภวังค์ หรือ อัปปนาสมาธิ เรียกอัปนาฌานก็เรียก วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอกัคคตา หรือเอกัคตาอุเบกขา อุเบกขาแล้วก็หมดเรื่อง ถึงหากว่ารูปฌาน อรูปฌานต่อไป ก็ลงตัวจิต อัปปนา นั้นแหละ จิตที่เป็น อัปปนา นั้นน่ะถึงที่สุดของสมาธิ ฌานก็อันนั้นแหละ อัปปนาฌาน อัปปนาสมาธิ นั้นแหละ ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ ดับสัญญา เวทนา หมด ปัญญา ก็เลยไม่ใช้ ไม่ต้องใช้กันหรอกดับหมดเลย ก็เพียงแค่อันเดียวกันนั้น ตัวจิตอันเดียวนั้นแหละ ดับจิตตัวเดียวเท่านั้น เรียกว่าที่สุดของสมาธิ
ใครจะทำอะไรก็ทำไปเถิด ฝึกหัดอะไรก็ทำไปเถิด อย่างสมัยเดี๋ยวนี้แหละ มีคณาจารย์หลายท่านหลายองค์ อย่างเขาทำกันยุบหนอพองหนอก็ดี หรือสัมมาอะระหังก็ดี พุทโธก็ดี อานาปานสติก็ดี มรณัสสติก็ดี สารพัดทุกอย่างนั่นแหละ ทำเพื่อให้จิตถึงที่สุดถึงสมาธิ คือ อัปปนาอันเดียว อัปปนานี้ไม่ใช่เกิดอุบายปัญญาอะไรหรอก พักจิตเฉยๆ นี่แหละ วิธีหัดจิตอบรมจิตตั้งแต่เบื้องต้นไป อย่างที่เรียกว่าวิตก วิจารณ์ หมู่นี้เป็นเรื่องหัดจิตทั้งนั้น ภวังค์ หรือ สมาธิอะไรต่างๆ เป็นวิธีหัดทั้งนั้นแหละ ครั้นถึงที่สุดแล้วไม่มีอะไรหรอก ถึงที่สุดของสมาธิก็คืออัปปนาเมื่อถึงที่สุดแล้วมันหยุดแล้วคราวนี้ ไม่มีอะไรหมดทุกสิ่งทุกอย่าง หยุดเพียงแค่นั้น
ปัญญามันเกิดตรงไหน มันเกิดตรงมาจากอัปปนา แล้วมาถึงอุปจาระนั้นต่างหาก มันจึงค่อยเกิดขึ้น อุปจาระที่ออกมาจากอัปปนา มันไม่ใช่อุปจาระเข้า “อุปจาระเข้า” นี้มันต้องระงับดับส่วนเบื้องต้นความวุ่นวายต่างๆ มันเข้าไปถึงอุปจาระตอนนั้น มันส่งส่ายอยู่ภายใน แต่ว่ามันไม่ส่งส่ายภายนอก มันส่งส่ายภายใน ค้นคว้าอยู่ภายใน เรียกว่า อุปจาระเข้า
"อุปจาระออก" นั้นมันออกมาจากอัปปนาแล้ว มันแน่วแน่ในอารมณ์อันเดียว พิจารณาในอารมณ์อันเดียว พิจารณาอะไรก็พิจารณาแต่อันนั้น อันนั้นเรียกว่า อุปจาระออก อุปจาระออก จากอัปปนา ก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน อุปจาระเข้าก็ได้ประโยชน์ อุปจาระออก ก็ได้ประโยชน์ ก็แต่ว่าอุปจาระออก นั้นมันละเอียดกว่าคือ มันได้ อัปปนา เบื้องต้น ได้อัปปนา เป็นพื้นฐาน แล้วจึงค่อยมาอยู่ในอุปจาระ ตัวนี้ต่างหากเกิดปัญญา
บางคนนั้นว่านั่งหลับตาทำสมาธิมันจะได้อะไร ? โอ๊ย….มันไม่เคย พวกไม่เคยได้ทั้งนั้นแหละ มันมีประโยชน์มาก นั่งหลับตาทำสมาธิได้ประโยชน์มากทีเดียวละ จนกระทั่งไม่รู้ตัวโน้นแหละ มีประโยชน์มากทีเดียวใครทำได้นับว่าได้กำลังใจอย่างยิ่ง เรียกว่าพักจิต ในขณะนั้นพักนานเท่าใดยิ่งมีกำลังมาก เวลาออกมาพิจารณาตอนออกจากอัปปนานั้น มีสติรอบคอบรอบรู้ รู้ทั้งนั้นอดีต อนาคต ปัจจุบัน พิจารณาชัดเจนแจ่มแจ้ง ถ้าไม่มีสมาธิเป็นหลักฐาน จะพิจารณาอะไรก็พิจารณาไปเถิด หยุดยั้งไม่ได้ เตลิดเปิดเปิงจนกระทั่งไม่มีขอบเขต
ครั้นมีหลักฐาน มีอัปปนาเป็นพื้นฐานอยู่นั้น มีสมาธิเป็นพื้นฐานอยู่นั้น พิจารณาไปเถิดพิจารณาอะไรก็พิจารณาไปเถิด มันจะต้องหมด ลงสิ้นสุด ลงถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วกลับมาหาที่เก่าคือ สงบลงที่ใจ นิ่งแน่วอยู่เฉยๆ ให้พิจารณาก็ได้ ไม่พิจารณาก็ได้ อันนี้เรียกว่า จิตอยู่ในบังคับ คือ เนื่องจากมีสมาธิเป็นหลักฐาน ชำนิชำนาญเรื่องสมาธิ อันนี้เรียกสมาธิมีที่สุด คืออัปปนา สมาธิมีที่สุดตรงนั้นละ ทำไปเถอะใครจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่นอกเหนือไปจากนั้นหรอก
คราวนี้ ปัญญามีหลักฐานอย่างไร ? มีที่สุดอย่างไร ? ก็ด้วยอำนาจที่ฝึกหัดสมาธิมาแต่เบื้องต้น เรื่องศีลเรื่องสมาธิมาแต่เบื้องต้น พิจารณาทุกสิ่งทุกประการ มันจะต้องหมดที่สุดคือไตรลักษณ์ เรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วมันจะไปที่ไหนละ ลงถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วจะไปที่ไหนกัน ไม่มีหรอก นอกจากนี้ ไม่มีหรอกในโลกอันนี้ มันลงอันนั้นแหละเข้ามารวมลงอันเดียวกันหมดลง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็วาง ลงสภาวะ เป็นสภาวะ ลงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้วเป็นสภาวะ อันนั้นแหละที่สุดของ ปัญญา
ให้เข้าใจถึงที่สุดอย่างนี้ ธรรมมะทั้งหลายนั้น ถ้าไม่มีที่สุดไม่ใช่ธรรมะเป็นโลก พิจารณาเรื่องโลกเพลิดเพลินไม่อิ่มไม่พอสักที ถ้าเป็นธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า ถูกตามคำสอนของพระองค์แล้ว มันต้องรวมลงมา พิจารณาออกไปแล้ว หมดเรื่องแล้วต้องรวมลงมาของเก่า มาหาใจ ที่พูดง่ายๆ เรียกว่าใจ มันไม่คิดไม่นึก ไม่ส่งส่ายอะไรทั้งหมด จะให้พิจารณาก็ได้ ไม่ให้พิจารณาก็ได้ ใช้มันได้เลย ใช้ใจได้ใจอยู่ในบังคับของตน มันก็หมดเรื่องน่ะซี จะไปทำอย่างไรกันอีก จิตมันบังคับตน ให้ตนคิดค้นพิจารณาไปไม่มีขอบเขต ไม่รู้จักสิ้นสุด มันจะสิ้นสุดได้อย่างไรตรงนั้น จึงว่าศาสนามีที่สุดอย่างนี้ ทางโลกไม่มีที่สิ้นสุด เอาล่ะ <O</O
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องแถเยย ท่านก็ยังไม่ได้ให้เครดิตผู้แต่ง เจ้าของบทความอยู่ดีอ่ะนะ หรือท่านทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้วสมองท่านจะเจ็บปวดรวดร้าวมากจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

Sriaraya5 said: ↑

<FORM id=formBrowseFullsize name=formBrowseFullsize action=/mediadetail/ method=post>กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย
</FORM>
เชื่อ iofeast ก็ไม่เหลือศักศรี

ของความเป็นมนุษย์แล้ว

กระจองงอง กระจองงอง เจ้าข้าเอ้ย
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าข้าเอ๊ย เชื่อตาบ๊องนี่ก็โง๊ โง่เต็มทีแล้ว มีแต่ลอก แต่ก๊อป แล้วมาท่องบอกชาวบ้านแบบนกแก้วนกขุนทอง เท่านั้นแหละจ้า แถมไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่ตนไปลกอมากับมือ พอถูกถามแล้วตอบไม่ได้ก็แต๋วแตกอยู่ร่ำไปจร้า ฮ่าฮ๋าฮ๋า

แล้วไหนหล่ะฉายาทางสงฆ์ของหลวงปู่หล่ะเจ้าค่ะ...................... ฮ่าฮ่าฮ๋า

OK นะคะ นะคะ

iofeast · 25 กุมภาพันธ์ 2010

Sriaraya5 said: ↑

ฉายาทางสงฆ์ของหลวงปู่ใหญ่ คือ มหาญาโณ ปัจจุบัน มีผู้ที่ใกล้ชิดหลวงปู่ใหญ่ เพียงไม่กี่คนเท่านั้น รู้ฉายาของท่าน

บรมครูเทพโลกอุดร ท่านจะสอนธรรมผู้ที่เข้าถึงความเป็นโลกอุดรนั้น มีหลายคน ทั้งพระสงฆ์ และ ฆราวาส

ข้าพระพุทธเจ้าขอยึดถือ และ ปฎิบัติตามท่านจนสิ้นลมปราณ

“ท่านสอนให้สิ้นการยึดมั่นถือมั่น”
Click to expand...

<TABLE class=tborder id=post2283518 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">22-07-2009, 02:35 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #41 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2283518", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: อยู่ในใจสาวๆค่อนโลกจ้า
ข้อความ: 4,368
Groans: 302
Groaned at 14 Times in 13 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,240
ได้รับอนุโมทนา 16,353 ครั้ง ใน 4,895 โพส
พลังการให้คะแนน: 1230

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283518 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><SCRIPT type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&output=html&h=250&slotname=7252767143&w=250&lmt=1267115233&flash=10.0.32.18&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff6%2F%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%87.195848/page-3&dt=1267115233578&correlator=1267115233578&frm=0&ga_vid=1341902947.1267114654&ga_sid=1267115096&ga_hid=1760976246&ga_fc=1&ga_wpids=UA-7034934-1&u_tz=420&u_his=5&u_java=1&u_h=1024&u_w=1280&u_ah=994&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1259&bih=848&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff6%2F%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%87-195848-2.html&fu=0&ifi=1&dtd=31&xpc=M0KW8Cd6pX&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sriaraya5

ปัจจุบันข้าพเจ้ารู้จักแต่พระครูโลกอุดรท่านเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า
บักจือข้าพเจ้าไม่รู้จัก
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อ๋อ เหรอจ๊ะ? แล้วหลวงปู่ท่านมีฉายาทางสงฆ์ว่าอะไรจ๊ะ ? รีบๆเข้ากูเกิ้ลเลยนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า

เป็นศิษย์ท่าน อย่างงี้ก็รู้ดิ ว่า นิตยโพธิสัตว์ ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สิบนับจากพระศรีฯ ปัจจุบันท่านบวชในพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ท่านมีนามว่าอะไร และท่านจำวัดอยู่ที่ไหน ? ไม่ต้องเข้ากูเกิ้ลหรอกนะ หาไม่เจอหรอกจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

ว่าแต่ ท่านบอกว่าท่านเต็มขีดพุทธภูมิแล้ว ไม่สามารถกลับลำลาพุทธภูมิได้ ท่านตรัสรู้แล้ว ทำไมคราวนี้มาบอกว่าเป็นศิษย์ของหลวงปู่อีกอ่ะ ............. มั่วไปมั่วมาอีกตามเคยซินะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกๆๆๆๆๆๆ
เราว่าท่านกลับไปกรี๊ดน้องแคทของท่านต่อดีกว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


__________________


</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder id=post2283659 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 22-07-2009, 03:39 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #43 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Sriaraya5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2283659", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2006
สถานที่: นิพพานอยู่ในตัวข้า
ข้อความ: 2,299
Groans: 72
Groaned at 193 Times in 76 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,850
ได้รับอนุโมทนา 4,453 ครั้ง ใน 1,116 โพส
พลังการให้คะแนน: 333

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283659 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ iofeast
อ๋อ เหรอจ๊ะ? แล้วหลวงปู่ท่านมีฉายาทางสงฆ์ว่าอะไรจ๊ะ ? รีบๆเข้ากูเกิ้ลเลยนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า

เป็นศิษย์ท่าน อย่างงี้ก็รู้ดิ ว่า นิตยโพธิสัตว์ ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สิบนับจากพระศรีฯ ปัจจุบันท่านบวชในพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ท่านมีนามว่าอะไร และท่านจำวัดอยู่ที่ไหน ? ไม่ต้องเข้ากูเกิ้ลหรอกนะ หาไม่เจอหรอกจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

ว่าแต่ ท่านบอกว่าท่านเต็มขีดพุทธภูมิแล้ว ไม่สามารถกลับลำลาพุทธภูมิได้ ท่านตรัสรู้แล้ว ทำไมคราวนี้มาบอกว่าเป็นศิษย์ของหลวงปู่อีกอ่ะ ............. มั่วไปมั่วมาอีกตามเคยซินะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกๆๆๆๆๆๆ
เราว่าท่านกลับไปกรี๊ดน้องแคทของท่านต่อดีกว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
เล่นกับลูกแล้วนะ

คนเราต่อให้สูงส่งด้วยคุณธรรมภายในใจสักปานใด

แต่ถ้าไม่รู้จักเล็กจากใหญ่ ก็ไม่มีทางเจริญในสายทางธรรม

อันเป็นทำเนียมนิยมกันมาว่า ผู้ยกตนจะถูกกดให้ต่ำลง
ผู้ถ่อมใจลงกับผู้เป็นผู้ใหญ่กว่า จะได้รับการยกให้สูงขึ้น

ข้าวสาลีเมล็ดหนึ่ง เกิดขึ้นโดยมีผู้ปรนนิบัติบำรุง สามารถแตกออกเป็นแสนกอ แต่ละกอมีรวงแสนรวง

เลี้ยงดูประชากรโลกแม้มีคุณเอนกอนันต์ แต่รวงข้าวทั้งหมดก็โน้มต่ำลงสู่พื้นดิน ไม่ได้ชูคอตั้งเด่ลู่ลมพายุที่พัดมาจนเกิดความเสียหาย

เราเองก็ควรจะยำเกรงครูบาอาจารย์ ที่จิตเรายอมลง

ไม่ควรเป็นผู้น้อยคิดจะหึกเหิม ไม่เกรงกลัวผู้ใหญ่

เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระแท้ ไม่ใช่พระเก๊

พระเก๊ ภิกษุทั้งหลาย ลาที่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แม้มันจะร้องอยู่ว่า ข้าก็เป็นโค ข้าก็เป็นโค ดังนี้ก็ตาม แต่สีของมันก็หา

เป็นโคไปได้ไม่ เท้าของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่ มันได้แต่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แล้วร้องเอาเองว่า ข้าก็เป็นโค ข้าก็เป็น

โค ดังนี้เท่านั้นข้อนี้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือแม้จะเดินตามหมู่ภิกษุพระแท้ ไปข้างหลัง แม้

ร้องประกาศอยู่ว่า ข้าก็เป็นภิกษุ ข้าก็เป็นภิกษุ ดังนี้ก็ตามทีแต่ความปราถนาในการประพฤติศีลสิกขาบทของเขาไม่เหมือน

ของภิกษุพระแท้ ทั้งหลาย ภิกษุนั้นได้แต่เดินตามหมู่ภิกษุแท้ไปข้างหลัง แล้วร้องประกาศเอาเองว่าข้าก็เป็นภิกษุ ข้าก็เป็น

ภิกษุ ข้าก็เป็นภิกษุ ดังนี้เท่านั้น ก็ได้หาเป็นภิกษุแท้ไปได้ไม่
</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2283659")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add Sriaraya5 to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Sriaraya5 Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View Sriaraya5's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2283722 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 22-07-2009, 03:59 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #44 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2283722", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: อยู่ในใจสาวๆค่อนโลกจ้า
ข้อความ: 4,368
Groans: 302
Groaned at 14 Times in 13 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,240
ได้รับอนุโมทนา 16,353 ครั้ง ใน 4,895 โพส
พลังการให้คะแนน: 1230

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283722 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">นี่คือคำถาม
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ iofeast
อ๋อ เหรอจ๊ะ? แล้วหลวงปู่ท่านมีฉายาทางสงฆ์ว่าอะไรจ๊ะ ? รีบๆเข้ากูเกิ้ลเลยนะท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า

เป็นศิษย์ท่าน อย่างงี้ก็รู้ดิ ว่า นิตยโพธิสัตว์ ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่สิบนับจากพระศรีฯ ปัจจุบันท่านบวชในพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ท่านมีนามว่าอะไร และท่านจำวัดอยู่ที่ไหน ? ไม่ต้องเข้ากูเกิ้ลหรอกนะ หาไม่เจอหรอกจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

ว่าแต่ ท่านบอกว่าท่านเต็มขีดพุทธภูมิแล้ว ไม่สามารถกลับลำลาพุทธภูมิได้ ท่านตรัสรู้แล้ว ทำไมคราวนี้มาบอกว่าเป็นศิษย์ของหลวงปู่อีกอ่ะ ............. มั่วไปมั่วมาอีกตามเคยซินะ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกๆๆๆๆๆๆ
เราว่าท่านกลับไปกรี๊ดน้องแคทของท่านต่อดีกว่ามั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
และดูมันตอบ

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sriaraya5
เล่นกับลูกแล้วนะ

คนเราต่อให้สูงส่งด้วยคุณธรรมภายในใจสักปานใด

แต่ถ้าไม่รู้จักเล็กจากใหญ่ ก็ไม่มีทางเจริญในสายทางธรรม

อันเป็นทำเนียมนิยมกันมาว่า ผู้ยกตนจะถูกกดให้ต่ำลง
ผู้ถ่อมใจลงกับผู้เป็นผู้ใหญ่กว่า จะได้รับการยกให้สูงขึ้น

ข้าวสาลีเมล็ดหนึ่ง เกิดขึ้นโดยมีผู้ปรนนิบัติบำรุง สามารถแตกออกเป็นแสนกอ แต่ละกอมีรวงแสนรวง

เลี้ยงดูประชากรโลกแม้มีคุณเอนกอนันต์ แต่รวงข้าวทั้งหมดก็โน้มต่ำลงสู่พื้นดิน ไม่ได้ชูคอตั้งเด่ลู่ลมพายุที่พัดมาจนเกิดความเสียหาย

เราเองก็ควรจะยำเกรงครูบาอาจารย์ ที่จิตเรายอมลง

ไม่ควรเป็นผู้น้อยคิดจะหึกเหิม ไม่เกรงกลัวผู้ใหญ่

เพราะหลวงปู่ท่านเป็นพระแท้ ไม่ใช่พระเก๊

พระเก๊ ภิกษุทั้งหลาย ลาที่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แม้มันจะร้องอยู่ว่า ข้าก็เป็นโค ข้าก็เป็นโค ดังนี้ก็ตาม แต่สีของมันก็หา

เป็นโคไปได้ไม่ เท้าของมันก็หาเป็นโคไปได้ไม่ มันได้แต่เดินตามฝูงโคไปข้างหลัง แล้วร้องเอาเองว่า ข้าก็เป็นโค ข้าก็เป็น

โค ดังนี้เท่านั้นข้อนี้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุบางรูปก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือแม้จะเดินตามหมู่ภิกษุพระแท้ ไปข้างหลัง แม้

ร้องประกาศอยู่ว่า ข้าก็เป็นภิกษุ ข้าก็เป็นภิกษุ ดังนี้ก็ตามทีแต่ความปราถนาในการประพฤติศีลสิกขาบทของเขาไม่เหมือน

ของภิกษุพระแท้ ทั้งหลาย ภิกษุนั้นได้แต่เดินตามหมู่ภิกษุแท้ไปข้างหลัง แล้วร้องประกาศเอาเองว่าข้าก็เป็นภิกษุ ข้าก็เป็น

ภิกษุ ข้าก็เป็นภิกษุ ดังนี้เท่านั้น ก็ได้หาเป็นภิกษุแท้ไปได้ไม่
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า ห้าห้าห้า เอิ๊กๆๆๆๆๆ แถอีกจนได้ สีข้างท่านพังหมดแล้วมั้งเนี่ย เข้าไปหาในกูเกิ้ลตั้งนานแล้วไม่พบเหรอท่าน พอถามอะไรที่ไม่มีในกูเกิ้ลก็ตอบไม่ได้ ทุกทีซิน่า..... สรุปคือมั่ว ขี้โม้อีกตามเคย ไม่เคยสัมผัสหลวงปู่ท่านได้เลยสักครั้งซิท่า ยังมีหน้ามาตู่ว่าท่านเป็นอาจารย์อีก เดี๋ยวก็บอกว่าเต็มขีดพุทธภูมิแล้ว ตรัสรู้แล้ว เป็นพระศรีฯ เดี๋ยวก็บอกว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นอาจารย์ พูดไปเรื่อย บ้าไม่เลิก ซี้ซั่วจริงๆนะท่าน ......... ปากบอกว่าท่านเป็นอาจารย์ แม้ฉายาท่านก็ยังไม่รู้ มั่วจริงๆเลยนะรวิพัง
ส่วน "คัทรภสูตร" น่ะ ยังมีหน้าพยายามจะตู่อีกนะ เราหาอ่านเองได้จ๊ะ แต่จะก๊อปทั้งที ก็ควรจะบอกที่มาด้วย ไม่ใช่พยายามจะตู่อยู่ร่ำไป ใครไม่รู้ก็จะเข้าใจไปว่า คนบ้าอย่างท่านแต่งเองคิดเองได้ และมันเป็นมารยาท หรือจะเรียกว่าสมบัติผู้ดีก็ได้ ซึ่งท่านคงไม่มี และคงจะไม่เคยมีใครสอนท่านหรอกนะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เราว่า ท่านกลับไปทำตะกรุดหลอกขายชาวบ้าน กลับไปกรี๊ดน้องแคทของท่านอย่างเดิมเถอะนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2288286 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 24-07-2009, 12:10 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #51 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2288286", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: อยู่ในใจสาวๆค่อนโลกจ้า
ข้อความ: 4,368
Groans: 302
Groaned at 14 Times in 13 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,240
ได้รับอนุโมทนา 16,353 ครั้ง ใน 4,895 โพส
พลังการให้คะแนน: 1230

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288286 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sriaraya5
จำนวน 10 พระองค์ ของภัทรกัปพิเศษนี้ ต้องนับ ตั้งแต่....

1. พระกกุสันธะ
2. พระโกนาคะมะนะ
3. พระพุทธะกัสะปะ
4. พระสมณะโคตะมะ

5. พระบรมโพธิสัตว์ อาริยะเมตไตร์ย ....

6. พระบรมโพธิสัตว์ รามะ ....

7. พระมหาโพธิสัตว์ เทวะเทพ ....เรารู้ว่าเป็นใคร

8. พระมหาโพธิสัตว์ สุระสีหะ หน้าตาจะคล้ายๆ หลวงปู่ปาน อยู่เหมือนกัน

9. พระมหาโพธิสัตว์ ติสสะ รู้สึกว่า หน้าของท่านมองดูจะเหมือนพระนเรศวร
ที่ปัจจุบันเสวยชาติ เป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ 9 ของ กรุง.... ประเทศ....

10. พระมหาโพธิสัตว์ คล้าย ๆ หลวงปู่อ่ำฯ ที่มีฉายาว่า.. เลไลยะกะ
แต่ในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ศัทธาทั้งหลาย เชื่อว่าท่านมีความเชื่อมโยงกับช้างป่าเลไลยกะโพธิสัตว์
(1ในอนาคตวงศ์ ทั้ง10 พระนามว่า พระสุมงคล )

ท่านเป็นผู้แปล จารึกโบราณ (กเบื้องจาร) เขียนด้วยอักษรโบราณ (ลายสือไทย)มาเป็นหนังสือชื่อ "พุทธสาสนสุวัณภูมิปกรณ์"
ซึ่งเป็นจารึกถึงการตั้งถิ่นฐานเดิม
ของคนไทยที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและพระพุทธศาสนา ตลอดจนถึงการคิดประดิษฐ์อักษรไทย

และในจารึกโบราณ กล่าวไว้ว่า จารึกนี้ เป็นบันทุกไว้เพื่อให้ ช้างป่าเลไลยโพธิสัตว์ เป็นภิกขุ มาถอดความและ
เผยแพร่จารึกนี้ (อย่างนี้พอจะได้ข้อมูลไปพิจารณานะครับ)
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า ..........ตูว่าแล้ว........ถึงได้บอกไงว่าท่านน่ะ อ่านภาษาไทยได้ แต่ไม่รู้ความหมายของภาษา รวมถึงบริบทของมัน ...........ก็ถามอย่างชัดเจนแล้วว่า นับจากพระศรีฯๆ เข้าใจ๋ ....ยังมีหน้าไปก๊อป พระอนาคตวงศ์มาทั้งดุ้น อะไรที่มีในกูเกิ้ลเราไม่ถามหรอกเฟ้ย เดี๋ยวท่านก็ไปก๊อปมาตอบอีก.....ว่าแต่หากวันไหนกูเกิ้ลล่ม ท่านจะแสดงธรรมยังไงอ่ะ ฮ่าฮ่าฮ๋า เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ทีถามง่ายๆว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมีฉายาทางสงฆ์ว่าอะไร ปากบอกว่าเป็นศิษย์ท่าน ไม่เห็นตอบสักที นี้ก็รอมาตั้งนานแล้วนะ .....หรือเพราะว่า เสริจไม่เจอ ไม่มีในกูเกิ้ลอ่ะ.........หลวงปู่ท่านไม่ใช่จะให้คนบ้าอย่างท่านมาอ้างซี้ซั้วนะ เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกๆๆๆๆ

หากจะบอกหลวงปู่ท่านเป็นอาจารย์ ก็อีกคำถามที่ไม่มีในกูเกิ้ลก็แล้วกัน พระโพธิสัตว์เจ้าที่ปราถนาจะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า นับจากพระศรีฯไปองค์ที่20เนี่ย พระองค์ได้ลงมาบำเพ็ญบารมีบวชในพระพุทธศาสนา.....พระองค์คือใคร? รวมถึงองค์ที่สิบนับจากพระศรีฯด้วย ถ้าจะตอบ กรุณาอย่าตอบแบบคนเพ้อเจ้อนะจ๊ะ และก่อนตอบกรุณาใช้สมองซะหน่อย อย่าใช้อวัยวะอื่นแทนนะจ๊ะ ขอร้อง ฮ่าฮ่าฮ่า

ปากบอกเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ท่าน ฉายาทางสงฆ์ท่านยังไม่รู้.....อย่าซี้ซั้วเพ้อเจ้อแอบอ้างอีกเลยนะท่านดา ....... อย่าหลงอีกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

จะว่าไป ช้างป่าเลไลยะกะโพธิสัตว์ ปัจจุบันท่านก็ลงมาบำเพ็ญบารมีบวชอยู่ในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยเช่นกัน ............... แต่ตูไม่บอกหรอกเฟ้ย....เดี๋ยวท่านก็ลอกไปหลอกชาวบ้านชาวช่องเขาอีก ฮ่าฮ่าฮ่า
__________________
เกิดมารูปหรือ ก็หล๊อหล่อ พ่อหรือ ก็ร๊วย รวย ช่วยไม่ได้จริงจริ๊ง ว้า....แย่จัง โฮะ โฮะ โฮะ 
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>Last edited by iofeast; 24-07-2009 at 02:15 PM.
</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2288286")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>iofeast</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ iofeast</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ iofeast</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add iofeast to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>iofeast Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View iofeast's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2288337 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 24-07-2009, 12:26 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #52 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Sriaraya5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2288337", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2006
สถานที่: นิพพานอยู่ในตัวข้า
ข้อความ: 2,299
Groans: 72
Groaned at 193 Times in 76 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,850
ได้รับอนุโมทนา 4,453 ครั้ง ใน 1,116 โพส
พลังการให้คะแนน: 333

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288337 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">

หลวงปู่ท่าน ไม่ให้ฝักไฝ่เรื่องที่เป็นอดีตของท่าน

เท่ากับค้นดูในจิตของตน อยากรู้อะไรก็ถามจิตตน

พระธรรมก็จะบอกตนเอง

เจ้าหมอนี่ถ้าจะบ้ายังไม่พอ ยังไปเที่ยววิ่งหาเรื่องบ้าบอคอแตกนอกตัวมาเพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้กับตนเอง

มากกว่าจะคิดศึกษาหาความรู้จาก เนื้อของธรรมะแท้ ๆ

เรานี่นาไม่เหลือความฉลาดอยู่เลย iofeast
</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2288337")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ Sriaraya5</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add Sriaraya5 to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Sriaraya5 Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View Sriaraya5's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2288400 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 24-07-2009, 12:47 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #53 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2288400", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: อยู่ในใจสาวๆค่อนโลกจ้า
ข้อความ: 4,368
Groans: 302
Groaned at 14 Times in 13 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,240
ได้รับอนุโมทนา 16,353 ครั้ง ใน 4,895 โพส
พลังการให้คะแนน: 1230

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288400 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Sriaraya5

หลวงปู่ท่าน ไม่ให้ฝักไฝ่เรื่องที่เป็นอดีตของท่าน

เท่ากับค้นดูในจิตของตน อยากรู้อะไรก็ถามจิตตน

พระธรรมก็จะบอกตนเอง

เจ้าหมอนี่ถ้าจะบ้ายังไม่พอ ยังไปเที่ยววิ่งหาเรื่องบ้าบอคอแตกนอกตัวมาเพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้กับตนเอง

มากกว่าจะคิดศึกษาหาความรู้จาก เนื้อของธรรมะแท้ ๆ

เรานี่นาไม่เหลือความฉลาดอยู่เลย iofeast
</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เอิ๊กกกกกกๆๆๆๆๆๆๆ ก็ท่านบอกเองว่าเต็มขีดพุทธภูมิแล้ว วันดีคืนดีก็บอกว่ารู้ทันพุทธวิสัยอีกตะหาก วันไหนเมาก๋วยเตี๋ยวเรือก็บอก ว่าตนคือพระศรีฯด้วย แล้วทำไมถามอะไรที่ไม่มีในกูเกิ้ล ตอบไม่ได้สักครั้งอ่ะ .......ทำไม่ได้อย่างที่ปากพูด อย่างท่านนะ ภาษาชาวบ้านเข้าเรียกทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง เก่งแต่เรื่องโง่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ก็เป็นศิษย์หลวงปู่ท่านไม่ใช่เร้อ พอไม่รู้ตอบไม่ได้ก็เลยกลายเป็น การที่ศิษย์รู้ฉายาทางสงฆ์ของอาจารย์น่ะ เป็นการฝักใฝ่ในอดีตไป ฮ่าฮ๋าฮ่าฮาฮ่า เอิ๊กกกๆๆๆๆๆๆ ที่ทำอยู่น่ะ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าไม่รู้ ตอบไม่ได้ แล้วแถจ้า
ก่อนจะพูดอะไรนะท่าน กรุณาใช้สมองทั้งสองซีก รวมทั้งสิ่งที่อยู่ในนั้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเซเล็บบรัม เมนลู่ล่า โมดูล่า ฯลฯ ใช้มันบ้าง เราเข้าใจอยู่ว่าหากท่านใช้สมองทั้งสองซีกรวมถึงสิ่งที่อยู่ในนั้นพร้อมๆกัน ท่านจะเจ็บปวดสุดๆมากมาย ถึงขั้นลงไปชักแหง็กๆๆๆๆๆๆ.....แต่ก็ใช้มันบ้างเถอะนะท่าน ขอร้อง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเอิ๊กกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

แถมให้อีกหน่อยก็แล้ว กันการหาเรื่องนอกตัวมาเพิ่มทุกข์ให้กับตนน่ะ มันพวกที่เต็มไปด้วยโมหะเช่นท่าน เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ่า
__________________
เกิดมารูปหรือ ก็หล๊อหล่อ พ่อหรือ ก็ร๊วย รวย ช่วยไม่ได้จริงจริ๊ง ว้า....แย่จัง โฮะ โฮะ โฮะ 
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

iofeast · 26 กุมภาพันธ์ 2010

ฮ่าฮ่าฮ่า ผ่านไป 6 เดือนแล้วเพิ่งจะผลิกแผ่นดิน ไปถามศิษย์ที่แท้จริงของท่านเจอ แล้วไปอ้อนวอนขอความรู้จากศิษย์ท่านเร้อ ฮ่าฮ่าฮ่า

..........แล้วท่านก็แสดงตัวออกมาจนได้ว่า ท่านไม่ใช่ศิษย์หลวงปู่ท่านเลย แอบอ้างไปเรื่อยเปื่อย....................ก็ศิษย์ของท่านน่ะ เป็นอันรู้กันทุกคนว่า จะไม่นำมาเปิดเผยในที่สาธารณะ เข้าใจ๋ จุ๊บๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 26 กุมภาพันธ์ 2010

kengkenny said: ↑

วันนี้มีตรัยสรณคมแล้วใช่ไหมครับ การยึดมั่นถือมั่นในกิเลสตัณหาอุปาทานกับเรื่องความเคารพและมีตรัยสรณคมเต็มเปี่ยมในจิตมันคนละเรื่องกันนะครับ หวังว่าคงพอเข้าใจได้นะครับ
อนุโมทนาครับ
Click to expand...

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 12-05-2009, 06:54 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Sriaraya5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2006
สถานที่: นิพพานอยู่ในตัวข้า
ข้อความ: 2,299
Groans: 72
Groaned at 193 Times in 76 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,850
ได้รับอนุโมทนา 4,453 ครั้ง ใน 1,116 โพส
พลังการให้คะแนน: 333

</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>sriaraya5.

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>iofeast ตอนน้องแคทเค้าอายุ 15-16 เค้าอยู่มอ.อะไรครับ ผมเห็นช่วงหนึ่งของวัยเด็กของน้องเค้าแล้วมันประทับจิตติดวิญญานนานแค่ไหนก็ไม่ลืม

เมื่อไม่นานมานี้ผมก็ได้มีโอกาสเจอตัวพูดคุยกับน้องเค้าอยู่บ้าง น้องเค้ายังแซวผมว่าก่อนโชว์ตัว
ในที่นี้มีใครหิวน้ำบ้าง มีใครอยากได้น้ำกินบ้าง

iofeastหล่อ แบบอย่างว่าน่าไปสมัครเป็นนายแบบโดมอนแมนนะครับ

ผมเชื่อว่าiofeast เป็นรุ่นพี่ของน้องเค้าจริง ๆ
ดูจากครั้งที่แล้วiofeast ก็ยืนยันคำนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 12-05-2009, 07:42 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Sriaraya5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2006
สถานที่: นิพพานอยู่ในตัวข้า
ข้อความ: 2,299
Groans: 72
Groaned at 193 Times in 76 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 1,850
ได้รับอนุโมทนา 4,453 ครั้ง ใน 1,116 โพส
พลังการให้คะแนน: 333

</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>sriaraya

</CENTER>
<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ iofeast
อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sriaraya5
iofeast ตอนน้องแคทเค้าอายุ 15-16 เค้าอยู่มอ.อะไรครับ ผมเห็นช่วงหนึ่งของวัยเด็กของน้องเค้าแล้วมันประทับจิตติดวิญญานนานแค่ไหนก็ไม่ลืม

เมื่อไม่นานมานี้ผมก็ได้มีโอกาสเจอตัวพูดคุยกับน้องเค้าอยู่บ้าง น้องเค้ายังแซวผมว่าก่อนโชว์ตัว
ในที่นี้มีใครหิวน้ำบ้าง มีใครอยากได้น้ำกินบ้าง

iofeastหล่อ แบบอย่างว่าน่าไปสมัครเป็นนายแบบโดมอนแมนนะครับ

ผมเชื่อว่าiofeast เป็นรุ่นพี่ของน้องเค้าจริง ๆ
ดูจากครั้งที่แล้วiofeast ก็ยืนยันคำนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ตอนนั้นเรากลับมาเข้านานาชาติที่เดียวกับน้องเขาหนึงปีแล้วไปเรียนต่อที่อื่น ร.ร.อยู่แถว ถ.รามคำแหง น้องเขาเรียนห้องเดียวกันกับ ชาคริต เรย์ แล้วก็ลีน่า ห้องเรียนเราอยู่ติดกัน แล้วก็ทำกิจกรรมด้วยกันบ้าง
ส่วนความหล่อเหลาของเราน่ะ มันสุดๆอยู่แล้ว รุ่นน้องเขากรี๊ดกันกระจายเลยจ้า โฮะโฮะโฮะ

</TD></TR></TBODY></TABLE>
พลังการให้คะแนน: 1198
iofeast หล่อจนพลังการให้คะแนนพุ่งปี๊ดเลยก็ว่าได้

ชาคริต เห็นว่าชอบแกล้งแคทเป็นประจำ แต่ถ้าจะว่าไปในโรงเรียนนานาชาติ ก็สร้างวีรกรรม พอ ๆ กันคือซุกซนทั้งคู่

แคทจะว่าไปก็น่าแกล้งอยู่หรอกนะ iofeast

iofeast เมื่อก่อนผมก็ไม่รู้ว่าบ้านพ่อแม่น้องเค้าอยู่รามคำแหง

วันหนึ่งเพื่อนผมไอ้มนตรีเฮยไอ้ดาบ้านแคทรียาอิงลิชอยู่แถวรามนี่เองแหละ เพราะผมเองก็เคยอาศัยอยู่หลังรามเช่าหอพักศรีจินดาแมนชั่นอยู่ครับ

ช่วงนั้นน้องแคทก็เข้ามหาวิทยาลัยเอแบค (ABAC)
เรียบร้อยไปแล้ว เห็นว่าเธอทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย

เรายังให้กำลังใจน้องเค้าอยู่เสมอ
ว่าน่าตาก็น่ารัก เรียนหนังสือก็เก่ง ประสบความสำเร็จในชีวิตได้รวดเร็วที่สุดในวัยเด็ก ซึ่งเป็นแก่นความคิด

ของเราที่โตกว่าเห็นอะไรมามากในชีวิตกับประสพการณ์ เท่าที่ชีวิตนี้จะพึงหามาได้

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ไงจ๊ะตัวอย่างที่ดีของการยึดมั่นถือมั่นในกิเลสอุปทาน จะกี่ปีผ่านไปก็ละไม่ได้ถอนไม่ได้แถมไม่เบาบางลงเลยเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

๒.๘ วาทะของศาสดาสญชัย เวลัฏฐบุตร

เมื่อหม่อมฉันถามถึงสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ครูสญชัยเวลัฏฐบุตรกลับตอบส่ายไป เปรียบเหมือนเขาถามถึงมะม่วง ก็ตอบขนุนสำมะลอ หรือเขาถามถึงขนุนสำมะลอ ก็ตอบมะม่วงฉะนั้น หม่อมฉันมีความดำริว่า บรรดาสมณพราหมณ์เหล่านี้ ครูสญชัยเวลัฏฐบุตรนี้โง่กว่าเขาทั้งหมด งมงายกว่าเขาทั้งหมด เพราะเมื่อหม่อมฉันถามถึงสามัญผลที่เห็นประจักษ์ อย่างไรจึงกลับตอบส่ายไป หม่อมฉันมีความดำริว่า ไฉน คนอย่างเรา จะพึงมุ่งรุกรานสมณะหรือพราหมณ์ผู้อยู่ในราชอาณาเขต แล้วไม่ยินดี ไม่คัดค้านภาษิตของครูสญชัยเวลัฏฐบุตร ไม่พอใจ แต่ก็มิได้เปล่งวาจา แสดงความไม่พอใจ ไม่เชื่อถือ ไม่ใส่ใจถึงวาจานั้น ลุกจากที่นั่งหลีกไป (ที.สี. ๙/สามัญญผลสูตร/๙๙/๕๔-๕๖)

ท่านกลับไปกรี๊ดของแคทของท่านต่อดีกว่ามั้ยเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ๋า

OK นะคะ นะคะ

iofeast · 26 กุมภาพันธ์ 2010

เหม่ยลี่ said: ↑

<TABLE class=tborder id=post2283518 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>

</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283518 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE class=tborder id=post2283659 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>#43 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>Sriaraya5<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2283659", true); </SCRIPT>
สมาชิก

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283659 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2283722 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid"> 22-07-2009, 03:59 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>#44 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2283722 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2288286 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid"> 24-07-2009, 12:10 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>#51 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2288286", true); </SCRIPT>
สมาชิก

วันที่สมัคร: Mar 2007
สถานที่: อยู่ในใจสาวๆค่อนโลกจ้า
ข้อความ: 4,368
Groans: 302
Groaned at 14 Times in 13 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 3,240
ได้รับอนุโมทนา 16,353 ครั้ง ใน 4,895 โพส
พลังการให้คะแนน: 1230

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288286 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2288286")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=tborder id=post2288337 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid"> 24-07-2009, 12:26 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>#52 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288337 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right></TD></TR></TBODY></TABLE>สองท่านนี้ถ้าเป็นคู่รัก คู่สร้าง คู่สม เลยท่าน

สร้างเหตุ กะ สมอ้าง วี๊ดดดดวิ๊ววววว

<TABLE class=tborder id=post2288400 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid" align=right>

</TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 0px solid" width=175>

</TD><TD class=alt1 id=td_post_2288400 style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid">

</TD></TR></TBODY></TABLE>
Click to expand...

:love::love::love:
เอ่อ.....คือ....เราไม่ใช่.....นกเอี้ยงนะเจ้าคะ จุ๊บๆๆ (kiss)(kiss)(kiss)

iofeast · 28 กุมภาพันธ์ 2010

Sriaraya5 said: ↑

ผมไม่ได้รังเกียดเทพเจ้า
แม้แต่เทพเจ้าหลายองค์ สำเร็จธรรมเกินโสดาบัน

บทชุมนุนเทวดาเป็นการรับรองได้ดีที่สุด
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า รีบไปหาจิตแพทย์เช็คประสาทเถิดนะ ดูท่าคงจะเป็นโรคจิตประสาทชนิดคิดไปเองอย่างรุนแรงแล้วนะจ๊ะ ฮ่าฮ๋าฮ่า

iofeast · 28 กุมภาพันธ์ 2010

นิตยมิจฉาทิฎฐิอย่างดา ยังคิดจะเนรคุณท่านจืออาจารย์ของตนอยู่อีกเหรอ

Sriaraya5 said: ↑

ปัจจุบันข้าพเจ้ารู้จักแต่บรมครูเทพโลกอุดรท่านเป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า“ท่านสอนให้สิ้นการยึดมั่นถือมั่น”
ผีจือข้าพเจ้าไม่รู้จัก

ครั้งที่ 84
อัศจรรย์แห่งธรรมวินัย
เทียบด้วยความอัศจรรย์แห่ง
มหาสมุทร 8 ประการ

มีเรื่อง ซึ่งแสดงถึงความเป็นผู้ช่วยที่ดี และความกล้าหาญเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวของมหาโมคคัลลานะคือ คราวหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทของวิสาขามิคารมารดา ในบุพพาราม นครสาวัตถี วันอุโบสถวันหนึ่ง พระศาสดาประทับนั่งท่ามกลางภิกษุสงฆ์ เพื่อทรงแสดงโอวาทปาฎิโมกข์ แต่ทรงประทับนั่งเฉย อยู่จนล่วงปฐมยามไปแล้ว พระอานนท์ เถระได้ลุกจากอาสนะกระทำผ้าห่มเฉวียนบ่า ประคองอัญชลีกราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

'พระองค์ผู้เจริญ ราตรีล่วงไปแล้ว ปฐมยามล่วงไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งรอนานแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงทรงแสดงพระปาฏิโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด'

เมื่อพระอานนท์กราบทูลดังนี้ พระศาสดาก็ยังคงประทับนั่งเฉยอยู่ จนล่วงมัชฌิมยาม พระอานนท์ก็กราบทูล ดังนั้นอีก พระตถาคตเจ้าก็คงประทับเฉยจนล่วงปัจฉิมยาม จวนอรุณรุ่ง พระอานนท์ได้กราบทูลอีกครั้งหนึ่งพระบรมศาสดาจึงตรัสว่า

'อานนท์! ในที่ประชุมสงฆ์นี้ มีภิกษุผู้ไม่บริสุทธิ์รวมอยู่ด้วย'

เมื่อได้ฟังพระพุทธดำรัสเพียงเท่านี้ พระมหาโมคคัลลานะได้กำหนดจิตพิจารณาภิกษุสงฆ์ ซึ่งร่วมประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้น ได้เห็นภิกษุรูปหนึ่งผู้ทุศีล มีธรรมทราม มีความประพฤติไม่สะอาดน่ารังเกียจ มีการกระทำ ซึ่งปกปิดไว้ มิใช่สมณะ ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะ มิใช่พรหมจารี ปฏิญาณตนว่าเป็นพรหมจารี เป็นคนเน่าใน มีกิเลสร้าย สางได้ยากเหมือนกองหยากเยื่อ นั่งอยู่ท่ามกลางภิกษุสงฆ์

พระมหาโมคคัลลานะเข้าไปพูดกับภิกษุนั้นว่า 'ลุกขึ้นเถิดอาวุโส พระผู้มีพระภาคเจ้าเห็นท่านแล้ว' แต่ภิกษุนั้นคงนั่งเฉย พระมหาโมคคัลลานะพูด ดังนั้นถึง 3 ครั้ง ภิกษุผู้ทุศีลก็ยังคงนั่งเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่เข้าใจ

พระมหาโมคคัลลานะ ผู้เลิศทางฤทธิ์ตัดสินใจจับแขนภิกษุรูปนั้นคร่าออกไปทิ้งไว้ที่ภายนอกซุ้มประตูแล้วใส่กลอนโรงอุโบสถ แล้วกราบทูลพระศาสดาว่า

'ข้าแต่พระสุคตเจ้า! บุคคลผู้ไม่บริสุทธิ์ ข้าพระองค์คร่าออกไปแล้ว บัดนี้ภิกษุบริษัทบริสุทธิ์แล้ว ขอพระองค์จงแสดงพระปาฏิโมกข์ แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด'

พระศากยมุนีตรัสว่า 'อัศจรรย์จริง โมคคัลลานะ หนักหนาจริง โมคคัลลานะ โมฆบุรุษผู้ว่างเปล่าจากคุณธรรมนั้น ถึงกับต้องคร่าแขนกันออกไป' ดังนี้แล้วตรัสกับภิกษุทั้งหลาย ณ ที่นั้นว่า

'ภิกษุทั้งหลาย! ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจักไม่ทำอุโบสถ ไม่สวดปาฏิโมกข์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พวกเธอนั่นแหละจงทำอุโบสถ สวดปาฏิโมกข์กันเอง ภิกษุทั้งหลาย! เป็นการไม่เหมาะสม ไม่สมควรที่ตถาคตจะพึงทำอุโบสถ สวดปาฏิโมกข์ร่วมกับบริษัทผู้ไม่บริสุทธิ์'

พระศาสดาตรัสชี้แจงถึงเรื่องที่ไม่ทรงสวดปาฏิโมกข์ดังนี้แล้ว ตรัสถึงความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย 8 ประการ เทียบด้วยความอัศจรรย์แห่งมหาสมุทรดังต่อไปนี้

1. มหาสมุทรลาดลงตามลำดับ ลึกลงตามลำดับไม่โกรกชันเหมือนภูเขาขาด ฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีการศึกษา และการปฏิบัติการบรรลุผลตามลำดับ

2. น้ำในมหาสมุทรย่อมไม่ล้นฝั่ง (แม้จะมีสายน้ำจากแหล่งต่างๆ ไหลลงสู่มหาสมุทรเป็นอันมาก) ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น สาวกของเราย่อมไม่ล่วงสิกขาบทที่เราบัญญัติไว้แล้ว แม้จะต้องสูญเสียชีวิตก็ตาม

3. มหาสมุทรย่อมไม่อยู่กับซากศพ ย่อมซัดสาดซากศพขึ้นฝั่งโดยเร็ว ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น บุคคลใดทุศีล มีธรรมทราม สงฆ์ย่อมไม่ยอมอยู่ร่วมกับบุคคลเช่นนั้น ย่อมประชุมกันขับไล่เสียจากหมู่ ภิกษุผู้ทุศีลเช่นนั้นแม้อยู่ท่ามกลางสงฆ์ก็ชื่อว่าอยู่ห่างไกล แม้สงฆ์ก็ชื่อว่าห่างไกลจากบุคคลเช่นนั้น

4. มหานทีทั้งหลาย เมื่อไหลลงสู่มหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามของตน ถึง ซึ่งการนับว่า 'มหาสมุทร' ฉันใด ในธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น วรรณะทั้งหลาย อาทิ วรรณะกษัตริย์เมื่อออกบวชแล้วย่อมละนาม และโคตรเดิมของตน ถึง ซึ่งการนับว่า 'เป็นสมณศากยบุตร'เสมอเหมือนกันหมด

5. สายน้ำจากแหล่งต่างๆ ไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่เสมอ (ทั้งจากฟากฟ้า และจากพื้นดิน) แต่ความพร่องหรือความเต็มย่อมไม่ปรากฏ ฉันใด ในธรรมวินัยก็ฉันนั้น แม้จะมีภิกษุเป็นอันมาก ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุไปแล้ว แต่ความพร่องหรือความเต็ม หาปรากฏแก่นิพพานธาตุนั้นไม่

6. มหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม ฉันใด ธรรมวินัยก็ฉันนั้น มีรสเดียวคือ วิมุตติรสความหลุดพ้นจากอาสวกิเลสทั้งปวง

7. มหาสมุทรมีรัตนะเป็นอันมาก ฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น มีรัตนะคือธรรมเป็นอันมาก อันเป็นไป เพื่อความสุขความเจริญทั้งปัจจุบัน และภายหน้า

8. มหาสมุทร เป็นที่อยู่อาศัยของภูต คือสัตว์ใหญ่ๆ เป็นอันมากฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็ฉันนั้น เป็นที่อาศัยอยู่ของภูต คือบุคคลใหญ่ๆ เป็นอันมาก เช่นพระโสดาบันเป็นต้น

ภิกษุทั้งหลาย! ภูตคือสัตว์ทั้งหลายได้เห็นความมหัศจรรย์แห่งมหาสมุทร 8 ประการนี้แล้ว ย่อมอภิรมย์ต่อมหาสมุทรนั้นฉันใด ภูตคือบุคคลทั้งหลายมีพระโสดาบันเป็นต้น ได้เห็นความอัศจรรย์แห่งธรรมวินัย 8 ประการนี้แล้ว ย่อมอภิรมย์พอใจต่อธรรมวินัยนี้ ฉันนั้น

พระศาสดาทรงเปล่งพระอุทานในขณะนั้นว่า

'กิเลสย่อมครอบงำกำซาบภิกษุผู้ปกปิดอาบัติไว้ แต่ไม่ครอบงำกำซาบภิกษุผู้เปิดเผยอาบัติ เพราะฉะนั้นควรเปิดเผยอาบัติ ด้วยอาการอย่างนี้ กิเลสจักครอบงำไม่ได้'

ดูก่อนผู้แสวงสันติวรบท! ตั้งแต่บัดนั้นมา พระศาสดามิได้ทรงทำอุโบสถสวดปาฏิโมกข์ร่วมกับภิกษุทั้งหลายอีกเลย แต่ต้องเข้าใจ อย่างหนึ่งว่า พระปาฏิโมกข์ที่พระศาสดาทรงสวดนั้นหมายถึงพระโอวาทปาฏิโมกข์ไม่ใช่ภิกขุปาฏิโมกข์ โอวาทปาฏิโมกข์คือพระธรรมอันเป็นหลักสำคัญ ส่วนภิกขุปาฏิโมกข์คือพระวินัย อันเป็นหลักให้ภิกษุอยู่ร่วมกันโดยไม่รังเกียจกันในเรื่องศีลเรื่องวินัย

เติมใจให้กัน:
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า นิตยมิจฉาทิฎฐิอย่างดาห้ามสวรรค์ห้ามนิพพานอย่างเด็ดขาดแล้ว และสติเธอก็ไม่สมประกอปป่ำๆเป๋อๆ ไม่มีปัญญาจะเข้าสู่สัมมาสติได้ จึงเป็นมิจฉาสติไป และด้วยเธอมีมิจฉาสติ จะทำความเพียรให้ตายก็ไม่สามารถจะเข้าสู่สัมมาสมาธิได้จึงเป็นมิจฉาสมาธิไปด้วย เพราะเหตุนี้ถึงเธอจะได้พบพระพุทธเจ้า พระอรหันต์สาวกทั้งหลาย ได้ฟังพระธรรมจากพระองค์ จากพระอริยะสาวกทั้งหลายโดยตรง โดยพิศดารเพียงใด เธอก็ไม่มีสัมมาสติ สัมมาสมาธิในการฟังธรรมเธอจึงไม่สามารถอนุโพธะโก ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปได้เลย มรรคผลนิพพานจึงไม่มีไม่เกิดแก่ท่านในการฟังธรรมเลย เพราะฉะนั้น ท่านไปรักษาอาการทางจิตประสาทให้หายก่อนเถิดนะจ๊ะ เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ่า

เหม่ยลี่ said: ↑

ท่าน Iofeast ก้อ ถ้าท่านไม่ใช่นกเอี้ยง
ท่านเป็นไรค๊าาาา เหม่ยลี่นะ ที่แรกคิดว่าตัวเองเป็นควาย
แต่มาพิจารณาดู ควายมีแค่สองเขา แต่เขาเราแตกแยะกว่า
เราว่าเราน่าจะเป็นกวาง เพราะมีหลายเขา
แล้วท่านละ จะเป็นอย่างเหม่ยลี่ ป่าว ฮู่เร่ ฮู่เร่
Click to expand...

เหม่ยลี่ said: ↑

***Iofeast คนที่กระทู้รัก ..ฝากความคิดถึงมาให้..อิอิ***
Click to expand...

เหม่ยลี่ said: ↑

**คำพูดของพระเจ้า**
จงรักศัตรูของท่าน เหมือนรักตัวเอง**

Iofeast อยากให้ดอกไม้นะคะ ..เพราะชอบคนหน้าผี..อิอิอิ
กระทู้นี้เค้าสอนธรรม..ถ้าอยากให้บอกรัก..ต้องไปกระทู้ รัก นะจ๊ะ
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า คือเจ๊คนสวย เจ๊โช๊วโช่ว ไม่ต้องลำบาก ดอกไม้ไม่ต้องหรอกจ้า.....คือ .......จะดอกไม้ จะใบไม้ เจ๊เก็บไว้รับประทานเองเถิดนะจ๊ะ จะสองเขา จะหลายเขา ก็จะได้งอกออกมาสวยๆ ยาวเท่าๆกันนะเจ้าค่ะ จุ๊บๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่า (smile)

iofeast · 28 กุมภาพันธ์ 2010

ดาก็ยังหลงตัวเองเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย เสียแรงที่เป็นศิษย์ท่านจือจริงๆเลยนะ

Sriaraya5 said: ↑

วันที่ผมค้นพบตัวเองเห็นพระฉายพุทธเจ้าโคดม

พระฉายที่เห็นใกล้เคียงกับภาพในดวงจิตที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา‏

ผมติดนิมิตรูปพระพุทธเจ้า กับ คำว่า
จิตวิมุตติแล้ว

อยู่นานปี ในที่สุดผมก็พบความจริง
ตัวตนไม่มีเป็นอนัตตา ภาพที่เห็นข้างหน้า
เป็นภาพลวงตา
Click to expand...

<TABLE class=tborder id=post522110 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 16-03-2007, 08:16 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#
มานั่งเถียงคุณ rawiphan กันทำไมเนี่ย เค้าก็บอกอยู่แล้วว่าเค้าเป็นใครตั้งแต่ต้นกระทู้ของเขาแล้ว มาหลังๆเขาก็เลยพูดแบบให้คนคิดได้ว่าตัวเองเป็นใคร เชื่อว่าหลายคนดูออก(ดูให้ดีคุณอัญญาสิทธิ์ในสายตาคุณ rawiphan ก็คือ ลูกศิษย์ของเขา ที่เขามาเถียงกับคุณเสือเผ่นก็เพื่อปกป้องลูกศิษย์(ผู้ศรัทธาพระศรีฯ)ไง ) ขอติงว่าธรรมะเราควรเขียนจากความรู้สึกในจิตใจ แต่ถ้ายังเขียนถูกเขียนผิดเป็นปกติ เวลายกข้อธรรมะมาเหมือนหนังสือไม่ผิดสักตัวนี่เขาเรียกว่า copy มาทั้งดุ้น ดูไปดูมาเหมือนปล่อยไก่อีก อายคนอื่นเขาบ้างไหมเนี่ย มันไม่ได้มีพลังอะไรเลยสักนิด และคิดว่าไม่ได้เกิดจากปัญญาที่แตกฉานของคนระดับพระมหาโพธิสัตว์หรอก ถ้าใครจะปรามาสคุณเรื่องนี้เราถือเป็นการปกป้องศาสนาด้วยซ้ำนะ ใครอยากเถียงกันอีกก็เอานะ ไหนๆก็เข้าเนตเสียเวลามาแล้ว เอาเวลาไปโหลดธรรมะดีๆมานั่งพิจารณากันดีกว่า คำพูดนี้ไปสะเทือนใครก็ขออภัยด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE>
จักรวาลกลับเป็นศูนย์<O</O
บรรพชิต และ ฆารวาสบุคคลใดยึดพระบริยัติ เป็นครูเป็นอาจารย์จะไม่มีบรรพชิตอุบาสกอุบาสิกาสำเร็จเป็นพระอรหันต์<O</O
บรรพชิต อุบาสก อุบาสิกา ถือตนเป็นครูเป็นอาจารย์วางพระปริยัตให้เบาบางจนหมดจากสัญญาให้มากที่สุด บรรพชิต และ ฆารวาสก็จะบรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์<O</O
ออกบวชได้ ๗ วัน ในวันสำคัญทางพระศาสนาเป็นวันมาฆบูชาวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ ที่วัดวังชมพู จังหวัด เพชรบูรณ์โดยมีหลวงตามหาบัววัดป่าบ้านตาดหลวงปู่ท่อนวัดป่าศรีอภัยวัน หลวงปู่บุญเพ็งวัดถ้ำกลองเพลหลวงปู่จันทาวัดป่าเขาน้อยหลวงปู่เหรียญวัดอรัญญบรรพตมาแสดงธรรมอบรมกรรมฐานตลอดถึงการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน รุ่งขึ้นวันใหม่ ภายในโบสถ์โดยมีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ มาร่วมในการแสดงพระปาฎิโมกข์พระกฤษฎาได้แสดงอาบัติและระลึกถึงนิมิตก่อนรุ่งอรุณ ที่เทวดาเต็มท้องฟ้ามาร้องรำดีดสีตีเป่าเครื่องดนตรี โปรยข้าวตอกดอกไม้ แสดงความดีใจ ก็ยิ่งทำให้พระกฤษฎาสุขใจ นึกอยู่ในใจว่าเราควรทำจิตให้ผ่องใสและเจริญพระกรรมฐาน วิปัสสนาดูลมหายใจเข้าออกอันธรรมดา คนที่ยังไม่เคยมองดูจิตของตัวเอง ไม่เคยฝึกฝน ขัดเกลารูปลักษณ์ เปรียบเหมือนกลุ่มดวงดาวที่กระจายอยู่ในห้วงจักรวาลนักปฏิบัติธรรมจะต้องรวบรวม จิตที่แตกกระจายอยู่รอบ ๆ ตัวของเรา ให้รวมเป็นจิตหนึ่งพระกฤษฎาก็เป็นนักปฏิบัติธรรมตามทฤษฎีธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ด้วยการกำหนดรู้ดูเวทนาทางกายต่อเนื่องด้วยเวทนาในจิตพระกฤษฎาจับดูอาการที่เวทนาในกายแสดงตัวเดียวเจ็บเดียวปวดเดียวปวดแสบปวดร้อนและก็เฉย ๆ ผู้รู้พูดจาโต้ตอบในความคิดกับพระกฤษฎา ว่ากำหนดรู้ดูเวทนาในจิตยิ่งกำหนดรู้ทุกข์ก็ยิ่งแสดงตัวความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ เวทนาเพิ่มขึ้น ยิ่งอยากให้หายเจ็บหายปวดหายเมื่อยเท่าไรกับกายเป็นความร้อนที่ร้อนสูงขึ้น จนร่างที่นั่งพับเพียบของพระกฤษฎา สั่นสะท้านไปด้วยทุกข์ขเวทนา ราวกับกระดูกจะแยกชีกออกจากเนื้อ กระดูกถูกบด ร่างนั่งอยู่ในกองไฟ พระกฤษฎายังคงนั่งลืมตาดูทุกข์หูฟังเสียงพระสงฆ์แสดงพระปาฏิโมกข์ ใกล้จะจบลง มารในจิตท้าทายด่าว่าพระรูปนี้ชั่งโง่น่าสงสารมานั่งดูสิ่งไม่มีสาระ มารในจิตพยายามอ้อนว้อน ให้เลิกปฏิบัติวิปัสสนาและขู่ด้วยกริยาของคนถ่อยว่านั่งให้ตายนั่งทั้งวันท่านก็ไมทางตรัสรู้หรอก พระกฤษฎายอมหักไม่ยอมงอ ตามมารจิตกลับดุด่ามารว่าเจ้าซิตัวไร้สาระใช้การอะไรไม่ได้เลย และพระกฤษฎาก็รวบรวมความกล้าอธิษฐานเอาบารมีความเพียรแบบสู้ตาย หากแม้ว่าพระปาฏิโมกข์ยังไม่แสดงจบลง เราพระกฤษฎาจะไม่สับเปลี่ยนอริยาบถถ้าเปลี่ยนอริยบถขอให้ตกนรกหมกไหม้อย่าได้ผุดอย่าได้เกิดกันเลย ๑ ช.ม. กว่า พระยังคงส่งกระแสจิตไปตามทำนองพระปาฏิโมกข์ ในอาการสำรวม แต่กำหนดรู้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวตนบุคลเขาเราเกิดขึ้นอยู่ตั้งอยู่ดับไป อนุโลมกลับไปกลับมา อยู่ ๆ จิตที่แสดงตัวว่าร้อนรุ่มวุ่นวายก็สงบตัวลงความร้อนในจิตใจ กลับกลายเป็นความเย็นที่ลดลง น้ำตาไหลรินอาบแก้มพระกฤษฎา เกิดสงสารคนไปทั้งโลกอยากให้เค้ามาเห็นทางพ้นทุกข์อย่างเรา บริเวณปริมณฑลนั้นมีละอองธรรมที่ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกและเกิดพลังจากภายนอก พลังมหาศาลดึงจิตให้หลุดออกจากร่างกาย พ้นจากแรงดึงดูดของโลกเกิดรังสีแสงทิพย์สีขาว สว่างทลุขึ้นไปทุกชั้นฟ้า ที่สุดถึงพรหม และพระนิพพาน จิตพูดว่าจิตวิมุตติแล้ว จิตวิมุตติแล้ว (จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว จิตหลุดพ้นแล้ว ) รูปลักษณ์ภาพที่ปรากฎฉายอยู่ตรงหน้าพระกฤษฎา คือพระพุทธสมณะโคดมผู้ไปดีแล้วนั่งอยู่บนอาสนะดอกบัวทิพย์ พร้อมกับทรงยิ้ม และทรงตรัสธรรมจิตที่บริสุทธิ์ว่าพระพุทธเจ้า....พระธรรม...พระสงฆ์เกิดขึ้นมานานแล้ว...... อีกคุณบิดามารดา.....ถ้าใครให้เราสึกเรายอมตาย พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจันทร์เพ็ญ สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา เมื่อธรรมได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโสดาบัน อนาคามี อรหันตผล มีศีลอันสงบแล้วมีพุทธคุณอันแผ่ซ่าน มีนามพุทธะคุณว่า พระพุทธศรีอริยเมตไตรอันข้าพเจ้าได้มาตรัสรู้แล้วในภัททกัปป์ ทรงพระสัพพัญญูพุทธเจ้าไว้ ๕ พระองค์ นับแต่ออกก้าวเดินก็ล้มลุกคุกคานมาตลอด ค้นคว้าหาแนวทางตรัสรู้ใหม่ เดิมทีเกิดในสกุลฆราวาสธรรมดาตระกูล กองทรง รู้เห็นเรื่องราวพระพุทธประวัติ เกิดเลื่อมใสคิดตามเรียนแบบพระองค์ ทิ้งการเรียน ทิ้งครอบครัวพ่อแม่ ออกบวชหวังสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าศรีอริยเมตไตรเมื่อตรัสรู้แจ้งแล้วก็รู้ว่าประเพณีวัฒนธรรม ยุคหนึ่งสมัยหนึ่งก็ใช้ได้ในยุคนั้นจะนำมาใช้หรือลอกเลียนแบบทั้งหมดไม่เกิดประโยชน์เสียเวลาตายทิ้งเสียเปล่า คำว่าพระไม่ได้มีแค่ผู้นุ่งห่มผ้าเหลืองเท่านั้นสกุลชาวบ้านธรรมดา ก็เป็นพระได้ พระเป็นที่จิต จิตที่เป็นหนึ่งเท่านั้น ผ้าเหลืองป็นเพียงแค่สัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นนักบวชลัทธินั้น คณะนี้ สาวกพระศาสดาองค์นี้เท่านั้น เรื่องของจิตของใจคนทุกคนต้องปฏิบัติเองเป็นเรื่องรีบด่วนก่อนที่จะตาย จะให้พระศาสดาทำแทนกันไม่ได้ เมื่อรู้ความจริงที่เปิดออกก็ไม่ต้องแบกร่างและโครงกระดูก หัวสมองก็โปร่งใส ร่างกายก็มีสภาพไร้น้ำหนัก ด้วยสัญญา ตัณหาอุปทาน ก็เท่ากับได้ลาจากความโง่ ออกเที่ยวโปรดสัตว์ ในสกุลชาวบ้านธรรมดาไม่คิดสะสมพรรษา คำว่าตรัสรู้ก็คือการที่มารู้แจ้งเรื่องที่พ้นสมัยของ พระศาสดาในอดีตหรือพูดง่าย ๆ ก็คือมารู้เรื่องที่พระพุทธเจ้าและสาวกซ่อนเพชรซ่อนพลอยเอาไว้ หลังพุทธปรินิพพาน <O</O
หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้เปลี่ยนชื่อแซ่เป็น นาย รวิพันธุ์ กองทรงวิศิษฐ์<O</O
การกินเจ...............การกินเนื้อ สังขารเป็นผู้กิน พระนิพพานไม่ได้มากินด้วย ความว่างไม่สามารถกลืนกินความว่างได้ต้องเป็นสิ่งเดียวกันเท่านั้น<O</O
รวิพันธุ์ กองทรงวิศิษฐ์ เป็นผู้แต่งจากชีวิตจริง ๆ <O</O

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า เอาให้แน่ๆซิท่าน เดี๋ยวก็พูดอย่าง เดี๋ยวก็พูดอีกอย่าง ฮ่าฮ่าฮ่า

ฮ่าฮ่าฮ่า เลิกบ้าเถิดนะ นั่งสมาธิแล้วปิติเกิดก็ถึกทักเอาว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ นี้มันอาการนึงของปิติเท่านั้น ที่สำคัญหากท่านเจริญสติให้มาก ทำความเพียรให้มากจนสติมีกำลังแล้ว เป็น"สติ" ในความหมายของครูบาอาจารย์แล้ว ท่านก็คงจะไม่เพ้อเจ้อ ไม่หลงตัวเองไปไกลขนาดนี้หรอกนะ นี่ก็เห็นได้ชัดแล้วว่า สัมมาสติไม่เกิด ไม่ได้มีเลยในท่าน อันไหนจริง อันไหนเท็จ อันไหนเป็นโรคจิตประสาทชนิดคิดไปเองอย่างรุนแรง ท่านไม่สามารถแยกแยะได้เลย เพราะท่านไม่ได้มี"สติ"ที่มีกำลังแล้ว ที่พอจะใช้การได้แล้ว เป็นตัววัดเลย ซ้ำยังไม่มีสัมปชัญญะ จึงหลงอยู่แต่ในโลกแห่งจิตนาการที่จิตตนปรุงแต่งขึ้นมา ..................ท่านไม่ได้ตรัสรู้ ไม่ได้บรรลุธรรม ไม่ได้รู้ทันพุทธวิสัย ไม่ใช่พระศรีฯหรอก .............อย่าหลงอีกเลย ฮ่าฮ่าฮ่า

Sriaraya5 · 28 กุมภาพันธ์ 2010

iofeast<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3027946", true); </SCRIPT>
สมาชิก

สติแตกชอบพูดคนเดียวอยู่เรื่อย
อยากให้รู้ว่าฝ่ายธรรมะเจ๋งแค่ไหน

Sriaraya5 · 1 มีนาคม 2010

สุระศักดิ์(จือ)iofeast ผู้เบียดเบียนผู้อื่นไม่ขึ้นชื่อว่าสมณะเลย

ผู้ทำร้ายผู้อื่น ผู้เบียดเบียนผู้อื่น
ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะเลย

การไม่ทำบาปทั้งสิ้น
การยังกุศลให้ถึงพร้อม
การทำจิตของตนให้ผ่องใส
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

การไม่กล่าวร้าย ๑
การไม่ทำร้าย ๑
ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑
การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
หกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

iofeastผู้รักตน ไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเปล่งพระอุทาน*นี้ว่า
“ใคร ๆ ตรวจตราด้วยจิตทั่วทุกทิศแล้ว หาได้พบ
ผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหน ๆ ไม่เลย, สัตว์เหล่าอื่น
ก็รักตนมาก เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้รักตน
จึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น”
(จาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน ราชสูตร)

การเบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยการประทุษร้าย โดยประการต่าง ๆ หรือ แม้แต่การเบียดเบียนกันด้วยวาจา ด้วยคำพูด อย่างเช่น คำพูดที่พูดไปแล้วทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ รวมไปถึงคำพูดที่เป็นการเหน็บแนม เสียดสี เป็นต้น ก็ไม่ควรโดยประการ ทั้งปวง ดังนั้น พึงเป็นผู้ใคร่ครวญด้วยปัญญา เห็นว่า สิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางวาจา ตนเองไม่ชอบฉันใด คนอื่นก็ย่อมจะเป็นฉันนั้น (คือไม่ชอบเช่นเดียวกัน) แล้วละสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นเสีย ไม่พึงเบียดเบียนกันด้วยกายและด้วยวาจา เพราะเหตุว่ามีสิ่งควรทำ ที่ควรพูดอีกมากมายซึ่งเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ก็ควรจะทำ จะพูดแต่สิ่งทีดี เท่านั้น ถ้าเป็นผู้รักตนจริง ๆ แล้ว ก็จะต้องเป็นคนดี ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ผู้ที่ทำความดี ละทุจริตประการต่าง ๆ ชื่อว่า ผู้รักตน, ผู้ที่ทำชั่ว ประกอบทุจริตกรรมประการต่าง ๆ ไม่ได้ทำความดีเลย ย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ไม่รักตน ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบุคคลผู้รักตนเท่านั้น ไม่ควรเป็นบุคคลผู้ไม่รักตน.

หมายเหตุ พระอุทาน หมายถึง คำเปล่ง ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งด้วยโสมนัสญาณ

iofeast · 1 มีนาคม 2010

Sriaraya5 said: ↑

สุระศักดิ์(จือ)iofeast ผู้เบียดเบียนผู้อื่นไม่ขึ้นชื่อว่าสมณะเลย

ผู้ทำร้ายผู้อื่น ผู้เบียดเบียนผู้อื่น
ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ไม่ชื่อว่าเป็น สมณะเลย

การไม่ทำบาปทั้งสิ้น
การยังกุศลให้ถึงพร้อม
การทำจิตของตนให้ผ่องใส
นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

การไม่กล่าวร้าย ๑
การไม่ทำร้าย ๑
ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑
ความเป็นผู้รู้ประมาณในภัตตาหาร ๑
ที่นอนที่นั่งอันสงัด ๑
การประกอบความเพียรในอธิจิต ๑
หกอย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

iofeastผู้รักตน ไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น

พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเปล่งพระอุทาน*นี้ว่า
“ใคร ๆ ตรวจตราด้วยจิตทั่วทุกทิศแล้ว หาได้พบ
ผู้เป็นที่รักยิ่งกว่าตนในที่ไหน ๆ ไม่เลย, สัตว์เหล่าอื่น
ก็รักตนมาก เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ผู้รักตน
จึงไม่ควรเบียดเบียนผู้อื่น”
(จาก...พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน ราชสูตร)

การเบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะด้วยกาย ด้วยการประทุษร้าย โดยประการต่าง ๆ หรือ แม้แต่การเบียดเบียนกันด้วยวาจา ด้วยคำพูด อย่างเช่น คำพูดที่พูดไปแล้วทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ รวมไปถึงคำพูดที่เป็นการเหน็บแนม เสียดสี เป็นต้น ก็ไม่ควรโดยประการ ทั้งปวง ดังนั้น พึงเป็นผู้ใคร่ครวญด้วยปัญญา เห็นว่า สิ่งที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางวาจา ตนเองไม่ชอบฉันใด คนอื่นก็ย่อมจะเป็นฉันนั้น (คือไม่ชอบเช่นเดียวกัน) แล้วละสิ่งที่ไม่ดีเหล่านั้นเสีย ไม่พึงเบียดเบียนกันด้วยกายและด้วยวาจา เพราะเหตุว่ามีสิ่งควรทำ ที่ควรพูดอีกมากมายซึ่งเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ ก็ควรจะทำ จะพูดแต่สิ่งทีดี เท่านั้น ถ้าเป็นผู้รักตนจริง ๆ แล้ว ก็จะต้องเป็นคนดี ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ผู้ที่ทำความดี ละทุจริตประการต่าง ๆ ชื่อว่า ผู้รักตน, ผู้ที่ทำชั่ว ประกอบทุจริตกรรมประการต่าง ๆ ไม่ได้ทำความดีเลย ย่อมได้ชื่อว่า เป็นผู้ไม่รักตน ควรอย่างยิ่งที่จะเป็นบุคคลผู้รักตนเท่านั้น ไม่ควรเป็นบุคคลผู้ไม่รักตน.

หมายเหตุ พระอุทาน หมายถึง คำเปล่ง ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งด้วยโสมนัสญาณ
Click to expand...

ดาศิษย์ท่านจือ
แฟนคลับน้องแคทตัวยง
ตามกร๊ดกระทั่งไม่มีเวลาไปหาหมอเช็คประสาท

สติไม่สมประกอปตามกรี๊ดน้องแคทไม่เลิกราแบบโรคจิตชัดๆ หลอนสุดๆ

ในสมัยที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศพระศาสนานั้น ได้มีเจ้าลัทธิที่มีชื่อเสียงอยู่ ๖ คน คือ
ปูรณะ กัสสปะ,มักขลิ โคสาละ,อชิตะ เกสกัมพละ,ปกุธะ กัจจายนะ,สัญชัย เวลัฏฐบุตร และนิครนถะ นาฏบุตร
ซึ่งแต่ละลัทธิมีหลักคำสอนที่แตกต่างโดยเฉพาะเรื่องกรรม

ท่านปูรณะ กัสสปะ
เป็นอกิริยวาที มีหลักคำสอนว่า ไม่มีบุญ ไม่มีบาป ไม่ว่าจะทำกรรมดี หรือกรรมชั่วอย่างไรก็ไม่จัดว่า
เป็นบุญ
หรือเป็นบาป ผู้ทำไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง

ท่านมักขลิโคศาล
เป็นอิสสรกรณวาที เชื่อในเทพเจ้า ผู้มีอำนาจเหนือธรรมชาติ มีหลักคำสอนว่า มีหลักคำสอนอยู่ว่า
สุข ทุกข์ ความสำเร็จ หรือล้มเหลวของมนุษย์เกิดขึ้นตามอำนาจบงการของเทพเจ้า

ท่านอชิตะ เกสกัมพล
เป็นอุจเฉทวาที สอนแบบวัตถุนิยม ที่ปฏิเสธคุณประโยชน์ของการให้ทาน การบูชาเซนสรวง
ไม่เชื่อเรื่องโลกหน้า ผลบุญ เป็นต้น สรุปว่า ทั้งคนโง่และคนฉลาดต่างดับสูญจากการตายจากชีวิตนี้แล้ว

ท่านปกุธะ กัจจายนะ
เป็นนิจจวาที มีการสอนแบบวัตถุนิยมอย่างหนึ่ง มีทัศนะว่า
สภาวะ ๓ อย่างคือ ธาตุทั้ง ๔ สุข ทุกข์ และชีวะ เที่ยงแท้ ยั่งยืน แน่นอนไม่หวั่นไหวไม่แปรปรวน
ดังนั้น แม้การทำร้ายกันด้วยอาวุธถึงตายก็ไม่จัดว่ามีการฆ่ากัน ถือว่า
เป็นการทำให้สภาวะเหล่านั้นแยกหรือกระจายเท่านั้น

สัญชัย เวลัฏฐบุตร
เป็นอมราวิกเปขวาที ไม่มีหลักคำสอนที่แน่นอนแต่เก่งในเชิงวาทะศิลป์สามารถพูดลื่นหลบไปมาให้พ้นภัย
ได้เหมือนปลาไหลที่ลื่นจับได้ยาก เช่นคำสอนว่า ไม่มีใครพิสูจน์ได้ในเรื่องชีวิตในปรโลก
ความรับผิดชอบทางศีลธรรมและคุณค่าทางจริยธรรม

ท่านนิครนถะ นาฏบุตร
เป็นสังวรวาที จัดเข้าในพวกอุดมคตินิยม สอนเรื่องสังวร ๔ ประการ ที่ปรากฏในบาลีสามัญญผลสูตร คือ
ห้ามน้ำทั้งปวง ประกอบด้วยน้ำทั้งปวง กำจัดด้วยน้ำทั้งปวง และประพรมด้วยน้ำทั้งปวง
ท่านผู้นี้คือ มหาวีระศาสดาของศาสนาเชน ซึ่งมี ศาสนิกอยู่มากในอินเดียปัจจุบัน

จะเห็นได้ชัดว่ามีเจ้าลัทธิ ๓ คน ที่ปฏิเสธเรื่องกรรมและผลแห่งกรรมไว้ชัดเจน
ท่านที่ ๑ คือท่านปูรณะ กัสสปะ มีหลักคำสอนอยู่ว่า"เมื่อกระทำบาปเอง
ผู้ทำจะได้ชื่อว่ากระทำบาปก็หาไม่
เมื่อใช้ให้ผู้อื่นกระทำบาปผู้ใช้จะชื่อว่ากระทำบาปก็หาไม่" ปฏิเสธกรรม เป็นอกิริยทิฐิ คือไม่มีบุญ
ไม่มีบาป
ไม่ว่าจะกรรมดี หรือกรรมชั่ว ก็ไม่จัดว่าเป็นบุญ หรือเป็นบาป ผู้ทำไม่ต้องรับผิดชอบ

OK นะคะ นะคะ

iofeast · 1 มีนาคม 2010

<TABLE class=tborder id=post522257 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 16-03-2007, 10:58 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1774 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>rawiphan

บุคคลทั่วไป

ข้อความ: n/a

</TD><TD class=alt1 id=td_post_522257 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>ไม่ผิดมีพระศรีอาริเทียมเท็จมาขี้ใส่เว็ปพลังจิต ทำให้พระศรีแท้จริงได้รับความเสื่อมเสี

</CENTER>

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>อ้างอิง:

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Jubb

อ้างอิงนะครับ

"พระกฤษฎาเข้าใจในเวลานี้เองว่า อยู่ด้วยกันมากรูปก็เท่ากับอยู่รูปเดียว อาคารสิ่งก่อสร้างไม่ปรากฏรูปลักษณ์ รูปเรารูปเค้าไม่มีตัวตนอยู่จริง ดวงจิตบริสุทธิ์ลอยเด่นกลางจันทร์เพ็ญ สมจริงที่ว่าผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา เมื่อธรรมได้เกิดขึ้นแล้วกับพระกฤษฎาก็บรรลุพระโสดาบัน อนาคามี อรหันตผล มีศีลอันสงบแล้วมีพุทธคุณอันแผ่ซ่าน มีนามพุทธะคุณว่า พระพุทธศรีอริยเมตไตรอันข้าพเจ้าได้มาตรัสรู้แล้วในภัททกัปป์ ทรงพระสัพพัญญูพุทธเจ้าไว้ ๕ พระองค์ "

หมายความว่าคุณ รวิพันธ์เป็นพระพุทธเจ้าหรือครับ? คือผมอ่านแล้วเข้าใจว่าอย่างนั้น

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ง่ายๆ พระกฤษฎา รวิพันธุ์ กับ พระศรีอาริย์ เป็นองค์เดียวกันจึงมีความเป็นอันเดียวกัน

ต่างกันตรงที่พระกฤษฎา รวิพันธุ์ เป็นพระอรหันต์ที่มีเลือดเนื้อคือ กายที่ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ของพระพุทธเจ้า คือความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนมนุษย์ทั่วไปไม่ต้องสงสัย ดังนั้นบุคคลธรรมดารับรู้อารมณ์อย่างไร พระอรหันต์ก็ย่อมจะต้องรับรู้อารมณ์อย่างนั้นและการรับรู้อารมณ์ของท่านน่าจะเป็นไปด้วยดี ยิ่งเสียกว่าคนธรรมดาสามัญด้วยซ้ำ ดังนี้ การกล่าวหาว่าพระอรหันต์ไม่รับรู้อะไร ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวอะไรทั้งนั้น จึงไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน

ส่วนพระศรีอาริย์ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD class=j>คือกายที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ซึ่งไม่มีการแตกดับ อยู่ในสภาวะที่เป็นทิพย์ อยู่ชั่วนิรันดร์กาล มีลักษณะเป็นทิพยภาวะรุ่งเรืองแผ่ซ่านปรากฏแก่พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า ศรีธัญญาไปทางไหนใครก็ได้ช่วยสงเคราะห์คนบ้าด้วยจร้า พี่น้องเอ๋ย ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 1 มีนาคม 2010

ฮ่าฮ่าฮ่า 555 ห้าห้าห้า เอิ๊กๆๆๆๆ กร๊ากๆๆๆๆๆๆ

Sriaraya5 said: ↑

เรื่องนี้ก็แปลกอยู่ครับ
ทางวัดนกส่งเหรียญพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ชุบทอง ที่หลวงปู่หงษ์นั่งปรกอธิษฐานจิต มาที่บ้านผม วัตถุประสงค์มอบให้กับผู้ทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์วัดนกใหม่

ผมก็เอาพระศรีอริยเมตไตรยศาสดาไปเลี่ยมห้อยคอ

ช่วงเย็นแล้ว ผมก็ออกไปนั่งเล่นม้านั่งหน้าบ้าน
ท่านมาในรูปของคนจนเข็นใจผมก็อดสงสารไม่ได้

หาข้าวน้ำให้กินก็ไม่เอาเอาเงินให้ไปกินข้าวก็ไม่เอา
ผมก็เลยชวนสร้างกุศลจะโยเรให้ คนจนเข็นใจก็ปฏิเสธ และก็บอกผมได้ยินเต็มสองรูหูคุณบารมีไม่เท่าผมหรอก ผมซิต้องช่วยคุณ ไม่ใช่คุณมาช่วยผม

จากนั้นเป็นว่าสนทนาธรรมะกันจนผมบอกความตั้งใจที่เก็บมานาน
ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยากไปสร้างเมืองศาสนาในดินแดนตะวันตก

คนจนเข็นใจแสดงความรู้ พยากรณ์ออกมาสด ๆ คุณจะได้ไปอยู่ต่างประเทศแต่ให้หาดอกไม้สีแดงห้าคู่ไปไหว้พระพุทธรูป

แล้วเมื่อคุณได้ไปแล้วจะไปประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีคนทำได้สำเร็จมาก่อน และจะมีชื่อเสียงในต่างประเทศ ผู้คนจะนับหน้าถือตาคุณ

จากนั้นเมื่อกลับมาบ้านเกิดจะเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่ว คนจะให้การยอมรับผมก็รู้สึกสึกว่าท่านนี้ต้องไม่ธรรมดา เมื่อท่านให้พรผมก็รับอย่างว่านอนสอนง่ายเมื่อคนจนเข็นใจเดินไปก็ทักคนนั้นคนนี้ เป็นลักษณะบุคคล

นี้รูปลักษณ์ภายนอกไม่น่าจะป๊อปปูล่าจนรู้จักคนไปทั่ว ผมเป็นลูกเกิดที่ตำบลหนองไผ่ นี้ผมเองยังไม่รู้จักคนเท่าเค้า ลับตาคนจนเข็นใจไปแล้วผมก็ไปถามว่า

ที่เห็นยืนคุยกันกับตาคนเมื่อกี้นี้เค้าเป็นคนหมู่บ้านเราหรือ เค้าก็บอกไม่ใช่ผมก็ย้อนว่าแล้วทำไม่เค้ารู้จักคนบ้านเราไปทั่ว นั่นก็คือสิ่งที่ผมได้พบมากับตัวเอง

ผมก็นำสิ่งที่ท่านแนะนำ ไปถือปฏิบัติอย่างไม่ถืออคติกับคนจนเข็นใจ
ที่มาให้พรล้วนแล้วแต่เป็นมงคลอันประเสริฐกับตนเองทั้งสิ้นสินะสาธุสาธุสาธุ

Click to expand...


<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
<TABLE class=tborder id=post554671 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> 22-04-2007, 08:15 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#

แอบอนุโมทนา ทำไมต้องแอบด้วย

เรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำพบพระเยซู คุณรู้ดีหรือยังว่าหลวงพ่อได้สนทนาอะไร

อย่ามาพูดมั่วไม่ได้นะ

สุดท้ายคุณก็จะบอกว่าคุณรู้กว่าคนอื่นรู้มากกว่าครูบาอาจารย์ของคนทั้งหลาย

ลืมไปคุณรู้ทันพุทธวิสัยแล้วหนิแสดงว่า คุณก็ว่าตัวเองบ้าแล้ว

</TD></TR></TBODY></TABLE>

(นี่แน่ะ เราจะแอบย่องมาเหมือนขโมย ผู้ที่ตื่นอยู่และรักษาเสื้อผ้าของตนไว้อย่างดีจะเป็นสุข เพราะว่าเขาไม่ต้องเดินเปลือยกายให้คนทั้งหลายเห็น)

</TD></TR></TBODY></TABLE>[/LEFT]

[/LEFT]

ฮ่าฮ่าฮ่า โรคจิตชัดๆ ขำจนน้ำลายกระเด็นติดหน้าจอเต็มไปหมดแล้วเจ้าค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 1 มีนาคม 2010

คนบ้าศิษย์ท่านจือเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย

Sriaraya5 said: ↑

หลวงปู่พระบรมครูพระธรรมเทพโลกอุดรนั้นมีทั้งหมด 36รูป

<HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>เรื่องนี้ก็แปลกอยู่ครับ
ทางวัดนกส่งเหรียญพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ชุบทอง ที่หลวงปู่หงษ์นั่งปรกอธิษฐานจิต มาที่บ้านผม วัตถุประสงค์มอบให้กับผู้ทำบุญสร้างพระมหาเจดีย์วัดนกใหม่

ผมก็เอาพระศรีอริยเมตไตรยศาสดาไปเลี่ยมห้อยคอ

ช่วงเย็นแล้ว ผมก็ออกไปนั่งเล่นม้านั่งหน้าบ้าน
ท่านมาในรูปของคนจนเข็นใจผมก็อดสงสารไม่ได้

หาข้าวน้ำให้กินก็ไม่เอาเอาเงินให้ไปกินข้าวก็ไม่เอา
ผมก็เลยชวนสร้างกุศลจะโยเรให้ คนจนเข็นใจก็ปฏิเสธ และก็บอกผมได้ยินเต็มสองรูหูคุณบารมีไม่เท่าผมหรอก ผมซิต้องช่วยคุณ ไม่ใช่คุณมาช่วยผม

จากนั้นเป็นว่าสนทนาธรรมะกันจนผมบอกความตั้งใจที่เก็บมานาน
ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าอยากไปสร้างเมืองศาสนาในดินแดนตะวันตก

คนจนเข็นใจแสดงความรู้ พยากรณ์ออกมาสด ๆ คุณจะได้ไปอยู่ต่างประเทศแต่ให้หาดอกไม้สีแดงห้าคู่ไปไหว้พระพุทธรูป

แล้วเมื่อคุณได้ไปแล้วจะไปประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีคนทำได้สำเร็จมาก่อน และจะมีชื่อเสียงในต่างประเทศ ผู้คนจะนับหน้าถือตาคุณ

จากนั้นเมื่อกลับมาบ้านเกิดจะเป็นคนมีชื่อเสียงไปทั่ว คนจะให้การยอมรับผมก็รู้สึกสึกว่าท่านนี้ต้องไม่ธรรมดา เมื่อท่านให้พรผมก็รับอย่างว่านอนสอนง่ายเมื่อคนจนเข็นใจเดินไปก็ทักคนนั้นคนนี้ เป็นลักษณะบุคคล

นี้รูปลักษณ์ภายนอกไม่น่าจะป๊อปปูล่าจนรู้จักคนไปทั่ว ผมเป็นลูกเกิดที่ตำบลหนองไผ่ นี้ผมเองยังไม่รู้จักคนเท่าเค้า ลับตาคนจนเข็นใจไปแล้วผมก็ไปถามว่า

ที่เห็นยืนคุยกันกับตาคนเมื่อกี้นี้เค้าเป็นคนหมู่บ้านเราหรือ เค้าก็บอกไม่ใช่ผมก็ย้อนว่าแล้วทำไม่เค้ารู้จักคนบ้านเราไปทั่ว นั่นก็คือสิ่งที่ผมได้พบมากับตัวเอง

ผมก็นำสิ่งที่ท่านแนะนำ ไปถือปฏิบัติอย่างไม่ถืออคติกับคนจนเข็นใจ
ที่มาให้พรล้วนแล้วแต่เป็นมงคลอันประเสริฐกับตนเองทั้งสิ้นสินะสาธุสาธุสาธุอนุโมทนาอย่างยิ่ง


Click to expand...

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ rawiphan
ผมว่านะเซียนตากลับ ยังหน้ารักกว่าคุณจริงนะ
บ้างกระทู้ผมก็ ยังแอบอนุโมทนากับคุณ
ส่วนเรื่องพระเยซู ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำไปพบอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต ผมก็รู้มานานแล้ว แล้วหลวงพ่อฤาษีลิงดำไม่ได้พวกคุณหรอ ว่าชาติสุดท้าย
พระเยซูจะกลับมาเกิดใหม่ และก็จะตรัสรู้เป็นพระศรีอริยเมตไตร มันเป็นเรื่องของพุทธวิสัย เกินกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำจะรู้ขืนคิดอยากจะรู้เท่าทันพระพุทธเจ้า เราก็บ้า พราะว่าเรารู้ไม่ได้

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ฮ่าฮ่าฮ่า ฮากระจาย ฮ่าฮ่าฮ่า
ป.ล. ก่อนจะเป็นพระศรีฯก็ดี ตรัสรู้ก็ดี บรรลุธรรมก็ดี รู้ว่าพระเยซูจะเป็นไรก็ดี เราว่าท่านไปหัดเขียนหนังสือให้มันถูกก่อนดีกว่ามั้ยจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 1 มีนาคม 2010

ดาศิษย์ท่านจือ ก็ยังจะแอบอ้างหลวงปู่ฯท่าน เลิกบ้าเถิดนะ

Sriaraya5 said: ↑

ศิษย์ได้ดีแล้วไม่ลืมครู

เอาพวงมาลัยมากราบแทบเท้าพระครูเทพโลกอุดร คุรุของเรา

เมื่อวางตัวตนจึงพ้นภัยในวัฏฏะ

นับจากวันนี้ ขอภูมิปัญญาจากท่านพระครูเทพโลกอุดร มาตั้งไว้ในใจ ตราบเท่าดับขันธปรินิพพาน
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า ได้ดีแล้วไม่ลืมครูจริงท่านก็ควรเอามาลัยไปกราบท่านจือ อาจารย์ที่แท้จริงของท่านเถิดนะจ๊ะ อย่าซี้ซั้วแอบอ้างอีกเลย ที่สำคัญ ท่านตรัสรู้แล้วไม่ใช่เร้อ บรรลุธรรมแล้ว รู้ทันพุทธวิสัยแล้ว เป็นพระศรีฯอีกตะหากไม่ใช่เร้อ แล้วยังจะขอภูมิปัญญาจากหลวงปู่ท่านอีกนะ........สับสนทางจิตก็ไปให้หมอเอาไฟฟ้าช็อตบ้างเถิดนะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 9 มีนาคม 2010

ดาก็ยังมั่วไปเรื่อยเปื่อย เลี่ยงที่จะตอบแบบตรงไปตรงมาเพราะไม่รู้จริงอยู่ดีอ่ะนะ

buschannarong said: ↑

ช่วยบอกวิธีที่ทำให้จิตสงบเร็วๆหน่อยครับ
Click to expand...

Sriaraya5 said: ↑

อย่าไปสนใจคำภาวนา พุท และ โธ
ละลมหายใจ เท่านี้จิตก็จะสงบ

ขอให้คุณจำไว้ว่า การดึงลมหายใจเข้าหายใจออก
เป็นแค่อุบายล่อให้จิตสงบ เมื่อจิตสงบแล้วลมก็ไม่ต้องใช้

ถ้ายังใช้ก็ขึ้นชื่อว่า ยังไม่สงบ เพราะลมทำให้จิตไหว
จิตเลยไม่นิ่ง เมื่อจิตไม่นิ่ง จิตจะสงบได้ยังไงละครับ

เจริญสุขๆ อนุโมทนา
Click to expand...

ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้มั่ว ท่านจะมั่วไปถึงไหนกัน ตอบก็ไม่ตรงคำถาม พยายามเลี่ยงตลอด ประหนึ่งอ่านภาษาไทยออกแต่ไม่รู้ความหมายของภาษารวมภึงบริบทของมัน ...............................เมื่อจิตสงบแล้ว รวมแล้ว มันก็หยุดภวนาไปโดยธรรมชาติของมันเองเฟ้ย เมื่อเชี่ยวชาญแล้ว เพียงแค่กำหนดลมหายใจ จิตก็รวมลงเป็นสมาธิเกือบจะทันที เข้าใจ๋ ..........แต่ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นมันต้องอาศัยอุบายต่างๆ มีกำหนดลมหายใจ บริกรรม ฯลฯ เป็นต้น ที่ถูกกับจริตคนนั้นๆ ที่สำคัญคือความเพียร ที่จะทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ อย่างไม่ย่อท้อ ในความเป็นจริงหากนักภวนาสามารถประครองอารมณ์สมาธิไปด้วยในระหว่างวัน ในการทำกิจวัตรต่างๆ โทรทัศน์ก็ดี สิ่งบันเบิงเริงใจก็ดี ชม ทำให้มันน้อยๆหน่อย ทำได้เช่นนี้ ไม่นานก็จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เข้าใจ๋
การบริกรรมพุทธโธก็ดี ฯลฯ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำสมาธิอย่างยิ่ง ด้วยธรรมชาติของจิต ย่อมต้องสอดส่ายไปเรื่อยเปื่อย หากไม่มีสิ่งใด อุบายใด ยึดไว้ให้จรดจ่อที่จุดเดียว จนแนบแน่นเป็นอารมณ์เดียว เช่น บริกรรมเป็นต้น ก็ยากที่จิตจะสงบลงได้ ส่วนประกอปที่สำคัญก็คือความเพียร เข้าใจ๋
คนบ้า ที่ดีแต่ลอก แต่ก๊อป บทความต่างๆ โดยไม่เคยลงมือปฎิบัติจนเห็นผล มันจะไปรู้อะไร ฮ่าฮ่าฮ่า

ป.ล.1 ท่านไปกรี๊ดน้องแคท ไปทำตะกรุดหลอกขายชาวบ้านอันละ500ต่อเถิดนะ ฮ่าฮ่าฮ่า
ป.ล.2 ท่านไปแก้สัญญาวิปลาสให้หายเป็นปกติก่อนเถิดนะจ๊ะ ฮ่าฮ่าฮ่า

iofeast · 9 มีนาคม 2010

ฮ่าฮ่าฮ่า ใครก็ตามที่ไม่ได้รับรู้ทั้งบริบทของเรื่องนั้นๆ จะด้วยเพราะโง่ ปัญญาไม่ถึง ปัญญามีจำกัด แต่คันปากอยากแสดงความคิดเห็นโง่ๆ แถมยังทะเล่อทะล่า แสดงความโง่ออกมา ด้วยคำพูด คำถามโง่ๆ มาพาดพิงข้าฯ ก็ควรกลับไปอ่านติดตามเรื่องราวทั้งบริบทของมัน พินิจ พิเคราะห์ให้ดี ด้วยไม่มีอะไรที่จะตรงกว่าคำถามที่หมายความว่าอย่างนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย เป็นเรื่องที่ผู้ที่เข้าถึงแล้ว(จริง)สามารถตอบได้ในทันที ไม่ต้องลอกจากที่ไหนเลย กรุณาใช้สมองที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เป็นประโยชน์ซะที หากยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็โปรดเข้าใจด้วยว่า โง่ก็ไปอยู่ส่วนโง่ กรุณาอย่ามาพาดพิง อย่ามาวางฟอร์มกับข้าฯ เสล่อไม่เข้าเรื่องจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า
และ เราก็ไม่ได้สงสัยในตัวตาบ๊อง แต่ไม่เคยเชื่อเลยว่า ตาบ๊องตนนี้จะ บรรลุธรรมแล้ว ตรัสรู้แล้ว เป็นพระศรีฯ รู้ทันพุทธวิสัยอีกตะหาก ถึงขนาดบังอาจตีตนเสมอพระพุทธเจ้า ตามที่เจ้าตัวประกาศไว้ และการที่ข้าฯตามถามตาบ๊องตนนี้มาเป็นปีตั้งแต่เขาใช้ชื่อเก่า เพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาได้ประกาศไว้เอง หรือไม่ก็สะกิดให้ตื่น หรือช่วยไม่ให้คนฉลาดคนอื่นๆเข้าใจผิดไปกับคำสอนคำแนะนำผิดๆ ด้วยมันมีแต่ลอก แต่ก๊อป บทความต่างๆมาใส่ชื่อตนเข้าไป พระพุทธพจน์ก็ไม่เว้น ไบเบิ้ลก็ไม่เว้น กระทำด้วยอาการแห่งขโมย.............. ก็ไม่ทราบว่า มันไปเพิ่มน้ำหนักบนศรีษะใครเข้า หรือมันไปรบกวนสมองส่วนสั่งการของญาติผู้ใหญ่ใครเข้าให้ หากไ่ม่ใช่ก็กรุณาอย่าสอด..... อย่ามาดัดจริตพาดพิงข้าฯอีก ...............นิมนต์ไปไกลๆเลย แล้วจะกรวดน้ำไปให้นะจ๊ะ ศาสนาเสื่อมเพระาคนประเภทนี้ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เข้าใจ๋ ฮ่าฮ่าฮ่า

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

กรณี Sriaraya5 VS iofeast โต้แย้งกัน... ขอลบออกทุกโพสต์

ปรึกษา สองคนนี้โต้กัน ลบออกก่อนดีไหม

1.ลบออกก่อน

2.ไม่ต้องลบ

3.ความเห็นอื่นๆ เชิญลงที่กระทู้นี้

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

กรณี Sriaraya5 VS iofeast โต้แย้งกัน... ขอลบออกทุกโพสต์

ปรึกษา สองคนนี้โต้กัน ลบออกก่อนดีไหม

1.ลบออกก่อน

2.ไม่ต้องลบ

3.ความเห็นอื่นๆ เชิญลงที่กระทู้นี้

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา