มุมนั่งเล่นแห่งความคิด... กับแบงค์สเกทช์กรรม

บทความนี้เปิดขึ้นมาใหม่เพื่อ เรียบเรียงทุกความคิด ความเชื่อของคนเรา... ที่มีทั้งยังหลงยังงมงาย... และเข้าใจผิดในหลายๆ อย่าง

ผมจึงอยากเรียบเรียงทุกเรื่องราวจากประสบการณ์ และความคิดของผมให้ทุกท่านได้แลกเปลี่ยนกัน...

มีอะไรสงสัยก็แลกเปลี่ยนกันแสดงความคิดเห็นได้ครับ

เน้นแนวธรรม และเวรกรรมนะครับ ไม่ใช่ดูดวง

 

สวด... ไม่สวด... กลัวบาป กลัวผิด... ยังหลงกันอยู่?

ใครเคยได้ยินข้อห้ามไม่ให้สวดมนต์บทดังต่อไปนี้บ้าง


ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก ไม่มีความหมาย ไม่มีพุทธคุณตามอ้าง !


ผมเคยได้ยินมา และเชื่อว่าหลายท่านคงเคยได้ยินข้อห้ามนี้เช่นกัน ผู้ที่ห้ามเขาว่ามาว่า ไม่มีพุทธวิเศษ หรือได้บุญบารมีจากบทนี้เลย เพราะแต่งขึ้นมามั่ว สร้างประวัติให้ดูยิ่งใหญ่ แต่แท้จริงไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์ตามนั้น และมีการบอกไม่ให้สวดไปเลย !!
ใครเคยได้ยินเสียงห้ามข้อนี้หรือไม่ และเชื่อไหม เลิกสวดไปหรือยัง?

ผมว่าไม่เกี่ยวนะ ไม่ว่าจะมีความหมายหรือไม่ จะศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ตอนเราสวดเราไม่ได้นึกถึงความหมายอยู่ ไม่ได้นึกถึงบุญบาปที่ได้ แต่เรากำลังรวบรวมทำสมาธิ ระลึกถึงคุณพระพุทธเจ้าอยู่ต่างหาก ถึงจะท่องบ่นมั่วๆ ท่องผิดบ้างถูกบ้าง แต่จิตยังบริสุทธิ์ระลึกถึงความดีอยู่เสมอ สวดผิดไปร้อยรอบก็ยังได้กุศลมากกว่า


คาถาพาหุง ห้ามสวดตามกลางคืน!

เคยได้ยินบ้างไหมครับ ผมไม่รู้ว่าความคิดแปลกๆ นี้มาจากไหน มาจากผู้ใดแต่ผู้ที่เขาห้ามเขาก็บอกว่าครูบาอาจารย์ท่านบอกท่านเตือนมา เพราะหากสวดตอนกลางคืนจะเป็นการขับไล่ผีบ้านผีเรือน เจ้าที่เจ้าทางไป เป็นการรบกวนท่าน หากสวดอยู่จะทำให้ครอบครัวไม่ปกติสุข หากจะสวดให้เป็นตอนกลางวันแทน อาจารย์หมอดูท่านหนึ่งก็บอกกับผมแบบนี้ จนผมเคยเผลอหลงเชื่อไปบ้าง ท่านนั้นถึงขนาดเขียนห้ามในหนังสือสวดมนต์เลยว่าห้ามสวดตอนมืด

แต่ทำไมหนอ ผมเคยไปปฏิบัติที่วัดอัมพวัน ท่านยังให้สวดได้ทุกช่วง ไม่มีข้อห้าม ทั้งที่ต้นสายของคาถานี้หลวงพ่อจรัญได้ไปเปิดกรุมา ยังไม่เห็นจะห้ามอะไรเลย... ผมถึงกับงง พอมีความเชื่อนี้เกิดขึ้น หลงตามกันแบบไม่มีเหตุผล

ท่านล่ะเชื่อไหม?

พระคาถาชินบัญชร คนไม่มีวิชาแก่กล้า ห้ามสวด!!!

ถึงกับตกใจ เมื่อผมไปได้ยินคนพูดแบบนี้มา ไม่รู้มีใครเคยได้ยินข้อห้ามนี้หรือไม่... เขาบอกว่า ใครไม่มีวิชาอาคม หรือพลังจิตแก่กล้าพอ ห้ามสวดพระคาถานี้เป็นอันขาด! เพราะคาถานี้ต้องให้พระอาจารย์สวดอย่างเดียวเท่านั้น หรือคนสวดต้องท่องจนจำแม่น มีสมาธิดีพอ... คนธรรมดาห้ามสวดผิดเพราะเป็นของสูง ควรให้คนมีครูสวด ไม่เหมาะกับคนธรรมดาอย่างเราๆ หากสวดจะไม่ดีกับตัวเอง

ไม่รู้ว่ามีความคิดความเชื่อแบบนี้ได้อย่างไร ผมตกใจมากที่มีคนพูดแบบนี้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ ทุกท่านที่นับถือสมเด็จโต คงงง พอๆ กับผม
เราสวดได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะคล่องไม่คล่องมีวิชาไม่มีวิชา ขอให้มีสมาธิเป็นพอ เราสวดไม่ได้หวังวิชาอาคมเก่งกล้าอยู่แล้วไม่ใช่หรือ เราสวดเป็นการสร้างบารมี สร้างสติ สมาธิ และให้เกิดกุศล ไม่ได้สวดให้มีพลังอะไร ทำไมต้องให้คนที่มีพลังจิตสูง สวดอย่างเดียว ไม่เข้าใจจริงๆ


ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมแต่เพียงคนเดียว เอามาถ่ายทอดให้ทุกท่านรับทราบไว้ว่ายังมีความคิดความเชื่อแบบหลงๆ เชื่อตามๆ กันมาแบบผิดแบบนี้อยู่จริงๆ หากมีใครห้ามอะไรแบบนี้ควรใช้ปัญญาในการไตร่ตรองให้ดีนะครับ

จะสวดมนต์สร้างกุศล แต่ก็กลัวนั้นกลัวนี้ งมงายไร้เหตุผล แล้วจะหนีกิเลส จิตจะบริสุทธิ์ได้อย่างไร หากท่องบ่นคาถาที่ตนเองคิดว่าดีเยี่ยมสักพันจบแต่ยังมีความกลัวแบบผิดเช่นนี้ มันก็ไม่ได้อะไรหรอกครับ

หรือท่านอื่นเห็นว่าอย่างไรครับ

 

ขออนุโมทนาสาธุครับ

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

 

โมทนาบุญด้วยครับ อย่าหลงเชื่อในสิ่งไร้เหตุผลครับ
คุณของพระรัตนตรัยนั้นหาที่สุดมิได้

 

พระแก้วมรกต ห้ามมีไว้ในบ้านคน!

ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ต้องมีคนเคยได้ยินความคิดความเชื่อแบบนี้มาแน่นอน...

เขาว่ากันว่า พระแก้ว เป็นของสูงคู่บ้านคู่เมือง อยู่ในพระบรมมหาราชวัง ไม่ควรมามีองค์จำลองไว้ในบ้านอยู่อาศัยเดี๋ยวเราจะรับบุญท่านไม่ไหวเพราะบารมีไม่ถึงองค์ท่าน....
หากจะไหว้ต้องไปถึงที่...
มีใครเชื่อตามนี้บ้างครับ

ผมก็ว่านี่คือกุศโลบายที่ดีที่จะทำให้คนไปเข้าวัดไหว้พระ แต่ไม่เห็นด้วยที่บอกว่าไม่ควรไปหาองค์จำลองมาไว้บูชาสักการะที่บ้าน
เพราะไม่ว่าจะเป็นองค์จำลองของพระพุทธรูปองค์ใด นั้นคือตัวแทนแห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งนั้น ความเป็นมงคลย่อมเกิดแก่ผู้กราบไหว้ ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหน อยู่ในวัด ในวัง ในบ้านคน ก็ย่อมเป็นมงคลทั้งนั้น หากคนเคารพบูชาด้วยใจบริสุทธิ์

ไม่มีหรอกครับจะรับบารมีไม่ไหว การกราบไหว้พระไม่มีหนัก บุญบารมีไม่มีหนัก ทำไมถึงจะรับไม่ไหว


อีกเรื่องที่อยากขอให้พิจารณา... หากใครมีความเชื่อเช่นนี้อยู่

ใครมีเรื่องใดที่สงสัย หรือความเชื่อใดที่ไม่แน่ใจ แบบในกระทู้นี้ ลองแลกเปลี่ยนกันเข้ามาได้นะครับ

 

บทสวดที่คุณบอกมาทั้งหมดเรา ก็สวดทั้งหมดในเวลากลางคืน
คาถาชินบัญชรเมื่อก่อนสวดก็ท่องไม่ได้เดี๋ยวนี้ท่องได้แล้ว
พระแก้วมรกตก็มีอยู่ในบ้าน 1องค์ ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ ก็อยู่
ปกติสุขดีทุกอย่าง สวดมนต์ไห้วพระจะบทไหนก็สวดกันเข้าไปเถอะ
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณไม่เคยให้โทษกับผู้ที่นับถือท่าน

 

อืม อืม อืม ที่บ้านบูชาองค์จำลองพระแก้วมรกตไว้บนหิ้งไว้หลายปีแล้วเหมือนกัน

 

เคยเจอยิ่งกว่านี้ค่ะ
1. บทสวดมนต์เกือบทั้งหมดในปัจจุบัน ไม่ต้องสวดเพราะไม่ศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับสวด
แล้วก็ไม่มีอะไร ถ้าอยากสวดให้สวดบทที่เป็นพุทธพจน์ ทั้งพาหุง ชินบัญชร
ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก ล้วนไม่มีประโยชน์ที่จะสวดและกลับเป็นโทษด้วย ฯลฯ
2. การสั่งสอนสมาธิในปัจจุบันนั้น เป็นทางไปสู่อบาย เพราะแปลกันมาอย่างผิด ๆ
คนอ่านตีความเองแล้วสอนผิดกันมาเป็นทอด ๆ ทั้งแบบบริกรรมแและไม่บริกรรม ของวัด
ต่าง ๆ ผิดหมด ตกนรกหมดโดยเฉพาะคนสอน
3. พระบรมสารีริกธาตุเกือบทังหมดในประเทศไทยเป็นของปลอม
4. ในปัจจุบันไม่มีพระอรหันต์แล้ว
และยังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่คนที่บอกเราพยายามให้เราแก้ไขแล้วไปเรียน
กับอาจารย์ของเขา เพราะบอกว่าปัจจุบันมีคนรู้จริงอยู่ไม่กี่คน ทุกวันนี้แทบจะผิดกัน
ทั้งประเทศ แต่พอเราแย้งด้วยเหตุผลกลับไป เขากลับตอบเหตุผลเราไม่ได้
โดยให้เหตุผลว่าเขาเพิ่งเรียนกับอาจารย์เขามา อธิบายได้ไม่ถนัดนัก รู้ยังไม่ลึก
อยากให้เราไปเรียนกับอาจารย์เขา ไปถามอาจารย์เขาด้วยตัวเอง แต่เราไม่ไป
เพราะเราว่ามันไร้เหตุผล แต่ละอันเขาให้เหตุผลที่ชัดเจนกับเราไม่ได้สักอย่าง
เราเลยว่าสงสัยเสียเวลา ไม่ไปดีกว่า แต่เขากลับพูดในทำนองว่าอกุศลกรรม
เราคงเยอะ เลยดลจิตดลใจหรือขัดขวางไม่ให้เราได้พบของจริง ต้องหลงทางไป
เรืื่อย ๆ เราก็..เฮ้อ เอาเถอะ ทางใครทางมัน อย่ามีปัญหากันเลยดีกว่า เลย
พยายามเลี่ยง ๆ ที่จะโต้เถียงกันค่ะ

 

สวดตอนกลางคืนหมดเลยคะที่ว่ามา ^^ เดินทางสายกลาง ขอใจเป็นสมาธิพอ

 

คุณ ๆ ทั้งหลายโปรดเชื่อในสิ่งที่ตนเองพิสูจน์แล้ว และเชื่อในพระรัตนตรัยนะจ้ะแล้วชีวิตจะรุ่งเรือง

 

คนพูด แล้วไม่ทำ ย่อมมีผล ต่างจาก คนทำแล้วไม่พูด อยากได้พุทธคุณ ก็ต้อง มีศัทธาค่ะ
ขอบารมีสิ่งศักสิทธ คุ้มครองค่ะ

 

ผมก็เดินตามแนวทางของพระพุทธศาสนา

แต่ก็ชอบอ่าน บทความที่เขาวิจารณ์ ศาสนาต่างๆ

อ่่านไปก็ไขว้เขวไป จนการปฏิบัติลดลง

แต่ก็ได้กลับมาดูคลิปแม่ชีทสพร ทำให้มั่นใจเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา เหมือนเดิม

แต่ที่ผมอยากรู้แล้วผมก็ยังหาอ่านไม่ได้ก็คือ

ถ้าตอบได้ ช่วยตอบสงเคราะห์ความสงสัยหน่อยนะครับ

คนต่างชาติตกนรกขุมเดียวกับคนที่นับถือศาสนาพุทธหรือเปล่าครับ

 

ดีมากเลยครับที่ถามคำถามนี้ เชื่อว่ามีอีกหลายคนย่อมสงสัยเช่นกัน...

ผมขอตอบแบบนี้นะครับว่า...

ในนรกไม่มีแบ่งแยกเชื้อชาติ และศาสนา... ไม่แบ่งแยกรวยจน และฐานะ ไม่แบ่งแยกชนชั้น...
กายสังขารที่กำหนดรูปลักษณ์ภายนอกว่าเป็นคนชาติใด ผมดำผมทอง สูงเตี้ย พูดจาภาษาใด เมื่อสังขารกายเนื้อถูกทำลาย หายไป ข้อกำหนดดังกล่าวก็ถูกทำลายไปด้วย ไม่มีเชื้อชาติและศาสนา ไม่มีสังขารมากำหนดภาษาอะไรอีก เมื่อลงไปในนั้นจะเหลือแต่ดวงจิตที่พูดคุยภาษาเดียวกัน...
มาชดใช้กรรมร่วมกัน...

ที่นั่นเราจะพบรูปร่างที่ไม่มีข้อจำกัด
มีกรรมย่อมชดใช้.... ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร

เสียดายพวกฝรั่งหัวทองที่ไม่รู้อย่างเรา

 

อย่างนี้นี่เอง

พอได้อ่านคำตอบจากผู้ที่เชื่อถือได้

ก็สบายใจในการทำความดีตามแนวทางพระพุทธศาสนาอย่างเต็มที่ละครับ

ขอบคุณมากครับ


แล้วที่ผมอยากรู้อีกอย่างคือ

ถ้าเราทำสังฆทาน แต่ทำกับพระที่ไม่ปฏิบัติอยู่ในศีลหรือทำผิดศีล

เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ แบบนี้ เราจะยังได้บุญในการทำสังฆทานนั้นมั้ยครับ

 

ขอบคุณมากครับสำหรับความคิดดีๆ แบบนี้...
อยากให้มีคำถามทำนองนี้มาอีกมากๆ นะครับ จะได้ช่วยกันบอกช่วยกันคิด...

เชื่อว่าหลายคนคงสงสัย เหมือนคุณเช่นกัน...

ผมขอตอบประเด็นนี้นะครับว่า...

อยู่ที่จิตใจเราจะผ่องใสหรือเปล่าเท่านั้น... ขณะถวายจิตคิดอะไร คิดถึงใคร กรวดน้ำส่งไปให้ใคร... จิตนึกอะไร คิดดีก็ได้ดีอยู่ที่เราครับ... พระไม่ดี ศีลไม่ครบมารับของถวาย ท่านก็ได้บาปตกไปที่ท่านเอง... ไม่เกี่ยวกับเรา...

หากมัวแต่กลัว ว่าพระรูปนั้นดี ไม่ดี บริสุทธิ์ไม่บริสุทธิ์ เกิดจึตลังเลสงสัยในตอนถวายว่า... เอ...พระรูปนี้ดีเปล่าว้า... นั่นไง จิตเราเองนั่นแหละที่ไม่ผ่องใส อย่าลืมสิว่าเรามาทำบุญส่งให้ใคร ก็นึกถึงคนนั้นไป อย่าคิดเรื่องอื่น...
ไม่ว่าจะก่อนถวาย ตอนถวาย หรือหลังถวาย... ไม่ใช่กลับบ้านเสร็จยังพะวงว่า ตายแล้ว เพิ่งมารู้ว่า พระเมื่อกี้ดื่มเหล้า... จะได้บุญไหมเนี่ย... แสดงว่าคุณทำบุญเพื่อหวังได้หรือครับ...
จิตไม่บริสุทธิ์ไม่อยู่ที่พระรูปนั้นครับ เกิดที่เราเองนั่นแหละครับ...

จะมีใครบ้างที่เข้าไปถามพระก่อนถวายว่า ท่าน... ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหรือไม่ เราจะถวายของได้ถูก... มีไหมครับใครจะถาม...

หากกังวลแบบนี้ ก็ไม่ต้องทำบุญกันพอดี...
การทำบุญเราทำเพื่ออุทิศให้คนที่เรานึกถึง หรือแม้แต่ตัวเอง... ที่เป็นปลายทางแห่งบุญนั้นครับ จิตบริสุทธิ์ของเราย่อมส่งไปที่ปลายทางได้ แม้ว่าพระที่เป็นสื่อกลางรับของถวายจะดีหรือไม่ก็ตาม...

เสมือนครูที่สอนวิชาความรู้แก่เรา ไม่เกี่ยวว่าเขาจะนิสัยเป็นอย่างไร กระทำชั่วไรมาบ้าง แต่เราเรียนดีเรียนเก่ง มันก็อยู่ที่ตัวเราเอง เราตั้งใจเรียน รับความรู้ที่ท่านถ่ายทอดให้ เรื่องส่วนตัวเรายังไม่ถามเขาเลยว่า ครูเคยเลวมายังไงบ้าง...จริงไหม... หากเรารู้ว่าครูคนนั้นเคยมีประวัติอะไรมาก่อน มันก็ไม่เกี่ยวกับว่าเขาจะสอนเราไม่ได้ ให้เราเก่งไม่ได้...

ถ้าเรารู้ประวัติเขา เราเลยไม่เรียน เกลียดครูไปเลย เราก็ไม่ได้วิชาเท่านั้น เห็นไหมว่า... จะเรียนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเราเอง เราเรียนตก เรียนซ้ำ เพราะครูติดเหล้าหรืออย่างไรกันล่ะ นิสัยครูไม่เกี่ยว ครูจะแย่ก็เป็นกรรมของครูท่านนั้นเอง... เราจะไปรับบาปกรรมอะไรจากครูต่อไหมล่ะ... ไม่ใช่จริงไหม...
ทุกสิ่งอยู่ที่ตัวเองทั้งนั้น อย่ามองหาโทษของผู้อื่นครับ ทำของเราให้ดี...
พระปฏิบัติไม่ดี เราก็ทำให้พระเห็นเองสิว่าเราทำดีกว่า...

ไตร่ตรองตามเปรียบเทียบให้ดี... เหมือนจะเป็นคนละเรื่องแต่มันก็คล้ายกัน...


ขอบคุณครับสำหรับคำถามดีๆ แบบนี้


แบงค์สเกทช์กรรม-ขยำกระดาษพยากรณ์ 1 เดียวในประเทศไทย

 

ขอบคุณมากครับ

เอ่อ คุณแบงค์ พูดเหมือนเห็นเลยครับ อิอิ

ผมมัวแต่กังวล จนไม่ได้ทำบุญซักที

แถมเรื่องที่คุณแบงค์เอามาโยง

เรื่อง อาจารย์ก็เป็นเรื่องที่ผมกำลังประสบปัญหาอยู่พอดี

ผมมีปัญหาเรื่อง คณะที่เรียนมาก จนทำให้ไม่ตั้งใจเรียน

แต่ได้มาอ่านข้อความคุณแบงค์ ทำให้ฉุกคิดได้ มันอยู่ที่ตัวเราเองนี่นา

ขอบคุณมากครับ อนุโมทนาบุญ

จะติดตามกระทู้นี้ต่อไปครับ หุๆ

 

สวัสดีครับ คุณแบงค์

ผมมีคำถามมารบกวนครับ

อยากจะถามเรื่องคำสาบานครับ

การสาบานนี่ แค่เราพูดเฉยๆเช่นพูดกับเพื่อนว่า สาบานอย่างนี้

ก็จะเป็นการสาบานที่จะติดตามเราไปตลอด เลยรึเปล่าครับ


แล้วผมได้ไปอ่านการถอนคำสาบาน

ก็เลยเผลอกล่าว ถอนคำสาบานบางอย่างไป

ซึ่งพอมาคิดอีกที ก็รู้สึกเสียดาย

เราจะถอนคำถอนสาบานได้รึเปล่าครับ 555

เป็นคนลังเล และ โลเล มากๆครับ อิอิ นิสัยไม่ดีเลย >O<

 

ถ้าเราพูดอะไรโดยไม่คิดออกไป แต่อีกฝ่ายถือเป็นจริงเป็นจังและยึดมั่นในสัญญานั้นก็จะถือว่า สัญญานั้นมีผล แต่หากอีกฝ่ายคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่น หรือไม่มีอะไรจริงจัง ก็จะไม่ถือว่าสัญญาเป็นผล

ขึ้นอยู่กับว่าจะจริงจังในคำสัญญาด้วยกันทั้งสองฝ่ายหรือไม่

หากสัญญาอะไรกับใคร กับเทพองค์ใด ควรจะรักษาคำสัตย์นั้นด้วย แม้จะผ่านมานานแค่ไหนก็ตาม อย่าให้ได้มีใครหรืออะไรต้องมาทวงถามถึงสัญญานั้น หากไม่แก้ไม่ทำตามที่พูด ก็อาจข้ามชาติข้ามภพได้ เราเองอาจละเลยในคำสัตย์นั้นไปแล้วก็จริง แต่หากอีกฝ่ายยังจดจำได้ สัญญาก็ถือว่ายังไม่หมด

ส่วนเรื่องการแก้คำสัญญาสาบานนั้นย่อมทำได้ แต่ไม่ใช่ให้ทำพร่ำเพรื่อ
จะกลายเป็นคนตะบัดสัตย์ไป ทำอะไรในกาลหน้าก็จะไม่มีใครเชื่อถือในคำพูด
ทางที่ดีอย่าได้ไปสาบานอะไรกับใครง่ายๆ ดีกว่า

 

แล้วถ้า เราชอบคนนี้อยู่และคบกันเป็นเพื่อนอยู่ อยากให้เขารัก เราสวดมนต์ เอ่ยพระนามพระพุทธเจ้ากว่า 28 พระองค์ สวดพาหุงมหากา และอุทิศกุสลให้เทวดารักษาชีวิตของเขาและของเรา อธิษฐานให้ได้ใกล้ชิดกัน อุทิสบ่อยๆ และอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำหน้าที่ขัดขวางการคบหากันของเรา ได้โมทนาและอโหสิกรรมบ่อยๆจะสำเร็จผลไหม

การบูชาพระอรรธนารีศวร พระศิวะครึ่งองค์พระแม่อุมาครึ่งองค์ ของเพศที่สามจะได้ผลสมปรารถนาในรักไหมครับ

 

ผมว่า มันมีหมดนะแหล่ะครับ มีแปลกๆๆก็เยอะครับ ผมว่า ปล่อยๆๆไปดีกว่า ไม่อยากจะเถียง เพราะว่า เดี๋ยวจะไม่สบายใจกันเปล่าๆ เราก็จะอารมณ์ขุ่นมัว

ผมเชื่อว่า การทำดี นั่นแหล่ะ ดีแล้ว สวดมนต์ก็เป็นการชำระจิตเราให้เบาๆๆ ปรุงใจให้มีเมตตาต่อคนรอบตัวเรา

นั่งสมาธิ ก็เป็นการทำใจเรานิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่เป็นคนเหมือนที่แล้วๆๆมา