ทำไมพระเจ้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อยจัง ผมจะอธิบายเรื่องพระเจ้าจริงๆให้ฟัง

เท หมดหน้าตัก ให้สันโดษ โทษฐาน ทำครัว แซบอีหลี อร่อยเด็ดขาดไปเลย
คนอื่น งั้นๆ เห็นแต่แม่ช้อยนางรำ คอยแจกป้าย เปิบพิศดาร

 

วุ่นวายเนอะ ว่ามะ

 

วุ่นวายมั่ง ก็มีข้อดีนะ ได้ เอ็กเซอร์ไซด์ จิต สงบมากมันก็ หลับง่ะ
พอมีเรื่องวุ่นวายปั๊บ มันสว่างจ้า ตื่นเต้น ตื่นตัวเรย

 

สมมุติว่าเมล็ดข้าวเปลือกที่ว่ามีขนาดเล็กมากๆ คือ แค่ 1mm ก็พอแล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงจะกว้างประมาณ 1-2 mm

ที่นี้ ถ้าเอามาหารด้วย 82 ล้าน ก็จะได้ประมาณ 12.2 x 10 ยกกำลัง -10
ซึ่งก็จะใกล้เคียงกับขนาดอะตอมของไฮโดรเจน ที่เป็นธาตุที่มีขนาดอะตอมเล็กที่สุด คือ = 1x10 ยกกำลัง -10

ปัญหามันอยู่ที่ว่า "อะตอม" ไม่ใช่สิ่งที่เล็กที่สุดนี่สิ ถึงแม้จะบอกว่า ยึดหลักว่าสิ่งที่เล็กที่สุด
ที่พูดถึงนี้ คือสิ่งที่ไม่สามารถแบ่งแยกได้อีกต่อไปแล้ว เพราะถ้าแบ่งแยกต่อไปแล้วคุณสมบัติจะเปลี่ยนก็เถอะครับ

ในเนื้อเยื่อร่างกายมนุษย์ ก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกับในโมเลกุลของสารต่างๆที่ประกอบเป็นเนื้อเยื่อนั้น
และในแต่ละโมเลกุลของแต่ละธาตุนั้น ก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกับในแต่ละอะตอมของมันเอง

ทีนี้ในแต่ละอะตอมของแต่ละธาตุ ก็ประกอบด้วยอย่างน้อยที่สุด 3 องค์ประกอบหลัก คือ
- นิวตรอน + โปรตอน ซึ่งอยู่ในนิวเคลียส
- อิเล็กตรอน

ซึ่งถ้าขยายขนาดของนิวเคลียสของอะตอมใดๆให้ใหญ่ขึ้นเท่ากับ 1 cm แล้ว
คุณก็จะได้ขนาดของอิเล็กตรอน เท่ากับ "จุด" เล็กๆจุดหนึ่งเท่านั้นเอง ซึ่งหาขนาดไม่ได้
แต่ว่าในขณะเดียวกัน คุณก็จะได้ ขนาดของอะตอมทั้งอะตอม เท่ากับสนามฟุตบอล
นั่นหมายความว่า มีอิเล็กตรอนขนาดเท่ากับจุด วิ่งรอบนิวเคลียสขนาด 1 cm อยู่ด้วยระยะห่างเท่ากับรัศมีของสนามฟุตบอล

และที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นอีก คือ ถึงอิเล็กตรอนจะเล็กมากๆแล้ว ตัวอิเล็กตรอนเอง ก็ยังประกอบขึ้นมาจาก
อนุภาคที่เล็กละเอียดยิ่งกว่าลงไปอีก คือประกอบด้วย "ควาร์ก" ถึง 6 ชนิดด้วยกัน

ซึ่งที่ยกมาเล่าให้ฟังนี่ ก็เพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ตำราก็คือตำราครับ ผู้เขียนสื่อสารออกมาได้ดีแค่ไหน

มาแชร์ข้อมูลที่รู้แค่นี้แหละครับ และไม่ต้องการจะทะเลาะกับใครเช่นกันครับ
เพราะถึงแพ้หรือชนะไป ก็ไม่เห็นความจริงหรือสัจธรรมมันจะเปลี่ยนแปลงไปตามความเชื่อของผู้ชนะนั้นๆเลย

ไม่มีใครเลยในนี้ที่ไม่ได้อยู่บนเส้นทางแห่งวิวัฒนาการด้านจิตวิญญาณ เพราะฉะนั้น "ผมเชื่อว่า" ในที่นี้จึงไม่มีใครเลยที่รู้จริง
อันนี้ไม่ยกเว้นแม้แต่ตัวผมเองด้วย ดังนั้น ใครจะเชื่อยังไง ผิดถูกดีชั่วยังไง ก็ปล่อยให้เขาเชื่อไป
ต้องไปเดือดร้อนกับเขาทำไมหละครับ เพราะว่าตามหลักพุทธเราก็คือ ปลายทางของทุกจิตวิณณาณคือ "นิพพาน"
ถ้ายังไม่ถึงนิพพาน การเวียนว่ายตายเกิดก็ยังไม่จบสิ้น เพราะฉะนั้น ช้าเร็วทุกๆชีวิตเขาก็ต้องมีวันจบสิ้นสักวันหนึ่ง

แต่เขาจะไปช้าไปเร็ว จะอีกกี่อสงไขยกัป นั่นก็เป็นเส้นทางแห่งวิวัฒนาการของเขา เพราะเขาเลือกเองของเขา
เพราะดาวเคราะห์โลกคือ "ดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี" ทุกจิตวิญญาณมีอิสระที่จะเลือกทางเดินของตนเอง

อย่าไปเป็นเดือดเป็นร้อนกับเขาเลยนะครับ เพราะนั่นมันชีวิตของเขา

ถ้าหากมีใครอยากจะเอาหัวโขกเสาเล่น ก็นั่นมันเป็นหัวของเขา คุณจะไปเดือดร้อนทำไม
จะฉลาดจะโง่ ก็เพราะเขาเลือกของเขาเองมิใช่หรือ

และก็เพราะว่า..เขาไม่รีบเข้านิพพานเหมือนคุณนี่นา..เขาอยากจะเวียนว่ายตายเกิดเล่นๆ
ไปซัก ล้านอสงไขย นั่นก็เป็นสิทธิ์ของเขา เพราะเขาสนุกกับมันอยู่ เพราะเขาชอบอย่างนั้น

ไม่เห็นต้องเดือดร้อนเลยนี่นา

และสุดท้าย ผมจำคำใครคนหนึ่งพูดไว้ว่า "คำสอนหรือคำแนะนำที่เป็นไปโดยมิได้ร้องขอ" นั่นก็หาได้เป็นการทำความดีไม่
เพราะนั่นหมายความว่า เขายังไม่พร้อมหรือยังไม่ได้อยู่ในช่องเดียวกับคุณ
คุณกำลังยัดเยียดความคิดและความเชื่อของตัวคุณเอง ให้เขาอยู่นะ อะไรแบบนั้น
.........................................

 

ขอบคุณ พี่ Chayutt มากๆค่ะ ^_/\\_^

 

OMG......!!!!!

 

สุดท้าย...



ต้องมองว่า Animal will do บนโลกมนุษย์คืออะไร!!~



วะ ฮะ ฮ่า!!~​

 

ทุกคนมีสิทธิจะคิด ทุกคนมีสิทธิจะฝัน ขอแค่ไม่ก้าวล่วงกันและอยุ่ร่วมกันอย่างสันติสุข คนดีที่ทำงานหนักไม่ลืมหูลืมตาโดยมีเป้าหมายมาดมั่นที่ความมั่นคงร่ำรวย จนวันนึงล้มป่วยแล้วตายจากไป กับคนบ้าที่กล้าเผชิญโลก กินเดินนั่งนอนในทุกที่ที่ไม่มีใครกล้า ในทุกท่าที่ไม่มีใครทำ แต่อย่างน้อยๆจิตใต้สำนึกอาจนำไปสุ่ความสุขแท้จริง ก่อนสิ้นชีวิต เพราะชีวิตคนนั้นสั้น หาคำตอบให้ชีวิตว่าเกิดมาเพื่ออะไร อยุ่ไปทำไม เพราะใครๆก็ล้วนบ้า บ้ากันทั้งนั้น แตเชื่อเถิดคนที่มีความสุขที่สุดคือคนที่คิดแล้วทำได้ดั่งใจคิด ไม่มีกฏเกณฑ์ ความสุขจากอิสรภาพ แล้วที่สำคัญไม่ต้องทำตามใครไม่ต้องอ้างอิงใคร สุขจากการปล่อยวางซึ่งหน้าที่ที่โลกบูดๆเค้ากำหนดมา ยิ่งวางมากลืมมากก็อิสระมาก อิสระมากก็สุขมาก...เพราะความปกติคือธรรมชาติ...บางทีคนที่บ้าที่สุดอาจจะเป็นคนที่เข้าใกล้คำว่าปกติทีสุด...และคนที่เรียกตนเองว่าปกติที่สุดอาจคือคนที่บ้ามากที่สุด...อย่า ลืม ตน

 

อิอิอิ เงอ ใครพูดไงเราเฉย

 

ทุกคนมีสิทธิ จะคิด ทุกคนมีสิทธิ์จะฝัน
แต่ ต้องไม่บ้า

คนเพ้อเจ้อ ก็คือ คนที่ทำอะไรเลื่อนลอย ไปตาม กระแสแห่งกิเลส

พอคิดอะไรเพ้อเจ้อ ขึ้นมาทีก็ทำไปตามเรื่องที่คิด
พอฟูมฟายอะไรขึ้นมา ก็ทำไปตามสิ่งที่ฟูมฟาย

เขาเรียกว่า ขาดสติ ดังนั้น ต้องช่วยเตือนสติ เป็น หน้าที่ของ คนเป็นมิตร

แล้วมาบอกว่า ทุกคนมีสิืทธิจะคิด ก็ปล่อยให้มันคิดเดินลงเหวสิ แล้วปล่อยไป

ก็มันเดินลงเหวกัน ทุกคนนี่ ก็ปล่อยไปหรือ

คิดนอกกรอบได้ แต่ต้องตั้งอยู่บน สติ ที่คอยเตือนตนว่า เรื่องที่เราคิดนี่เพ้อเจ้อไหม

อารมณ์ ตอนนี้เรา เพ้อเจ้อไหม

แล้วถ้ามันเพ้อเจ้อมากไป ก็ต้องหยุด ต้องเตือนตน

 

ขจรศักดิ์ นั่นไง ก่อนหน้านี้ เคยบอกว่า ให้สำรวม

สันโดษ นั่นไง ก่อนหน้านี้บอกให้ สำรวม

มีพวกยุแยง เช่น ยายขวัญ เช่น นายนิวรณ์นี่ บอกให้ ดูเฉยๆ เป็นไงหละ

ลงเหว จนเวลาล่วงเลยผ่านไป คนอื่นเขาศึกษาธรรมไปถึงไหน พวกนี้ยัง soly อยู่ที่เดิม

แล้วกรุณา อย่ามา soly ให้มาก

 

ว้าวคุณขันธ์ สุดยอด อิอิ .... เเต่เราต้องสั่งสอนพวกเขาจะดีกว่านะครับท่าน ....ส่วนใหญ่เขาจะไม่ค่อยน้อมนำเอาไปไส่ตัวอ่ะครับ ช่วยหาอุบายสำหรับพวกเขาด้วยเทอญ

 

คนเราเกิดมามีกรรมไม่เหมือนกันครับ ..เเล้วเเต่ชาติก่อนเขาเคยทำมา

 

รับทราบครับผม ^^ ทีหลังจะใช้อุเปกขารมณ์ให้มากขึ้นครับท่าน
การเคลื่อนที่ของโปรตอน อิเล็กตรอน นิวตรอน บางทีก็คล้ายๆธาตุธรรม 3ฝ่ายเลยนะครับ กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา อัพยาตกาธัมมา ^^

ส่วนเรื่องควาร์ก 6รส (ขึ้น ลง น่ารัก ประหลาด บน ล่าง) 3สี (แดง เขียว น้ำเงิน) รวม 18ชนิด นับปฏิอนุภาคเข้าไปเป็น 36ชนิดเนี่ยครับ ปัจจุบันฟิสิกส์ยังอธิบายไม่ได้แจ่มแจ้งเท่าไหร่เลย ผมคาดว่าอีก10ปีข้างหน้า น่าจะอธิบายได้ละเอียดกว่านี้ ^^ หวังว่าคงจะอยู่ในมนุสสภูมิจนถึงเวลานั้นนะครับ ^^

 

ผมขอให้ คุณ chayutt ผู้ไม่รู้ ถอนคำุพูด เพราะว่า ผมรู้จริงแล้วจึงมาพูด ไม่ใช่พูดส่งเดช

 

คุณขันธ์ ท่านก็เหมือนนักปฏิบัติธรรมหรือพระทั่วไป เช่นอาจารย์มันเวลาลูกสิ่งทำอะไรผิดหรือใครก็ตามท่านก็ตักเตือน ด้วยเสียงอันดุดัน เพื่อให้คนที่ฟังได้ประจักษ์เเก่ความจริง ไม่มากไปกว่าการสั่งสอน....

 

พวกที่คิดว่าตัวเองปกติ และตามรังควานคนบ้าเนี่ย ยังโรคจิตกว่าอีก
เท่าที่เห็น คนบ้าที่นี่เขาไม่ทำใครก่อนนะ ใครมากัดเขา เขาก็สั่งสอนกลับ
ก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก ทำยังกะเป็นพ่อพระมาโปรด ไม่ดูกาละเทศะ เอาซะเลย
พระเทศน์ เขายังดูคนฟัง คนฟังเอาแต่คุย พระท่านก็เลิกเทศน์ ไม่เห็นพระท่านจะ
มาบังคับให้คนต้องฟัง หรือมาทำอะไรน่ารังเกียจเลย ถ้าคนมันดีจริงนะ เขาก็แห่มาฟังเอง
แหละ ไม่จำเป็นต้องด่าหรือบลัฟคนอื่น เพื่อเรียกเรียกเรทติ้งเลย
ห้องนี้ไม่มีฝักถั่ว ไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคน ทุกคนมีความเห็นหลากหลาย
เป็นตัวของตัวเองทั้งนั้น ถ้าเคารพความเห็นคนอื่นไม่ได้ ก็อายเด็กห้องนี้หลายๆคนนะ

 

soly มาก ผมขี้เกียจ เถียงกับ สตรีประมาท

 

สาธุจ้า

 

<table id="post2893449" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;"> วันนี้, 07:34 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #52 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->พรานพิเศษ<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2893449", true); </script>
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jan 2010
ข้อความ: 65
พลังการให้คะแนน: 69


</td> <td class="alt1" id="td_post_2893449" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start -->พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจของสุนัข

[SIZE=-1]พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจของสุนัข

คนและสุนัขต่างก็มีความผูกพันกันมานานซึ่งไม่ใช่สิ่ง ที่ผิด ตราบใดที่ไม่มีการเรียกร้องกันจนเกินขอบเขต สุนัขอาจจะเห่าเพื่อเรียกเจ้าของซึ่งถือเป็นการสื่อส ารกันระดับปกติ สุนัขพูดไม่ได้แต่ใช้วิธีการเรียนรู้ว่าทำวิธีไหนได้ ผลในการเรียกความสนใจจากเจ้าของ และถ้าเมื่อใดเจ้าของให้ความสนใจต่อสิ่งที่สุนัขเรีย กร้องมากเกินขอบเขต พฤติกรรมบางอย่างที่น่ารำคาญจะมีมามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของทฤษฎี positive reinforcement สุนัขจะเรียกร้องมากขึ้น และถึงคุณจะบอกให้สุนัขหยุดก็จะไม่ได้ผลเพราะยังถือเ ป็นการตอบสนองและยังสื่อสารกับสุนัข

[/SIZE]<center>[SIZE=-1][/SIZE]</center>[SIZE=-1]

การเห่า, คราง, และหยอกล้อเหมือนเล่นเงาตัวเองต่อหน้าเจ้าของเป็นการ เรียกร้องความสนใจของสุนัข พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจอาจกลายเป็นความเครียดของเ จ้าของแทน ตัวอย่างเช่น สุนัขเห่าเรียกเจ้าของตลอดเวลาเพื่อเรียกร้องความสนใ จ หรือกระโดดตะกายเจ้าของตลอดเวลา หรือเอาเท้าคอยสะกิดเจ้าของเวลาเจ้าของคุยกับเพื่อน บางตัวขโมยของไปซ่อน และกัดทำลายข้าวของเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของ เจ้าของสุนัขก็จะต้องหงุดหงิดเป็นธรรมดา ยิ่งคุณตะโกนดุด่าสุนัข, วิ่งไล่ตามแย่งของคืน ยิ่งเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของสุนัขที่สามารถเบนควา มสนใจมาที่ตัวสุนัขได้ตามที่สุนัขต้องการ โดยเฉพาะสุนัขจะยิ่งชอบใจเมื่อคุณยกมือยกไม้และส่งเส ียงดัง

บางทีสุนัขก็เรียกร้องความสนใจด้วยวิธีแปลกๆ ซึ่งดูไม่น่าเชื่อ เช่น แกล้งทำเป็นเจ็บขาเพื่อให้เจ้าของสนใจพาไปหาสัตวแพทย ์ ซึ่งแสดงว่าเจ้าของให้ความสนใจมากกว่าปกติ มีสุนัขพูเดิ้ลทอยตัวหนึ่งเกาหน้าตัวเองอย่างรุนแรงเ ป็นเวลาแรมปี ไม่ว่าจะวินิจฉัยหาสาเหตุอย่างไรก็ไม่สามารถหาสาเหตุ ได้ เลือกสารพัดยามาใช้ในการรักษาก็ไม่หาย

แต่จู่ๆ อาการหายไปเองเมื่อสุนัขอีกตัวเสียชีวิตไป และกลับมามีอาการอีกเมื่อเจ้าของนำสุนัขตัวใหม่มาเลี ้ยง สรุปจากประวัติแล้วน่าจะเกิดจากการที่สุนัขต้องการเร ียกร้องความสนใจจากเจ้าของ


[/SIZE]<center>[SIZE=-1][/SIZE]</center>[SIZE=-1]

วิธีการเรียกร้องความสนใจ

เห่า

ส่งเสียงครางหงิ๋งๆ

อาเจียน

แกล้งทำเป็นป่วย เช่น เจ็บขา

ไล่งับเงาตัวเอง

ไล่งับลม ท่าทางเหมือนไล่งับแมลงวัน

ทำท่าทางแปลกๆ ให้เห็น


จะทำอย่างไรเมื่อสุนัขเรียกร้องความสนใจ

ต้องเข้าใจพื้นฐานการรักษาโรคเรียกร้องความสนใจก่อนว ่า ต้องไม่ใส่ใจการเรียกร้องใดๆ ของสุนัข แต่ต้องเข้าใจว่าการทำเป็นไม่สนใจในระยะแรกจะไม่ได้ผ ล เพราะสุนัขจะยิ่งมีอาการแย่ลง, จะมีการเรียกร้องความสนใจมากกว่าเก่า อาการเช่นนี้จะเป็นอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วอาการเร ียกร้องความสนใจจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ ซึ่งช่วงระยะเวลานี้เป็นช่วงที่รบกวนใจเจ้าของมาก

เหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะอย่างที่เคยกล่าวมาแล้วใ นหลายๆ ตอนว่าสุนัขใช้วิธีการเรียนรู้จากประสบการณ์ จึงต้องเข้าใจว่าความคิดของสุนัขว่า เคยใช้วิธีเห่าเรียกร้องความสนใจแล้วได้ผล แต่คราวนี้ไม่ได้ผลสุนัขจึงต้องพยายามมากกว่าเดิมเพร าะประสบการณ์บอกว่ามันเคยได้ผล


[/SIZE]<center>[SIZE=-1][/SIZE]</center>[SIZE=-1]

การรักษา
เมื่อเจ้าของไม่ให้ความสนใจสุนัข คือ ไม่สนใจพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ขโมยของไปซ่อนหรือทำลาย, ไม่พูดหรือดุด่าสุนัข, ไม่เล่นด้วย สุนัขจะขโมยของมากขึ้น และพยายามชวนเจ้าของเล่น เช่น อาจวิ่งวนไปรอบเจ้าของเพื่อหลอกล่อให้เจ้าของเล่นด้ว ยหรือหันมาสนใจ เจ้าของต้องไม่สนใจสุนัขทุกอย่างที่สุนัขทำ เมื่อผ่านไประยะหนึ่งสุนัขจะเริ่มไม่มั่นใจว่าการเรี ยกร้องความสนใจวิธีนี้จะได้ผล สุนัขจะแสดงอาการกระตือรือร้นน้อยลง และแสดงอาการเรียกร้องลดลง ระยะยังเจ้าของยังต้องไม่ใส่ใจสุนัข การเรียกร้องของสุนัขจะลดลงไปเรื่อยๆ จนหายไปเอง

ข้อควรระวัง
การให้ความสนใจการเรียกร้องของสุนัขแม้เพียงครั้งเดี ยวเพราะความใจอ่อนของเจ้าของ อาการจะเป็นเหมือนตอนเริ่มต้นอีกครั้ง เจ้าของต้องรอจนกว่าสุนัขจะเรียนรู้ว่าไม่ได้ผลจริงๆ จึงจะกลับไปให้ความสนใจสุนัขอีก ซึ่งก็เหมือนกับการเล่นเกมว่าใครทนกว่ากัน


ข้อควรคำนึงถึง
การที่สุนัขเรียกร้องความสนใจบ่อยๆ ต้องคิดในแง่มุมกลับด้วยว่าสุนัขมีเหตุผลในการเรียกร ้องหรือไม่ เช่น สุนัขถูกปล่อยไว้ตัวเดียวในบ้านหรือเปล่า หรือสุนัขใช้เวลาในที่ส่วนตัวของสุนัขนานเกินไปหรือไ ม่ หรือเกิดเนื่องจากสุนัขไม่ได้รับการออกกำลังกายที่สม ่ำเสมอเพียงพอ หรือเกิดเนื่องจากการกระตุ้นภาวะทางจิตใจของสุนัขเอง หรือเป็นเพราะสุนัขไม่มีอะไรจะทำ สิ่งเหล่านี้เจ้าของควรจะแยกแยะให้ออกว่ามาจากสาเหตุ ใดกันแน่สุนัขถึงมีพฤติกรรมเรียกร้อง ซึ่งสำคัญกว่าการหาทางหยุดพฤติกรรมที่คุณคิดว่าเป็นก ารรบกวนเจ้าของ การเรียกร้องความสนใจของสุนัขอาจเป็นเพียงการแสดงควา มไม่พอใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กล่าวมาก็ได้


[/SIZE]<center>[SIZE=-1][/SIZE]</center>[SIZE=-1]

ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันพฤติกรรมที่เจ้าของไม่พึงประสงค์ จึงควรแน่ใจว่าวิถีชีวิตที่สุนัขเป็นถูกต้องตามหลักก ารหรือไม่ และควรตอบคำถามข้างล่างนี้เพื่อจะได้รู้ว่าปัญหาอยู่ ที่ไหน

+++คุณให้สุนัขได้ออกกำลังอย่างพอเพียงหรือไม่ เวลาในการออกกำลังที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 20-30 นาทีต่อวัน เป็นการออกกำลังต่อเนื่องอย่างแอโรบิค

+++สุนัขได้รับอาหารพอเหมาะหรือเปล่า อย่าให้อาหารสุนัขที่มีพลังงานสูงมากเกินไป เช่น อาหารเม็ดสูตรสุนัขใช้งาน ถ้าสุนัขของคุณใช้พลังงานส่วนเกินไม่หมดเพราะไม่ได้ร ับการออกกำลังอย่างเพียงพอและใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในบ ้าน ปัญหาการเรียกร้องจะเกิดตามมา

+++ระดับการสื่อสารระหว่างคุณกับสุนัขอยู่ในระดับใด คุณควรให้เวลาในการสอนให้สุนัขรู้จักคำสั่งที่เป็นคำ เดียวโดดๆ เช่น นั่ง, หมอบ, ชิด, คอย, อย่า, ไม่, หยุด ฯลฯ

+++คุณเคยให้รางวัลกับสุนัขด้วยการ ตบไหล่เบาๆ , ชมสุนัขด้วยคำพูดที่อ่อนโยน, เกาท้องหรือหูสุนัข บ้างหรือไม่ ถ้ายังไม่เคยแนะนำให้ท่านเจ้าของเริ่มทำได้ตั้งแต่บั ดนี้เลย

+++คุณเคยฝึกการใช้งานสุนัขบ้างหรือไม่ ถ้ายังไม่เคยเริ่มเสียตั้งแต่วันนี้เลยครับ งานที่เหมาะกับสุนัขแต่ละสายพันธุ์ควรเลือกให้เหมาะส มด้วย เช่น สุนัขตระกูลรีทรีฟเวอร์หรือสุนัขพันธุ์ที่ใช้ในการล่ าสัตว์, พันธุ์ที่ใช้ในกีฬาบางอย่าง ลองเล่นให้คาบลูกบอลหรือกิ่งไม้มาหรือเล่นจานร่อน พันธุ์ที่ใช้ในการดูแลปศุสัตว์ลองให้ออกกำลังโดยการว ิ่ง หรือพันธุ์ที่ใช้ดมกลิ่น เช่น ตระกูลฮาวด์ทั้งหลายลองฝึกการดมกลิ่นดู
[/SIZE]


<table border="0" width="100%"><tbody><tr><td width="50%">[SIZE=-1]Create Date : 06 กันยายน 2552[/SIZE]</td></tr><tr><td width="50%">[SIZE=-1]Last Update : 22 ธันวาคม 2552 9:27:09 น.[/SIZE]</td></tr></tbody></table><!-- google_ad_section_end -->
__________________
<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->กินยาอย่าลืมเขย่าขวดกันนะเด็กๆ
</td></tr></tbody></table>