ทำไมพระเจ้ามาป้วนเปี้ยนแถวนี้บ่อยจัง ผมจะอธิบายเรื่องพระเจ้าจริงๆให้ฟัง

คุณก็ยังมีการตัดสินเข้าข้างอยู่ดีอะนะ เค้าจะทำอะไรก็เรื่องของเค้าไปดีกว่ามั้งคุณ

ทั้งคุณสันโดษ คุณ ขจรศักดิ์ ฯลฯ

ถึงมาสอนยังไง ก็ไม่ยอมซึมเข้าไปหาพวกเค้าหรอก

เค้าคงต้องได้เจอเองมังครับ เพราะถ้าคุณมาสอนแบบนี้ ก็ไม่มีใคร อยากมาจำกันหรอก

หากคุณเป็นครู ผมให้ติดลบนะ เพราะนักเรียนไม่เกิด กระบวนการ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง

 

อ่านแล้ว

พอจับใจความได้ว่า คุณ "ขันธ์" ไม่ธรรมดาเลย

นับว่าเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งทีเดียว

 

คุณ ริด คุณไปรักษาโรคเส้นเลือดโป่งพองอันเกิดจากการเบ่งเกินพอดีก่อนดีไหม

 

คนนี้ตาถึง

เอาไว้จะมาคุยด้วย วันนี้ จะไปพักผ่อน ขอตัวก่อน

 

ชอบครับ จิกตีกันแบบนี้ผมชอบๆ สังคมที่อยู่กันแบบสงบสุขมันไม่ค่อยตื่นเต้น ต้องมีกระทบกันบ้าง เป็นรายการบังเทิงใจของกองเชียร์

 

โรค ทางกายก็ไม่เท่าโรคทางใจหรอกครับคุณขันธ์

เห็นได้อีกว่าคุณเข้าข้างคนที่มาชมคุณชัดๆเลย หึหึ แค่นี้ยังตามจิตไม่ทันเลยนะครับ

คุณขันธ์ ขอโทษ ด้วยนะครับ หากผมตาไม่ถึงพอที่จะ อ่านข้อความคุณแล้วเกิดปัญญาได้ อัตโนมัติเลย

อ่าฮะ..........................................................

 

เป็นเกียรติยิ่งนักครับท่านสันโดษ... แต่ก็ถือเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่นัก...

ข้าพเจ้าจักพยายามทำให้ถึงพร้อม...ฮะ...

 

มีงานเข้า มีงานเข้า มีงานเข้า ....เอร้องไงต่อหว่า

 

คำเตือน...ผู้ปกครองควรพิจารณา เด็กและคน ธรรมดา ไปนอนซะ..
เพราะยุ่งกับปลาร้ามันเหม็นเน้อ

[FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]๏ ปลาร้าพันห่อด้วย.....ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา.......คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา...........คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง.........เฟื่องให้เสียพงศ์ ๚

[/FONT]

 

ต่อดิครับกำลังสนุกเลย:boo:

 

โอ่.......งั้นเด็กและตรีมีครรภ์ยิ่งไม่ควรอ่านเลยนะฮะท่าน

ผมกลัวว่าหากคุณแม่คนไหนมาอ่านเข้า ข้อความเค้าจะซึมถึงลูกในท้องอ่าฮะ

กลัวเค้าเกิดมาแล้ว ถือนัก ถือหนา ไม่มีจินตนาการของตัวเอง

ต้องคอยพึ่งตำราอยู่ แบบ คุณ เจ้าของกระทู้จังเลย ฮะ

 

ผมมารอฟังธรรมมะ จากคุณขันต์ตั้งนานแล้ว หวังว่าคุณขันต์จะอธิบายแบบพิศดาร ผมยังไม่ได้รับอะไรที่ใหม่ๆเลย นอกจากเสียงป่าวประกาศ ว่าฉันคือผู้รู้มาก
เรื่องพระเจ้าที่พูดมาก็ล้วนแต่อ้างอิงจากตำราศาสนา ที่ปรัมปรา มีมาแต่โบราณ
ภาษาที่กล่าวออกมาไม่รู้สึกว่ามีความปรารถนาที่จะแบ่งปัน

ผมรอฟังอยู่ว่า คำว่าพระเจ้าในความหมายของคุณขันต์คืออะไร
แล้วคิดว่าพระเจ้าที่เรากล่าวถึงคือใครกัน

 

เห็นคนมามุงกันมาก ๆ ก็แทรกเบียดเข้ามาดู..........อ้อ ! เขาเล่นกล คนมาดูคนเล่นกล ขายยาเร่ตามตลาด หาเพื่อนเล่นแก้เหงา ........ปาหี่น้อย ๆ

ทำให้เราอดคิดถึงตอนเด็ก ๆ ไปดูคนเล่นกล เอางูมาโชว์เป็นกลยุทธ์เรียกคนให้มามุงดูเยอะ ๆ จะได้ขายของ เชิญชวนคนให้มามีส่วนร่วมด้วยยุทธวิธีเสียดสี......ใครมีอัตตาสูง แกก็ใช้ไม้แหย่ให้โต้ตอบ หลงตามแกก็เสร็จ ถ้ามีอารมณ์คล้อยตาม แกก็กระแทกหนักเข้า

เออ.....ไม่ใช่แก่แล้วแก่เลยหรอก แกแก่มะพร้าวนะเนี่ย..............เย็นไว้โยม แกก็ชวนเราสนุก อย่าไปเครียดกับคนแก่เลยเอาไว้ประดับชุมชนสักคน

ถ้าไม่แน่..........จะเรียกคนมามุงดูเยอะ ๆ ได้เรอะ..............จริงไหมลุง?.

 

เราอาจจะสอนให้ลิง หรือ หมา บวก ลบ เลขง่ายๆได้ แต่ถ้าสอนให้มันทำ


โจทย์เลขแคลคูลัส ยากๆ คงทำไม่ได้ เพราะ เกินระดับมันสมองที่จะเรียนรู้


คนเราก็เหมือนกัน เรื่องบางเรื่อง มนุษย์อาจจะไม่มีวันเข้าใจไปตลอดก็ได้


ได้แต่เข้าใจไปเองว่าความเชื่อของตัวเองเป็นความจริงที่แท้จริง



ผมว่าคนที่มีปัญญาที่แท้จริง จะไม่พยายามสรุปว่า ความเชื่อของตนเอง


เป็นความจริงที่แท้จริง แต่จะพยายามรับฟังข้อมูล และหาประสบการณ์


เพื่อนำมา พัฒนาความเชื่อของตนเองให้เข้าใกล้ความจริงที่แท้จริง ที่สุด



คนที่คิดว่าความคิดของตัวเองถูกต้องที่สุดแล้ว ก็จะไม่สามารถพัฒนาความ


คิดไปได้มากกว่านี้

 

ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม กฎแห่งธรรม..... คิดเรื่องคนอื่นให้วุ่นวายทำมัยกัน....

 

อ่าว.....วันนี้หลวงพ่อขันธ์ ไม่มาตั้งวงเทศน์ อีกหรอฮะ มารอตั้งแต่เช้า

เผื่อจะได้อะไรมาใหม่ กับเค้าบ้าง .... หว่า...... หลวงพ่อขันธ์ หายไปไหนแล้วฮะ?

 

หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยสอน ผมยังระลึกถึงเสมอ

จงอย่าคิดว่าคนอื่นจะต้องมาลงโทษเรา
ก่อนที่คนอื่นจะลงโทษ
กรรมที่เราทำความชั่ว
มันก็ทำความเร่าร้อนให้เกิดขึ้นแก่เรา
ใครเขาพูดความชั่วคราวใด
เราก็สะดุ้งเพราะเรามันเลว

พระพุทธเจ้าตรัสว่า
อัตตนา โจทยัตตานัง
จงเตือนตนไว้เสมอ และจงโจทตน
กล่าวโทษตนไว้เป็นปกติ
หาความชั่วของตัว
อย่าไปหาความชั่วของบุคคลอื่น
ถ้าเลวมากเมื่อไหร่
เราก็เพ่งเล็งความเลวของบุคคลอื่นมากเท่านั้น
ถ้าเราดีมากเท่าไหร่
เราก็ไม่มองเห็นความเลวของบุคคลอื่น
เพราะยอมรับนับถือกฎของกรรม
ที่เรายังไปหาความเลวของบุคคลอื่น
เสียดสีเขาบ้าง พูดกระทบกระเทียบเขาบ้าง
ทำลายความสุขใจเขาบ้างนั่น
แสดงว่า เรามันเลวที่สุดของความเลว
คือความเลวมันไม่ได้ ขังอยู่ เฉพาะในใจ
มันไหลออกมาทางกายไหลออกมา
ทางวาจา เพราะมันล้น เลวจนล้น
นี่ขอทุกท่านจงจำไว้
อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น
มองดูความเลวของตน
ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น
ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด

คิดให้ออก..... แล้วจดน่ะท่านขันธ์

 

;aa40

สาธุครับ

 

อยากรู้อะไร ก็ถามมาสิ
สำหรับ เรื่องพระเจ้า อธิบายไปแล้ว แต่ต้องใช้สติปัญญาไตร่ตรองสักหน่อย
ประเภท มาอ่านลวกๆ มันไม่เข้าใจหรอก
มันไม่เหมือนอ่านหนังสือการ์ตูน

ใครอยากรู้อะไร ถามมาได้ทุกเรื่อง ตอบถูกใจหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง
แต่ให้จำเอาไว้่ว่า คำตอบที่ถูกใจ ไม่ต้องตอบก็เหมือนกัน
เพราะว่า คำตอบเหล่านั้นมันอยู่ในหัวของคนถามอยู่แล้วมันเลยถูกใจ

แต่ถ้า ไม่ถูกใจนี่ต้องพิจารณาให้มาก ว่าทำไมมันถึงขัดใจเราได้

 

ใช้หัวพิจารณาก็ได้ครับ ไม่ต้องใช้ญาณทัสนะหรอก
แต่ถ้าจะให้แจ่มแจ้งจริงๆ ต้องใช้ญาณทัสนะครับ

พระเจ้าถ้าจะเอามาอธิบายจริงๆเป็นสิ่งที่ลึกมาก
แต่จะเอาง่ายๆก็เป็นแบบปุลาธิษฐานทั่วๆไป
จริงๆแล้วเป็นระดับธรรมธาตุเลย

เรื่องกรรมก็เป็นเรื่องที่ปรากฏให้เห็นตลอดเวลา เถียงไม่ได้เลยว่าไม่มี
แม้แต่กฏแห่งการดึงดูด ที่นักจิตวิทยาเอามาเขียนเป็นหนังสือกัน
ก็เป็นเรื่องกฏแห่งกรรมทั้งนั้นครับ

เขาใช้เคล็ดประมาณว่า มโนกรรม เป็นรากของวจีกรรม กายกรรม
แล้ว 2 กรรมส่งนอกเนี่ยแหละเป็นตัวดึงดูด โดยมีแรงบันดาลมาจากมโน
ทุกอย่างขึ้นกับการกระทำ และผลของการกระทำ เหตุปัจจัยสัมพันธ์ทั้งนั้น
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุ และเหตุในเหตุที่ลึกซึ้งไปอีกที
ส่งผลเป็นทั้งผลสำแดง ผลแฝง ผลทางอ้อม สารพัด...

ยึดตำราแหละถูกแล้วครับ แต่ควรมีการพัฒนาความเข้าใจด้วยไหวพริบเข้าไปด้วย
ส่วนมีจินตนาการอะดีแล้วครับ สนับสนุน
แต่ถ้าจินตนาการเกินเหตุ ไม่สมเหตุสมผล ทางจิตวิทยาเขาเรียกว่า พวกวิปลาสครับ

ปัญญาไม่ได้มาจากสมองครับ สมองก็ถูกควบคุมโดยจิต
ขุมของปัญญามาจากจิต พัฒนาจากจิต

ธรรมของพระตถาคตทรงแสดงไว้ดีแล้ว ท่านจงมาดูเถิด...สาธุ