อาการ 28 อย่างที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเลื่อนระดับขึ้น (Ascending) หรือวิวัฒน์ขึ้น สู่ปี 2012

คำตอบที่สั้นที่สุด ก็คือ "รักแบบไม่มีเงื่อนไข" อันนี้ศัพท์ฝรั่งนะครับ

ถ้าเป็นบ้านเราก็ "เมตตาอัปปมาญาณ" เขียนถูกไหม๊เนี่ย??
คือการมีเมตตากรุณาต่อทุกสรรพชีวิตโดยไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ

เอ่อ..หมายถึง ทำให้สิ่งเหล่านี้ เกิดมี ตั้งอยู่ และคงไว้ในจิตใจของคุณ

อันนี้จะด้วยวิธีการไหนก็ตามแต่ ของสำนักไหน ของโลกซีกไหนก็ตามแต่
เพื่อเปิดรับแสงสว่าง ขับไล่ความมืดเบื้องต้นออกจากใจก่อน

แล้วหากจะไปให้ถึงระดับไหนต่อไปนั้น ค่อยว่ากันต่อ เพราะเมื่อความดีเริ่มเข้ามาถึงขั้นแล้ว
มันก็จะดึงดูดกันมาอีกเป็นขบวนเลยหละครับ

หรือถ้าแบบไม่ต้องเครียด แบบง่ายๆ ขำๆ ก็ลองมาอ่านตรงนี้ดูนะครับ

http://palungjit.org/threads/2012-ป...ขึ้น-ascension-ไปสู่มิติที่-5-a.217055/page-2

<table id="post2700811" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255); border-width: 1px 0px 1px 1px; font-weight: normal;">05-12-2009, 10:53 PM </td> <td class="thead" style="border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color; border-width: 1px 1px 1px 0px; font-weight: normal;" align="right"> #24 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175"> <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2700811", true); </script>
ผู้สนับสนุนบริจาค



วันที่สมัคร: Aug 2005
สถานที่: Vietnam
อายุ: 37
ข้อความ: 2,603
Groans: 40
Groaned at 11 Times in 7 Posts
ได้ให้อนุโมทนา: 14,431
ได้รับอนุโมทนา 32,977 ครั้ง ใน 2,851 โพส
พลังการให้คะแนน: 2325


</td> <td class="alt1" id="td_post_2700811" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> <!-- google_ad_section_start --><!--[if !mso]> <style> v:* {behavior:url(#default#VML);} o:* {behavior:url(#default#VML);} w:* {behavior:url(#default#VML);} .shape {behavior:url(#default#VML);} </style> <![endif]--><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype><o:smarttagtype namespaceuri="urn:schemas-microsoft-com<img src=" http:="" palungjit.org="" images="" smilies="" omg-smile.gif="" border="0" alt="" title="Surprised" smilieid="34" class="inlineimg"></o:smarttagtype><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if !mso]><object classid="clsid:38481807-CA0E-42D2-BF39-B33AF135CC4D" id=ieooui></object> <style> st1:*{behavior:url(#ieooui) } </style> <![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapedefaults v:ext="edit" spidmax="1027"/> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <o:shapelayout v:ext="edit"> <o:idmap v:ext="edit" data="1"/> </o:shapelayout></xml><![endif]--> Tools for The Shift
เครื่องมือเพื่อการเปลี่ยนระดับ

สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ การที่พวกเราแต่ละคน กำลังเพิ่มระดับความถี่ของการสั่นสะเทือน
ของพวกเราขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในแต่ละวัน มันจึงมีกระแสแห่งโอกาส ที่จะเพิ่ม หรือ ลดระดับความถี่ของการสั่นสะเทือนของเราเอง เข้ามาหาตลอด
ทางที่เราเลือกจะไปกระทบต่อทุกสรรพสิ่ง คุณยังพอจะจำได้ไหมว่า คุณเป็นส่วนหนึ่ง
ของระบบการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างตัวคุณกับกาแล็กซี่อย่างไร

เพราะว่าความท้าทาย ของการล่องไปบนเส้นทางของการเปลี่ยนระดับนี้ มันสามารถผลักให้เราจนตรอกได้เลยทีเดียว

เพราะฉะนั้น บางครั้ง เราจึงต้องการความช่วยเหลือ แต่ปัญหาก็คือว่า เราลืมไปว่า เราสามารถขอความช่วยเหลือได้
และบางครั้ง เราก็เครียดมากเกินไป จนทำให้ลืมขอความช่วยเหลือไป

ด้วยเหตุนี้ ข่าวดีก็คือ มนุษย์ทุกคน ได้รับมอบ “เทพผู้พิทักษ์” (Guardian Angels)
มาให้จำนวนคนละ 2 องค์ ตั้งแต่ก่อนที่จะมาถือกำเนิดแล้ว

และจากงานวิจัยของนายรัซเซล บอลดิ้ง (Russell Boulding) เปิดเผยว่า
ตอนนี้ พวกเราทุกคน สามารถร้องขอเทพผู้พิทักษ์เพิ่มขึ้น ได้อีก 4 องค์
เพื่อช่วยให้เราพร้อมสำหรับการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้น เพียงแค่คุณอยู่ในความสงบ แล้วตั้งสมาธิให้แน่วแน่
แล้วร้องขอเทพผู้พิทักษ์เพิ่มอีก คุณไม่จำเป็นต้องร้องขอเทพผู้พิทักษ์เพิ่มถึง 4 องค์ในคราวเดียว
และเมื่อคุณได้ร้องขอเสร็จเรียบร้อยแล้ว จงนั่งลง แล้วเขียนรายการที่คุณต้องการให้พวกเขาช่วยเหลือ แล้วให้พวกเขาทำ

แล้วยังมีอะไรอื่นอีกไหม๊ ที่คุณสามารถเตรียมการไว้ก่อนได้ สำหรับการเลื่อนระดับขึ้นในครั้งนี้ ?

เท่าที่ฉันบอกได้ก็คือ ทั้งร่างกายของคุณ และจิตสำนึกของพวกเรา ตอนนี้กำลังมีการเปลี่ยนรูปแบบ
(Transform) เกิดขึ้นอยู่แล้ว

ทั้งจิตสำนึกและสสาร ต่างก็เป็นรูปแบบหนึ่งของพลังงานด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อพวกเราใช้จิตของเราในการคิด
มันจะไปทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของแรงกระตุ้นทางไฟฟ้า หรือกระแสประสาทในสมองขึ้น
เมื่อพลังงานไฟฟ้ามีการเคลื่อนไหว มันก็จะไปทำให้พลังงานแอเทอริก
(Aetheric energy – หรือบางทีเขาก้ใช้คำว่า etheric energy ซึ่งน่าจะเป็นอันเดียวกับ หรือคล้ายๆกับ
สิ่งที่พระอาจารย์รัตน์ท่านเรียกว่า “มโนธาตุ” หรือ "ปราณ" กันแน่ก็ไม่รู้นะครับ
เพราะผมก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เพราะเห็นเขามีการทดลองบรรจุลงในน้ำดืม เพื่อช่วยให้มีสุขภาพกาย
และจิตดีขึ้นคล้ายๆกัน ดังนั้น ตอนนี้ ผมขอใช้คำว่า “มโนธาตุ” ไปก่อนก็แล้วกันนะครับ – Chayutt)
หรือมโนธาตุ เกิดการตกตะกอน แล้วก่อให้เกิดสสารในมิติทางกายภาพขึ้นมา

และสิ่งเดียวกันนี้ ก็เกิดขึ้นกับร่างกายของเราด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ เรามีทัศนคติต่อร่างกายเนื้อของเราอย่างไร
มันก็จะไปสร้างสิ่งที่เรามองเห็น และเชื่อตามอย่างนั้นด้วย
(เดี่ยวเราค่อยมาลงในรายละเอียดกันทีหลังนะครับ – Chayutt)


เพราะฉะนั้น เราจำเป็นต้องมีสติสัมปชัญญะ ในทุกๆสิ่งที่เราคิด และรู้สึก

และหากว่าถูกครอบงำอย่างหนัก โดยพลังงานด้านลบที่อยู่รอบๆตัวเรามาโดยตลอดแล้ว
เช่น จากทีวี จากภาพยนตร์ จากเหตุการณ์ต่างที่เกิดขึ้นระดับท้องถิ่น / ระดับชาติ / ระดับโลก
ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องอบรมจิตใจ และพฤติกรรมของเราเองซะใหม่ โดยใช้เครื่องมือช่วยฝึกจิต
หรือ “งานภายใน” (Inner work) และฝึกกาย หรือ “งานภายนอก” (Outer work) บางอย่างช่วย


งานภายใน (Inner work):

ขั้นแรก เพื่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนระดับในครั้งนี้
เราต้องมาดูในส่วนของงานภายในกันก่อน

ลินน์ กราบฮอร์น (Lynn Grabhorn) ได้สร้างเครื่องมือสำหรับงานภายในขึ้นมาอย่างหนึ่ง
เพื่อใช้ฝึกฝนอบรมทัศนคติและมุมมองของตัวเราเองใหม่ ที่เธอเรียกว่า “การสวิตช์กลับข้าง” (Flip switching)
ซึ่งมันทำให้เราตระหนักรู้ว่า เรากำลังถ่ายทอดพลังงานออกมา และ รับเอาพลังงานเข้าไปอย่างไร

เธออธิบายถึงกระบวนการนี้ด้วยภาษาทางดนตรี ซึ่งเธอสมมุติให้มีตัวโน้ตเสียง “โด” อยู่ตรงกลางของบรรทัด
เมื่อเราปลดปล่อยพลังงาน ที่เกิดจากจิตสำนึกฝ่ายสูงออกมา นั่นหมายถึง
เราไม่เพียงแต่จะไปทำให้ ระดับคลื่นความถี่ของตัวเราเองเท่านั้น ที่ถูกยกสูงขึ้น
แต่เราจะไปทำให้คลื่นความถี่ของสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเราถูกยกสูงขึ้นไปด้วย

แต่เมื่อเราปลดปล่อยพลังงานที่เกิดจากจิตสำนึกฝ่ายต่ำออกมา นั่นหมายถึง
เรากำลังทำให้ระดับคลื่นความถี่ของตัวเราเองลดต่ำลง

เพราะฉะนั้น เทคนิค “การสวิตช์กลับข้าง” ของลินน์ กราบฮอร์นอันนี้ มันเป็นเครื่องมือที่ใช้กับ
“งานภายใน” อย่างหนึ่ง ที่ใช้สำหรับการมองหา และค้นหาหนทางสู่การรู้สึกที่ดีขึ้น
มันเป็นเครื่องมือสำหรับงานภายใน อย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราตระหนักถึงพลังงานที่เรากำลังถ่ายทอดออกมา

เทคนิค “การสวิตช์กลับข้าง” นี้ อาศัยหลักการทางดนตรีของโน้ตเสียง “โด” เสียงกลาง (Middle C)

พลังงานที่เกิดจากจิตสำนึกฝ่ายสูง จะไปยกระดับคลื่นความถี่ของเราให้สูงกว่าเสียง “โด” กลางที่ว่านั้น
ในขณะที่พลังงานที่เกิดจากจิตสำนึกฝ่ายต่ำ จะไปลดระดับคลื่นความถี่ของเราให้ต่ำลง

และนี่คือวิธีการของเทคนิค “การสวิตช์กลับข้าง” (Flip switching)

ให้เราทำความรู้สึก เหมือนกับความรู้สึก ตอนที่เรากำลังโอบอุ้มลูกสุนัข หรือลูกแมวตัวเล็กๆ น่ารักๆอยู่
ด้วยความรัก ความเอ็นดูอย่างที่สุด
หรือทำความรู้สึก ให้เหมือนกับความรู้สึก ตอนที่เรากำลังโอบอุ้มเด็กทารกที่น่ารักและน่าเอ็นดูอย่างที่สุดอยู่
ด้วยความรัก ความเอ็นดูอย่างที่สุด จากนั้น ก็ให้นึกส่งความรู้สึกนี้ ไปสู่สิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัวเรา
ไม่ว่าจะเป็น ดินสอบนโต๊ะทำงานของคุณ, ลูกบิดประตู, สัญญาณไฟแดงตรงทางแยก, รถยนต์ทีน้ำเงินคันนั้น,
ต้นไม้ใบหญ้า, คนขับรถคันที่อยู่ข้างๆคุณ, แปรงสีฟันของคุณ. เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ, ฝูงนก,
หรือแม้แต่ผ้าเช็ดตัวของคุณ

เป้าหมายของการทำเช่นนี้ ก็คือ ทำทุกวันๆ จนมันพบเส้นทางเดินของมันเอง
(หรือทำจนคล่อง หรือทำจนเป็นวสี – Chayutt) จนคุณสามารถส่งคลื่นความสั่นสะเทือน
จากจิตสำนึกฝ่ายสูงออกไปได้ ไม่ว่าในขณะนั้น คุณจะกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ก็ตาม




งานภายนอก (Outer work):

ความเมตตากรุณา (Kindness) คือเครื่องมือของ “งานภายนอก” ที่คุณสามารถนำมาใช้
เพื่อเตรียมความพร้อมของตัวเองสู่ปี 2012 และการเปลี่ยนระดับที่กำลังจะมาถึง

ฉันเรียกมันว่า “งานภายนอก” เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับ “การแสดงออกอย่างมีสติ”
เครื่องมือที่ว่านี้ คือการแสดงความเมตตากรุณา ต่อตัวคุณเอง, ต่อผู้อื่น และต่อสิ่งแวดล้อม

และต่อไปนี้คือสิ่งที่จะต้องทำ:

สำหรับตัวคุณเอง :

<!--[if !supportLists]-->- เข้านอนแต่หัวค่ำ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ไม่รับโทรศัพท์ในเวลากลางคืน<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ปิดทีวี แล้วหาหนังสือที่จรรโลงใจ หรือก่อให้เกิดแรงบันดาลใจมาอ่านแทน<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ทำสมาธิ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- นอนแช่ในอ่างน้ำ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ดูวีดีโอที่ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ / จรรโลงใจ จากกลุ่มคนที่ทำงานด้านจิตวิญญาณ<!--[endif]-->

สำหรับผู้อื่น:

- รับอาสาเลี้ยงลูกให้เพื่อนบ้านบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้มีเวลาพักบ้าง
- แอบเขียนจดหมายหรือข้อความแสดงความรักของคุณ แล้วซ่อนไว้ในห่อข้าวกลางวันของลูกๆคุณ
หรือซ่อนไว้ในกระเป๋าสตางค์ของคู่สมรสของคุณ
- ส่งจดหมายถึงครูบาอาจารย์ของคุณ บอกพวกท่านว่าสิ่งที่พวกท่านได้เมตตาอบรมสั่งสอนคุณมา
ได้ทำให้ชีวิตของคุณแตกต่างไปมากแค่ไหน
- บริจาคเงินให้กับผู้คน หรือ มูลนิธิ สักแห่ง ในนามของผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
- ริเริ่มกองทุนเพื่อการกุศลอะไรซักอย่างหนึ่ง ที่มีคุณค่า
- รวบรวมเสื้อผ้า และสิ่งของเครื่องใช้เก่าๆ ที่ใช้แล้วของคุณเองและของเพื่อนร่วมงานของคุณ
ไปบริจาคให้สถานสงเคราะห์เด็กเร่ร่อน
- ขอให้ลูกๆของคุณนำของเล่นของพวกเขา ไปมอบให้กับเด็กที่ด้อยโอกาสกว่า
- เมื่อมีเพื่อนบ้านใหม่ย้ายเข้ามาอยู่ ให้อบคุกกี้ แล้วนำไปมอบให้พวกเขาเพื่อเป็นการยินดีต้อนรับพวกเขา

สำหรับสิ่งแวดล้อม:

<!--[if !supportLists]-->- เวลาที่เดินผ่านละแวกบ้านของคุณ ให้เก็บขยะที่ถูกทิ้งอยู่ข้างทาง หรือในรางระบายน้ำไปทิ้งด้วย<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- นำรถเข็นสำหรับช็อปปิ้งไปจอดไว้ด้านหลังลานจอดรถ ในที่ๆของมัน ให้เขาด้วย<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ ไว้รอบๆที่อยู่อาศัยของคุณ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- นำขยะของคุณมาใช้ใหม่<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ฝึกหัดนิสัยการ “ใช้จนหมด, ใส่จนขาด, มัธยัสถ์” (use it up, wear it out, make it do)<!--[endif]-->


และต่อไปนี้คือสิ่งที่ไม่ใช่ความเมตตากรุณา:

<!--[if !supportLists]-->- ทำอะไรซักอย่างเพื่อผู้อื่น โดยหวังผลตอบแทน รวมถึงคำชมเชย และการยอมรับนับถือ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ทำอะไรสักอย่างเพื่อผู้อื่น ที่พวกเขาต้องมาบอกคุณเองว่าพวกเขาอ่อนแอ,
ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือ ไร้ความสามารถ<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ช่วยเหลือผู้อื่น จากสิ่งที่เป็นผลลัพธ์จากการกระทำของเขาเอง และเป็นการปิดกั้น
ไม่ให้เขาได้เรียนรู้บทเรียนที่เกี่ยวกับผลจากการกระทำของเขาเอง (เช่น การวิ่งเอาการบ้านที่ลูกลืมทิ้งไว้ที่บ้าน
ไปให้ลูกถึงที่โรงเรียน หรือการขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน เวลาที่ลูกตื่นสายไปไม่ทันรถโรงเรียน เป็นต้น)<!--[endif]-->
<!--[if !supportLists]-->- ให้คำแนะนำโดยปราศจากการร้องขอ<!--[endif]-->


ความเมตตากรุณา ไม่ได้เป็นแค่หลักการแห่งความนุ่นนวล, หรือเป็นละอองไอแห่งความรู้สึกที่ดี
และอบอุ่นเท่านั้น แต่สิ่งที่มันจะให้กับคุณคือผลลัพธ์ในโลกแห่งความเป็นจริง
เพราะมันจะไปสร้างคลื่นพลังงานอันทรงพลัง ที่จะไปเปลี่ยนรูปแบบในระดับลึกของ DNA
ทั้งของผู้ให้และผู้รับได้จริงๆเลยทีเดียว มันทำงานได้เหมือนปาติหาริย์ และได้ผ่านการตรวจพิสูจน์แล้ว
ทางวิทยาศาสตร์ ในเชิงชีววิทยา, สรีรศาสตร์, ภูมิคุ้มกันจิตประสาทวิทยา
(Psychoneuroimmunology – ไม่รู้แปลถูกหรือเปล่านะครับ –Chayutt) และทางฟิสิกส์

เมื่อใดที่เราเปิดใจของเรา และหยั่งลงสู่หัวใจของผู้อื่น ด้วยความเมตตากรุณา
สมองของเรา จะหลั่งสารเอนโดร์ฟิน (endorphins) ออกมา ซึ่งสารเอนโดร์ฟินที่ว่านี้
มันเป็นสารเคมีที่มีคุณสมบัติบางอย่างคล้ายๆมอร์ฟีน ที่มันจะทำให้เรารู้สึกมีความสุข

การแสดงออกซึ่งความเมตตากรุณา จากผลการศึกษาของนักวิจัยชื่อ พอล เพอร์แซลล์ (Paul Persall)
ระบุว่า มันจะไปทำให้สมองของเรา ปลดปล่อย “สสารพี” (Substance P)
ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทอย่างหนึ่ง ที่สามารถปิดกั้นความรู้สึกเจ็บปวดไว้ได้

กระบวนการทางสรีรวิทยาทั้ง 2 อย่างนี้ มีอิทธิพลอย่างมาก ต่อร่างกาย / จิตใจ / จิตวิญญาณของเรา
และต่อประสบการณ์ชีวิตที่เราจะพบเจออีกด้วย

..........................................
</td></tr></tbody></table>

 

ขอขอบคุณ คุณChayuttมากมายครับ มันเยี่ยม!ดีมากครับที่ได้ศึกษาเรื่องนี้
พออ่านต่ออีกหน่อย รู้สึกว่าเริ่มๆจะเข้าใจ บางแล้วครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ

 

สร้างเงื่อนไขด้วยคำว่า "ไม่มีเงื่อนไข"
สร้างโปรแกรมควบคุมสำหรับความเป็นอิสระ
สร้างกฏเกณฑ์ให้กับความไม่มีกฏเกณฑ์
สร้างกรอบให้กับสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด
สร้างความลังเลสงสัยบนเส้นทางที่ควรจะมีแต่ความเชื่อมั่น
สร้างหมาป่าแต่ใช้ขนแกะหุ้ม

รักเถอะ จะลังเลทำไมถ้าจะรัก
ให้เถอะ สงสัยทำไมถ้าจะให้
อภัยเถอะ เพราะความผิดพลาดอยู่ในบทเริ่มต้นของการเรียนรู้

อยากทำอะไรก็ทำกันไปเรียนรู้กันไป ไม่เดือดร้อนคนรอบข้างและตัวเองจนเกินไปก็ลองดู
แต่ถ้าทำสิ่งที่ไม่เดือดร้อนอะไรใครเลยล่ะก็แสดงว่า ความตื่นเป็นของท่าน

ท่านทั้งหลายที่กำลังตามหา อยากไป อยากเข้า อยากได้ อยากเข้าใจ อยากรู้จัก สิ่งที่มันเป็นเพียงสัญลักษณ์และภาษาที่กำหนดขึ้นมาเรียกแทนสภาวะทางจิต ซึ่งมันก็เป็นแค่ชื่อเรียกเสียงเรียก หลายคนก็เลยติดอยู่กับภาษา เขาว่ามันดีมันอย่างนั้นอย่างนี้ก็เลยจำฝังใจแต่ไม่เข้าใจ
สภาวะนั้นๆเป็นผลลัพธ์ของจิตที่ได้รับการขัดเกลาและเข้าใจสุดเหตุสุดผลแล้ว สภาวะนั้นๆของจิตก็เป็นสมบัติของจิตนั้นๆ ใครอธิบายได้ว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีรูปแบบอย่างนั้น มีสีอย่างนี้ อยู่ที่นั่นที่นี่ มีความหมายอย่างนั้นอย่างนี้ นั่นเพราะเขาไม่เข้าใจ เลิกคิด เลิกอธิษฐานถึง ว่าขอให้ได้ไป ขอให้ได้พบ ขอให้ถึงในชาตินั้นชาตินี้ เพราะนั่นจะทำให้ยิ่งไกลไปอีก
อยู่ที่เราเองทั้งหมดแล้ว วิธีการก็มีบอกสอน พูดถึงกันทั่วไป ไม่เข้าใจก็ค่อยๆขบให้เข้าใจ ค่อยๆขัดเกลาความเป็นเดรัจฉานในตัวเอง ค่อยๆฝึกควบคุมความคิด เพราะมันเป็นสิ่งที่สร้างอารมณ์ ฝึกฝนวิธีคิด เรียนรู้การใช้สมอง เรียนรู้วิธีคิด สมองเป็นของเราอยู่ที่เราใช้ ว่าจะใช้คิดเรื่องอะไร แบบไหน ยังไง คิดแบบไหนสร้างผลลัพธ์ยังไง ถ้ามีความรู้ความเข้าใจมากพอ เราเลือกใช้งานและควบคุมมันได้ จิตใช้สมองด้วยเจตสิก สมองใช้ความคิดตามเจตสิก ร่างกายก็จะมีอาการตามเจตสิกของจิต

ศีลมีเอาไว้บังคับให้ใช้เวลาการเรียนรู้ให้คุ้มค่า รักษาสมดุลย์ของร่างกายและจิตใจให้สงบสบาย ง่ายต่อการได้สมาธิ
พอได้สมาธิ จิตใจก็พร้อมที่จะพิจารณาทำความเข้าใจความรู้เรื่องราวละเอียดลึกซึ้งได้แล้ว
ความเข้าใจก็คือปัญญา
ข้อปฏิบัติเหมาะสมกับตัวเองก็คือศีลดี สุขภาพกายดี สุขภาพจิตใจดี มีความสุข ก็นั่นแหละบุญที่ได้จากศีล
สมาธิเกิดง่าย ขบคิดลึกซึ้งได้หลายแง่มุม ความเข้าใจสิ่งต่างๆมีมาก ปัญญามาก ใจกว้าง ให้อภัย ให้โอกาสคน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทีนี้สุขกันเป็นหมู่คณะเลย ก็นั่นแหละส่วนหนึ่งของอานิสงส์ที่มาจากศีลแล้วก่อให้เกิดกุศลประโยชน์ต่อทั้งตนเองและคนแวดล้อม

ความรู้มีมากมายแล้ว แต่ต้องเลือกกันหน่อย กรองกันนิด อย่างเดี๋ยวนี้ไข่ สาหร่าย ยังมีปลอมมีปน เพศก็ผิดเพี้ยนกันไป
เชื่อเลยไม่ตรึกตรอง ด้วยว่ามีคนเชื่อมาก พ่อแม่บอกให้เชื่อ ลือว่ามีปาฏิหาริย์ ฯลฯ แบบนี้เรียกว่า งมงาย
เชื่อเถอะถ้าลองคิดแล้วในหลายๆแง่มุมให้สุดทางนั้นทีทางนี้ที แล้วเห็นจริงตามนั้นด้วยตัวเอง แบบนี้เรียกว่าศรัทธา

ความเข้าใจคือเชื้อเพลิงที่ไม่มีวันหมดของศรัทธา
ความรักคือเปลวเพลิงที่ไม่มีวันหมดไปจากการให้อภัย

รักนะ ขอบอก จุ๊บๆ

 

แค่ 14/28 เอ๊งงง หุหุ บางข้อดูเหมือนจะใช่ แต่พออ่านไปแล้วเอ๊ะ มันยังไม่ถึงนี่หว่า ไม่ง่ายเลยนะคับเนี่ย

 

โอ้ว ตรงอย่างไม่น่าเชื่อ เกือบหมดนะแหละ(ที่เหลือกั๊กไว้นิหน่อย แบบไม่แน่ใจน่ะค่ะ)

 

สวัสดีครับคุณชยุต

อ่านเรื่องของคุณเมื่อไร จะดูเหมือนว่าตัวเองได้ข้อมูลอะไรๆใหม่ๆทุกที ชอบที่คุณเป็นนักค้นคว้าและชอบแบ่งปัน แม้ข้อมูลจะหนักๆไปหน่อย เข้ามาทักทายและช่วยดึงกระทู้ไว้ไม่ให้ตกไวเกินไปนะครับ

 

ข้อมูลดีมากครับ เยี่ยมจริงๆๆ

 

คุณชยุตครับ มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยอธิบายให้ฟังเรื่องเมตตากับกรุณาต่างกันตรงไหน
จริงๆแล้วสองคำนี้เหมือนกันในความหมายจนคนโบราณเอามาพูดรวมกันเป็นวลีเดียวตลอดคือ "เมตตากรุณา" แต่ความแตกต่างของคำทั้งสองอยู่ที่การ Action :

เมตตาเป็น Action ของจิตเกิดที่ในใจของเรารู้สึกได้ว่าเห็นใจเขาสงสารเขาอยากจะช่วยเขาให้คลายจากทุกข์ หรือสรุปง่ายก็คือ เมตตาเป็นความรู้สึกล้วนๆ

กรุณาเป็น Action ที่ออกสู่ภายนอกต่อสรรพชีวิต คือออกแรงกระทำบางอย่างเพื่อช่วยเขาให้คลายจากทุกข์ แม้แค่ส่งความรู้สึกดีดีให้เขาก็คือว่าเป็น Action ที่ออกไปเช่นกัน หรือสรุปง่ายก็คือ กรุณาเป็นการกระทำต่อผู้อื่นเพื่อให้เขาคลายจากทุกข์และมีสุขเกิดขึ้น

เมตตาเป็นความรูสึก
กรุณาเป็นการกระทำออกไป
มุทิตา ยินดีกับเขาที่เขาโชคดีมีสุข
อุเบกขา1 หากไม่สามารถช่วยเขาได้ก็ก็ต้องปล่อยวาง
อุเบกขา2 เมื่อสามารถช่วยเขาได้แล้วก็ต้องปล่อยวางเช่นกันไม่แม้แต่จะคิดให้เขามาช่วยเราตอบแทน คือช่วยแล้วก็แล้วกันจบไปเท่านั้นเอง
พรหมวิหารสี่ก็จะสมบูรณ์ด้วยตัวของเราเอง ฐานที่มั่นของเทพพรหมอยู่ที่ตรงนี้

 

ตามคุณชยุตมาอีกแล้วค่ะ

 

"Twelve Signs of Your Awakening Divinity"
12 สัญญาณแห่งการตื่นรู้อันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะเกิดกับคุณ
“Shaumbra” ....ครอบครัว และมิตรภาพอันลึกซึ้งจากด้านใน
โดย... Geoffrey Hoppe and Tobias

ที่มา...Awakening Signs



1. Body aches and pains, especially in the neck, shoulder and back
การปวดเนื้อปวดตัว และความเจ็บปวดต่างๆ โดยเฉพาะที่คอ ไหล่และแผ่นหลัง

นี้เป็นผลมาจาก มีการเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุดในระดับ DNA ของคุณ
เพราะว่า "เมล็ดพันธ์ของจิตแห่งพุทธะได้งอกงามเกิดขึ้น" สิ่งนี้จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

2. Feeling of deep inner sadness for no apparent reason
รู้สึกถึงความเศร้าลึกๆที่อยู่ภายใน โดยปราศจากเหตุผล

คุณกำลังปลดปล่อยอดีต(ในชาติภพนี้และชาติภพอื่นๆ) มันจึงเป็นสาเหตุของความเศร้า
เหมือนกับการย้ายจากบ้านเก่า ที่ๆคุณเคยอยู่มาหลายต่อหลายปี มาสู่บ้านใหม่
เศร้ามากพอๆกับความต้องการอยากย้ายบ้าน เป็นความเศร้าของการที่ต้องจากมา
มันซ่อนอยู่ในความทรงจำของคุณ
พลังงานและประสบการณ์ของบ้านเก่า มันจะเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

3. Crying for no apparent reason
ร้องไห้อย่างไม่มีเหตุผล
คล้ายๆ ข้อ 2 มันเป็นการดีต่อสุขภาพที่ได้ปล่อยให้มีการหลั่งน้ำตาออกมาบ้าง
มันช่วยในการปลดปล่อยพลังงานเก่าๆที่อยู่ภายในให้ออกมา
สิ่งนี้ก็จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

4. Sudden change in job or career
เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันกับงานหรืออาชีพของคุณ

มันเป็นสัญญาณที่แสนธรรมดามากๆ
เมื่อคุณเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณ คุณก็จะเปลี่ยนให้มันดีขึ้น สิ่งนี้จะผ่านพ้นไป
"อย่าเพิ่งไปเป็นกังวลกับการหางานหรืออาชีพที่สมบุรณ์แบบที่สุดในตอนนี้"
คุณกำลังอยู่ในขั้นตอนการเปลี่ยนผ่าน คุณอาจจะเปลี่ยนการทำงานได้หลายอย่าง
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกงาน ที่เหมาะสมตามความต้องการของคุณจริงๆ

5. Withdrawal from family relationships
มีการแยกตัวออกมาจากครอบครัว

คุณถูกเชื่อมต่อทางชีวภาพกับสมาชิกในครอบครัวของคุณ เพราะกรรมเก่าของคุณ
แต่เมื่อคุณหลุดออกมาจากวัฏจักรนี้แล้ว พันธะผูกพันเก่านี้จึงถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ
คุณจะค่อยๆห่างเหินออกมาจากครอบครัวและเพื่อนๆของคุณ สิ่งนี้จะผ่านไป
หลังจากช่วงเวลาหนึ่ง คุณอาจจะพัฒนาสัมพันธภาพใหม่ๆกับพวกเขาเหล่านั้นได้อีกถ้ามันเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม
สัมพันธภาพนี้ จะอยู่บนพื้นฐานของพลังงานใหม่ โดยปราศจากผลของกรรมเก่าเข้ามาเกี่ยวข้อง

6. Unusual sleep patterns
มีแบบแผนการนอนที่ผิดปกติเกิดขึ้น

มันคล้ายกับว่าคุณจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกบ่อยขึ้น ระหว่าง ตี 2 – ตี 4
เพราะว่ามันมีงานภายในมากมายที่กำลังเกิดขึ้นกับคุณอยู่
และบ่อยครั้งที่มันเป็นสาเหตุให้คุณต้องตื่นขึ้น เพื่อ “พักสักครู่”
แต่ไม่ต้องกังวล และถ้าคุณไม่สามารถกลับไปนอนต่อได้ ก็ลุกขึ้นมาและหาอะไรทำ
ดีกว่าการนอนคิดฟุ้งซ่านและเป็นกังวลอยู่กับเรื่องทางโลกอยู่บนเตียง ..สิ่งนี้จะผ่านพ้นไป

7. Intense dreams
มีความฝันที่เข้มข้นรุนแรงเกิดขึ้น

อาจรวมไปถึงเรื่องสงคราม และการต่อสู่ในฝัน การโดนไล่ล่าในความฝัน
หรือฝันเกี่ยวกับสัตว์ร้าย คุณกำลังปลดปล่อยพลังงานเก่าที่อยู่ภายในออกไปอย่างแท้จริง
และบ่อยครั้ง พลังงานจากอดีตเหล่านี้ จะออกมาในสัญลักษณ์ของสงคราม
การวิ่งหลบหลีก และ วิ่งหนีผีในจินตนาการที่ใช้ขู่หลอกเด็ก
สิ่งนี้ก็จะผ่านพ้นไปด้วยเช่นกัน

8. Physical disorientation
เกิดความสับสนทางกายภาพ

ณ เวลานั้นคุณจะรู้สึกเหมือนไม่มั่นคง คุณจะถูกกระตุ้นด้านมิติสัมพันธ์
ด้วยความรู้สึกที่เหมือนกับว่า คุณไม่สามารถวางสองเท้าของคุณลงบนพื้นดินได้
หรือ คุณกำลังเดินอยู่ระหว่างโลกสองโลก
ขณะที่จิตสำนึกของคุณกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานใหม่ภายใน
บางครั้งเหมือนคุณทิ้งร่างกายของคุณไว้ข้างหลัง ใ
ช้เวลาส่วนมากไปกับธรรมชาติเพื่อที่จะช่วยขับดันพลังงานใหม่ที่อยู่ภายใน

9. Increased "self talk"
มีการพูดคุยกับตัวเองมากขึ้น

คุณจะพบว่าคุณกำลังพูดกับตัวเองมากขึ้นบ่อยครั้ง
ทันที่ที่คุณระลึกขึ้นได้ว่าคุณกำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่มันได้ผ่านไปแล้ว 30นาที
มีระดับการติดต่อสื่อสารใหม่เกิดขึ้นภายในการดำรงอยู่ของคุณ
และคุณกำลังมีประสบการณ์เหมือนกับอยู่บนยอดของภูเขาน้ำแข็ง
การสนทนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และ หลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ สอดคล้องมากขึ้น ชาญฉลาดมากขึ้น
คุณไม่ได้กำลังเป็นบ้า คุณแค่กำลังเคลื่อนเข้าสู่พลังงานใหม่

10. Feelings of loneliness, even when in the company of others
มีความรู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะอยู่ในหมู่เพื่อนฝูง

คุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว และค่อยๆแยกตัวออกมาจากผู้อื่น
คุณจะรู้สึกถึงความต้องการที่จะ หลีกหนีไปจากแหล่งชุมชน
คุณกำลังเดินไปบนเส้นทางที่ศักดิ์สิทธิ์และเดียวดาย
ความรู้สึกโดดเดี่ยวมากเท่าที่คุณจะรู้สึกได้ จะเป็นสาเหตุแห่งความกังวล

มันเป็นการยากที่ต้องสัมพันธ์กับผู้อื่นในเวลานี้
ความรู้สึกโดดเดี่ยวนี้จะเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้นำทางของคุณได้จากไป
พวกเขาเหล่านั้นอยู่กับคุณตลอดการเดินทางในชีวิตทั้งหมดของคุณ
แต่ตอนนี้มันเป็นเวลาที่พวกเขาต้องกลับออกไป

เพื่อที่คุณจะเติมเต็มความว่างเปล่าด้วยพลังศักดิ์สิทธ์ของตัวคุณเอง สิ่งนี้จะผ่านไป
ความอ้างว้างภายในจะถูกเติมเต็มด้วยความรักและพลังงานของจิตแห่งพุทธะด้วยตัวของคุณเอง

11. Loss of passion
เป็นอิสระจากความปรารถนา

คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีความต้องการที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย นั่นไม่เป็นไร
มันเป็นเพียงแค่กระบวนการ ใช้เวลานี้เพื่อที่จะไม่ทำอะไร อย่าต่อสู้กับตัวเองสำหรับเรื่องนี้

เพราะ สิ่งทั้งหมดนี้จะผ่านไป มันก็คล้ายกับการรีบูท คอมพิวเตอร์
คุณต้องปิดเครื่องบ้างย่นเวลาลง
เพื่อที่จะโหลดซอฟแวร์ความไร้เดียงสาลงไปใหม่
หรือในกรณีนี้ พลังงานใหม่ของเมล็ดพันธ์ของจิตแห่งพุทธะ

12. A deep longing to go Home
มีความรู้สึกอยู่ลึกๆว่าอยากกลับบ้านเหลือเกิน

บางทีนี่อาจเป็นขั้นตอนและเงื่อนไขที่ยากที่สุด
คุณอาจจะต้องเผชิญกับความปรารถนาอย่างลึกซึ้งและแรงกล้า
เพื่อที่จะไปเสียให้พ้นจากโลกนี้ และกลับบ้านของคุณ

นี่ไม่ใช่ความรู้สึก อยากฆ่าตัวตาย ที่มาจากความโกรธหรือความผิดหวัง
คุณไม่ต้องการให้ความสำคัญกับมัน
หรือไม่ต้องการแสดงละครชีวิตของตนเองหรือของใครอีกต่อไปแล้ว ในส่วนลึกของคุณ

คุณต้องการจะกลับบ้าน สาเหตุหลักของเรื่องนี้ ค่อนข้างธรรมดา
วงจรแห่งกรรมของคุณเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

คุณได้บรรลุพันธะสัญญาโดยสมบูรณ์แล้ว
คุณพร้อมที่จะเริ่มชีวิตใหม่ของคุณ

ในขณะที่ยังคงอยู่ในกายเนื้อนี้ ในระหว่างกระบวนการเปลี่ยนแปลง
คุณจะมีความทรงจำอยู่ภายในว่า อีกด้านหนึ่งโน้น มันเป็นอย่างไร
คุณพร้อมและสมัครใจที่จะท่องเทียวไปกับภาระหน้าที่อื่นบนโลกนี้แล้วหรือยัง?
คุณพร้อมที่จะพบกับความท้าทายในพลังงานใหม่นี่แล้วหรือยัง?

ใช่แล้ว อันที่จริง คุณสามารถที่จะกลับบ้านเลยตอนนี้ก็ได้
แต่คุณมาตั้งไกล และหลังจากที่คุณเคยมีชาติภพที่มากมายมาแล้วนับไม่ถ้วน
มันน่าละอายใจที่จะออกไปก่อนที่หนังจะฉายจบ

นอกจากนี้ จิตวิญญาณต้องการให้คุณอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่พลังงานใหม่
พวกเขาจำเป็นต้องมีผู้นำทางที่เป็นมนุษย์ เช่นคุณ
ผู้ที่ได้เดินทางผ่านพลังงานเก่ามาสู่พลังงานใหม่ได้แล้ว
เส้นทางที่คุณกำลังเดินอยู่ตอนนี้ ได้จัดเตรียมประสบการณ์ที่ทำให้คุณมีความสามารถ
ที่จะกลายเป็น "ครู" ในแบบ “มนุษย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ในยุคพลังงานใหม่”
อย่างโดดเดี่ยวและมืดมนเหมือนกับ การเดินทางของคุณในเวลานั้น

จงจำไว้เสมอว่าคุณไม่เคยอยู่อย่างลำพังโดดเดี่ยวเลย...

 

มันเกิดแล้วทุกข้อเลย -*-

 

เจ๊ มีข้อ11 อันเดียว อะ ข้ออื่นไม่มีเลย เงียบฉี่ !!!
11. Loss of passion
เป็นอิสระจากความปรารถนา
คุณอาจจะรู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีความต้องการที่จะทำอะไรแม้แต่น้อย นั่นไม่เป็นไร
มันเป็นเพียงแค่กระบวนการ ใช้เวลานี้เพื่อที่จะไม่ทำอะไร อย่าต่อสู้กับตัวเองสำหรับเรื่องนี้

เพราะ สิ่งทั้งหมดนี้จะผ่านไป มันก็คล้ายกับการรีบูท คอมพิวเตอร์
คุณต้องปิดเครื่องบ้างย่นเวลาลง
เพื่อที่จะโหลดซอฟแวร์ความไร้เดียงสาลงไปใหม่
หรือในกรณีนี้ พลังงานใหม่ของเมล็ดพันธ์ของจิตแห่งพุทธะ


แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะเจ๊ไม่ได้รู้สึกอย่างในคำอธิบาย
เจ๊ แค่ไม่ได้สนใจกับแรงปรารถนา เหมือนเป็นอิสระจากมันเท่านั้น
ที่มันเกิดขึ้นมา มีก็รู้ว่ามี ไม่มีก็รู้ว่าไม่มีแค่นั้น ไม่ได้เป็นทุกข์ไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นมา

 

ได้ 18 ข้อค่ะ

 

ครบทุกข้อครับ แต่ยังไม่เต็ม 100% หมดทุกข้อ
ขอบคุณ พี่ชยุต ที่เสียสละเวลาแปลบทความให้ได้อ่านกันครับ

 

มีประมาณครึ่งนึงอ่ะครับใน12ข้อ

 

ขออัพไว้พิจารณาใหม่ตอนสว่างนะคะ

 

ครบทุกข้อเลยค่ะ

 

ง่ะ !
อาการที่ว่า เพิ่งเกิดกับตัวเองสดๆร้อน
นึกว่าตัวเองกำลังเป็นบ้า>.<
แล้วอยู่ดีๆก็มาเจอกระทู้นี้ซะงั้น
ไม่ได้คิดสงสัยว่าเราเป็นอะไร แต่ก็ดูๆไป
แต่ตอนอ่าน ขนลุกตั้งแต่หลังขึ้นมายันหัวนานมาก
ขอบคุณค่ะ ที่ให้คำตอบ^^

 

ไม่แน่ใจอยู่ 2-3 ข้อ ที่เหลือก็ใช่เลยค่ะ ^___^

 

20-22ข้อ/28
20-22 ที่2ข้อมันคลุมๆเครือๆไงไม่รุหุหุหุ งุงุงุ
แบบว่ามีห่วงเยอะ มี 25 ขันที่ต้องดูแลในบ้านแนะเลยวิตกในบางโอกาศแต่ถูกขจัดออกไม่นานเกิน10นาที ว่าควบคุมได้นะหากเกิดเหตุการณ์ต่างๆในอนาคตไม่ว่าจะรูปแบบใด 10 นาทีจริงๆ งุงุุงุ