การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก ของมิตรจากต่างพิภพ และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก

ข้อความที่ 1497
การสังเกตดูยานอวกาศ(OBSERVATION OF THE SHIPS)
<o></o>
เรียบเรียงโดยนาย Ivo A. Benda
<o></o>
<o></o>
มีผู้คนมากมายมองเห็นแสงไฟจากยานอวกาศของชาวจักรวาลกำลังลอยอยู่
ในระดับความสูงประมาณ 15 – 18 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน ในช่วงตอนเย็นของคืนที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง<o></o>
<o></o>
ยานอวกาศเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นยานแม่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางหลายกิโลเมตร
ซึ่งปกติแล้วจะมียานแม่แบบที่ว่านี้พรางตัวอยู่บนท้องฟ้าเหนือโลกของเราอยู่นับพันๆลำ
(รวมทั้งหมดแล้วมีอยู่ 100,000 ลำ ซึ่งมีชาวจักรวาลอยู่บนนั้นประมาณ 150 – 200 ล้านชีวิต)<o></o>
<o></o>
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะสามารถสังเกตเห็นยานอวกาศได้ คือช่วงหลัง 4 ทุ่มครึ่ง ถึง 5 ทุ่ม
แต่บางทีก็อาจจะเลยไปถึงตี 1 ครึ่ง ก็ได้ เมื่อชาวโลกพักผ่อนหลับนอนกันแล้ว
ชาวโลกก็จะแผ่กระจายกระแสคลื่นความคิดด้านลบออกมาสู่โลกน้อยกว่าตอนตื่น
ในช่วงเวลาอื่นๆค่อนข้างสังเกตได้ยาก<o></o>
<o></o>
เพียงแค่มีความคิดในด้านบวก และเปี่ยมไปด้วยความรัก พูดถึงมิตรจากจักรวาลของเราอย่างเหมาะสม
มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อพวกเขา แล้วร้องขอให้พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนจากจักรวาลของพวกเรา
ส่งแสงไฟมาทักทายเรา จากนั้นคุณก็จะสามารถมองเห็นยานอวกาศที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าได้
แม้กระทั่งเห็นเป็นสิบๆลำก็ตาม บางลำอาจจะลอยไปในหลายๆทิศทางได้ในเวลาเดียวกัน<o></o>
<o></o>
พวกเราเคยเห็นยาน 3 ลำมารวมตัวกันด้วย แสงไฟของยานจะสว่างพอๆกับแสง
ของดวงดาวที่สุกสว่างมากๆ หรืออาจจะสว่างกว่าด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถพรางแสงไฟไว้ได้
และเลิกพรางกลับมาสว่างใหม่ได้อีก

การเคลื่อนที่ของยานส่วนใหญ่จะเป็นเส้นตรงแต่บางทีก็เป็นเส้นโค้ง แต่จะไม่มีเสียงเสมอ
แสงไฟที่กระพริบสว่างที่สุด มันเหมือนแสงสะท้อน และพวกเราก็รู้สึกถึงความร้อน
และรู้สึกว่ามีกระแสความรักแผ่มาถึงเรา

ความเร็วของยานสามารถเห็นได้ทั้งแบบช้าๆ และแบบรวดเร็วมากๆ หรืออาจจะสลับกันไป<o></o>
<o></o>
คุณสามารถฝึกแยกแยะความแตกต่างระหว่างแสงดาวกับแสงจากยานอวกาศได้ด้วยตัวคุณเอง<o></o>
<o></o>
เครื่องบินบนโลกมนุษย์เราจะมีเสียงดัง และจะมีตำแหน่งของแสงไฟที่ถูกกำหนดไว้อย่างเป็นสากล

ส่วนแสงจากดาวเทียมจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์ได้ยากมาก แม้มองเห็นได้แต่ก็ริบหรี่มากๆ
และดาวเทียมจะมีช่วงเวลาบินและความเร็วในการบินที่คงที่เฉพาะของมันเอง<o></o>
<o></o>
สถานที่ๆเหมาะสมในการสังเกตยานอวกาศคือสถานที่ธรรมชาติ ในเมืองปกติจะไม่เห็น
ถ้าจะเห็นก็จะเป็นแถบๆชานเมืองของเมืองเล็กๆต่างๆ <o></o>
<o></o>
ถึงแม้ว่าจะมียานอวกาศบินอยู่ทั่วไปกระจายอยู่ทั่วโลกก็ตาม แต่มิตรจากจักรวาลของเรา
เขาจะใช้กระแสพลังแห่งความรักความเมตตาจากพวกเราในบริเวณที่เราอยู่
ที่ส่งไปถึงพวกเขาเป็นเกณฑ์ ว่าจะยอมให้เห็นหรือไม่ให้เห็นยานอวกาศของพวกเขา
เพราะว่ากระแสพลังแห่งความรักความเมตตาของพวกเรามันมาจากจิตใจของพวกเราเอง
และมันจะสั่นสะเทือนออกไปรอบๆตัวเรา แผ่ออกไปไกลหลายร้อยหลายพันเมตร<o></o>
<o></o>
ภาพยานบินเคยถูกบันทึกเป็นวีดีโอไว้ได้ (Video 2-7)

<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_0" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_1" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_1" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_1" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_1" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
<table width="630" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td height="15">
</td></tr><tr><td width="300" align="middle"><table border="0" cellpadding="4" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="barva_1" onmouseover="this.className='barva_1'" onmouseout="this.className='barva_0'" width="300"></td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
ผู้ใดที่สามารถติดต่อทางจิตกับมิตรจากจักรวาลได้แล้ว พวกเขาอาจจะช่วยเพิ่มคุณค่า
ของการติดต่อนี้ให้มากขึ้น โดยการช่วยย้ายกายทิพย์ของคุณขึ้นไปบนยานอวกาศของพวกเขา
(ทั้งยานแม่และยานขนาดเล็ก) เพื่อให้คุณได้มีโอกาสไปเยี่ยมพวกเขาได้

ภาพถ่ายยานอวกาศของพวกเราคือเครื่องยืนยันอย่างหนึ่งของการเยี่ยมครั้งนี้
<o></o><o></o>

ชาวจักรวาลจะมีความยินดีเป็นอย่างมาก ที่จะได้ติดต่อกับชาวโลกที่ให้ความช่วยเหลือ
และร่วมมือในภารกิจแห่งแสงสว่างของพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะไปเยี่ยมชาวโลกเหล่านี้
ถึงระเบียงบ้าน หรือหน้าต่างบ้านเลยด้วยซ้ำ<o></o>
<o></o>
อย่านำเอาความคิดในแง่ลบของคุณไปด้วย เวลาติดต่อกับพวกเขา เพราะพลังงาน
จากความคิดด้านลบของคุณมันทำร้ายพวกเขา (ทำให้รู้สึกเจ็บแสบ)
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มาปรากฏตัวให้ชาวโลกที่มีความคิดในด้านลบได้เห็นเลย
สำหรับชาวโลกจำพวกนี้ พวกเขาต้องปกปิดตัวเอง
<o></o>
ใช้ตอนกลางคืนของช่วงฤดูร้อนที่อบอุ่นในการสังเกตการณ์ยานอวกาศ<o></o>

ชาวจักรวาลจะมีความสุขและปีติยินดีที่ชาวโลกให้ความสนใจพวกเขา <o></o>

..คุณควรจะรู้ว่าพวกเขารักพวกเราแค่ไหน..<o></o>
<o></o>

 

รายงานหมายเลข 222. วันชำระโลก (ต่อ)<o></o>

ผู้รับข้อความ : นาย Marie M.<o></o>
วันที่ 21 มกราคม 1998, เวลา 4:00 am<o></o>
<o></o>

พระบิดาแห่งจักรวาลได้เลือกวันใดวันหนึ่งเอาไว้แล้ว สำหรับให้เป็นวันที่อพยพการกลับมาของชาวโลก
(หลังจากอพยพออกไปในระหว่างการชำระโลก) และดาวเคราะห์โลกจะย้ายไปอยู่ในมิติที่สูงขึ้น
ในชั่วโมงนี้ เรา แอชต้า ผู้บัญชาการกองทัพใหญ่แห่งจักรวาล ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้แก่ท่าน<o></o>
<o></o>​

เราอยากจะแสดงความขอบคุณประชาชนชาวสาธารณรัฐเช็กผู้ที่ติดต่อกับเรา
และช่วยเผยแพร่ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้แก่คนอื่นๆได้ทราบด้วย
ซึ่งนั่นจึงทำให้คลื่นความสั่นสะเทือนของผู้คนเหล่านี้สูงขึ้น<o></o>
<o></o>

มีชาวโลกจำนวนมากที่จะถูกช่วยชีวิตก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้น โอกาสสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้ว
เครื่องวัดของพวกเราวัดค่าของคลื่นความสั่นสะเทือนด้านลบที่อยู่ในบรรยากาศ
ของจักรวาลได้ค่าที่เลวร้ายที่สุด ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำ
ที่เกิดจากคลื่นความสั่นสะเทือนด้านลบ
<o></o>

พวกเราพร้อมแล้วที่จะให้การต้อนรับชาวโลกผู้ที่จะได้รับการช่วยชีวิต
ตัวเราเองมีความเชื่อมั่นว่ากระบวนการทั้งหมดจะประสบความสำเร็จด้วยดี
และเราก็เชื่อว่าจะได้ช่วยชีวิตชาวโลกผู้ที่สามารถพบทางสว่างสู่พระบิดาได้ในวินาทีสุดท้ายด้วย<o></o>
<o></o>

เราหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น ชาวโลกทุกคนที่ถูกเลือกไว้ จะตามเสียงจากข้างในตนเอง
(ไม่ว่าจะด้วยทางโทรจิตหรือทางอื่นใดก็ตาม) ออกมาข้างนอก หากผู้ใดยังลังเลอยู่
ก็อาจจะต้องเป็นผู้โชคร้ายไปเพราะเวลามีไม่มากนัก คำเตือนจะถูกส่งไปถึงผู้ที่สมควร
จะได้ไปอยู่ในมิติที่สูงขึ้นทุกๆคน


จะมีอยู่หลายสถานที่ที่ชาวโลกจะถูกพาไปอยู่รวมกัน และก็เป็นไปได้ว่าบางคนอาจจะไม่รู้สาเหตุด้วยซ้ำ
ดังนั้น ท่านที่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว กรุณาบอกต่อๆกันไปให้ผู้อื่นได้รับทราบด้วย
เพื่อให้พวกเขาสบายใจได้และเชื่อมั่นในพลังแห่งความรัก


อย่ากลัว เพราะพระผู้เป็นเจ้าเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา
และพวกท่านทุกๆคนก็เป็นประชาชนของพระองค์


ซึ่งแม้แต่ตัวเราเองยังต้องขอประทานความเมตตาและความช่วยเหลือจากพระองค์
<o></o>


(obr1088)<o></o>
<o></o>

คำบรรยายภาพ:
<o></o>
ชาวจักรวาลได้มีการเตรียมการอพยพชาวโลกมาอย่างต่อเนื่อง
ในกรณีที่อาจจะมีกระบวนการที่ซับซ้อนในการชำระโลกเกิดขึ้น
การอพยพสัตว์ต่างๆได้เริ่มดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปบ้างแล้ว
เพื่อให้เสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่ปี<o></o>
<o></o>

ท่านได้ถามเราใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้ ท่านรู้แล้วนี่ที่มีผู้เขียนไว้ว่า
“ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้า” นั่นแหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนนั้น ชั้นบรรยากาศของโลกจะถูกเผาไหม้
เพราะที่นั่นเต็มไปด้วยเมฆสีดำของความคิดด้านลบที่พวกท่านสร้างขึ้นมา
<o></o>

แกนของโลกจะถูกกลับด้านและแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจะทำให้แผ่นทวีปต่างๆเคลื่อนตัว
ไฟจะเผาไหม้กระแสพลังความคิดด้านลบทั้งหลายให้หมดไป
และเมื่อนั้นโลกก็จะสามารถเข้าสู่ยุกต์ของมิติที่สูงขึ้นได้<o></o>
<o></o>

ชาวโลกที่ถูกช่วยชีวิตจะถูกย้ายให้ไปอยู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ถูกเตรียมไว้ แล้วเป็นการชั่วคราว
ซึ่งที่นั่นชาวโลกจะถูกสอน จากนั้นพวกเขาก็จะถูกพากลับลงมาอยู่บนโลกอีกครั้งหนึ่ง

จิตวิญญาณของพระคริสต์จะนำพาพวกเขาลงมาสู่โลกยุกต์ใหม่แห่งดาว Aquarius<o></o>
<o></o>

เราขออวยพรให้แก่ท่านทุกคน<o></o>
Ashtar Sheran<o></o>

 

(obr054)<o></o>
<o></o>
คำบรรยายภาพ:<o></o>
<o></o>
ตรงใจกลางของทุกๆกาแล็กซี่ จะมีดาวสีดำ (Black star) อยู่
ซึ่ง Black Star ที่ว่านี้จะมีแรงดึงดูดที่มหาศาลมากๆพอๆกับแรงของทั้งกาแล็กซี่เลยทีเดียว

จากใจกลางของแต่ละกาแล็กศี่นี้ จะมีทางออกของสิ่งต่างๆจากแต่ละดวงดาวอยู่
โดยทางออกที่ว่านี้จะพุ่งออกมาจากแกนหมุนของ black star ดังกล่าว
ซึ่งทางนี้จะใช้เป็นทางกลับมาเกิดใหม่ในจักรวาลทางกายภาพของพวกเทวดาตกสวรรค์
(เทวดาที่หมดบุญแล้ว) ทั้งหลาย

เทวดาตกสวรรค์ที่เป็นรูปธรรมแห่งแสงสว่างทรงกลมเหล่านี้ ต้องถูกดูดลงมาที่ใจกลางของกาแล็กซี่เช่นนี้
ก็เพราะว่าได้ทำผิดกฎจักรวาล พวกเขาจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดอีกนับล้านๆชาติ

ภาพวาดนี้เป็นภาพที่เหมือนจริงมากๆ (มิตรจากจักรวาลของเรายืนยันมาแบบนั้น)
เพราะวาดตามที่มิตรชาวจักรวาลของเราชี้นำ<o></o>

 

หรือว่า “ทุกอย่างล้วนถูกต้องหมด” จริงๆ??
<o>
</o>
ที่ผมนำภาพข้างบนนั้นมาโพสต์ให้ดู พร้อมคำอธิบายภาพ ก็เพราะว่า<o></o>
อยากให้ท่านได้เห็นจุดเชื่อมโยงอะไรบางอย่างเหมือนๆกับผม<o></o>
<o></o>
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือหรืองานเขียนดังต่อไปนี้มาบ้าง<o></o>
ท่านอาจจะมีความคิดที่เหมือนกับผมก็ได้นะครับ<o></o>
<o></o>
1. หนังสือชุด "จิตจักรวาล" ของอาจารย์ปริญญา ตันสกุล

<o></o>
(Parinya-1)
<o></o>
2. หนังสือของพี่นักเขียน ชุด "โนวาอนาลัย"

<o></o>
(Novaanalai-2)
<o></o>
3. หนังสือชุด "ครายออน"

<o></o>
(Kryon-4)
<o></o>
4. หนังสือชุด "สนทนากับพระเจ้า"

<o></o>
(CWG-1)
<o></o>
5. ข้อความจากกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย "เขากะลา"
<o></o>
http://palungjit.org/threads/ข้อความจาก-กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย-เขากะลา.86674/
<o></o>
<o></o>
(Kao ka la-1)
<o></o>
ที่ยกมาเฉพาะ 5 รายการนี้ ก็เพราะว่าแหล่งข้อมูลของทั้ง 5 รายการนี้<o></o>
ล้วนมาจาก “รูปธรรมชีวิตต่างพิภพ” หรือต่างมิติ ด้วยกันทั้งสิ้น<o></o>
<o></o>
ข้อสังเกตส่วนตัวของตัวผมเอง ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้อ่านแล้วทั้งหมดนี้ เป็นดังนี้ครับ<o></o>
<o></o>
1. ทุกๆแหล่งข้อมูลมาจากรูปธรรมชีวิต หรือ จิตวิญญาณชั้นสูงกว่าเรามนุษย์บนดาวเคราะห์โลก
<o></o>
2. ทุกๆแหล่งข้อมูล ต้องการมาแนะนำ สั่งสอน และชี้ทางให้เรา ชาวโลก
<o></o>
3. หลายๆส่วนของข้อมูล มีความคล้ายกัน หรือตรงกันด้วยซ้ำไป <o></o>
เช่น จิตจักรวาลของอาจารย์ปริญญา กับครายออนท์ สนทนากับพระเจ้า <o></o>
และมิตรจากจักรวาลของนาย Ivo Benda ที่ผมกำลังแปลอยู่นี่ จะพูดตรงกันว่า<o></o>
มีพระเจ้าผู้สร้างโลก ซึ่งพระองค์เป็นจิตวิญญาณต้นกำเนิดของทุกๆสรรพสิ่ง
<o></o>
4. แต่ก็ยังมีอีกหลายๆส่วนของข้อมูลที่ไม่ตรงกัน เช่น ของท่านอาจารย์โนวา อนาลัย<o></o>
ท่านบอกว่าไม่มีหรอกนะพระเจ้าผู้สร้างโลก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นของมันเอง<o></o>

ส่วนมนุษย์ต่างดาวของเขากะลา ไม่ได้พูดถึงเรื่องพระผู้สร้าง เน้นสอนหลักธรรมตามแนว<o></o>
ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา<o></o>

5. รายการที่ 1,3 และ 5 และที่ผมกำลังแปลอยู่นี้ เน้นแจ้งข่าวสารเรื่องภัยพิบัติโลก <o></o>
ซึ่งตรงกัน ที่ว่าเกิดจากจิตใจของมนุษย์เอง และทางแก้ก็อยู่ที่มนุษย์เองด้วย
<o></o>
6. ผมเลยมานั่งวิเคราะห์ดูว่า..เอ ถ้าตัวผมเป็นสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นๆที่มีวิวัฒนาการสูงๆเองบ้างหละ<o></o>

และถ้าผมต้องการเตือนชาวโลกเรื่องภัยพิบัติอันเกิดจากจิตใจที่ชั่วร้าย และกระแสพลังงานความคิดด้านลบ<o></o>
ของมนุษย์เองบ้างหละ ผมจะทำอย่างไร?<o></o>

ผมก็อาจจะหาวิธีการสื่อสารกับมนุษย์ก่อนอันดับแรก วิธีการที่ใช้ก็คงต้องมีหลายแบบ<o></o>
เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่มบุคคล เช่น

<o></o>
- ใช้วิธีโทรจิตสำหรับผู้ที่มีภูมิจิตสูงๆ
<o></o>
- ใช้วิธีสื่อสารทางสมาธิ สำหรับผู้ที่ได้ฌานแล้ว
<o></o>
- ใช้วิธีสื่อสารผ่านความฝัน สำหรับคนทั่วๆไป
<o></o>
- ลงมาพูดกันตัวต่อตัว สำหรับบางกลุ่มคน เป็นต้น<o></o>

แต่ปัญหาก็อยู่ที่ว่า ผมจะพูดในทำนองไหน
ให้มนุษย์ผู้ซึ่งมีสติปัญญาน้อยๆ และโง่เขลา
และอวดดี เหล่านี้เชื่อถือคำพูดของผมได้

ผมก็อาจจะ
<o></o>
- เนรมิตตัวเองให้เป็นใครที่กลุ่มคนเหล่านั้นเคารพนับถือ เช่น เป็นเทพ เทวดา อะไรแบบนั้น
<o></o>
- วิธีการแจ้งข่าว ผมก็คงต้องพยายามอธิบายไปในแนวที่แต่ละกลุ่มคนเหล่านั้นมีพื้นฐานความรู้อยู่ก่อนแล้ว

<o></o>
เช่น กับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ ผมก็อาจจะต้องยกเรื่องพระเจ้า พระผู้สร้างมาอธิบายประกอบ

ส่วนสำหรับพวกที่นับถือศาสนาพุทธ ก็คงต้องยกพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์มาประกอบ

<o></o>
ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เรื่องพระเจ้าจะมีจริงหรือไม่จริง หรือต่อให้สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้จะจริงหรือไม่จริงก็ตาม<o></o>
หากเอาไปสอนผิดที่ผิดทาง วัตถุประสงค์ที่ต้องการสื่อสารที่แท้จริง คือเรื่องภัยพิบัตินี้ ก็คงไม่บรรลุผลได้ เป็นแน่แท้
<o></o>
<o></o>
7. และที่ผมสังเกตดูจากแหล่งข้อมูลเหล่านี้ ผมว่าจริงอยู่สาเหตุจริงแท้ของภัยพิบัติโลก คือเกิดจากจิตใจของมนุษย์<o></o>
แต่ผู้ที่จะมาทำหน้าที่ช่วยชำระโลกนี่ ก็คือชาวจักรวาลทั้งหลายเองหนะแหละ
<o></o>
ดังนั้นถ้าจะมองในแง่มุมของมนุษย์ผู้เห็นแก่ตัวและโง่เขลาผู้หนึ่ง ก็อาจจะพูดได้ว่ามนุษย์ต่างดาวหนะแหละ<o></o>
ที่เป็นผู้ลงมือทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะลงมือทำตามแผนงาน และใช้เทคโนโลยีต่างๆที่พวกเขา
แต่ละดวงดาวถนัด มาใช้ในการปฏิบัติการในครั้งนี้
<o></o>
แต่ถ้าพวกเขาจะไม่ทำก็คงไม่ได้ เพราะมันจะเกิดผลกระทบเสียหายไปถึงจักรวาลโดยรวม<o></o>
และตัวพวกเขาเองด้วย
<o></o>
ดังนั้น พวกเขาจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้ และหลังจากชำระโลกไปแล้วสิ่งดีๆอีกมากมายหลายอย่างก็จะตามมาสู่โลกใบนี้<o></o>
<o></o>
สรุปว่าผลดีที่เกิดขึ้น จะคุ้มค่ามากกว่าผลเสียที่จะเกิดขึ้น อะไรประมาณนั้น<o></o>
<o></o>
(ยังมีต่อครับ)<o></o>
................................................

 

หรือว่า “ทุกอย่างล้วนถูกต้องหมด” จริงๆ?? (ต่อ)
<o></o>
<o></o>
1. ดังนั้น เพราะมีการเตรียมการ มีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่
ตามแผนงานเหล่านี้มานานหลายสิบปีแล้ว เช่น
<o></o>
- แผนกแจ้งข่าว ก็แจ้งกันไปด้วยวิธีต่างๆนาๆ<o></o>
- แผนกสอนคน ดึงจิตใจผู้คนบนโลกให้สูงขึ้น ให้เป็นบวกขึ้น ก็สอนไป ในรูปแบบของอะไรก็ตามแต่<o></o>
- แม้แต่เป็นเทพ เป็นองค์ เป็นพระเจ้าอะไรก็ว่าไป เพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมาย ตามแผนงาน<o></o>
- แผนกเตรียมอพยพ ก็เตรียมไป<o></o>
- แผนกศึกษาค้นคว้าร่างกายมนุษย์ เพื่อช่วย up grade โครงสร้างในสาย DNA ก็ทำไป<o></o>
- แผนกเตรียมเสบียงอาหาร เตรียมสถานที่หลบภัยให้ ก็ทำกันไป<o></o>
<o></o>
ดังนั้น กำหนดการณ์ที่แน่นอนของการชำระโลกจริงๆ

..มันจึงปรับได้ เปลี่ยนได้ เลื่อนได้ ตามแต่เหตุปัจจัย ณ.ช่วงเวลาหนึ่งๆ..
<o></o>
ตัวอย่างเช่น ถ้าผลงานของแผนกแจ้งข่าวและสอนผู้คนโดดเด่น และบรรลุเป้าหมายดี
<o></o>
เช่น จากเดิมมีชาวโลกที่มีกระแสความคิดด้านลบอยู่ถึง 82% แต่พอผ่านไป 3 ปีแล้ว ลดลงเหลือ 50%<o></o>
แสดงว่าจิตใจมนุษย์มีการพัฒนาขึ้น ดังนั้นแผนงานที่วางไว้ตอนแรกว่า เดี๋ยววันนั้น วันนี้ ปีนั้น ปีนี้
จะลงมือชำระโลกแล้วนะ<o></o>
ก็จะถูกเลื่อนออกไป เพราะพวกเขาเห็นแนวโน้มของพัฒนาการที่ดีของชาวโลก
และก็เลยอยากปล่อยให้พัฒนาต่ออีกหน่อย คือ..อยากต่อเวลาให้อีกหน่อยว่างั้นเถอะ..<o></o>
<o></o>
ดังนั้น ข้อสรุปตามความคิดเห็นส่วนตัวของผมคนเดียวนะครับ ก็คือ<o></o>
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ไม่ว่าจะทั้งในแง่คำสอนของศาสนาต่างๆ ไม่ว่าจะตรงกันหรือไม่ตรงกันก็ตาม<o></o>
ก็ล้วนถูกต้องหมด และไม่ว่าจะในแง่ของคำพยากรณ์เกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติจากใครต่อใคร
ที่บอกว่าปีนั้นปีนี้ก็ตาม ก็ล้วนถูกต้องหมด เช่นกัน

หมายถึง ไม่มีใครโกหกใคร แต่เหตุปัจจัยมันเปลี่ยนไป แผนการปฏิบัติการมันจึงถูกปรับเปลี่ยนตาม<o></o>
<o>
</o>
(buddha-2)<o></o>
<o></o>
แม้ว่าตัวเราชาวพุทธนี้ ลึกๆแล้วเรายังเชื่อมั่นในพระธรรมคำสอนของพระศาสดาของเรา
ว่านี่คือของจริงของแท้ที่สุดก็ตาม<o></o>
แต่ว่านั่น ก็ไม่แตกต่างอะไรกับที่ชาวคริสต์และศาสนาอื่นๆมีความเชื่อมั่นในพระธรรมคำสอน
ของศาสดาของพวกเขาเลย ว่าจริงที่สุด แท้ที่สุดเช่นกัน<o></o>
<o></o>
ดังนั้น ในฐานะผมก็เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง ก็อยากขอแสดงความคิดเห็นที่เป็นทางออก
เอาไว้นิดหน่อยนะครับว่า<o></o>
<o></o>
รูปธรรมชีวิตต่างมิติที่มาสอนชาวโลกเราทั้งหลายนั้น เท่าที่สังเกตดูจากงานเขียนที่ผมกำลังแปลอยู่นี้<o></o>
พวกเขาบางกลุ่มยังอยู่ในระดับของเทพ เทวดาอยู่เท่านั้น ยังต้องลงมาเกิดใหม่กันอยู่เลย
หาได้ไปถึงมิติแห่งพระนิพพานแล้วไม่<o></o>

ดังนั้นก็เป็นไปได้ว่า สิ่งที่พวกเขาสอน พวกเขาอาจจะสอนเราตามที่พวกเขารู้และเชื่อมั่นอยู่เองก็ได้<o></o>
<o></o>

(obr404-1)<o></o>
<o></o>
ดังนั้น ก็อาจจะไม่ได้แปลว่าสอนผิดอะไร เพียงแต่ว่าสอนชาวโลกกลุ่มไหน
ก็สอนอิงตามพื้นฐานความเชื่อเดิมของชาโลกกลุ่มนั้น<o></o>

และเป้าหมายในการบรรลุผลของการสอน ก็แตกต่างกันไป จะเป็นสวรรค์ หรือนิพพาน หรืออะไรอื่น
ก็แล้วแต่กลุ่มนั้นๆไป<o></o>
<o></o>
หรือไม่..มันก็อาจจะมีความจริงที่ยิ่งๆกว่านี้
ที่เกินกว่าระดับสติปัญญาของมนุษย์ธรรมดาๆอย่างผม<o></o>
จะจินตนาการไปถึงได้ ก็ได้นะครับ...<o></o>
<o></o>

 

หลังจากที่ผมเห็นรูป ASKET เเล้วผมเลยสงใสว่ามันเหมือนรูป ดารา เก่าๆ แบบเก่ามากก็เลยไปหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรูปเเล้วไปเจอเวปนี้มาครับ ว่ารูปนั้นคือรูปของนักร้องครับ ผมไม่เเน่ใจนะผมแปลไม่เป็น ครับลองให้ท่านผู้อ่านเข้าไปแปลดีกว่าครับ

 

โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า แต่พระผู้สร้างอาจจะมี เขาอาจจะสร้างจักวาล สิ่งมีชีวิตต่างๆได้ อันนี้มีความเป็นไปได้ในในทางวิทยาศาสตร์


แต่ถ้าบอกว่าเป็นพระเจ้าเป็นผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง และตัวพระเจ้าเองไม่มีที่มาว่าเกิดมาได้อย่างไงอันนี้ผมไม่เชื่อ เพราะตัวพระเจ้าเองจะเกิดขึ้นมาเองโดยบังเอิญไม่ได้ เขาต้องมีที่มาที่ไป


ผมยังไม่ได้บอกว่าผมปักใจเชื่อหรือไม่เชื่อเรือ่งมนุษย์ต่างดาวติดต่อคนนั้น คนนี้ หรือเรือ่งที่คุณเอามาแปลนี้นะครับ ก็อ่านไปเรือยๆ



แต่มีข้อน่าสังเกตุคือ



* ทำไมเขาไม่ไปสื่อกับคนที่มีอิทธิพลต่อโลกจะได้กระจายข่าวได้ทั่วกว่านี้ เพราะเท่าที่อ่านดูเขาจะห่วงมนุษย์ที่กำลังจะถูกภัยพิบัตเล่นงาน

ทำไมเขาไม่มาแสดงตัวให้ชาวโลกได้เชื่อโดยผ่านคนที่น่าเชือ่ถือระดับโลกว่านี่ของจริง จะอ้างว่ากลัวมนุษย์ตกใจเกิดโกลาหลทั่วโลก ก็ไม่น่าจะฟังขึ้นเมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้น อย่างไหนอลเวงกว่ากัน


และที่ผมสงสัยมานานแล้วจริงๆ คือ ก่อนหน้านี้ โลกเรามีเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆมากมาย เช่นสงครามโลก สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โรคระบาด

พูดง่ายๆว่า มันเป็นเหตุกาณ์ที่น่าเศร้ามากๆ กับคนที่ต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านั้น แต่ทำไมพวกมนุษย์ต่างดาวเขาถึงไม่ลงมาช่วยในตอนนั้น

เขาจะอ้างว่า เรื่องที่ผมยกมานั้นยังไม่แรงพอที่จะลงมาช่วย เมื่อเทียบกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้(ถ้ามีจริงตามที่ผมอ่านๆมาในหลายๆกระทู้) ผมว่าฟังไม่ขึ้นนะ


ที่ผมบอกว่าฟังไม่ขึ้นคือ เราลองคิดเปรียบเทียบดูว่า หากเรารู้อย่างแน่ชัดว่า ในอีก ห้าวันข้างหน้าจะเกิดเหตุกาณ์ร้ายแรงในชุมชนแห่งหนึ่ง ถามว่าเราจะไปบอกไปเตือนคนเหล่านั้นหรือไม่ แน่นอน เราต้องไปเตือนพวกเขา เราคงไม่คิดว่า ไม่ต้องไปเตือนหรอก ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ เพราะต่อไปจะเกิดเหตุร้ายร้ายกว่านี้ค่อยไปเตือนจะดีกว่า ผมว่าคงไม่มีใครคิดอย่างนี้เป็นแน่



อีกอย่างหนึ่ง เท่าที่ผมอ่านคร่าวๆนะครับ ผมไม่พบหลักฐานที่พอจะให้เชื่อได้ว่ามนุษย์ต่างดาวติดต่อคนกลุ่มนี้ (เรือ่งคุณแปล) (หรือว่ามี แต่ผมอ่านข้ามไปก็ไม่รู้นะ อิอิ..)

คือผมกำลังจะบอกว่า ถ้าเขาจะช่วยจริงๆ เขาก็ต้องมุ่งหวังให้คนเชื่อเขาในลำดับแรก เมือ่เชื่อแล้วคนก็จะปฏิบัตตามคำแนะนำของเขา แต่มันหลักการง่ายๆ "อยากให้เชื่อ ก็เอาหลักฐานอะไรบางอย่างมาโชว์ให้ดูบ้างสิ" คือมันน่าสงสัยน่ะครับ





แต่สำหรับเรือง จิตจักรวาล ผมบอกตรงๆว่า เชื่อยาก ข้อมูลมันขัดแย้งกันเองหลายจุดตามที่มีคนเขียนแย้งเอาไว้ในประทู้นั้น

และยิ่งไปกว่านั้น สำคัญมากที่เดียวคือ ผมเชื่อมั่น 100เปอร์เซ้นต์ว่า คนที่เขากล่าวอ้างว่าเป็นคนดีศรีประเสริฐคนหนึ่งนั้น ผมรู้ว่า นั่นไม่ใช่คนดี นั่นคือคนชั่วระดับต้นๆโลกเลย แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ เหตุที่ไม่รู้เพราะมีการทำให้ไม่รู้ (ซึ่งคนที่ไม่รู้ ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ใช่คนไม่ดี) คำถามคือ ทำไมต้นตำรับของเรื่องจิตจักรวาลถึงไม่รู้ เหมือนที่ผมรู้ แสดงว่าเขาไม่รู้จริงน่ะสิถึงปล่อยความไม่รู้ออกมาให้ผมเห็น






สำหรับเรือง เขากะลา ผมก็อ่านผ่านๆ น่าสนใจดี พอจะมีเรือ่งเล่า และหลักฐานให้เห็นได้วับๆแวมๆไม่ชัดเจนซักเท่าไร แต่ผมก็ยังพอจะเชื่ออยู่บ้าง แต่ที่ผมให้เครดิต เขากะลาไว้มากกว่าใครก็เพราะ ผมเคยตาม อาจารย์เทพพยม เมืองแมน ไปดูจานบิน (ซึ่ง เขากะลา กับ ตัวอาจารย์ก็พอมีคอนเนคชั่นกันบ้าง ) ผมก็เห็นในสิ่งที่มันเหนือธรรมชาติอย่างที่อาจารย์เขาเรียกมาให้ดูจริงๆ ผมก็เลยปฏิเสธไม่ได้

 

ข้อน่าสงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ ถ้ามนุษย์ต่างดาวเขาหวังดีจริงๆ เขาน่าจะช่วยเราได้ดีกว่าแค่มาเตือน หรือมาขนคนเพื่ออพยพอย่างนี้


คำถามคือ ทำไมก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ลงมาจัดระเบียบโลก ไม่มีเหตุผลว่าเขาต้องกลัวใครในโลกนี้

ผุ้นำโลกประเทศไหนที่กดขี่ประชาชนของตัวเองที่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เช่น ผุ้นำพม่า เกาหลีเหนือ จีน หรือ ผุ้นำทางเศรษฐกิจโลก ที่ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงเพราะตัวเองเสวยสุขอยู่ ไม่มีเหตุอะไรที่ มนุษย์ต่างดาวเขาจะจัดการกับคนพวกนี้ไม่ได้ เขาสามารถจัดการกับคนเหล่านี้ได้อย่างเงียบๆ

การจัดระเบียบโลกใหม่ก็เพื่อทำให้มนุษย์มีความกินดีอยู่ดีกันอย่างทั่วถึง ประเทศทั้งหลายไม่มีการทำสงครามต่อกัน ข้อขัดแย้งสามารถยุติลงได้ด้วยความยุติธรรมจากมนุษย์ต่างดาว ทุกคนมีการศึกษาที่ดี เทคโนโลยีชั้นสูงถูกนำมาใช้เพื่อให้เกิดความไม่เบียดเบียนกัน มนุษย์ต่างดาวอยากจะบอกจะสอนอะไรแก่มนุษย์ก็ทำได้ในตอนนั้น เมื่อมนุษย์อยู่กันอย่างผาสุขแล้ว คลื่นความคิดที่ไม่ดีจะลดน้อยลงไปเอง แล้วภัยพิบัติที่ว่าเกิดจากคลื่นความคิดที่ไม่ดีของมนุษย์จะได้ไม่เกิดขึ้นในอนาคต

 

อย่างทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สหประชาชาติที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศนั้น เขาไม่สามารถแก้ปัญหาบางเรืองได้ เช่น ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือ อิหร่าน หรือแม้แต่ พม่า หรือ ไทยก็ตาม (กรณีประเทศไทยก็เช่น เผด็จการทหารมันปล้นประชาธิปไตยไปสิบกว่าครั้ง โดยที่ประชาชนไม่สามารถจัดการกับมันได้เลย)

พูดง่ายๆว่า โลกใบนี้ไม่มีความมั่นคงเลย จะเกิดสงครามกันเมือ่ไหร่ก็ได้


หากมนุษย์ต่างดาวเขาลงมาจัดระเบียบโลกใหม่ตั้งแต่ครั้งอดีตที่ผ่านมา ถามว่า จะมีใครในโลกนี้กล้าซ่ากับมนุษย์ต่างดาวบ้าง

ไม่มีหรอกครับ มนุษย์ต่างดาวเขาจะจัดการกับใครเพื่อสันติภาพของโลกเขาทำได้ง่ายๆ และเงียบๆ

 

ที่มา :IIG - Billy Meier - Asket and Nera Photo Deconstruction


Asket and Nera Photo Deconstruction
การรื้อรูปภาพของ Asket และ Nera

CLAIM: Billy Meier Published Photographs Of Who He Claimed
Was His Extra-Terrestrial Contact

อ้างถึง: ที่นาย Billy Meier ได้เผยแพร่ภาพถ่ายบางภาพที่อ้างว่าเป็นภาพถ่าย
ของรูปธรรมชีวิตต่างพิภพที่มาติดต่อกับตนเอง

IIG’S FINDINGS: Photographs Are Actually Of A Singer From 1969-1973 Era
Of The Dean Martin Variety Show
In the 1983 book, UFO…Contact From The Pleiades Volume II,
this photo is presented:

ข้อมูลจากการค้นพบของ IIG: ภาพถ่ายดังกล่าวนั้น จริงๆแล้วคือภาพถ่ายของ
นักร้องคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1969 - 1973
ภาพเหล่านี้เอามาจากหนังสือของรายการโชว์รายการหนึ่งในปี 1983
(The Dean Martin Variety Show)

และในหนังสือชื่อ "การติดต่อกับ UFO จากดาวลูกไก่ ฉบับที่ 2"
(UFO Contact From The Pleiades Volume II) ก็พบว่ามีรูปพวกนี้อยู่ด้วย

The caption for this photo reads, "This photograph has erroneously been reported
by others as a picture of Semjase.

This confusion began in 1975 when the first articles on the case were written by
lesser informed individuals and has continued to this day.

There are in fact no photographs of the Pleiadian cosmonaut Semjase.
This is a photograph of Asket, a cosmonaut from the Dal Universe who
first had contact with Meier in India in 1964 and helped him prepare
for the Pleiadian contacts that would occur eleven years later."

คำบรรยายภาพนี้บอกว่า "ภาพนี้ถูกนำไปรายงานอย่างผิดพลาด โดยบุคคลอื่นว่าเป็นภาพของ Semjase"

ความสับสนนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1975 เมื่อมีผู้ที่ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากนักคนหนึ่ง
นำไปรายงาน และยังคงมีต่ออยู่จนกระทั่งบัดนี้ จริงๆแล้วมันไม่ใช่ภาพของชาวจักรวาลจากดาวลูกไก่
ที่ชื่อ Semjase แต่อย่างใด แต่มันเป็นภาพของ Asket ชาวจักรวาล Dal ผู้ที่ติดต่อกับนาย Meier
ครั้งแรกในอินเดียเมื่อปี 1964 และเป็นผู้ช่วยให้เขาได้ติดต่อกับชาวดาวลูกไก่ได้หลังจากนั้น 11 ปี


In the 1991 book, …Und Sie Fliegen Doch! (…And Yet They Fly! – German publication),
this photo is reprinted (in better quality) with the caption, "DAL – Universum
im Strahlschiff von Asket (DAL – Universe in the beamship of Asket)":

ในหนังสือภาษาเยอรมันชื่อ "พวกเขายังคงบินอยู่" ภาพนี้ก็ยังถูกนำมาพิมพ์ใหม่แต่คุณภาพที่ดีขึ้น
และมีคำบรรยายภาพว่า "ภาพของ Asket จากจักรวาล Dal ในยานอวกาศ"

Along with the reprinted picture of Asket there is this other picture
that is identified as being of Asket and Nera:

นอกจากภาพพิมพ์ใหม่ของ Asket ภาพนี้แล้ว ยังมีภาพของผู้ที่ถูกเรียกว่า Nera อยู่ด้วย

Here is the truth about these photos. The person identified on the left as Asket
is actually the singer and dancer Michelle DellaFave.

Michelle was a longtime member of the "Golddiggers" and the "Dingaling Sisters"
who appeared on the Dean Martin Variety Show from 1969-1973.

To learn more about Michelle DellaFave and the other Golddiggers
go to The Golddiggers Super Site.

นี่คือความจริงเกี่ยวกับภาพเหล่านี้ คนในภาพผู้ที่ถูกระบุว่าเป็น Asket จริงๆแล้วคือนักร้อง-นักเต้น
ที่ชื่อ Michelle DellaFave สมาชิกวง Golddiggers และ Dingaling Sisters
ซึ่งเธอได้ไปปรากฎตัวในรายการโชว์ของดีน มาร์ติน ดังกล่าวในปี 1969 - 1973

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ Michelle DellaFave และสมาชิกวง Golddiggers
คนอื่นๆ ดูได้ที่ The Golddiggers Super Site

Michelle still performs to this day. Here she is on the right and former Golddigger,
Lindsay Bloom, is on the left. Michelle first became aware that Billy Meier had
published photographs of her as being his extra-terrestrial contact "Asket" in early 2007.

Michelle wrote to me and said that "Nera" was actually Susan Lund.
Susan appeared on the Dean Martin Variety Show from 1968-1973.
This is what Michelle has to say on the situation:

ทุกวันนี้ Michelle ยังคงแสดงอยู่ เธอคือคนที่อยู่ขวามือในภาพ ซึ่งถ่ายคู่กับสมาชิกเก่าคงวงคนหนึ่ง
ที่ชื่อ Lindsay Bloom

Michelle เริ่มรู้ตัวเมื่อปี 2007 ว่าภาพของเธอถูกนำไปเผยแพร่ในฐานะรูปธรรมชีวิตต่างพิภพ
ที่ชื่อ Asket โดยนาย Billy Meier จากนั้น Michelle จึงเขียนจดหมายถึงฉันและบอกว่า
"Nera" จริงๆแล้วก็คือ Susan Lund ซึ่งเธอก็ได้เคยไปปรากฎตัวในรายการโชว์ดังกล่าว
ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน

นี่คือสิ่งที่ Michelle จำเป็นต้องพูดในสถานการณ์เช่นนี้

"I know that the picture of myself and Susie is from the Dean Martin show
when the Golddiggers were guests on the show. I think it is about 1971 and
I did wear my hair with little curls at the side of my face. It amazes me that
he chose that picture. I guess it was when they did the reruns in Europe.

I do not want anyone thinking I am causing any problems. I am simply stating
the truth involved with these pictures.

I just know a picture of myself when I see one, as anyone else would.
I know it is from a segment when The Golddiggers would sit around
Dean Martin and sing beautiful ballads called 'Welcome To My World.'"

"ฉันรู้ว่าภาพถ่ายของฉันและซูซี่มาจากรายการดีนมาตินโชว์ ตอนที่วงโกลดิ๊กเกอร์
ถูกเชิญให้ไปออกรายการ คงจะราวๆปี 1971 ฉันยังจำได้ว่าตอนนั้นฉันไว้ทรงผม
ที่มีโค้งเล็กๆข้างๆใบหน้า ฉันแปลกใจที่เขาเลือกภาพนี้ ฉันเดาว่ามันคงเกิดขึ้น
ตอนที่พวกเขาเอาไปฉายซ้ำที่ยุโรป ฉันไม่ต้องการให้ทุกคนคิดว่าฉันเป็นผู้สร้างปัญหา
ฉันแค่อยากจะบอกความจริงเกี่ยวกับภาพพวกนี้ ฉันรู้ว่ามันเป็นภาพของฉัน
ตั้งแต่ฉันเห็นมันครั้งแรกแล้ว เหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ

ฉันรู้ด้วยว่าภาพนี้มาจากช่วงหนึ่งของรายการที่สมาชิกวงฯนั่งล้อมรอบดีนมาติน
แล้วร้องเพลงที่ชื่อ "Welcome to my world"
​

Michelle also sent the following image that appears to be from the same episode:
Michelle ยังได้ส่งภาพนี้ที่มาจากงานเดียวกันนี้มาให้ด้วย

You will notice that Michelle and Susan are wearing what appear to be the same
outfits as shown in the Meier photograph of "Asket" and "Nera."

Starting in 2001 with the English publication of And Yet… They Fly!
these same photos had new explanations for them.

คุณจะสังเกตว่ามิเชลและซูซานแต่งกายที่เหมือนกับภาพที่นาย Meier นำมาอ้างว่า
เป็น Asket และ Nera พอดีเปียบเลย

ในปี 2001 เอกสารชื่อ "พวกเขายังคงบินอยู่" ภาคภาษาอังกฤษ พวกเขาได้ให้คำบรรยายภาพ
ใหม่ดังนี้

คำบรรยายภาพ: ภาพของ Asket และ Nera ประเด็นที่ไม่เป็นที่พอใจ
นี่เป็นภาพของ Asket และ Nera จริงหรือไม่?

Billy Meier writes, "Unfortunately, during my conversation with Ptaah
he revealed that the two women depicted on the photos are not Asket and Nera
from the DAL Universe, but two American look-alikes.

These photos are malicious hoaxes and were switched upon the order of and
in collaboration with the 'Men in Black.'" Why the change of explanation in 2001?
It seems to be rather simple. In the 1990s videotapes
of The Best of the Dean Martin Variety Show were released by Guthy-Renker Productions.

นาย Billy Meier เขียนไว้ว่า ด้วยความบังเอิญ ในระหว่างที่ผมกำลังสนทนากับท่าน Ptaah อยู่นั้น
ท่านได้เปิดเผยว่า
ผู้หญิงทั้งสองคนที่บรรยายไว้ข้างบนนี้ ไม่ใช่ Asket และ Nera จากจักรวาล Dal
แต่เป็นผู้หญิงชาวอเมริกันที่หน้าตาคล้ายกัน

ภาพเหล่านี้เป็นการลวงโลกอย่างร้ายกาจ ซึ่งได้ถูกทำให้เป้นที่หน้าสนใจ โดยอยู่ภายใต้คำสั่งและ
ได้รับความร่วมมือจากผู้ที่ไม่เปิดเผยตัว (Men In Black)


<B><FONT color=#0000ff>ทำไมการเปลี่ยนคำบรรยายภาพใหม่ในปี 2001 นี้จึงทำได้ง่าย

 

เดี๋ยวนะครับ..เอาทีละคน

ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณ Mind~Freak ก่อนนะครับ
ที่นำข้อมูลนี้มาให้พวกเราได้รู้กัน ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย

แต่ผมขอออกตัวนิดหน่อยก่อนนะครับว่า ในเอกสารจากเวปไซท์
ที่ผมกำลังแปลอยู่นี้ เขาก็ไม่ได้บอกนะว่ามนุษย์ต่างดาวคนไหนบอกเขาว่า
รูปนี้เป็นรูปของ Asket อาจจะเพราะว่าผมยังอ่านไปไม่ถึงก็อาจจะเป็นไปได้

แต่วิธีการแปลข้อความจากเวปของเขา มาลงเวปพลังจิตแห่งนี้นั้น
ผมทำแบบนี้นะครับ

1. ไปดาวโหลดหนังสือที่เขาเผยแพร่อยู่หลายๆเล่มนั่นแหละมาอ่าน
ซึ่งมันเป็นภาษาอังกฤษ สำนวนชาวต่างประเทศ ที่อ่านเข้าใจยาก
และแปลค่อนข้างยากมาก รวมทั้ง เขาไม่ได้เรียบเรียงหัวข้อไว้เป็นหมวดหมู่
ที่ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเข้าใจเลย มีบ้างที่เรียงไว้ แต่ส่วนใหญ่
เขาเรียงตามลำดับการได้รับการติดต่อ

ดังนั้น ผมจึงจำเป็นต้องค้นหาประเด็นที่ผมสนใจเอาเอง
แล้วเอามาแปลให้ท่านๆได้อ่านกัน

ซึ่งแน่นอนว่าพื้นฐานข้อมูลที่ผมมีในเรื่องพวกนี้ กับของพวกท่านที่ท่านมี
ก็อาจจะไม่เท่ากัน ดังนั้น ที่ผมใช้คำว่า "ผมเลือกอามาเฉพาะจุดที่ผมสนใจ"
ก็อาจจะเรียกได้ว่า แปลตามใจฉัน ก็ได้นะครับ

2. ในหนังสือเหล่านั้นเขาไม่ได้โยงภาพประกอบเอาไว้ให้หรอกครับ แต่มีภาพที่เก็บไว้
อีกจุดหนึ่ง รวมๆกัน ให้เข้าไปดู ไปดาวโหลดได้

ดังนั้น ด้วยความที่ผมอยากจะให้กระทู้ของผมน่าสนใจและสวยงาม ผมก็จะไป
เลือกเอาภาพที่คาดว่า หรือคิดว่าน่าจะสอดคล้องกับเรื่องที่ผมกำลังโพสต์อยู่นั้นมาลงเอง

ซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกนะครับว่า เขามีภาพนั้นๆเอาไว้เพื่อประกอบการบรรยายตรงจุดไหนของเรื่อง
แต่ผมก็หยิบเอามาซะงั้นๆแหละ ก็อย่างที่บอกหนะและครับว่า "แปลตามใจฉัน"



ดูตัวอย่างภาพนี้นะครับ ไม่รู้ว่ามันจะไปเกี่ยวกันตรงไหน กับเรื่องไหนหรือเปล่า
เห็นมีแต่ภาพ และคำบรรยยลอยมาเฉยๆ เขาอาจจะกำลังเล่าถึงการติดต่อของคนอื่นๆอยู่ก็ได้นะครับ

ดังนั้นภาพของ Asket ที่ว่านั้นหนะ เขาอาจจะกำลังกล่าวถึงความขัดแย้ง
ของความเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นี่นา เพราะนาย Ivo คนนี้เอง เขาก็อ้างว่า
เขาติดต่อกับท่าน Ptaah ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นท่าน Ptaah อาจจะบอกเขา
เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ก็ได้นะ แต่ผมคงไม่ไปค้นหาข้อความนั้นหรอกนะครับ
เพราะไม่ใช่ประเด็นที่ผมติดขัดอยู่

..อ้อ..เจอแล้ว ในภาพนั้นมีกล่าวถึงนาย Meier ด้วยจริงๆครับ..

 

รบกวนคุณ Chayutt ดูหน้านี้ ให้หน่อยค่ะ Planet Erra - Home of the Pleiadians/Plejarans
มีข้อมูลของ PLANET ERRA จาก Mr.Billy Meier.
ตอนแรก ก็อ่านผ่านๆ ไม่ได้สนใจเท่าไหร่

แต่วันนี้ เห็น คุณMind~Freak พูดถึง Billy Meier
ซึ่ง Billy Meier ได้แย้งว่า ข้อมูลจากนอกโลก ที่เกิดก่อนปี 1975 มันเป็นเรื่องหลอกลวง

ไม่ได้เข้ามาขัดแย้ง อะไรใดๆ นะค่ะ แค่เห็นมาเลย มาถามเฉยๆ ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้างนะค่ะ

ข้าพเจ้ามิกล้าแปลเอง เดี๋ยวข้อความเค้าจะผิดเพี้ยน...แล้วที่อ่านเอง ก็มิรู้ว่าเข้าใจผิดเพี้ยนด้วยรึเปล่า

มาขอความช่วยเหลือ นะค่ะ....
ขอบคุณมากค่ะ

 

ส่วนของคุณ Stater ก็ต้องขอขอบคุณด้วยเช่นเดียวกันครับ

คำถามของคุณทั้งหมดนั้น ผมตอบได้หมดเลย เพราะว่าผมเห็นข้อมูลของเขาแล้วหละครับ

แต่อย่างที่บอกหนะแหละครับว่า

"ผมเลือกเอามาแปล และเอามาลงกระทู้นี้ เฉพาะเรื่องที่ผมสนใจเท่านั้นครับ"

เรื่องไหนที่ผมผ่านแล้ว เลยความสงสัยในจุดนั้นไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ผมไม่สนใจแล้วหละครับ

อย่างที่คุณถามทำนองว่า มนุษย์ต่างดาวจะมีจริงไหม๊ ถ้ามีจริงทำไมไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนี้
ทำไมไม่ติดต่อกับคนที่มีอำนาจและน่าเชื่อถือ ทำไมไม่ช่วยเหลือเรื่องอื่นๆด้วย

แต่ผมขออนุญาตไม่ตอบคำถามให้ทั้งหมดนะครับ เพราะผมไม่สงสัยเรื่องพวกนั้นอีกต่อไปแล้ว
แต่ผมก็จะแย้มๆข้อมูลเท่าที่ผมได้อ่านผ่านๆมา (จากเวปนั้นแหละครับ แต่ผมไม่ได้เอามาโพสต์เฉยๆ)
ให้ฟังคร่าวๆนะครับ ว่า

1. พวกเขาได้พยายามติดต่อกับรัฐบาลประเทศต่างๆมานานหลายสิบปีแล้ว
แต่ข้อเสนอของพวกเขาถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เพราะพวกเขามาแนะนำการปกครอง
และการเป็นอยู่ในแบบชนชาวอารยะที่ไม่มีระบบเงินตรา ไม่มีระบบการบังคับใคร
ไม่มีการกักตุนอะไร ไม่ครอบครองอะไรเป็นสมบัติเฉพาะตนเกินกว่าที่จำเป็น ให้
และ ฯลฯ

คุณคิดดูซิว่า ประเทศไหนในโลกจะทำได้




2. พวกเขาให้ความช่วยเหลือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องตัวยารักษา และเรื่องอื่นๆ
รวมถึงสกัดกั้นอุกาบาตรที่ลอยตรงมายังโลก ช่วยชำระสะสางมลพิษในอากาศให้
และอื่นๆ ช่วยมานานเป็นหลายร้อยหลายพันปีแล้วมั๊ง ถ้าไม่นานกว่านั้น

แต่ว่าเราไม่ได้เห็นเขาเดินลงมาช่วยอย่างที่เราคาดหวังเท่านั้นเอง รูปแบบของพวกเขา
ก็มีวิธีการของพวกเขา เช่น ดลใจใครซักคนที่กำลังค้นคว้ายารักษาโรคนั้น โรคนี้อยู่
ให้ค้นเจอ ให้คิดออกได้พอดี อะไรแบบนั้น

จะรักษาโรคให้จระเข้ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าดุร้าย ป่าเถื่อน
เราคงไม่ต้องดำน้ำลงไปรักษาให้ถึงในถ้ำของมันหรอกกระมัง

เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่ดุร้ายป่าเถื่อน ด้อยพัฒนาการ ด้อยสติปัญญา
(ในสายตาของพวกเขานะครับ)





ดังนั้น อย่าคิดว่าตัวเองเก่งนะ เวลาคิดอะไรได้สักอย่าง แล้วรีบวิ่งไปจดลิขสิทธิ์ไว้ใหญ่เลย

ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยๆหาข้อมูลไปนะครับ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะค่อยๆคลี่คลายออกมาเองนั่นแหละครับ
และถ้าผมเจอข้อความไหนที่เกี่ยวข้องกับคำถามที่คุณถามมานี้ ผมก็อาจจะคัดมาลงให้อ่าน
ในคราวต่อไปนะครับ อย่าห่วงเลยครับ รายละเอียดของเวปเขามีเยอะมากๆ
ผมเองก็อ่านแทบไปไม่ไหวเหมือนกันครับ...กระทู้นี้ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นเอง..


ตราบใดที่ยังมีคำถามอย่างต่อเนื่องในใจของเรา คำตอบมันก็จะค่อยๆคลี่คลายออกมาเอง

..

 

ที่มา :http://www.karinya.com/PlanetErra.html<o></o>
<o></o>

PLANET ERRA - Home of the Pleiadians / Plejarans<o></o>​

<hr width="80%" align="center" size="2">



<table class="MsoNormalTable" style="width: 100%;" width="100%" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 7.5pt; width: 100%; background-color: transparent;" width="100%">The well-known seven-star formation of the Pleiades is an open cluster of stars in the constellation of Taurus, that is about 420 light years, on average, from our Earth - and consists of relatively young stars and planets. The term "seven-star formation" is derived from the fact that at least seven sparkling stars can be seen with the naked eye on a clear starry night in the northern winter sky. The planets of this system, however, are presently in an evolutionary phase which is totally unsuitable for habitation by any human life forms, including the Pleiadian/Plejarans.<o></o>

<o></o>
​

ดาวลูกไก่ทั้ง 7 เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว อยู่ในกลุ่มดาว Taurus ซึ่งอยู่ห่างจากโลกของเราโดยเฉลี่ยราวๆ 420 ปีแสง <o></o>
กลุ่มดาวกลุ่มนี้ประกอบด้วยดาวเคราะห์และดาวฤกษ์เกิดใหม่มากมาย<o></o>
<o></o> ​

คำว่ากลุ่มดาวทั้ง 7 นี้มาจากสาเหตุว่ามีดาวอย่างน้อย 7 ดวงที่เรามาสามารถมองเห็นความสว่างได้ด้วยตาเปล่าบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือในฤดูหนาวในคืนเดือนมืด <o></o>
<o></o> ​

ดาวเคราะห์ในระบบดวงดาวนี้ ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการจึงยังไม่เหมาะแก่การดำรงชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่มีรูปแบบเหมือนมนุษย์เรานี้เป็นอย่างยิ่งรวมถึงพวกชาวดาวลูกไก่หรือชาวดาว Plejarans ด้วย
<o></o>
<o></o>
The Plejares (Play-yar-eez) star system, from where the Pleiadian/Plejaran extraterrestrials truly originate, exists in a physical dimension like ours, but it is shifted a fraction of a second ahead of our space-and-time configuration and is located approximately 500 light-years away from Earth. The dimension "door" or portal through which the Pleiadians/Plejarans travel to reach our Earth from their system is located near a certain star in the Pleiades star cluster (mentioned earlier) which we can see in our night sky. From this dimension portal in the Pleiades, the Plejares are another 80 light-years further away from the Earth, albeit in another space-and-time configuration. It is interesting to note that the names for several of their stars in the Plejares (i.e. Taygeta, Elektra, Alcyone, etc.) have been passed down through antiquity and have been designated to the stars that we see in our space-time dimension.
<o></o>
<o></o>
ระบบดาว Plejares ที่ๆชาวกลุ่มดาวลูกไก่(Pleiadians) หรือชาว Plejaran อาศัยอยู่จริงๆนั้น เป็นมิติทางกายภาพเหมือนกับเราแต่ว่าอยู่ในมิติของโครงสร้างกาลเวลา-อวกาศที่สูงกว่าของเราเล็กน้อยและมันอยู่ห่างจากโลกของเราราวๆ 500 ปีแสงประตูมิติที่พวกเขาใช้ในการเดินทางมายังโลกอยู่ที่ดาวดวงหนึ่งในระบบดวงดาวนั้นที่เราสามารถมองเห็นได้บนท้องฟ้า จากมิตินั้นประตูมิติจากกลุ่มดาวลูกไก่ คือดาว Plejares จะอยู่ห่างจากโลกประมาณ 80 ปีแสงแม้ว่าจะคิดจากโครงสร้างกาลเวลา-อวกาศที่แตกต่างกันก็ตาม<o></o>

มันน่าสนใจตรงที่ชื่อของดวงดาวทั้ง 7 ของพวกเขา ได้ถูกส่งทอดมาจากโบราณ จนบัดนี้เราเองซึ่งอยู่ในมิติโครงสร้างเวลา-อวกาศนี้ก็ยังเรียกชื่อดวงดาวเหล่านั้นเหมือนพวกเขาเลย<o></o>
<o></o>​

Many people have come to know the race of extraterrestrials that maintain contacts with Billy Meier as "Pleiadians" or "Pleiadeans", as this was how they were originally introduced to Billy Meier. The truth and origin regarding the Pleiadians' real name of Plejarans was deliberately withheld from us by the extraterrestrials until February of 1995, when they officially withdrew all of their bases from Earth. It was their intention to assist Billy Meier in exposing those people fraudulently claiming to be in contact with "Pleiadians," either in a physical or spiritual form, since the contacts officially began in 1975. (For reasons of familiarity and due to publication archives, the term "Pleiadians" still appears in many publications.)<o></o>
<o></o>​

หลายคนได้มารู้จักเรื่องราวของชาวกลุ่มดาวลูกไก่ ที่มาติดต่อกับนาย Billy Meirer ในนามของชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians หรือ Pleiadeans) ตามที่พวกเขาได้แนะนำตัวเองต่อนาย Billy Meier ตั้งแต่ตอนแรก แต่ว่าความจริงเริ่มแรกเลยก็คือชื่อจริงของชาวกลุ่มดาวลูกไก่ (Pleiadians or Plejarans) ได้ถูกพิจารณาให้พวกเราระงับการใช้ไปแล้ว โดยพวกเขาเองตั้งแต่ก่อนเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 1995 เมื่อพวกเขาถอนฐานทั้งหมดของพวกเขาออกไปจากโลก
<o></o>
มันเป็นความตั้งใจของพวกเขาที่จะช่วยนาย Billy Meier เปิดโปงผู้ที่แอบอ้างว่าสามารถติดต่อกับชาวกลุ่มดาวลูกไก่ได้ ไม่ว่าจะติดต่อในรูปแบบทางกายภาพหรือทางจิตวิญญาณก็ตาม เพราะว่าการติดต่ออย่างเป็นทางการเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1975 แต่เพราะว่าศัพท์คำว่า Pleiadians นี้มีผู้คนคุ้นเคยกันมากแล้ว และเพราะว่าถูกใช้เผยแพร่ออกไปแล้ว ดังนั้นคำว่า Pleiadians นี้จึงยังมีปรากฎอยู่ในข้อมูลที่เผยแพร่ต่างๆมากมาย<o></o>
<o></o>​

The Plejarans are humans of flesh and blood and reside on their home world called "Erra". Erra is one of ten planets that circle their sun, Taygeta (or Tayget). Four of the ten planets in the Taygeta system are inhabited by human life.<o></o>​

Erra has many similarities with our planet Earth. Below is a chart comparing several attributes of Earth and Erra:<o></o>
<o></o>​

ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้ออย่างพวกเรานี่แหละ และอาศัยอยู่ในดาวเคราะห์ที่ชื่อ Erra ซึ่งดาวดวงนี้เป็น 1 ใน 10 ดวงของดาวในระบบสุริยะจักรวาลของมัน ที่มีดวงอาทิตย์ชื่อ Taygeta หรือ Tayget
<o></o>
ดาวเคราะห์ 4 ใน 10 ดวงในระบบสุริยะจักรวาล Taygeta นี้ มีมนุษย์อาศัยอยู่<o></o>
ดาว Erra มีหลายๆอย่างที่คล้ายกับโลกของเรา ข้างล่างนี้เป็นแผนผังที่เปรียบเทียบรายละเอียดหลายๆอย่างของดาว Erra กับโลกของเรา <o></o>​

<o></o>

COMPARISON BETWEEN EARTH AND PLANET ERRA<o></o>


<table class="MsoNormalTable" style="background: white none repeat scroll 0% 0%; -moz-background-clip: border; -moz-background-origin: padding; -moz-background-inline-policy: continuous; width: 570pt;" width="760" border="1" cellpadding="0" cellspacing="1"><tbody><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">

ITEM<o></o>​

​

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">

PLANET EARTH<o></o>​

​

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">

PLANET ERRA<o></o>​

​

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Approx. distance to its central sun<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">150 million kilometers

(94 million miles)<o></o>​

​

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">150 million kilometers

(94 million miles)<o></o>​

​

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Orbital time around its central sun <o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">365.25 days<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">365.25 days<o></o>

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Inclination of planet’s imaginary axis<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">23.5 degrees<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">22.99 degrees<o></o>

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Equatorial diameter<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">12,756 kilometers

(7,922 miles)<o></o>​

​

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">12,749 kilometers

(7,917 miles)<o></o>​

​

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Density<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">5.520 grams/cm³<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">5.521 grams/cm³<o></o>

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Composition of Troposphere / Atmosphere<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">20.9% oxygen; 78.1% nitrogen; 1% trace amounts of argon and other gases<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">32.4% oxygen; 67.3% nitrogen; 0.3% trace amounts of argon and other gases<o></o>

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Surface gravitation<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">1 Earth gravity<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">1.0003 Earth gravity<o></o>

</td></tr><tr style=""><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 38%; background-color: transparent;" valign="top" width="38%">Escape velocity<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 32%; background-color: transparent;" valign="top" width="32%">11.18 km/sec<o></o>

</td><td style="border: medium none rgb(236, 233, 216); padding: 5.25pt; width: 30%; background-color: transparent;" valign="top" width="30%">11.19 km/sec<o></o>

</td></tr></tbody></table>​

As shown above, one year on ERRA lasts exactly as long as it does here on Earth but is divided into 13 months instead of 12 (a month is called "Asar" in their language), with a compensating time of 23 years. A day on Erra (called "Musal") has 23 hours and 59.4 minutes. An hour (called "Odur") correlates almost exactly to an hour on Earth.


จากตารางข้างบนนี้จะเห็นว่า 1 ปีบนดาว Erra ยาวนานพอๆกับ 1 ปีบนโลก แต่พวกเขาแบ่งออกเป็น 13 เดือน ไม่ใช่ 12 เดือนอย่างเรา (ในภาษาของพวกเราเรียกเดือนว่า Asar), 1 วันของเขามี 23 ชั่วโมง 59.4 นาที ​

(พอแล้วครับ ขี้เกียจแปล <o></o>เพราะไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่..แถมอ่านแล้วก็งงงงอีกด้วยครับ..ชยุต)<o></o>​

​

</td></tr></tbody></table>

Main UFO's Directory | Main Karinya Directory<o></o>​

 

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ที่ช่วยแปล(และช่วย งง)..
ไม่รบกวนแล้วค่ะ รออ่านข้อมูล ของคุณ Chayutt ต่อดีกว่าค่ะ;aa40

 

ผมติดตามอยู่ครับ ถ้ามีเรื่องน่าสนใจเอามาลงได้เลยย ครับ ผมอ่านทุกวัน วันหนึ่งอ่านหลายรอบ อ่านเเล้วทำให้ผมสบายใจ เหมือนกับว่าสิ่งที่เราเชื่อว่ามันมีจริง มันมีอยู่จริงถึงแม้จะเป็นแค่ตัวหนังสือที่ไม่รู้ว่า จริงหรือหลอก แต่ผมก็เต็มใจที่จะเก็บมันไว้ในความทรงจำ

 

*** รอดพ้นภัย หลุดพ้นทุกข์ ****

โลก กับ หลักตนพึ่งตน
ถ้าไม่เชื่อสัจจะ ไม่เอาสัจจะ ชีวิตขาดสัจจะ ...แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะมาช่วยได้
โลก อยู่ด้วยหลักสัจจะธรรม .... แต่หาคนมีสัจจะทำ แทบไม่มี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ความจริงในโลกจักรวาล ****

พระเจ้าของเขา ไม่มีตัวตน
ตัวตนของพระไตรปิฎก คือโลกุตตระ
บรมาจารย์ของพระพุทธเจ้า คือโลกุตตระ
โลกุตตระธรรม คือธรรมจากโลกุตตระ
โลกุตตระย่อการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นทุกข์พ้นไปจากโลก คือสัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ขอบคุณคุณ chayutt นะครับ สำหรับข้อมูล น่าสนใจดีครับ


คือที่ผมจะเขียนต่อไปนี่ผมไม่ได้จะมาแย้งอะไรคุณนะครับ แค่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเฉยๆ


จากข้อมูลข้างบนที่คุณให้มา ผมมองว่า มนุษย์ต่างดาวเมื่อได้รับการปฏิเสธจากผุ้นำโลก เขาน่าจะมีสิทธิเข้ามาแทรกแซงได้เลยนะครับ โดยที่ไม่ฟังเสียงผู้นำเหล่านั้น จุดประสงค์ก็เพื่อสันติภาพของโลกนั่นเอง


เหตุผลคือ มนุษย์ต่างดาวเขารู้อนาคตว่า หากชาวโลกยังคงประพฤติตัวไปตามทางของชาวโลกต่อไป ในที่สุด ความวุ่นวายต่างๆจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน อาทิเช่น สงคราม การกดขี่ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และที่สำคัญที่สุดคือ การปล่อยกระแสความคิดที่เป็นลบของชาวโลกจนทำให้เกิดภัยพิบัตจนมนุษย์ต่างดาวต้องลงมาช่วยอพยพ



ถามว่าทำไมเขาถึงมีสิทธิเข้ามาแทรกแซง ผมเปรียบเทียบเหมือนกับ ยูเอ็น กับ ประเทศเกาหลีเหนือ พม่า คือในทางกฏหมาย ยูเอ็นมีสิทธิแทรกแซงประเทศเหล่านี้แน่นอน เพราะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนประชาชนของตัวเองอย่างรุนแรง (ความเป็นจริง ยูเอ็นไม่มีความสามารถที่จะทำได้เพราะอ่อนแอเกินไป แต่หากยูเอ็นไม่อ่อนแอเหมือนทุกวันนี้ เขายอ่มมีสิทธิเข้าไปแทรกแซง จัดระเบียบประเทศพวกนี้ได้)





เมือ่มนุษย์ต่างดาวเข้ามาแทรกแซงชาวโลกแล้ว ข้อเสนอในการจัดระเบียบโลก ยอ่มต้องเป็นไปในแบบการเคารพสิทธิ เสรีภาพของชาวโลก (เพราะนี่คือ กฏสากล กฏของพระพุทธเจ้า ซึ่งเราก็รู้ได้แน่นอนว่าหากยึดกฏนี้ จะไม่เกิดการเบียดเบียนกันแน่นอน)


นั่นหมายถึง ข้อเสนอเหล่านั้นย่อมต้องได้รับการเห็นชอบของชาวโลกด้วยการโหวตเป็นรายประเทศ หากประเทศไหนผุ้นำไม่อนุญาติให้ประชาชนของตัวเองใช้สิทธิความเป็นมนุษย์ของตัวเองเพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองในการโหวตว่าจะรับเอาข้อเสนอจากมนุษย์ต่างดาวเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น นี่ก็เป็นสิทธิอันชอบธรรมที่มนุษย์ต่างดาวจะสามารถกำจัดผุ้นำเหล่านั้นได้ (พูดง่ายๆก็คือ ผุ้นำเหล่านั้นไม่ใช่เจ้าชีวิตของประชาชน เขาไม่มีสิทธิมาเลือกทางเดินชีวิตแทนผู้อื่นได้)



รายละเอียดในข้อเสนอใดที่ชาวโลกรับไม่ได้แน่ๆ เช่น ห้ามการครอบครองสมบัติเกินกว่าที่จำเป็น ซึงมันขัดกับตัวกิเลสที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ ก็อาจจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ไปได้ คือผมมองว่า เราไม่จำเป็นต้องรับข้อเสนอเขาไปเสียทุกอย่าง อะไรที่ทำได้ก็ทำ อะไรที่ทำไม่ได้ รับไม่ได้จริงๆเราก็ไม่รับ เขาคงไม่ว่าอะไรเราหรอก




แต่ข้อเสนอต่างๆที่เป็นการช่วยเหลือมนุษย์ให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้ เช่น

การผลิดอาหาร

ที่อยู่อาศัย

สิ่งแวดล้อม

ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

ยารักษาโรค

การละเมิดสิทธิมนุษยชน

9ล9


ผมคิดว่าความช่วยเหลือเหล่านี้ไม่น่าจะมีใครไม่เห็นด้วย อาจจะมีก็เป็นพวกผุ้นำทางเศรษฐกิจ หรือผุ้นำโลกที่กดขี่ประชาชนของตัวเอง ถามว่า มนุษย์ต่างดาวมีสิทธิอันชอบธรรมหรือไม่ที่จะจัดการกับผุ้ที่ไปกำหนดชะตาชีวิตของผุ้อื่นเป็นล้านคน แน่นอนครับ ในทางสากลเรามีสิทธิเข้าแทรกแซงครับ


คือที่ผมคิดไว้ นี่ก็นานแล้ว เอามาเล่าให้ฟังเฉยๆครับ

 

สวัสดีอีกครั้งครับคุณ Starter

ก่อนอื่นนะครับขอเกริ่นอะไรซักหน่อยก่อนนะครับ

ไม่รู้ว่าท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ เคยรู้จักผมและงานโพสต์ของผมมาก่อนบ้างหรือเปล่า
ถ้าใครที่พอจะรู้จักคุ้นเคยกันอยู่บ้าง ก็จะรู้ว่าผมก็อยู่ในกลุ่มเขากะลาด้วย
และก็จะได้รับการสื่อสารผ่านมาทางความฝัน และถูกฝึกเดี่ยวมาร่วม 10 ปีแล้วเช่นกัน

ที่เกริ่นมานี่เพราะกำลังจะบอกว่า หลังจากที่คุณ Starter ได้โพสต์ถามคำถามเหล่านี้ไว้
และผมก็ได้เลี่ยงที่จะมาตอบให้ แม้ว่าพอจะรู้คำตอบอยู่ก็ตาม

เท่านั้นแหละครับ เมื่อคืนก่อนโน้นผมก็ฝันไปว่าเขาเอาเอกสารมาให้ผมอ่านใหญ่เลย
ภาพมันจะเป็นหน้ากระดาษหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์นี่แหละอยู่ตรงหน้าผมเต็มๆเลย
แล้วให้ผมกวาดสายตาอ่านไปๆทีละบันทัดๆจนจบเอกสารนั้น

ในฝันมันคมชัดลึกมากๆ เหมือนได้อ่านในตอนตื่นจริงๆ ตอนอ่านนั้นเข้าใจทุกข้อความเลยครับ
และก็ยังได้อ่านทวนดูอีก 1 รอบ รวมเป็น 2 รอบด้วย เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเกิดของมนุษย์อะไรแบบนั้น

และสุดท้าย ยังปรากฎข้อความที่เป็นคำตอบของคำถามของคุณ Starter ให้เห้นด้วย
ในใจผมก็รู้แล้วหละว่าเขาคงอยากให้ผมเอามาลงให้อ่านกัน
แต่ผมก็ยังไม่อยากเอามาลง เพราะมันยาว ต้องแปลเยอะ
และเนื้อหาก็เป็นเรื่องความเป็นอยู่ของพวกเขาบนดาวที่เจริญแล้ว
และรวมถึงกฎแห่งจักรวาลทั้ง 10 ข้อที่พวกเขายึดถืออยู่ ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ
การไม่ไปแทรกแซงสิทธิเสรีภาพของวิถีชีวิตของสิ่งมีชีวิตอื่น อย่างเช่นมนุษย์เป็นต้น
ดังนั้นที่คุณกล่าวมานั้นผมก็เห็นด้วย ว่าน่าจะดี แต่พวกเขาทำเช่นนั้นไม่ได้

เพราะว่าหากคิดแบบใช้สมอง ใช้สติปัญญาของมนุษย์คิด มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ
แต่ว่ามันไม่ใช่ พวกเขาไม่ใช่มนุษย์

เอาไว้ผมจะทะยอยแปลมาลงให้อ่านก็แล้วกันนะครับ เพราะไหนๆก็ไหนๆแล้ว