เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอบพระคุณค่ะ...เข้าใจแระ
    ชื่อ ไม่ได้สำคัญ และเจาะจงชัดเจน ขนาดนั้น
    เดรดอยู่ระหว่าง การฝึกฝนที่จะถอดรหัส ก็ลองไปเรื่อยเปื่อยค่ะ อิอิ หนุกดี

    เพื่อนที่ฝันถึง คนนี้เป็นเพื่อนรัก ที่สนิทกันมาก คบกันมายาวนาน นับสิบปี
    และไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย พูดจาอะไรก็แทบจะรู้ใจกันไปหมด
    ถ้าเทียบสัญญลักษณ์ ตรงนี้ คือ"มิตรภาพที่ไม่เคยเสื่อมคลาย"
    เอาเป็นว่า เดรดเชื่อในสัมผัสภายใน กับสัญญลักษณ์นี้ว่า
    สัญญลักษณ์ที่ทดแทน บุคคลิกภาพของ คุณ wideheart ที่มานี้ คือ
    "ผู้เป็นมิตร อย่างไม่มีประมาณ"ค่ะ

    ยินดีที่ได้รู้จัก อีกครั้งค่ะ;aa28
     
  2. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1
    It's never late to say, I'm glad to meet you too.

    พลังแรงจังนะ! แม่ทูนหัว ทำเอาหายใจเกือบไม่ออกพูดจริงนะนี่
    คืนนี้ขอหลับสนิทหน่อยนะจ๊ะที่รัก เดี๋ยวพี่ตายแล้วใครจะร่ายมนต์รักให้น้องอีกล่ะ ขอจุ๊บ ๆ มั่ง มันยังค้างอยู่..
    ไปอาบน้ำก่อนดีกว่า...
     
  3. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1
    ในความฝันถัดไป..ฉันยืนอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งเบื้องหน้าไม่ไกลนัก เป็นเหมือนย่านร้านค้าขายที่เป็นตึกเก่า ๆ ที่เรียงถัด ๆ กันไปเป็นแนว ส่วนทางขวามือใกล้เข้ามาหน่อยจากย่านร้านค้าที่มองเห็น ๆ พระสงฆ์รูปหนี่งยืนอยู่ใกล้เขตรั้วกั้นที่สร้างด้วยเหล็กแสนตเลสสูงไม่เกินแค่หัวเข่าเห็นแค่ไม่ถึงครึ่งส่วนของโค้งรอบกั้นเขตนั้น ยังไม่ทันที่จะกำหนดว่ามันสถานที่อะไร ฉันต้องประหลาดใจกับสายตาที่กำลังพิจารณาดูสิ่งต่าง ๆ รอบกายเมื่อเห็นแผ่นพื้นดินเคลื่อนเหมือนระรอกคลื่นขยับตัวไหว ไม่แน่ใจว่าฉันตาฝาดไปหรือเปล่าจ้องดูให้แน่มันยังเคลื่อนอยู่อย่างน่าตระหนก! ผู้คนวิ่งหนีกันอลม่าน ทันใดเสียงดังจากบนฟ้าฉันแหงนดูเป็นเครื่องบิน ๆ สูงผ่านหัวไปอย่างรวดเร็วจริงแต่ตาจ้องจับตามตัวเครื่องบินไม่เร็วไปกว่า ใต้ท้องเครื่องบินจากปลายมาถึงครึ่งกลางลำตัวนั้นเป็นสีที่ทาไว้ออกเป็นสีเลือดหมู ปลายหัวเครื่องบินยาวมนติดใบพัด ข้างหน้ามีสายยาวลงมาจากเครื่องบินฉันกำหนดนึกว่าเครื่องบินกำลังทำอะไร มันกำลังจะทิ้งระเบิด! ผ่านเลยไปตรงที่ที่ฉันยืน กลับมามองที่ผู้คนกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอด ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งดวงตาถลนเกือบออกมานอกเบ้า ผู้คนวิ่งขวัญหนีดีฝ่อกันทั่วไปหมด ฉันคิด คิด คิด จะทำอย่างไรยังยืนอยู่กับที่ไม่ได้วิ่งไปกับผู้คนตื่นกลัว แล้ว..ฉันลงนั่งสมาธิอยู่คนเดียวตรงนั้นแต่ขณะนั่งทำสมาธิเหมือนรู้สึกไม่ได้นั่งคนเดียวลืมตาขึ้นมีพระอีกสี่รูปนั่งข้างละสองรูปฉันนั่งอยู่กลางแต่ตรงที่ฉันนั่งนั้นมันนูนสูงขึ้นมากลับกลายเป็นลักษณะที่ฉันกับพระสี่รูปเป็นฐานสี่เหลี่ยมคางหมูในลักษณะการนั่งอย่างนั้น แล้วฉันรวมกับพระทั้งหมดเริ่มนั่งทำสมาธิไปเรื่อย ๆ จนมารู้สึกตัวอีกทีตอนไม่รู้ใครเอาอะไรมาแต่ที่หน้าผาก ฉันลืมตาเห็นเป็นพวกชาวบ้านถามว่าเอาอะไรมาแต่ที่หน้าฉัน ชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่าเป็นเลือดและบอกให้เลิกทำสมาธิได้แล้วเพระเหตุการณ์กลับเข้าสู่เป็นปกติไม่มีอะไรแล้ว./ (เป็นฝันถัดจากฝันเมื่อวานนี้ในห้วข้อฝัน ชั้นเชิง...)<O:p</O:p
    ขอบคุณมิตรรัก..เพื่อนสมาชิกและผู้แวะอ่านนะคะ
    wideheart<O:p</O:p
     
  4. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1
    ไม่เคยได้ยิน..<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    นอนตีสองสิบกว่า ๆ หลับไปฝัน..เสียงเพลงบรรเลงพื้นเมืองภาคเหนือพริ้วแผ่วเบามาแต่ทิศใด หูฉันรับปรับทิศทางให้ฟังชัดขึ้น ๆ ท่วงทำนองดนตรีแสนเสนาะพริ้วไพรเราะจับจิตอย่างบอกไม่ถูก ฉันฟังไปเรื่อย ๆ รับสัมผัสดื่มด่ำกับอารมณ์นั้นใจฉันอยากรู้เหลือเกินหนอว่าเสียงเพลงบรรเลงนี้ชื่อเพลงอะไร ขณะฟังฉันเอาเศษกระดาษมาแม้ไม่มีผู้ขับร้องก็จริงแต่ใช้จินตการของฉันเองแล้วเขียนลงกระดาษว่า บ้านคู่กัน ฉันฟังเสียงมนต์เพลงบรรเลงกล่อมจนเสียงค่อย ๆ ห่างออกไป จากนั้นภาพตัดกลับมาหาเจ้านายผู้ชายซึ่งกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ฉันไม่รอให้เจ้านายพูดคุยต่อ ฉันขัดจังหวะการสนทนากล่าวขอประทานโทษบอกกับนายว่าเผอิญไปได้ยินเสียงเพลงบรรเลงของทางภาคเหนือมาไพเราะมากเจ้านายต้องชอบแน่ ๆ แต่ไม่รู้ชื่อเพลง เจ้านายมองหน้าฉันเฉย ๆ ไม่พูดอะไร./(เสียงเพลงนั้นประทับใจไวด์ฮาร์ทมากเลยและก็จำได้ด้วยว่ามันเริ่มอย่างไงก่อน ถึงแม้ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต จึงทำให้ต้องไปหาในเวบไซต์หนึ่งนี้:: CM77 :: Internet Entertrainment and Lanna Radioเป็นเพลงแรกที่เปิดฟังแล้วใช่เลยค่ะ ชื่อเพลง ปราสาทไหว ไพเราะจริง ๆและก็รู้สึกตื่นเต้นมากเพลงนี้เหมือนในฝันค่ะไม่มีผิดไปจากนี้เลยแน่นอนขอยืนยันทำนองที่ขึ้นก็แบบเดียวกันเลย แล้วยังมีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับเพลงบรรเลงนี้ด้วยค่ะตามเว็บไซต์นี้นะคะhttp://gotoknow.org/blog/nhanphromma/137580 เดี๋ยวไวด์ฮาร์ทวันนี้จะต้องฟังหลาย ๆ รอบทีเดียวแหละ <O:p</O:p

    Thank you very much<O:p</O:p
    wideheart<O:p</O:p
     
  5. Jack5115

    Jack5115 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +1
    ผมฝันเรื่อง ดราก้อนบอลจริงนะครับ ไปอยู่ในการ๋ตูนเลนเลย แปลว่าไงครับ
     
  6. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เชื่อแล้วครับว่าฝันจริงๆ (อิอิ)
    ขอตอบในมุมมองของผมนะครับคุณแจ๊ค
    ฝันนี้น่าจะสะท้อนถึงความเป็นนักต่อสู้ เป็นผู้รักความยุติธรรม
    และคงถ่ายทอดผ่านมาจากตัวนักวาดการ์ตูน รวมถึงบุคลิกของตัวละครที่เราชื่นชอบด้วยนะครับ
    สาระของฝันจะอยู่ที่ความรู้สึกผ่านสัญลักษณ์ที่เราเห็นครับ

    เรื่องนี้ผมก็ติดตามดูเหมือนกัน ตอนนี้เป็น Dragonball GT ไปแล้ว
    ลุ้นเท่าไหร่ก็ไม่จบง่ายๆ แต่ดูสนุกดีครับ

    (good)
     
  7. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1
    โต๊ะกลม..<O:p</O:p

    เมื่อคืนนอนดึกมาก ๆ เลยเวลานอนมากโขประมาณเกือบตีสี่แต่กว่าจะหลับได้ก็เข้าตั้งตีห้ากว่า ๆ ไม่รู้เป็นอะไรหลับฝันว่า....ที่โต๊ะกลมมีหลานสาวคนรองนั่งเยื้องตรงข้ามกับฉันซ้ายมือคือแม่เอาน้องสาวคนเล็กซึ่งในฝันน้องสาวเป็นเด็กเล็กอายุแค่ขวบกว่า ๆ นั่งตัก(แต่ไม่เห็นกับข้าวและการกินข้าวกัน)มีเพียงฉันคนเดียวมีข้าวเปล่า ๆ ในกล่องพาสติคสี่เหลี่ยม ในตอนนั้นรู้ว่าน้องคนเล็กกินข้าวไม่หมดและไม่ยอมกินต่อ ฉันเลยตักข้าวใส่ปากฉันเองทำท่าอร่อย..แล้วพูดกับน้องว่า หย่อยจังเลย..หย่อย ๆ เห็นแมะกินหมดเลย! น้องสาวตัวเล็กเห็นท่าทางกินอย่างอร่อย..แกก็เลยอยากกินให้อร่อย ๆ เหมือนฉัน./ (ดูไม่ค่อยจะมีสาระเท่าไหร่แต่มันก็ยังให้เราฝันอีก แต่ขอไปเอาสาระจากฝันเมื่อวานนี้ดีกว่าฟังไม่รู้กี่รอบ สงสัยจะต้องฟังทุกวันทุกคืนมันเป็นอะไรที่รู้สึกพิเศษที่เหมือนเทวดาให้เราฝันคือเทวดาสังหรณ์คงกระมั้ง!)<O:p</O:p
    รัก..ทุกคนค่ะ <O:p</O:p
    wideheart<O:p</O:p
     
  8. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1

    ใครจ่าย..<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คืนนี้นอนเร็วนิดห้าทุ่มกว่าหลับฝัน..ที่วงนั่งกินอาหารมีผู้ชายวัยทำงานอยู่สามคนเศษอาหารในภาชนะต่างซึ่งไม่ค่อยมีอะไรเหลืออยู่ทั้งขวดเหล้าดูเปล่าดูระเกะระกะบนโต๊ะแบบนั่งกับพื้นชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดฟอร์มของออฟฟิคในชุดขาวดำนั่งในลักษณะเหยียดขายาวเอนไหล่ชิดกับคู่หูที่นั่งใกล้ด้วยกันเอ่ยกับเพื่อนอีกคนที่นั่งตรงข้ามกับเขาว่า ที่มาเลี้ยงข้าวแกวันนี้ก็เพราะตั้งใจอยากจะเลี้ยงแต่แกเล่นพาสาวมาร่วมกินด้วยกันหลายคน ฉันซึ่งสังเกตุการณ์เห็นแค่สองคนที่เพิ่งเดินลับออกไปทางประตู ถึงเวลาเช็คบิลแกต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมดกันรู้สึกผิดหวังว่ะที่นายทำแบบนี้ฉันเห็นอากัปกริยาเพื่อนที่ถูกบอกให้เป็นคนจ่ายเงินค่าอาหาร เอาข้อศอกเท้าบนโต๊ะในมือมีเครดิตการ์ดยื่นไปที่หน้าคนที่พูดคล้ายกับจะบอกว่า มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พนักงานเก็บเงินเดินมาพอดี./ภาพฝันถัดไปขอตั้งชื่อเรื่องว่าบทบาท..กำลังกิดการทวงที่นั่งกันกับคนอื่นๆในนั้นก็มีไวด์ฮาร์ทอยู่ด้วยรีบมาจองที่นั่งชมเป็นมุมที่กำลังเหมาะเป็นคนแรกเลยและมีผู้ชมอีกหลายคนมาพร้อมกันหนึ่งในนั้นจำได้ว่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมต้นเพื่อนคนนี้เป็นคนเรียบร้อยมากในสมัยเรียนด้วยกันก็ประมาณสามสิบกว่าปีจำชื่อได้ไม่เคยลืมชื่ออุบลเดินตรงมาที่ไวด์ฮาร์ทบอกว่าที่นั่งมุมนี้เป็นของเธอไวด์ฮาร์ทพูดกลับว่าที่ของใคร ๆไม่สำคัญ..รู้แต่ว่าใครมาจองก่อนเป็นคนแรกก็ควรจะได้ที่นั่งนี้เพราะมีสิทธิ์กันทุก..จากนั้นก็หันมาดูการแสดงละครแต่ไม่ใช่เป็นจอจากทีวี..ละครกำลังเริ่มฉากนางเอกละครขวัญใจประชาชนไวด์ฮาร์ทเห็นนางเอกดังคนนี้คือคุณกบ(สุวนันท์)นางเอกในชุดสวมเสื้อผ้าไม่ได้เห็นชัดขนาดจะบอกได้ว่าผ้าสีอะไรคล้ายผ้าสีเนื้อในความรู้สึกว่าเป็นผ้าชั้นดีตัดเย็บอย่างประณีตแต่ทรงผมสไตล์แบบฟูทั้งหัวใบหน้าตกแต่งไว้ดูงามตาก้มตัวลงจับจักรยานสองล้อสีน้ำเงินมันเงาที่วางหงายอยู่บนพื้นจะยกขึ้นแต่นางเอกก็ต้องหันไปตามเสียงที่พูดดูเหมือนสั่งห้ามว่าไวด์ฮาร์ทฟังดูเหมือนเป็นจักรยานคันโปรดของเจ้าของเสียงวางจักรยานของผมลงเดี๋ยวนี้! เป็นเสียงของเด็กชายแต่มองไม่เห็นตัวคนและคำพูดของเด็กยังไม่หยุดต่ออีกว่าน้ำหน้าอย่างคุณน่ะนะไม่ควรแม้แต่จะแตะต้องของของผมผมอนุญาตให้กับแม่ผมคนเดียวเท่านั้นภาพจับที่นางเอกของเรายืดตัวตรงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงปรกติว่าอ้าว! ก็ฉันน่ะเป็นแม่ของเธอเหมือนกันถึงแม้จะไม่ใช่แม่จริงก็เถอะเธอควรจะให้อภัยฉัน..นางเอกกล่าวดังนี้ไวด์ฮาร์ทอยากจะรู้ว่าเด็กจะพูดกลับว่าไงก็ได้ยินแต่เสียงเล็กแหลมมาจากอีกทางส่งเสียงว่าไหนชั้นได้ยินใครพูดนะว่าใครเป็นแม่ใครแล้วสักครู่ภาพเจ้าของเสียงเล็กแหลมสูงก็ปรากฏภาพเห็นแค่เฉพาะช่วงจากเนินอกอวบผิวดำเนียนจนถึงรูปใบหน้ากลมกลายนั้นดวงตาโตคมเข้มคิ้วงามรับกันกับจมูกปากไม่มีที่ติที่หูห้อยต่างหูตุ้งติ้งและทรงผมฟูฟูไม่ต่างไปจากคุณกบนางเอกยังพูดต่อว่าคุณเป็นใครมาจากไหนอยู่จะมาอ้างกันง่ายๆอย่างนี้ได้ยังไงด้วยน้ำเสียงดูแคลนพร้อมแสดงความเป็นเจ้าของบ้านเต็มที่แล้วภาพของแม่เด็กชายก็ไปยืนเยื้องอยู่ข้างหน้าคุณกบภาพถ่ายเห็นด้านหลังนางเอกพอให้ผู้ชมเห็นใบหน้าชัดเจนและช่วงครึ่งตัวของเจ้าหล่อนให้เห็นชุดเกาะอกสีออกเทาเว้วโชว์เนินอกแล้วใช้ถ้อยคำถากถางนางเอกต่อไปอีกว่าชั้นพอจะรู้แล้วว่าคุณมาที่บ้านนี้เพื่อประสงค์อะไรจะมาเอาสามีของชั้นไปครองใช่มั้ย! นางเอกคุณกบซึ่งกำลังแสดงอยู่นั้นยั้งอารมณ์อดกลั้นไม่ตอบโต้คารมกับหญิงเจ้าบ้านปากจัดภาพซูมมาใกล้อย่างชัดเจนริมฝีปากสั่นระริกของนางเอกสาวพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่าคุณเข้าใจผิด..ยังไม่ทันที่คุณกบเธอจะอธิบายให้จบหญิงสาวเจ้าของเสียงสั่นประสาทตอกกลับว่าเข้าใจผิดอะไรก็เห็นอยู่เข้ามาในบ้านนี้ตั้งใจจะมาแย่งผัวหล่อของฉันใช่มะ..คุณนี่หน้าด้านจริงเพลียะ! ฝ่ามือของนางเอกตบเข้าที่บนใบหน้าคมสวยของหญิงเจ้าบ้านไวด์ฮาร์ทไม่ได้ยินเสียงตบหน้าในละครนั้นใบหน้าหันไปตามแรงตบหล่อนตกใจนึกไม่ถึงว่าจะโดนคนที่ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านตบหน้าเอาหล่อนเอามือลูบแก้มข้างที่โดนตบคราวนี้ภาพจับทางให้เห็นสองฝ่ายยืนประจัญหน้ากันในลักษณะด้านข้างให้ผู้ชมที่กำลังดูอยู่แม่เด็กชายโมโหโกรธจัดไม่รอช้าประชิดตัวนางเอกจะตบกลับเอาคืนดึงผมของคุณกบหลุดออกมาเป็นวิคที่สวมไว้บนหัวปรากฎให้เห็นทรงผมบ็อบสวยสลวยสีผมเหมือนสีเงินยวงเงาเลื่อมจับตาไวด์ฮาร์ทจ้องผมคุณกบไม่กระพริบเส้นผมประดุจไหมช่วงที่แม่แท้ของเด็กดึงวิคออกเส้นผมไม่มีกระจายยุ่งเหยิงแม้แต่กระเบียดนิ้วทรงผมบ๊อบสีเงินยวงทิ้งตัวลงอย่างอ่อนงาม..หญิงเจ้าของบ้านถึงกับเบิ่งตากว้างไม่ใช่เพราะทรงผมของคุณกบแต่ งงงันและอุทานเรียกชื่อออกมาว่านี่แม่เพลินเธอเองน่ะหรือ! ชั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าเป็นเธอ..โธ่!แม่เพื่อนรักของชั้นส่วนนางเอกเรายืนนิ่งอย่างรู้สึกผิดต่อการกระทำที่ตบหน้าพื่อนช่วงนี้เองไวด์ฮาร์ทเข้าไปซับความรู้สึกเพื่อนของนางเอกเมื่อรู้ว่านางเอกปลอมตัวเข้ามา เธอถึงกับหัวใจอ่อนยวบสำนึกคำพูดที่ตัวเองกล่าววาจารุนแรงกับเพื่อนแสนรักคนนี้./อยากจะใช้ชื่อตอนจบว่า ในที่สุด..ก็เพื่อนรัก เป็นข้อคิดดีฮ่ะ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นี่คือความฝันค่ะมันยากมาก จิตวิญญาณสื่อถึงกันหมด และก็ไม่ทราบว่าจะให้คำสรรพนามแทนตัวเองในฝันอย่างไรดีเพราะมันเหมือนฝันซ้อนละคร ซ้อนฝันมีคำพูดของตัวละครแสดงใช้สรรพนามคำว่า(ฉัน)เหมือนกับที่ไวด์ฮาร์ทใช้ในฝันเป็นประจำก็เลยใช้ชื่อไวด์ฮาร์ทซึ่งใช้อยู่นี้แหละจะได้ไม่งงกับสำหรับความฝันเรื่องที่สองจะเหมาะกว่าค่ะกว่าจะเรียงให้เข้าใจได้ก็ต้องอาศัยทำความเข้าใจกับอารมณ์ความรู้สึกในฝันนี้มากเพราะมันค่อนข้างเกินความสามารถของไวด์ฮาร์ทกับความฝันซ้อนฝันจึงพอเรียงลำดับเหตุการณ์สื่อให้เพื่อนสมาชิกและผู้แวะอ่านได้เพียงนี้อาจได้รับอรรถรสบ้างไม่มากก็น้อยนะคะทำเต็มที่แล้วอ่ะค่ะ<O:p</O:p
    ความฝันนี้ฝันเมื่อคืนวานนี้วันที่ 1 มิถุนายน 2552 มาลงช้าไปหนึ่งวัน<O:p</O:p
    รักยิ่ง <O:p</O:p
    wideheart<O:p</O:p
     
  9. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1
    กลกามเทพบุตร..นักรัก<O:p</O:p

    ตีสามครึ่งเข้านอนหลับฝันว่า..ฉันยืนอยู่ในที่มืดสลัว อุ้มทารกสองคนไว้ในแขนทั้งสองข้าง ๆ ละคน ณ ที่นี้คล้าย ๆ บ้านหลังใหญ่พยายามเพ่งสายตาดูแต่ก็ไม่แน่ชัดว่ายืนอยู่บริเวณใดของตัวบ้าน ฉันไม่ขยับเดินไปไหน ได้แต่คิดว่าคงจะมีใครในบ้านนี้สักคนมาช่วยอุ้มทารกน้อยนี้บ้างก็จะดีเพราะรู้สึกเมื่อยทั้งสองแขนจะแย่ แค่คิดเพียงนี้ฉันสะดุ้งสุดตัวเพราะจู่ ๆ ชายชีเปลือยโรยตัวเหมือนอยู่ในที่สูงลงมาจะเข้าประชิดตัว แต่ถูกยั้งรั้งตัวไว้ด้วยผู้หญิงสาวผมยาวดำสนิทปล่อยไว้ปรกแก้มลงมาข้างหน้าได้เห็นใบหน้ารูปไข่ดูซีด ที่ฉันกำหนดให้นัยน์ตาสามารถมองเห็นทั้ง ๆ ที่อยู่ในที่มืดอย่างนั้น ส่วนชายไร้ชิ้นส่วนของเสื้อผ้าใด ๆ มาปกปิดร่างกายของเขาซึ่งส่วนสูงไม่ใช่ลักษณะของชายไทยทั่วไป เขาสูงมาก ๆ คงสูงหกฟุตครึ่งประมาณได้ ใบหน้าแสนที่จะหล่อเหลาออกไปทางเทพบุตรกรีก แถมสะเทิ้นไหวคงอายที่หญิงคนนั้นก้มหน้าลงต่ำในส่วนล่างของเขา เขาอายฉันน่ะ เขารีบเอียงตัวหลบจากใบหน้าซีด ๆ ของหล่อน เขาหลุดคำพูดที่เขาไม่ทันตั้งตัวจากฝ่ายจู่โจมแต่จับเป็นคำพูดภาษาไทยได้ว่า ไอหยัยหย่า..(อาจแปลความหมายได้ว่า โอ๊ะอย่าทำอะไรประมาณนี้มั้ง อิ..อิ)และสายตาของเขามาที่ฉันแสนจะออดอ้อนถ้าเป็นหญิงธรรมาคงจะรู้สึกวาบหวิวระทวยทดเป็นแน่แท้ ฉันทำไม่รู้ชี้ จากนี้เราก็สื่อกันด้วยจิต เขาบอกว่าผู้หญิงมาให้เขาซึ่ง ๆ หน้า ถ้าไม่เอาก็ไม่ใช่ชายจริง เป็นของที่เขาได้ฟรี ๆ กายนะให้คนอื่นแต่ใจผมอยู่ที่คุณ อย่าโกรธเลยนะ ฉันจะไปโกรธกระไรได้ก็ฉันไม่เป็นอะไรกับคุณ อยากจะทำอะไร ๆ ก็ทำไปซิ และไม่ต้องมาคิดนึกถึงฉัน สื่อเขาไปด้วยความรู้สึกราบเรียบ แล้วฉันก็อุ้มทารกน้อยสองคนเดินจากมา./<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    เป็นความฝันที่ให้เผยยิ้มกับท่านสมาชิกและผู้แวะอ่านบ้างไหมเอ่ย ขอบคุณนะคะ<O:p</O:p
    รักเสมอ<O:p</O:p
    wideheart<O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  10. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    สวัสดีค่ะ เพื่อนๆที่รัก วันนี้เดรดมีอะไรอยากมาแชร์
    บางคนอาจเคยผ่านข้อความเหล่านี้มาแล้ว แต่เดรดเห็นว่ามันมีประโยชน์ดี
    ลองอ่านดูหน่อยนะคะ แบบ ชอบมากอ่ะค่ะ

    การปรับทรรศนะทางจิตใจ ให้สามารถสร้างปฏิหาริย์ได้


    "เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในกรณีนี้เป็นเรื่องใหม่
    เราจึงต้องคิด และกระทำในลักษณะที่ใหม่ๆ ไปด้วย"
    อับราฮัม ลินคอล์น



    ผมเชื่อว่าจะได้เจอกับปาฏิหาริย์ที่แท้ เพราะผมเต็มใจจะแขวนความไม่เชื่อของผมไว้ก่อน
    ผมตระหนักว่าการเก็บความสงสัยไว้ก่อนเป็นก้าวแรกในการเตรียมตัว เตรียมใจ เพื่อสร้างปาฏิหาริย์
    ผมจึงอยากให้คุณปลูกฝังจิตใจให้เปิดกว้างต่อทุกสิ่งเป็นอันดับแรก แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปได้สำหรับคุณ
    ต่อไปนี้เป็นตะแกรงในการตรวจสอบท่าทีของจิตใจคุณว่าเปิดกว้างมากน้อยเพียงไรอย่างรวดเร็ว
    มันเป็นชุดทดสอบของคุณ ดักลาส ฮอฟสแต๊ดเตอร์ นักคณิตศาสตร์



    คุณพ่อคนหนึ่งและบุตรชายของเขากำลังขับรถไปยังการแข่งขันฟุตบอลเกมหนึ่ง
    ขณะที่พวกเขากำลังข้ามทางรถไฟไปได้ครึ่งคัน รถก็เกิดหยุดกึ๊กตรงนั้น
    เขาได้ยินเสียงรถไฟที่อยู่ไม่ไกลนักกำลังเคลื่อนที่เข้าหา
    เขาพยายามสตาร์ทรถให้เครื่องยนต์ ติดอีกครั้งแต่ไร้ผล
    แล้ว...รถไฟก็ชนรถของเขา เขาตายคาที่ทันที
    ส่วนบุตรชายรอดมาได้และถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน เพื่อผ่าตัดสมอง
    ศัลย์แพทย์ พอเข้ามาในห้องผ่าตัดกลับหน้าซีดและกล่าวว่า
    "ฉันผ่าตัดไม่ได้กับเด็กคนนี้เขาเป็นลูกชายฉัน"


    คำถามคือ ศัลย์แพทย์ มีความสำคัญเป็นอะไรกับเด็กชายคนนี้?
    จงใช้เวลาไตร่ตรองซักครู่ ก่อนจะมองหาคำตอบ ที่เฉลยไว้ด้านล่างแล้ว
    ...........................................................................................

    จากหนังสือ REAL MAGIC ของ Dr.Wayne W.Dyer
    บทที่ 3 หน้าที่ 76 การปรับทรรศนะทางจิตใจให้สร้างปาฏิหาริย์ได้





    คำเฉลย ศัลย์แพทย์เป็นแม่ของเด็กชายคนนี้

    แถมอีกหน่อย : Dr.Wayne ทิ้งท้ายอีกหน่อยว่า

    การเปิดใจและไม่ปฏิเสธเสียแต่แรกจะทำให้เรามีทัศนวิสัย ที่สามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ในด้านใหม่ๆ
    ในทางกลับกันหากคุณปิดใจและปฏิเสธเสียแต่แรกย่อมจะทำให้คุณติดอยู่กับความคิดอ่านเดิมๆ ที่คับแคบ
    ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นกับผู้ที่สามารถจินตนการถึงความเป็นไปได้ของทุกสิ่งทุกอย่าง
    โดยไม่ต้องพะวงเสียก่อนว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไร
    ผมจึงขอให้คุณเพียงเปิดใจให้กว้างและอย่าได้ปฏิเสธเสียแต่แรก
    เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของ"ปาฏิหาริย์"

    อ่านแล้ว...เป็นไงบ้าง คะ ชอบมั๊ย...??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  11. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ขอถามพี่นักเขียน และ พี่น้อง ชาวห้องวิทย์ เรื่องความฝัน นะค่ะ

    ..... เวลาที่ เจน ฝัน มีหลาย ๆ ครั้ง ที่เป็นคนละขั้ว กับตัวตนจริง ๆ ของเจนค่ะ
    คือ หากเจนเป็นคนที่ เกลียจ หรือ กลัว สิ่งใด ไม่ได้ ต้องการสิ่งใด เป็นอย่างมาก แทบจะไม่คิดถึงเลย
    แต่ พอตอนฝัน คนที่เป็นเจนในฝัน กลับ ชอบ สิ่งนั้น คิดถึงแต่สิ่นนั้น และ ทำสิ่งนั้นค่ะ คือ ..........
    ออกแนว น่ากลัว มากเลยที่เดียวค่ะ - ^ -

    ตื่นขึ้นมานี้ต้อง " ทำใจ " เป็นอย่างมากเลยค่ะ และ บางครั้ง ก็กลัวตัวเอง เพราะฝันได้น่ากลัว แฮะ ๆ
    แบบ ถ้าตื่น ขึ้นมานะค่ะ จะคิดว่า ตัวเองไม่น่าจะทำไปได้ถึงขน้าดในฝัน ค่ะ

    ก็เลยคิดว่า ตัวเองคง มีความคิดที่ไม่ค่อยโอเค แฝงอยู่ลึก ๆ ในจิตใต้สำนึก หรือ เปล่าน๊า .. ??
    ตอนฝันก็เลย แสดงตัวตนที่แท้จริง ออกมา ประมาณ นั้น แต่ขอกว่า ตัวตนนั้น โหด และ น่ากลัว จริง ๆ ค่ะ
    ผิดกับ เจน ตอนที่ตื่นแล้วไม่ได้ โหด และ ชอบทำอะไร น่ากลัว ๆ เหมือนในฝันเลยค่ะ - ^ -
    อีกอย่าง นะค่ะ แม้ในชีวิตปรกติ พยายามคิดดี คิด ปรกติ คิดไม่เลวร้าย ได้ทั้งวัน
    แต่ พอ ฝัน ก็ เป็นอะไร ที่น่ากลัวอยู่ดีค่ะ

    - อาการความฝันแบบนี้ หมายความว่าอย่างไรค่ะ ?
    - การแก้ไข ความฝันให้ตรง กับ ตัวตนจริง ๆ ไม่กลับด้านคนละขั้ว แบบนี้ จะทำอย่างไรดีค่ะ ?


    Ps. ไม่ค่อยได้ติดตามอ่านกระทู้ห้องวิทย์ฯ มาก่อน จึงไม่รู้ ในสิ่งที่พี่นักเขียนได้แนะนำมาแล้วในเบื้องต้นค่ะ


    ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
     
  12. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    สวัสดีจ้า Sawiiika น้อย...
    อือ...พี่เดรด ไม่ได้มาตอบคำถามนะ พี่ไม่ใช่ผู้รู้จริง
    เพียงแต่อ่านข้อความหนูแล้ว อดเข้ามา โม้ไม่ได้อะ(ขี้โม้อะ)..อิอิ
    เอาเป็นว่า พี่เดรดมาคุยเป็นเพื่อนไปพลางๆก่อน นะจ๊ะ...ที่รัก

    พี่นักเขียน เคยบอกว่า ความฝัน เป็นสภาวะจิต และความเชื่อของเราทั้งสิ้น
    รวมทั้งความรู้ ข้อมูลข่างสารต่างๆ ที่ไหลเข้าออกอย่าง เป็นอิสระ
    การก่อตัวของ เรื่องราว ในฝัน จะทดแทนด้วย สัญญลักษณ์ต่างๆ ที่จำเพาะ
    สำหรับบุคคลหนึ่งๆ การตีความ ต้องใช้อารมณ์ความรู้สึก ที่ติดมากับสัญญลักษณ์นั้นๆ
    ความฝันที่เกิดขึ้น ซ้ำๆ บ่อยๆ และมีความรู้สึก ด้านลบติดมา(เช่น กลัว โกรธ เกลียดฯลฯ)
    พี่นักเขียนบอกว่า มักจะเป็นเรื่องราว ที่ค้างคาใจ ที่เรายังแก้ปัญหาไม่ได้

    ทางแก้น่าจะอยู่ที่การพิจารณา อารมณ์ ความรู้สึกต่อสิ่งนั้นๆ อย่างมีสติ
    ถึงสาเหตุ แห่งที่มาของพลังงานด้านลบเหล่านั้น ว่าเพราะอะไร?และเข้าใจมัน

    ความฝันของน้องเจน พี่เดรดรู้สึกถึงความขัดแย้ง ไม่กลมกลืน อะไรบางอย่าง
    ที่เราอาจจะเก็บกดมันไว้ ในสัมผัสทั้ง5 ยามตื่น จะด้วยกรอบ วัฒนธรรม
    หรือ อะไรก็แล้วแต่ อย่างไม่รู้ตัว
    ภายใต้ ชุดความเชื่อของเรา ชุดใดชุดหนึ่ง มันเลยไปโผล่ใน สัมผัสที่หก(เช่น ความฝัน)

    จิตวิญญาณ เรานั้นเปลือยเปล่า ไม่มีสิ่งใดปกปิดได้ หรือซ่อนเร้นได้
    และไม่ได้หมายความว่า มันจะ ดีหรือไม่ดี แต่อย่างไร มันเป็นเพียงข้อมูลที่เกิดจากความเชื่อเท่านั้น

    อันนี้เป็นความเข้าใจส่วนตัวของพี่เดรดเองนะ
    เดี๋ยวรอ พี่นักเขียน
    และ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านอื่นๆ มาแสดงความเห็น ในมุมต่างๆดูนะจ๊ะ

    อ้อ แถมๆ...ลองอ่านอันนี้ดูนะจ๊ะ ตัวอย่างที่ พี่นักเขียนเคยกล่าวถึง เกี่ยวกับ ขั้วที่แตกต่าง และมุมมอง



    <TABLE class=tborder id=post1248897 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#4520 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->nova_analai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1248897", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    สถานที่: Lawrence, Kansas, USA
    ข้อความ: 809
    Groans: 0
    Groaned at 1 Time in 1 Post
    ได้ให้อนุโมทนา: 1,883
    ได้รับอนุโมทนา 11,038 ครั้ง ใน 787 โพส
    พลังการให้คะแนน: 780 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]




    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1248897 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->ความดี-ความชั่ว<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ khajornwan [​IMG]
    พี่นักเขียนคะขจรวรรณสงสัยว่า ที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้ในหนังสืออมตะของจิตวิญญาณ ( ภาคต้น ) ไว้ว่าในแง่มุมของจิตวิญญาณแล้วไม่มีทั้งความดีและความชั่ว แต่ทำไมการกระทำของมนุษย์ที่แสดงออกต่างขั้วกันจึงทำให้สถานะการณ์หลาย ๆ เหตุการณ์วุ่นวายไปหมดได้ เช่น คนบางคนเดิมทีจิตวิญญาณของเค้าเป็นคนดีแต่ก็มีเหตุการณ์พลิกผันสามารถเป็นคนชั่วไปได้ รึบางคนเดิมเป็นคนชั่วแต่อยู่มาวันหนึ่งก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนดีไปได้? ไม่ทราบว่าพี่นักเขียนจะเข้าใจคำถามรึปล่าวคะ? ช่วยขยายความให้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ..:'(



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ความดี-ความชั่ว เป็นสิ่งที่มนุษย์เราสร้างมาตรฐานขึ้น โดยตัดสินจากผลกระทบของการกระทำ ณ ช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาหนึ่งๆ มนุษย์วินิจฉัยว่าการกระทำนั้นๆเกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน เมื่อใด-จากมุมมองจำเพาะของบุคคล หากเราพิจารณาถึงสิ่งที่เราเรียกว่า ความดี-ความชั่วจากมุมมองที่เป็นกลาง เราจะพบว่าสิ่งที่เรียกว่า ความดี ในบางเวลาและสถานที่ ต่อบุคคลบางคน อาจกลายเป็นสิ่งที่เรียกว่า ความชั่วได้ในต่างเวลาและสถานที่ ต่างมุมมอง

    ยกตัวอย่างเช่น
    ตำรวจยิงชายผู้หนึ่งเสียชีวิต ชายผู้นี้ปล้นและจี้เจ้าของร้านด้วยมีด การปล้นของเขาเป็นการตัดสินใจชั่ววูบที่จะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวของเขา
    จากมุมมองของประชาชนที่ฟังข่าว ก็อาจวินิจฉัยว่า ตำรวจผู้นี้เป็นคนดี ปกป้องประชาชน

    จากมุมมองของลูก ภรรยา หรือพ่อแม่ของผู้ที่ถูกเรียกว่าโจร ก็อาจวินิจฉัยว่า ตำรวจผู้นี้มีจิตใจโหดเหี้ยมชั่วร้าย ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้ที่ปราศจากอาวุธปืน เพราะเขามีมีดเล็กๆเพียงเล่มเดียว พ่อแม่และภรรยาของเขาเชื่อว่า เขาฆ่าไม่ได้ และไม่มีเจตนาจะฆ่าด้วยมีด

    ไม่ว่ามนุษย์เราจะตัดสินความดี-ความชั่วในกรณีทั้งหลายอย่างไร มันปราศจากมาตรฐานที่แท้จริง ทุกมาตรฐานเกิดจากมุมมอง จุดยืน และความเชื่อของบุคคล หรือกลุ่มของบุคคลที่มีความเชื่อไปในทิศทางเดียวกันเสมอ

    จิตวิญญาณอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์ของช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา จิตวิญญาณปราศจากการแบ่งแยกตัวตนเรา-เขา และมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอ จิตวิญญาณจะมองเห็นปรากฏการณ์ของการกระทำทั้งหลาย เป็นระบบของการเรียนรู้จากมุมมองต่างขั้ว ซึ่งทำให้การเรียนรู้นั้นๆเป็นไปได้อย่างลึกซึ้งมากกว่ามุมมองเพียงด้านเดียว
    [​IMG]

    จากเหตุการณ์ตัวอย่าง จิตวิญญาณรวมเรียนรู้และเผชิญกับประสบการณ์ต่างขั้วได้พร้อมกัน จากมุมมองของตำรวจ โจร ประชาชนทั่วไป พร้อมด้วยครอบครัวญาติมิตรของโจร และครอบครัวญาติมิตรของตำรวจ มุมมองของจิตวิญญาณรวมกำลังเรียนรู้จากประสบการณ์ดังกล่าวจากทุกขั้ว-ทุกทิศทาง-ทุกจุดยืน

    หากปราศจากความชั่ว ความดีก็ปราศจากความหมาย เช่นเดียวกับว่า หากปราศจากกลางคืนอันมืดมิด กลางวันที่เต็มไปด้วยแสงสว่างก็ไร้ความหมาย ความดี-ความชั่วปรากฏให้เราเห็น เพื่อให้เราได้เรียนรู้และมีความเข้าใจในความแตกต่างของประสบการณ์ทั้งหลายในชีวิต และสามารถให้คุณค่าและชืนชมสิ่งต่างๆได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ต่างจากการที่เราเรียนรู้ที่จะยกย่องและขอบคุณตำรวจได้เพราะโจร และเรียนรู้ที่จะเห็นใจโจรได้เพราะตำรวจเหี้ยม

    จิตวิญญาณของเราทั้งหลายไม่เคยเปลี่ยนแปลงจากดีไปชั่ว แก่นแท้ของจิตวิญญาณเต็มไปด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข แต่การกระทำเพียงบางขณะของคนเราเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงจากทำดี-ไปทำชั่ว เป็นบางครั้ง-บางคราว ด้วยเหตุผลเฉพาะหน้า อันได้แก่การที่บุคคลหนึ่งๆขาดสติสัมปชัญญะอันพร้อมมูลพอที่จะตระหนักได้ว่า การกระทำของเขาก่อให้เกิดทุกข์และให้โทษแก่ตนเองและผู้อื่น ทำให้เขาขาดความอ่อนไหวที่จะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น

    แต่ในโลกนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่เรียกได้ว่า ทำชั่วแต่เพียงอย่างเดียวหรือทำดีแต่เพียงอย่างเดียวได้ตลอดชีวิต เพียงแต่สิ่งที่เรียกว่าดีหรือชั่วของบุคคลจะส่งผลกระทบรุนแรงเพียงใดต่อผู้อื่นเท่านั้น หากมันส่งผลกระทบน้อย มันก็กลายเป็นสิ่งที่ปราศจากตัวตน หากมันส่งผลกระทบมาก มันก็กลายเป็นเสมือนสิ่งที่มีตัวตนถาวร

    ภาวะจิตของคนเราเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะจิต ทุกความนึกคิด ไม่มีโจรคนใด มีจิตใจเป็นโจรทุกลมหายใจ บางขณะจิตโจรผู้นั้นก็สามารถเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี เป็นลูกที่ดีได้ไม่น้อยไปกว่าตำรวจ หรือประชาชนคนดีทั้งหลาย บางภาวะจิตตำรวจก็ไม่ได้ดีไปกว่าโจร เพราะเขามีความพร้อมที่จะทำร้ายหรือฆ่าได้ไม่น้อยไปกว่าโจร หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ด้วยเครื่องแบบและหน้าที่ ที่ปกป้องการกระทำของเขาให้อยู่ในกรอบที่เรียกว่า ความดี ได้มากกว่าโจร

    การเป็นคนดีหรือคนชั่ว เป็นสิ่งที่ไม่ตายตัวอย่างที่คนจำนวนมากคิดและตีตราบุคคลอื่นๆว่าเป็นเช่นนั้น ชั่ววูบหนึ่ง บุคคลผู้หนึ่งอาจตัดสินใจคดโกงผู้ร่วมทำธุรกิจ ยักยอกผลกำไรทั้งหมดไปเป็นของตนเอง โดยมีความคิดว่า เขามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เงินจำนวนนั้น โดยขาดความอ่อนไหวที่จะคิดว่า การกระทำของเขาจะส่งผลกระทบให้กับผู้ร่วมธุรกิจในทิศทางใดบ้าง และคิดว่าความจำเป็นของตนนั้นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด

    การตัดสินใจคดโกงยักยอกครั้งนี้ อาจทำให้บุคคลผู้นี้ถูกเพื่อนร่วมธุรกิจตราหน้าว่าเป็นคนคดโกง ไว้ใจไม่ได้ และเรียกเขาว่า เป็นคนชั่ว แต่ตามธรรมชาติแห่งความเป็นจริงแล้ว จิตวิญญาณของบุคคลผู้นี้ไม่ได้เปลี่ยนจากจิตวิญญาณที่่ดี กลายเป็นจิตวิญญาณที่ชั่วช้า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเพียงปรากฏการณ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งๆ เพื่อทำให้จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนังและเกี่ยวพันกับปรากฏการณ์นั้นๆได้เรียนรู้ที่จะสัมผัสกับความรู้สึก และประสบการณ์จากมุมมองและทิศทางต่างๆ

    จากมุมมองของผู้ที่ยักยอกคดโกง เขาย่อมได้เรียนรู้ว่า การยักยอกคดโกงของตนเอง ทำให้เขาสูญเสียสัมพันธภาพ สูญเสียความไว้วางใจ สูญเสียความยกย่อง ที่ผู้ร่วมธุรกิจเคยมีให้เขา และทำให้ธุรกิจที่ควรจะเจริญก้าวหน้าและมีอายุยืนยาวต่อไปต้องพับฐานลง บทเรียนที่เขาควรจะเรียนรู้คือ คุณค่าของสัมพันธภาพ ความไว้ใจและการยกย่องเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าที่จะแลกด้วยเงิน

    จากมุมมองของผู้ที่ถูกยักยอกคดโกง เขาย่อมได้เรียนรู้ว่า สัมพันธภาพ ความไว้ใจ การยกย่อง มีค่ามากมายกว่าทรัพย์ที่เขาสูญเสียไป เพราะสัมพันธภาพที่ดี การให้ความไว้ใจ และการยกย่องที่เขาเคยมีให้กับผู้ร่วมธุรกิจผู้นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินมายาวนานแรมปี แต่กลับสูญสลายไปได้ในเวลาชั่วพริบตา

    เราทั้งหลายควรจะตระหนักว่า แท้จริงแล้วเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อการเรียนรู้ของทั้งสองฝ่าย และเป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นแล้วคงอยู่ต่อไปอย่างถาวร กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ผู้ที่ยักยอกคดโกง ไม่สมควรได้รับการตราหน้าว่าเป็นคนโกงหรือเป็นคนชั่ว เพราะเขาย่อมเรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งนี้ว่า การแลกเอาสัมพันธภาพ ความไว้ใจ และการยกย่องที่เขาเคยได้รับด้วยเงินจำนวนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่า เพราะมันสร้างความทุกข์ให้ตนเองไม่มากก็น้อย สร้างความรู้สึกผิดที่ติดตัวไปยาวนานโดยไม่จำเป็น ประสบการณ์ครั้งนี้ย่อมทำให้เขาเรียนรู้ว่า การเห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัวระยะสั้น เป็นการกระทำที่ส่งผลเสียระยะยาวต่อตนเอง

    ผู้ที่เลือกที่จะคดโกงบางคนอาจจะกระทำการคดโกงซ้ำๆหลายครั้งกว่าที่เขาจะเรียนรู้ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนชั่วที่ย่อมจะคดโกงไปตลอดชีวิตโดยไม่อาจเรียนรู้ได้ บางคนอาจเรียนรู้ได้ว่าการกระทำของเขาเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าต่อเมื่อเขาถูกปรับ ถูกจำคุก และถูกบีบบังคับให้ต้องเรียนรู้ว่า การกระทำของตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม แต่บางคนก็อาจจะไหวตัว เรียนรู้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องถูกบีบบังคับให้เรียนรู้ด้วยกฏหมายหรือด้วยการกระทำรุนแรงของผู้อื่น แต่บางคนก็เลื่อกมาถือกำเนิด และจะเรียนบทเรียนบางบทได้ก็ต่อเมื่อเขาต้องเอาชีวิตเข้าแลก เช่น คนบางคนเรียนรู้ได้ว่าเขาไม่ควรล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น ก็ต่อเมื่อถูกทำร้ายอย่างสาหัส และบางคนก็ถึงกับเสียชีวิต

    เราทั้งหลายเผชิญกับประสบการณ์ที่เราเรียกว่า ความชั่ว เพื่อเรียนรู้การให้อภัย-การรับผิด เรียนรู้การยกโทษ-การรับผิดชอบ เรียนรู้การเปลี่ยนความโกรธเกลียด ให้กลับคืนเป็นความรักได้อีกครั้งหนึ่งด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงรากเหง้าของประสบการณ์ทั้งหลาย

    การให้อภัยที่แท้จริงนั้น มีรากฐานมาจากความรักอันปราศจากเงื่อนไขเสมอ
    ผู้ที่รักตนเอง จะรู้จักให้อภัยตนเอง
    หากเราไม่รู้จักที่จะรักตนเอง-ให้อภัยตนเอง เราจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักรักผู้อื่นและให้อภัยผู้อื่นได้เลย
    ในทางตรงกันข้าม หากเรารู้จักที่จะรักและให้อภัยตนเองได้เสมอ เราจะพบว่าการรักและให้อภัยผู้อื่นจะเป็นของง่าย



    พ่อแม่ที่ให้อภัยลูกด้วยความรักอันปราศจากเงื่อนไข จะเรียนรู้ว่า ลูกที่ทำผิดและดูเสมิือนว่าเป็นเด็กไม่ดี เมื่อได้รับการให้อภัยจากพ่อแม่อย่างหมดใจ จะทำให้เขากลับคืนเป็นเด็กดีได้อย่างหมดจดอีกครั้งหนึ่ง มันทำให้ชีิวิตของเขาสามารถจะเจริญงอกงามและมองโลกในแง่ดีต่อไปได้

    ในทางตรงกันข้าม พ่อแม่ที่ไม่รู้จักให้อภัยตนเอง มักจะเป็นผู้ที่รักลูกอย่างมีเงื่อนไข คือให้หรือแสดงความรักต่อลูก เมื่อลูกเติมเต็มเงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น และหากลูกทำผิด เขาก็จะให้อภัยไม่ได้อย่างหมดใจ และมักจะนำความผิดเก่าก่อนมาดุว่า ควบไปกับความผิดใหม่ๆที่เกิดขึ้่นอีก เรียกได้ว่าทบต้นไม่รู้จบ ซึ่งเป็นการไม่รู้จักให้อภัยได้อย่างแท้จริงของพ่อแม่ และพ่อแม่เหล่านั้นก็มักจะไม่ได้ตระหนักว่า การรักลูกอย่างมีเงื่อนไขของเขา ประกอบกับการให้อภัยโดยมีเงื่อนไข ทำให้เขาให้อภัยลูกอย่างหมดใจไม่ได้ ซึ่งเป็นเหตุให้ลูกทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในหัวใจลูก ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นตนเองเป็นคนดี หรือดำเนินชีวิตต่อไปได้ด้วยการเป็นเด็กดีได้อีกต่อไป

    พวกเราคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า We can forgive but we can't forget. ซึ่งแปลตรงๆว่า เราให้อภัยได้ แต่เราลืมไม่ได้
    คนจำนวนไม่น้อยตีความหมายคำกล่าวนี้ไปในทิศทางที่ว่า เราสามารถให้อภัยผู้ที่ทำผิดต่อเราได้ด้วยการแสดงออกภายนอก แต่ภายในนั้นเราสามารถเก็บความแค้นซ่อนไว้ เพื่อใช้เป็นบทเรียนที่จะทำให้เราสามารถเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์นั้นๆได้ดีกว่าเดิมในวันหน้า

    แท้จริงแล้ว คำกล่าวนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เตือนใจเราว่า เราทุกคนสามารถที่จะให้อภัยได้ และเราทั้งหลายไม่ควรลืมว่า เราได้เรียนรู้อะไรจากการให้อภัยได้อย่างแท้จริง

    เมื่อเราพูดกันถึงแง่มุมของพ่อแม่และลูก เรามักเข้าใจในความรักอันปราศจากเงื่อนไข และการให้อภัยได้ง่ายและลึกซึ้งกว่าความรักและการให้อภัยคนแปลกหน้า มนุษย์โลกเป็นจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดในรูปกายเล็กๆอันจำกัด ด้วยภาวะจิตอันยิ่งใหญ่ปราศจากขีึดจำกัด มนุษย์จึงเป็นจิตวิญญาณที่่มีความรักอันยิ่งใหญ่ปราศจากขีดจำกัด เสมอเหมือนกับจิตวิญญาณ

    เราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะมีความรักอันยิ่งใหญ่ปราศจากขีดจำกัดได้ด้วยการมองเห็นความดี-ความชั่ว จากมุมมองของพ่อแม่ที่รักลูกได้อย่างปราศจากเงื่อนไข มันจะทำให้เราจะพบว่า เราทั้งหลายสามารถรับมือกับสิ่งที่เรียกว่าความชั่วได้ด้วยการให้อภัยอย่างหมดใจ ความชั่วนั้นๆก็จะสลายตัวไปจากมุมมองของเรา บุคคลที่เราเคยเห็นว่าเป็นคนชั่ว จะกลับคืนเป็นคนดีได้อีกครั้งหนึ่ง

    เราแต่ละคน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขผู้อื่นได้
    แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งผู้อื่นได้
    ด้วยการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงความเชื่อและมุมมองของตนเอง(rose)
    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เชิญอ่านeBooks index
    เชิญ Download eBooks1. โนวา อนาลัย ขยายความ ธรรมชาติของชาติภพ 2. ความฝันกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ
    3. จิตวิญญาณประสานกาย 4.ประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณ5. อิสระแห่งความปรารถนา
    6. ชีวิตนอกเหนือชาติภพ7. อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคต้น 8. อมตะแห่งจิตวิญญาณ-ภาคปลาย
    9. โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ภาคต้น 10. โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ-ภาคปลาย
    Download Free Audiobook <!-- google_ad_section_end -->



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  13. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ขอบคุณพี่นักเขียน และ พี่เดรส มาก ๆ ค่ะ[​IMG]

    จากที่ได้อ่านในโพสต์ของพี่นักเขียน ที่ พี่เดรส มาแปะไว้ให้อ่าน ก็ได้เข้าใจอะไร ๆ มากขึ้นเลยค่ะ
    ในมุมที่เจนเข้าใจว่า ความฝันของตนเองเป็นเรื่องที่น่ากลัว และ เลวร้ายแต่ในความเป็นจริง อาจจะ
    ไม่ใช่อย่างที่เจนเข้าใจค่ะ ไม่มี สิ่งใดน่ากลัว และ เลวร้ายเสมอไป เป็นเพียง แค่มุมมองของเราที่
    มองสิ่งเหล่านั้นว่า เลวร้าย และ น่ากลัว ค่ะ ..............

    หากพิจาราณา ให้ละเอียดในเนื้อหาที่พี่นักเขียนโพสต์ไว้นั้น ก็ จะได้รับความรู้ที่ลึกซึ้ง และ งดงาม
    อย่างมากมายค่ะ สัมผัสได้ถึง จิตวิญญาณ ที่เต็มไปด้วยความรักที่ไร้เงือนไข ซึ่งหากกเจนเข้าใจ ณ จุด นี้
    จะทำให้ ความรู้สึก หวาดกลัว หรือ มองสิ่งต่าง ๆ ว่า เลวร้าย ค่อย ๆ เบาบาง ลงไป ด้วยมุมมองที่กว้างขึ้น
    ละเอียดขึ้น ค่ะ และ เข้าใจในสิ่งที่เจนมองได้มากยิ่งขึ้นด้วยการพิจาราณา ด้วยสติ และ ปัญญา ค่ะ
    [​IMG] ตอนนี้ค่อย ๆ ปรับความคิด ความรู้สึก ให้ละเอียดยิ่งขึ้น ค่ะ และ พยายาม รับ สาระ
    ความรู้ดี ๆ เพิ่มเติมเพื่อให้หล่อเลี้ยง จิตวิญญาญ ได้เติมโตงดงามไปด้วยความรักที่ไร้เงื้อนไข ค่ะ

    แต่ถึงอย่างไร เจนก็จะรอคำแนะนำเพิ่มเติมจากพี่นักเขียน และ พี่ ๆ ชาวห้องวิทย์ นะค่ะ
    คิดว่า น่าจะปรับความเข้าใจให้ตนเองได้มากขึ้นจากการได้รับความรู้ที่ดี ๆ ค่ะ ขอบคุณทุก ๆ ท่านค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มิถุนายน 2009
  14. กุญแจไขปริศนา

    กุญแจไขปริศนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    903
    ค่าพลัง:
    +979
    to คุณเดรสนะครับ
    ผมชอบงานเขียนของดร.เวยน์ ไดเออร์ ทุกเล่มเลย
    อิๆ
     
  15. Vetinlove

    Vetinlove สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +3
    โห...ยังขุดขึ้นมาได้อีก
     
  16. wideheart

    wideheart สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2009
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +1

    มอบกุญแจ..<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    นอนเกือบตีสองหลับฝันว่า..ฉันพี่สาวและน้องสาวยืนคอยรถไฟเพื่อที่ไปยังจังหวัดหนึ่ง พวกเราคอยผ่านวันผ่านคืนรถไฟก็ไม่มาสักที เราก็ยังคอย..ฝนเริ่มตกและเม็ดหนาขึ้นจนตกหนักมองอะไรเกือบไม่เห็น พี่สาวกับน้องวิ่งไปไหนแล้วไม่รู้ ส่วนฉันวิ่งฝ่าสายฝนที่ตกเอา ๆ มาถึงที่คล้าย ๆ ชายป่าเอามือป้องหน้ามองไกลออกไปลิบ ๆ เหมือนสถานที่พักอะไรสักอย่าง รีบวิ่งเข้าไปที่นั่นทันทีมันก็ยังเป็นสถานีรถไฟที่คอยกันอยู่นั่นเองแต่พี่สาวและน้องไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ฝนหายตกแล้ว พนักงานรถไฟบอกว่า รถไฟกำลังมาให้เตรียมตัว ฉันก็ต้องฉงนฉงายกับรถไฟที่แล่นมาหยุดจอดรับผู้โดยสารตรงสถานี เพราะมันดูไม่เหมือนขบวนรถไฟแล่นที่เราเห็น ๆ กัน แต่มันเหมือนปี๊ปแคบ ๆ พอลงไปนั่งได้คนเดียวฉันนึกรถไฟอะไรวะเป็นปี๊บแล่นได้ เอานั่งก็นั่งหวา! หย่อนขาลงไม่มีที่ให้นั่งต้องนั่งยอง ๆ(ขอเรียกว่ารถปี๊บวิ่งได้ละกัน อิ..อิ)รถปี๊บเอ๊ยรถไฟก็วิ่งไปสักพักฉันรู้สึกอึดอัดเต็มประดามองก้มลงไปใต้ปี๊ปนั้นแหละบอกให้คนขับรถปี๊ปหยุดจอดฉันจะลง เขาก็จอดให้ฉันลงซะด้วยฮิ(อิ..อิ)คราวนี้เดินเข้าไปอยู่ในป่าที่ไหนก็ไม่รู้ ไปเจอทางที่เหมือนมีคนเดินเข้าออกประจำเป็นทางเดินแคบก็เดินเข้าไปจนสุดทางมีบ้านหลังเก่า ๆ คร่ำคร่าจะพังมิพังแหล่แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น เดินกลับออกมาที่ปากทางเข้า เจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งแต่งชุดนักเรียน เลยถามทางที่จะไปจังหวัดหนึ่ง แต่ไปไม่ถูกช่วยบอกทางให้หน่อย ฉันก็ไปตามที่เด็กบอก ฉันเดินไปได้หน่อยก็กลับมาหาเด็กบอกกลัวหลงป่า คราวนี้เด็กเป็นผู้นำทางให้จนทะลุป่ามาได้ ก่อนจะจากกันฉันบอกเด็กว่าไม่มีอะไรจะให้ แต่ขอมอบกุญแจนี้ไว้ให้เป็นที่ระลึก และขอบคุณความมีน้ำใจในความช่วยเหลือของเขา เด็กถือกุญแจดอกใหญ่มองตามหลังฉันจากไป./<O:p</O:p
    ขอบคุณเพื่อนสมาชิกและผู้แวะอ่านค่ะ
    รัก..ไม่เคยหน่าย
    wideheart<O:p</O:p
     
  17. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    งั้น...เราก็คอเดียวกาน เน๊อะ เน๊อะ
    จริงๆแล้ว เดรดซื้อหนังสือเล่มนี้ มาตั้งแต่ ปี 2549 แต่เชื่อมั๊ย??
    เพิ่งหยิบมาอ่าน นึกไงไม่รู้
    ได้มาก่อนหนังสือ ชุดของท่านอาจารย์ โนวา อนาลัย อีก

    ตอนนั้นคงยังไม่ใช่เวลา เพราะถ้าอ่านตอนนั้น เดรดคงมึน และงง งวย??
    เพราะ เนื้อหา เป็นอะไรที่ ไม่มีเหตุผลอ้างอิงใดๆเลย
    ต้องอ่านด้วยจิตใจ ที่เปิดกว้างมากๆ แบบต้องวางความเชื่อทั้งหมด ลงเลยแหล่ะ

    แต่ตอนนี้ กลับอ่านอย่างสบายใจ
    เพราะ ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากหนังสือของ พี่นักเขียนเลย
    มันกลมกลืน กันเสียจน...อืมม์ เดรดว่ามันเป็นสากลนะคะ

    "คุณ กุญแจไขปริศนา"
    (นามเดิม...คุณเด็กโชว์พาว
    (แฟนพันธ์แท้ อันเหนียวแน่น และมั่นคง แห่งห้องวิทย์ฯ)
    จำได้นะ ใช่มะ...อิอิ)
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    หวีดดีรับน้องเจน

    นานๆเข้ามาที ผ่านมาเห็นเข้าเลยเข้ามาช่วยยำ เอิ๊ย..ช่วยกันขยายความครับ อิอิ
    คงงงนิดหน่อยใช่มั๊ยครับ ว่าทำมัยเวลาฝัน (บางครั้ง) เราถึงโหดได้ปานนั้น?
    เพราะนั่นมันไม่น่าจะใช่ตัวเรา (ตัวจริงออกจะน่ารักนิ..)
    คงได้รับคำตอบจากพี่เดรดและพี่นักเขียนฯไปพอสมควรแล้วนะครับ

    เท่าที่แวปๆตอนนี้พี่รู้สึกว่า..
    ตัวตนข้างในของน้องเจนกำลังเพรียกหาบางสิ่งบางอย่างก็ได้ครับ
    เช่นว่าอยากสร้างความแตกต่าง-ความตื่นเต้น-มีสีสัน
    อยากมีความแข็งแกร่งเข้มแข็งยิ่งขึ้น
    ทำในสิ่งที่ความเป็นจริงไม่กล้าคิด อะไรเหล่านี้
    บางครั้งก็สะท้อนผ่านความโหดร้ายดุดันหรือน่ากลัวให้เราได้เห็นและเรียนรู้
    เป็นประสบการณ์ที่ไม่ปกติธรรมดา ซึ่งเราไม่มีทางคิดหรือกล้าทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ

    แม้ว่าเรานั่งอยู่ตรงนี้ เราอาจคิดว่าเราพอใจในความเป็นอยู่ของเราแล้ว
    แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป หากจิตวิญญาณข้างในเรียกร้องให้ทำในสิ่งที่แปลกใหม่
    เราก็ต้องขับรถออกไปหาประสบการณ์ที่เราอาจไม่คุ้นเคยหรือไม่เคยเลือกมาก่อนก็ได้
    ดังนั้นสัญลักษณ์จากฝันของน้องเจนอาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดครับ
    ยังไงต้องฝากพี่นักเขียนฯ และเพื่อนๆมาช่วยขยายความเพิ่มเติมให้ด้วยดีกว่าครับ

    สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นจริงของเรา-กับ-ความเป็นจริงที่แท้จริง เราอาจแยกกันแทบไม่ออก ความแตกต่างระหว่างสิ่งที่มีตัวตน-ไม่มีตัวตนบางทีก็เกินจินตนาการของเรามากเหลือเกิน แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่อารมณ์-จิตนาการและความรู้สึกของเราและมุมมองที่มีต่อประสบการณ์นั้นๆครับ

    การแลกเปลี่ยนมุมมองกันจะช่วยได้มากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Signs.jpg
      Signs.jpg
      ขนาดไฟล์:
      121.7 KB
      เปิดดู:
      286
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    เห็น graphic signs ภาพนี้แล้วเหมือนชีวิตคนเรานะครับ
    มีหลายทิศทางให้เลือกเดินมากมาย..ทั้งทางตัน ทางเลี้ยว ทางโค้ง ทางสับสน ทางสำเร็จรูป อิอิ
    ยังไงก็เลือกเดินตามสถานการณ์ที่เหมาะสมนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  20. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    แวะมาทักทายค่ะ

    หวัดดีค่ะพี่ๆ เพื่อนๆ ห้องวิทย์ฯ ทุกๆ คน
    ขอแสดงความคิดเห็นนะคะน้องเจน พี่เข้าใจว่าบางทีน้องเจนอาจจะมีความเชื่อในแง่ลบบางอย่างที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึกแต่ไม่ได้แสดงออกมาในความเป็นจริงยามตื่น อาจจะเป็นเรื่องความไม่ดีหรือความชั่วอะไรประมาณนี้ พออยู่ในภาวะของความฝันซึ่งเป็นภาวะที่เปลือยเปล่าแบบที่คุณเดรดกล่าว จึงแสดงอารมณ์นั้นออกมาและไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนกับอารมณ์ที่น่ากลัวของเราในยามฝัน ( บางทีพี่เองยังเคยลุกขึ้นมาด่าๆ ด่าๆ คนอื่นในความฝันเลย อิอิ.. พอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่าเราสบายอกสบายใจขึ้นด้วยแหล่ะ หุหุ.. โรคจิตหน่อยๆ ) พี่นักเขียนเองก็เคยแนะนำให้พวกเราตั้งจิตขออภัยผู้อื่นในความฝันเหมือนกันค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วในโลกยามตื่นมันยากมากที่จะเดินเข้าขออภัยใครสักคนนึงเหมือนกันเน๊อะ.. พี่ก็เคยเป็นมาก่อง หุหุ..

    ส่วนความเชื่อในแง่ลบด้านความดีความชั่วตอนนี้พี่ไม่แบ่งแยกแล้วเพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง ไม่ว่าเราจะเลือกเดินเส้นทางไหนหรือใช้อะไรเป็นพาหนะจะเดิน, จะปั่นจักรยาน, จะนั่งรถยนต์, จะขึ้นเครื่องบิน จุดหมายปลายทางของจิตวิญญาณก็คือที่เดียวกัน บางคนอาจจะชอบเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขดีเหมือนกันค่ะ..

    หลังจากได้ไปร่วมสัมนาปรัชญาตะวันออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็นึกขอบคุณพี่นักเขียนและท่านอาจารย์อนาลัยอย่างมากจริงๆ ที่ช่วยให้ขจรวรรณเข้าใจบทเรียนในชั้นเรียนได้อย่างลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้ ไม่ว่าอาจารย์จะพูดเรื่องอะไรก็เป็นแบบที่พี่นักเขียนเคยกล่าวไว้ทั้งสิ้น เพียงแต่ ณ ขณะนั้นอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ที่จะนำมาเทียบเคียงคำสอนได้ และเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนก็คงจะเป็นเหมือนกันที่ว่าหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัยนั้นความเข้าใจในการอ่านแต่ละรอบนั้นไม่เหมือนกันเลยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเราจริงๆ

    เมื่อ 2 - 3 เดือนก่อนเคยฝันถึงพี่นักเขียนค่ะ ฝันว่าพี่นักเขียนเข้ามาตรวจสอบสภาวะจิตของขจรวรรณและเพื่อนๆ ในห้องวิทย์ฯ ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง? แต่ในความคิดแว๊ปนึงของขจรวรรณคิดขึ้นมาว่า พี่นักเขียนกับเราเป็นคนเดียวกันจึงขอถ่ายทอดความรู้ความสามารถของพี่นักเขียนมาสู่ตัวตนของขจรวรรณเดี๋ยวนี้ ก็รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างของพี่นักเขียนค่อยๆ ผ่านเข้ามาในตัวเราและรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอิบและมีความสุขมากๆ ริมฝีปากของตัวเองก็ยิ้มแบบกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังยิ้มไม่พอกับอารมณ์ความสุขความเบิกบานของพี่นักเขียนเลย ( คิดว่าอารมณ์น่าจะคล้ายกับรูปภาพในวัยเด็กที่พี่นักเขียนเคยนำมาโพสท์ค่ะ ) ในขณะนั้นก็ยังรู้สึกตัวว่าไม่ใช่ความฝันหลังจากนั้นเพียงแค่คิดถึงพี่นักเขียนก็รู้สึกว่าพี่นักเขียนจะอยู่กับตัวเราตลอดเวลาเลยค่ะ.. ^_^

    ตอนนี้ก็กำลังก้าวพ้นจากความรู้สึกแบ่งแยกและค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงมาเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความรักโดยปราศจากเงื่อนไขได้บ้างแล้วค่ะ.. คุณไวท์ฮาร์ทจำความฝันได้ดีจริงๆ ค่ะ และรู้สึกว่าคุณจะฝันถึงขจรวรรณอยู่ 2 เรื่องด้วยค่ะ หวังว่าจะสามารถตีความฝันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวตนในยามตื่นได้ในที่สุดนะคะ.. รักเช่นกันค่ะ..
    ;34
     

แชร์หน้านี้

Loading...