มีราคะ ตัณหา มากๆๆๆๆ พิจารณาอย่างไรจึงจะละได้

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kengkenny, 13 พฤษภาคม 2009.

  1. dmnoo123

    dmnoo123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2009
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +418
    ผม ก้อเป็นเหมือน จขกท.หล่ะคับ
    ละได้ยากมาก...แต่ลองพิจารณาอสุภะ ดูนะครับ
    ถึงแม้จะช่วยได้น้อย แต่ถ้าเราพิจารณาบ่อยๆ ก้อจะทำให้เราชำนาญได้
    ผมเองก้อ ลองมาได้ไม่นาน คับ ผลออกมา ก้อได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
    เป็นกำลังใจครับ....หัวอกเดียวกัน ลองเอาอสุภะ เป็นที่พึ่งนะ(เลือกรูปที่น่าเกลียดน่ากลัวน้อยๆก่อน อย่าไปเลือกรูปที่น่ากลัวมากๆ เดียวจะคิดมากไปเพราะเราเพิ่งหัดทำอ่ะคับ)
    อนุโมทนา สาธุคับ
     
  2. บุคคลไปทั่ว

    บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106

    สาธุ......ชอบมากมายขอรับ
     
  3. kengkenny

    kengkenny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,878
    ค่าพลัง:
    +2,500
    บางอุปมามักเป็นเพียงเครื่องกระตุ้น อารมณ์บางประการโดยนัย เหมือนกับปลาที่ติดแหและยังแส่ไปหาไซ ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะความจริงกิเลสกามราคะคือตัวปัญหา เวไนยสัตว์ หรือ สัตว์ประเสิรฐ ย่อมเป็นเลิศกว่าสัตว์ทั้งปวง เหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด นั้นเกิดจาก ไฟ 4 กอง เป็นเหตุ ( ราคะ โทสะ โมหะ โลภะ) กระผมเชื่อว่า ยังไงๆ หนอนก็ไม่มีวันหันมากินพิซซ่าแน่นอน ยกเว้นพิซซ่าเน่าๆ เท่านั้น ทั้งนี้แค่อยากจะบอกว่าเราเหล่ามนุษย์แตกต่างกับหนอนมากมายเกินกว่าจะเปรียบเปยกันได้ครับ ตั้งสติแล้วคิดพิจารณาดีๆสิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2009
  4. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,465
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    อ่านอันนี้ครับ จขกท กระจ่างชัดที่สุดครับ อนุโมทนา

    อนัตตา

    <table width="98%" align="center" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td> ต่อไปก็อุจจาระ ปัสสาวะ เลือด น้ำเหลือง ที่หลั่งไหลอยู่ในร่างกาย พอไหลออกมานอกกาย
    เราก็รังเกียจทั้ง ๆ ที่เป็นตัวของเราเอง นี้ก็เป็นสิ่งโสโครกที่เป็นสมบัติของเราเองอีก
    น้ำเลือด น้ำเหลือง ของซากศพที่เรามองเห็นนั้น ซากศพนั้นมีสภาพอย่างไร เมื่อตายไปแล้ว
    จากความเป็นคนหรือสัตว์ เราเรียกกันว่าผีตายเขามีสภาพอย่างไร คือตายแล้วมีน้ำเลือดน้ำเหลือง
    หลั่งไหลออกจากร่างกายฉันใด เราแม้ยังไม่ตาย สิ่งเหล่านั้นก็มีครบแล้ว คนที่เราคิดว่าสวยสด
    งดงามตามที่นิยมกัน ก็เต็มไปด้วยความโสโครกที่น่ารังเกียจเหมือนกัน เอาอะไร มาเป็นของ
    น่ารักน่าปรารถนา เรารักคนก็มีสภาพเท่ารักศพ ศพนี้น่าเกลียดน่าชังเพียงใด คนรักที่เรารักก็มี
    สภาพอย่างนั้น พยายามพิจารณาใคร่ครวญให้เห็นติดอกติดใจจนกระทั่งเห็นสภาพของผู้ใดก็
    ตามที่เขานิยมกันว่า น่ารัก น่าชมนั้น เห็นแล้วมีความรู้สึกว่าเป็นซากศพทันที มีความรังเกียจ
    สะอิดสะเอียนขึ้นมาทันทีทันใด เห็นคนหรือสัตว์มีสภาพเป็นซากศพไปหมด เต็มไปด้วยความ
    รังเกียจที่จะสัมผัสถูกต้อง รังเกียจที่จะคิดว่าน่ารักน่าเอ็นดู เพราะความสวยสดงดงามเห็นผิว
    ภายนอกก็มองเห็นภายใน คือเห็นเป็นสภาพถุงน้ำเลือด น้ำหนอง ถุงอุจจาระปัสสาวะที่เคลื่อนที่
    ได้พูดด้วยสนทนาด้วย ก็เห็นสภาพผู้ที่พูดจาสนทนาด้วย เป็นถุงอุจจาระปัสสาวะและถุงน้ำเลือด
    น้ำหนองมาพูดคุยด้วย คิดว่าขณะนี้มีสภาพเป็นถุงน้ำเลือดน้ำหนอง มาสนทนาปราศรัยกับเรา
    ต่อไปเขาก็จะกลายเป็นซากศพที่มีร่างกายอืดพอง น้ำเหลืองไหล ต่อไปกายก็จะขาดจากกัน
    เป็นท่อนน้อยและท่อนใหญ่ สัตว์จะกัดกิน และในที่สุด ก็จะเหลือแต่กระดูกกระจัดกระจายไป
    เขานี่เป็นผีตายชัดๆ เราก็เช่นเดียวกัน เขามีสภาพเช่นไร เราก็มีสภาพเช่นนั้น กายนี้ล้วนแต่
    เป็นอนิจจัง หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้เลย แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่สะสมของโสโครกแล้ว แต่ถ้า
    จะยังยืนคู่ฟ้าคู่ดินก็พอที่จะทนรักทนชอบได้บ้าง แต่นี่เปล่าเลยท่านหลงว่าสวยสดงดงามนั้น
    ก็เป็นสิ่งหลอกลวง เต็มไปด้วยความโสโครกเท่านั้นยังไม่พอ กลับหาความเที่ยงแท้แน่นอน
    ไม่ได้อีก ดิ้นรนกลับกลอกทรุดโทรมลงทุกวันทุกเวลาเคลื่อนเข้าไปหาความแก่ทุกวันทุกนาที
    ยิ่งมากวันความเสื่อมโทรมของร่างกายก็ทวีมากขึ้น จากความเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ มาเป็นคนหนุ่ม
    คนสาว จากความเป็นคนหนุ่มคนสาวมาเป็นคนแก่ การเคลื่อนไปนั้นมิใช่เคลื่อนเปล่า ยังนำเอา
    โรคภัยไข้เจ็บมาทับถมให้ไม่เว้นแต่ละวัน ปวดที่โน่น ปวดที่นี่ โรคแน่น โรคจุกเสียด ปวดร้าว
    มีตลอดเวลา อวัยวะที่เคยใช้คล่องแคล่วสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยกำลัง ก็ง่อนแง่นคลอนแคลน กำลัง
    วังชาหมดไป ทำอะไรไม่ได้สะดวก หูก็หนัก ตาก็ฟาง ได้ยินเห็นอะไรไม่ถนัดเต็มไปด้วยความ
    ทุกข์ จะห้ามปรามรักษาด้วยหมอวิเศษ ท่านใดก็ไม่สามารถจะยับยั้งความเคลื่อนความทรุดโทรม
    นี้ได้ ในที่สุดก็พังทลายกลายเป็นซากศพที่ชาวโลกรังเกียจอย่างนี้ อัตภาพนี้เป็นสภาพโสโครก
    อย่างนี้ เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงอย่างนี้ เป็นทุกขัง ความทุกข์อันเกิดแต่ความเคลื่อนไหวไปหาความ
    เสื่อมอย่างนี้ เป็นอนัตตา เพราะเราจะบังคับบัญชาควบคุมไม่ให้เคลื่อนไปไม่ได้ ต้องเป็นไปตาม
    กฎธรรมดา
    พิจารณาเห็นโทษเห็นทุกข์อันเกิดแต่ร่างกาย เกิดนิพพิทาความเบื่อหน่ายในร่างกาย
    ของตนเองและร่างกายของผู้อื่น เห็นสภาพร่างกายของตนเองและของผู้อื่นเป็นซากศพ หมด
    ความพิสมัยรักใคร่ โดยเห็นว่าไม่มีอะไรสวยงาม เห็นเมื่อไรเบื่อหน่ายหมดความพอใจเมื่อนั้น
    เห็นคนมีสภาพเป็นศพทุกขณะที่เห็นอย่างนี้ท่านเรียกว่าได้อสุภกรรมฐานในส่วนของสมถภาวนา
    เห็นร่างกายเป็นซากศพ เบื่อหน่ายในร่างกาย และเห็นว่าร่างกายนี้เต็มไปด้วยความ
    ไม่เที่ยง สกปรกโสมมแล้วยังหาความแน่นอนไม่ได้อีก เคลื่อนไปหาความแก่ตายทุกวันเวลา
    ขณะที่เคลื่อนไปก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เพราะต้องได้รับทุกข์จากโรค รับทุกข์จากการบริหาร
    ร่างกาย มีการประกอบการงานเป็นต้น ทุกข์เพราะมีลาภแล้วลาภหมดไป มียศแล้ว ยศสิ้นไป
    มีสุขแล้วก็มีทุกข์มาทับถม เดี๋ยวมีคำสรรเสริญมาป้อยอ แต่ก็ไม่นานก็ถูกนินทา เป็นเหตุให้ใจ
    เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะความเสื่อมโทรมของร่างกายมีอวัยวะทุพพลภาพ หูหนัก ตาฟาง ฟันหัก
    ร่างกายร่วงโรย ความจำเสื่อม ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนของความทุกข์ทั้งสิ้น
    เห็นร่างกายเป็นทุกข์แล้ว ก็เห็นความดื้อด้านของสังขารร่างกายที่บังคับบัญชาไม่ได้ คือ
    เห็นว่าความเสื่อมโทรมอย่างนี้เราไม่ต้องการ ก็บังคับไม่ได้ ไม่ต้องการให้ปวดเจ็บเมื่อยล้า
    แต่มันก็จะเป็น ไม่มีใครห้ามได้ ไม่ต้องการให้ระบบประสาทเสื่อมมันก็จะเสื่อม ใครก็ห้ามไม่ได้
    ไม่ต้องการตาย มันก็ต้องตาย ไม่มีใครห้ามได้ สิ่งที่ห้ามไม่ได้นี้ ท่านเรียกว่า อนัตตา แปลว่า
    เป็นสิ่งเหลือวิสัยที่จะบังคับ ที่ท่านแปล อนัตตาว่า ไม่ใช่ตัวตนนั่นเอง เพราะถ้าเป็นตัวตนของเรา
    จริงแล้ว เราก็บังคับได้ ถ้าบังคับไม่ได้ก็ไม่ใช่ตัวตนของเราแน่
    </td></tr></tbody></table>
    .
    ͹ѵ
     
  5. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    สุข ทุกข์ปรุงแต่งที่จิต มองสวย ดูดี หุ่นดีถ้าไม่คิด จินตนาการ
    ปรุงแต่งต่อ ก็เป็นมองผ่าน มองเหมือนแม่ เหมือนน้อง
    อารมณ์ก็ไม่เตลิด ทำบ่อยๆ ฝึกสมาธิด้วย จิตมีกำลังมาก..ก็ระงับได้ไว

    ต้องดับระงับตั้งแต่ต้นในพระวินัยจึงมิให้สงฆ์อยู่กับสีกาสองต่อสองในที่ลับ
    เรียกว่าดับแต่ต้นเหตุ เพราะหากปล่อยบิ้วไปแล้วอาจจะปี๊ดได้ทั้งที่ยังมีสติ
    เพราะมันเป็นการตอบสนองทางร่างกาย

    อย่างเรื่องหลวงพ่อชา ตอนมีสีกามาหลง
    ท่านก็ใช้วิธีย้ายที่หนีเอานี่หล่ะ ง่ายๆ ไม่ต้องท้าทายมัน
    กิเลสมันเก่งมันหาเหตุผลให้เราได้เสมอ

    อย่างการทดสอบด้วยหนังโป๊ มันก็ดูด้วยเจตนาจะเสพตัณหาอยู่แล้ว
    ไม่ใช่จะทดสอบว่าอสุจิไม่เคลื่อนจิตเรานิ่งเราเข้มแข็ง
    ที่จริงเราโดนกิเลสหลอกเรียบร้อยแล้ว
    ถ้าชนะคือต้องชนะกิเลส ตั้งแต่ไม่มีเจตนาจะดูแล้ว

    อย่างวันนี้ อั๊ม ช่อง7แจ๋วใจร้าย ธรรมดาซะที่ไหน

    หลวงตาบัวท่านสอนธรรมะใช้คำทะลวงชีพจร
    "ผิดศีลเหมือนเหยียบหัวพระศาสดา
    เพราะพระศาสดาสอนให้รักษาศีล"

    แล้วนี่ กามราคะ 1ในสังโยชน์10 เชียวนะ
     
  6. aisleberley

    aisleberley สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +7
    ครั้งหนึ่ง มีนักบวชท่านหนึ่งได้เข้าป่าไปฝึกฝนตนเองทางใจตั้งแต่วัยหนุ่มจนล่วงเข้าสู่วัยกลางคน วันหนึ่งในขณะที่กำลังทำสมาธิอยู่อย่างสงบ ณ. ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งนั้น นกตัวหนึ่งได้มาเกาะอยู่ ณ. กิ่งไม้ใกล้เคียง ส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว นักบวชผู้นั้นลืมตาขึ้นมา พลันคิดด้วยจิตที่ขุ่นมัวว่า นกตัวนี้ได้มาทำลายความสงบของตนเอง จิตพุ่งคิดออกไปว่า หากมีพลังของฌานแล้ว จะทำให้นกตัวนี้ตกจากกิ่งไม้และตายทันที คิดเพียงเท่านั้น นกตัวนั้นก็ตกลงมาจากกิ่งไม้ที่เกาะอยู่และตายต่อหน้าต่อตาชายนักบวชนั้นทันที เมื่อสำรวจอย่างถ้วนถี่แล้วว่านกตัวนั้นได้ตายไปจริง ๆ ชายนักบวชจึงรู้ว่าตนเองได้บรรลุฌานระดับสูงแล้ว สามารถชี้นกให้เป็นไม้และชี้ไม้ให้เป็นนกได้แล้ว เขาได้พยายามพิสูจน์อิทธิฤทธิ์ของตัวเองอยู่ในป่าอีกสามถึงสี่วัน และสามารถทำได้ทุกครั้งไป จึงคิดอย่างกระหยิ่มอยู่ในใจว่า บัดนี้ ถึงเวลาที่จะเข้าสู่เมืองได้แล้ว เพื่อจะได้แสดงฤทธิ์ของตนให้คนอื่นเกรงขาม คิดเช่นนั้นแล้ว นักบวชหนุ่มจึงเดินทางเข้าเมือง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เมื่อเดินทางมาถึงชายป่าอันเป็นเขตต่อเนื่องเข้าสู่เมืองนั้น นักบวชกระหายน้ำเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่เดินผ่านมาถึงบ้านแรกของหมู่บ้านนั้น จึงเข้าไปขอน้ำดื่มเพื่อดับกระหาย หญิงวัยกลางคนที่อยู่หน้าบ้านจึงตะโกนเข้าไปในบ้านขอให้ลูกสาวนำน้ำฝนสะอาดมาถวายนักบวชที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง และแล้ว หญิงสาวเพิ่งย่างเข้าวัยยี่สิบ นุ่งห่มผ้าส่าหรีสีสดใส มีใบหน้าสวยสดประดุจกุหลาบที่เพิ่งแรกแย้ม เดินออกจากห้องครัว ในมือถือขันน้ำ เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เดินทางที่กำลังทอดสายตามองเบื้องต่ำอย่างสงบเสงี่ยมเยี่ยงนักบวช และแล้ว เธอก็ยื่นขันน้ำให้แก่นักบวชด้วยอากัปกิริยาที่ชดช้อยและอ่อนโยนพร้อมกับเชื้อเชิญให้นักบวชรับขันน้ำจากมือนาง ชายนักบวชซึ่งอยู่ในวัยเกือบสี่สิบปีแล้ว เมื่อได้ยินเสียงที่ดังกังวาลของหญิงสาวที่เชื้อเชิญให้ดื่มน้ำและเห็นฝ่าเท้าที่เรียวงาม มีผิวนวลเนียนดุจแสงจันทร์มายืนตรงหน้าแล้ว จึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นนักบวชเงยหน้าขึ้น หญิงสาวจึงส่งรอยยิ้มอันเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับคนแปลกหน้าที่มาจากต่างถิ่น รอยยิ้มของนางยิ่งเพิ่มความสวยงามให้แก่ใบหน้าที่งามอยู่แล้วให้งามมากยิ่งขึ้น <o:p></o:p>

    ทันทีที่เห็นใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาวที่กำลังส่งรอยยิ้มอันสวยงามปานเทพธิดานั้น ชายนักบวชซึ่งใช้ชีวิตอยู่ป่าตั้งแต่วัยหนุ่มและยังไม่เคยมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดหญิงสาวเลยนั้น เหมือนถูกมนต์สะกด จ้องหน้าของนางด้วยตาที่ไม่กระพริบและยืนนิ่งเหมือนรูปปั้น ไม่ไหวติง หมดแรง แขนทั้งสองเหมือนมีก้อนน้ำหนักถ่วงอยู่ ไม่สามารถเคลื่อนมือขึ้นมาหยิบขันน้ำจากหญิงสาวได้ พลังแห่งฌานสมาธิอันเปรียบเสมือนเกราะเหล็กที่แข็งแกร่งห่อหุ้มจิตใจของนักบวชนั้น มาบัดนี้ได้ถูกใบหน้าและรอยยิ้มของหญิงสาวอันเปรียบเหมือนความร้อนในเตาหลอมเหล็ก ได้หลอมเกราะเหล็กนั้นจนเหลวละลายไป ไม่มีแรงต้านทานใด ๆ เหลืออยู่เลย ฤทธิ์เดชแห่งกามราคะที่เปรียบเหมือนโคลนนอนแน่นิ่งอยู่ใต้ถุนใจนานหลายปีในช่วงอยู่ป่านั้น มาบัดนี้ ได้ถูกเขย่าจนใจกลายเป็นน้ำโคลนดำมืด ความรู้สึกทางเพศกำเริบและเผาผลาญจิตใจของนักบวชจนตั้งตัวไม่ติด <o:p></o:p>
    ในที่สุด แทนที่จะยื่นมือไปรับขันน้ำจากหญิงสาว นักบวชวัยกลางคนพูดอย่างอ่อนโยนว่า<o:p></o:p>
    อาตมาขอยืมปิ่นปักผมบนศรีษะของหลานสักสองอันได้หรือไม่<o:p></o:p>
    หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมนักบวชแปลกหน้าจึงขอปิ่นปักผมของนางแทนที่จะรับขันน้ำไปดื่ม แต่ก็ไม่ขัดใจ นางได้วางขันน้ำลงบนพื้น และแล้วก็ยื่นมือไปดึงปิ่นปักผมบนศรีษะออกมาสองอันตามคำขอร้องและยื่นให้แก่ผู้ขอ นักบวชรับปิ่นปักผมทั้งสองมาแล้วก็เสียบเข้าสู่ลูกตาทั้งคู่ของตนทันทีโดยไม่ลังเล แล้วก็เดินหันหลัง กลับเข้าสู่ป่า และไม่ออกจากป่าอีกเลย <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อไม่มีข้อสอบ ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะสอบได้หรือสอบตก<o:p></o:p>


    คัดลอกมาจากหนังสืออีกทอดหนึ่งครับ อีกมุมมองหนึ่งสำหรับ ใจที่เปิดกว้าง
     
  7. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    การฝึกฝน ตนเอง มีฝึกให้รู้ตัว กับไม่ฝึกให้รู้ตัว

    ถ้า ฝึกรู้ตัวตนของตนเอง ตามจริง รู้เนืองๆ ก็หมดความสงสัยในตน

    ถ้า ไม่ได้ฝึกให้รู้ตัวตนของตนเอง ตามจริง มันก็ไม่รู้ตัวเอง มันก็หลง มีสงสัย มีเรื่องให้คิดอยากทดสอบ เพื่อความแน่ใจ ถ้ายังมีสงสัย แปลว่ายังไม่รู้ความจริงของตัวเอง ตาที่เห็นรูปไม่ได้มีความผิด แต่ผิดที่ใจไม่รู้ใจตัวเองทำให้เมื่อรู้ความจริงก็ผิดหวังในตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ยังไม่คิดแก้ที่ใจ แต่ไปแก้ที่อื่น
     
  8. บุคคลไปทั่ว

    บุคคลไปทั่ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2009
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +106
    รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ในตัวมันเองไม่ใช่กาม แต่ความดำริถึง วิตกถึง ความพัวพันอยู่ถึงความยินดี ซึงรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั่นแหละกามเนาะ
     
  9. visutto

    visutto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    3,541
    ค่าพลัง:
    +1,167
    หัวข้อกระทู้นี้...
    ต้องให้คุณtro มาตอบชี้แจงแถลงไข
    เพราะท่านรู้ไปซะหมดทุกเรื่อง..
     
  10. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    แล้วพี่ๆทดสอบกันยังไงเหรอครับ
    เห็นพระนักเทศน์นักปฎิบัติมีชื่อเสียง 2ท่านก็เพลี้ยงพล้ำ จนต้องไปห่มเขียว
    หรือพระอยากจะทดสอบกรรมฐานเลยหาสีกาไปทดสอบส่วนตัวในกุฎิ ที่พึ่งมีข่าว

    เพราะจะว่าไปในแง่ฆราวาส การมีเซ็กซ์อย่างปกติก็ไม่ได้ทำไรผิดนี่นา
    เพียงแต่การจะบรรลุธรรมต้องงดเว้น

    วันก่อนผมไม่คิดอะไรแท้ๆ เพื่อนผู้หญิงมือเฉียดมาโดน ของขึ้นเลย
    ขึ้นนานเป็นนาทีกว่าจะสงบ แบบอารมณ์ฟุ้งเราไม่กด
    เราปล่อยจิตตามดู แต่ไม่บิ้วเองต่อ แล้วไปหาไรกินมันก็สงบ เหอ เหอ
     
  11. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    แล้วพี่ๆทดสอบกันยังไงเหรอครับ
    เห็นพระนักเทศน์นักปฎิบัติมีชื่อเสียง 2ท่านก็เพลี้ยงพล้ำ จนต้องไปห่มเขียว
    หรือพระอยากจะทดสอบกรรมฐานเลยหาสีกาไปทดสอบส่วนตัวในกุฎิ ที่พึ่งมีข่าว

    เพราะจะว่าไปในแง่ฆราวาส การมีเซ็กซ์อย่างปกติก็ไม่ได้ทำไรผิดนี่นา
    เพียงแต่การจะบรรลุธรรมต้องงดเว้น

    วันก่อนผมไม่คิดอะไรแท้ๆ เพื่อนผู้หญิงมือเฉียดมาโดน ของขึ้นเลย
    ขึ้นนานเป็นนาทีกว่าจะสงบ แบบอารมณ์ฟุ้งเราไม่กด
    เราปล่อยจิตตามดู แต่ไม่บิ้วเองต่อ แล้วไปหาไรกินมันก็สงบ เหอ เหอ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นั่นแหละ แบบนั่นแหละ คุณ psi เราซ้อมๆเอาไว้

    ให้ดีก็ให้มองเราทั้งกาย อย่าเห็นเราเฉพาะส่วน ให้ถอยออกมาทั้งกายเลย
    เหมือนๆว่า เราเป็นอะไรสักอย่างที่นอกกายเรา แล้วมองกายเราอีกที แบบ
    นี้เขาเรียกว่า การแยกรูป-นาม ออกจากกัน โดยรูป คือ ส่วนกายที่เรากำลัง
    ขึ้นกำลังไหว แล้วเราแยกใจออกไปเหมือนกับว่าจะเป็นคนละส่วนกัน แบบ
    นี้จะทำให้เห็นกรบวนการของจิต ที่มันไหลจากเราที่เหมือนอยู่ข้างนอก มัน
    วิ่งกลับไปที่กายเรา การเห็นแบบนี้จะเป็นการพุ่งเป้าโจมตีสักกายทิฏฐินะ ทำ
    ตรงนี้ให้เห็นเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องกามนั่นเราอย่าพึ่งไปฉวยเอามาดู เพราะ
    ยังไม่ใช่ฐานะ ต้องตีค่ายข้าศึกเรียงเป็นลำดับ เป็นธรรมนิยาม ข้ามขั้นไม่ได้

    พอเห็นได้แจ่มๆ นะ คราวนี้จะไม่ต้องทำใจเหมือนว่าออกมาดูข้างนอก เราอาศัย
    การเห็น ใจมันไหลไปไหลมา คว้าอุปทานบางอย่างมาเป็นตัวตนเรา มันจะเกิด
    การคว้าตัวตนก่อนที่จะไปปรุงเรื่องอีโรติคต่างๆ ลองสังเกตดู ..บางคนก็อาจ
    จะไม่เห็นการคว้าตัวตนนะ อาจจะไปเห็นความคับแค้น โทษะมูลจิตแทน

    กาม นั้นจะมีสองส่วน คือ อัตตา+โทษะ แล้วบวก กามคุณ5ที่เอามาช่วยปรุง
    แต่งเสริมความเป็น อัตตา+โทษะ การสืบพันธ์ก็คือการสืบอัตตาเรา อย่างให้
    เราอยู่ในฐานะเป็นพ่อของบุตร ส่วนโทษะมันเป็นยางเหนียวประหลาดที่ยากจะ
    ไปเล่นกับมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  13. รัก_D

    รัก_D เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2008
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ถ้าเอาอย่างผมก็ง่ายเลย ให้คิดว่า ผู้หญิงคนนั้นหมดลมหายใจไปแล้ว ถ้ายังมีความอยากอีกก็นะ ให้คิดว่า ศพนั้น เละไปเลย ถ้ากลัวความเละของศพ ก็ แค่ลองแยกร่างกายออกเป็นชิ้นๆ ให้รู้แค่ว่า ร่างกายประกอบด้วย ธาตุึ 4 ขันน์ 5 เนื้อเขาก็มี เนื้อเราก็มี ---------------------------------------------------------- สัญญา คือ ความจำ ที่อยู่เบื่องลึก เช่น เราบอกว่า นม เราก็จะเห็นภาพ ทันที นั่นแหล่ะ
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    แค่นึกถึง เวลาโกธร ทะเลาะกัน ก็สยอง แล้ว
     
  15. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    นั่นล่ะ ..ขนาดแค่นึก ยังใส่ซอสได้ นึกแล้วตามรู้ ก้ละได้ ดีนะ...[​IMG]
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พี่ณุ พี่ณุ ก่อนจะมี ลูกอ่อน

    พี่ณุ ได้นับไว้หรือเปล่าว่า

    จำต้องพูดคำว่า "ขอโทษ" กี่ครั้ง

    แต่ละครั้ง งงไหม ทรมารไหม [​IMG]....[​IMG][​IMG]
     
  17. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ตามรู้แบบพี่ณุ ว่าแต่ว่าตอนนี้พี่ณุ เลี้ยงลูกเหนื่อยไหมอ่ะ นอนพอไหมอ่ะ พักผ่อนพอไหมอ่ะ รายจ่ายเพิ่มไหมอ่ะ เป็นห่วงอีกเจ้าหนูอีก ทุกข์ไหมอ่ะ
    นะ สาเหตุก็เกิดมาจากการตามรู้นี้แหล่ะ อันนี้ขอแบบไม่รู้ ไม่ตามดีกว่านะ ครับผม

    ปล> ผมไม่ทำ อีกแล้ว ผมขอโทษ ผมขอโทษ เฮ้อ ขอโทษเอง แต่เวลาโดนทำโทษ กับไม่ยอมรับโทษ ตั้งที่ขอเองแท้ ฮี่ ๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2009
  18. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    อ่า... นั่นนะน๊า อันนี้ก็ม่ายรู้..[​IMG]
     
  19. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    บาง ทีก็งงนะ ทำไมตัวเอง เสียใจ แต่ทำไมเหมือนไม่เสียใจ งงม๊ะ
     
  20. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    งง เหมือนกัน อืม นะ งง แล้วก็งง แต่ก็รู้งง ก็รู้ว่า งง
     

แชร์หน้านี้

Loading...