ใครหาทางหลุดพ้นได้แล้วบ้างช่วยแนะนำที

ไม่ถูกต้อง แบบนี้ ทุกคน ที่เลี้ยงสุนัข ยินดีกับการได้เล่นกับสุนัข ก็เสวยภพเป็นหมาหมดหรือครับ
หลวงตาท่านก็เลี้ยงสุนัข
แบบนี้ ใครไปเกลียดอะไร ไปยินดีกับอะไร ก็เสวยภพเป็นสิ่งนั้นหรือ

คุณ นิวรณ์ คุณต้องละสัญญาทิ้งทั้งหมด และ ละ ความรุ้ และการคาดหมาย ทิ้งทั้งหมด เอาให้เหลือ จิตที่รู้เฉยๆ แบบไม่ต้องหมายรุ้ในเหตุ ของ สรรพสิ่ง นั่นแหละ แล้วเมื่อ ทัสนะสะอาดแล้ว เรียกว่า วิมุตติญาณทัสนะ แล้วจึงค่อย ออกรู้ ออกพิจารณา
ไม่เช่นนั้น มั่วหมดครับ เพราะจิตมัน ยังมืด มันก็ไปผิดทางได้

 

หลวงตาบัว ท่านคงไม่ยินดียินร้าย แล้ว
แต่คนมีกิเลสตามปกติทั่วไป มันอีกอย่างหนึ่ง ยินดีในภพที่เห็น ก็ไปเกิดในภพนั้น
ถ้าบังเอิญตายไปในขณะนั้นที่จิตเกิดยินดีหรือยินร้าย ก็อาจจะจุติในภพนั้นได้
ถ้าบังเอิญขาดสติในขณะนั้นพอดี จิตมันพาไปเสวยภพ ตามกรรม

 

พูดอีกมุมหนึ่ง จิตหลวงตาท่านไม่ได้ยินดี ยินร้าย ที่ขันธ์5 แล้ว

ขันธ์5 มันจะยินดี ยินร้าย ไม่ส่งผลถึง จิตพุทธะ มันย้อมไม่ติดจิต

จะเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องไปดับอะไร จนมันไม่โผล่ ไม่มี นิ่งๆ ว่างๆ
( พวกเห็นผิดว่า ฌาณคือสภาวะพ้นกิเลส )

แต่เป็นลกัษณะที่ มันจะเกิด ก็เรื่องของมัน มันย้อมไม่ติดจิต เพราะ
สติเกิดอัตโนมัติ พระอรหันต์ยังทำสติปัฏฐาน4 โดยตลอดโดยไม่ใช่
การภาวนา แต่เกิดจากจิตมันทำของมันเอง (โกศลสูตร)

* * * *

ผู้ที่แยก จิต ออกจาก ขันธ์5 ได้อย่างอัตโนมัติแล้ว ก็มีตั้งแต่โสดาบัน
ขึ้นไป(แต่ยังละทิ้งจิตไม่ได้ ยกเว้นอรหันต์)

 

ถ้าเว้นพระอรหันต์
พระโสดาบัน ก็เป็นหรือ
พระสกิทาทาคาก็เป็นหรือ
พระอนาคามีก็เป็นหรือ

เข้าใจหน่อยว่า มันไม่ใช่ธรรม อย่าไปแยกสิครับ แบบนี้คนที่เขาไม่เข้าใจ เขาจะแยกยังไง
คราวหน้าก็ไม่ต้องเล่นกับสุนัขเลย ไม่ต้องยินดี

คุณควรต้องเข้าใจว่า จิตที่ยินดี เห็นสัตว์น่ารัก นั่นแหละ บุญ ใครว่าบาป
นี่ผมจึงบอกว่า เห็นบุญเป็นบาป เห็นบาปเป็นบุญ

 

จิตเห็นดอกไม้ เบิกบาน ก็เป็นบุญ
แต่หากว่า ร้อนเมื่อไร จึงจะเป็นบาป

 

ไม่ได้ห้ามยินดียินร้าย แต่เราฝึกหัดรู้ตัวมีสติ เวลามียินดียินร้าย ก็ให้มีสติรู้ตัวไว้
ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในภพหมา เพราะติดภาพว่ายินดีในน้องหมา(เพราะเคยชินจากกรรม) จะได้มีสติยับยั้งได้ทัน
แล้วสติจะช่วยเราได้ ถ้ายังมีกรรมต้องพาให้เกิดจะได้มีสติพาไปเกิดในภพที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง

 

อ นิวรณ์ คงต้องการชี้ว่า ถึงแม้อยู่ในภพมนุษย์ แต่ถ้าจิตไปเผลอยินดีกับภูมิอื่น จิตก็หลงไปเสวยภพนั้น เช่น เห็นสุนัขดูน่ารักสุขสบาย วันๆไม่ต้องทำอะไร แล้วเกิดนึกอยากเป็นแบบนั้นบ้าง นี่เท่ากับจิตไปเสวยภพสุนัขเข้าให้แล้ว นี่คือความหมายของ อ นิวรณ์
แต่ยังมีอีกแง่หนึ่งคือ ถ้าแค่ยินดีในความน่ารักของสุนัข เล่นสนุขกับมัน แต่ไม่ได้ไปอยากเป็นแบบนั้น ก็ไม่เชิงว่าไปเสวยเป็นภพสุนัข ตรงนี้คือความไม่แยบคายของ อ นิวรณ์ ครับ
เข้าใจเจตนาครับ แต่ต้องระวังอีกนิด

ส่วนเรื่องละทิ้งสัญญา ความรู้ การคาดหมาย เห็นด้วยกับ อ ขันธ ครับ

 

"พึงมีสติรักษาจิต"

 

คุณไปรู้วาระจิต คุณนิวรณ์ตั้งแต่เมื่อไร

 

คุณ ยังมองไปไม่เห็น รูปปรมัตถ์ จึงมีความเห็นแบบนั้น

หาก คุณพูดว่า ตอนที่ยินดีกับน้องหมา เป็นเพราะเห็นรูปปรมัตถ์ ก็จะว่าไปอย่าง

แต่ถ้า ยังไงก็ยังเห็น หมา เป็น หมา อันนี้คือ ไม่มีสติรักษาจิตแม้แต่น้อย รูป
ที่ยินดีอยู่คือ อะไรสักอย่างที่เรียกว่า หมา นั้นแหละครับ เสพภพชาติอยู่

* * * *

ต้องดูกันนิดนึงนะว่า กำลังพูดอยู่กับปุถุชน ดังนั้น เราไม่กระเดิดไปเอาจิต
เสขะบุคคลขึ้นไปมาพูด ยังไม่ถึงกาล

 

ห้ามอะไรส่งเดช มันไปกำจัดกิเลสอะไร ตรงไหน

 

ขออนุญาตครับ

ถ้ากล่าวว่า ถ้าบังเอิญจะไปเกิดในภพหมา จะได้มีสติยับยั้งได้ทัน

เราสงสัยว่า ต้องมีเจตนาในการทำให้สติเกิด เพื่อยับยั้งได้ทัน ไหมครับ...

 

มันไปเกี่ยวอะไรกับการละ กิเลส ธรรมมีแยกด้วยหรือ ว่าอันนั้นห้ามปุถุชน อันนี้ห้ามพระอริยะ
เออ ยิ่งพูดยิ่งเพี้ยนนะนี่

 

ยกมาให้ดูอีกครั้ง เดี๋ยวจะหาว่าผมไปปรักปรำ นิวรณ์
ผิดก็ต้องบอกว่าผิด ถูกก็ต้องบอกว่า ถูก ชั่วโมงนี้ไม่มี ข้อสอบอัตนัยครับ
มีแต่ ปรนัย

 

ไม่รู้เหน็บผมกระทบใครหรือเปล่านะ ว่าแต่ อ นิวรณ์ หมายถึง จิตอเสขะหรือเปล่าครับ น่าจะพิมพ์ผิด

เอาเป็นว่า ท่านเห็นรูปปรมัตถ์ ผมเห็นแต่รูปบัญญัติ เลยไม่เข้าใจ...

 

ผมว่า พี่วิมุตติ ก็เข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วนะ

หมายถึงว่า เข้าอกเข้าใจในสิ่งที่ผมพยายามจะสื่อได้มากขึ้น อลุ่มอะหล่วยขึ้น

ไม่ได้ ตัดมาบางส่วน โดยไม่อ่านรวมๆ

ข้อความบางส่วน หากไม่อ่านให้สิ้นกระแสความ พี่วิมุตติเชื่อผมสิ แบบนี้ยัง
ไงผมก็กล่าวผิดวันยันค่ำแหละ แต่ถ้าพี่วิมุตติช่วยผมนิดนึง มองภาพรวมๆ
ของสื่อ ที่ส่งออกไปทั้งหมด ไม่ตัดกระแสความ เลือกแต่ที่ติได้ ก็จะเหมือน
คนที่ไม่เข้าใจกัน

ผมว่า พี่วิมุตติ ไม่ได้มีทักษะอะไรแบบนั้น

เราจะตัดสินเด็กสักคน เราก็ต้องดูให้หมด สื่อบางตัวเขาก็อมพนำไว้

เด็กมันลักขโมยของ เราจับเข้าคุก แม่ที่โรงพยาบาลตายโดยเราไม่สืบ
แบบนี้ก็มีให้เห็นเยอะแยะ แต่พี่วิมุตติของผมคงไม่ด่วนสรุป ตัดต่อเอาแต่
ที่เห็นผิดเพื่อยัดกรงหรอก ชิมิ ชิมิ

 

เสขะ หนะถูกแล้ว

พระโสดาบัน นี่เห็น ขันธ์5 แยก ออกจาก จิต ได้แล้ว

จึงมองทุกอย่างเป็น สภาวะธรรม ได้ทั้งหมด

ก็ตามลายเซ็นพี่วิมุตติละมั้ง "ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ....."

 

คุณ นิวรณ์ คุณอย่าทำตัว แบบสุรยุทธ์ และ ป๋าสิครับ

 

อ่อ ผมเข้าใจผิดไปเอง

ท่านคงแบ่งแบบนี้

ปุถุชน คือ ปุถุชน
เสขะ คือ โสดา สกิทา อนาคา
อเสขะ คือ อรหันต์

ผมมองแต่ภาพรวมเป็นหลักอยู่แล้วครับ จะมองเห็นหรือไม่ ก็อีกเรื่องหนึ่ง
เด็กขโมยเงินเพื่อรักษาแม่ ก็ถือได้ว่าขโมย ต้องติดคุกครับ
ไม่งั้น คนที่ทำผิดก็อ้างโน่นอ้างนี่ได้สิ ทุกคนก็ลำบากกันทั้งนั้นแหล่ะ มีทุกข์กันทั้งนั้นแหล่ะ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง ว่าไหม?
การแก้ปัญหา ต้องไม่ผิดศีลธรรมและกฎหมาย