ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ผมไม่ได้ทำสถิติ เกี่ยวกับภัยพิบัติไว้ครับ เพราะผมคิดว่าถ้าเราคอยติดตามข่าวจากต่างประเทศอยู่เสมอ ก็จะทราบเรื่องนี้ชัดเจนดีอยู่แล้วครับ

พิบัติภัยทางธรรมชาติในโลกปัจจุบัน



​

จากการรวบรวมสถิติการเกิดแผ่นดินไหว(โดยกรมอุตุนิยมวิทยาของสหรัฐฯ)ตั้งแต่ปีค.ศ.1471-1994 หรือในช่วง 5 ศตวรรษหลังมานี้ พบว่าช่วงระยะแรกๆมีอัตราการเกิดแผ่นดินไหวแต่ละครั้งห่างกันถึง 30-40 ปี และเริ่มขยับถี่ขึ้นในช่วงศตวรรษที่19 เป็นปีละ 1-2 ครั้ง หรือหากจะเว้นวรรคบ้างก็เพียง 3-4 ปี แต่มาในศตวรษที่ 20 อัตราการเกิดแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นเป็นปีละ 5-10ครั้งหรือบางปีเกิดเหตุถึง 12 ครั้ง และเป็นเช่นนี้เรื่อยมาทุกปีไม่มีเว้นวรรค

เพียงแค่มหันตภัยที่เกิดขึ้นในช่วง พ.ศ.2551(ค.ศ.2008)ปีเดียวก็มากพอที่จะบอกกับเราได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องธรรมชาติที่ธรรมดาอีกต่อไป

ความรุนแรงและความสุ่มเสียงในการเกิด มหันตภัยไม่มีสำนักงานใดรับรองได้ถึงความปลอดภัย หรือคาดคะเนได้แม่นยำว่าจะเกิดเหตุที่ใดและเมื่อไร สำหรับวิกฤตการณ์ครั้งล่าสุดซึ่งเป็นมหันตภัยครั้งมหึมาในรอบปีนี้ คงไม่พ้นพายุไซโคลนนาร์กีสเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ.2551 บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิระวดี และนครย่างกุ้ง ประเทศพม่า ที่กวาดชีวิตผู้คนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 124,000 คน (ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ) และอย่างไม่เป็นทางการคาดการณ์ว่าไม่ต่ำกว่า 300,000 คน ซึ่งนับว่าเป็นเหตุพายุหมุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติพม่า

ถัดจากโศกนาฏกรรมนาร์กิสเพียงแค่ 8 วัน โลกก็ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งกับข่าวแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเขตเหวินฉวน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครเฉินตู มณฑลเสฉวน ประเทศจีน เมื่อวันที่12 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 จำนวนยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงเฉียด 70,000 คน และตามติดมาด้วย Aftershock มากกว่า 6,000 ครั้ง ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ส่วนครั้งที่นับว่าร้ายแรงที่สุดคือแผ่นดินไหวในปีพ.ศ.2099 (ค.ศ.1556) บริเวณภาคกลางของประเทศจีน ในพื้นที่ชุมชนที่ผู้คนขุดเจาะถ้ำหินที่ไม่แข็งนักเป็นที่อยู่อาศัย แผ่นดินไหวส่งผลให้ถ้ำถล่มกลบชีวิตผู้คนไปประมาณ 830,000 ราย

24 กรกฏาคม พ.ศ. 2551 เกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรง และปานกลางใน 3 ประเทศ ได้แก่ญี่ปุ่น จีน และรัสเซีย ขณะที่ในวันเดียวกัน สหรัฐฯและแม็กซิโกกำลังประสบอุทกภัยอย่างหนัก จากอิทธิพลของพายุเฮอริเคนดอลลี

30 กรกฏาคม พ.ศ. 2551 เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลาง 5.4 ริคเตอร์ ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งถือว่าเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดที่เคยสั่นสะเทือนพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นแถบเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย ในรอบกว่า 1 ทศวรรษ และในเดือนกันยายนปีเดียวกันนี้ สหรัฐฯประสบกับพายุโซนร้อนต่อเนื่องกันหลายระรอก นับจาก กุสตาฟ ฮันน่า และล่าสุดคือ เฮอริเคน​

 

อีกข้อสมมติฐานหนึ่งซึ่งน่าตกใจ แต่ไปสอดคล้องกับ แผ่นจารดินเผา จารึกคูบัว จ.ราชบุรี ที่ว่า ดินแดนสุวรรณภูมิแ้ห่งนี้เป็นอู่อารยธรรม ไม่ใช่ที่แอฟริกาดังที่นักวิทยาศาสตร์เข้าใจกันครับ

 

คำเตือนจากศาสดาท่านสุดท้ายของศาสนาอิสลาม


คัมภีร์อัลกุรอานที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ในกรุงทาชเคนต์​

ภาพในอดีตไม่ได้ห่างไกลเกินไป ที่เราจะเทียบเคียงกับเหตุการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน ยุคที่ผู้คนหลงอยู่กับอำนาจของวัตถุจนจิตใจขึ้นสนิม ศีลธรรมคุณธรรมกลายเป็นเรื่องแปลกและล้าสมัย การกอบโกยเพื่อประโยชน์ของตนโดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรมกลายเป็นความเคยชิน ความยุติธรรมเหลือเพียงแต่ชื่อ พิบัติภัยจึงส่อเค้าอยู่รำไร ตราบใดที่ความสำนึกต่อการกระทำยังไม่สามารถทะลายสนิมที่เกาะกุมหัวใจมนุษย์

ท่านศาสดามุฮัมหมัด(ขอพระเจ้าทรงประทานพรและความศานติแก่ท่าน) ศาสดาท่านสุดท้ายของอิสลาม ได้แจ้งให้เราทราบล่วงหน้าถึงยุคสมัยแห่งความสับสนวุ่นวายนี้ โดยท่านกล่าวไว้ว่า

 

26 ก.พ. 52<O</O
<O</O
ก่อนกำหนด<O</O
<O</O
คิดว่าจะต้องอยู่ทำงานบนวัด รวมเวลาไปกลับ ทั้งสิ้น 15 วันปรากฏว่าใช้เวลาไป 11 วัน งานก็เสร็จ สิ่งที่ได้ทำไปคือ<O</O
<O</O
ทำรางรองรับน้ำฝนห้องน้ำที่สร้างใหม่ 10 ห้อง ได้ถวายพร้อมกับผู้ที่สร้างให้ ในวันที่ 20 ก.พ. 52 ที่ผ่านมา วันนั้นได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่า เป็นเงินส่วนกลาง 180 บาท เงินส่วนตัว 120 บาทและเงินผู้ที่ตามผมไปทำงานด้วย 100 บาท รวมเป็นเงิน 400 บาท<O</O
<O</O
ทำไฟฟ้าให้กับห้องน้ำเก่า 10 ห้อง<O</O
<O</O
ทำรางน้ำให้กับศาลาญาติธรรม ความยาว <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com30 เมตร</st1:metricconverter><O</O
<O</O
ทำรางน้ำให้กับ ห้องครัวที่สร้างใหม่<O</O
<O</O
จากงบ 19,700 บาท เหลือเงินอีก 7,760 บาท คิดว่าจะรวบรวมไว้ซื้อแท็งค์น้ำ ในช่วงเทศกาลทอดกฐินปีนี้ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านสมาชิกร่วมอนุโมทนาร่วมกัน
<O</O
<O</O
<O</O
<O> </O>

 

เลยเร่งช่วยราษฎรถูกพายุลูกเห็บถล่ม​

​

เลย 24 ก.พ.- นางจินตนา โพธิพรม นายกเทศมนตรีตำบลภูกระดึง อ.ภูกระดึง จ.เลย เปิดเผยถึงความเสียหายจากพายุฤดูร้อนกระหน่ำในพื้นที่ อ.ภูกระดึง วานนี้ (23 ก.พ.) ว่า เป็นครั้งแรกของปีนี้ที่เกิดพายุฤดูร้อนและหนักมาก โดยมีฝนตกลมกระโชกแรงพร้อมลูกเห็บถล่มนานถึง 30 นาที

การสำรวจเบื้องต้นพบว่าบ้านเรือนใน 2 ตำบล เสียหายประมาณ 40 หลัง คือ ต.ภูกระดึง 4 หมู่บ้าน และ ต.ศรีฐาน 1 หมู่บ้าน นอกจากทำให้กระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย ลมยังพัดหอบหลังคาสังกะสีปลิวหายไป ป้ายโฆษณาและต้นไม้หักโค่น แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งสำรวจพื้นที่และจัดหาวัสดุอุปกรณ์ออกช่วยเหลือราษฎร เพราะอาจเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นอีก.- สำนักข่าวไทย

2009-02-24 17:26:45

ไฟลุกท่วมรถบรรทุกน้ำมันคาปั๊มโคราชบาดเจ็บ 1​

​

นครราชสีมา 24 ก.พ.- เมื่อเวลา 13.15 น. วันนี้ (24 ก.พ.) ร.ต.อ.ประยุทธ แพปรุ ร้อยเวร สภ.เมืองนครราชสีมา ประสานรถดับเพลิงจากหลายเทศบาลกว่า 10 คัน ระงับเหตุไฟไหม้รถเทรลเลอร์ 18 ล้อ ทะเบียน 70-5407 นครราชสีมา ของบริษัทเรืองชัยกิจ ออยล์แอนด์ทรัค จำกัด .

บรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงกว่า 30,000 ลิตร จอดอยู่บริเวณด้านหลังปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่หมู่ 7 ถ.มิตรภาพ บายพาส-จอหอ ต.หมื่นไวย์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงสูงกว่า 20 เมตร และมีกลุ่มควันดำขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจำนวนมาก ท่ามกลางเสียงปะทุดังขึ้นเป็นระยะและลุกลามเผาร้านค้าใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงต้องขอรถโฟมดับเพลิงจากกองบิน 1 นครราชสีมา เข้ามาช่วยเหลือ จึงควบคุมเพลิงไว้ได้อย่างสงบเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง เบื้องต้นพบว่ารถบรรทุกน้ำมันถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด รวมถึงร้านอาหาร ร้านขายสินค้าและร้านปะยาง

นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บ 1 รายคือ นายเรียน ดำดี อายุ 44 ปี เจ้าของร้านปะยาง และสุนัขของนายเรียน ถูกไฟคลอกตาย 1 ตัว ส่วนสาเหตุทราบว่าขณะที่รถบรรทุกน้ำมันเข้ามาจอดพัก เพื่อรับประทานอาหารและปะยางรถ มีประกายไฟเกิดขึ้นใต้ท้องรถก่อนจะลุกลามอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามคนขับรถบรรทุกที่หลบหนีมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

2009-02-24 16:44:34

หนองบัวลำภูไฟไหม้ฟางข้าวหวิดลามเข้าโรงเรียน​

​

หนองบัวลำภู 24 ก.พ.- ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุไฟไหม้บริเวณทุ่งนาริมทางหลวงแผ่นดินสาย 210 บ้านหนองกุง ต.นาคำไฮ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ตั้งแต่เวลา 11.30 น. ที่ผ่านมา (24 ก.พ.)

ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลนาคำไฮ อ.เมือง ระดมรถน้ำเข้าสกัดกั้นไฟอย่างเต็มที่ เนื่องจากเริ่มลุกลามเข้าไปในป่ายูคาลิปตัสใกล้กับรั้วโรงเรียนบ้านหนองกุง และเป็นช่วงนักเรียนพักกลางวัน โดยเปลวไฟลุกไหม้สูงกว่า 3 เมตร ท่ามกลางกระแสลมแรง และลุกลามเผาตอฟางข้าวในนากว่า 50 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงไว้ได้ คาดว่าสาเหตุมาจากการเผาฟางข้าว เพื่อเตรียมการเพาะปลูกรอบใหม่.-สำนักข่าวไทย

2009-02-24 16:33:59

แล้งหนัก-ดินแตกระแหง วอนชลประทานเร่งผันน้ำช่วย​

​

ภูมิภาค 24 ก.พ.- ปัญหาภัยแล้งขยายวงกว้างหลายจังหวัด ดินท้องนาแตกระแหง ต้นข้าวเหี่ยวตาย วอนชลประทานเร่งผันน้ำช่วยเหลือก่อนเสียหายหมด ขณะที่ระนอง-น่านประกาศพื้นที่ประสบภัย ส่วนลำปางร้อนระอุเฉียด 40 องศาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เริ่มทวีความรุนแรง ปริมาณน้ำในลำคลองเหือดแห้งอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกษตรกร ต.พญาขัน อ.เมือง เดือดร้อนอย่างหนัก เพราะนาข้าวกว่า 1,200 ไร่ ขาดน้ำยืนต้นแห้งตาย หลังจากลงทุนชื้อเม็ดพันธุ์ข้าว ซื้อปุ๋ย และจ้างไถแปลงนา

นายกระแส พูลสวัสดิ์ อายุ 53 ปี ชาวนาในพื้นที่ ม.4 ต.พญาขัน ระบุว่า ปีนี้แล้งเร็วมาก นาข้าวที่หว่านไว้ 1 เดือน ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงแห้งเหี่ยวตาย และมีแนวโน้มเสียหายทั้งหมดกว่า 1,000 ไร่ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะชลประทานจังหวัดควรผันน้ำออกจากฝายหรือติดตั้งเครื่องสูบน้ำบรรเทาพื้นที่การเกษตร

ด้านนายเจษฎา วัฒนานุรักษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวดระนอง กล่าวว่า จังหวัดประกาศให้ อ.ละอุ่น อ.กะเปอร์ และ อ.สุขสำราญ เป็นพื้นที่ประสบพิบัติภัยแล้งรวม 19 ตำบล 118 หมู่บ้าน ราษฎรขาดน้ำอุปโภคบริโภค 16,292 ครัวเรือน จำนวน 64,546 คน และแจกจ่ายน้ำช่วยเหลือแล้ว 667,000 ลิตร ส่วนพื้นที่การเกษตรยังไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งภัยแล้งปีนี้คาดว่าจะหนักกว่าปีที่ผ่านมา เพราะฝนทิ้งช่วงมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน ขอให้ประชาชนเตรียมภาชนะกักเก็บน้ำไว้ใช้ รวมทั้งทำฝายชะลอน้ำตามลำคลองและลำห้วย ที่สำคัญควรงดปลูกพืชใช้น้ำมาก

เช่นเดียวกันเกษตรกรเลี้ยงโค-กระบือ บ้านน้ำเกี๋ยน ต.น้ำเกี๋ยน อ.ภูเพียง จ.น่าน เดือดร้อนอย่างหนัก เพราะไม่มีแหล่งอาหารหญ้าสดให้สัตว์เลี้ยง อีกทั้งแม่น้ำน่านแห้งขอด เห็นดินโผล่กลางลำน้ำ เกรงว่าหากปัญหาภัยแล้งกินเวลานาน โค-กระบือ และสุกรที่เลี้ยงไว้จำหน่ายอาจไม่มีแรงต้านทานโรคและป่วยตาย ล่าสุดจังหวัดน่านประกาศให้ 8 อำเภอ จาก 15 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ว คือ อ.เชียงกลาง บ้านหลวง สองแคว แม่จริม นาหมื่น บ่อเกลือ ภูเพียง และ อ.ปัว พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 1,500 ไร่

ด้านนายนคร คำวงศ์ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฎิบัติการ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง กล่าวว่า สภาพอากาศในพื้นที่ร้อนอบอ้าวมาก และวันนี้ (24 ก.พ.) สถานีอุตุนิยมวิทยาลำปางรายงานอุณหภูมิสูงสุดที่ อ.เถิน 39.5 องศาเซลเซียส ที่ อ.เมือง 38.4 องศาเซลเซียส จึงขอเตือนให้ประชาชนระวังปัญหาอัคคีภัย เพราะสภาพอากาศดังกล่าวทำให้ไฟลุกลามได้ง่าย โดยเฉพาะการจุดธูปเทียนทิ้งไว้ และหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า ป้องกันการลัดวงจร.- สำนักข่าวไทย

2009-02-24 14:37:16

เกาะพีพีเริ่มวิกฤติ ขาดแคลนน้ำรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ​

​

กระบี่ 23 ก.พ.- เกาะพีพี แหล่งท่องเที่ยวดังของจังหวัดกระบี่ เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะย่านแหล่งที่พักสำคัญบนเกาะ เร่งประสานการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่ช่วยแก้ไข

นายพันคำ กิตติธรกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ตำบลอ่าวนาง เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งแล้ว โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะพีพี เนื่องจากปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของเอกชนที่อยู่บนเกาะพีพีลดลงจนใกล้จะหมด ส่วนน้ำบ่อที่ชาวบ้านขุดไว้ก็เริ่มมีรสกร่อย จึงต้องซื้อน้ำจากเอกชน หากไม่มีแหล่งน้ำมาสำรองเพิ่มขึ้นคาดว่าอีกประมาณไม่เกิน 1-2 เดือน จะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมากขึ้นไปอีก แต่ก็คาดว่า จะไม่รุนแรงเหมือนปี 2550 ที่ต้องสั่งซื้อน้ำจากจังหวัดภูเก็ต ราคาลูกบาศก์เมตรละ 350 บาท เพราะมีผู้ประกอบการได้เข้ามาดำเนินการแล้ว 1 ราย โดยได้ต่อท่อน้ำเข้ามาในแหล่งชุมชนบนเกาะพีพี ซึ่งจำหน่ายให้ผู้ประกอบการในราคาลูกบาศก์เมตรละ 250 บาท ส่วนชาวบ้านจะจำหน่ายลูกบาศก์เมตรละ 35 บาท แต่ต้องใช้ไม่เกิน 20 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน

ส่วนในพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 2, 3 และ 4 ซึ่งเป็นย่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของตำบลอ่าวนาง ปริมาณน้ำก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการเช่นกัน เนื่องจากสถานประกอบการ โรงแรม และ ร้านอาหาร มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทาง อบต. จึงต้องขุดหาแหล่งน้ำมาเพิ่ม แต่ก็ยังไม่สามารถหาได้ เบื้องต้นได้ประสานไปยังการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กระบี่เพื่อดำเนินการแก้ไข พร้อมขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ ให้ใช้น้ำอย่างประหยัด โดย อบต.ได้จัดเตรียมรถบรรทุกน้ำไว้คอยบริการบางส่วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย

2009-02-23 18:39:16

ภัยแล้งคุกคามหนัก ชาวบ้านลำปางร้องรัฐแจกน้ำด่วน​

​

ลำปาง 23 ก.พ.- ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านใน ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ทั้งหมู่ 6 บ้านปงใต้ หมู่ 7 บ้านปงเหนือ หมู่ 8 บ้านข่วง หมู่ 10 บ้านโฮ่ง หมู่ 11 และบ้านหม้อหมู่ 12 กว่า 2,000 ครัวเรือน จำนวนราษฎรไม่ต่ำกว่า 3,000 คน กำลังได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้ง เนื่องจากแหล่งน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่แห้งขอด โดยเฉพาะลำห้วยแม่ตาล ที่ไหลมาจากบนเขาสูงของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลได้แห้งสนิท

ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ช่วยกันนำกระสอบทรายมาวางขวางลำห้วย เพื่อชะลอน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง แต่ก็ไม่มีน้ำอยู่ในลำห้วยเลย ทำให้พื้นดินใต้ลำห้วยแห้งแตกระแหง ซึ่งชาวบ้านเรียกร้องให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทำให้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปงยางคก นำรถบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนใน 6 หมู่บ้าน รวมถึงยังให้รถบรรทุกนำน้ำไปใส่ใน ถัง 2,000 ลิตร ที่ตั้งอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในทุก 7 วัน เพื่อสำรองให้ชาวบ้านได้นำน้ำไปใช้ในยามที่ขาดแคลนต่อไป. -สำนักข่าวไทย

2009-02-23 17:55:53

เชียงใหม่ประกาศ 2 อำเภอประสบภัยแล้ง​

​

เชียงใหม่ 24 ก.พ.- นายประจญ ปรัชญสกุล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงใหม่ ประเมินสถานการณ์ภัยแล้งปีนี้จะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบใกล้เคียงกับปี 2551

ล่าสุด (24 ก.พ.) จังหวัดประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้งแล้ว 2 อำเภอ 7 ตำบล 32 หมู่บ้าน คือ อ.ไชยปราการ 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน และ อ.ดอยหล่อ 4 ตำบล 27 หมู่บ้าน รวมราษฎรเดือดร้อนกว่า 2,000 ครัวเรือน โดยแต่ละอำเภอเร่งขออนุมัติเงินฉุกเฉินอำเภอละ 1 ล้านบาท มาช่วยเหลือในเบื้องต้น เนื่องจากขณะนี้เขื่อนแม่กวงอุดมธารา อ.ดอยสะเก็ด เหลือน้ำอยู่เพียงร้อยละ 35 ของความจุ ขอให้ประชาชนน้ำอย่างประหยัด

สำหรับปัญหาภัยแล้งปีที่ผ่านมา มีราษฎรเดือดร้อนเกือบ 50,000 ครัวเรือน หรือ 200,00 คน 18 อำเภอ 97 ตำบล 764 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 30,000 ไร่ แจกน้ำช่วยเหลือทั้งการอุปโภคบริโภคและการเกษตรกว่า 1 ล้านลิตร.-สำนักข่าวไทย

2009-02-24 17:29:21

ประปาหนองบัวลำภูระดมเก็บน้ำสำรองรับภัยแล้ง​

​

หนองบัวลำภู 25 ก.พ.- นายปัญญาวุฒิ สีตลพฤกษ์ ผู้จัดการประปาจังหวัดหนองบัวลำภู เปิดเผยถึงการรับมือปัญหาภัยแล้งว่า เนื่องจากสภาพอากาศในพื้นที่ขณะนี้แห้งแล้งและร้อนมาก ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติปริมาณน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว

รวมถึงแหล่งน้ำดิบผลิตน้ำประปา เช่น ลำน้ำพอง ต.จอมทอง อ.ศรีบุญเรือง จำเป็นต้องจัดการแก้ปัญหาอย่างมีระบบ และลำน้ำพะเนียง อ.นากลาง แม้จะมีฝายกั้นน้ำที่สามารถเก็บกักน้ำเพื่อเป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปาได้ แต่มีการใช้น้ำเพื่อการเกษตรและด้านอื่น ๆ อีก หากไม่ได้สำรองน้ำดิบไว้จะมีปัญหาเช่นกัน

ขณะที่ความต้องการใช้น้ำของประชาชนเพิ่มขึ้นทั้งอุปโภคบริโภคและการเกษตร การประปาจึงต้องเตรียมแหล่งสำรองน้ำดิบไว้ล่วงหน้า เพื่อให้มีน้ำใช้ได้ตลอด 3 เดือน จนถึงฤดูฝน ล่าสุดสามารถเก็บสำรองน้ำดิบไว้แล้วประมาณ 80,000 ลูกบาศก์เมตร คาดว่าน่าจะเพียงพอให้บริการประชาชน.-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 12:59:51

เชียงรายท้องฟ้าโปร่ง ประชาชนเฝ้ารอชมดาวหางลู่หลิน​

​

เชียงราย 25 ก.พ.-ท้องฟ้าที่ จ.เชียงราย คืนนี้โปร่ง ประชาชนในจังหวัดเฝ้ารอชมปรากฏการณ์ดาวหางลู่หลิน

ประชาชน นักเรียน นักศึกษาใน จ.เชียงราย ต่างเฝ้ารอชมดาวหางลู่หลินตามสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะบนหอดูดาวภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย คืนนี้ คณะอาจารย์ นักศึกษาได้นำกล้องสองตา หรือกล้องโทรทรรศน์ มาไว้บริการผู้ที่สนใจขึ้นมาชมดาวหางลู่หลิน พร้อมให้ความรู้และวิธีการใช้กล้องแก่ผู้ที่ไปรอชมอย่างใกล้ชิด ทั้งภายในสนามหน้าโรงเรียนเชียงรายวิทยาคม และเขตเทศบาลนครเชียงราย บรรยากาศแต่ละจุด เต็มไปด้วยความสนุกสนานตื่นเต้น

นายวรวุฒิ ตันวุฒิบัณฑิต นักดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า ล่าสุดได้บันทึกภาพดาวหางลู่หลิน ขณะดาวเทียมกำลังโคจรผ่านหน้า จนเห็นเป็นเส้นสีเขียวเอาไว้ได้ โดยใช้กล้องโทรทัศน์ดูดาว ขนาด 11 นิ้ว เปิดหน้ากล้องนาน 60 วินาที ที่ค่า ISO 1600 โดยบันทึกได้ที่หอดูดาวบัณฑิต ตลาดบางบ่อ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา.-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 03:15:41

ที่มา http://news.mcot.net

 

ขออนุโมทนา ในบุญกุศลที่คุณ k_isara ได้กระทำดีแล้วในครั้งนี้ด้วยครับ และขอให้สิ่งที่มุงหวังตั้งใจทำนี้ สำเร็จสมความปรารถนาจงทุกประการเทอญ

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 

ปภ.เตือนประชาชนระมัดระวังพายุฤดูร้อน
ช่วง มี.ค.-เม.ย.นี้​

​

ปภ. 25 ก.พ.- ปภ.เตือนจะเกิดพายุฤดูร้อนช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. นี้ เตือนประชาชนรับมือ สำรวจบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างบริเวณรอบบ้าน ต้นไม้ ป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง ติดตามรับฟังพยากรณ์อากาศ งดกิจกรรมกลางแจ้ง เพราะเสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต

นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูร้อนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงเดือนมีนาคม- เมษายนนี้ จึงขอเตือนประชาชนระมัดระวัง โดยลักษณะอากาศก่อนเกิดพายุฤดูร้อนจะร้อนอบอ้าวติดต่อกันหลายวัน ลมสงบ พายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฟ้าแลบ ฟ้าคะนองในระยะไกล และอาจมีลูกเห็บตกในบางพื้นที่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งปลูกสร้างและพืชผลทางการเกษตร เพื่อความปลอดภัยขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดพายุฤดูร้อน

โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดูแลสภาพบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ป้ายโฆษณาให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง หากอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัยควรแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อแก้ไขโดยด่วน กรณีที่พบว่าสายไฟฟ้าพาดกับกิ่งไม้ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาดำเนินการแก้ไขทันที หมั่นติดตามรับฟังพยากรณ์อากาศ หากมีประกาศแจ้งเตือนภัยให้จัดเก็บสิ่งของที่สามารถปลิวตามลมได้อย่างมิดชิด จัดเตรียมอาหารแห้ง ยารักษาโรค ตะเกียง ไฟฉาย ไม้ขีดไฟ และวิทยุไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ส่วนเกษตรกรควรจัดทำที่ค้ำยันต้นไม้ โดยเฉพาะกิ่งที่กำลังผลิดอกออกผล เพื่อป้องกันผลิตผลทางการเกษตรได้รับความเสียหาย

อธิบดี ปภ. กล่าวว่า ขณะเกิดพายุฤดูร้อน ควรเข้าไปหลบในอาคาร หรือบ้านเรือนที่มั่นคงแข็งแรง ปิดประตู หน้าต่างให้สนิท เพื่อป้องกันการกระแทกและสิ่งของปลิวเข้ามาจนบ้านเรือนได้รับความเสียหาย หากประตูหรือหน้าต่างไม่แข็งแรง ควรใช้ไม้ทาบตีตะปูปิดตรึงไว้ เพื่อป้องกันแรงลมหอบพัดบ้านเรือนพังเสียหาย หลีกเลี่ยงการหลบพายุใต้ต้นไม้ เสาไฟฟ้าหรือใกล้ป้ายโฆษณา เพราะเสี่ยงต่อการถูกล้มทับ

ที่สำคัญควรงดเว้นการประกอบกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงที่เกิดฝนฟ้าคะนอง เช่น ทำการเกษตร เล่นกีฬา เป็นต้น และอยู่ให้ห่างจากวัตถุที่เป็นสื่อนำไฟฟ้าทุกชนิด ไม่สวมใส่เครื่องประดับ เช่น ทองคำ ทองแดง เงิน เป็นต้น งดเว้นการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด และโทรศัพท์มือถือชั่วคราว เพราะในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง มักเกิดฟ้าผ่า อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้.-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:20:24

ที่มา http://news.mcot.net/

 

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6663 ข่าวสดรายวัน


ผงะอาวุธเลียนหนัง อาชญากรผู้ดีฮิตใช้



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อ 24 ก.พ. เดอะซันรายงานว่า หน่วยศุลกากรและตำรวจอังกฤษแถลงเตือนภัยจากแก๊งอาชญากรในอังกฤษใช้อาวุธสุดสยองคล้ายกับกรงเล็บเหล็ก ของตัวละคร วูล์ฟเวอร์รีนในหนังยอดมนุษย์ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>"เอ็กซ์-เมน" อาวุธนี้เรียกว่า "กรงเล็บกะโหลกโทมาฮอว์ก" ประกาศขายในเว็บไซต์สหรัฐ โฆษณาว่า "เหมาะสำหรับใช้ควักตับไตไส้พุงศัตรูทุกรูปแบบ"

แหล่งข่าวตำรวจอังกฤษ กล่าวว่า แก๊งนอกกฎ หมายเชื่อว่าใครมีอาวุธแบบนี้แล้วจะเหนือกว่าคนอื่น เพราะดูน่าสะพรึงกลัวกว่ามีดธรรมดาหลายเท่าโดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ศุลกากรยึดอาวุธนี้ได้ 2 ชุดที่สนามบินโคเวนทรี ผู้สั่งซื้อเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟียย่านเพ็กแฮม ทางใต้ของกรุงลอนดอน และคดีฆาตกรรม 6 ศพที่เพิ่งเกิดขึ้นในลอนดอนช่วง 4 วันที่ผ่านมา 3 ศพน่าจะถูกฟันด้วยอาวุธชนิดนี้

น่าซื้อมาใช้ป้องกันตัวช่วงภัยพิบัตินะ
"กูเกิ้ล"พบพื้นที่น่าสงสัย "แอตแลนติส"นครหายสาบสูญ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>"แอตแลนติส" นครที่จมอยู่ใต้น้ำ เป็นเรื่องที่เล่ากัน มานานหลายพันปีมาแล้วว่า ครั้งนั้นแอตแลนติสเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยและมีวัฒนธรรมสูง ส่ง แต่จู่ๆ มหาสมุทร ก็กลืนแอตแลนติสลงไป และมีผู้พยายามค้นหาที่ตั้งของแอตแลนติสหลายครั้งหลายหน แต่ไม่เคยประสบความสำเร็จ มหานครแห่งนี้จึงยังคงความลึกลับอยู่ต่อไป <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กูเกิ้ลเปิดตัว "กูเกิ้ลโอเชี่ยน" ทำให้นักวิทยาศาสตร์เกิดความหวังว่า อาจใช้ "กูเกิ้ลโอเชี่ยน" นี้ค้นหาแอตแลนติสได้ โดยพื้นที่สงสัยนั้นอยู่ห่างจากชายฝั่งทางตะวันตกของประเทศโมร็อกโก ทวีปแอฟริกา ราว 600 ไมล์และอยู่ลึกใต้ระดับน้ำทะเลไม่ต่ำกว่า 3 ไมล์ พื้นที่นี้เรียกว่า "แอ่งคานารี่" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

จากภาพที่เห็นพบว่า มีลายเส้นเป็นรูปเหมือนกับถนนหนทาง กินอาณาบริเวณเท่ากับแคว้นเวลส์ ประเทศอังกฤษ แต่ที่จริงแล้ว ลาย เส้นเป็นลายเส้นเทียมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำแผนที่ โดยแผนที่นี้ได้มาจากการตรวจวัดด้วยเครื่องโซนาร์ของพื้นทะเลและบันทึกโดยเรือ ลายเส้นนี้จึงเป็นทางเดินเรือที่รวบรวมข้อมูลมาให้

ดร.ชาร์ลส์ ออร์เซอร์ นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กสเตต สหรัฐอเมริกา มีความเห็นว่า "มีความเป็นไปได้สูงที่พื้นที่แห่งนี้จะเป็นที่ตั้งของแอตแลนติส และแม้ว่าจะไม่ใช่แอตแลนติส เป็นเพียงแค่สภาพภูมิศาสตร์ แต่เราก็ควรไปสำรวจอยู่ดี"

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]
โสมเหนือแหย่รังแตนอีก



เอพีรายงานวันที่ 24 ก.พ. ว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศแผนเตรียมยิงดาวเทียมกวานเมียงซอน-2 ดาวเทียมสื่อสารโทรคมนาคมดวงใหม่ เข้าสู่วงโคจร แต่รัฐบาลเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา สงสัยว่าอาจเป็นการยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ส่วนจีนแสดงท่าทีเพียงว่า จะจับตาการยิงดาวเทียมของเกาหลีเหนือ สำหรับแผนการยิงดาวเทียมของเกาหลีเหนือเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์ยิ่งขึ้น แม้เกาหลีเหนือยืนยันว่าความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีอวกาศครั้งนี้จะเป็นหลักชัยก้าวใหม่ส่งให้เกาหลีเหนือมีความแข็ง แกร่งขึ้นทางเศรษฐกิจ แต่ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือข่มขู่รัฐบาลใหม่ของสหรัฐ รวมถึงเกาหลีใต้ ว่าอาจจะทดสอบการยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ทั้งที่เกาหลีใต้ขู่จะดำเนินมาตรการลงโทษ ส่วนสหรัฐเตือนว่า อย่าได้เพิ่มภาวะตึงเครียดอีก

หน้า 7
เอฟบีไอเตือนภัยก่อการร้าย



เมื่อ 24 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า นายโรเบิร์ต มุลเลอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ หรือเอฟบีไอ กล่าวเตือนในที่ประชุมสภา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กรุงวอชิงตัน ว่า หลายเมืองในสหรัฐมีโอกาสตกเป็นเป้าปฏิบัติการก่อการร้ายครั้งใหญ่รูปแบบเดียวกับเหตุกราดยิง-วางระเบิดสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ 172 คนในนครมุมไบของอินเดียเมื่อเดือนพ.ย. ปีก่อน เพราะแสดงให้เห็นว่าคนร้ายไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธทันสมัยหรือมีเงินสนับสนุนมากมาย แต่สร้างความเสียหายร้ายแรง และสหรัฐควรต้องระวังกลุ่มก่อการร้ายที่มีถิ่นฐานอยู่ในประเทศ ซึ่งไม่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการอัลไคด้า แต่หลงใหลในอุดมการณ์อัลไคด้า

หน้า 7
สลดแม่โรตีขายลูกแค่6,300บ.



เมื่อ 24 ก.พ. เอเอฟพีรายงานว่า เกิดเหตุสลดใจในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศ ทางภาคใต้ของอินเดีย หลังจากตำรวจจับกุมตัวนางรจิตฐา คนยากจนวัย 20 ปี ฐานขายลูกชายที่เพิ่งลืมตาดูโลกในราคา 6,300 บาทให้เพื่อนที่เป็นคนถีบสามล้อรับจ้าง นอกจากนั้น ยังดำเนินคดีกับโรงพยาบาลที่ปล่อยให้มีการซื้อขายทารกเกิดขึ้น นางรจิตฐาสารภาพทั้งน้ำตาว่า จำเป็นต้องขายลูกเพราะไม่มีงานทำ และยังถูกสามีทิ้งจึงไม่มีเงินจ่ายค่าทำคลอดกับค่ารักษาตัว

หน้า 7
พทีซอรัส"บินได้เพราะมีถุงลมเยอะ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>ระบบการหายใจและความพรุนของกระดูกช่วยให้ไดโนเสาร์พทีซอรัสบินได้ ซึ่ง ดร.เดวิด อันวิน นักดึกดำบรรพ์วิทยาจากมหาวิทยาลัยเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ทำการศึกษางานวิจัยชิ้นนี้

นักวิทยาศาสตร์สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมไดโนเสาร์พทีซอรัส ที่มีลักษณะคล้ายกับนกและมีขนาด พอๆ กับเครื่องบินขนาดเล็กถึงบินได้ มีผู้สันนิษฐาน ว่า มันอาจใช้ปีกกระพือจนบินได้ แต่ปีกนั้นมีขนาดใหญ่เกินไปที่จะใช้บิน <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ดร.อันวิน จึงทำการศึกษาฟอสซิลด้วยเครื่องซีทีสแกนแล้วพบว่า ไดโนเสาร์พทีซอรัสหายใจโดยผ่านระบบถุงอากาศที่อยู่ในปอดไปจนถึงกระดูก ทำ ให้มันได้รับออกซิเจนเพียงพอกับพลังงานที่ต้องใช้เมื่อเวลาบิน

นอกจากนี้ การที่กระดูกมีรูพรุนมาก ยังช่วยให้น้ำหนักตัวเบาจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับนกพีลิแกนยังพบว่า ความหนาแน่นของกระดูกและขนาดนั้นใกล้เคียงกันมาก

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

"ปากห่าง"บุก-ราชบุรีผวาหวัดนก



นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต ปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ดูนกปากห่างจำนวนมากที่ลงมาหากิน กุ้ง หอย ปู ปลา ในนาที่กำลังไถเพื่อหว่านกล้า บริเวณทุ่งใหญ่นครบาล หมู่ 4 ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรีว่า เป็นนกปากห่างจริงที่บินมาจากจ.นครสวรรค์ สุพรรณบุรี และจ.ปทุมธานี เนื่องจากในแถบสามจังหวัดนั้นจะมีนกปากห่างที่บินหนีหนาวมาจากแถบตะวันออกประเทศจีนมาก มาหากินตามนาข้าวโดยเฉพาะที่กำลังไถหว่านอยู่ จะมีกุ้งหอยปูปลาซึ่งเป็นอาหารอย่างดีของนกปากห่างลอยขึ้นมา ตามรอยไถ ทำให้จิกกินได้อย่างสบาย แต่ในจ.ราชบุรียังไม่ค่อยมีนกปากห่างมาลง ทำให้ชาวนาเกิดความกลัวว่านกชนิดนี้จะนำโรคมาให้และมาเหยียบต้นข้าวตาย

นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บางที่ที่มีนกปากห่างมาอยู่รวมกันมากๆ แล้วถ่ายอุจาระ จะทำให้ต้นไม้ตายและมีกลิ่นเหม็นมากสร้างความรำคาญให้กับประชาชนในพื้นที่ ชาวบ้านจึงได้ไล่ โดยการจุดประทัด ยิงปืน และเคาะสิ่งของที่มีเสียงดัง รวมทั้งนำหุ่นฟางมาตั้งไว้ตามนาข้าวและต้นไม้เพื่อให้นกเกิดความกลัวและบินหนีไป ส่วนเรื่องของโรคต่างๆ ที่อาจจะมากับนกปากห่างนั้น ทางปศุสัตว์ออกทำความเข้าใจ และประชาสัมพันธ์กับชาวบ้านว่าจะต้องคอยเฝ้าระวังด้วย "นอกจากนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตั้งเครื่องจีพีเอส หรือระบบเรดาร์ที่ตัวนกปากห่างด้วย

"บรา ชาริตี้" ปันน้ำใจให้ผู้ต้องขัง

คอลัมน์ แวะชมแวะใช้



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป สานต่องาน "บรา ชาริตี้" งานการกุศลครั้งใหญ่ในโครงการ "Lingerie Salon Bra Charity ครั้งที่ 12" เชิญชวนสาวๆ ร่วมบริจาคชุดชั้นในสภาพดี และร่วมบริจาคเงินเพื่อมอบให้แก่ผู้ต้องขังหญิงในทัณฑสถานทั่วประเทศ ผ่าน "โครงการกำลังใจ" ในพระดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ระหว่างวันที่ 18 ก.พ.-11 มี.ค. ณ แผนก Lingerie Salon ดิ เอ็มโพเรียม-พารากอน ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ และเดอะมอลล์ ทุกสาขา

มาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผอ.ใหญ่อาวุโสสายบริหารสินค้า A2 บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า "โครงการ Lingerie Salon Bra Charity ในปีนี้นับเป็นปีที่ 12 ที่ทางแผนกยังคงดำเนินกิจกรรมและให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมียอดบริจาคชุดชั้นในแต่ละปีมากกว่า 50,000 ตัว แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการ ปีนี้จึงตั้งเป้าการบริจาคไว้ที่ 60,000 ตัว <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

รูปแบบกิจกรรมยังคงเน้นการรับบริจาคชุดชั้นในสภาพดีให้กับผู้ต้องขังหญิงในทัณฑสถาน หลังรับบริจาคจะคัดเลือกเพื่อทำความสะอาดก่อนส่งมอบ และบริษัทรู้สึกยินดีที่โครงการ Lingerie Salon Bra Charity ได้รับเลือกจาก "โครงการกำลังใจ" ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ไปนำเสนอแก่องค์กรสหประชาชาติ ถือเป็นกำลังใจที่กลับคืนมา ทำให้เรายังคงสานต่อโครงการดีๆ แบบนี้ต่อไป <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>

</TD></TR></TBODY></TABLE>

งานเปิดตัวโครงการ "Lingerie Salon Bra Charity ครั้งที่ 12" จัดขึ้น ณ อีเวนต์ ฮอลล์ ชั้น G เดอะมอลล์ บางกะปิ พุธที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา ปีนี้มีไฮไลต์อยู่ที่ตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) ในคอลเล็กชั่นชุดชั้นใน Limited Edition สำหรับตุ๊กตาบลายธ์ที่ถูกออกแบบโดยแบรนด์ชุดชั้นในชั้นนำ Wacoal, Sabina, Raphaela Magica, Playboy, Jockey, Elle, BSC, Kyra, Spacegal, Trance และ S@SS มีจำหน่ายเพียง 12 ตัว 12 แบบ สัญลักษณ์ของงาน Lingerie Salon Bra Charity ครั้งที่ 12

นอกจากนี้ ยังมีชุดชั้นในสำหรับตุ๊กตาบลายธ์จำหน่ายในราคาชุดละ 500 บาท รายได้จากการจำหน่ายทั้งหมดนำไปบริจาคให้ "โครงการกำลังใจ" ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เพื่อนำไปสมทบทุนในการซื้อชุดชั้นในช่วยเหลือผู้ต้องขังหญิงในทัณฑสถานต่อไป

[FONT=Tahoma,]หน้า 25[/FONT]












วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6663 ข่าวสดรายวัน


มือถือถ่ายรถคว่ำ-ตะลึงภาพติดวิญญาณ

รูปคนแก่ ชุดโบราณ นิมนต์พระ แผ่ส่วนบุญ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
แปลก- ภาพถ่ายที่นายสุชาติ เข็มทอง อายุ 35 ปี บันทึกไว้หลังประสบอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งชนร้านค้าแห่งหนึ่งกลางเมืองภูเก็ต ปรากฏมีชายสูงอายุแต่งชุดโบราณโผล่เข้ามาในเฟรม จนชาวบ้านร่ำลือกันว่าเป็นภาพวิญญาณ ต้องทำบุญกันยกใหญ่

</TD></TR></TBODY></TABLE>ฮือฮาทั่วเกาะภูเก็ต ภาพถ่ายติดวิญญาณ เผย หนุ่มช่างสักใช้มือถือถ่ายภาพเก๋งวีออสของเพื่อน เสียหลักพุ่งชนร้านอาหารพลิกหงายท้อง ตัวเองกับเพื่อนรอดตาย รุ่งเช้าหยิบโทรศัพท์มากดดูภาพถึงตะลึง มีคนแก่แต่งชุดโบราณติดมาด้วยกำลังเดินผ่านหน้ากล้อง ยันไม่ได้ตกแต่งภาพ ชาวบ้านเชื่อเป็นวิญญาณเร่ร่อนมาขอส่วนบุญเพื่อจะได้ไปผุดไปเกิด ส.ท.ภูเก็ตร่วมกับชาวบ้านนิมนต์พระสงฆ์ทำบุญอุทิศส่วนกุศลเจ้ากรรมนายเวร

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่บริเวณริมถนนหน้าบริษัทนำแสงค้าข้าว ถ.ศักดิเดช ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต นายศักย์กมล ขรรค์วิไลกุล รองประธานสภาเทศบาลตำบลวิชิต และสมาชิกสภาเทศบาลวิชิต เขต 1 และนายบรรยงค์ แซ่ขอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.วิชิต ร่วมกับชาวบ้านนิมนต์พระสงฆ์ 9 รูป จากวัดเทพนิมิต มาประกอบพิธีทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณที่เร่ร่อนและไร้ญาติตามความเชื่อ ภายหลังตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการร่ำลือถึงเรื่องภาพถ่ายวิญญาณ เมื่อมีชาวบ้านใช้มือถือบันทึกภาพรถยนต์ที่ประสบอุบัติเสียหลักพุ่งชนเข้าไปในบ้านคน แล้วภาพที่ถ่ายได้กลับมีภาพประหลาดจนโจษขานกันว่าเป็นภาพถ่ายวิญญาณ

นายศักย์กมล เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่ภาพถ่ายติดวิญญาณว่า เมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับภาพถ่ายปริศนาที่ทราบเพียงว่าเมื่อเวลา 03.30 น. ของคืนวันที่ 28 ธ.ค.2551 ที่มีอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนทะลุเข้าไปในบ้านนายศิริชัย เจ๊ะเต๊ะ อายุ 37 ปี เจ้าของร้านอาหารอิสลามอดัม เลขที่ 27/52 ถนนศักดิเดช หมู่ 1 ต.วิชิต และมีคนใช้มือถือถ่ายภาพรถเก๋งพลิกคว่ำอยู่ในร้านอาหาร แต่มีภาพแปลกประหลาดเป็นคนสวมชุดโบราณเดินผ่านรถแทรกเข้ามาด้วย

นายศักย์กมล กล่าวต่อว่า หลังสอบถามจนแน่ชัดว่ามิได้มีการใช้เทคนิคตกแต่งภาพ ยิ่งสร้างความสนใจให้กับประชาชนที่ทราบข่าวต่างส่งภาพเผยแพร่ทางมือถือจนเป็นที่ฮือฮา เมื่อสอบถามผู้รู้บางรายต่างก็เชื่อว่าเป็นภาพวิญญาณจริง ซึ่งยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด ต้องการมาขอส่วนบุญ ตนในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลในพื้นที่เกิดเหตุ เมื่อชาวบ้านพากันวิพากษ์วิจารณ์จนบางคนหวาดผวา เพราะบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ล่าสุดเมื่อเพิ่งมีเหตุรถปิกอัพชนจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเมื่อสองวันที่ผ่านมา

"หลังจากหารือร่วมกับชาวบ้านในละแวกนั้นจึงตัดสินใจนิมนต์พระมาทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำเพื่อความสบายใจของทุกฝ่ายที่เชื่อว่าเจ้าที่บริเวณนี้แรง เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เมื่อทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและเจ้าที่เจ้าทางแล้ว คงจะช่วยให้อุบัติลดลง" นายศักย์กมลกล่าว

ด้านนายศิริชัย เจ๊ะเต๊ะ เจ้าของร้านอาหารอิสลามอดัมที่เกิดเหตุ กล่าวว่า คืนเกิดเหตุยังไม่ได้ปิดร้าน มีลูกน้องนั่งอยู่ภายในร้าน ส่วนตนกำลังอาบน้ำอยู่หลังบ้าน ทันใดนั้นมีเสียงดังโครม เมื่ออกมาดูพบว่ามีรถยนต์โตโยต้าวีออส พลิกคว่ำ เสียหลักหงายท้องอยู่ภายในร้าน ทราบว่ารถคันดังกล่าวแล่นมาด้วยความเร็วจากตัวเมืองภูเก็ต มุ่งหน้าไปยังทางท่าเรือน้ำลึก เมื่อมาถึงหน้าร้านตนก็เสียหลักพุ่งชนรถรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บท-4038 ภูเก็ต ของตนที่จอดอยู่หน้าบ้านและไถลเข้าไปพลิกคว่ำอยู่ภายในร้าน แต่ตนไม่ได้สนใจอะไร ต่อมาภายหลังมีเพื่อนส่งภาพถ่ายมาให้ทางมือถือเป็นภาพเหตุการณ์ที่รถชนบ้าน แต่มีวิญญาณติดอยู่ด้วย ตอนแรกก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อนำรูปมาดูก็ขนลุกทีเดียว

ต่อมาผู้สื่อข่าวติดตามจนพบตัวผู้ถ่ายภาพ คือ นายสุชาติ เข็มทอง อายุ 35 ปี เป็นช่างสัก อยู่บ้านเลขที่ 65/76 หมู่บ้านธารทองวิลล่า ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หมู่ 1 ต.วิชิต โดยนายสุชาติกล่าวว่า ใช้มือถือยี่ห้อโนเกีย 2630 ถ่ายไว้ก่อนปีใหม่ 2-3 วัน วันนั้นตนนั่งรถไปกับเพื่อนคันที่พุ่งชนเข้าไปในร้านอาหารอิสลามอดัม เมื่อรถเสียหลักพุ่งชนเข้าไปในร้านและพลิกหงายท้อง ตนไม่เป็นอะไร คลานออกมาจากรถแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพไว้ 1 รูป โดยไม่สนใจอะไร เพราะต้องรีบนำเพื่อนซึ่งเป็นคนขับไปส่งโรงพยาบาล

"รุ่งขึ้นอีกวันผมนำมือถือมาดู ถึงกับตกใจเพราะมีภาพคนสวมชุดโบราณโผล่ขึ้นมากลางภาพ ทั้งที่ตอนถ่ายไม่มีใครเดินผ่านเลย ส่วนตัวแล้วผมไม่อยากให้มองเป็นเรื่องภูติผีวิญญาณอะไร แต่เพื่อนๆ ที่ทราบข่าวมาดูต่างก็ลงความเห็นและเชื่อว่าเป็นภาพวิญญาณ ขอให้ผมส่งภาพไปให้ทางโทร.มือถือหลายราย แต่ผมก็มานึกในแง่ดีว่าหากเป็นภาพวิญญาณจริงเขาคงมาในลักษณะช่วยเหลือพวกผม เพราะอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียหลักชนเข้าไปในร้านจนสภาพรถพังยับเยิน แต่ผมไม่เป็นอะไร เพื่อนที่เป็นคนขับก็บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น ผมขอยืนยันว่าไม่มีการตกแต่งภาพถ่ายใดๆ ทั้งสิ้น" นายสุชาติกล่าว

นายแดง เกสโร ชาวบ้าน ซึ่งมาร่วมในพิธีทำบุญ กล่าวว่า เมื่อดูภาพถ่ายแล้วเชื่อว่าเป็นภาพถ่ายวิญญาณร้อยเปอร์เซ็นต์ ภาพที่ปรากฏเป็นภาพคนอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป แต่งกายคล้ายคนโบราณ เชื่อว่าเป็นวิญญาณที่ไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ จึงมาปรากฏให้เห็นเพื่อขอส่วนบุญ ท่านจะได้ไปผุดไปเกิดเสียที ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตนเชื่อเป็นภาพถ่ายวิญญาณแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประกอบพิธีสงฆ์ มีประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมพิธีหลายร้อยคน โดยมีแขกคนสำคัญ อาทิ นายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรเทศบาลตำบลวิชิต นายสมยศ วิจักร์คณาวุฒิ รองนายกฯ นายวิเศษ สบายจิตร์ ปลัดเทศบาลตำบลวิชิต ตลอดจนพ่อค้านักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของภูเก็ตจำนวนหนึ่ง

[FONT=Tahoma,]หน้า 1
[/FONT]

 

ภูเขาไฟไคเทนในชิลีปะทุครั้งใหม่​

​

ชิลี 25 ก.พ. - ภูเขาไฟไคเทนในชิลีเกิดระเบิดอีกครั้ง เป็นครั้งที่ 3 ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง

การปะทุครั้งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เถ้าถ่านและหินร้อนพวยพุ่งตกลงมาในบริเวณเชิงเขา และมีเถ้าถ่านจำนวนมากปกคลุมบ้านเรือนประชาชนในเมืองไคเทน ขณะที่ประชาชนที่หลงเหลืออยู่ไม่มากในเมืองนี้ ได้อพยพไปยังที่ปลอดภัยจนหมดแล้ว ด้านผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว เตือนว่า การปะทุของภูเขาไฟครั้งล่าสุดนี้ อาจจะทำให้ลาวาไหลไปถึงเมืองไคเทนได้

ทั้งนี้ เมืองไคเทนต้องเผชิญกับการระเบิดของภูเขาไฟที่มีชื่อเดียวกันครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ปีก่อน ซึ่งเป็นการระเบิดครั้งแรกในรอบ 9,000 ปี. - สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:15:43

เกิดน้ำท่วม-ดินถล่มในอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิต 6 คน​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

​

จาการ์ตา 25 ก.พ. - เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียเผยวันนี้ว่า ฝนตกหนักเมื่อวานนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่ม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน

เจ้าหน้าที่เผยว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและมีผู้เสียชีวิต 4 คน ในเขตโบโจเนโกโร ของจังหวัดชวาตะวันออก ในจำนวนนั้นมีเด็กหญิงรวมอยู่ด้วย 2 คน ส่วนในจังหวัดสุลาเวสีกลางเกิดดินถล่มใส่บ้านหลังหนึ่งเมื่อค่ำวานนี้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 8 หลัง ทั้งนี้ ดินถล่มและน้ำท่วมเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินโดนีเซียในฤดูมรสุม ซึ่งรุนแรงที่สุดระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์. -สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:26:51

มีผู้เสียชีวิต 33 คน จากเหตุรถโดยสารตกแม่น้ำในอินเดีย​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

​

จัมมู 25 ก.พ. - ตำรวจอินเดียแถลงว่า รถโดยสารคันหนึ่งพุ่งตกลงไปในแม่น้ำ บริเวณแคว้นแคชเมียร์ วันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน

ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่น แถลงว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นใกล้กับหมู่บ้านปรานู ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองจัมมู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 33 คน และบาดเจ็บ 19 คน ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังปฏิบัติการช่วยเหลือ เบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ แต่ตำรวจระบุว่า รถโดยสารบรรทุกคนมากเกินพิกัด ทั้งนี้ อุบัติเหตุจราจรร้ายแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอินเดีย ส่วนใหญ่มักเกิดจากรถเก่า บรรทุกผู้โดยสารเกิน และขับขี่รถโดยประมาท .-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:19:44

เกาหลีเหนือซ้อมยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริง​

​

โซล 25 ก.พ.-เกาหลีเหนือซ้อมยิงปืนใหญ่ด้วยกระสุนจริงใกล้กับบริเวณที่เป็นกรณีพิพาทกับเกาหลีใต้เรื่องเขตแดนในทะเลเหลือง

สำนักเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีเหนือ รายงานว่า กองร้อยทหารปืนใหญ่ของเกาหลีเหนือที่ชายฝั่งด้านตะวันตกยิงกระสุนปืนใหญ่หลายสิบนัดตกที่น่านน้ำของตนเองเมื่อวานนี้ (25 ก.พ.) การซ้อมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบตามปกติในฤดูหนาว โฆษกกล่าวว่า เกาหลีเหนือได้เปิดเผยกองร้อยปืนใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยซ่อนพรางไว้อย่างดีตามแนวชายฝั่งตะวันตกให้เกาหลีใต้สังเกตเห็น

ความวิตกว่าจะเกิดปะทะกันตามแนวชายแดนเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้มีมากขึ้น ตั้งแต่เกาหลีเหนือประกาศยกเลิกข้อตกลงสันติภาพทุกอย่างกับเกาหลีใต้เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ในจำนวนนี้เป็นข้อตกลงกำหนดเขตแดนชั่วคราวทางทะเล เกาหลีเหนือยังได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าพร้อมเต็มที่ในการทำสงครามกับเกาหลีใต้.-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 11:05:57

เกิดเหตุยิงกราดในงานมาร์ดีกราส์ที่สหรัฐ เจ็บ 6 คน​

​

นิวออลีนส์ 25 ก.พ. - การแสดงขบวนพาเหรดในงานมาร์ดี กราส์อันเลื่องชื่อที่เมืองนิวออลีนส์ของสหรัฐกลายเป็นเหตุจลาจล เมื่อมีเสียงปืนกราดยิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 รายซึ่งรวมถึงทารกคนหนึ่งด้วยแต่ไม่สาหัส และผู้ต้องสงสัยสองคนถูกควบคุมตัวไว้แล้ว

เหตุยิงกราดมีขึ้นใกล้เขตการ์เด้นของเมืองนิวออลีนส์เมื่อเวลาประมาณ 13.40 น. วันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หรือประมาณเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาในไทย หลังขบวนพาเหรดใหญ่ชุดสุดท้ายสิ้นสุดลงขณะที่ขบวนรถพาเหรดนับร้อยคันเคลื่อนผ่านที่เกิดเหตุ ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า เสียงปืนดังรัวเป็นชุดเหมือนกับเสียงดอกไม้ไฟ จึงคาดว่าน่าจะมีมือปืนมากกว่าหนึ่งคน ทุกคนพากันตกตะลึงเพราะความหวาดกลัว

โฆษกตำรวจท้องที่กล่าวว่า ผู้บาดเจ็บถูกส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลใกล้เคียง และยังไม่ทราบอาการแน่ชัด แต่ทารกน้อยที่ถูกยิงเฉียดไปไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก ด้านชายสองคนอายุ 18 และ 20 ปีที่เป็นผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำโดยพบอาวุธ 3 ชนิดที่เชื่อว่าใช้ยิงในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไม่แน่ชัดว่ามือปืนต้องการยิงกราดหรือจงใจยิงใส่เหยื่อรายใด .-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 10:31:49

ข่าวภายในประเทศ

ดับยากไฟไหม้สวนปาล์มนราฯ เผาพื้นที่ 120 ไร่​

​

นราธิวาส 25 ก.พ. - นายจเรย์ อ๋องสกุล หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยถึงไฟไหม้ป่าสวนปาล์มในเขตนิคมสหกรณ์บาเจาะ หมู่ 4 บ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ตั้งแต่วานนี้ (24 ก.พ.) ว่า ล่าสุดพื้นที่เสียหายแล้ว 120 ไร่

ซึ่งเจ้าหน้าที่พยายามเร่งดับไฟอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้มีกำลังเจ้าหน้าที่จาก 4 หน่วยงาน คือ สำนักชลประทานนราธิวาส สถานีควบคุมไฟป่า อบต.โคกเคียน และนิคมสหกรณ์บาเจาะ เข้าช่วยเสริมการดับไฟ แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากชั้นใต้ดินมีเศษวัชพืชกองทับถมอยู่ในระดับความลึกตั้งแต่ 1-5 เมตร ทำให้การดับไฟเป็นไปด้วยความลำบาก สำหรับพื้นที่ป่าพรุสหกรณ์นิคมบาเจาะมีเนื้อที่ทั้งหมด 70,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอ จ.นราธิวาส คือ อ.เมือง ยี่งอ บาเจาะ และ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยเป็นพื้นที่ปลูกต้นปาล์มน้ำมัน 26,000 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะนำไปผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ตามโครงการพระราชดำริ. -สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:44:58

เหนือเตือนใช้เส้นทางผ่านหมอกขับขี่ระมัดระวัง​

​

ภูมิภาค 25 ก.พ.- ปัญหาหมอกควันไฟปกคลุมจังหวัดภาคเหนือยังไม่เบาบาง ห่วงอุบัติเหตุการจราจร เตือนผู้ใช้เส้นทางเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนเชียงใหม่ฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชื้นในอากาศ

พ.ต.ท.สุกาญจน์ นิลอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 2 กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจทางหลวงลำปาง ประกาศเตือนผู้ใช้เส้นทางบนถนนซูเปอร์ไฮเวย์จากจังหวัดลำปางมุ่งสู่จังหวัดภาคเหนือตอนบนให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากขณะนี้มีหมอกควันไฟปกคลุมหนาแน่น เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น โดยเฉพาะถนนสายลำปาง-งาว-พะเยา, สายลำปาง-เด่นชัย-แพร่, สายลำปาง-ตาก และสายลำปาง-เชียงใหม่ ควรปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ซึ่งกองบังคับการตำรวจทางหลวงลำปางตั้งด่านประชาสัมพันธ์และตรวจจับความเร็วบนเส้นทางดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาอุบัติเหตุการจราจร

ส่วน จ.เชียงใหม่ กรมควบคุมมลพิษรายงานสภาพอากาศจากหมอกควันไฟปกคลุมทั่วเมืองเชียงใหม่ ว่า บ่ายวันนี้ (25 ก.พ.) สถานีตรวจวัดบนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ วัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ 100 ไมครอนต่อลูกบาศก์เมตร และศูนย์ราชการเชียงใหม่ 105 ไมครอนต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนบริเวณโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีฝุ่นขนาดเล็กเพิ่มถึง 129 ไมครอนต่อลูกบาศก์เมตร ชาวบ้านบางรายเริ่มได้รับผลกระทบจากอาการคันผิวหนัง แสบตาและจมูก บางแห่งติดตั้งสเปรย์ฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ เช่นเดียวกับเทศบาลนครเชียงใหม่เปิดน้ำพุรอบคูเมือง เพิ่มโอโซนในอากาศ

นอกจากนี้ สาธารณสุขเชียงใหม่ย้ำเตือนประชาชนงดออกกำลังกายกลางแจ้งหรือในที่โล่ง และผู้ใช้รถใช้ถนนตามเส้นทางภูเขาให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง.-สำนักข่าวไทย

2009-02-25 15:30:34

ไข้เลือดออกภูเก็ตระบาดสูงสุดในภาคใต้ 2 เดือนแรกพบผู้ป่วยแล้ว 32 ราย​

​

ภูเก็ต 25 ก.พ.- พบผู้ป่วยไข้เลือดออกที่ จ.ภูเก็ต มากเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ สถิติปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 769 ราย เสียชีวิต 2 ราย ขณะที่ปี 2552 ผ่านมาเพียง 2 เดือน พบมีผู้ป่วยแล้ว 32 ราย ล่าสุดยังตรวจสอบพบมีลูกน้ำยุงลายมากเกินมาตรฐานในทุกพื้นที่

นพ.พงษ์สวัสดิ์ รัตนแสง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 1 ของภาคใต้ และสูงเป็นอันดับที่ 12 ของประเทศ โดยในปี 2551 มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดจำนวน 769 ราย เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งพบผู้ป่วยมากที่สุด ในตำบลกะรน กมลา ป่าตอง เกาะแก้ว และวิชิต ล่าสุด ปีนี้มีรายงานว่า พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกแล้ว 32 ราย แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม จากการสุ่มสำรวจลูกน้ำยุงลาย เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่าชุมชน โรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และมัสยิดทุกตำบลในจังหวัด มีจำนวนลูกน้ำยุงลายสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งภาชนะที่พบลูกน้ำยุงลายมากที่สุด คือ ภาชนะในห้องน้ำ จานรองกระถางต้นไม้ แจกัน และภาชนะขังน้ำที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

 

คุณเล็ก คณานันท์ ครับ

ตอนนี้เสื้อผ้าที่รับบริจาคมา จะล้นบ้านแล้วครับ พอที่จะมีโครงการดีๆ ไหมครับ

 

กราบๆๆ อนุโมทนาครับ

 

จะรีบประสานงานให้ด่วนเลยครับผม มีโครงการไปแจกสิ่งของให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารในเขตประจวบคีรีขันธ์ู ร่วมกับท่านเจ้าอาวาสวัดพุทธไชโย หัวหิน โดยเป็นงานสนองพระราชดำรัสจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีหน่วยงานทหารและตำรวจตชด.ร่วมในภาระกิจด้วย

รายละเอียด พิกัดและเวลาจะรีบแจ้งให้ทราบในพีเอ็มครับ

เท่าที่ทราบเป็นเดือนมีนาคมนี้ครับ

 

รับทราบครับ

ทางกลุ่มผมจะว่าง ช่วง เสาร์อาทิตย์ 14-15 มีนา และ 21-22 มีนา ครับ

ช่วงต้นเดือน กับสิ้นเดือน ไม่ว่างอ่ะครับ ไปแจกของที่ทุ่งใหญ่นเรศวร ครับ

ถ้าได้เวลาช่วงนั้นก็คงจะดีครับ

ถ้าเป็นพื้นที่ถิ่นทุรกันดาร ต้องการรถออฟโรดหลายคัน ผมพอที่จะหาให้ได้ ครับ

จะรอคำตอบครับผม

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระทึก! เครื่องบินตกในอัมสเตอร์ดัม ชะตากรรมผู้โดยสารนับร้อยยังคลุมเครือ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กุมภาพันธ์ 2552 19:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

เครื่องบินแตกออกเป็น 3 ท่อน


ผู้บาดเจ็บได้รับความช่วยเหลือ
​

เอเจนซี - เครื่องบินของสายการบินตุรกี พร้อมผู้โดยสาร 135 ชีวิต ประสบเหตุตกขณะที่พยายามจะร่อนลงจอดที่สนามบินสชิปฮอล นอกกรุงอัมเตอร์ดัม เมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์วันนี้(25)

ภาพรายงานข่าวจากสถาน๊โทรทัศน์ของเนเธอร์แลนด์เผยให้เห็นว่า เครื่องบินโบอิ้ง737-800 ของสายการบินเตอร์กิขแอร์ไลน์ แตกเป็น 3 ท่อน เมื่อกระแทกกับพื้นทุงหญ้าไม่ห่างจากรันเวย์ เมื่อเวลา 10.31 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 16.31 น. ตามเวลาประเทศไทย

เทเมล โคติล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินเตอร์กิชแอร์ไลน์ว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต โดยมีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง 135 คน รวมลูกเรือ 7 คน แต่ล่าสุด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของเนเธอร์แลนด์เผยว่า มีผู้เสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 50 คน โดย 25 คน มีอาการสาหัส ขณะที่ยังไม่ทราบสาเหตุของเหตุดังกล่าว

ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเผยว่า ขณะเกิดเหตุเครื่องบินจะถึงนามบินแล้ว โดยอยู่ห่างจากสนามบินเพียง 5-6 กิโลเมตรเท่านั้น

"ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็มีคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย รถพยาบาลประมาณ 30 คันเดินทางมาที่เกิดเหตุ" มุสตาฟา บาห์เซซิโอกลู กล่าว

ด้านเจ้าหน้าที่ของสนามบินกล่าวว่า เครื่องบินที่ประสบเหตุเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง737-800 เที่ยวบินทีเค 1951 จากนครอิสตันบูลของตุรกี โดยเหตการณ์ดังกล่าว ทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบิน 10 เที่ยวบิน ขณะการเดินทางของอีก 10 เที่ยวบินต้องล่าช้าออกไปด้วย

ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021870

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ถ้าเรายังไม่หยุดเพิ่มคาร์บอนสู่บรรยากาศ ส่อแววเกิดภัยพิบัติรุนแรงเกินคาด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กุมภาพันธ์ 2552 13:31 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

นักวิทยาศาสตร์ฟันธงโค้งสุดท้าย โลกจะร้อนขึ้นกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ระบุมนุษย์ยังไม่เลิกเพิ่มคาร์บอนให้ชั้นบรรยากาศ แถมปลดปล่อยออกมามากกว่าแต่ก่อน หวั่นอุณหภูมิโลกพุ่งสูงดังคาด เป็นเหตุให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงกว่าที่คิด ขนาดแค่เพิ่มยังไม่ถึง 1 องศา ก็มีมาทั้งสารพัดพายุใหญ่และคลื่นความร้อนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ ไอพีซีซี (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ได้คาดการณ์ไว้ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยเหนือพื้นผิวโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส จากในปี 2533 ด้านศูนย์ข้อมูลสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Climatic Data Center) รายงานว่าตั้งแต่ปี 2533 อุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้วราว 0.12 องศาเซลเซียส

เอพีระบุว่า จากรายงานผลการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้ของโจเอล บี สมิธ (Joel B. Smith) และคณะ จากบริษัท สเตรตัส คอนซัลติง (Stratus Consulting Inc.) มลรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา พบว่า นับตั้งแต่ปี 2533 อุณหภูมิเฉลี่ยเริ่มสูงขึ้น แม้ยังไม่ถึง 1 องศาเซลเซียส แต่ก็ทำให้เกิดผลกระทบด้านลบมาแล้วนับไม่ถ้วน เกิดภัยแล้ง คลื่นความร้อน และอุทกภัยที่รุนแรงมากขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก

อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่ากิจกรรมของมนุษย์จะมีส่วนทำให้เกิดคลื่นความร้อน พายุฝน, หิมะ และลูกเห็น และพายุไซโคลนในเขตร้อน ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในอนาคต เช่น เหตุการณ์คลื่นความร้อนที่เกิดในปี 2546 และคร่าชีวิตประชากรไปหลายหมื่นคนนั้น อาจขึ้นได้อีกและรุนแรงมากกว่า จากการที่ก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศมีความเข้มข้นสูงขึ้น

ด้านคริสโตเฟอร์ ฟิลด์ (Christopher Field) นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์คาเนกี (Carnegie Institution for Science) กล่าวในที่ประชุมประจำปีของสมาคมวิทยาศาสตร์ขั้นสูงแห่งสหรัฐฯ (American Association for the Advancement of Science) ว่าทุกวันนี้มนุษย์ก็ยังเพิ่มคาร์บอนให้ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าในช่วงปี 2533-2543 เสียด้วย

ฟิลด์ ให้ข้อมูลว่า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ส่วนใหญ่ในชั้นบรรยากาศมาจากอุตสาหกรรมและกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิเหนือพื้นผิวโลกเพิ่มสูงขึ้น และทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ

ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น 3.5% ต่อปี ขณะที่ก่อนหน้านั้นย้อนกลับไป 10 ปี มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ต่อปี

นอกจากนั้น ยังพบหลักฐานว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบกับประชากรเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มประชากรที่มีฐานะยากจน และกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งในประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาแล้ว

นักวิทยาศาสตร์ยังได้รายงานถึงตัวอย่างเหตุการณ์ พายุเฮอร์ริเคนแคทรินาในสหรัฐฯ เมื่อปี 2548 และคลื่นความร้อนในยุโรปเมื่อปี 2546 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของภัยธรรมชาติ ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่ยังเปลี่ยนไปไม่มาก เท่ากับที่เราคาดการณ์กันเอาไว้

ฉะนั้นก็เป็นไปได้มากทีเดียวว่าสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้นั้น อาจส่งผลกระทบรุนแรงกว่าที่เราคาดคิดไว้มาก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ต่างก็คิดกันว่าโลกไม่ควรจะร้อนขึ้นจนถึงขีดที่ไอพีซีซีคาดการณ์ไว้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็คงเกิดผลเลวร้ายต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างที่ไม่อยากจะคาดคิด

ที่มา http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9520000021345

 

4 อัศวินแห่งวันโลกาวินาศ
(THE FOUR HORSEMEN OF THE APOCALYPSE) ​

​

สงครามขั้นแตกหัก ARMAGEDDON หรือ APOCALYPSE หรือ JIHAD น่าจะเป็นการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 การทำลายล้างจะทำให้เกิดการสูญเสียของชีวิตมนุษย์ ไปถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 2,000 ล้านคน ตามบันทึกมีการพูดถึง ดวงตราทั้ง 7 หรือ THE SEVEN SEALS

เมื่อมีการเปิดผนึกดวงตราทั้ง 7 จะมีการปรากฎตัวของบุรุษลึกลับ 4 คน ขี่ม้า 4 ตัวที่มีลักษณะเหมือนสัตว์ประหลาด มีเสียงร้องอันดังดุจสายฟ้าร้อง หรือที่เรียกกันว่า THE FOUR HORSEMEN OF THE APOCALYPSE หรือ 4 อัศวินแห่งวันโลกาวินาศ เหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้น ประกอบด้วย 3 สิ่งใหญ่ๆ คือ ดวงตราทั้ง 7 การเป่าแตรทั้ง 7 และการเทขันแห่งพระพิโรธทั้ง 7

เมื่อตราดวงแรกถูกเปิดออก จะมีคนลึกลับขี่ม้าขาวออกมา ในมือถือคันธนู ทำให้โลกเกิดความทุกข์ยากไป 3 ปีครึ่ง และ SATAN ที่มีเครื่องหมาย 666 ก็จะเข้าครอบงำโลกมนุษย์อีก 3 ปีครึ่ง หลังจากนั้นจะเกิดสงครามมหาประลัย พระมาซีอา พระมะห์ดีร์ หรือพระศรีอาริยเมตไตรยก็จะเสด็จมา ทรงทำให้โลกเข้าสู่ยุคแผ่นดินโลกใหม่ ยุคของชาววิไล

เมื่อดวงตราที่ 2 ถูกเปิดผนึก จะมีคนลึกลับขี่ม้าสีแดงออกมา ในมือถือดาบเล่มใหญ่ คนๆนี้จะทำให้โลกเข้าสู่สงครามอันน่าสะพรึงกลัว มีคนล้มตายถึง 1 ใน 3 ของประชากรโลก

เมื่อดวงตราที่ 3 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่มาสีดำออกมา ในมือถือตราชู ทั่วโลกจะเกิดความกันดาร อดอยาก และกลียุค เขาจะมาในคราบของนักบุญที่นำสันติสุขมาสู่โลก แต่กลับนำพาผู้คนเข้าสู่สงครามมหาประลัย

เมื่อดวงตราที่ 4 ถูกเปิดผนึก คนลึกลับขี่ม้าสีเขียวอมดำ ออกมา คนๆนี้ถือเป็นมัจจุราช มาคร่าชีวิตผู้คนด้วยโรคระบาด ความอดอยาก ทำให้ผู้คนล้มตายไปอีก 1 ใน 4 ของที่เหลือ

เมื่อดวงตราที่ 5 ถูกเปิดผนึก วิญญาณของผู้ที่ล้มตายมากมาย จะได้รับเสื้อสีขาวที่พระเจ้าทรงประทานให้ และรับสั่งให้พวกเขาทนรอเพื่อให้ดวงวิญญาณที่ต้องล้มตายครบตามจำนวน

เมื่อดวงตราที่ 6 ถูกเปิดผนึก จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง กลางวันกลับมืดมิด กลางคืนดวงจันทร์ทอแสงเป็นสีเลือด ทุกคนจะรู้ดีว่าวันที่พระเจ้าทรงพิโรธ ได้มาถึงแล้ว วิญญาณที่ได้รับเสื้อขาว จะถูกนำตัวไปยังน้ำพุแห่งชีวิต พวกเขาจะไม่หิวกระหายอีกต่อไป ไม่เจ็บป่วยอีกต่อไป

เมื่อดวงตราที่ 7 ถูกเปิดผนึก ความเงียบเข้าครอบคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่งโมง เทวทูตทั้ง 7 องค์ ได้รับแตร 7 อัน มีอยู่หนึ่งองค์ที่ถือกระถางไฟทองคำมาด้วย และเตรียมที่จะโยนมันลงมายังโลก เพื่อเผาผลาญคนชั่วให้สิ้นซาก

ที่มา http://www.zheza.com/index.php?a=blog&b=entry&uid=831543&eid=12

เศรษฐกิจกับยุคสุดท้าย ​

​

ด้วยราคาอาหารที่แพงขึ้น และภาวะไร้งานทำ กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก แต่ฝันร้ายกลับเกิดขึ้นซ้ำๆ ในแถบแอฟริกาตะวันตก ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ประสบกับภาวะยากจน ขาดแคลนมากที่สุดในโลก คาดการณ์ได้ว่าขณะนี้กว่า 37 ประเทศทั่วโลก กำลังเจอปัญหาขาดแคลนอาหารรุนแรง และมีจำนวนผู้คนที่ล้มตายเพราะอดตายวันละ 25,000 คน

ความน่ากลัวที่เรา มนุษย์ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่วิกฤตอาหารเท่านั้น แต่ด้วยความแปรปรวนของภูมิอากาศโลก ภาวะโลกร้อน ภัยแล้งรุนแรงที่ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ หรืออุทกภัยที่แอฟริกาตะวันตก หรือภัยหนาวสุดๆ ในจีน และอุณหภูมิร้อนที่พุ่งทะลุปรอท ที่ต้องบันทึกไว้ในยุโรปเหนือ คงเป็นปรากฏการณ์อ้างอิงได้อย่างเป็นรูปธรรม และชัดเจนขึ้นว่า โลกเรากำลังตกอยู่ในสภาวะที่ไม่แน่นอน และน่ากลัวเพียงใด แน่นอนว่าจากปัญหาความเปลี่ยนแปลงนี้ได้กระทบต่อการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยวผลผลิตของพืชผัก ผลไม้ หรืออาหารต่างๆ ได้น้อยลงด้วย

 

เยอรมนีทุ่ม 400 ล้านบาท ร่วมมือไทยปกป้องภูมิอากาศโลก




(จากซ้าย) ฯพณฯ ดร.ฮันส์ ไฮน์ริช ชูมัคเคอร์, นายไมเคิล มึลเลอร์ และนายจริย์วัฒน์ สันตะบุตร ร่วมแถลงข่าว กรอบความร่วมมือไทย-เยอรมัน เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 52 ที่โรงแรมแลนด์มาร์ค
​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เยอรมันเล็งเห็นศักยภาพไทย จับมือกันผุด 6 โครงการ เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในประเทศ ทั้งด้านพลังงาน อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว หวังเพิ่มศักยภาพ ให้ไทยช่วยโลกแก้วิกฤติโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมก้าวเป็นผู้นำภูมิภาคต่อสู้โลกร้อน มุ่งพัฒนาทั้งความรู้ เทคโนโลยี และบุคลากร

ฯพณฯ ดร.ฮันส์ ไฮน์ริช ชูมัคเคอร์ เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย พร้อมด้วยนายไมเคิล มึลเลอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม คุ้มครองธรรมชาติ และความปลอดภัยทางปรมาณูแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และ นายจริย์วัฒน์ สันตะบุตร รองปลัดกระทรางการต่างประเทศ ร่วมกันแถลงข่าว กรอบความร่วมมือไทย-เยอรมัน เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ เมื่อวันพุธที่ 25 ก.พ.52 ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลของสองประเทศในการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยมีเยอรมนีเป็นต้นแบบ โดยมีสื่อมวลชนทั้งของไทยและต่างชาติร่วมงานมากมายรวมทั้งทีมข่าว "วิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์"

ดร.ชูมัคเคอร์ กล่าวว่าการปกป้องสภาพอากาศ เป็นประเด็นท้าทายระดับนานาชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และจากประชาสังคมในการทำให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งเยอรมนีได้ริเริ่มโครงการด้านพลังงานทดแทน และแผนงานการป้องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มาแล้วหลายปี

อีกทั้งจากการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เยอรมนีมีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับนำมาสนับสนุนโครงการ เพื่อการปกป้องสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งเยอรมนีมีความร่วมมือกับไทยมายาวนาน และในส่วนความร่วมมือกับครั้งนี้ เยอรมนีจะให้การสนับสนุนไทยในการปกป้องสภาพภูมิกาศ เช่น การใช้พลังงานทดแทน การปรับปรุงคุณภาพสิ่งแวดล้อมของธุรกิจขนาดกลางและเล็ก เป็นต้น

ด้านนายมึลเลอร์ กล่าวว่า รายงานการประเมินสถานการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับที่ 4 ของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) ที่เผยแพร่เมื่อปี 2550 ได้จุดประกายให้นานาประเทศเห็นความสำคัญของปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

ทั้งนี้ จากที่คาดการณ์ไว้ว่าก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศทั่วโลกเพิ่มขึ้นราว 2% แต่ในความเป็นจริงเพิ่มขึ้นถึง 4% และระดับน้ำทะเลเฉลี่ยสูงขึ้น 90 เซนติเมตร จากที่คาดไว้ว่าน่าจะสูงขึ้นเพียง 58 เซนติเมตร แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ของสภาพภูมิอากาศกำลังเข้าขั้นวิกฤติ และต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

"การหาวิธีปกป้องสภาพแวดล้อม จะต้องมีการปฏิรูปเทคโนโลยี ซึ่งต้องใช้เงินทุนเป็นจำนวนมาก แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายมากยิ่งกว่าที่ผ่านมา และหากประเทศใดริเริ่มขึ้นก่อน ก็จะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามมาด้วย" นายมึลเลอร์กล่าว

ส่วนของเยอรมนีนั้นได้ลงทุนในโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหลายโครงการทั่วโลกไปด้วยงบประมาณหลายล้านยูโร เพื่อสร้างความร่วมมือให้สามารถรักษาระบบของสภาพภูมิอากาศไว้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งทำให้ปัจจุบันเยอรมนีมีส่วนแบ่งในอุตสาหกรรมด้านสิ่งแวดล้อมของตลาดโลกอยู่ราว 17%

การร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศในครั้งนี้ เยอรมนีจะช่วยเหลือประเทศไทยโดยการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี เช่น พลังงานทดแทน การจัดการของเสีย การจัดการสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างและบุคลากร โดยเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพและสามารถเป็นผู้นำการปกป้องสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาคนี้ได้ โดยกรอบความร่วมมือนี้ครอบคลุม 6 โครงการ ได้แก่

1. โครงการนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศระดับสากล
2. โครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
3. โครงการปกป้องสภาพภูมิอากาศในภาคการท่องเที่ยว
4. โครงการการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนเพื่อใช้เป็นพลังงานชีวภาพ
5. โครงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในพื้นที่เกาะคอเขา จ.พังงา
6. โครงการผลิตไฟฟ้าความร้อนร่วมจากพลังงานแสงอาทิตย์และเชื้อเพลิงชีวมวล

ทั้งนี้ 4 โครงการแรกรัฐบาลเยอรมนี มอบหมายให้สำนักงานความร่วมมือทางวิชาการของเยอรมัน หรือ จีทีแซด (GTZ) เป็นผู้ดำเนินงาน ส่วนโครงการที่ 5 และ 6 มอบหมายให้องค์การการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) และ บริษัท โซลาร์ไลท์ จำกัด ประเทศเยอรมนี ตามลำดับ โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และอีกหลายหน่วยงานของไทย ร่วมดำเนินการในโครงการต่างๆ และมีระยะเวลาของความร่วมมือระหว่างปี 2552-2554 ด้วยงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเงินทุนสนับสนุนหลักมาจากเงินรายได้จากการขายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเยอรมนี

นายจริย์วัฒน์ กล่าวว่า สภาพสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย กำลังได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับที่อื่น ซึ่งความเสียหายทางด้านสิ่งแวดล้อมนั้นเมื่อเกิดขึ้นในที่ใดที่หนึ่ง ก็จะเชื่อมโยงไปถึงที่อื่นด้วย ฉะนั้นเราจึงต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง

สำหรับประเทศไทยก็มีแผนนโยบายและยุทธศาสตร์ทางด้านสิ่งแวดล้อมเช่นกัน และเล็งเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องแก้ไข ประกอบกับที่เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และการร่วมมือกับเยอรมนีในครั้งนี้ จะทำให้ไทยได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ พัฒนาเทคโนโลยี รวมทั้งพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะช่วยให้เรามีสมรรถภาพในการช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกได้



http://www.manager.co.th/Science/Vie...=9520000021876




</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ดร. กัญจีราเคยพูดไว้ ว่าจะมีอุบัติเหตุทางเครื่องบินเพิ่มขึ้น เพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็กโลก ไม่ทราบเกี่ยวข้องกันหรือไม่ พักนี้เครื่องบินเกิดอุบัติเหตุต่างๆ บ่อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วมาก

เพื่อพิจารณาค่ะ โปรดใช้วิจารณญาน