หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ..สมเด็จเกษไชโย พระเครื่องอ่างทอง หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ วัดเงินบางพรหม

**พระสมเด็จปลวก วัดศาลาดิน เนื้อผง วัดสร้างปี 2527* เป็นรุ่นเก่าๆของวัดครับ
///// 600 บาท




...................ปิดรายการครับ............................

 

ขอปิดองค์นี้อีกองค์ วันศุกร์จะโอนเงินและแจ้งที่อยู่ให้ทราบครับ

 

*พระรูปเหมือน หลวงพ่อทรง หล่อฉีดโรงเรียนวัดศาลาดินสร้างถวาย*(นิยม) ผิวรมดำ สวยครับ สร้างน้อย




..... 750 บาท



...................ปิดรายการครับ...................

 

**พระขุนแผน หลวงพ่อทรง**
(คณะศิษย์ระยองสร้างถวาย)




..... 450 บาท (องค์ที่ 2)



............ปิดรายการครับ................

 

**พระแหวกม่าน หลวงพ่อทรง**

สภาพพอสวย (ของวัด)....... 500 บาท




................ปิดรายการครับ.............

 

หลวงพ่อกร่าย

นี่คือสรีระศพ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อกร่ายแห่ง วัดโพธิ์ศรี อ.วิเศษฯ จ.อ่างทอง พระผู้มีอภินิหาร และวาจาสิทธิ์ ท่านได้รับการอุปสมบทจาก พระอุปัชฌาย์ภักตร์ แห่งวัดโบสถ์ พระเกจิอาจารย์อันดับหนึ่งแห่งเมืองอ่างทองเจ้าของเหรียญหลักแสนทีผู้คนต่างแสวงหา หลวงพ่อกร่าย ท่านเป็นที่เคารพของศิษยานุศิษย์ ทั่วไปในจังหวัดอ่างทอง วัตถุมงคลของท่านสร้างชื่อเสียงให้กับท่านเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านแคล้วคลาด คงกระพัน เมตตามหานิยม กันไฟ และปัดลมฝน เป็นทีประจักษ์แก่สายตาผู้คนในย่านวิเศษชัยชาญมานาน ทำให้หลวงพ่อเป็นที่รักและศรัทธาแก่ผู้คนเป็นอย่ามาก จนวัตถุมงคลเป็นที่เล่นหากันโดยทั่วไปใน อ.วิเศษฯ หลวงพ่อท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยและปฎิบัติดีปฎิบัติชอบมาโดยตลอด จวบจนกระทั่งท่านละสังขารก็ยังเป็นที่อัศจรรย์ โดยร่างกายของท่านไม่เน่าเปื่อย เพียงแต่แห้งลงไปเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุเกินวิสัยของธรรมชาติอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเป็นข้อพิสูตรได้อย่างดีว่าท่านเป็นผู้อยู่เหนือโลกโดยแท้

 

ประวัติหลวงพ่อกร่ายแบบเต็ม

พระครูญาณวุฒิกร หรือหลวงพ่อกร่าย ญาณวโร ท่านเกิดเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2446 โดยมีนายทรัพย์
นางแล่ม แจ่มอัมพร เป็นบิดา-มารดา ท่านเกิดที่ใกล้วัดน้อยชมพู่ อำเภอศรีประจันทร์ จังหวัดสุพรรณบุรี
เมื่อท่านอายุครบ 22 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดโบสถ์ ตำบลอบทม อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2468 โดยมีหลวงพ่อภักตร์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการฟุ้ง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาว่า ญาณวโรหลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่กับ หลวงพ่อบุญ วัดสี่ร้อย ซึ่งหลวงพ่อบุญ ท่านนี้คือศิษย์ของหลวงพ่อปั้น วัดพิกุลโสกันธ์ รุ่นราวคราวเดียวกันกับ หลวงพ่อปานวัดบางนมโค ครับผมจนกระทั่งในปี 2475 วัดโพธิ์ศรี ว่างเจ้าอาวาสลง ประชาชนชาวบ้านพงสีจึงได้พร้อมใจกันไปหาพระปลัดบุญ วัดสี่ร้อย เพื่อให้ท่านเลือกพระดีไปเป็นเจ้าอาวาสให้ ท่านพระปลัดบุญจึงมอบหมายให้หลวงพ่อกร่าย ซึ่งในขณะนั้นมีพรรษา ได้ 7 พรรษาให้ไปเป็นเจ้าอาวาส
หลวงพ่อกร่ายท่านเป็นที่พึ่งให้แก่ชาวบ้านพงสี ทั้งทางด้านคาถาอาคม และทางด้านการพัฒนาชุมชน เดิมย่านบ้านพงสีเป็นพื้นที่ซึ่งห่างไกลความเจริญ หลวงพ่อท่านตระหนักถึงผลเสียดังกล่าว ท่านจึงได้ติดต่อประสานงานกับหน่อยงานของรัฐ เพื่อทำการถมลูกรังทำถนนคันคลองชลประทาน รวมถึงปักเสาไฟฟ้าเพื่อนำไฟฟ้าเข้าสู่วัดและชุมชน นอกเหนือไปจากนั้น ท่านยังได้ติดต่อประสานเพื่อจัดตั้ง โรงเรียนวัดโพธิ์ศรี(ประชารังสรรค์) ขึ้นอีกด้วย ในปี 2481 อันนำประโยชน์มาสู่ลูกหลานบ้านโพธิ์ศรีเป็นอย่างมากหลวงพ่อกร่ายปากพระร่วง เป็นสมญาที่ชาวบ้านพงสี และคลองขนาก เรียกท่านซึ่งเป็นผลอันเนื่องมาจากประสบการณ์หลายต่อ หลายครั้งที่ชาวบ้านแถบนั้นได้พบเจอกัน นอกหนือไปจากนั้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อ โดยเฉพาะอย่างเหรียญรุ่นแรกผู้ที่ได้นำไปบูชาติดตัว ต่างก็พบเจอกับประสบการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านคงกระพัน ซึ่งปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆเมื่อหลวงพ่อกร่ายอายุได้ประมาณ 70 ปี ท่านก็เริ่มมีอาการของโรคเบาหวาน ซึ่งต่อมาก็ได้กลายมาเป็นโรคประจำตัวของท่าน นับเป็นสิบปี ที่ท่านต้องเข้ารับการรักษา จนกระทั่งในปลายปี 2529 อาการของโรคก็ได้กำเริบขึ้น บรรดาศิษย์ต่างก็พาท่านไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ จนครั้งสุดท้ายท่านเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเวชศา สตร์เขตร้อน แต่ด้วยความชราภาพและโรคแทรกซ้อนที่รุมเร้ากันเข้ามา สุดความสามารถของแพทย์ ในที่สุด เมื่อเวลา 17.39 น. ของวันที่ 24 ก.ย. 2530 หลวงพ่อกร่าย ท่านก็ละสังขาร รวมอายุได้ 84 ปี 7 เดือน 19 วันก่อนการพระราชทานเพลิงศพ หลวงพ่อ ได้มีการเปิดโลงขึ้นมาเพื่อเตรียมการดังกล่าว ปรากฏกว่าศพของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อยเพียงแต่เหี่ยวแห ้งลงไปเท่านั้น แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่ทางวัดมิได้เก็บสังขารท่าน เอาไว้ และได้ขอพระราชทานเพลิงศพท่านไปเมื่อ วันที่ 11 เม.ษ. 2536 ที่ผ่านมา

ในภาพเป็นพระยอดธงที่สร้างขึ้นจากทองเหลืองที่เหลือจากการหล่อรูปเหมือนแล้วไม่หลอมละลายจนเบ้าหลอมแตกร้าวครับผม เนื่องจากหลวงพ่อท่านลงนะบังไฟ โมอุดปากกระบอกปืนไว้ในแท่งทองเหลืองก่อนการนำมาหลอม ครับ จัดได้ว่าเป็นของดีของหลวงพ่ออีกอย่างหนึ่งที่หาได้ไ ม่ง่ายนัก<!-- / message --><!-- attachments -->

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=597 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=5>

​

ขั้นรายการหน่อยครับได้ไม่เหงา​

เกจิผู้เรืองเวทย์ในดินแดนอำเภอสามโก้่
​

หลวงพ่อพักตร์ จนฺทสุวณฺโณ​

</TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD height=34> </TD><TD>

​

</TD><TD vAlign=top colSpan=5>

วัดโบสถ์ ตำบลสามโก้ อำเภอสามโก้ จังหวัดอ่างทอง​

</TD><TD> </TD><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=9 height=1058>หลวงพ่อพักตร์ จนฺทสุวณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ท่านเป็นพระคณาจารย์ดัง เป็นที่รู้จักกัน
แพร่หลายทั้งในอดีตและปัจจุบัน เปรียบเสมือนเพชรน้ำเอกอีกเม็ดหนึ่ง
ของชาวจังหวัดอ่างทอง วัตถุมงคลของท่านไม่ว่าจะเป็นเขี้ยวเสือแกะ สิงห์งาแกะ
ตะโพนงาแกะ ตะกรุดโทนเบี้ยแก้ผ้ายันต์แดงเหรียญรูปเหมือนพิมพ์เสมาหลังยันต์
ล้วนเป็นที่เสาะแสวงหาของบรรดาลูกศิษย์และบุคคลเลื่อมใสศรัทธาโดยทั่วไป
ท่านเกิดเมื่อปีพ.ศ.2425 ตรงกับวันอังคารเดือน11 ปีมะเมีย ณ หมู่บ้านท่ามะขาม
ตำบลดอนปรูุ อำเภอวิเศษชัยชาญ(ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีประจันต์) บิดาชื่อถมยา
เป็นชาวบ้านอบทม มารดาชื่อพุก เป็นชาวปทุมธานี มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน
ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 เมื่อย่างเข้าวัยหนุ่ม่บิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับหลวงปู่เถื่อนเจ้าอาวาส
วัดหลวง อ่างทอง เพื่อเรียนหนังสือกระทั่งปีพ.ศ.2445อายุครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบท
ณ พัทธสีมาวัดอ้อย โดยมีหลวงปู่เถื่อนวัดหลวงเป็นอุปัชฌาย์
เมื่ออุปสมบทแล้วได้ติดตามพระพี่ชายคือท่านเจ้าคุณรัตนมุนี ไปจำพรรษาที่วัดหงษ์
ฝั่งธนบุรีเพื่อศึกษาทางคันธุระและวิปัสสนาธุระ อยู่ในสำนักพระอาจาร์อูฐ เพียง 6 พรรษา
ท่านก็มีความชำนาญเป็นอย่างดีกระทั่งถึงปีพ.ศ.2454 หลวงปู่เนตร เจ้าอาวาสวัดโบสถ์
ได้มรณภาพ่ลงชาวบ้านจึงมานิมนต์ให้ท่านกลับไปจำพรรษา ณ วัดโบสถ์ปี พ.ศ.2455
ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโบสถ์อย่างเป็นทางการ
การศึกษาพระเวทย์วิทยาคมนั้น เริ่มแรกท่านได้ศึกษาาจากอาจารย์วาดหรือครูวาต
ซึ่งเป็นคฤหัสถ์และเป็นลูกผู้พี่ของท่านเอง โดยพื้นเพของครูวาตเป็นชาวบ้านท่ามะขาม
อดีตเคยเป็นมหาโจรอยู่แถวชานเมืองอ่างทองและสุพรรณบุรีเมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยชรา
จึงได้เลิกลาจากการเป็นโจรสรรพวิชาต่างๆ ที่ได้เรียนมาท่านถ่ายทอดให้หลวงพ่อภักตร์
ทั้งหมดเช่น วิชาการทำเบี้ยแก ้ทำตะกรุดโทน ทำผ้ายันต์แดง เป็นต้น
อาจารย์คนต่อมาคือครูบุญ วิชาที่ได้รับการถ่ายทอดมา ได้แก่วิชาการปลุกเสกเขี้ยวเสือแกะ
งาช้างแกะ เป็นวัตถุมงคลชนิดต่างๆ
หลวงพ่อพักตร์ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2461เป็นเจ้าคณะตำบล
พ.ศ.2462 และได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2485 ตรงกับปีจอ
รวมสิริอายุได ้60 ปี40 พรรษา
กล่าวกันว่ากรรมวิธีการทำเบี้ยแก้ของหลวงพ่อภักตร์นั้น ท่านจะนำเบี้ย ใส่พานทองเหลือง
แล้วนำปรอทใส่ขวดเล็กๆตั้งอยู่อีกพานหนึ่งวางคู่กันใช้หญ้าคาแห้งทำเป็นสะพาน
ต่อจากขวดปรอทถึงตัวเบี้ยท่านจะนั่งบริกรรมคาถาจนปรอทที่อยู่ในขวดวิ่งออกจากขวด
ไปตามสะพานหญ้าคาลงสู่ตัวเบี้ยจนเต็ม เมื่อปรอทลงสู่ตัวเบี้ยจนเต็มแล้ว
ท่านจะนำตะกรุดดอกเล็กๆ(เนื้อตะกั่ว)ที่ทำเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วทุบแบนๆแปะที่ท้องเบี้
ภายหลังที่อุดทับด้วยชันโรงลงไปชั้นหนึ่งแล้ว เมื่อรวบรวมเบี้ยแก้ได้จำนวนหนึ่ง
แล้วท่านจะให้ลุงประเสริฐ มาลัยนาค เป็นผู้ถักเชือกหุ้มเบี้ยแก้(ในกรณีที่มีการถักเชือกหุ้ม)
้ซึ่งในขณะถักเชือกหุ้มนั้นจะต้องมีการบริกรรมคาถากำกับลงไปอีกด้วย หลังจากถักเชือกเสร็จ
ท่านจะทำการปลุกเสกซ้ำอีกครั้งหนึ่งก่อนนำออกแจกจ่ายให้แก่ลูกศิษย์ลูกหา
ลักษณะเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์
เบี้ยที่นำมาทำเบี้ยแก้ของท่านนั้นจะเป็นเบี้ยจั่น ตัวผู้จุดสังเกตก็คือด้านหลังเบี้ย
จะปรากฏลายเป็นจุดๆมีสีเหลืองฉ่ำแต่ไม่ถึงกับสดตามธรรมชาติความเก่าของเบี้ยตามปกติ
แล้วค่อนข้างจะมีีความหนา น้ำหนักของปรอทที่บรรจุภายในเบี้ย น้ำปรอทจะรวมตัวกัน
เป็นก้อนเวลาเขย่าจะวิ่งไปมามีน้ำหนักถ่วงมือแต่บางครั้งเบี้ยบางตัวบรรจุปรอทเต็ม
เวลาเขย่าก็จะไม่เกิดเสียงดัง
เบี้ยแก้ของท่านนั้นปกติจะพบทั้งประเภทเบี้ยเปลีอยเบี้ยที่มีการถักเชือกส่วนเบี้ย
ที่มีการเลี่ยมหุ้มด้วยเงินหรือโลหะชนิดอื่นๆก็พบบ้างแต่ก็มีจำนวนน้อยนอกเสียจากผู้ที่ได้รับ
แล้วนำไปเลี่ยมไว้ใช้เอง
การถักเชือกการถักเชือกจะถักเปิดหลังให้เห็นลายของเบี้ยลายถักที่พบมากที่สุดจะเป็นลาย
กระสอบถักวนเป็นเส้นแนวรูปไข่ตามเบี้ยเมื่อถึงส่วนของท้องเบี้ยจะถักขึ้นเป็นห่วงสองห่วง
ลายห่วงจะกลม(แตกต่างจากของหลวงปู่รอด วัดนายโรงที่การถักห่วงจะถักฐานกว้างไม่กลม)
มีทั้งหมดสองห่วงหากว่าถ้าเป็นห่วงเดี่ยวจะถักอยู่ด้านบนก็มีส่วนแบบพิเศษที่ทำตะกรุด
เป็นแกนร้อยเชือกคาดเอวก็มีส่วนการลงรักนั้นส่วนใหญ่แล้วที่มีการถักเชือกจะมีการลงรัก
มีเป็นส่วนน้อยที่ไม่มีการลงรัก
เรื่องของขนาดทั่วไปแล้วมีขนาดเดียวกันกับหลวงปู่รอด วัดนายโรง,หลวงปู่บุญ
วัดกลางบางแก้วนานครั้งจะพบเห็นเบี้ยขนาดเล็กเพราะหากตัวเล็กส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเบี้ย
ของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำและหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน
พุทธคุณในเบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์วัดโบสถ์มีครบทุกด้านโดยเฉพาะการป้องกันคุณไสย์
ยาสั่งแก้เหตุร้ายๆให้กลายเป็นดีเป็นต้น</SPAN>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

1.ภาพนี้เป็นเหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อภักวัดโบส สภาพนี้ แสนกว่าครับ ประสบการณ์เกินราคาครับ
2.ภาพต่อไปเป็นเบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์แบบถักเชือกแบบนี้จะแพงกว่าเบี้ยเปลือยมาก สภาพนี้ราคา ประมาณหลักหมื่นกลาง ๆ

 

*รูปเหมือนหลวงพ่อทรงหล่อฉีด*
*สังฆาฎิตอก 1 *วัดสร้างครั้งที่สอง ประมาณปี 2525 - 2530 (เป็นรุปหล่อยุคแรกๆ ของหลวงพ่อ) เหลือองค์เดียวแล้วครับ
............ 700 บาท


..................ปิดรายการครับ...................

 

จองด้วยนะครับ

 

*เหรียญพุทธซ้อนหลวงพ่อทรง *
วัดศาลาดิน กะไหล่ทอง*

(ของวัด)




...ราคา 350 บาท



.............ปิดรายการครับ................
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ขอ ครับ

สาธุ

 

*พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน*
วัดสร้างครับ พระผงส่วนใหญ่ของวัดผ่านมือหลวงพ่อหลายขั้นตอนครับ พิเศษหลังฝังเม็ดมะกล่ำหนึ่งเม็ดเหลือ 1 องค์ครับทำน้อยนะครับพุทธคุณหลวงพ่อท่านบอกว่าทางแคล้วคลาดดีครับ

............ 750 บาท




............ปิดรายการครับ...........

 

*พระผงรูปเหมือน หลวงพ่อทรง*

พระหนามากยุคแรกๆครับ เหลือน้อยครับ




....... 750 บาท






..............ปิดรายการครับ............

 

จองด้วยครับ

 

จองด้วยครับ

 

ขั้นรายการครับ

**เหรียญหลวงพ่อผาด วัดไร่ รุ่นแรก ปี 2519 ** ตอนนี้ยังไม่แพงครับ



.... 600 บาท




...........ปิดรายการครับ...........

 

**พระแหวกม่าน หลวงพ่อทรง**

วัดสร้างครับ


...... 500 บาท





..............ปิดรายการครับ..............

 

**พระแหวกม่าน หลวงพ่อทรง** วัดสร้างเอง



..... 500 บาท (2)





..............ปิดรายการครับ.....................

 

สุดท้าย ล่าสุดครับมีองค์เดียวครับ

*รูปเหมือน 5 นิ้วบูชา *

หลวงพ่อทรง รุ่นสุดท้ายหลวงพ่อสั่งหล่อเองครับ **(อุดเกศาหลวงพ่อ)
โทรถามครับ .. 083 - 6139417






..... ...ปิดรายการครับ....