เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    นึกถึงคำกล่าวของ อ.อนาลัย ที่พูดไว้ในหนังสือนะครับ ที่ว่า
    จิตวิญญาณต่างร่างร่วมวัตถุประสงค์ มักฝันถึงกันเสมอๆ

    คุณจินตวดีได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีแล้วครับ
    ส่วนรุ่นน้องคุณจินตวดีก็ได้เลือกเส้นทางในการเรียนรู้ของเขา ซึ่งเราในฐานะจิตวิญญาณต่างร่างร่วมวัตถุประสงค์ ย่อมเคารพการตัดสินใจในการเรียนรู้ถึงคุณค่าในเรื่องนั้นๆ เพื่อความเจริญเติบโตทางด้านจิตวิญญาณเช่นกัน

    หลังจากที่คุณ falkman ได้ฝัน และเล่าให้คุณจินต์ฟัง
    หลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ หมายถึงว่า ข้อมูลที่คุณจินต์รับทราบผ่านสัญลักษณ์นั้น เป็นอะไรครับ rat_wting
     
  2. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอนำฝันคุณ Falkman ที่เก็บเอาไว้มาลงครับ
    เห็นคุณจินต์ฯ ถอดความหมายออกมาได้น่าสนใจครับ..ขอเอามาลงนะครับ

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ JINTAWADEE
    เขาว่าการที่เราฝันถึงเห็นใคร แสดงว่าคนนั้นกำลังคิดถึงเราอยู่ ดิฉันก็กำลังคิดถึงคุณอยู่จริง ๆ กำลังคิดว่าคุณจะประหลาดใจไหมว่าดิฉันถูกล้อตเตอรี่เลขภัยพิบัติมา 2-3 หนแล้ว คุณก็ฝันถึงฉัน ผิดแต่ว่าคุณฝันเห็นในเส้นทางความเป็นไปได้อีกตัวตนหนึ่งของดิฉันเท่านั้น การที่มีรถพ่วงมาแทรกกลางระหว่างเราอาจะเป็นไปได้ว่า เราบังเอิญมาร่วมจุดหมายปลายทางเดียวกัน แต่มีอะไรบางอย่างที่เปรียบเสมือนรถพ่วงทำให้เราแยกกันไปคนละฝั่ง และในความคิดคุณคิดว่า ดิฉันแยกไปในทางที่ไม่ถูกต้องนัก อาจโชคร้าย (ความฝันเกี่ยวข้องอย่างมากกับความรู้สึกและจินตนาการภายใน) ดิฉันยินดีมากที่คุณฝันถึง แต่ในความฝันเราทุกคนเป็นอมตะจิตวิญญาณ ที่สำคัญที่สุด ความฝันมักเล่าบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง คีย์ความฝันของคุณอยู่ที่ ตาย (ตกใจ) และ จินตวดี (ต้องคิดว่าจินตวดีในความรู้สึกคุณหมายถึงเช่นไร) ความไม่ชอบหรือฝืนใจในการสอนคน นั่นล่ะค่ะคือข้อความที่คุณได้รับที่แท้จริง
    มันอาจหมายความว่าเร็ว ๆนี้คุณอาจต้องทดลองประสบการณ์ชีวิต เกี่ยวกับการฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบสักอย่าง (ความรู้สึกจะเป็นประมาณนี้) และการพลัดพราก เป็นต้น แจกอมยิ้ม 1 อันค่ะ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  3. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณ คุณ mead นะครับที่เอามาลงให้อ่านกัน (||)
    คุณจินต์ถอดออกมาได้ลุ่มลึกมาก
    เดี๋ยวคงต้องรอคุณ falkman มาขยายความต่ออีกทีครับ rat_wting
     
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Indigo Child

    พวกเราได้พยายามศึกษาธรรมชาติของจิตวิญญาณ ด้วยการอ่านหนังสือชุด 10 เล่ม ที่พี่นักเขียนรับถ่ายทอดข้อมูลมาจากองค์ความรู้ภายในที่พี่นักเขียนเรียกว่า ท่านอาจารย์อนาลัย

    แต่ข้อมูลความรู้ที่ปรากฏในหนังสือ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้อ่านทั้งหลาย รวมทั้งพี่นักเขียนจะต้องเรียนรู้กันต่อไปด้วยการพิสูจน์ความเป็นจริง จากการฝึกปฏิบัติ จากประสบการณ์ยามตื่นและยามฝัน

    ความฝันล่าสุดของพี่นักเขียนที่ฝันว่า ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของตนเอง ไปถือกำเนิดป็น baby หลานของ Rebecca เพื่อนสนิทของพี่นักเขียน และความรู้สึกเศร้าสลดเสมือนว่าบางสิ่งบางอย่างในชีวิตขาดหายไปที่เกิดขึ้นยามตื่น โดยไม่ได้รับทราบว่า baby ที่กำลังจะมาถือกำเนิดนั้น ได้จากไปแล้วใน ประจวบกับ e-mail จากผู้อ่านที่เขียนมาบอกว่า ฝันว่าพี่นักเขียนตาย ประสบการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้พี่นักเขียนระลึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีตหลายปีมาแล้ว และอยากจะแชร์กับพวกเรา เพราะเชื่อว่า จะทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณได้มากขึ้น

    ประมาณ 7 ปีมาแล้ว พี่นักเขียนได้ย้ายกลับมาอยู่ที่เมือง Lawrence, Kansas นี้ได้เพียงไม่กี่เดือน พี่นักเขียนฝันว่า มีทารกซึ่งเป็นเพศชาย ตรงเข้ามาหาพี่นักเขียน และบอกว่า เขากำลังจะไปถือกำเนิดกับพ่อแม่คู่หนึ่ง ซึ่งต้องการแต่ลูกชาย แต่เขาบอกกับพี่นักเขียนว่า พ่อแม่คู่นี้ไม่ได้ตระหนักว่า ทารกในครรภ์เป็นเพศชาย เนื่องจากเขาทั้งสองมีความเชื่อว่า เขาสามารถกำหนดเพศของบุตรของเขาได้ตามต้องการเสมอๆ หากเขาปรึกษาแพทย์และได้เตรียมการตามวิธิการแพทย์แล้ว เขาจะเลือกเพศของบุตรได้ตามปรารถนา แต่การตั้งครรภ์คราวนี้ เป็นไปโดยปราศจากการวางแผนและไม่ได้เตรียมการ ทั้งสองสามีภรรยาคู่นี้จึงเกรงว่า อาจจะไม่ได้บุตรชายดังหวัง และไม่ต้องการได้ลูกสาวเป็นคนที่สาม

    ในความฝัน เด็กชายคนนี้ดูเสมือนเด็กน้อยที่อายุได้เพียง 7-8 เดือน เขานั่งอยู่ตรงหน้าพี่นักเขียนด้วยร่างกลมป้อม และพลางเอามือของเขาจับข้อเท้าของตนเองไว้ด้วยในขณะที่เขาส่งความคิดมาให้พี่นักเขียน เขาไม่ได้พูดไม่ได้ขยับริมฝีปาก แต่มองดูตากันก็เข้าใจและสื่อสารกันได้เหมือนพูด เขาเฉลียวฉลาดราวกับผู้ใหญ่ เขาบอกกับพี่นักเขียนว่า "ฉันจะกลับไปเกิดกับพ่อแม่คู่นี้อีก (เพื่อให้เขาได้เรียนรู้เสียบ้าง)" และเขาก็บอกพี่นักเขียนว่า ให้วาดภาพของเขาไว้

    ในความฝัน พี่นักเขียนตระหนักรู้เป็นอัตโนมัติว่า สามีภรรยาคู่นี้เกี่ยวพันกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งของพี่นักเขียน แต่พี่นักเขียนไม่ได้รู้จักสามีภรรยาคู่นี้เป็นการส่วนตัว ไม่ได้ทราบเลยว่าเขาคู่นี้กำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า?

    วันรุ่งขึ้น พี่นักเขียนก็ได้ paint ภาพเด็กน้อยในความฝันไว้ และรอคอยว่า จะมีใครติดต่อมาและทำให้ทราบได้ว่า ความฝันนั้นเกี่ยวพันกับใคร ตกเย็นวันเดียวกันนั้นเพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องของพี่นักเขียนโทรทางไกลมาจาก New York บอกว่ามาประชุม และอยากจะแวะมาเยี่ยมพี่นักเขียน อยากมาเที่ยว Lawrence สัก 2-3 วัน และจะขอมาพักกับพี่นักเขียน พี่นักเขียนรู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อฝันก็รู้สึกมั่นใจว่า จะต้องได้ข่าวจากเพื่อนคนนี้

    หลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนรุ่นน้องคนนี้ก็บินมาหาและมาพักที่บ้านพี่นักเขียน พี่นักเขียนได้ไต่ถามเธอว่า มีญาติพี่น้องที่กำลังจะมี baby หรือเปล่า ?
    เธอแปลกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่นักเขียนจะถาม พี่นักเขียนจึงบอกว่า
    อย่าตกใจนะ พี่นักเขียนฝัน และอยากจะเล่าให้ฟัง


    ปรากฏว่าเมื่อเล่าความฝันให้ฟังแล้ว เธอก็ตกใจมาก พี่นักเขียนละประโยคที่เด็กทารกในความฝันบอกว่า (เพื่อให้เขาได้เรียนรู้เสียบ้าง)ไป เพราะเชื่อว่าเด็กทารกนั้นจะไปเกิดกับพ่อแม่คู่นั้นอีกอย่างแน่นอน แต่พี่นักเขียนไม่ควรเอ่ยในนัยว่า เด็กนั้นจะกลับไปเกิดเพื่อสั่งสอนเขา เพราะเกรงว่าจะทำให้พ่อแม่คู่นั้นเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อลูกของตนเอง

    เพื่อนผู้น้องได้เล่าให้พี่นักเขียนฟังว่า ญาติสนิทของเธอคู่หนึ่ง ได้ตั้งท้องเมื่อสองเดือนก่อนนี้ โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า คืนวันหนึ่ง เธอได้ไปทานข้าวกับญาติคู่นี้ ทั้งสองคนก็บ่นให้เธอฟังว่า เกรงว่าจะได้ลูกสาวอีก เพราะไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ไม่ได้ไปให้แพทย์ตรวจและเตรียมการเพื่อให้ได้ลูกชาย

    เพื่อนของพี่นักเขียน ซึ่งแต่งงานมานานหลายปี แต่ทำอย่างไรก็ไม่มีลูก ฟังแล้วรู้สึกสลดใจ
    เธอเอื้อมมือไปจับท้องของญาติ แล้วแอบคิดในใจว่า "มาเกิดเป็นลูกฉันก็จะดีหรอก จะเป็นหญิงหรือชาย ฉันก็พอใจทั้งนั้น"

    ตกค่ำวันนั้น ญาติผู้ที่ตั้งครรภ์ก็แท้งโดยที่แพทย์หาสาเหตุไม่พบ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า ไม่มีจุดใดที่เรียกได้ว่า จิตวิญญาณที่จะมาถือกำเนิดนั้น เข้าสู่ครรภ์มารดา เพราะจิตวิญญาณไม่ได้มาถือกำเนิดเป็นกลุ่มก้อน แต่บางส่วนของจิตวิญญาณ เข้า-ออก อยู่เสมอๆ จนกว่าจะประสานกับรูปกายใหม่เมื่อทารกคลอดออกมาจากครรภ์มารดา ซึ่งหมายความว่า ในขณะที่รูปกายทางชีวภาพกำลังเจริญวัยอยู่ในครรภ์มารดานั้น ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณก็ได้ถือกำเนิดเป็นร่างกายเน้ื้อหนังแล้ว แต่บางส่วนของจิตวิญญาณก็ยังอยู่ในภาวะที่เป็นอิสระจากร่างกายเน้ือหนังนั้น มันมีความรู้โดยปราศจากอายุขัย และล่วงรู้ความเป็นไปในสภาพแวดล้อมที่จะไปถือกำเนิด ทั้งนี้รวมรู้ถึงอดึตและอนาคตชาติของตนเอง รู้ถึงเส้นทางแห่งความเป็นไปได้อันหลากหลาย และรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของพ่อแม่ในอนาคตด้วย ซึ่งในนัยนี้หมายความว่า ทารกทุกคนที่มาถือกำเนิด ตระหนักดีว่า เขามาถือกำเนิด โดยเป็นที่ต้องการของพ่อแม่หรือไม่

    เพื่อนผู้น้องของพี่นักเขียน ได้ขอ copy ภาพ paint เด็กน้อยนั้นไป เพราะอยากจะทราบว่า หากเขาเลือกมาเกิดกับเธอ เขาจะมีหน้าตาเช่นนั้นหรือไม่ แต่หลายเดือนผ่านไป เพื่อนผู้น้องคนนั้นก็ไม่ได้มีบุตร แต่ญาติของเธอคู่นั้น ได้ไปพบแพทย์ และได้ตั้งท้องอีกครั้ง

    ระหว่างนั้น พี่นักเขียนมีความฝันอีกว่า เด็กน้อยคนเดิมกลับมาเข้าฝัน เขาบอกกับพี่นักเขียนว่า "ฉันจะกลับไปเกิดกับเขา เพื่อสอนให้เขารู้ถึงคุณค่าของชีวิต และตระหนักได้ว่า การปลิดชีวิตเป็นการล่วงละเมิดธรรมชาติ" ในความฝัน พี่นักเขียนรู้สึกรักเด็กคนนี้มาก เขาตัวโตขึ้นจากคราวก่อนมาก คราวนี้ดูเหมือนเด็กอายุราว 2-3 ขวบ พี่นักเขียนอยากจะอุ้มเขา แต่ตระหนักว่า ตัวของเขาหนักมาก หากไม่ขอจะอุ้มไม่ขึ้น จึงบอกกับเขาว่า
    "ขออุ้มได้ไหม" พอเขาบอกว่าได้ พี่นักเขียนก็พบว่าตนเองก้มลงกราบเขา แล้วจึงอุ้ม

    ณ จุดนั้น โดนกระชากความรู้สึกอย่างแรงมาก เพราะชีวิตจริงยามตื่น พี่นักเขียนเคยอธิษฐานขออุ้ม แล้วจึงอุ้มขึ้นอยู่อย่างเดียว คือ พระรูปของสมเด็จโต หน้าตักกว้างประมาณ 40 ซม ทำด้วยสัมฤทธิ์ เป็นพระรูปหล่อที่คุณพ่อได้สร้างไว้ให้ลูกหลานได้นำไปบูชา ท่านสร้างไว้เพียง 30 องค์เท่านั้นสำหรับลูกหลานในตระกูล

    หลังจากนั้นหลายเดิือน พี่นักเขียนได้กลับไปเยี่ยมคุณแม่ที่เมืองไทย ปรากฏว่าค่ำวันหนึ่ง ชายผู้ที่เป็นญาติของเพื่อนผู้น้อง ซึ่งเป็นพ่อของเด็กน้อยที่มาเข้าฝัน ได้โทรมาหาพี่นักเขียน และบอกว่า เขาได้รับทราบเรื่องราวความฝันของพี่นักเขียนจากญาติของเขา และอยากได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากพี่นักเขียน และอยากทราบว่า จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นลูกชายคนล่าสุดของเขานั้น เป็นใคร

    พี่นักเขียนก็เล่าให้ฟังตามที่ขอ และได้เล่าส่วนที่ไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังด้วยว่า เด็กน้อยในความฝันได้บอกกับพี่นักเขียนว่า สามีภรรยาคู่นี้ มีความคิดแม้กระทั่งจะทำแท้งทารกผู้นั้น เขาพยายามจะพูดเมื่อพี่นักเขียนเล่าจบ แต่ในทึ่สุดเขาก็ร้องไห้โฮ และบอกกับพี่นักเขียนว่า "ผมคิดว่า ความคิดของผมกับภรรยาของผม เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ได้ แต่ผมสาบานว่า เรายังไม่ทันได้ทำแท้ง เขาแท้งไปก่อนหน้าที่เราจะไปพบแพทย์เพื่อทำแท้งด้วยซ้ำไป"

    ต่อคำถามที่ว่า ลูกของเขาที่มาถือกำเนิดนั้นเป็นใคร เป็นคำถามที่พี่นักเขียนตอบไม่ได้ดังที่เขาคาดหวัง เพราะเขาคาดหวังว่า ลูกของเขาจะต้องเป็นใครที่เขารู้จัก กลับชาติมาเกิด เพราะความเชื่อของเขาทำให้เขาเข้าใจสิ่งที่พี่นักเขียนอธิบายไม่ได้ พี่นักเขียนตอบว่า ส่วนหนึ่งของเขา คือ จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของสมเด็จโต ฯ

    เมื่อพี่นักเขียนบอกเช่นนั้น พ่อของเด็กตกใจมาก และบอกว่า แม่ของเขาได้ให้พระสมเด็จโตฯแก่เขาก่อนหน้าที่จะตั้งท้องลูกคนนี้ และเขาก็อธิษฐานว่า ขอให้ได้ลูกชายที่มีจิตวิญญาณสูงส่งเหมือนสมเด็จโต... เขาเล่าว่า เมื่อคลอดบุตรชายคนนี้ แม้จะเป็นเพียงทารกอายุเพียง 2-3 เดือน หากเขาเดินไปใกล้หรือเดินผ่าน ลูกคนนี้จะจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่น่าเกรงขาม แม้จะกินนมแม่อยู่ ก็จะหยุดกินและจ้องมองเขาตาเขม็ง เขาสารภาพกับพี่นักเขียนว่า เขารู้สึกหนาวหรือเสียวสันหลังจนบอกไม่ถูก

    พี่นักเขียนอึ้งไปนาน แต่ก็จำเป็นต้องพูดในสิ่งที่คิดว่า เป็นหน้าที่ที่จะต้องพูดในฐานะผู้ส่งสาร คือบอกกับเขาตรงๆว่า "การปลิดชีวิตเป็นการล่วงละเมิดธรรมชาติ เราทุกคนเกิดมาเพื่อเรียนรู้ถึงคุณค่าของชีวิต" ไม่ว่าลูกของเขาจะเป็นจิตวิญญาณส่วนใดของบุคลิกภาพใดที่มาถือกำเนิด ล้วนเป็นจิตวิญญาณอันสูงส่งเสมอเหมือนต้นกำเนิดด้วยกันทั้งสิ้น

    หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี พี่นักเขียนได้รับภาพถ่ายที่คุณพ่อของทารกน้อยคนนั้น e-mail มาให้ เขาอ้วนท้วนน่ารักมาก เขาไม่ได้เหมือนเด็กในภาพวาดของพี่นักเขียน แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ ท่านั่งของเขาในภาพ เขาจับข้อเท้าของตนเองไว้ และคุณพ่อของเขาบอกพี่นักเขียนว่า มันเป็นท่าประจำของเขา พี่นักเขียนตั้งชื่อภาพ paint นี้ว่า Indigo Child โดยไม่ได้บอกกับพ่อของเด็ก แต่เขากลับเล่าว่า ลูกของเขามีคุณสมบัติเหมือนกับที่เรียกกันว่า Indigo Child

    เหตุที่พี่นักเขียนเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟัง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่พ้องกันกับเหตุการณ์ล่าสุดนี้อย่างเหลือเชื่อ หลังจากที่ baby หลานของ Rebecca จากไปแล้ว พี่นักเขียนก็ได้ทราบว่า พ่อของเด็กได้บอกกับแม่ของเด็กทันทีที่เขารู้ว่าเธอตั้งครรภ์ว่า "I want nothing but a boy."

    ในชีวิตจริง พี่นักเขียนเป็นลูกสาวคนสุดท้องจากลูกสาว 4 คน และคุณพ่อของพี่นักเขียนก็ปรารถนาที่จะได้บุตรชายไว้สืบสกุล พี่นักเขียนเติบโตมาด้วยความรู้ในหัวใจว่า ตนเองเป็นลูกสาวที่นำความผิดหวังมาให้คุณพ่อตั้งแต่ลืมตาดูโลก มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้พี่นักเขียนมีความปรารถนาที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างในชีิวิตให้ได้ดีเลิศ เพื่อให้คุณพ่อภูมิใจ คุณพ่อจะส่งเสริมให้เรียนอะไร ก็เรียนตามใจคุณพ่อทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี การว่ายน้ำ การวาดภาพ การเรียนหนังสือ ล้วนเป็นสิ่งที่พี่นักเขียนฝังใจมาแต่เล็กว่า ลูกชายในฝันของคุณพ่อจะต้องทำได้ทุกอย่างที่คุณพ่อคาดหวัง

    เมื่อได้ยินจาก Rebecca ว่า ลูกเขยของเธอกล่าวว่าไม่ต้องการลูกสาว ต้องการแต่ลูกชาย พี่นักเขียนหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ปลายเท้า เพราะความทรงจำในวัยเด็กแล่นกลับมาชนความรู้สึกอย่างจัง พี่นักเขียนสารภาพกับ Rebecca ว่า เมื่ออายุได้เพียง 4-5 ขวบ และรู้สึกได้ถึงความผิดหวังของคุณพ่อ พี่นักเขียนมีความคิดว่า หากพี่นักเขียนจะไปเกิดเป็นลูกของคุณพ่อที่ไม่ต้องการลูกสาว พี่นักเขียนจะเปลี่ยนใจไม่เกิด... แม้ว่าตนเองจะไปเกิดเป็นเด็กชายก็ตาม เพราะปรารถนาให้คุณพ่อตระหนักถึงความยุติธรรม และความรักอันปราศจากเงื่อนไข

    Rebecca บอกกับพี่นักเขียนว่า ลูกเขยและลูกสาวของเธอไม่อาจทราบได้ว่า baby ที่จากไปนั้นเป็นเพศใด แต่ การจากไปของ babyเปลี่ยนลูกเขยของเธอเป็นคนละคน เพราะเขารู้สึกว่าเป็นการสูญเสียอันใหญ่หลวง และทำให้เขาเปลี่ยนใจ โดยคิดว่า หากเขาจะมี baby คนต่อไป เขาคงจะหวังให้ baby นั้นเป็นเด็กที่สมบูรณ์ ไม่ว่าเขาจะมาถือกำเนิดเป็นเพศใดก็ตาม มันก็เป็นพรอันประเสริฐกว่าการสูญเสียเช่นนี้หลายพันเท่า


    เราได้คุยกันเรื่องธรรมชาติของจิตวิญญาณ ซึ่งดำเนินไปในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ ที่ปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา แต่เราก็แทบจะจินตนาการไม่ถึงว่า ภาวะดังกล่าวอันปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลานั้นเป็นอย่างไร และที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวว่า อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ในชาติภพนี้ และอดีตชาติ-ปัจจุบันชาติ-อนาคตชาติ กำลังดำเนินไป พร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน นั้นเป็นอย่างไร

    หากเราปลิดเอาช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาทิ้งไปจากเรื่องราวทั้งหมดนี้ และจินตนาการว่า ทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบัน พี่นักเขียนเชื่อว่า เราคงจะพอมองเห็นธรรมชาติความเป็นจริงข้อนี้ได้ไม่มากก็น้อย(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2008
  5. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เรื่องที่พี่นักเขียนเล่ามานี้ช่วยขยายตัวอย่างได้ดีเลยครับ ที่ว่าอดีตชาติ-ปัจจุบันชาติ-อนาคตชาติ กำลังดำเนินไปพร้อมกันหมดเป็นปัจจุบันเป็นอย่างไร? หรือขณะที่เด็กมาถึอกำเนิดในครรภ์มารดา จิตวิญญาณเด็กคนนั้นมาถือกำเนิดพร้อมด้วยข้อมูลความรู้อันสมบูรณ์ รู้แม้กระทั่งว่าพ่อแม่เค้าคิดอะไรอยู่..และจะให้บทเรียนอะไรกับพ่อแม่เค้าในภพชาตินี้ได้บ้าง..แอบคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าอีกด้วยนะครับ เรียกได้ว่าเป็น Indigo Child มาตั้งแต่เกิดเลยครับ

    พ่อ-แม่ในยุคนี้ ส่วนมากคิดจะมีลูกเป็นผู้ชายอย่างน้อย 1 คนทั้งนั้น คุณยายผมเองมีลูกตั้ง 13 คน ( ในสมัย Baby Boom หลังสงคราม มีการประกวดแข่งขันมีลูกมากกันด้วย) ญาติเยอะมากครับ..แต่พี่นักเขียนฯก็เป็นความหวังของพ่อที่อยากจะให้เป็นผู้ชายพอดี เลยต้องกล้าแกร่งเหมือนทอมบอยรีเปล่าครับ (อิอิ) เพราะมีแรงกดดันจากคุณพ่อมากกว่าคนอื่นๆ..หรือบางครอบครัวที่อยากได้ลูกผู้หญิงแต่กลับได้ลูกผู้ชายก็อาจกลายไปเป็นอีกแนวก็ได้ครับ..ทุกวันนี้สังคมจึงสับสนกับเรื่องแบบนี้เพิ่มขึ้น แต่ก็อาจเป็นการขยายการเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆของจิตวิญญาณก็เป็นได้นะครับ..

    [​IMG]

    ชอบแววตาเด็กในภาพเขียนคนนี้จริงๆครับ
    เป็นแววตาของจิตวิญญาณที่ปลิดเอาช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลาทิ้งไป
    และพกพาเอาความรู้ในโลกของจิตวิญญาณมาด้วยเต็มพิกัดเลยนะครับ O_0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2008
  6. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ช่วงนี้ขจรวรรณกำลังสงสัยอยู่ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เพราะรู้สึกว่าบทบาทของตัวเองเปลี่ยนไปจากช่วงที่เรียนพลังจักรวาลก็รู้สึกว่าเวลาที่ตัวเองมีปัญหาหรือข้อสงสัยอะไรก็จะได้รับคำตอบด้วยความบังเอิญที่ไม่บังเอิญ เช่น มีเพื่อนมาบอกกล่าวโดยไม่รู้ตัว, อ่านหนังสือเจอโดยบังเอิญ หรือมีความคิดผุดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเข้ามาศึกษาธรรมชาติของจิตวิญญาณกะพี่นักเขียนก็พบว่าพอนอนตื่นขึ้นมาทุกวัน ๆ ก็จะมีคำถามมาถามพี่นักเขียนวันแล้ววันเล่า ทั้ง ๆ ที่ปกติจะไม่ค่อยมีคำถามกับใครสักเท่าไหร่? แต่พอเข้าไปศึกษาในห้องเขากะลาก็พบว่าพอตื่นขึ้นมาทีไรเป็นต้องไปดึงข้อความของคนโน้นคนนี้ไป post โดยเฉพาะข้อความในหนังสือของท่านอาจารย์อนาลัย ทั้ง ๆ ที่กลัวว่าสมาชิกในห้องนั้นจะรับไม่ได้หรือไม่เข้าใจ บางครั้งพยายามฝืนว่าจะไม่ post ผลสุดท้ายก็นำไป post จนได้ กำลังคิดว่าตัวเรากำลังเป็นร่างทรงของอะไรบางอย่างอยู่รึปล่าวน๊า.. นู๋กัวแร้ว.. ฮือฮือ..
    rabbit_scaryrabbit_scaryrabbit_scary
     
  7. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ขอบคุณข้อมูลดีๆ ที่พี่นักเขียนนำมาแบ่งปันเสมอๆ ช่วยขยายสติสัมปชัญญะได้อย่างดีเลยครับ

    ข้อมูลข้างต้นชี้ให้เห็นได้ชัดเลยนะครับว่า ไม่มีจิตวิญญาณหน่วยไหน ขัดขวางการเรียนรู้ของจิตวิญญาณหน่วยอื่นเลย

    จิตวิญญาณของผู้ที่มาใหม่ มาเพื่อช่วยเหลือให้จิตวิญญาณของพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง และคนที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าบางสิ่งบางอย่าง เพื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้จริงๆ ทุกสิ่งเป็นสิ่งที่ตั้งใจทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดบังเอิญ การแสวงหาคำตอบ จากคำถามภายในใจ จิตวิญญาณหน่วยอื่นๆก็พร้อมที่จะให้เรียนรู้ทั้งสิ้น

    สิ่งที่จิตวิญญาณต้องการเรียนรู้ อาจจะสวนทางกับความคิด ความเชื่อ ความคาดหวังของผู้ที่เป็นพ่อแม่เลยก็ได้นะครับ

    ทั้งการวางแผนของพ่อแม่ กับการวางแผนของเด็ก ลึกลับซับซ้อน แต่ต่างก็เพื่อความเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณจริงๆ

    สิ่งที่เราคาดไม่ถึง มีมากกว่าสิ่งที่เราคาดได้ถึงจริงๆ

    การลงสำรวจภาวะอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก นั่นก็คือ การสำรวจบทเรียนที่เราต้องเรียนรู้

    ผมมีความเชื่อว่าเด็กๆทั้งหลาย ถือกำเนิดมาเป็นร่างกายเนื้อหนัง ก็เพื่อมาสอนซึ่งกันและกัน

    ในปัจจุบันนี้ยังไม่เคยมีลูก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใช่มั๊ยครับ เพราะเวลาไม่เคยมีอยู่จริง

    ผมเคยเลี้ยงหลาน ปัจจุบันก็ดูอยู่ห่างๆครับ พออยู่กับเด็กเค้าสอนอะไรเราได้มากมายจริงๆ
    เด็กคนนี้เกิดมาจากความไม่ตั้งใจของผู้ที่เป็นพ่อและแม่ครับ

    แต่ผมว่าเค้ามาเพื่อสอนจริงๆ สอนกันทั้งระบบเลย

    ครอบครัวนึงประกอบด้วย

    ย่ามีนิสัยใจคอ ไม่เคยยอมใคร สิ่งที่คิดว่าถูก คือสิ่งที่ถูกต้อง แต่ลึกๆแล้วเป็นคนใจอ่อน ขี้สงสาร

    ปู่มีนิสัยดื้อรั้น รักครอบครัว ความรู้สึกของคนในครอบครัวต้องมาก่อน

    พ่อเป็นคนใจอ่อน มนุษยสัมพันธ์ดี คล้อยตามสิ่งแวดล้อม จนปู่และย่าเป็นห่วง และคอยปกป้องอยู่เสมอ ตั้งแต่เล็กจนโต

    แม่เป็นคนที่นึกถึงตนเองเป็นหลัก แต่ลึกๆแล้วก็เป็นคนที่รักลูก แต่สู้อยู่ระหว่างความต้องการเป็นอิสระของตนเอง กับความคาดหวังให้ลูกรักตน

    อาทั้งสอง คือ ผมและแฟน คอยดูแลหลานอยู่ห่างๆ เคยเลี้ยงตั้งแต่เค้าเล็กๆ ตอนนี้หลานอายุประมาณ 6 ขวบ หลานเห็นอาเป็นเพื่อนเล่นซะมากกว่า อิอิ

    นิสัยใจคอของเด็กที่มาเกิด มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่สนใจการเรียน ชอบวาดรูปมากๆ

    เมื่อทุกคนมาอยู่รวมกัน จึงเกิดความโกลาหลขึ้น อิอิ
    แต่ผลที่ออกมาที่เห็นได้ชัด คือ ย่าอารมณ์เย็นขึ้น
    ปู่ลดความดื้อลง
    พ่อมีความรับผิดชอบมากขึ้น
    แม่ทำงานอยู่อีกที่หนึ่ง แต่ต้องคอยมาหาอยู่เรื่อยๆ เพราะเด็กไม่ติดแม่เลย

    ตอนที่เล่นอยู่กับหลาน ได้อะไรเยอะเหมือนกันครับ
    มีครั้งนึงผมนั่งดูเค้าระบายสีน้ำเป็นปูนปลาสเตอร์ ระบายออกมาหลากสีสันเลย ผมก็แซวว่า ระบายเป็นเป็นแมนดารินเลยนะ เค้าตอบกลับว่า มันไม่ใช่เป็นแมนดารง แมนดารินอะไรหรอกนะ มันก็เป็นแค่เป็ดธรรมดาตัวนึงเท่านั้น

    เราก็อึ้งเลย ที่เด็กตัวเล็กแค่นี้ แต่รู้เรื่องเยอะเลยนะ ว่าถ้ามองในมุมเรา เค้าอาจจะระบายสีไม่เสมอกัน และมองไม่ออกว่าเป็นตัวอะไร แต่ที่เค้ามอง ก็คือ เค้าระบายเป็ดตัวนึง แต่เราไม่เข้าใจเองว่าเค้ากำลังระบายเป็ดตัวนึง แต่จะเอานิยาม ความเชื่อของเราที่มีต่อเป็ด ไปมองดูผลงานของเค้า

    มีครั้งนั่งอยู่ในรถด้วยกัน เค้าเห็นพระห้อยอยู่ที่กระจกหน้ารถ เค้าก็ตีไปทีนึง และก็ถามอาทั้งสองว่า "พระตัวนี้ตายรึยัง"
    อาทั้งสองก็อึ้ง เพราะเค้าเรียงประโยคออกมาได้ถูก แต่แค่ผิดแปลกไปจากที่เราเคยได้ยินการใช้สรรพนามแค่นั้นเอง แต่ความหมายที่สื่อก็เหมือนกัน เลยแอบขำในความฉลาดของหลาน เลยตอบไม่ถูกเลยว่า ตกลงตายรึยัง อิอิ

    รูปเด็กน้อย indigo มีแววตาที่มุ่งมั่น และแรงกล้าเลยครับ
    การจับขาขวา เหมือนพร้อมจะนั่งสมาธิตลอดเวลาเลย การจับขาขวา แสดงถึง ความสามารถที่ควบคุม เข้าใจถึงประสาทสัมผัสทั้ง 5 และอยู่พ้นจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างเยี่ยมยอดเลยนะครับ rat_wting
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    เหมือนกับว่าคุณขจรวรรณกำลังค้นหารวบรวมความคิดอยู่รึเปล่า?
    ผมว่าจิตวิญญาณกำลังเล่นซุกซน ทดลองบางสิ่ง เพื่อดูผลบางอย่างก็ได้?
    ไม่เกี่ยวกับเป็นร่างทรงของใครและไม่มีอะไรที่น่ากลัวจริงๆหรอกครับ
    ถ้ามีอาการอะไรแปลกๆไม่แน่ใจก็ถามพี่นักเขียนดูนะครับ
    แต่น่าจะเป็นพัฒนาการของจิตวิญญาณที่กำลังก้าวกระโดดครับ

    คุณเซลล์เข้าใจกลไกของความเหมือนที่แตกต่างได้ดีจริงๆครับ
    เพียงแค่หลานคนเดียวก็สามารถทำให้คนในครอบครัวต้องเปลื่ยนแปลงพัฒนาไปได้ถึงขนาดนั้น
    ว่างๆเอารูปหลานชายมาโชว์บ้างนะครับ :'(
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  9. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนได้รับ e-mail จากผู้อ่านหลายสิบฉบับที่กล่าวในทำนองเดียวกันว่า เมื่อได้อ่านหนังสือชุดนี้แล้ว อยากจะถ่ายทอดให้ผู้อื่นที่ตนรู้จัก แต่กลับพบว่า คนจำนวนมากไม่สนใจที่จะศึกษาเกี่ยวกับจิตวิญญาณ หลายท่านถามพี่นักเขียนว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้อื่นหันมาสนใจและศึกษาเกี่ยวกับจิตวิญญาณได้อย่างกว้างขวาง

    ความปรารถนาที่จะถ่ายทอดนั้น เป็นสิ่งที่พี่นักเขียนเชื่อว่า เป็นไปโดยธรรมชาติของจิตวิญญาณโดยแท้ จิตวิญญาณทุกหน่วยมาแสวงหาประสบการณ์เพื่อเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ เมื่อใดที่จิตวิญญาณตระหนักว่า มีความรู้ มันย่อมเกิดพลังผลักดันและแรงบันดาลใจที่จะถ่ายทอดความรู้นั้นเสมอ

    ไม่มีจิตวิญญาณหน่วยใด ถูกครอบงำด้วยจิตวิญญาณหน่วยอื่น เช่นเดียวกันกับที่เราไม่เคยหายใจ เพราะถูกบังคับให้ แต่การหายใจเข้า-ออก เป็นธรรมชาติ อากาศที่เราใช้หายใจเพื่อหล่อเลี้ยงชีิวิต ก็ไม่ต่างไปจากความรู้ที่่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณทั้งหลาย

    หลายท่านได้แสดงความเห็นว่า หากคนจำนวนมากเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิญญาณได้ในนัยที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวถึง จะทำให้เรารู้จักตนเองได้ดีขึ้น หน่วยเล็กสุดของสังคม ซึ่งได้แก่ครอบครัวคงจะมีแต่ความรักและความเข้าใจอันดีต่อกันเป็นที่ตั้ง ผู้ปกครองก็จะเข้าใจในหน้าที่ที่ตนเลือกมาถือกำเนิด และมีความรักอันปราศจากเงื่อนไขให้บุตรหลาน บ้านเมืองคงจะมีแต่ความสามัคคี

    หากคนจำนวนมากตระหนักได้ในธรรมชาติความเป็นจริงที่ว่า เราทั้งหลายคืิอจิตวิญญาณอันเป็นหนึ่งเดียว เรามาถือกำเนิดร่วมประเทศชาติและสังคมเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี หรือหาผลประโยชน์ส่วนตน เพราะจิตวิญญาณพัฒนาร่วมกันเป็นระบบเครือข่าย

    [​IMG]

    หลายท่านเขียนมาถามว่า พี่นักเขียนทำอย่างไร หรือตั้งจิตอย่างไร จึงสามารถดึงดูดคนจำนวนมากให้หันมาสนใจเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณ

    ก่อนอื่น พี่นักเขียนต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่าน ทั้งในและนอกห้องวิทย์ ที่มีความปรารถนาที่จะถ่ายทอดข้อมูลเหล่านี้ให้กับผู้อื่นต่อไป

    พี่นักเขียนขอบอกจากใจจริงว่า ในขณะที่เขียนหนังสือชุดนี้ ไม่เคยคิดถึงการเผยแพร่ในลักษณะที่เป็นธุรกิจ คือไม่เคยคิดว่า จะขายหนังสือได้เป็นจำนวนเท่าใด แต่ในระหว่างที่เขียน จะสะท้อนเห็นใบหน้าของคนจำนวนมากที่เป็นผู้อ่านหนังสือชุดนี้ ได้ยินคำถามบ้าง ได้ยินความคิดเห็นบ้าง แล้วการถ่ายทอดข้อมูลและถอดความจากความฝันที่จดบันทึกไว้ก็หลั่งไหลเป็นคำตอบออกมา

    ทำให้พี่นักเขียนตั้งจิตอยู่บนความเชื่อที่ว่า หนังสือชุดนี้บรรจุด้วยคำตอบสำหรับคำถามของคนจำนวนมาก พี่นักเขียนเชื่อว่า ความคิดและความเชื่อของเราเป็นปัจจัยหลักที่ดึงดูดผู้อื่นมาสู่ประสบการณ์ชีวิตของเรา ดังเช่นที่ท่านอาจารย์อนาลัยกล่าวไว้เสมอๆว่า

    เธอทั้งหลายสร้างโลกแห่งความเป็นจริงด้วยความเชื่อของตนเอง

    ดังนั้นหากผู้อ่านที่ปรารถนาจะถ่ายทอดข้อมูลความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณให้กับผู้อื่น มีความคิดว่า คนจำนวนน้อยสนใจที่จะศึกษาหาความรู้ด้านนี้ ความคิดนั้นก็จะดึงดูดแต่ผู้ที่ไม่สนใจจะศึกษาเข้ามาในประสบการณ์ชีวิต เพราะไม่มีสิ่งใดที่ปรากฏในประสบการณ์ชีวิตของเรา ?โดยไม่คล้องจองกับความคิดและความเชื่อของเรา

    บางคนคิดว่า ผู้อื่นที่ยังไม่เคยอ่านหนังสือชุดนี้ หากได้ยินได้ฟัง จะไม่เข้าใจ หรือจะเข้าใจไม่ได้ ความคิดและความเชื่อนั้น ก็ย่อมดึงดูดแต่ผู้ที่ฟังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจไม่ได้มาสู่ประสบการณ์ของเขา

    หากพวกเรามีความปรารถนาที่จะเผยแพร่ร่วมกับพี่นักเขียน พี่นักเขียนขอให้พวกเราเริ่มต้นด้วยการ นำข้อมูลความรู้ที่ได้มาปฏิบัติกับตนเองก่อนคือ เปลี่ยนความคิดและความเชื่อของตนเอง เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนความคิดและความเชื่อของผู้อื่นได้

    หากเราสามารถเปลี่ยนความคิดและความเชื่อได้ว่า คนจำนวนมากใฝ่รู้ และแสวงหาธรรมชาติความเป็นจริงเกี่่่่ยวกับจิตวิญญาณด้วยกันทั้งนั้น และทุกคนมีแก่นแท้อันเป็นจิตวิญญาณที่พรั่งพร้อมไปด้วยปัญญา ไม่ว่าเขาจะมีการศึกษาและประสบการณ์ทางโลกในระดับใด จิตวิญญาณของเขาก็เสมอเหมือนกับต้นกำเนิด มีปัญญาอันฉลาดล้ำ และใฝ่รู้ในความรู้ดั้งเดิมของจิตวิญญาณเสมอเหมือนกันหมด

    ความเชื่อดังกล่าวจะพลิกผันประสบการณ์ชีวิตของเราได้โดยสิ้นเชิง

    ความเชื่อนี้ไม่ได้เป็นสิ่งโคมลอย หรือ เป็นเพียงคำกล่าวที่พยายามสร้างภาพในแง่บวก
    พวกเราเห็นได้จากตัวเลขผู้อ่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ห้องวิทย์ ที่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวันอย่างไม่่เคยหยุดยั้ง ส่วนพี่นักเขียนก็เห็นได้จากจำนวนผู้อ่านที่เข้าไปอ่าน eBook ที่ http://www.novaanalai.com/novaanalai/index.html ตลอดจนจำนวน e-mail ที่เพิ่มพูนขึ้นทุกวัน พร้อมด้วยคำถาม และความคิดเห็นอันคมคาย ของผู้อ่านหลายร้อยต่อวัน ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 16 ปี ขึ้นไปจนเกือบ 80 ปี

    พี่นักเขียนกำลังฝึกฝนให้ตนเองมีความเชื่อในแง่บวกเพ่ิมขึ้นอีกอย่างว่า จะได้รับการสนับสนุนในการผลิต eBook และ audio book ซึ่งกำลังเร่งผลิตอยู่ ผู้อ่านจำนวนมากมายนับร้อยได้เขียน e-mail มาเร่งให้ทำให้เสร็จทั้ง 10 เล่มเร็วๆ เพราะต้องการจะ Download ทีเดียวทั้งชุด และมีผู้อ่านนับพันรายที่บอกว่า อยากได้ audio book ไว้ฟังและแจกจ่ายให้คนรักคนใกล้ตัว บางคนก็บอกว่าอยากได้ไว้ฟังเวลาขับรถ

    พี่นักเขียนได้ตั้งจิตอยู่บนความเชื่อที่ว่า ได้รับการสนับสนุนจากผู้อ่านทุกท่าน ซึ่งไม่ได้เพียงแต่เร่งให้ทำให้เสร็จเร็วเท่านั้น แต่สนับสนุนในการผลิตทุกทิศทาง เช้าขึ้นก็ได้รับ e-mail มีผู้บริจาคเพ่ิมขึ้นอีกหนึ่งราย 500 บาท ก็นับว่าเป็น จุดเริ่มต้นที่ดี ผู้อ่านท่านนี้ได้บอกว่า e-mail ไปที่ donation@novaanalai.com แล้วเด้งกลับตลอด แต่ก็ได้บริจาคและอุตส่าห์ e-mail มาแจ้งให้พี่นักเขียนทราบโดยตรง ตอนนี้ได้จัดการแก้ไข e-mail : donation@novaanalai.com และใช้การได้แล้วค่ะ

    ท่านที่ต้องการ eBook ขณะนี้ Download ได้แล้วทั้งหมด 7 เล่ม อีก 3 เล่มจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายนอย่างแน่นอนค่ะ จากนั้น audio book จะทะยอยตามมาค่ะ

    ขอเรียนให้ผู้อ่านที่ได้มีหนังสือไว้ในครอบครองทราบว่า หนังสือที่พิมพ์เป็นรูปเล่มของหนังสือ มีความคลาดเคลื่อนในการตัดคำ และตัวอักษรค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้อ่านเข้าใจยาก ขอความกรุณาตรวจสอบตัวอักษร และการเว้นวรรคได้จาก eBook จะทำให้อ่านได้ง่ายขึ้นมาก

    เหตุที่พี่นักเขียนบอกว่าต้องฝึกฝนให้ตนเองมีความเชื่อในแง่บวกเพ่ิมขึ้น เพราะมีความเคยชินที่จะคิดและเชื่อว่า ตนเองจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง ได้อย่างดีที่สุดด้วยตนเอง แต่งานนี้ เป็นงานที่พี่นักเขียนตระหนักว่า จะบรรลุผลสำเร็จไม่ได้หากปราศจากการสนับสนุนของผู้อ่านทุกท่าน

    พี่นักเขียนหวังว่า ความปรารถนาในการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ชุดนี้ร่วมกัน จะทำให้การเผยแพร่บรรลุผลสำเร็จอย่างกว้างขวาง และที่สำคัญที่สุดคือ นำมาซึ่งความรักอันปราศจากเงื่อนไข การช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในสังคม และการพัฒนาร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งจะทำให้ความสงบสุข ความรัก และการมีน้ำใจอันดีงามต่อกัน กลับคืนมาสู่ประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเรา(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • unity.jpg
      unity.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13.1 KB
      เปิดดู:
      337
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  10. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    เอา VDO มาให้ดูเล่นคลายเครียดค่ะ

    <object width="425" height="344"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/FM1tkZhRNJA&hl=en&fs=1"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/FM1tkZhRNJA&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></embed></object>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  11. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีกับทุกท่านด้วยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    หลังจากที่คุณMeadได้แนะนำให้ลองเปลี่ยนวิถีของการจดจ่อดู ข้าพเจ้าก็ได้ลองทำดูซึ่งก็ได้ผลบ้างคือบางวันข้าพเจ้าก็ฝันถึงเรื่องดีๆ และรู้สึกสบายใจ แต่มีอยู่วันหนึ่งข้าพเจ้าก็ฝันเกี่ยวกับงานศพอีกซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้า แต่คราวนี้ชัดเจนมากเลยคือรู้ด้วยว่าศพนั้นเป็นใคร แต่ไม่ใช่ญาติพี่น้องของข้าพเจ้า<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    หลังจากที่ความฝันในครั้งที่สี่ผ่านมาได้ราวสามอาทิตย์(นับถึงเมื่อวาน)ก็ยังไม่มีเหตูการณ์หรือข่าวร้ายเกี่ยวกับการตายเกิดขึ้น ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสบายใจ แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเมื่อวานนี้ระหว่างที่ข้าพเจ้าขับรถจากที่ทำงานจะกลับบ้านข้าพเจ้าก็ได้รับโทรศัพท์จากลูกชายของอาว่าคุณแม่ของเขาที่ป่วยอยู่ได้เสียชีวิตแล้ว...ข้าพเจ้าไม่รู้จะบอกถึงความรู้สึกของข้าพเจ้าในตอนนั้นอย่างไรดี...ทั้งเสียใจ...ทั้งผิดหวัง แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ก่อนที่ข้าพเจ้าจะได้รับข่าวร้าย ข้าพเจ้าเพิ่งจะพูดกับคนใกล้ชิดของข้าพเจ้าที่นั่งรถมาด้วยว่า ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ไม่มีใครตายอีกและหวังว่าจะไม่มีการตายเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สี่และครั้งที่ห้า<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    จากเหตุการณ์นี้ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความคิดขึ้นมาว่า วิถีของการจดจ่อไม่ได้เป็นไปแต่เพียงในยามหลับหรือในความฝันเท่านั้น แต่หากเป็นไปได้ทั้งในยามหลับและยามตื่น และเป็นไปได้ตลอดเวลา ไม่ทราบว่าท่านทั้งหลายมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย หากเรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ หรือขัดจังหวะการสนทนาของท่าน ข้าพเจ้าเพียงแต่อยากจะเล่าสู่กันฟัง หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านทั้งหลายเท่านั้น<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ขอบคุณครับ<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  12. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    สวัสดีครับ คุณธรรมจิตต์

    ประโยคที่ว่า "วิถีของการจดจ่อไม่ได้เป็นไปแต่เพียงในยามหลับหรือในความฝันเท่านั้นแต่หากเป็นไปได้ทั้งในยามหลับและยามตื่นและเป็นไปได้ตลอด"

    คำกล่าวนี้เป็นจริงนะครับ เราต่างก็เปลี่ยนแปลงวิถีการจดจ่อของเราเองเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่เลือกว่าจะหลับ หรือตื่น ทุกอย่างเอื้อถึงกัน เพียงแต่ในยามฝันจะปราศจากเวลา ปราศจากช่องว่าง ปราศจากระยะทาง

    แม้แต่ในยามตื่น ความเป็นจริงที่ว่าไม่มีช่องว่าง ไม่มีระยะทาง ไม่มีกาลเวลา ก็ยังเป็นความจริงอยู่เสมอ เพียงแต่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่เราสัมพันธ์กับโลกภายนอก เป็นตัวบดบังการรับรู้เท่านั้นเอง

    อ.อนาลัย ท่านจะเน้นให้เรามีสติสัมปชัญญะที่คมชัด ติดตามดู อารมณ์ ความคิด ความรู้สึก จินตนาการ ที่อยู่ในความเชื่อ

    เราต่างสร้างโลกแห่งความเป็นจริงจากความเชื่อของเราเองทั้งหมด

    หากคุณธรรมจิตต์ไม่ต้องการที่จะฝันถึงเรื่องคนตายอีก ลองสังเกตดูนะครับว่า ทุกอารมณ์ ทุกความคิด ทุกจินตนาการ มีแว่ปเรื่องนี้ขึ้นมารึเปล่าครับ

    เช่น ไม่อยากเห็นคนตายในฝัน ไม่อยากรับรู้เรื่องราวความตายอีก คิดว่าเรารู้ข้อมูลความตายเหล่านี้ล่วงหน้า

    หากไม่ต้องการรับ เราก็ปรับคลื่นไปช่องอื่น โดยการเปลี่ยนการจดจ่ออารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ในขณะที่ตื่น และใช้สติสัมปชัญญะนี้ตามต่อไปในความฝัน เพราะยามตื่นอาจจะมีบางความคิด ความรู้สึกที่เล็ดรอดการรู้เห็นของเราไป สิ่งเหล่านี้จะสร้างเป็นตัวตน สัญลักษณ์ต่างๆต่อในความฝัน แก้ไขได้โดยการใช้สติสัมปชัญญะตามติดเข้าไป โดยเบี่ยงเบนความสนใจในสิ่งที่เราไม่ต้องการรับรู้ไป ถ้าในฝันจะทำได้โดยการเปลี่ยนความสนใจไปเรื่องอื่น การหนีในความฝันไปตามช่องว่างจะไม่สามารถกระทำได้ เพราะภาวะจิตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรา ที่เราสร้างขึ้นมา และนำสัญลักษณ์ไปคลุมทับไว้

    เมื่อเราใช้สติสัมปชัญญะตามติดเข้าไปไม่ว่ายามตื่น และยามหลับ ข้อมูลเหล่านี้จะค่อยๆหายไปเองครับ

    เพื่อนๆว่ายังงัยครับ
     
  13. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    ;welcome3 ค่า คุณธรรมจิต ห้องนี้มีไว้เพื่อเรียนรู้และแบ่งปันประสบการณ์ไปพร้อมกัน จึงไม่มีการรบกวนกันแต่อย่างใด ยินดีต้อนรับค่า
     
  14. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    ขอบคุณครับคุณเซลล์

    บางทีการที่เราคิดว่าเราอยากหนีเหตุการณ์ใดหรือสิ่งใด นั่นแสดงว่าวิถีของการจดจ่อของจิตวิญญาณของเราเข้าไปจดจ่อกับสิ่งนั้นโดยที่เราไม่รู้ตัวแล้ว ฉะนั้นถ้าเรามีสติสัมปชัญญะก็จะทำให้เราไม่เผลอหรือลืมตัวไป หรืออาจกล่าวได้ว่าสติสัมปชัญญะเปรียบเสมือนเครื่องมือที่จะช่วยควบคุมวิถีของการจดจ่อได้...ไม่ทราบว่าความเข้าใจของข้าพเจ้าถูกหรือไม่ครับ
     
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คิดว่าคุณธรรมจิตเข้าใจถูกแล้วครับ เดี๋ยวพี่นักเขียนฯคงจะมีอะไรมาช่วยเสริมให้ครับ
    การ"หนี"นั้นว่าไปก็เหมือนยังผูกติดกันอยู่นะครับ สิ่งนั้นวันหนึ่งอาจตามมาก่อกวนเราได้อีก ผมมองว่าการตายจากกันก็เป็นบทเรียนธรรมชาติบทหนึ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ถีงคุณค่าระหว่างสรรพสิ่งทั้งหลายที่เชื่อมโยงกัน การฝันถึงเรื่องความตายนั้นก็เป็นไปอย่างธรรมชาติจากอารมณ์และความรู้สึกภายในนะครับไม่ใช่เรื่องเศร้าซะทีเดียว เพียงแต่คุณธรรมจิตต์ อาจตระหนักว่าเราอาจมีอารมณ์ในเชิงลบอยู่ก็ได้ และอยากจะเปลื่ยนความรู้สึกนี้ให้ดีขึ้น >>>

    จริงๆสามารถทำได้ครับ เหมือนที่พี่นักเขียนบอกครับว่าเรามีพลังที่จะควบคุมประสบการณ์ด้วยการมีสติรับรู้ เราสามารถสร้างวงจรระหว่างสรรพสิ่งขึ้นมาด้วยตัวเราเอง และทุกส่งจะหลั่งไหลเข้ามา เช่น การมองโลกในแง่บวก,ความรู้ความเข้าใจ,ความมีพลัง,ความมีอิสระ,ความชื่นชมยินดี,ฯลฯ และทำได้ไม่ยากเกินไปครับ เหมือนการหยิบกล่องเปล่าขึ้นมา 1 ใบครับ แล้วหยิบส่งที่ต้องการมาใส่ไว้..ทำในใจก็ได้ครับ
    แล้วเขียนหน้ากล่องไว้หน่อยครับว่า "อะไรก็ตามที่อยู่ในนี้จะเป็นจริง"

    ชีวิตอาจไม่ใช่เรื่องของเมื่อวานนี้หรือวันพรุ่งนี้ แต่เป็นเรื่องของตอนนี้-เดี๋ยวนี้
    เป็นเรื่องวิธีหล่อหลอม "พลังงาน" ในขณะนี้ของเราเองครับ

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณครับ VDO ชุดนี้ดูแล้วลุ้นดีครับ..
    ไปแกล้งเค้าแล้วเจอแบบนั้น ดูแล้วขำเอาเรื่องครับ อิอิ
    ขอให้หนังสือ E- Book ของพี่นักเขียนประสบความสำเร็จครับผ้ม...
     
  17. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขออนุญาติแสดงความคิดเห็น นิดนึงนะคะ....
    คนเรามักอยากหลีกหนี สิ่งที่ไม่พึงปรารถนากันทุกคน การพยายามสลัดมันทิ้ง กลับกลายเป็นการไปดึงดูด สิ่งเหล่านี้ เข้ามามากขึ้น โดยไม่รู้ตัว เดรดก็เข้าใจเหมือนคุณธรรมจิตต์ค่ะ เพราะเราไปจดจ่อกับมันโดยธรรมชาติ

    คงไม่มีใครชอบใจกับเรื่อง สูญเสียนัก แต่ถ้าเรามองสิ่งดีๆที่ได้ จาการสูญเสีย มันมักจะมีอะไรบางอย่างกลับมาเสมอ มันมักจะมีขั้วตรงข้ามกับ สิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ สิ่งที่พี่นักเขียนเน้นย้ำอยู่ตลอดเวลา คือการฝึกสมาธิก่อนนอนเป็นประจำ เพื่อให้มีสติสัมปชัญญะ ที่คมชัด ทั้งยามหลับ และยามตื่น

    อารมณ์ และความรู้สึก ทั้งยามหลับ และยามตื่น จะเป็นตัวขยายความสัญญลักษณ์ ต่างๆที่เราพบเจอ ลองฝึกฝนดูซิค่ะ เดรดก็กำลังฝึกฝนอยู่ และเริ่มเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีเรื่องแปลกประหลาด มหัศจรรย์ใดๆเลย ทุกอย่างเป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณทั้งสิ้นเลยค่ะ

    แวะมาเล่าความฝันบ่อยๆนะค่ะ ถือว่าเป็นการถ่ายทอด และแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อการเรียนรู้กันร่วมกัน...นะคะ;aa26
     
  18. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    Game..online...:z8
    วันนี้ปรึกษากับคุณเดรดมาครับว่าจะหากิจกรรมอะไรมาเล่นในกระทู้กันดี..
    สรุปกันว่า..ให้ทายใจของเพื่อนๆ...ซึ่งจะขอเรียกเกมส์นี้ว่า "กล่องฝัน" แล้วกันครับ
    เพื่อการสั่นสะเทือนหรือเปิดโหมดรับเอาประสบการณ์เหล่านั้น เข้ามาสู่ความเป็นจริงของเรา..?
    โดยถามว่าหากมีเวลาเหลือจากความจริงที่เป็นอยู่ เราปรารถนาจะใช้มันไปในทิศทางไหนบ้าง?

    กติกา หากล่องเปล่ามา 1 ใบ นำมาวางไว้ข้างๆตัว หรือโต๊ะที่ทำงานก็ได้
    เมื่อเจออะไรที่ต้องการ ก็เอากล่องนี้ไว้ใส่รูป หรือจด list รายการที่ปราถนาเอาไว้ลงไป
    ด้วยการแยกประเภทไว้สัก 3 หัวข้อครับ เช่น..

    1. ร่างกาย+จิตใจ+อารมณ์+ความรู้สึก
    2. ความสัมพันธ์ของเราและคนรอบข้าง
    3. งานของฉัน เป้าหมายในอนาคต

    ลองหาเวลาว่างๆนึกดูครับ ว่ามีอะไรที่เรายังไม่ได้ทำ มีอะไรที่เราตกหล่นหลงลืมไปบ้าง
    ความคิดแวปแรกที่ผุดขึ้นมาก็จดบันทึกเอาไว้ครับว่าอยากให้เป็นเช่นไร?
    กระบวนการนี้จะช่วยให้เราส่งพลังงานไปจดจ่อสิ่งนั้นได้มากขึ้นครับ

    แต่...เดี๋ยวจะง่ายไปครับ งานนี้คุณเดรดแนะนำว่า***ให้เพื่อนๆทายมาก่อน***ว่าในกล่องนั้นมีอะไรบ้าง?
    แล้วเฉลยกันทีหลัง..ขอยืมคำคุณเซลล์มาใช้หน่อยนะครับ >>> "เพื่อนๆเห็นว่ายังไงครับ?"
    [​IMG]
    "กล่องฝัน" ต้นแบบครับ (ชวนพี่นักเขียนมาเล่นด้วยกันครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ตามหัวข้อที่คุณ mead กำหนดไว้
    1. ร่างกาย+จิตใจ+อารมณ์+ความรู้สึก
    2. ความสัมพันธ์ของเราและคนรอบข้าง
    3. งานของฉัน เป้าหมายในอนาคต


    ...ขอเสนอชื่อคุณเซลล์ ก่อนเลยค่ะ
    คุณเซลล์ อยู่ หนายยยยย???....เข้ากระทู้ ด่วนนนนน!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ได้เลยครับคุณเดรด ใช้สัญลักษณ์รูปภาพก็ได้ครับ หยิบมาเลย
    ขอเปิดกล่องคุณเซลล์ขึ้นเขียงเป็นคนแรกนะครับ ใครสนใจมาเล่นได้ครับ o_O

    [​IMG]

    3. งานของคุณเซลล์ เป้าหมายในอนาคต ของคุณเซลล์แวปขึ้นมาเป็น บ้านสามชั้น เลยครับ
    -อยากหาเฟอร์นิเจอร์ดีๆมาไว้ที่บ้าน ทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุขที่สุด
    -อยากให้บ้านเป็นระเบียบเรียบร้อย โปร่งเบาสบายตา เต็มไปด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่รกหูรกตา
    -อยากให้มีต้นไม้ใหญ่น้อย สระ+น้ำตก และมีดาดฟ้าไว้ดูดาว..
    -อยากทำงานที่มีอิสระ ประสบความสำเร็จเกี่ยวกับหนังสือ***( เดาครับ)
    -อยากท่องเที่ยวแสวงหาประสบการณ์ที่สนใจทั่วโลกรวมทั้งจักรวาล (ถ้าทำได้)

    [​IMG]
    1. ร่างกาย+จิตใจ+อารมณ์+ความรู้สึก
    -อยากรู้สึกแข็งแกร่ง มีพลังทำในสิ่งที่อยากทำ ด้วยแรงบันดาลใจจากการ์ตูน Dragon Ball
    -อยากค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ ที่น่าตื่นเต้นและท้าทายในชิวิต
    -ชอบที่จะช่วยยกระดับจิตใจให้ผู้อื่นให้เข้าถึงความจริงอันเป็นสากล
    -ชอบแลกเปลื่ยนมุมมองความรู้ เรียนรู้สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นๆ

    [​IMG]
    2. ความสัมพันธ์ของเราและคนรอบข้าง
    -อยากไปเที่ยวกับคนที่สนิท และใช้เวลาร่วมกันอย่างดีที่สุด
    -อยากเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของทุกคนในครอบครับ
    -นำเรื่องดีๆมาแลกเปลื่ยนพูดคุยกัน เพราะเป็นเรื่องสนุกและรู้สึกดีเหลือเกิน
    -บางครั้งก็อยากอยู่ขบคิดอะไรแบบส่วนตัวและมีอิสระมากกว่าที่เป็นอยู่

    ให้กี่คะแนนดีครับคุณเซลล์
    รู้สึกความฝันคุณเซลล์ (ของผม) ดูจะเรียบง่ายไปหน่อยนะครับ อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...