วิชชาที่จะทำให้อยู่รอดจากยุคสมัยแห่งภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 17 กรกฎาคม 2006.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    [​IMG]

    ...ชีวิตที่ผ่านมา...............มันมีคุณค่ามากมาย
    ชีวิตที่ผ่านไป..................ค่ามากมายคุณทวี
    …ชีวิตที่ตรงนี้..................มีคุณค่าอยู่ที่นี่
    ชีวิตเวลานี้......................อยู่ที่เธอต้องจัดการ
    ...เป็นทุกข์คือชีวิต............ที่ลิขิตแล้วก็ผ่าน
    เป็นสุขคือเมื่อวาน.............ที่ก็ผ่านไปเช่นกัน
    …เป็นทุกข์มาอีกแล้ว..........ก็ไม่แคล้วต้องโศกศัลย์
    เป็นสุขเมื่อไหร่กัน..............รอวันนั้นที่จะมา
    …วันนี้ต้องเหนื่อยกาย.........ต้องทุกข์ใจซะยิ่งกว่า
    วันนี้มีน้ำตา......................นองใบหน้าใจทุกข์ตรม
    …เดี๋ยวทุกข์มันก็ผ่าน..........ใจชื่นบานอย่าขื่นขม
    อย่ามัวเศร้าโศกตรม...........จะยิ่งจมอเวจี<O:p</O:p
    ...สู้มันทั้งกายใจ...............ไม่หวั่นไหวต่อกรตี
    อย่ายั้งตั้งใจมี....................มั่นคงที่ตรงเส้นชัย
    …แม้เหนื่อยจนใจท้อ...........มืออย่างอลุกขึ้นใหม่
    สร้างหวังด้วยจิตใจ.............มั่นคงไว้ตรงเส้นทาง
    ...ยามเธอเดี่ยวเปลี่ยวเหงา...อย่ามั่วเศร้าใช่อ้างว้าง
    ฉันยังยืนอยู่ข้าง.................แม้กายห่างใจยังเคียง
    ...ขอเพียงเธอมั่นทน..........ไม่สับสนไม่เอนเอียง
    ใจฉันมั่นคงเที่ยง................ส่งลำเลียงใจถึงเธอ<O:p</O:p
    ……........................................….ธรรมดา(ฯ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2008
  2. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขอบใจ ณ. มากมากเลยจ้ะ ที่ขยันนำเอากลอนของคุณธรรมดามาฝากกัน...

    อ่านแล้วได้อารมณ์ เข้าถึงธรรม มีกลิ่นไอของความเป็นไทยเดิมปนดีจังเลยจ้ะ...

    แถมยิ่งมีภาพสวยๆ ประกอบด้วยแล้ว ได้ทั้งอรรถรส ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางอารมณ์ดีจริงๆ เลยจ้ะ...

    โมทนาด้วยนะจ้ะ
     
  3. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516

    รูปดอกไม้แดง แย้ม สิบสามกลีบสวยมากครับ
     
  4. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนาครับ เคยฝึกแต่ใช้กำลังมโนมยิทธิเต็มกำลัง ฝึกกสิน10หรือกรรมฐาน40โดยอธิษฐานให้ออกมาพร้อมกันครับ..
    แต่จะจะพยายามทำให้ดียิ่งขึ้นครับ ขอทุกคนอย่าประมาทนะครับ เร่งรัดทาน ศีล ภาวนา ปัญญาอยู่เสมอทุกลมหายใจครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2008
  5. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384

    คุณแพทช่วยขยายความหน่อยสิค่ะ... ใช้มโนเต็มกำลัง กสิณ 10 กรรมฐาน 40 อธิษฐานให้อะไรออกมาพร้อมกันคะ... ใช่กลีบดอกไม้หรือเปล่า...

    ถ้าใช่... ช่วยแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนๆ ได้ใช้ศึกษากันบ้างสิคะ...

    ขอบพระคุณค่ะ
     
  6. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ดอกไม้ในธรรมชาติ มี ๓ กลีบ ๔ กลีบ หรือ ห้ากลีบ
    หรือเป็นซีรี่ย์ของเลขข้างต้น
    ไม่มีดอกไม้ใดมี ๑๓ กลีบ

    ดอกไม้นี้วงศ์ compositae
    มองดีๆจะเห็นว่ามีดอกขนาดเล็กมากมายรวมกันอยู่ตรงกลาง เป็นดอกไม้ไร้กลีบ
    แผ่นสวยๆสีจัดจ้านสิบสามชิ้น เรียกใบประดับ
    ล่อแมลงให้มาเห็นดอกไม้ไร้กลีบเหล่านี้ มาเคล้าคลึงเพื่อผสมเกสรให้ดอกไม้ไร้กลีบ เพื่อได้เมล็ดไว้ขยายพันธุ์ต่อไป

    หญิงสาว เกิดมาสวยบริสุทธิ์
    มีศีลแต่งมาตามกรรมอันเป็นกำเนิด
    มีทรัพย์เพราะทาน มีรูปงามเพราะศีล มีปัญญาเพราะภาวนา

    หญิงสาวบางกลุ่มพรางกรรมตน
    แต่งสีรูปโฉมโนมพรรณให้สะดุดตาชาย
    ล่อให้ชายหนุ่มตกหลุม.. เหมือนแมลงทีูู่ถูกดึงดูดมาเพราะสีของใบประดับ....

    ธรรมมะ ธรรมดา
    พบได้ในธรรมชาติ พบได้ในมนุษย์ เพราะมนุษย์ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมดา....
    ขอบคุณน้อง ณ. ทีนำรูปภาพมาให้ชม
    ขอบคุณคุณปาฏิหาริย์ที่นับใบประดับได้ ๑๓ ใบค่ะ

    </o>
     
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    [​IMG]

    ...สายลมพลิ้วริ้วโรมเร้าเข้าโอบกอด
    เกลียวคลื่นพรอดกระซิบพร่ำคำรักฝั่ง
    แสงแดดอุ่นประทับจูบมอบพลัง
    <O:p</O:pายฝนสั่งยังทายทักบอกรักเธอ
    ...หมู่เมฆขาวหอบเรื่องราวเฝ้าฝากบอก<O:p</O:p
    พันธุ์ไม้ดอกแย้มยิ้มเยือนพริ้มเสนอ
    แมลงปอผีเสื้อผึ้งภู่เพื่อนเกลอ<O:p</O:p
    ร่วมปนเปรอรำพรรณรักประจักษ์ใจ
    ...เสาะแสวงหลักแหล่งรักค้นคว้าหา<O:p</O:p
    มองด้วยตาเห็นด้วยจิตชิดเคียงใกล้
    มากความรักพูนเมตตาล้นน้ำใจ<O:p</O:p
    ธรรมชาติสายธารใจมีให้เธอ<O:p</O:p
    ......................ธรรมดา(ฯ)
     
  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    [​IMG]

    ...ฝนโปรยปรายชะล้างฝุ่นละออง
    น้ำทิพย์กรองจากฟ้าลงมาสู่
    ปลุกปลอบตาต้นใบให้ได้รู้<O:p</O:p
    แตกดอกชูช่อเขียวผลิเสี้ยวใบ
    ...สีเขียวอ่อนอบอุ่นมีชีวิต<O:p</O:p
    งามวิจิตรยามต้องลมพัดไหว
    พลิ้วล้อลมเล่นฝนสดชื่นใจ<O:p</O:p
    งามสดใสยามต้องแสงอรุณ
    ...แดดฉาบอาบดอกใบเพียงแผ่วผิว<O:p</O:p
    ลมโชยฉิวรับตะวันอันอบอุ่น
    หยาดน้ำฟ้าน้ำค้างคืนสมดุล<O:p</O:p
    กลายเป็นไอกรุ่นอุ่นคืนกลับไป<O:p</O:p
     
  9. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เจอบทความดีๆ นำมาแบ่งปันกันคร้าบ

    ที่มา
    http://palungjit.org/showthread.php?t=135129

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2547 11:35 น.
    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=8971<!-- / message -->
     
  10. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนาในธรรมด้วยครับ
    ผมขอเล่าประสบการณ์การปฏิบัติื เล็กๆน้อยๆ
    ถ้าผิดพลาดขอให้พี่ๆน้องๆช่วยเสริมด้วยนะครับ
    ผมยังเลวมหาศาล หลังจากจับลมหายใจเข้า-ออกรู้สติผ่าน จมูกรู้ ผ่านหน้าอกรู้
    ผ่านท้องรู้พร้อมจับภาพพระพร้อมมีแสงสว่างกลางองค์ท่าน
    ถอยมาพิจารณา(อารมณ์สบายหรืออุปจารสมาธิ)ความตายย่างก้าวเข้ามาเป็นปกติ
    เราตายได้ทุกเวลาเช้าสาย บ่ายคำ่ มาพิจารณาไตรลักษณ์,ขันธ์5
    ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นอนัตตา(สลายไป) อนิจจัง(เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด) ทุกข์(ทุกๆสิ่งในโลกมีแต่ทุกข์)
    ดูว่าร่างกายเรามันให้สุขหรือทุกข์ ตายได้เสมอ ป่วยอยู่เสมอ นั่งเข้าส้วม หากิน
    อีกมากมายมันสุขตรงไหน พิจราณาร่างกายของคนอื่นพ่อแม่ แฟน ณาติ[ก็พบแต่ความทุกข์เพราะทุกๆคนมีแต่โลภ โกรธ หลง ตัณหา(ความทะยายอยาก) อุปาทานขัน อกุศลกรรมอย่างนี้จะสุขไหมนี่]จนหมดความยินดี
    ปารถนานิพพานเป็นที่ไปอยากเกิดอีกต้องวียนในพรหมโลก เทวโลก คน อบายภูมิวนอยู่อย่างนทุกข์ี้ไม่จบไม่สิ้น ปารถนานิพพานอารมณ์เดียวเข้าสมาธิลึกลงไปจนลมหายใจขาดหายอฐิษฐานขอ
    พระพาเราออกจากสังขารเน่านี้ไปครับ

    (คิดซะว่าเป็้นการซ้อมตายนะครับมันจะได้ชิน จิตมันจะจำเวลาตายจะได้ไม่พลาดปล.ไม่แต่ท่านที่ได้มโนเต็มกำลัง ครึ่งกำลังก็ได้ วิชาาสามก็ให้รู้สึกตาม)อย่าไปสนใจทุกข์เวทนา(ถ้าป่วย) หรือร่างกายจับแต่พระนิพพาน


    ออกไปแล้วผมไปนิพพาน เรื่องฝึกกสิน10ผมอฐิษฐานขอให้ดวงแก้ง(อาโลกกสิน)ปรากฎข้างในเป็นแสงสว่าง
    เข้าณาน4จนแสงสว่างเป็นประกายเพชร อฐิษฐานขอให้ออกมาอีกเก้าดวงโดยข้างในเป็นกสิน10 มีดินสีส้ม ก้อนนำ้ ไม้มีลมไหวๆ กองไฟ สีเหลือง แดง เขียว ขาว แสงสว่างจนครบเข้าจนทั้ง10กองถอยสลับณาน1 2 3 4จนคล่อง
    กรรมฐาน40ก็คล้ายกัน อนุสติ10 ธาตุ4แยกดินนำ้ลมไฟออกมาจากกายเราคล้ายภาพ3มิติครับ กายคตานุสติพิจารณาร่างกายมีแต่ความสกปรกเลือด นำ้หนอง ตับ ไต ไส้ ปอด
    อสภกรรมฐาน10เช่นโครงกระดูก ศพขึ้นอืด ขาดครึ่ง เน่า หนอนไต่ตอม
    พรหมวิหาร4แผ่ไปทั่วหมดสามโลก เมตตา(รักเขาเสมอตัวเรา) กรุณา(ช่วยเหลือเขาเมื่อมีโอกาส) มุทิตา(ยินดีเมื่อเขาได้ดี) อุเบกขา(เิกินกว่ากฏแห่งกรรมวางเฉย)
    อรูปณาน4กำหนดแก้ววงหนึ่งโดยมีเราอยู่ภายและมีรู้สึกอากาศเว้งหว้าง วิณณานความรับรู้ รู้สึกถึงความว่างไม่มีกาย รู้สึกถึงความไม่มีรู้ได้หมายจำ(คล้ายหินหนาวก็ไม่รู้)

    เท่านี้แหละครับแต่ท่านใดจะเลือกกองใดกองหนึ่งแล้วพิจารณาอริยสัจ4หรือร่างกาย
    จนปารถนานิพพานหมดความต้องการสามโลก ตั้งใจ เด็ดเดี่ยว(สู้ยอมตาย)ทุกลมหายใจก็นิพพานได้เสมอกันครับ

    ขอกราบคุณความดีพระรัตนตรัย ครูบาอจารย์หลวงปูปาน หลวงพ่อฤาษีเทพ พรหมผู้ทรงความดี ท่านผู้มีคุณด้วยครับ
    (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2008
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>
    [​IMG]

    ...ยามเศร้าหมองน้ำตากลบเบื้องหน้า
    ยามโศกาซึมสลดใครปลดได้
    ยามสูญเสียใครบ้างได้อย่างใจ<O:p</O:p
    ยามเสียไปก็ต้องเสียแม้เสียใจ
    ...ยามเราทุกข์กอดเข่าตั้งคำถาม<O:p</O:p
    ทำไมหนอเป็นเราช่างสงสัย
    ทำไมหนอต้องเจอเรื่องเลวร้าย<O:p</O:p
    ทำไมหนอทำไมต้องเป็นเรา
    ...อย่าก้มหน้ามัวมองแค่พื้นดิน<O:p</O:p
    อย่าตัดสินทุกเรื่องด้วยนิ้วเท้า
    อย่ามุดหัวซ่อนหน้าเข้าหาเงา<O:p</O:p
    เรื่องโศกเศร้ากาลพัดแล้วผ่านไป
    ...ให้อดทนฝืนทนให้มันอยู่<O:p</O:p
    ให้ต่อสู้เงยหน้าท้าฟ้าได้
    ให้หาทางฟันฝ่ามันออกไป<O:p</O:p
    ให้เรื่องร้ายแพ้พ่ายไปตามกาล<O:p</O:p
    .........................ธรรมดา(ฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2008
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    [​IMG]

    ...เจ็บปวดทุกข์ร้าวรวดร่ำร้องไห้
    เสียอะไรเสียไปไม่กลับหวน
    เสียอะไรเสียใจโศกคร่ำครวญ<O:p</O:p
    ใจรัญจวนปานขาดมันบาดใจ
    ...ทุกข์ทางกายทางใจก็คือทุกข์<O:p</O:p
    มันบุกรุกกวนใจหวาดหวั่นไหว
    เสียกำลังกายใจทีเสียไป<O:p</O:p
    มันเติมได้แค่เราเปิดรับมัน
    ...ทุกข์หนึ่งร้อยไม่มีไม่เคยพบ<O:p</O:p
    สุขประสบเต็มร้อยที่ไหนนั่น
    ทุกข์กับสุขประสมคละเคล้ากัน<O:p</O:p
    ยอมรับมันให้ได้เท่านั้นใจ
    ...หากเหนื่อยนักพักนิดก็ได้นะ<O:p</O:p
    เพิ่มพละกำลังแล้วสู้ใหม่
    แค่เธอสู้มีเพื่อนสู้อีกมากมาย<O:p</O:p
    ทุกคนไม่ได้สู้อยู่ลำพัง
    ...มองรอบตัวดูสิมีคนสู้<O:p</O:p
    ฉะนั้นอย่าหยุดอยู่อย่าหยุดยั้ง
    สู้ต่อไปจงเชื่อมั่นในพลัง<O:p</O:p
    มีความหวังถ้าเราสู้อยู่ด้วยใจ
    .......................ธรรมดา(ฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2008
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สัมผัสธรรม

    [​IMG]

    ...ได้อะไรในการที่สูญเสีย<O:p</O:p
    ได้อ่อนเพลียหมดแรงเท่านั้นหรือ
    ได้อะไรให้เราต้องฝึกปรือ<O:p</O:p
    ได้อะไรน่ะหรือคืออะไร
    ...ได้อะไรได้การต้องเรียนรู้<O:p</O:p
    ได้อะไรการต่อสู้ก็ยังได้
    ได้อะไรความอดทนต้องฝึกไป<O:p</O:p
    ได้อะไรการเริ่มใหม่เริ่มอีกที
    ...ได้อะไรสมองมีให้ต้องคิด<O:p</O:p
    ได้อะไรการพิชิตชีวิตนี้
    ได้อะไรได้มากมายคิดให้ดี<O:p</O:p
    ได้อะไรมากมีประสบการณ์
    ...ได้อะไรในชีวิตได้อะไร<O:p</O:p
    ได้มากมายสิ่งที่มันพ้นผ่าน
    ได้ชีวิตคือชีวิตที่เบ่งบาน<O:p</O:p
    ได้เรียนรู้ความขมหวานธารชีวิต
    .........................ธรรมดา(ฯ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มิถุนายน 2008
  14. TupLuang

    TupLuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,143
    ค่าพลัง:
    +1,371
    เฮ้อ - ข่าวว่าน้ำจะท่วมโลกแน่ ไม่มีใครรู้ว่าอีกเมื่อไร อาจจะ ๕ ปีหรือ ๑๐ ปีก็ได้ทั้งนั้น

    ข่าวโลกแตกมีมานานครับ ผู้คนฟังแล้วก็ตื่นกลัวบ้าง หัวเราะเยาะบ้าง สุดแท้แต่ว่าใครเป็นคนประกาศข่าวโลกแตก

    ช่วงนี้เสียงหัวเราะเยาะอาจจะแผ่วลงหน่อย แล้วความตื่นกลัวก็เกิดขึ้นอย่างยาวนานกระทั่งด้านชาและกลายเป็นความชินไปเสียแล้ว เพราะดินฟ้าวิปริตปรวนแปรเหลือเกิน ในวันเดียวกันธรรมชาติอาจมี ‘อารมณ์แปรปรวน’ ได้สารพัด เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก เดี๋ยวร้อนแสบผิว เดี๋ยวหนาวถึงไขกระดูก นี่เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ต้องไปดูภูเขาน้ำแข็งถล่มที่ไหนก็รู้สึกได้ว่าโลกทำตัวเกเรขึ้นทุกวัน

    แถมข่าวโลกแตกรอบนี้ ก็ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะในหมู่บ้านเล็กๆเสียด้วย แต่เป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ผู้มีหน้าที่สอดส่องดูแลความเป็นไปของประเทศและของโลกโดยตรง!
    เอาล่ะ! สมมุติว่าคราวนี้โลกจะแตกจริงๆเสียที ด้วยการมีน้ำท่วมไปทุกหนทุกแห่ง แล้วเป็นยังไง เราจะทำอะไรได้?

    มาตั้งต้นกันแบบที่ทำให้ไม่ตื่นกลัวและไม่ประมาทดีกว่า วิธีก็ง่ายๆคือถ้ายังไม่มีโจทย์ให้ชีวิตในอนาคต ก็ตั้งโจทย์สมมุติให้กับวันนี้แล้วกัน

    ถามตัวเองหรือยังว่าถ้าต้องพลัดพรากกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ดีที่สุดในโลกอย่างมือถือและอินเตอร์เน็ตดังเช่นปัจจุบัน คุณจะเลือกไปอยู่กับใคร? แน่นอนว่าคุณคงเลือกอยู่กับคนที่รักไม่ได้ครบทุกคน เพราะในวันน้ำท่วมฉับพลัน คนที่คุณรักอาจอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คุณจะรู้สึกว่าเขาอยู่ไกลคุณจริงๆก็ตอนไม่มีมือถือและอินเตอร์เน็ตนี่แหละ

    สรุปคือในที่สุดอันเป็นสุดท้ายแล้ว คุณเลือกอยู่กับใครไม่ได้ตามปรารถนาหรอก ซึ่งนั่นก็ไม่แตกต่างจากที่กำลังเป็นอยู่สักเท่าไรเลย แม้คุณสมใจได้อยู่กับบุคคลอันเป็นที่รักในวันนี้ คุณก็ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะมีเงื่อนไขหรือปัจจัยใดมาพรากเขาไป และวันใดบุคคลอันเป็นที่รักถูกพรากไปโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง วันนั้นเองที่ต้องตระหนักด้วยความตระหนกว่าคุณไม่เคยมีสิทธิ์อยู่กับใครจริง

    คุณต้องอยู่กับตัวเองตลอดไป ตราบเท่าที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิด ฉะนั้นถ้าเตรียมสร้างตัวเองให้น่ารัก น่าอบอุ่น และน่าอยู่ด้วย คุณก็จะมีความสุขอยู่กับตัวเองในทุกวาระสุดท้าย ไม่ว่าจะต้องตายโหงในชาตินี้หรือตายดีในชาติไหน

    อีกสักคำถามหนึ่ง คุณถามตัวเองหรือยังว่าถ้าจะต้องเป็นหนึ่งในผู้จมน้ำตาย หรือกระหายน้ำจนขาดใจเพราะหนีขึ้นที่สูงเกินไป คุณจะเอาอะไรเป็นทุนรอนสำหรับเกิดใหม่ ให้ดีกว่าต้องมาอยู่ในโลกที่จมน้ำได้? แน่นอนว่าตอนยังดีๆทุกคนจะบอกว่าช่างเถอะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ทำวันนี้ให้ดีที่สุด... แต่ขอโทษที คนพูดอย่างนี้ส่วนใหญ่จำๆเขามานะครับ ดีที่สุดที่จะทำวันนี้ของคนพูด ก็มักไม่ต่างจากเมื่อวานและวันก่อนๆ นั่นคือขอให้ผ่านไปอีกวัน กินให้อร่อยที่สุด นอนให้นานที่สุด และขับถ่ายอุจจาระปัสสาวะให้โล่งที่สุด!

    พอถึงคราวหายนะขึ้นมาจริงๆ มีสักกี่คนทำใจได้ เราต้องการความมั่นคงทางใจในวาระสุดท้ายเป็นสำคัญ ความมั่นคงทางใจเท่านั้น ที่จะทำให้เราพร้อมตายโดยไม่ต้องทำใจใดๆ ทุกอย่างจะสบายในตัวเอง

    ความมั่นคงทางใจเกิดขึ้นจาก ๒ สิ่ง
    ๑) กรรมดีที่สั่งสมมา ไม่ใช่เฉพาะกรรมดีที่ตาลีตาเหลือกระลึกถึงพระอรหันต์ในขั้นสุดท้ายนะครับ ต้องเป็นความดีที่บำเพ็ญมาทั้งชีวิต ความดีจะปรากฏเป็นความขาว ความสว่าง และความรู้สึกงดงามทางใจ ก่อให้เกิดความสุข ความตั้งมั่นโดยไม่ต้องวิงวอนขอการคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ

    ๒) ความเข้าใจ สิ่งที่ทำให้คนหวั่นไหวคือความไม่รู้ ความไม่แน่ใจ ซึ่งนั่นก็เพราะยังไม่ศึกษาให้เข้าใจในสิ่งที่ต้องเผชิญนั่นเอง ความเข้าใจที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดยามตาย คือความเข้าใจว่าร่างที่จะตายไม่ใช่เรา เป็นเลือดเนื้อจากคำข้าวที่เอามาจากโลก และต้องคืนให้กับโลก กับความเข้าใจว่าดวงจิตที่จะดับไม่ใช่เรา เป็นแค่ธรรมชาติที่เกิดด้วยเหตุ และดับไปเรื่อยๆอยู่แล้วแม้ระหว่างมีชีวิต แค่ตื่นมาก็ถือว่าจิตเกิดใหม่ แค่หลับไปก็ถือว่าจิตดับแล้ว จะต่างอะไรจากจิตดับยามตาย

    สรุปคือถ้าเข้าใจถูกและดีพอ คุณก็จะยิ้มรอโลกแตกได้ไม่ต่างจากที่เคยรอวันพรุ่งนี้ที่แสนธรรมดาจริงๆครับ

    http://dungtrin.com/mag/?42.news
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <LI class=floatcontainer id=vmessage14060>[​IMG]
    <INPUT class=inlinemod_checkbox id=vmessagelist_14060 title="" type=checkbox value=0 name=vmessagelist[14060] inlineModID="inlineMod_comment"> วันนี้ 04:25 PM
    สันโดษ

    สำหรับที่นี้ คือที่ที่สันโดษเเละ เพื่อนๆจินตนาการว่า

    ถอดจิตจากโลก มนุษย์ คะ


    พวกเรา เข้าไปเล่นตามห้องนู่น ออกห้องนี้ จินตนาการเอาว่าเป็น สวรรค์คะ

    ไม่ว่า พวกเราปราถนานิพพาน หรือ พุทธภูมิก็เเล้วแต่ นะคะ ก็ดีทั้งนั้นเลยคะ

    สำหรับสันโดษเวลาเข้ามาที่นี้ .......

    สันโดษจะปิดมือถือ ปิดการติดต่อ และ ให้ ตนเองเป็นเหมือน จิต

    จิตที่ปราถนาดีเเละมอบสิ่งดีๆ ผ่านโดย คุณตัวอักษรทั้งหลาย

    มนุษย์ปัจจุบันได้ใช้เวลากับอินเตอร์เน็ต วันละหลายชั่วโมง

    ดังนั้นความคิดคุณธรรมและการหล่อหลอม

    ความเป็นคนไม่ว่าจะดีหรือไม่ได้เกิดที่นี้

    สันโดษจึงตั้งใจหาสิ่งดีๆ และ ตัวหนังสือที่ดีๆ เพื่อจรรโลงใจเพื่อนๆ

    ให้ มี จินตนาการที่สวยงาม อย่างไร้ขอบเขต เเห่งการสร้างความดี

    สันโดษ คิดว่า ทำดี สำหรับ คนที่สันโดษรู้จัก จาก 1 เป็น 2

    จนตอนนี้ ความดี ที่สันโดษสร้าง ขยาย มากขึ้นเรื่อยๆ

    ถึงเเม้ ตัวอักษร จะ ไม่มีราคา ไม่มีความหมาย

    แต่ ชั่วขณะหนึ่ง เรา สามารถ ทำให้คน บ้างคน หยุดคิด หยุดทุกข์ได้

    เเม้ เพียง วินาทีเดียว ที่ทำให้คนมีความสุข

    เท่านี้ โลกเรา ก็ ความสุข 1 คน ในวินาทีนั้นคะ

    ขอให้ มีความสุข และ รักตัวเองก็พอนะคะ

    เเม้เพียงวินาทีเดียว ก็ดีกว่า ไม่รู้จักกับคำว่า ความสุขเลยคะ
     
  16. สาวปีใหม่

    สาวปีใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    1,004
    ค่าพลัง:
    +2,368
    หลังจากที่ได้ยินคุณธร เคยเล่าเรื่องการแผ่เมตตาไปตลอดทาง ขณะที่นั่งอยู่ในรถ หรือเดินทางไปไหน
    วันรุ่งขึ้นก็ได้เดินทางไปติดต่อทำกิจธุระแถวซอยสายลม เมื่อลงจากรถ และเดินขึ้นไปซื้อน้ำที่โรงอาหาร ได้ตั้งจิตอุทิศส่วนกุศลโดยอธิฐานว่า

    ขออุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันในทุกภพทุกชาติ ขอผลบุญกุศลทั้งบุญเล็กน้อย บุญใหญ่ทั้งหลายก็ตามจงมารวมตัวกันณ.ขณะนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลนั้นให้แก่พระภูมิเจ้าที่ณ.ที่แห่งนี้ รวมทั้งสัพสัตว์ทั้งหลาย และสัมภเวสี ทั้งหลายที่อยู่ณ.ที่นี้ ขอจงได้รับผลบุญนี้ และจงร่วมอนุโมทนาบุญกับข้าพเจ้าผลบุญใดที่เกิดแก่ข้าพเจ้าขอผลบุญนั้นจงยังประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายเช่นกัน ขอให้ท่านทั้งหลายจงเป็นสุข และอยู่ในภพในชาติที่มีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป

    ขณะนั้นก็พยายามระลึกถึงอารมณ์เมตตา ความเย็น สบายค่อยๆแผ่ออกไปด้วย อาจจะทำได้ไม่ดีนักแต่ผลที่ปรากฎทันทีที่จบคำอธิฐานคือ ร่างกายรับรู้ถึงความปิติเย็นวาบลงมาทั้งตัว คล้ายๆขนลุกแต่เป็นตั้งแต่ศรีษะลงมาทั่วตัว อาการนี้ประคองตัวอยู่นานขณะหนึ่ง

    จึงอยากมาเล่าให้อ.เล็กและคุณธรฟัง เพราะไม่เคยเกิดความรู้สึกชัดเจนแบบนี้มาก่อน ถ้ามีคำแนะนำเพิ่มเติมช่วยกรุณาด้วยนะคะ (ได้อ่านข้อความด้านบนแล้ว ขอบพระคุณมากค่ะ)
     
  17. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    โมทนา และ ขอบพระคุณค่ะที่กรุณานำประสบการณ์ และวิธีการปฏิบัติมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้นำไปศึกษา พิจารณา และ ปฏิบัติตามค่ะ...

    ขอให้คุณแพทเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมตามที่จิตปรารถนาโดยเร็วพลันด้วยนะคะ...
     
  18. พัฒนาตน

    พัฒนาตน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +1,282
    คัดลอกมาอีกที่ครับ
    ความรักที่มีแต่สุข ไม่มีทุกข์เจือปน เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในทางพุทธศาสนา ความรักอันบริสุทธิ์ที่จะนำชีวิตไปสู่ความสุขแท้ คือความรักที่ต้องอาศัยคุณธรรม ๔ ประการ คือ

    พรหมวิหาร ๔ อันประกอบด้วย
    ๑. เมตตา ปรารถนาให้เขามีความสุข
    ๒. กรุณา ปรารถนาให้เขาพ้นจากทุกข์
    ๓. มุทิตา พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดี
    ๔. อุเบกขา ทำใจเป็นกลาง วางเฉย

    เมตตา คือ ความรัก ความปรารถนาดีให้เขามีความสุข การเจริญพรหมวิหาร ๔ เริ่มต้นด้วยเจริญเมตตาก่อน เพราะกรุณา มุทิตา และอุเบกขานั้น เป็นคุณธรรมที่สูงขึ้นไปตามลำดับ ต้องใช้กำลังสติปัญญามากยิ่งๆ ขึ้นไป

    เมตตาเป็นบารมีอย่างหนึ่ง เริ่มต้นให้ฝึกมีเมตตาแก่ตนเองก่อน พยายามฝึกหัดขัดเกลาจิตใจให้มีความรู้สึกที่ดีออกมา ให้เป็นไปตามธรรมชาติ และให้สังเกต ศึกษาถึงความรู้สึกนึกคิดที่เป็นข้าศึกคอยกีดขวางไม่ให้เกิดความรู้สึกที่ดีออกมา ความรู้สึกที่ไม่ดี จริตนิสัยที่จะคิดไปในทางที่ไม่ดี ซึ่งจะตรงข้ามกับเมตตา ทั้งทางกาย วาจา ใจ เช่น คิดอาฆาตพยาบาท คิดเบียดเบียน คิดแต่เรื่องกามารมณ์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นข้าศึกต่อความเมตตา กามารมณ์ คือความรักใคร่พอใจในเรื่องของกาม กามราคะตัณหาเป็นอุปสรรคในการมีเมตตา เป็นความรู้สึกที่ทำให้เกิดความเห็นแก่ตัว อยากจะได้เขามาเป็นของเรา เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ มักเกิดความไม่พอใจ โกรธแค้น บางครั้งก็ถึงกับฆ่าตัวตาย ทำลายชีวิตเขา ถ้าเราสามารถรักษาศีลให้มั่นคงได้ ก็จะไม่เกิดเรื่องเดือดร้อนไปเบียดเบียนใคร แต่ถ้ากามารมณ์รุนแรงมาก ก็ควรที่จะพิจารณาร่างกายของตน เป็นอสุภะ ไม่สวย ไม่งาม เป็นปฏิกูล พยายามสงบระงับซึ่งกามารมณ์ จนรู้สึกได้ว่า ทุกคนเป็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเรา ทำให้อารมณ์เย็น ใจเย็น หลุดจากโทสะ จากราคะ
    ทำให้มีความพอใจ สุขใจ และพยายามให้ความปรารถนาดีนี้ เผื่อแผ่ไปถึงยังทุกคน

    ฝึกคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี เรื่องส่วนตัวและเรื่องรอบๆ ตัวทั้งโลก เมื่อไม่ดี ไม่ถูกใจ ให้พักไว้ สงบเงียบอยู่ในใจ รู้อยู่ เห็นอยู่ แต่ไม่ต้อง ปรุงแต่งขึ้นมา มีหิริโอตตัปปะต่อคำว่า "ไม่ดี" รักษาใจ รักษาความรู้สึกที่ดีไว้ เมื่อรู้สึกดี ก็สบายใจ สุขใจ คิดดี พูดดี ทำดี ส่งความรู้สึก กระแสจิตของใจดี สุขใจนี้ออกไป ความเมตตาจะทำให้เราไม่คิดร้าย ไม่พูดร้าย และไม่ทำร้ายใคร ที่สุดของความเมตตา คือจะไม่มีความพยาบาทเกิดขึ้นในใจ แม้ว่าจะมีผู้อื่นคิดร้าย พูดร้าย ทำร้ายเราก็ตาม เป็นเมตตาที่มีให้แม้แต่กับศัตรู ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ว่า "แม้ถูกเขาจับมัดมือมัดเท้า แล้วเอาเลื่อยมาเลื่อยจนร่างกายขาดออกเป็น ๒ ท่อน หากยังคิดโกรธอาฆาตพยาบาท ผู้นั้นไม่ชื่อว่าเห็นธรรม"

    กรุณา คือ ความสงสาร เมื่อเห็นเขามีความทุกข์ ก็คิดหาทางช่วยเหลือปลดเปลื้องทุกข์ของเขา

    กรุณาต่อตนเอง หมายถึงมีจิตใจอยากจะช่วยเหลือตนเองให้พ้นจากทุกข์ ด้วยการสำรวจตนเอง มองดูชีวิตตัวเอง เริ่มต้นที่การกระทำด้วย กาย วาจา มีอะไรบ้างที่เราควรแก้ไข ปรับปรุงตน เริ่มต้นตรวจดูด้วยศีล ด้วยกฎหมาย ระเบียบ วินัย กติกาของสังคม หรือจากการที่พ่อแม่ ครู อาจารย์ หรือเพื่อนๆ ได้ว่ากล่าวตักเตือนเรามีอะไรบ้าง จุดอ่อน จุดบกพร่องของตนเองเลือกมาข้อใดข้อหนึ่ง ทบทวนตามเหตุผล ยกขึ้นมาตั้งไว้ในใจ ตั้งใจจะแก้ไขปรับปรุง พิจารณาอยู่บ่อยๆ เป็นประจำ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ขึ้น เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว "ตั้งใจอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น" เมื่อเรามีจิตกรุณาที่จะปรับปรุงแก้ไขตัวเองแล้ว ก็ให้อาศัยอิทธิบาท ๔

    ฉันทะ มีความพอใจในการแก้ไขปรับปรุงตนเอง
    วิริยะ มีความพยายาม มีความตั้งใจสม่ำเสมอ
    จิตตะ มีจิตใจจดจ่อในการแก้ไขปรับปรุง
    วิมังสา ใช้ปัญญาทบทวน พิจารณาหาเหตุผล

    เมื่อมีข้อผิดพลาด และหาวิธีการ อุบายต่างๆ ที่จะไม่ให้เกิดผิดพลาดขึ้นอีก สร้างจิตสำนึกในการที่จะพัฒนาตน มีความพอใจในการต่อสู้กับจิตใจตนเอง

    กรุณาต่อผู้อื่น จิตที่กรุณาต่อผู้อื่น คือจิตใจที่คิดช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเรา ให้เขาพ้นจากทุกข์ แนะนำ ตักเตือนเขา เพื่อให้เขาสามารถดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควร

    สมมติว่าเราเป็นแม่ ในการเลี้ยงลูก เรามีความปรารถนาดีต่อลูก ให้ความรัก ความเมตตา สิ่งใดที่ทำให้ลูกมีความสุข เราก็ทำให้แก่ลูก เรียกว่าทำให้ลูก "ถูกใจ" ก็ดูไม่ยากอะไร แต่ความกรุณา คือช่วยเหลือให้ลูกพ้นจากทุกข์ เราต้องหมั่นอบรมสั่งสอน ให้ลูกรู้จักผิดชอบ ชั่วดี บางครั้งอาจจำเป็นต้องเคร่งครัดว่ากล่าวตักเตือน ขัดใจลูกเพื่อความ "ถูกต้อง"

    ข้อนี้เริ่มยากแล้ว กรุณาต้องอาศัยกำลังสติปัญญาและจิตใจที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น ในการเลี้ยงดูลูก เมตตาจะต้องคู่กับกรุณา ลูกจึงจะไม่เสียคน เพราะถูกตามใจมากเกินไป ดังนั้น เมตตากรุณาจึงเป็นคุณธรรมที่ควรพัฒนาไปพร้อมๆ กัน

    ความกรุณาที่แท้จริงต้องมีพื้นฐานของความเมตตาอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้นการที่เราจะว่ากล่วตักเตือนใคร โดยเข้าใจว่าเป็นความกรุณาที่ต้องการให้เขาพ้นจากทุกข์ เราต้องสำรวจความรู้สึกตนเองให้ดีด้วยว่า ไม่ได้เจือด้วยความโกรธ หากเรามีเมตตา เราย่อมปรารถนาให้เขาเป็นสุข การว่ากล่าวตักเตือน เราจะต้องคำนึงถึงความรู้สึกของเขาด้วย
    ต้องทำไปเพื่อประโยชน์และความสุขของเขาจริงๆ

    มุทิตา คือ ความยินดีเมื่อเขาได้ดี เห็นเขาอยู่ดีมีสุข เจริญก้าวหน้าก็พลอยแช่มชื่นเบิกบานใจ ไม่คิดอิจฉาริษยาและพร้อมที่จะส่งเสริมสนับสนุน

    สำหรับคนทั่วไป แม้มีเมตตากรุณามากพอสมควรแล้วก็ตาม แต่ที่จะมีมุทิตาจากใจจริงนั้น ยังหายาก ปกติเมตตากรุณา คือการเผื่อแผ่ให้คนที่ด้อยกว่าตน มุทิตา ทำจิตพลอยยินดีกับบุคคลที่มีความสุข อาจมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มากกว่าตน ปกติจิตใจที่เห็นแก่ตัว มักจะเกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา น้อยอก น้อยใจ ฯลฯ เป็นธรรมดา

    เราจึงต้องพัฒนาจิตใจให้มีมุทิตาต่อตนเองก่อน หมายถึง หัดนิสัยมองดูตนเองให้มากๆ อย่าเปรียบเทียบแต่กับคนที่ดีกว่าเรา คนที่มีลาภ ยศ สรรเสริญ สุข น้อยกว่าเรา ก็มีมาก พลเมืองในโลกนี้มีประมาณหกพันล้านคน เป็นคนยากจน ที่ไม่เคยมีข้าวกินอิ่ม หนึ่งในห้าส่วนก็เท่ากับคนพันสองร้อยล้านคนที่กินข้าวไม่อิ่ม คนที่อยู่ในสังคมที่ไม่สงบ อยู่ท่ามกลางสงคราม ป่วยเป็นโรค ติดยาเสพติด มีปัญหาในชีวิตมากมาย มองดูตน จะเห็นว่าเรามีโอกาสดีกว่าอีกหลายๆ คน อย่างน้อยก็ให้เกิดสันโดษขึ้นในจิตใจ ยินดีในสิ่งที่ได้ พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ขอบคุณหลายๆ คนที่ช่วยสนับสนุนชีวิตของเรา

    เมื่อเรามองดูชีวิตของตนด้วยใจเป็นธรรม ใจเป็นศีล ใจมีเมตตากรุณาแล้ว จะเกิดความพอใจ สุขใจในฐานะของตน สันโดษพอใจในชีวิตตนในปัจจุบัน เมื่อใครได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เขาพอใจ มีความสุข เราก็พลอยยินดีกับเขา ยิ่งพลอยยินดีกับความสุขของเขา เราก็ยิ่งเพิ่มความสุขในใจตนยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

    มุทิตาธรรมที่สมบูรณ์ จึงต้องประกอบด้วยคุณธรรมของความเมตตาและกรุณาอยู่ในตัวนั่นเอง

    อุเบกขา คือ ความวางใจเป็นกลาง เป็นปกติ ไม่ยินดี ยินร้าย เมื่อใช้ปัญญาพิจารณาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปตามสมควรแก่เหตุปัจจัยตามกฎแห่งกรรม

    หลายคนเข้าใจผิดว่า อุเบกขา คือเฉยๆ ไม่สนใจว่าใครจะทำอะไร ช่างมัน ฉันไม่เกี่ยว อุเบกขา มาจากความหมายเดิมว่า เข้าไปดูจนเข้าใจชัดเจน แล้วจิตปล่อยวาง ไม่ยึดมันถือมั่น ไม่ยินดี ยินร้าย วางใจเฉย

    ครูบาอาจารย์ เปรียบเทียบไว้ว่า เมื่อลูกของเราจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อเรียนต่อ ก่อนเดินทาง พ่อแม่ อบรมสั่งสอนทำหน้าที่ของพ่อแม่ให้ดีที่สุด และสมบูรณ์ด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา เมื่อลูกเดินทางไปต่างประเทศแล้ว ไม่ต้องคิดถึง หรือเป็นห่วงวิตกกังวลใดๆ อีก ทำใจวางเฉย รักษาใจ สงบใจ สุขใจ เราจะพัฒนาอุเบกขาขึ้นในจิตใจได้ ต้องเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งของชีวิต ว่าไม่มีใครหนีพ้นจากโลกธรรมแปด โลกธรรมแปดฝ่ายน่าปรารถนา ได้ลาภ ได้ยศ สรรเสริญ สุข โลกธรรมแปดฝ่ายไม่น่าปรารถนา ได้แก่ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ โดยเฉพาะโลกธรรมฝ่ายไม่น่าปรารถนานี้ หากเกิดขึ้นกับบุคคลอันเป็นที่รัก เช่นลูกของเราแล้ว ยากที่จะวางใจเป็นกลางได้ เรามักคิดว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม ไม่สมควรเลย แต่หากเราพิจารณาชีวิตด้วยปัญญาชอบแล้ว จะเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีประสบการณ์อยู่นั้น มันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ทุกสิ่งทีเราประสบล้วนเป็นมรดกแห่งกรรมของเราเอง ชีวิตที่เรามีประสบการณ์อยู่นี้สมบูรณ์ด้วยเหตุผล สมบูรณ์ตามเหตุปัจจัยของมันเสมอ การกระทำของตัวเอง มองดูจากระยะยาว ตั้งแต่อเนกชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงพอเหมาะ พอดี สมบูรณ์แล้วด้วยกฎแห่งกรรม ใช้สติปัญญา เข้าใจความเป็นไปของชีวิต ปล่อยวางได้
    ทำใจได้ ไม่ทุกข์ใจ เอาใจใส่ และรับผิดชอบในชีวิตปัจจุบัน ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดด้วยความพอใจ สงบใจ

    ที่สุดของอุเบกขา คือไม่มีปฏิฆะ อันหมายถึง ความกระทบกระทั่งใจ ความหงุดหงิดขัดเคืองเกิดขึ้นในใจแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะมีเรื่องราวเดือดร้อนรุนแรงขนาดไหนเข้ามากระทบ ก็ทำใจปล่อยวางและสงบใจได้ อุเบกขาจึงเป็นคุณธรรมขั้นสูงอันเปี่ยมไปด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา อย่างสมบูรณ์ในขณะเดียวกัน
     
  19. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    อาการที่เกิดเป็นธรรมปิติอันเกิดขึ้นจากการเจริญเมตตาพรหมวิหารสี่ครับ

    บางครั้งเทวดาพรหมที่ท่านอนุโมทนาบุญกับความดีของเราท่านก็ส่งกระแสออกมาให้เราได้สัผัสว่า ท่านได้รับแล้วเป็นการยืนยันการปฏิบัติและการตั้งกำลังใจครับ

    ขอโมทนาในความดีและกำลังใจที่ทำด้วยครับ :cool:
     
  20. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    การศึกษาเกี่ยวกับอายตนะขันธ์ 5 นิพพาน ฯลฯ พลังงานและพลังจิตล้วนเป็นสิ่งที่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันมาโดยตลอดไม่สามารถที่จะแยกเรียนรู้ เฉพาะเรื่องใดเพียงเรื่องเดียวได้เลย เพราะสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ต่างตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ
     

แชร์หน้านี้

Loading...