เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. aodbu

    aodbu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +456
    ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากครับ นายทุนเค้าออกข่าวประชาสัมพันธ์ ทำให้มีคนมาทำบุญสร้างวัด ซึ่งเป็นเรื่องดี
    แต่ไม่ดีที่สร้างพระ แล้วหลวงพ่อไม่เคยเห็นไม่ได้เสก หลอกชาวบ้าน
    ถ้าผมพบหลวงพี่ท่านนั้นอีก จะถามเรื่องราวหลวงพ่อมาฝากกันครับ
     
  2. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    มีพระเนื้อผงที่ทำลายพิมพ์แล้ว ผมจะนำมาลงเรื่อยๆ ทั้งโค้ดที่ทำลายพิมพ์ ทั้งพระเนื้อดิน ( หลวงพ่อขอมเก่า ) ที่ทันครับ แต่ก็มีพระที่ปั้มท์ตอนท่านนอนโรงพยาบาลก็มีครับ ผมจะเอามาให้ดู ตอนนี้งานเยอะ จะค่อยทยอยเอาลงไป

    เรื่องวัด เขามีคณะกรรมการเข้ามาใหม่ มีคนในเครื่องแบบด้วย มาช่วยพัฒนาอยู่ ทำหลังคาโบถส์ใหม่ ( ไม่ทราบของเก่าชำรุดหรือไม่ ) ทำเมรุ ตัดต้นโพธิ์ ที่หลวงพ่อปลูกไว้ ยังตัดต้นพิกุลที่ให้ร่มเงาอีก เขายังมีโครงการณ์รับเหมาก่อสร้างอีกแน่ๆ

    การหาพระเหมือนหลวงพ่อคงยากครับ เพราะท่านเป็นประเภทหนึ่งไม่มีสอง การดูแลวัดขนาดพระผู้ใหญ่สหธรรมมิกของหลวงพ่อที่คอยดูแล ยังความดันขึ้น เพราะอะไรกรุณาคิดกันเอง

    ของทั้งหลายมีเกิดมีดับ มามองกันที่ความดีหลวงพ่อ และมองหาของที่มีหลักฐาน ทันหลวงพ่อกันดีกว่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  3. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หลวงพี่ที่ท่านว่า จะมีแค่สององค์น่ะครับ ที่จะได้ข่าวตรงไปตรงมา เพราะทั้งสององค์นี้เป็นพระที่หลวงพ่อท่านรักและเอ็นดู มีความกตัญญูต่อหลวงพ่อ มีหลวงพี่ ว และหลวงพี่ ส ตอนนี้องค์หนึ่งยังอยู่วัด อีกองค์กลับไปภูมิลำเนาเดิม

    การไปถามท่านแล้วมาเล่า ต้องเล่าอ้อมๆหน่อยน่ะครับ อย่าให้ตรง เพราะจะเดือดร้อนท่าน สงสารท่าน การเป็นพระดีๆ เป็นพระนานๆ นี้เปราะบางมาก ถูกแกล้งง่ายมาก (แปลกจัง )

    ที่วัดเก่าของอาจารย์เดิมผม พอสิ้นท่าน พระดีๆ ( แปลกอีกเหมือนกัน คล้ายๆกันเลย ) ถูกขู่ว่าจะเอายา... มายัดที่กุฏิ แล้วเอาตำรวจมาจับ ถึงขนาดนั้น ผมเจอท่าน อยากให้ท่านดูแลวัดต่อ ท่านบอกว่า ไม่ไหวแล้วโยม อาตมาต้องขอลาล่ะ เราจะไปช่วยท่านก็ไม่ได้น่ะครับ ถึงคุณไปเฝ้าท่านตลอดได้ ก็อาจจะโดนด้วย ไม่ทราบสังคมมันเป็นอะไรกัน

    เราเอาแต่พระที่ ทันท่านปลุกเสกมาลงให้คนดูดีกว่า เขาจะได้หากันแบบหายสงสัย ส่วนอื่นให้คนทั้งหลายตัดสินใจเอาเอง
     
  4. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,783
    ค่าพลัง:
    +83,795
    ได้ไปกราบหลวงพ่อทรง พระรุ่นนี้ออกพอดี ก็เลยบูชามา 2 องค์ รูปหล่อเนื้อเงิน หมายเลข 29 และ เหรียญเนื้อเงินหมายเลข 92 หลวงพ่อเมตตา จารย์อักขระให้และเสกอีกพักใหญ่ หลวงพ่อท่านเมตตาสูงมาก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1652.jpg
      IMG_1652.jpg
      ขนาดไฟล์:
      154.5 KB
      เปิดดู:
      545
    • IMG_1653.jpg
      IMG_1653.jpg
      ขนาดไฟล์:
      152.9 KB
      เปิดดู:
      671
  5. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    เลขสวยครับ เป็นเนื้อเงิน มีรอยจารหลวงพ่อ มีอนาคตแน่นอนครับ
     
  6. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    lp9.jpg Picture 025.jpg

    รูปหล่อ ๙ นิ้ว.jpg ๙) หน้าหุ่นเทียน ๙ นิ้ว.jpg

    ประวัติ พระเดชพระคุณพระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี ) วัดศาลาดิน ( มอญ )

    ( โดยพระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี วัดไผ่แหลม )​

    ประวัติ

    เดิมชื่อ ทรง วารีรักษ์ เกิดวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 บิดาของท่านนามว่า จัน มารดานามว่า กอง วารีรักษ์ เกิดที่บ้านม่วงเตี้ย ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

    หลวงพ่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดยางมณี เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดยางมณี เลขที่ ต.ม่วงเตี้ย อ.วิแศษชัยชาย จ.อ่างทองเมื่อวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2486 เดือน 5 ปีมะแม

    พระอธิการชวน (พระครูสุกิจวิชาญ) เป็นพระอุปัชฌาย์

    พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    พระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ตำแหน่งต่าง ๆ ในทางคณะสงฆ์
    พ.ศ. 2513 ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน
    พ.ศ. 2525 เป็นเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย
    พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทางเป็นพระครูสัญญบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสุภัทรธรรมโสภณ
    พ.ศ. 2547 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย

    ชีวะประวัติ ในวัยเยาว์หลวงพ่อเป็นคนใฝ่รู้ในด้านต่าง ๆ เสมอมา ช่วยบิดาทำมาหากินมาตลอด และมีจิตใจฝักใฝ่ในทางศาสนา ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบ ป.6 ในสมัยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะจบแค่ ป. 4 จึงเป็นการเรียนจบที่สูงสามารถ เป็นครูสอนตามโรงเรียนได้ จนมาถึงวัยครบ 20 ปี หลวงพ่อก็ตั้งใจบวชทดแทนคุณมารดาบิดา แต่ในใจลึกของหลวงพ่อนั้น ตั้งใจศึกษาในด้านพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ทั้งในด้านธรรมะ ด้านการสวดมนต์ ด้านพุทธาคมพระเวทย์ หลวงพ่อได้ศึกษาพิธีกรรมการปลุกเสกวัตถุมงคลที่จะทำให้เกิดความเข้มขลังแก่ผู้ที่ได้นำไปใช้ในทางสุจริต หลวงพ่อสวดพระปาฎิโมกข์ได้ ซึ่งเป็นบทที่สวดได้ยาก ผู้ที่สวดได้จะต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการเพราะต้องนั่งสวดให้พระฟัง จะเป็นพระผู้ใหญ่ระดับใดก็ต้องนั่งต่ำกว่า ถ้าไม่มีบุญกุศลแล้วจะทำให้ผู้สวดต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆ เช่น สึกหาลาเพศ สติวิปลาสได้

    หลวงพ่อได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อดัง ๆ ในยุคนั้น หลายรูปด้วยกัน เช่น การทำเบี้ยแก้ หลวงพ่อได้ศึกษาจากตำราที่สืบทอดของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ จอมขมังเวทย์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำเบี้ยแก้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นที่ต้องการหาเช่ากันในปัจจุบันหลวงพ่อได้ศึกษาและเรียนเคล็ดวิชามาเป็นอย่างดีทำให้หลวงพ่อทรงมีความเชี่ยวชาญในการทำเบี้ยแก้ เพราะการทำเบี้ยนั้นไม่ใช่ทำกันง่ายต้องมีกรรมวีธีหลายอย่าง และต้องไปตามหลักวิชาที่ถูกต้องตามโบราณ ส่วนราคาก็สูง ถึงแม้จะเป็นของใหม่ก็ตาม ทำให้คิดได้ว่าราคาจะสูงขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย

    หลวงพ่อยังได้ศึกษาจากพระอุปัชฌาย์คือ พระครูสุกิจวิชาญ(หลวงพ่อชวน) ที่มีความเชี่ยวชาญการทำเชือกกล้วยคาดเอว ซึ่งเป็นที่เรื่องลือในแถวบ้านย่านนั้น เรื่องไฟไม่ไหม้

    ศึกษาจากพระอธิการชั้ว วัดตูม ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อ เพราะพระอธิการชั้วก็จัดว่ามีความรู้ในวิชาอาคมองค์หนึ่งในพื้นที่ หลวงพ่อก็ได้รับประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชาต่าง ๆ

    ศึกษาหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ( ศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ) และหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ ที่เป็นเกจิอาจารย์ในอดีตที่ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นที่ยอมรับกันในวงการพระเครื่องทั่วไป ซึ่งหลวงพ่อทั้งสององค์คือหลวงพ่อนุ่มและหลวงปู่คำ จะเชี่ยวชาญเรื่องการทำวัตถุมงคลเป็นอย่างมาก เช่น เบี้ยแก้ เหรียญ และอื่น ๆ ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลของท่านแล้วจะเป็นผู้ที่แคล้วคลาดในภยันอันตรายต่าง ๆ หลวงพ่อก็ได้มีโอกาสศึกษาและได้รับคำแนะนำ

    และหลวงพ่อยังได้ศึกษาจากฆราวาสที่เก่งในด้านอาคม เวทมนต์ คาถา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแถวย่านบ้านนั้น คือ หมอฟู และหมอเปรี้ยว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นที่พึ่งของคนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนโดยประการต่าง ๆ เช่น เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ยินมาว่าฆราวาสที่มีอาคมขนาดนอนกลางวันยังต้องลงมุ้งเพราะกลัวโดนของที่มีผู้ที่มีเวทมนต์ทำแล้วปล่อยมา เมื่อมาโดนเข้าแล้วอาจได้รับอันตรายได้ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้รับความรู้ที่แตกฉานในวิชาอาคมต่าง ๆ เป็นอย่างดี

    และในภายหลังหลวงพ่อก็ได้นำสรรพวิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างวัตถุมงคลในการที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่บูชา ฉะนั้นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงมากด้วยพลานุภาพและมีผู้เสาะแสวงหากันเป็นอย่างมากและที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความที่หลวงพ่อเป็นพระที่สมถะ ความเป็นอยู่ของหลวงพ่อจัดว่าอยู่แบบเรียบง่าย มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ที่ได้เข้าใกล้หลวงพ่อจะรับรู้ได้ แม้กระทั่งตอนอาพาธหลวงพ่อก็ยังเมตตาให้ลูกสิษย์ลูกหาได้พบตลอด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ว่าจะ เป็นคนที่ร่ำรวยหรือคนยากจนก็ตามในการที่หลวงพ่อเป็นอุปัชฌาย์ที่มีหน้าที่ต้องบวชของกุลบุตรที่มีวัยครบ 20 ขึ้นปี หลวงพ่อทรงจัดว่ามีผู้ที่ต้องการให้ไปเป็นอุปัชฌาย์มากที่สุด บวชกุลบุตรในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง จนแทบไม่มีวันหยุดพัก จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเกิดมาเพื่ออนุเคราะห์ให้กับคนทั้งหลายอย่างแท้จริง

    เปรียบเสมือนเทพเจ้าที่มีแต่คำว่าให้เสมอมา ความเป็นจริงหลวงพ่อนั้นเป็นที่เลื่องลือมานานมาก แต่หลวงพ่อก็ยังถือวัตรปฏิบัติในสมณสารูปอย่างเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็ยังเป็นที่พึ่งของคนทั่วไปได้เสมอ จะเห็นได้จากองค์ฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ ได้เสด็จมาหาหลวงพ่อที่วัด และยังคนที่มีชื่อเสียงมากมายที่เข้ามาสักการะองค์หลวงพ่อ ให้หลวงพ่อได้ช่วยเพื่อช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อปรึกษาสนทนาธรรมและเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและด้วยที่หลวงพ่อได้เป็นผู้ให้กับคนมากมาย

    บางครั้งแทบจะไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างพอเพียงกับผู้ที่มีอายุมากขึ้น ความตรากตรำนั้นทำให้สุขภาพทรุดโทรมและในท้ายที่สุดหลวงพ่อก็ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ ( พระครูอุปฯ )ได้เคยไปเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อหลวงพ่อมีสีหน้าที่สดใส ไม่มีอาการหวั่นไหวในมรณะภัย และยังสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาไม่ให้เสียใจในการที่ต้องจากไปให้มีความสมัครสมานและสามัคคีกัน จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเป็นที่พึ่งของคนทั้งหลายอย่างแท้จริง หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน(มอญ) เป็นเกจิอาจารย์เรืองเวทย์เพียงหนึ่งเดียวของจังหวัดอ่างทอง
    วัตถุมงคลของท่านนั้นได้ทำหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นที่ศรัทธาเสาะหาของประชาชนทั่วไป แต่ที่มีความเข้มขลังที่สุด ได้แก่ เหรียญรุ่นแรกหรือที่เรียกกันว่า “เหรียญบิน” เนื้ออัลปากร้า ในปี พ.ศ.2513 และ เบี้ยแก้ซึ่งเป็นเครื่องรางอันมหัศจรรย์ยิ่งที่บุคคลใดมีไว้แล้วจะมีความปลอดภัยแคล้วคลาดเมตตามหานิยม

    หลวงพ่อได้มรณะภาพเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ด้วยอาการอันสงบเวลา 22.50 น. สิริอายุ 83 ปี 8 เดือน 64 พรรษา

    ผมยกมาไม่ได้ดัดแปลงข้อความอะไรเลย ขยายความนิดเดียว ท่านพระครูบอกว่าให้ผมดัดแปลงได้ แต่ดูๆแล้วภาษาไทยท่านดีกว่าผมเยอะ ผมอย่าไปยุ่งกับท่านจะดีกว่าจะเห็นว่าตามข้างบนนั่นท่านมีอาจารย์ตามลำดับเป็นอย่างนี้

    ๑) สายหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ อันนี้ยืนยันอีกท่าน ว่าหลวงพ่อไม่ทัน หลวงพ่อพัก แต่ได้ตำรามา อันนี้ผมไปสืบอีกสายคือสาย เบ็นอยุธยา เบ็นแนะนำว่าท่านอาจจะศึกษามาจาก หลวงพ่อผ่อน วัดขุมทอง ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อพัก หลวงพ่อเคยบอกผมเองว่า รู้จักคนมีตำราหลวงพ่อพักอยู่ที่โพธิ์ทอง แต่ตายไปซ่ะก่อน เลยติดตามไม่ได้ไม่งั้นผมคงได้เห็นตำราหลวงพ่อพักได้ถ่ายรูปมาอวด

    ๒) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณึ วัดดั้งเดิมของท่านตอนบวช องค์นี้เก่งมากครับ เขาซื้อตะกรุดโทนเนื้อทองแดงของท่านกัน ถ้าไม่แน่ใจจะตกลงกันว่า เอาไปลองยิง ถ้ายิงไม่ออกก้เป็นตะกรุดหลวงพ่อชวนครับ เรียกว่ามั่นใจถึงขนาดนั้น

    ๓) หลวงพ่อ ชั้ว วัดตูม (องค์นี้ผมไม่มีข้อมูลท่านเลย จะพยายามหามาน่ะครับ ให้ บันทึกนี้สมบูรณ์ในอรรถรส ให้เห็นภาพของหลวงพ่อทรงที่เรามองไม่เห็น)

    ๔) หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ถ้าหลวงพ่อทรงได้วิชาหลวงพ่อเดิมน่าจะมาจากท่านนี้ หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอุปัฌาย์ และพระ อาจารย์ของหลวงพ่อ มี วัดม่วงคัน สหธรรมมิก สนิทมากของท่านอีกองค์ ยันต์หลังเหรียญบินของท่าน ก็ ก็อบมาจากยันต์หลังเหรียญของหลวงพ่อนุ่มครับ

    ๕) หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ องค์นี้เป็นปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้ สายอ่างทอง ท่านหนึ่ง ไม่เป็นรองใคร เบี้ยมีเอกลักษณ์ เล่นหาได้ มีหลายขนาด มีประสบการณ์ ถ้าเล่ากัน บันทึกได้หลายเล่ม ผมพึ่งฟัง รุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า ไปหาของตามบ้านในวิเศษฯ เจอบ้านหนึ่งมีเบี้ย คนสามีเล่าให้ฟังว่า เมียแกฆ่าตัวตาย โดยปืนลูกซอง (คงจะเอาปืนจอคางแล้วเอานิ้วกระดิกไก) ปรากฎว่าแชะๆครับ นึกขึ้นได้ แกมีเบี้ยหลวงพ่อคำอยู่ในตัว พอเอาเบี้ยออก เปรี้ยง ดับครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครโกหกมาเล่าน่ะครับ พยานยังมีอยู่ เบี้ยหลวงพ่อคำค่อนข้างมีราคา และปริมาณเยอะพอหาได้ แต่หาแท้ๆยากน่ะครับ ที่เล่นกันน่ะ .....สะรู้ตู้ครับ

    ๖) อาจารย์ฆราวาส หมอฟู

    ๗) อาจารย์ฆราวาส หมอเปรี้ยว อาจารย์ฆราวาส หมอฟู กับหมอเปรี้ยวนี้ เป็นศิษย์ ของ หมอน้อย ฆราวาสผู้วิเศษ ( ท่านนี้เก่งจริงๆ ) ของวิเศษชัยชาญ มีท่านหนึ่ง เป็นเขยของ อาจารย์หมอน้อย แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านไหน อันนี้เป็นข้อสรุปของหลวงพี่พระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี ส่วนอาจารย์องค์อื่นท่านไม่ทราบ จากที่ผมศึกษามาน่าจะมี

    ๘) หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ องค์นี้สรรพคุณเกินกว่าคำที่จะหามาบรรยาย อันนี้ในมุมมองท่านพระครู หลวงพ่อมุ่ยน่าจะเป็นสหธรรมิกรุ่นพี่ ที่นับถือกันมากกว่า ผมเอาตามท่านว่าก็แล้วกัน เป็นเด็กอย่าไปอวดรู้ผู้ใหญ่ แต่หลวงพ่อทรงบอกผมเองว่า ไปหาบ่อยมาก เหมือนผมไปหาหลวงพ่อทรง เรียกว่า ว่างก็ไป การไปหาบ่อยๆ แล้วมานั่งมองหน้ากันคงไม่น่าใช่ หลวงพ่อมุ่ยท่านคงเอ็นดูพระหนุ่มใหญ่องค์นี้มากพอสมควร เพราะขนาดสร้างเหรียญบินรุ่นแรก ท่านก็มานั่งเป็นประธานให้ หลวงพ่อทรงก็ใฝ่รู้วิชา หลวงพ่อมุ่ยน่าจะแนะนำ"อะไร "มาให้บ้าง อันนี้ผมเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อทรงตรงๆว่า หลวงพ่อเรียนอะไรมาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างครับ ท่านว่าแอบเรียนมาบ้าง

    ๙) หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว องค์นี้เป็นอาจารย์หลวงพ่อเกรียงวัดวังน้ำเย็น เพื่อนสนิทท่าน ทั้ง สามองค์ คือ หลวงพ่อ เกรียง หลวงพ่อทรง หลวงพ่อมี เคยถีบจักรยาน ไปเที่ยวกันไกลๆ ข้ามจังหวัดยังมี สมัยยังหนุ่มโดยนัดมาเจอกัน การถีบไปเที่ยวกันเฉยๆ คงไม่ใช่ แต่ไปเรียนวิชากันมากกว่า เพราะแต่ล่ะท่าน อาคมขลังทั้งนั้น อาจารย์องค์หนึ่งที่น่าจะไปหาคือหลวงพ่อ ซวง นี่เอง

    ๑๐) หลวงพ่อ ภู (หรือ พู ) วัดดอนรัก หลวงพ่อทรงมีรูปหลวงพ่อพู ใส่กรอบติดที่หัวนอนของท่าน ในที่พักส่วนตัวท่านที่บ้านหลาน คนไม่รัก ไม่นับถือกันคงเอารูปมาไว้หัวนอนน่ะครับ หลวงพ่อพู นี้ ท่านที่เล่นตะกรุดควรทราบว่า ตะกรุดของท่านคือสุดยอดตะกรุดของสยามประเทศดอกหนึ่ง ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินไทยนี้เด็ดขาด พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ คาดเอวได้ มีทั้งโทนและ คาดเอว เป็นสุดยอดของปรมาจารย์ของอ่างทองท่านหนึ่ง ในยุคหนึ่ง ทั้งตำรวจ ทั้งมือปืน ในอ่างทองต่างคาดตระกรุดของหลวงพ่อพู เพราะประสบการณ์ฉกาจฉกรรณ์มาก อันนี้เขาบอกผมมา หลวงพ่อทรงท่านก็ ดำเนินรอยตามมาในการทำตะกรุด โดย ตะกรุดเอกของท่านก็คือ ตะกรุดมหาจักร และ เทพรัญจวน​

    ๑๑) หลวงพ่อวัดปากน้ำ อาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อเกรียง อันนี้หลวงพ่อเกรียงท่านบอกผมเอง ว่าไปเรียนกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนผมไปขอตะกรุดท่านกับเพื่อน (ตอนนั้นผมไปหาท่านที่วัด วังน้ำเย็น ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๒/๓๔ เสียดายที่ไม่ได้คุยท่านละเอียด และถามท่านถึงหลวงพ่อทรง ไม่งั้นผมคงเจอหลวงพ่อทรงมาก่อนหน้านี้หลายปี ) หลวงพ่อวัดปากน้ำมีบารมีมากขนาดไหน หลวงพ่อเกรียงไปเจออะไรดีๆ คงมาบอกเพื่อนมั่ง นอกจากนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อผาด วัดไร่ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อทรง เมื่อออกจากวัดยางมณี ก็ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อผาด ถึงประมาณ ๖ ปี ซึ่งหลวงพ่อผาดก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำเหมือนกัน มีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตั้งบูชาตรงที่ๆท่านรับแขก หลวงพ่อทรงน่าจะศึกษามาด้านนี้บ้าง แต่ศึกษาแบบเสือ ซ่อนเล็บ ไม่คุย ไม่อวด ทำให้พลังจิตท่านสูงยิ่ง

    ผมจบประวัติของหลวงพ่อทรงอย่างคร่าวๆ น่ะครับ ท่านอาจจะมองเห็นว่า หลวงพ่อไม่ได้ไปศึกษา วิทยาคมที่ไหนไกลๆ แบบธุดงค์ไป หรือ ไปหาอาจารย์ไกลๆแบบที่เขาเขียนกัน ( เช่นไปหาหลวงพ่อเดิมถึงวัดหนองโพ ) เพราะคณาจารย์แถวอ่างทองลุ่มแม่น้ำน้อย ยุคนั้น เก่งจริงๆ ไม่ว่าพระหรือ ฆราวาส สืบเชื้อสายวิชาของลูกวิเศษชัยชาญ มาตั้งแต่ยุครบกับพม่า เช่นหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ หลวงพ่อ นุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อ หรุ่ม วัดบางจักร หลวงพ่อพู วัดดอนรัก หลวงพ่อผ่อนวัดขุมทอง ( บุตรบุญธรรมหลวงพ่อพัก ) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณี หลวงพ่อชั้ว วัดตูม หลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง(องค์นี้ก็อิทธิฤทธิ์ สุดยอด มีคนจัดให้เป็นเบอร์หนึ่งด้านอิทธิฤทธิ์ ของวิเศษฯที่เดียว ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า และเรียนมาอีก ร้อยกว่าอาจารย์!!!! ) หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี ฯลฯ ยังมีที่ดังเงียบๆอีกน่ะครับ นอกนั้นยังมีจังหวัดข้างเคียง เช่น สุพรรณบุรี ( หลวงพ่อมุ่ย ) และสิงห์บุรี ( หลวงพ่อซวง ) แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อไม่ต้องไปไหนไกล ถึง อิสาน หรือ เหนือ เพราะอาจารย์เก่งๆ รอบตัวเยอะ แค่ นั่งเรือ หรือ ถีบจักรยานไปก็เหลือเฟือแล้วที่จะศึกษาให้เก่งได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ตุลาคม 2008
  7. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352
    งานนี้จะแก้ text กันยังงัยดีครับเนี่ย
     
  8. ใบทิน

    ใบทิน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +103
    สวัสดีครับผมเป็นคนหนึ่งที่ศรัทธาหลวงพ่อทรงมาก
    ก่อนท่านมรณะไปหาท่านเกือบทุกอาทิตย์
    เห็นคุยถึงเรืองวัตถุมงคลก็พอมีอยู่บ้างแต่ทุกชิ้นนี่ก็รับจากมือนะครับส่วนใหญ่ท่านจะแจกให้ปลื้มมากที่ได้จากมือ มีอยู่ชิ้นนึงที่ไม่จากมือเป็นตะกรุดจักรพรรดิ์ได้มาจากหลวงพี่โรจน์บอกว่าจารแล้วให้หลวงพ่อปลุกเสกนานบูชาจากหลวงพี่แบบให้เปล่าเพราะบอกหลวงพี่ว่าไม่ค่อยมีงบแกบอกไม่เป็นรัยรอให้ผมรวยก่อนค่อยถวายเพิ่มตอนี้เลยใส่ติดตัวประจำ
    ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ ที่เป็นศิษย์หลวงพ่อทุกคนนะครับอยากให้มาพูดคุยเรื่องหลวงพ่อกันบ่อยๆ
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    นั่นน่ะสิ เหนื่อยจัง มันเพราะ font กับ text นี่แหละ
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292

    ด้วยความยินดีครับ มาเล่าเรื่องหลวงพ่อที่ประสพมาบ้าง เอาวัตุมงคลมาโชว์บ้างครับ จะได้แชร์ความรู้กับท่านผู้อื่น
     
  11. aodbu

    aodbu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +456
    รับทราบครับ เรื่องพระโดนแกล้งลักษณะนี้ผมเคยประสบพบเจอหลายท่านแล้ว
    พวกเปรต มาร เหล่านี้ ตายไปน่าสงสารครับ
     
  12. woottipon

    woottipon เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2005
    โพสต์:
    11,783
    ค่าพลัง:
    +83,795
    เหรียญหล่อพระพรหม หลวงพ่อทรง ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1738.jpg
      IMG_1738.jpg
      ขนาดไฟล์:
      287.2 KB
      เปิดดู:
      518
    • IMG_1739.jpg
      IMG_1739.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.7 KB
      เปิดดู:
      362
  13. sridoi

    sridoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2006
    โพสต์:
    5,489
    ค่าพลัง:
    +19,352

    หลวงพ่อจารให้ด้วย น่าอิจฉาครับ
     
  14. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หลวงพ่อเกรียง วัดวังน้ำเย็น.jpg

    เรื่องเกล็ดอาจารย์ต่างๆของหลวงพ่อทรง

    ผมขอเล่าเรื่องหลวงพ่อต่อ ฟังคนอื่นเล่าเรื่องหลวงพ่อมาหลายปีแล้วจากนิตยสารหลายฉบับ อ่านมันส์..แหะๆ ผมจะเล่าทฤษฎีใหม่เรื่องอาจารย์ของหลวงพ่อ เมื่อหลวงพ่อท่านไม่บอกผมตรงๆ ผมเดาเอาก็ได้ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของเนื้อเรื่อง แต่แบบมีหลักการณ์น่ะครับอาจารย์ท่านอื่นผมไม่ย้อนไปเพราะเล่าแล้วอย่างที่เกริ่น การที่ผมนั่งคุยกับหลวงพ่อมาประมาณสามปี มีหลายเรื่อง พอแยกออกได้ดังนี้

    1) เรื่องส่วนตัวของผม
    <O:p2) เรื่องส่วนตัวของหลวงพ่อ
    <O:p3) เรื่องส่วนตัวระหว่างหลวงพ่อก่ะผม
    <O:p4) เรื่องอื่นๆ เช่นเครื่องรางของขลัง เรื่องชาวบ้าน เรื่องบ้านเมือง ฯลฯ

    ในบอร์ดนี้เราจะคุยกันเฉพาะเรื่องที่ 2 และ 4 เมื่อเป็นเรื่องที่สอง เกี่ยวกับวิชาของหลวงพ่อ ผมต้องกราบขอขมาท่านมา ณ ที่นี้ ที่เพราะทำด้วยเจตนาที่บูชาคุณหลวงพ่อ อาจจะมีเรื่องที่แตกต่างจากคนอื่น และจะเล่าเฉพาะ เรื่องอาจารย์ของท่าน

    หลวงพ่อเคยเล่าให้ผมฟังหลายครั้ง ว่าหนุ่มๆ ท่านก็เดินเล่นอยู่แถวตลาดหลังวัดนางใน เพราะเป็นตลาดเก่าคึกคัก สมัยนั้นเขาตกปลาได้กันตัวใหญ่ๆ สมัยนี้อาจจะมีแต่ลูกน้ำ เมื่อท่านบวช ท่านบวชอยู่ที่วัดยางมณี โดยมีสหธรรมมิก หลวงพ่ออ่อน และ หลวงพ่อเสียน ( ขออภัยถ้าผมเขียนชื่อท่านผิด ) และเมื่อยังเป็นพระหนุ่มๆ ท่านจะมีสหธรรมมิกอยู่อีกสองท่าน คือ หลวงพ่อเกรียง วัดวังน้ำเย็น และ หลวงพ่อมี วัดม่วงคัน ( อันนี้ผมไม่ทราบว่าในตอนนั้น ท่านๆทั้งสองจะอยู่ที่วัดวังน้ำเย็นและวัดม่วงคันหรือปล่าว เพราะหลวงพ่อไม่ได้ขยายความ )

    สหธรรมิกทั้งสองท่านนี้และท่านจะชอบขี่จักรยานไปไกลๆ อาจจะไกลมาก ถึงสรรคบุรี เขตชัยนาท สิงห์บุรี เรียกว่าไปไกลๆ และไปบ่อย จะนัดกันมาเจอกัน ต่างคนต่างมาและขี่ไปเที่ยวกัน แบบพระ หนุ่มๆที่มีกำลัง จะเรียกว่าไปธุดงค์ทางจักรยานก็แล้วกันแต่ไม่ได้ค้างคืนเพราะขี่กลับ ระยะทางนี่ท่านว่าไกลหลายสิบกิโล แบบข้ามจังหวัด ท่านว่าสมัยนั้นยังทำได้ เพราะไม่มีใครมาตรวจมาตรา ถ้าเป็นสมัยนี้เห็นพระกลุ่มหนึ่งขี่จักรยานกันมาไกลๆคงดูแปลกๆ <O:pกิจกรรมนี้ทำให้ท่านสนิทสนมกันมาก เมื่อผมเอ่ยถึงเรื่องหลวงพ่อเกรียง ท่านจะพูดเรื่องจักรยานนี้ ด้วยความสุข แล้วบอกว่า ชอบกันมากไปด้วยกันบ่อยๆ <O:pผมไม่รู้จักหลวงพ่อมี เป็นส่วนตัว แต่เคยพบท่านในงาน 2-3 ครั้ง ท่านท่าทางดูสง่า สำรวมและดูเป็นคนถ่อมตัว และมีความเคารพหลวงพ่อทรง เรียกหลวงพ่อว่าหลวงพี่ เมื่อหลวงพ่อ ทรงป่วยและใกล้มรณะภาพ หลวงพ่อมีจะมาเยี่ยมหลวงพ่อทรงบ่อยที่สุด เรียกว่า ว่างก็มา ในตอนหลวงพ่อทรงป่วยมาก หลวงพ่อมีเคยเล่าให้หลานหลวงพ่อฟังว่า ข้าฝันไม่ดีเลยว่ะ เป็นห่วงหลวงพี่(ทรง)

    เอาว่าที่ผมเล่ามาจะให้เห็นว่า ท่านทั้งสามสนิทกันมากและรู้จักกันมานาน หลายสิบปี ผมเคยไปหาหลวงพ่อ เกรียงวัดวังน้ำเย็น ประมาณปี 32/33/34 จำแน่ๆไม่ได้ ประมาณนั้นครับ ประมาณ 17-18 ปี มาแล้วตอนนั้น เพื่อนไปได้ยินมาว่า ท่านมีตะกรุดเยี่ยม ผ้ายันต์มะม่วงยอด และเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว เมื่อได้ยินมาดังนั้น ก็หูผึ่ง นัดกันสามคนขับรถ ไปหาหลวงพ่อเกรียง เมื่อไปถึง วัดใหญ่โตพอสมควร ดูเรียบร้อย และอยู่ติดคลอง บรรยากาศสบาย ลมเย็นๆ ไปเจอหลวงพ่อ ก็นั่งคุยกันนาน ที่นานเพราะไปขอตะกรุดท่านสามดอก ท่านทำแล้วแต่ยังไม่ได้ถัก ท่านไม่ว่าอะไรใจดี จึงนั่งคุยก่ะเราในขณะที่ให้ลุงลูกศิษย์ ถักให้ ( แบบม้วนด้ายรอบง่ายๆแล้วทายางดำๆ แล้วรอให้พอแห้ง ตะกรุดเป็นตะกั่ว ดอกใหญ่พอสมควร ) ขณะที่รอ ท่านก็เลยนั่งคุยด้วยบนศาลา ลมเย็นสบายตอนบ่ายอ่อนๆ

    การคุยมีหลายเรื่อง เอาแต่ประเด็นที่จำได้<O:pผมถามท่านว่าท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาวใช่หรือไม่ครับ ท่านบอกใช่แล้วเล่าเรื่องหลวงพ่อ ให้ฟังแบบสนุกสนาน หลายเรื่องเช่น ( ถ้าจำไม่ผิด ) ว่าหลวงพ่อซวงหนังเหนียว มีคนไปเดินเที่ยวแล้วกลับบ้านดึกๆมาผ่านวัด แต่แบกแท่งเหล็กมาเป็นอาวุธ ผ่านวัดมา หลวงพ่อซวงท่านคงเดินจงกลมอยู่ นายนี่เห็นเข้าตกใจ คงนึกว่าผี จึงขว้างแท่งเหล็กใส่สุดแรง แท่งเหล็ก กระแทกหน้าอกท่านปึ้กใหญ่ แต่ไม่เข้าแต่แรงมากเกินพอที่ทำให้ท่านทรุดลงได้ เหตุนี้ทำให้ท่านป่วยและมามรณะภาพ ไม่ทราบว่าเรื่องที่ผมได้ยินมานี้ถูกต้องหรือไม่? ผมถามถึงพระที่หลวงพ่อซวงสร้าง ท่านบอกว่าพระที่เขาเล่นกัน บางพิมพ์ไม่ใช่ของหลวงพ่อซวง พอผมถามรุกเข้าไปว่าพิมพ์ไหนครับ ท่านเลี่ยงไม่ตอบแต่ย้ำว่า ของหลวงพ่อทรวงไม่มี อาจจะยังไม่สนิทกันก็ได้ เพราะแปลกหน้ามาครั้งแรก

    <O:pผมถามว่ามีท่านอื่นหรือไม่ ท่านว่ามีหลวงพ่อวัดปากน้ำ เคยไปเรียนวิชาธรรมกายด้วย สมัครตัวเป็นลูกศิษย์ ผมยังถามท่านถึงวัดหนึ่งใหญ่แถว สุพรรณ ที่ผมเคยเป็นลูกศิษย์ ท่านไม่ตอบตรง แต่บอกว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำไม่เคยสอนอย่างนี้ ผมถามท่านว่าสอนอย่างไรครับ ท่านนิ่งไม่ตอบ เบือนหน้าไปทางอื่น <O:pก่อนกลับท่านแจกตะกรุดมาคนล่ะดอก และรูปอัดกระจกคนล่ะอัน ( อันที่ผมโชว์ในรูป ) ตะกรุดนี้ตอนที่พวกเพื่อนผมทำเหรียญเต่าเรือนถวายหลวงปู่พระครูบุญศรี เขาจะทำเนื้อพิเศษ ผมเลยตัดใจให้เขาไปหลอมรวมกับเนื้อแร่โคตรเศรษฐี ที่ได้จากป้าอิ้ด ( ลูกแม่ชีประทุม ) จึงไม่มีรูปมาโชว์ เรียกว่าตอนนั้นผมใกล้หลวงพ่อทรงเข้าไปมาก ถ้ากลับไปหาหลวงพ่อเกรียงอีก ท่านอาจจะเอ่ยถึงหลวงพ่อทรง ผมคงเจอท่านตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หลวงพ่อเกรียงได้ข่าวว่าตอนหลังสึก เพราะมีโรคประจำตัว และเสียชีวิตไปแล้ว สรุปว่า อาจารย์ของ หลวงพ่อเกรียงคือหลวงพ่อซวง และหลวงพ่อวัดปากน้า

    ส่วนของหลวงพ่อมี พระอุปัชฌาย์ของท่านหลวงพ่อนุ่ม ส่วนท่านอื่นผมไม่ทราบเพราะไม่สนิทกับท่านและค้นในเว็บก็ ไม่มีประวัติ ท่านใดทราบโปรดบอกมา <O:pการจะเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้ามีดีคงมาบอกกัน และถ้าดี ขนาดฝากตัวเป็นอาจารย์ และศิษย์ จะไม่มาบอกเพื่อนเลยหรือ หรือถ้าอาจารย์เพื่อนดี เราจะไม่ไปหาเลยหรือครับ ในเมื่อเป็นคนคอเดียวกันชอบเรียนวิชาเหมือนกัน มีวิชาอะไรดี คงมาบอกกันบ้างแหละ

    มีความเป็นไปได้ว่ามากว่า หลวงพ่อซวง หลวงพ่อวัดปากน้ำ และ หลวงพ่อนุ่ม คืออาจารย์อีกสามองค์ของหลวงพ่อทรง ครับ

    และที่ๆหลวงพ่อนอนที่บ้านหลานของท่าน มีรูปหลวงพ่อ ภู ( หรือ พู ) วัดดอนรัก อยู่บนหัว ผมมองมาตลอดแต่ลืมถามเพราะไม่คิดว่าจะต้องมานั่งเขียน ผมลองหาในเว็บก็ไม่มีรูปท่าน ผมเก็บตระกรุดของท่านไว้หลายดอก เพราะแรงดลใจจากหลวงพ่อทรง แต่ผมมีความรู้เกี่ยวกับหลวงพ่อภูน้อยมาก เป็นพระท้องที่ ผมไม่มีรูปท่าน แต่ทราบว่าหลวงพ่อภู เป็นสุดยอดปรมาจารย์ ทางตะกรุด มีตะกรุดหลายแบบ ทั้งโทน 8 ดอก และ 16 ดอก และรูปถ่าย

    ตะกรุดของท่านดังมากทางด้านปืน คือยิงไม่ออกแบบจะๆ เป็นที่นิยมของพวกชอบบู้ ทั้งในเครื่องแบบ และตรงข้ามกับเครื่องแบบ เรียกว่าท่านคุ้มครองแบบไม่แบ่งชนชั้น <O:pผมได้ยินว่าคนแถววัดมอญมีตะกรุดของหลวงพ่อภูหลายคน พกในกระเป๋า หรือในกระเป๋ากางเกงก็ได้ ผู้หญิงก็ใช้ได้ เขาหวงกันมากๆ คนไม่นับถือกันคงไม่เอารูปมาไว้ที่หัวนอนน่ะครับ มีความเป็นไปได้ว่าหลวงพ่อภู วัดดอนรัก คืออาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อทรงครับ

    ผมจะย้ำอีกนิดว่า อาจารย์แถวลุ่มน้ำน้อย ทั้งสองฟาก จากอยุธยาไล่ขึ้นเหนือไปจนถึง วิเศษฯ อ่างทอง เขตรอยต่อสุพรรณ ยันชัยนาท มีอาจารย์เก่งๆ ระดับ มหากาฬ ทั้งพระและฆราวาส อยู่หลายท่าน ตั้งแต่อดีต เพราะเป็นที่เพาะพันธ์เหล่านักรบมาแต่อดีตในยุครบพม่า มีวิชาเฉพาะสืบสายมาจนถึงปัจจุบัน แต่ดังเฉพาะในท้องที่ คนส่วนกลางไม่รู้จัก บางชื่อได้ยินยังงงๆ เช่นหลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง เป็นต้น ของดีก็ไม่ค่อยหลุดรอดมาเพราะเขาหวง เขาเก็บกันหรือใช้กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ ไม่ต้องไปไกลหรอกครับ หาแถวนี้ก็พอ.....แหะๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  15. buddha bless

    buddha bless เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +878
    ขอบคุณครับที่ให้ความรู้แก่พวกเราทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงพ่อ
    ชอบอ่านเรื่องของคุณพี่จริงๆครับ.....(มันส์ดี + ได้ความรู้อีกแง่มุมที่ไม่เหมือนหนังสือพระ)

    อนุโมทนา ด้วยครับ
     
  16. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ครับ

    เรื่องที่ผมจะเล่า ส่วนใหญ่ เล่ามาทีแล้วในบอร์ดหนึ่ง แต่เขามีปัญหาเนื้อที่จะลบทิ้ง ผมเสียดายมาก ผมเลยก็อบมา แต่จะ update ข้อมูลที่ได้มาใหม่ ไม่อยากให้สูญหาย เพื่อจะได้เป็นอีกทางเลือกของผู้ที่นับถือหลวงพ่อทรง เพราะบารมีท่านสูงครับ ท่านล่ะสังขารไปแล้ว จะบอกตามตรง พวกลูกหลานพูดกันว่า ท่านเก่งกว่าเดิมอีก มีอะไรไปบอกที่โลง หรือจุดธูปบอก ท่านช่วยทุกอย่าง ช่วยได้มากน้อย ท่านก็ช่วย โดยเฉพาะเรื่องการหากิน โชคลาภ การศึกษา ( เรื่องการศึกษานี่เน้นเลยน่ะครับ ว่าเจ๋ง จริงๆ กาลเวลาและของจริงจะเป็นเครื่องพิสูจน์)

    ผมนับถือท่านมาก อยากจะให้คนฟังเรื่องของท่านอีกมุมหนึ่งครับ
     
  17. เทวทูต

    เทวทูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +1,025
    หากมีคำใดมีความหมายมากกว่าคำว่าเลื่อมใสศรัทธา ผมเลือกคำนั้น พระแท้ เพชรแท้ พระในดวงใจ

    อนุโมทนากับคุณพีครับ

    ยิ่งอ่านยิ่งซึ้ง ยิ่งคิดถึงหลวงพ่อทรง พระเกจิผู้ใจดีในดวงใจผม

    หัวที่นอนผมก็จะมีรูปถ่ายของท่าน และตะกรุด ไหว้ก่อนไปทำงาน

    เวลามองภาพท่าน ดวงตาของท่านจะอ่อนโยนดูมีเมตตามาก

    ดูแล้วรู้สึกศรัทธาน่าเลื่อมใสมากๆ เป็นพลังแบบเย็น เชื่อว่าหลายคน
    ก็คงรู้สึกเหมือนกัน พลังเมตตา บารมีสูงมาก แค่เห็นก็รู้สึกดี เย็นใจ
    ทุกคนที่ได้ไปกราบท่าน จะพูดตรงกันด้วยความศรัทธาว่า "ท่านเมตตามาก"
    เล่าให้ผมฟังแบบนี้ตรงกันทุกคนเลย

    ส่วนตัวผม ตะกรุดของท่านมีประสบการณ์
    ต่างๆ ช่วยเหลือผมมามาก จนถึงขั้น จากคนที่ชอบลองของ
    จนต้องเกรงใจท่าน ไม่กล้ารบกวนท่านเลย ตั้งแต่มีของๆท่าน
    ไม่เคยรู้จักคำว่าทุกข์ยาก ไม่อดไม่อยาก และดีขึ้นเรื่อยๆ


    ทุกอย่างทุกคำที่ผมอธิษฐานบอกท่านไป รู้สึกได้เลยว่าท่านรับรู้
    มีผลให้เห็น ให้ประหลาดใจ ปรากฏขึ้น จนผมไม่มีคำบรรยายใดๆ

    "ข้าแต่เทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำน้อยผู้ศักดิ์สิทธิ์"
    หากชาติหน้ามีอยู่จริง ขอให้ได้มีบุญ มีวาสนา
    ได้เป็นลูกศิษย์ เรียนรู้วิชากับท่านด้วยเถิด.....

    แต่หวั่นใจ ท่านอาจอยู่สูงเกินไป อาจไม่ได้กลับมาเป็นมนุษย์อีกแล้ว
    ใจดีมีเมตตา พรหมวิหาร4 สูงส่งแบบท่านนี้... ดูคล้ายพรหม...
    ท่านช่างเมตตา เหมือนพระพรหมจริงๆ

    ขอบคุณ คุณพี ได้ความรู้
    น่าติดตามมากๆครับ เขียนมาเยอะผมก็อ่านหมด
    วิทยาทานของท่าน ผมขออนุโมทนาอีกสักครั้ง


    ขอคาราวะ (smile)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2008
  18. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    luangpor_song1.jpg

    หลวงพ่อทรง วัด มอญ ( ต่อ )

    ผมมาพบหลวงพ่อตอนปลายชีวิตท่านแล้ว ยังมีผู้นับถือรุ่นก่อนผมหลายรุ่น ซึ่งเป็นตัวจริง ยังไม่แสดงตัว ที่นับถือหลวงพ่อเป็นสรณะ และคงมีประสบการณ์กับท่านหลายอย่าง อันนี้ผมเห็นกับตาหลายคนตอนพวกเขามาหาหลวงพ่อ แต่มาคิดว่าผมนับถือหลวงพ่อด้วยความจริงใจ ผมก็เล่าเรื่องหลวงพ่อจากมุมมองผมก็แล้วกัน

    อย่างที่เกริ่น แม้ว่าผมจะมาพบหลวงพ่อแค่ปี 2547 แต่ผมไปหาหลวงพ่อบ่อย ตามจริตของผม ไปแทบทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์ 2-3 ครั้ง น่าจะร่วม 200 กว่าๆ ถึง 300 ร้อยครั้งภายในเวลา สามปีกว่า อันนี้ยังไม่รวมที่โทรหากัน บางครั้งอยากมาแต่มาไม่ได้ผมก็จะโทรไปหาหลวงพ่อ หรือ หายหน้าไปซักระยะชักคิดถึง ผมก็โทรมาคุยประจำ จะมาหาหลวงพ่อผมก็โทรมาเช็คก่อนว่ามีติดนิมนต์หรือปล่าว บางครั้งท่านก็โทรหาผมเอง หรือให้หลานโทรให้ บ้าง เรียกว่าคุยกันบ่อยๆ เพราะท่านมีมือถือเก่าๆอยู่หนึ่งอัน ผมโดยหน้าที่มีสามเครื่องเปิดตลอด 24 ชั่วโมงทำให้การติดต่อระหว่างผมและหลวงพ่อ เป็นไปโดยง่าย บางครั้งผมเงียบๆไปท่านก็จะโทรมา ทำเป็นคุยธุระ คุยนั่นคุยนี่ แต่ผมจับไต๋ได้ว่าโทรมาชวนคุยน่ะแหละ ก็คุยกันพอหายคิดถึง

    ตอนท่านขอนามบัตรผมๆยังงงๆ ท่านบอกว่าเอาบัตรมาจะเอาเบอร์โทรน่ะแหละ ท่านพูดเสียงจะลึกในลำคอ พูดเบา ค่อย เหน่อนิดๆ สุพรรณหน่อยๆ ( คนวิเศษจะพูดเหน่อๆครับ ) ศัพท์ชาวบ้าน จะฟังยากมากต้องตั้งใจฟังอย่างดี ไม่งั้นจะพลาดอะไรดีๆ ผมต้องตั้งสติอย่างดีทุกครั้งในการฟัง เพื่อไม่ให้พลาด

    รูปที่เห็นข้างบนนี้ นี้จะเป็นรูปตอนหนุ่ม อายุประมาณ 40 กว่า จะเห็นว่าท่านตอนเป็นหนุ่มคงหน้าตาดี ผิวขาวรูปร่างสูงโปร่ง และบางท่านอาจจะไม่ทราบว่าท่านมีฐานะดี อันนี้ผมทราบจากท่านเองและหลานของท่าน ว่าท่านมีสมบัติตกทอดมาถึงท่านมากพอสมควร บางครั้งตอนผมขับรถพาท่านไปเที่ยวถึงบริเวณ สองที่ ที่วิเศษฯ ท่านจะบอกว่า แถวนี้เป็นที่นาของท่าน แต่ยกให้ลูกหลานหมดแล้ว จัดว่ามาจากครอบครัวที่มีฐานะ มีกระตังค์น่ะครับ การที่เป็นหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว สูงโปร่ง มีฐานะ แต่รอดจากสีกา ข้าศึกแห่งพรหมจรรย์มาได้ ไม่เคยมีครอบครัว ผมว่าเป็นเรื่องแปลก และท่านก็ถือพรหมจรรย์นั้นมาจวบจนนาทีสุดท้ายของชีวิตท่านแบบไม่มีด่างพร้อย ไม่เคยสึกหา มาตลอดชีวิตของท่าน

    ท่านเป็นพุทธบุตรที่มองเห็นวัฏสงสาร อนิจจัง ทุกขัง อนันตา อย่างมีสติดียอดเยี่ยม ขอโทษน่ะครับ เยี่ยมกว่าพระกรรมฐานบางรูปที่ผมเคยใกล้ชิด ตอนเจ็บป่วย หลวงพ่อทรงท่านไม่หวั่นไหว ต่อ ความเจ็บและตาย อย่างคนที่มีสติ ดีเยี่ยมจนหมอที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ชมท่านๆหลายครั้งทั้งต่อหน้าท่านและก่ะผม หมอใหญ่ที่นั่นสนิทกับผมมากพอสมควรเอาว่ารู้จักกันมาหลายสิบปี พอท่านออกจากโรงพยาบาล ( ผมจะเล่าในตอนหลัง ) หมอใหญ่น่ะมาทวงพระก่ะผม เรียกว่าอดใจไม่ได้ อยากได้พระของหลวงพ่อ ว่ารักษาท่านไม่คิดค่าหมอ แต่ขอพระเครื่องแทนก็แล้วกัน สำหรับหมอสี่ท่านที่รักษาท่านนี้ ผมจะเล่าให้ฟังตอนหลัง <O:pหลวงพ่อท่านก็คงสตินั้นตลอดเวลาที่ท่านป่วยจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตซึ่งผมไปไม่ทันเห็นท่านสิ้นใจ

    หลวงพ่อเป็นคนมัธยัสถ์ (จะว่าขี้เหนียวก็พอได้ ) ผมไม่เคยเห็นหลวงพ่อควักเงินเพื่อซื้อของบำรุงความสุข เฟอร์นิเจอร์ ดีๆ เช่นนาฬิกาสายห้อยดีๆแบบพระบางรูป หรือ มือถือราคาแพงๆ เหมือนพระดังๆองค์อื่น กินก็ง่าย ผมซื้ออะไรไปถวายท่านก็ฉันฉลองศรัทธาให้ดีใจทุกครั้ง ไม่เคยบ่นว่าไม่ชอบนั้น หรือ ชอบนี่ จนผมจับไต๋ได้ว่าไม่ค่อบชอบหมู ชอบผักและปลามากกว่า การนอนก็ง่าย นอนจำวัดตรงที่รับแขกน่ะแหละ ( ที่เดิมข้างใน ) มีผ้าปูหน่อยก็นอนไขว้ห้างหลับได้ ยิ่งมีคนมานวดยิ่งชอบ ท่านจะเขี่ยขวดยาหม่องให้ทาด้วย จัดว่าเป็นคนกินง่าย นอนง่าย ค่อนข้างจะมีระเบียบในการจัดของ ตามระบบของท่าน ว่าอยู่ที่ไหนอย่างไร จะจำได้หมด ใครอย่าไปเคลื่อนย้าย การจำของท่านนี้ดีเลิศ บางเรื่องเล่าให้ฟังมาสอง สามเดือนเเล้ว ท่านก็จำได้ ถามเราซ่ะอีกว่าไปถึงไหนแล้ว จนผมน่ะลืมไปแล้วว่าเคยถามอะไรท่าน

    อาหารการกินที่วัดมอญนี้อุดมสมบูรณ์ พระบิณฑบาตรเกินพอเผื่อหมาและแมวอย่างสบายทุกวัน อาหารค่อนข้างดี ปราณีต และอร่อย ของหลวงพ่อที่เหลือ ท่านยกให้ ผมก็ล่อเองซ่ะหลายมื้อประจำ ทั้งข้าว กับข้าว ขนม ทั้งที่เหลือจากพระ จัดว่าชาวบ้านรอบข้างมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา เลี้ยงดูพระอย่างดี พระไม่มีอดอยาก จัดเป็นชาวบ้านเกรด เอ จริงๆ และผมก็สังเกตุจากการพูดคุย ว่า ชาวบ้านมีความเลื่อมใสในตัวหลวงพ่อ ดูจะเกรงๆด้วยแม้ว่าท่านจะไม่ดุ บางทีอยากได้พระ ได้เบี้ย ได้ตะกรุดแต่มาขอกับผม ผมบอกว่าไม่ไปขอเองล่ะ เขาก็บอกว่าไม่กล้า อันนี้รวมทั้งพระในวัดด้วย บางทีลงวัตถุมงคลอะไรแล้วไม่กล้าไปถวายเอง ต้องวานผมไปถวายให้หลวงพ่อเสกให้ หรือบางทีผมเอาอะไรไปเสกแล้วต้องกันมาแบ่งพระที่สนิทกัน พระท่านไม่กล้าไปขอในส่วนของหลวงพ่อ เรื่องการเสกนี้ผมมีเรื่องเล่าพอสมควรจะเล่าในตอนหลัง

    ยิ่งตอนมีแม่พิมพ์ แท่นพิมพ์พระผงที่วัด ( ผมจะเล่าตอนหลัง ) ดึกๆท่านจะมาเตรียมผง คัดผง แยกดอกไม้ แช่ปูนให้จืด เทน้ำปูนทิ้งเรียกว่าทำเอง ผมคิดเอาเองว่าตอนนั้นว่างท่านจะปลุกเสกไปด้วย หรือ ลงของคนที่เอาของมาฝากให้ลงในตอนดึกนั้น ผมก็พอจะจับไต๋ได้ว่าท่านชอบสร้างพระและเครื่องลางของขลัง อันนี้ถูกกับจริตของท่าน คือท่านทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ฝืน เพราะมีวิชามาก


    แล้วก็อีกอย่างท่านจะล้างห้องน้ำ ห้องส้วมด้วยตัวเอง อันนี้พระเล่าให้ฟังว่า ดึกๆท่านจะลุกมาทำประจำ อันนี้พระที่วัดเห็นจนเคยชิน จัดว่าท่านเป็นอาจารย์ที่ไม่ใช่นักเทศ แต่เป็นนักทำ จะทำให้ดู ใครดูแล้วไม่ทำ ท่านก็ไม่ทักท้วงอะไร

    ผมเคยกราบเรียนถามท่านถึงเรื่องร้อนๆ ( ตอนสนิทกันมากๆแล้ว ) ว่าหลวงพ่อครับ ทำไม พระ ธรรมยุตกับมหานิกาย ไม่ลงโบถส์ด้วยกัน อยากรู้เหตุผลของหลวงพ่อ ท่านมองหน้ายิ้มๆ แล้วถามผมกลับว่า ต่างกันอย่างไร ผมจำได้ว่า ผมตอบว่าพระธรรมยุตเคร่งกว่ามั้งครับ ท่านยิ้มๆ ตอบทันทีว่าพระมหานิกายที่เคร่งๆก็มีถมไป แต่ท่านไม่ตอบน่ะครับว่าทำไมไม่ลงโบถส์ด้วยกัน ผมก็มีเรื่องที่ผมทราบมา แต่ผมไม่เขียนในนี้แหละ เพราะเป็นเรื่องของพระ และครูบาอาจารย์ของผมก็มีทั้งธรรมยุตและมหานิกาย

    พระองค์แรกที่ผมเกิดมา เรียกว่าลืมตามาก็เห็นคือท่านพ่อลี วัดอโศการาม ( พระธรมมยุต ) เป็นอาจารย์มาตั้งแต่รุ่นตาและยาย ผม มาถึงแม่ แม่พาผมไปหาท่านพ่อลีทุกอาทิตย์ ทั้งเป่าหัวด้วยน้ำหมาก ทั้งเสกพระ ทั้งจารรูปด้วยปากกา ทั้งแจกพระ ผมเจอท่านมาหลายครั้ง เด็กๆ ท่านก็ไล่ให้นั่งพุทโธ แล้ว ผมหลับยังฝันเห็นท่านมาสอนสมาธิ จัดได้ว่าเป็น love first sight ผมรักท่านมาตั้งแต่เด็ก และเป็นพระในดวงใจผมมาตลอด แต่ในชีวิตผมตลอดมา ผมก็เจอพระมหานิกายที่น่าเลื่อมใส ถูกจริต อีกหลายรูป และเจอพระ ธรรมยุตที่ไม่ถูกจริตผมอีกหลายรูปเหมือนกัน

    จะเห็นได้ว่าคำตอบของหลวงพ่อทรงคือ เหมือนกัน ถ้าเคร่งแล้ว ท่านไม่แยกนิกาย แต่เรา( ในที่นี้เราคือใคร ???? ) มาแยกกันเองน่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่.jpg

    ที่จริงตามหลักอาวุโสผมต้องขึ้นรูปนี้ก่อนซ่ะอีกเพราะเป็นระดับอริยะปรมาจารย์จริงๆ แต่เมื่อเป็นกระทู้หลวงพ่อทรงก็ต้องเปิดด้วยรูปหลวงพ่อทรงก่อน แต่ผมอยากจะให้ทราบว่า หลวงพ่อทรง นับถือหลวงพ่อมุ่ยมากแบบมากที่สุด ในการพูดคุย จะเอ่ยถึงหลวงพ่อมุ่ยบ่อยมากแต่อยู่ในกรอบของการไม่คุยโม้ เลี่ยงการสนทนาที่นำไปสู่อิทฤทธ์และปราฏิหารย์ ผมมาเล่าต่อก็แล้วกัน แต่ขอย้ำแต่เพียงว่าการเล่านี้เป็นการเล่าจากมุมมองของผม และอาจจะเป็นด้านใดด้านหนึ่งซึ่งยังมีอีกหลายด้านที่ผมยังไม่สัมผัสได้

    มี link อยู่อันจากลานธรรมจักร ในความรู้สึกส่วนตัวผมเห็นว่าใกล้เคียง <O:pพวกเราเป็นคนชอบเรื่องของขลัง ฉนั้นการมาพบได้บูชาหลวงพ่อก็อยากทราบว่า ท่านเป็นลูกศิษย์ใคร เรียนมาก่ะใคร ผมก็อยากทราบเรื่องนี้ตามวิสัยปุถุชน

    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=43209&sid=4fa3f8275d4f2a8e8945d15037838082

    ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาอาคมจากหลวงพ่อชวน วัดยางมณี หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่, หลวงพ่อพัก วัดโบสถ์, หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ศึกษาโหราศาสตร์กับหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย? พระเกจิดังในยุคเก่า ได้เมตตาถ่ายทอดสรรพวิชาให้อย่างครบถ้วน
    <O:p</O:p
    จากข้อความข้างต้น และจาก หลาย Link จะเล่าถึงครูบาอาจารย์ท่านไปอีกแบบ ผมเคยถามท่านตรงๆ และชวนคุยวกไปเรื่องนี้หลายครั้ง หลวงพ่อทรงท่านจะเป็นพระแบบโบราณ จะไม่ค่อยบอกว่า ใครเป็นอาจารย์โดยตรงครับ ท่านจะตอบแต่เพียงเลี่ยงๆว่าเคยพบ พอถามว่าเรียนวิชาอะไรมาบ้างครับ ( อันนี้ต้องสนทนาไปพอชักคุ้นๆ และค่อยๆตะล่อม ) เพราะการที่เด็กกว่ามาก ไปเรียนถามผู้ใหญ่ที่อาวุโสกว่ามาก เรียนอะไรมาก่ะใครบ้าง บางทีมันดูไม่เหมาะน่ะครับ เหมือนไม่แสดงความเคารพกลายๆ อันนี้ผมบางทีรู้สึกแบบนั้นแต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า ต้องอาศัยการถือวิสาสะบ้างโดยดูว่าท่านไม่รำคาญ

    <O:pเริ่มที่ หลวงพ่อชวนวัดยางมณี ก่อน อันนี้แน่นอนเพราะเป็นพระอุปัชฌาย์ แต่พอผมถามเรื่องว่าเก่งไหม ท่านบอกว่าเก่ง แล้วพอกราบเรียนถามต่อไป ว่าหลวงพ่อเรียนอะไรมาบ้าง ท่านก็นิ่ง เฉไปคุยเรื่องที่บวชด้วยกันหลายคนกับพระอุปัชฌาย์ เช่นกับหลวงพ่ออ่อนวัดเขียน ( มรณะภาพก่อนหลวงพ่อ พระองค์นี้ก็น่าสนใจน่ะครับ พอผมถามต่อเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อชวน ( อันนี้อยากได้เผื่อท่านมีหลงไว้ ..อิอิ) ท่านบอกว่าหลวงพ่อชวนเก่งทางเชือก มัดข้อมือ หรือ มัดเอว ไม่ได้สร้างพระ พอถามว่าท่านเรียนมาหรือปล่าวอันนี้ท่านก็นิ่งอีกเหมือนกัน (ใครมีข้อมูลแตกต่างจากที่ผมทราบก็แย้งมาน่ะครับ ) ในตอนหลังผมเตรียม วัสดุเย็บไว้ จะไปให้ท่านขอดให้แบบเชือกคาด ท่านบอกว่าทำไม่เป็น ไม่เคยเรียน แล้วเฉยซ่ะ เป็นอันว่าอด ผมว่าน่ะคนที่มีเมตตาสูงอย่างท่าน ถ้าเป็นคนอื่นขอท่านคงว่าคาถา ทำให้ไปแล้ว แต่พอเป็นผมซึ่งอยากได้ ของจริงๆ ( ว่าจะเอาซักเจ็ดขอด ) ท่านเลยไม่ทำให้ เป็นอันว่าอดแน่ๆ ผมเลยสรุปว่าท่านไม่ได้เรียนวิชานี้มาโดยตรงจากพระอุปัชาฌาย์ เลยไม่ทำเชือกคาดให้ผม

    หลวงพ่อมุ่ย อันนี้ ของจริง ท่านบอกว่าจะไปหาหลวงพ่อมุ่ย บ่อยมาก บ่อยแบบผมไปหาหลวงพ่อ บ่อยแบบโบราณ นั่งรถจี้บกันไปก่ะชาวบ้านหลายคน ต้องนั่งไปไกลหน่อย มีคนตามไปเยอะ ไปขอพระมาออกที่วัดสร้างโบถส์บ้าง ถึงขนาดพอหลวงพ่อมุ่ยเสียไปแล้วของยังเหลือที่วัด ท่านก็เอาไปคืนแล้วไม่ได้ไปอีกเมื่อสิ้นหลวงพ่อมุ่ยพระและเครื่องราง หลวงพ่อมุ่ยที่ชาวบ้านได้มาเยอะ ขนาดจากรุ่นพ่อ พอมาแบ่งให้ผมในรุ่นลูก ที่ทิด... แบ่งให้ผมเพราะชอบพอ ทั้งแหวน พระ และทั้งสิงห์ที่ยังเหลืออยู่ แสดงว่าในอดีตแถวนี้คงมีมากมายแบบว่าไล่แจกกัน พอมาถึงรุ่นลูกนี่แหละ ค่อยๆเอามาขาย

    เรื่องที่ถามว่าหลวงพ่อมุ่ยเก่งหรือไม่ อันนี้แทบทราบคำตอบอยู่ก่อน แต่จะไม่คุยว่าเก่งอย่างไร ถามว่าเห็นอะไรมาบ้างก้ไม่ตอบ แต่พอผมถามท่านตรงๆว่าหลวงพ่อเรียนอะไรมาบ้าง คำตอบนี้ทำให้ผมเข้าใจหลวงพ่อ ท่านตอบว่า แอบเรียนมาบ้าง นิดหน่อย ถ้าถามมากๆเข้าจะนิ่งอีก ตกลงไม่ทราบอีกว่า เรียนอะไรมาบ้าง แต่จาก ข้อสรุปของผมเอง วิชาหลักๆในการปลุกเสกเครื่องรางของขลังนี่ท่านได้มาจากหลวงพ่อมุ่ยนี่เอง มันไม่มีเหตุผลที่พระหนุ่มไปนมัสการพระคงแก่เรียนแล้วมานั่งมองหน้ากันเฉยๆ ไปบ่อยๆซ่ะด้วย บ่อยแบบชาวบ้านที่ทันเห็นยืนยัน ว่ารุ่นพ่อก็ตามไปด้วย อย่างน้อยต้องมีการพูดคุยกันตามวิสัยสมณะ ต้องมีการฝากตัว แล้วอย่างหลวงพ่อทรงเองซึ่งมีจริตในทางนี้ แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ สอบถามหรือ กราบเรียนหลวงพ่อมุ่ย ในการขอความรู้และวิชา

    และหลวงพ่อมุ่ยเองก็คงมีเมตตาก่ะพระหนุ่มใหญ่องค์นี้มาก ขนาดว่ามาที่วัดแล้วมาปลุกเสก เหรียญบิน อันลือลั่นให้ ( คงจะปล่อยวิชาเต็มที่ ) หลวงพ่อมุ่ยนี้เป็นต้นตำรับ เหรียญบิน น่ะครับจากการค้นคว้าหาอ่านของผม การที่หลวงพ่อมุ่ยเสกของแล้วเคลื่อนไหว เป็นของกล้วยๆสำหรับท่าน ขนาดว่าพระเนื้อดินเผากองอยู่ข้างหน้าในพิธีหนึ่ง ในงานปลุกเสกพิธีใหญ่ที่สุพรรณ พอท่านถอนสมาธิแล้วตบที่เข่าสองข้าง พระทั้งกองจะกระเทือนเหมือนลูกคลื่น รัศมีจากหลวงพ่อ ไปจนท้ายกอง ทำให้คนที่อยู่ในโบถส์ตอนนั้นตกตะลึง แม้พระคณาจารย์ดังๆหลายองค์ที่มาร่วมปลุกเสก ก็อดตะลึงไม่ได้ และก็ยังอดใจไม่ได้ ก็เก็บพระในพิธีใส่ย่ามไปคนล่ะหลายองค์ หลวงพ่อมุ่ยปลุกเสกตะกรุด และสาดคาด จะบิดเป็นเกลียวยกหัวเหมือนงู มีคนเห็นประจำ ปลุกเสกสิงห์ในบาตร จนวิ่งวนไปมา แม้คลายสมาธิ สิงห็ก็ยังไม่หยุดวิ่ง เคยมีคนมาขอเหรียญท่านถามว่ากี่เหรียญ แล้วท่านตบกระดานที่นั่งอยู่ เหรียญที่อยู่ในบาตรไกลไปหลายเมตรกระเด็นออกมา เท่ากับจำนวนที่ขอ ....อื้อฮือ ผมอยากให้ท่านอยู่ตอนนี้จัง จะไปหาท่านอาทิตย์ล่ะสามครั้ง

    <O:pเรื่องหลวงพ่อมุ่ยปลุกเสกของนี้ เขาสัมภาษณ์คนที่เห็นเขียนมาเป็นเล่มใหญ่ๆ สิ่งเหล่านี้มีหรือที่หลวงพ่อทรงท่านจะไม่เห็นทำให้ความเคารพหลวงพ่อมุ่ยมีอย่างมากและแน่นแฟ้นในญานสมาบัติของหลวงพ่อมุ่ย จัดว่ามีอิทธิพลเป็นต้นแบบให้หลวงพ่อทรง เป็นแบบอย่าง

    หลวงพ่อพัก วัดโบถส์ องค์นี้ก็สำคัญ เมื่อพูดถึงหลวงพ่อพัก ท่านดูจะสนใจมาก ตาเป็นประกาย เมื่อผมเอาเบี้ยหลวงพ่อพักตร์ที่ซื้อมาให้ท่านดู ท่านจะพิจารณาอยู่นานมาก เมื่อผมชวนท่านไปหาเช่าเบี้ยหลวงพ่อพักในเมืองท่านรีบมาทันที แต่ไม่ซื้อเองน่ะ!! จนในคราวหลังผมต้องหาไปถวายท่านหนึ่งตัว ดูท่านพอใจมาก ตอนนี้ไม่ทราบตกไปที่ใคร การไปเที่ยวของท่านเป็นการพักผ่อนอริยาบถ ผมพาท่านไปนั่งรถเที่ยวเยอะ หลายครั้ง กลับมาวัดบางทีเย็นๆ ญาติโยมนั่งรออยู่เต็ม ผมว่าท่านก็รู้แต่คงเหนื่อยและเบื่อน่ะครับเลยหนีบ้าง ผมกราบขออภัยและขอขมาท่านที่ผมเคยทำให้พวกท่านรอ

    ผมเคยชวนท่านไปวัดโบถส์ท่านรีบคว้าย่ามเลย การนั่งรถผมในครั้งแรกๆผมให้ท่านนั่งข้างหน้าเพราะห็นพระชอบนั่ง แต่ตอนหลังๆท่านไม่เอา จะขึ้นนั่งเบาะหลังทันที บอกผมว่าจะนั่งนี่แหละ ผมต้องเปลี่ยนมานั่งหน้ารถผมทะเบียน 0978 ตอนที่ท่านนั่ง หวยจะออกเลข เหล่านี้บ่อยมาก วนไปวนมา หลายงวดเมื่อเห็นท่านสนใจผมเลยซื้อหนังสือหลวงพ่อพักตร์มาถวายท่าน ท่านอ่านดูด้วยความสนใจ แต่พอผมถามท่านๆ ว่าเคยเรียนกับหลวงพ่อพักหรือปล่าวครับ ท่านบอกผมทันทีว่าเราไม่ทัน เมื่อเทียบ พ.ศ.กันจำได้เลยว่าปีที่หลวงพ่อพักมรณะภาพ จะเป็นปีที่ท่านบวช ตกลงสรุปว่า ท่านไม่ทันหลวงพ่อพักในแง่เรียนวิชาครับครับ ท่านเคยบอกว่ามีคนมีตำราของหลวงพ่อพัก อยู่ที่โพธิ์ทอง ผมเลยยุท่านหลายครั้ง ว่าหลวงพ่อสอบถามให้เจอซิครับ ว่าบ้านอยู่ไหน ผมมาแล้วเราไปด้วยกัน ผมพาไปเอง เขาไม่ให้ผมก็จะซื้อถวายหลวงพ่อ จนในที่สุดท่านก็สืบทราบว่า คนที่มีตำราหลวงพ่อพักนั้นตายไปแล้ว ส่วนตำราก็สูญหายไปกับลูกหลาน สืบทราบไม่ได้ เป็นที่น่าเสียดาย อันนี้ แม้ว่าจะไม่ทันน่ะครับ แต่ท่านนับถือหลวงพ่อพักเป็นครูแน่นอน เพราะมีรูป และเคารพมาก อาจจะได้วิชามาแบบบอกต่อ หรือ อ่านตำรามา ตอนผมทำตะโพนทองแดงมาถวายท่านครั้งแรก ท่านชอบใจมาก เมื่อปลุกเสกแล้ว ลองไปใช้ ผลว่าตะโพนท่านนี้แรงมาก ผมไปถามท่านว่าครูแรงเหรอหลวงพ่อ ท่านบอกเลยว่าเครื่องดนตรีไทยนี้ตะโพนขึ้นก่อนน่ะ คิดเอาเอง( เป็นอาจารย์ใหญ่ของเครื่องดนตรีนะ อันนี้ผมว่าเอง ) ส่วนเบี้ยที่ท่านเสกให้ ก็แรงแบบสุดๆ ใช้แทนของเก่าสบาย ผมเก็บของหลวงพ่อพักขึ้นหิ้งเพราะราคาแพง พกหลวงพ่อทรงแทน ( จะเล่าให้ฟังตอนหลัง ) สบายใจ

    ส่วนหลวงพ่อคำ และ หลวงพ่อนุ่ม ผมเคยถามหลายครั้ง ทุกครั้งท่านเฉย ไม่มีปฎิกริยาตอบสนอง เคยพูดแต่เพียงว่าหลวงพ่อนุ่มเป็นเจ้าคณะ เป็นพระอุปัชฌาย์ด้วยบวชคนหลายคน แต่ไม่เคยพูดเรื่องวิชาอะไร จนผมเลิกถาม

    หลวงพ่อเดิมวัดหนองโพ อันนี้ไกลตัวมาก ผมถามท่านตรงๆว่ามีหนังสือเขาเขียนว่า หลวงพ่อเป็นศิษย์หลวงพ่อเดิม ใช่ไหมครับ ท่านตอบแบบเดิมคือ ศึกษาตำรามาบ้าง เหมือนเดิม อันนี้ผมจะโชว์ให้ดูทีหลังว่า ท่านชอบมีดมาก มีความชอบเป็นพิเศษ ผมเคยเอามีดเหล็กดามาสกัสด้ามงาให้ท่านดู ท่านชอบใจมาก ถามเลยว่าซื้อที่ไหน ( อันนี้เป็นลีลา ว่าชอบ แต่หลวงพ่อท่านไม่ซื้อหรอกผมรู้ ท่านมัถยัสย์น่ะ ตอนหลังผมต้องทำมาถวายท่านเล่มหนึ่ง ท่านพกติดย่ามแต่มันหนักมาก เลยเอาเก็บ อันนี้ท่านบอกผม มีดเล่มนี้ก็ไม่รู้ตกไปอยู่ที่ใคร ) ตอนหลังมีลูกศิษย์ คนดีมีศีลธรรมท่านหนึ่งทำมาถวายให้วัดจำหน่าย ฝีมือช่างนวยแห่งพยุหะคีรี ช่างมีดด้ามงาอันดับหนึ่ง เหมือนกันท่านจึงมีติดย่ามเล่มเล็ก อันนี้ผมก็ถวายไปเล่มเหมือนกัน ฝีมือช่างนวย เพราะชอบพอกัน และบอกให้ว่ามีดหมอของท่านก็แรงมากใช้แทนของเก่าได้สบาย <O:pเคยมีคนพูดกับท่านว่าอยากได้ มีดเล่มใหญ่ ท่านยุเลยบอกว่าไปหามาซิ จะเสกให้ เรียกว่ามีวิชาแนวนี้แน่นอน และครูแรง

    หลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อันนี้ผมไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงเลย แม้ผมจะแอบถามเรื่องอาจารย์ท่านหลายครั้ง และหลวงพ่อทรง ไม่ถนัดโหราศาสตร์และการให้ฤษถ์ ครับ ไม่ใช่แนวท่าน แต่ก็มีชาวบ้านมาถามเหมือนกัน ท่านก็เปิดตำราตอบครับ ตำรานั้นเป็นตำราปฎิทินโหราศาสตร์รรมดาครับ ผมเปิดดู เองเพราะชอบโหราศาสตร์เผื่อได้วิชาจากท่านบ้าง อันนี้ยืนยันได้ ไม่ใช่วิชาที่ท่านชอบ การที่ท่านถูกถามและตอบ ไม่ใข่โหราศาสตร์ครับ เป็นอะไรท่านคงคิดเองได้

    จากมุมมองของผมว่า อาจารย์ของท่าน ที่พอจะ ทราบได้จากที่ท่านพอจะพูด คือพระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงพ่อชวน และหลวงพ่อมุ่ย องค์นี้เป็นหลัก และมีวิชาแนว หลวงพ่อพัก และหลวงพ่อเดิม ส่วนจะเรียนกับใครอีกเมื่อไหร่ รายละเอียดอย่างไรบ้างท่านไม่บอกครับ ( เหมือนหลวงปู่บุญศรี อาจารย์ของผม คือไม่พูด ไม่ทราบถูกห้ามมาหรือปล่าว เพราะอาจจะเรียนมาแบบภาคพิศดารก็ได้

    อันนี้ไม่ใช่ข้อสรุปน่ะครับ เพราะหลวงพ่อท่านอาจจะมีอาจารย์ แล้วผมไม่ทราบก็ได้ ท่านใดทราบบอกให้ผมทราบบ้างก็ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2008
  20. มหาโอ๊ต

    มหาโอ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    753
    ค่าพลัง:
    +1,692
    คุณพีและทุกๆท่านช่วยดูตะกรุดให้หน่อยครับ
    อันแรก ตะกรุดพระอรหันต์8ทิศ แท้หรือเปล่าครับ ใช้ดีทางด้านใด สร้างปีใดครับ หากรู้ประวัติวิชานี้ ช่วยเล่าให้ฟังเป็นวิทยาทานด้วยนะครับ ตอกโค๊ตตัว"ท"และ"วศด" ครับ ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN4014.jpg
      DSCN4014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      211.1 KB
      เปิดดู:
      336
    • DSCN4018.jpg
      DSCN4018.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.1 KB
      เปิดดู:
      349
    • DSCN4019.jpg
      DSCN4019.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.9 KB
      เปิดดู:
      340
    • DSCN4021.jpg
      DSCN4021.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.1 KB
      เปิดดู:
      298

แชร์หน้านี้

Loading...