ธรรมะไร้กาลเวลาทั้งทางโลกทั้งทางธรรม

ห้องนี้ ห้องอภิญา-สมาธิ

ผู้ดูแล
เตือนว่าสนทนากันให้อยู่ในกรอบ
ของสมาธิ-อภิญญา ครับ

โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วนะครับ

หากต้องการสนทนา
ในเรื่องที่ไม่ใช่สมาธิ-อภิญญา
ผมก็เห็นสมควรย้ายไปสนทนาห้องอื่น
ก็ได้ครับ
กราบเท้าขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

 

การเคารพกฏของแต่ละที่
เป็นสิ่งที่บอกได้ว่า
ผู้นั้นมีคุณธรรมหรือไม่ครับ

 

คับผมงันผมไปก่อนแล้วกันคับขอโทษในความหลงของผมหื่มหน้ามืดตามัว

 

ผู้ที่ไม่รู้จักเกรงใจผู้อื่น
ย่อมไม่มีผู้อื่นเกรงใจเช่นกันครับ

 

ในบางครั้งความหลงก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไปอยู่ที่ใครจะใช้มัน แต่มันเลวร้ายกับผู้ที่ใช้มันเสมอ

 

เห้นไร้กรม เคยบอกว่า ทำรูปฌาน ได้ถึง รูปฌาน 4
ไร้กรมก็เอามาอวดหน่อยปะราย

จะได้ สมชื่อห้อง ที่ไร้กรม ต้องการ

แต่จะว่าไป

คงต้องปวดกระบาลอย่างมากในการ สื่อภาษา
คงไลฟ์บอย เหมือนเดิม

 

คำบอกเล่าของพระคมทำให้หลายคนคลายความกังวลเกี่ยวกับพระพลานามัยของในหลวง แต่ขณะเดียวกันก็อาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ใครคือพระคม อภิวโร ที่ได้เข้าเฝ้าถวายงานใกล้ชิดและเป็นผู้นำเรื่องราวในวังมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ

บีบีซีไทยติดต่อวัดป่าธรรมคีรีเพื่อขอทราบประวัติและขอสัมภาษณ์พระคม แต่ได้รับแจ้งจากพระมหาวุฒิมา เจ้าอาวาสวัดป่าธรรมคีรีว่าพระคม ซึ่งปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานคณะสงฆ์ของวัด ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์หรือให้ข้อมูลใด ๆ

อย่างไรก็ตาม จากการสืบค้นข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก ช่องยูทิวบ์ของวัดป่าธรรมคีรี รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของพระคมในรายการ "บันทึกสถานการณ์" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ทำให้รู้จักพระคมในแง่มุมต่าง ๆ ดังนี้

ศิษย์เก่าวัดบวรฯ-ม.เกษตร
เพจเฟซบุ๊กวัดป่าธรรมคีรี ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 8 หมื่นคนระบุว่าพระคมเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนในเขตพระนคร กรุงเทพฯ นอกจากเป็นนักเรียนทุนสมเด็จพระสังฆราชแล้ว พระคมยังเป็นอดีตนักเรียนยอดเยี่ยมคนแรก สามเณรฤดูร้อนรุ่นแรก ประธานนักเรียนและเป็นศิษย์เก่าดีเด่นของโรงเรียนวัดบวรนิเวศอีกด้วย

เพจนี้อ้างคำบอกเล่าของพระคมถึงชีวิตสมัยเป็นเด็กมัธยมวัดบวรฯ ว่า "สมัยนั้นพวกเราได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรมากมาย ท่านเสด็จมาทรงอบรมนักเรียนตามวาระต่าง ๆ หรือหากไม่มีพระกรณียกิจนอกวัด ก็จะทรงเรียกพวกเราไปสอน กลุ่มเด็กวัดในยุคนั้นมีบุญมากที่ได้รับใช้พระองค์ท่าน เราได้ใส่บาตรพระองค์ท่านทุกเช้า...ยุคนั้นเราก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง อยากทำบุญกับพระองค์ท่าน จึงประหยัดมาก อดออม หรือบางทีก็ต้องอดข้าวเพื่อซื้ออาหารมาใส่บาตรถวายทุกวัน เป็นความสุขของเด็กน้อยที่อิ่มในใจมาจนถึงทุกวันนี้"

• ร.10 เสด็จอุดรธานีครั้งแรกในรอบ 21 ปี ทรงขอบใจพสกนิกร และชวน "รักษาความวิเศษของความเป็นไทย"
• ร.10 พระราชทานพระบรมราโชวาทบัณฑิตใหม่ ม.ธรรมศาสตร์

วัดป่าธรรมคีรียังได้เผยแพร่คำพูดของอาจารย์วัดบวรนิเวศที่กล่าวกับพระคมว่า "…ท่านคม สมัยก่อนเป็นลูกศิษย์ที่สร้างชื่อเสียง ทำประโยชน์ให้โรงเรียนมาก ทำความดี ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ พวกครูรักมาก"

หลังจบชั้นมัธยมปลาย พระคมเข้าเรียนต่อที่คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น KU61

เดือน ต.ค. 2563 เฟซบุ๊กเพจ KU Together ได้เผยแพร่วิดีโอสัมภาษณ์พระคมเกี่ยวกับชีวิตสมัยเป็นนิสิตซึ่งพระคมเล่าว่าแม้จะเรียนที่นี่เพียง 2 ปีแล้วตัดสินใจลาออกไปบวช แต่ช่วงเวลา 2 ปีที่เป็นนิสิตวนศาสตร์นั้น "ได้หล่อหลอมให้เป็นพระที่มีความเด็ดเดี่ยว อาจหาญ มีจิตที่พร้อมจะสู้กับสิ่งยาก"

พระคมกล่าวถึงความทรงจำที่มีต่อคณะวนศาสตร์ว่าเป็น "คณะที่รับน้องหนักและโหดที่สุดของไทย...ผ่านการรับน้องทุกอย่าง ระบบโซตัสของวนศาสตร์ ส่งผลให้คนกเฬวรากคนขี้เกียจกลายเป็นคนมีระเบียบวินัย"

บวช
พระคมสนใจและศรัทธาในคำสอนและแนวทางการฝึกภาวนาของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี และอุบาสิกาจันดี โลหิตดี น้องสาวของหลวงตามหาบัว มาตั้งแต่ชั้นมัธยม

ในบทความเรื่อง "สายธารธรรมจาก 'คุณแม่จันดี โลหิตดี' ถึงพระอาจารย์คม อภิวโร" เผยแพร่บนเว็บไซต์คมชัดลึกเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2556 พระคมเล่าว่าช่วงที่เป็นนักเรียนเขามักเดินทางไปฟังหลวงตามหาบัวเทศนาธรรมที่สวนแสงธรรม ถ.พุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งเป็นสำนักสงฆ์ในความดูแลของวัดป่าบ้านตาด เป็นประจำ

ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาเริ่มสนใจเรื่องการภาวนาและเป็นช่วงที่หลวงตามหาบัวประกาศตั้ง "กองทุนผ้าป่าช่วยชาติ" ช่วงปี 2541 หลังวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เขาจึงเดินทางขึ้นล่องกรุงเทพฯ กับอุดรธานีเป็นประจำ จนวันหนึ่งมีโอกาสได้เข้าไปแนะนำตัวและเล่าถึงการฝึกภาวนาให้อุบาสิกาจันดีฟัง

อุบาสิกาจันดีเป็นผู้ชี้แนะแนวทางการฝึกภาวนาให้เขานับแต่นั้นมา แต่ตอนนั้นครอบครัวของพระคมอยากให้เรียนหนังสือมากกว่า วันหนึ่งอุบาสิกาจันดีจึงได้เชิญพ่อและแม่ของเขาไปพบ

"คุณพ่อคุณแม่ก็เลยยกอาตมาให้เป็นสิทธิขาดของคุณแม่จันดีนับแต่นั้น" พระคมเล่าไว้ในบทความชิ้นเดียวกัน "ในที่สุดคุณแม่จันดีก็บอกว่าถึงเวลาที่จะบวชได้แล้ว แล้วท่านก็มอบเงินให้เป็นเครื่องบวช ใส่ซองให้เรียบร้อย ท่านบอกให้ไปบวชใกล้บ้าน ให้พ่อกับแม่ได้บุญ"

อ่านต่อ :
คม อภิวโร: พระหนุ่มผู้ที่ "ภิรมย์ภักดี" และ "จุลานนท์" ศรัทธา และประกาศว่าถวายงาน ร.10 - BBC News ไทย

 

รูปฌาณสี่ก็นิ่งเป็นตอไม้งัยครับ

 

จะใครหน้าไหนก็ตาม
ต้องดูธรรมะที่แสดงออกมาครับ

 

ใครก็ทำลายไม่ได้
ถ้าไม่มีบุพกรรมครับ

 

นารีพิฆาติ
สยบต่ออำนาจพระทศพลครับ

 

สงสัย หวยออก บุพกรรม แหะ งานนี้

 

กฏหมายอาจเลี่ยงได้
แต่กฏแห่งกรรมถ้าเคยทำไว้
ก้มหน้ารับกรรมสถานเดียวครับ

 

เมตตาอยู่เสมอจนชินก็เป็น ฌาณ
กรุณาอยู่เสมอจนชินก็เป็น ฌาณ
มุฑิตาอยู่เสมอจนชินก็เป็น ฌาณ
อารมณ์อุเบกขาไม่ขึ้นลงก็เป็น ฌาณ

 

กำลังสมาธิฌาณ
กดข่มระงับกิเลสได้ดีนักแล
แต่กำลังสมาธิฌาณ
มิอาจทำกิเลสหมดสิ้นไปได้
ผู้ที่จะสิ้นกิเลสได้ต้องเหนื่อยหน่าย
กับการวุ่นวายวิ่งตามกิเลสตัณหาราคะ
มาอย่างยาวนาน
เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ
จนได้มาเจอคำสอนของพระพุทธเจ้า
เกิดสะดุดเอะใจรู้สึกได้ขึ้นว่า
ถ้าเราไม่มีร่างกาย
เราก็ไม่ต้องมาลำบากเหนื่อยกาย
อยู่แบบนี้

 

กำมะกาง ชี้ไป ชอบสะหนาม ตัดคะแนน สี่ แต้ม

แล้วปลากัดว่า

"ฟาวล์ อิงคอเล็ด เซงเท๊ง

ก็ร่างกายมะนุกนี่แหละเลิศ
กายมะนุกมีแต่ควันลำบากเหนื่อยกาย
อยู่ตลอด จึงเหมาะแก่การอาศัย ระลึก
เจริญกระติก เมื่อมีกระติก ชานบ้านก็เป็น
ที่อาศัยได้ นั่งกันเยอะๆ ทำให้มักมาก ย่อม ตั๊กบริบูรณ์"

 

ได้ของเลิศแล้ว
หลงยึดติดในของเลิศ
เลิศแล้วเลิศอีกอยู่อย่างนั้นหรือ
ไม่คิดที่จะหลุดพ้นออกจากของเลิศ
บ้างหรือครับ

 

จาหลุดโค้ง ปายหยาย

จำนนอยู่กับ ตุ๊กๆ ให้กำหนดรู้

ไม่หนี ไม่หน่าย ไม่เพียร ไม่พัก อะฮับ

 

นั่นมันอารมณ์ของพุทธภูมิครับ