เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    แค่นั่งแผ่เมตตาในบารมีน้อยๆ มันไม่พอหรอก

    มันต้องเอาตะแกรงร่อน ให้คาแผ่นเขิง

    ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น !

    ขนไปยุคพระศรีอาริย์
    received_838754430025887.jpeg
     
  2. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ในอดีตอย่าลื



    อย่าลืม " ว่า ขึ้นไปมาแล้ว " ใครสามารถ!? 7192ad9a.jpg
     
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  4. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    เหมือนจี้ถูกจุด มาเป็นชุดแบบหยุดไม่อยู่:)
     
  5. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

    คหสต.

    น่าจะปี พ.ศ. 2600 เป็นต้นไปล่ะ..ที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง


    ข้อมูลจากไหน : ไม่มีที่มา..ไม่มีหลักฐานอ้างอิงใด ๆ ประกอบ


    เป็นความเห็นส่วนตัวทั้งสิ้นครับ..


    ปล.
    พุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับวันวิสาขบูชา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2021
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พุทธทำนายกึ่งพุทธกาล

    เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปี เป็นต้นไป (ช่วงหลัง พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)
    ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม

    ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ในมัชฌิมประเทศ ทิศตะวันออกสุด ก็คือประเทศไทย ที่เกิดเหตุการณ์ เพลิงไหม้วัดวาอารามมากที่สุดในโลก ทั้งตั้งใจเผาทำลายสังหารพระ และไหม้อย่างอัคคีภัย


    ปกติดีทุกประการ ไม่เห็นมีอะไรน่าตื่นเต้น ใครๆก็เขียนขึ้นมาได้ พุทธทำนาย คนทำนาย หมาแมวทำนาย เยอะแยะไปประเทศนี้ เผลอๆสัตว์นรก จนไปถึงเทวดาสวรรค์ยังทำนายเลย

    แล้วยังไง แล้วจะได้อะไรจากการทำนาย ^_^

    นั่นสินะ เหตุการณ์ปกติ ก็แค่เรื่องบังเอิญ ไฟจะไหม้วัดวาอาราม จะเผาวัดเล่น ฆ่าพระเล่นบ้างจะเป็นไร พุทธบริษัท ๔ หรือพระจะถูกฆ่าบ้างก็กรรมของพระ

    ☆☆☆☆☆☆⊙○●แบบนี้มันต้องฉลอง●○⊙☆☆☆☆☆

    เจริญพร ฯ ^_^

    S__3940935.jpg
    FB_IMG_1612148883736.jpg
    FB_IMG_1612148886092.jpg
    FB_IMG_1612148888915.jpg

    Screenshot_20210201-110355_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110402_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110416_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110423_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110438_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110445_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110455_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110500_Google.jpg

    Screenshot_20210201-110506_Google.jpg

    Screenshot_20210201-110532_Google.jpg
    Screenshot_20210201-110546_Google.jpg

    Screenshot_20210201-110555_Google.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2021
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ

    โรค " ไอม่องคร่อนี้ " ปอดติดเชื้อหรือห่าลงปอด โรคอันเป็นที่น่ารังเกียจและหวาดกลัวต่อผู้คน ที่ทำลายทั้งภูมิต้านทานและทำลายปอด ท่านวิธูรบัณฑิต(อดีตชาติพระโพธิสัตว์กล่าวไว้ก่อนพระชาติที่ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า)ได้กล่าวแสดงไว้ในชาดก หากว่ามีการเสื่อมฤทธิ์เสื่อมเดชเกิดขึ้นในโลกและประเทศราชต่างๆ โรคห่าลงปอดนี้จะเกิดขึ้น ไล่ตั้งแต่ตัวบุคคลขึ้นไป
    ตามหลักฐานจึงปรากฎขึ้นทุกๆ จำนวนนับ50ปีบ้าง100 ปีบ้าง ตามคำนวนนับของการแพร่ระบาดโลก


    ●○● ขอฝากกระทู้ข้อความนี้ให้กับ คหสต.ผู้ที่ไม่เชื่อในพุทธทำนายกึ่งพุทธกาล สำหรับเชื้อโควิด19 นี้หลายท่านคงยังไม่คิดว่ามันจะเป็นผีเสื้อเหล็กอย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ต้องสรุปใจความไปว่า ต้องเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดเพียงเท่านั้น ไม่ใช่ จิ๋วแต่แจ๋ว อย่างเชื้อโควิด19 เพราะทิ้งระเบิดที มันต้องมีคนตายเป็นเบือ เชื้อโควิดแค่แพร่กระจายเก่งเท่านั้นเอง ก็ลองไม่มีการป้องกันการรักษาและล๊อกดาวน์ดูสิว่า จะมีผู้คนล้มตายกันทั้งโลกมากเท่าไร? อย่าลืมนะว่า เชื้อโควิด19 ฆ่าพลเมืองสหรัฐอเมริกามากกว่าช่วงสงครามโลกที่ผ่านมานั้นอีก ●○●

    ไม่มีอะไรจริงๆ แค่เรื่องเพ้อเจ้อ ^_^

    # ก็แค่อุณหภูมิร่างกาย ธาตุไฟมันสูงเผาผลาญ ขึ้นจนธาตุไฟแตก ไม่เห็นมีอะไร ไฟผลาญจริงๆ มันต้องลุกไหม้ร้อนแรงแบบไฟคลอก เผาจนเหลือแต่ขี้เถ้าเป็นจุลไปเลย #

    "เชื้อCovid กลายพันธุ์ไปเรื่อยอย่าพึ่งเป็นผีเสื้อเหล็กล่ะกัน เดี๋ยวมันไม่ตื่นเต้น เพราะคนตายน้อยเกินไป ผู้มีอำนาจมันต้องทิ้งไข่ที ต้องตายเป็นร้อยล้านพันล้าน มันถึงจะสมใจสมบทบาทในคำทำนาย"

    ออ!! เอาอย่างนั้นเลยรึ! อื้ม งั้นก็ ขอให้สมหวังดั่งใจทุกๆประการ เพราะยังไงเราก็อยู่ในวันที่ไม่เหลือใครและอะไรอยู่แล้ว ! เกิดใหม่อีกทีเป็นพระรูปนั้นเท่ห์ๆ ก็ดีเหมือนกัน

    ●○● ท่านใดที่ปกป้องคุ้มครองโลกนี้อยู่ทุกภพภูมิ ท่านจะเห็นควรประการใด ไม่ต้องปกป้องคุ้มครองดูแลเพื่อประโยชน์สุขของมหาชนแล้ว เหนื่อยเปล่าๆ ไม่มีผู้ใดเขาเห็นคุณค่าของพวกท่านหรอก ท่านจงปล่อยวางและจงทำให้พินาศไปเถิด ●○●

    หรือจะเอาแบบนี้ ! ^_^ ไปภาวนาขอพรกันเอาเอง ! ถ้ามันไม่ทันใจ จะลงมือเองเลยก็ได้ ก่อจราจลให้มันวินาศสันตะโรกันไปเลยทุกประเทศ ทั่วโลกมันจะได้สมคำทำนาย บาปบุญคุณโทษมันไม่มีจริงอยู่แล้ว ฆ่ากันทำร้ายกันให้หมด เจอหน้าใคร ก็ฆ่าแกงกันไป

    มันก็บ้าเกิน!

    แค่เชื้อโรคมีโปรตีนบ้าง มีไขมันบ้างฯลฯห่อหุ้มดูดซึมธาตุเหล็กอยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลกอะไร?

    จงไม่มีอะไร จงไม่เป็นอะไรทั้งนั้น จงไม่มีคำทำนาย ทายทักอะไรอีกต่อไปในสหจักรวาล เชิญภาวนาอธิษฐานขอพร

    จงไม่มีๆฯลฯ หาเอาสักมุมห้อง ซอกตึก ที่รกร้าง ไปนั่งบ่นอยู่คนเดียว ว่า"จงไม่มี" เดี๋ยวคงบันทะลุธรรม





    9f866839-6d0a-425c-87f7-62cafa5e6012.jpg

    received_219289709866387.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กุมภาพันธ์ 2021
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ด้วย{มานะธรรม}และ[อัตตาธรรม] แห่งการบันลือสีหนาท อันเหยียบย่ำมานะ ๙ ถ้าชาตินี้เราไม่แสดงอรรถาธิบายและรายละเอียดไว้โดย ไม่มีผู้เป็นเพื่อนสอง ในรอบกึ่งพุทธกาลนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่จะรู้จัก
    {⊙}ดวงตาเห็นธรรม{⊙}ที่แท้จริงได้หรอก

    ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นธรรมทาน

    " ที่นี้ ว่าจะกล่าวบทไปแล้วถึงผู้อ้างตนว่าบรรลุธรรมมีฤทธิ์มีเดชทั้งหลาย ไฉนดวงตาเห็นธรรมของท่าน จึงแปลกแยกเป็นอื่นไปจาก ผู้บรรลุธรรมท่านแรกและท่านอื่นๆในพระพุทธศาสนา ดั่งท่าน อัญญาโกณฑัญญะไปได้เล่า ทั้งๆที่การได้ดวงตาเห็นธรรมนี้เป็นเครื่องยืนยันการเข้าสู่การเป็นทิพยภูมิของพระอริยะเจ้านั้นแท้จริงทีเดียวแล้วหนอ จงไตร่ตรองดูเถิด "

    อันตัวเรานั้นสามารถแก้ภาษิตได้หมด ถ้าผู้ใดกล่าวว่าตนเองมีตนเองได้ ในดวงตาเห็นธรรมที่แปลกแยกเป็นอื่นจากที่เราแสดงเอาไว้นี้อย่างถูกต้องและชัดเจนที่สุดด้วยในแผ่นดินผืนโลกธาตุนี้ ในห้วงเวลานี้ บัดนี้ ถ้าท่านมีความสามารถ จงพึงแสดง!

    "เราจักวิสัชนาแก้โดยให้เห็นความเป็นจริง แยกแยะความเป็นเท็จออก"

    แม้เราจะอยู่ต่ำต้อยที่สุดใน ปฎิสัมภิทา ๑/๑๖ อย่างเช่นในตอนนี้ก็ตาม




    ●○● ดวงตาเห็นธรรมที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องหนึ่งเดียวไม่เป็นอื่น ●○●

    " ผู้ที่มีจิตไม่มั่นคง ไม่ทราบพระสัทธรรม
    มีความเลื่อมใสรวนเร ย่อมมีปัญญาบริบูรณ์
    ไม่ได้"

    "●○● พระไตรปิฏกพระธรรมคัมภีร์ธรรมแม่บทดั้งเดิม●○● "

    ปฏิสัมภิทามรรคปกรณ์นี้นั้นสมบูรณ์ด้วยอรรถะ, พยัญชนะ, ลึกซึ้ง, มีอรรถลึกซึ้ง, ประกาศโลกุตระ, ประกอบด้วยสุญญตา, ให้ สำเร็จผลวิเศษในการปฏิบัติ, ห้ามอกุศลอันเป็นปฏิปักษ์, เป็นรตนากร บ่อเกิดแห่งญาณอันประเสริฐของพระโยคาวจร, เป็นเหตุอันวิเศษในการเยื้องกรายธรรมกถาของพระธรรมกถึกทั้งหลาย, เป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ของผู้กลัวภัยในสังสารวัฏ, มีประโยชน์ในการยังความชุ่มชื่นให้เกิดเพราะเห็นอุบายในการออกจากทุกข์นั้น, และมีประโยชน์ในการทำลายอกุศลธรรมอันเป็นปฏิปักษ์ต่อนิสสรณธรรม๔ นั้น

    และมีประโยชน์ให้เกิดความยินดีในหทัยแก่กัลยาณชน โดยการเปิดเผยอรรถแห่งบทพระสูตรมีเนื้อความอันลึกซึ้งมิใช่น้อย อันท่านพระสารีบุตรผู้ธรรมเสนาบดีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ธรรมราชาภาษิตแล้ว เมื่อประทีปดวงใหญ่กล่าวคือพระสัทธรรม รุ่งเรืองแล้วด้วยแสงประทีปดวงใหญ่คือพระสัพพัญญุตญาณที่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วโดยไม่ขัดข้อง ส่องสว่างกระจ่างไปทั่วทุกสถาน มีพระทัยสนิทเสน่หา ประกอบไปด้วยพระมหากรุณาแผ่กว้างไปในปวงชน เพื่อกำจัดความมืดมนอนธการกล่าวคือกิเลส ด้วยพระมหากรุณาในเวไนยชน ด้วยการยกพระสัทธรรมนั้นขึ้นอธิบายให้กระจ่างแจ้งแก่ปวงชน ด้วยความเสน่หา ปรารถนาความรุ่งเรืองแห่งพระสัทธรรมไปตราบเท่า ๕,๐๐๐ พระพรรษา ผู้มีเจตจำนงค้ำจุนโลกตามเยี่ยงอย่างพระศาสดา อันท่านพระอานันทเถระสดับภาษิตนั้นแล้วยกขึ้นรวบรวมไว้ในคราวทำปฐมมหาสังคีติ ตามที่ได้สดับมาแล้วนั่นแล.

    เทสนาประเภทต่างๆ ย่อมให้เกิดประเภทแห่งปฏิสัมภิทาญาณ แก่พระอริยบุคคลทั้งหลายผู้สดับฟัง และเป็นปัจจัยแก่การแตกฉานในปฏิสัมภิทาญาณแก่ปุถุชนต่อไปในอนาคต

    ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นคุณอันลึก เห็นได้ยาก
    รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมสงบ ประณีต ไม่หยั่งลง สู่ความตรึก
    ละเอียดเป็นวิสัยของบัณฑิตจะพึงรู้แจ้ง
    ฐานะคือความที่อวิชชาเป็นปัจจัยแห่งสังขารเป็นต้นนี้
    เป็นสภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้นนี้ แม้ฐานะคือธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง
    เป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นตัณหา เป็นที่สิ้นกำหนัด เป็นที่ดับสนิท
    หากิเลสเครื่องร้อยรัดมิได้ นี้ก็แสนยากที่จะเห็นได้
    ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม สัตว์เหล่าอื่นก็จะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา
    ข้อนั้นจะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อยเปล่าแก่เรา
    จะพึงเป็นความลำบากเปล่าแก่เรา”

    {O} ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต {O}
    ๑) มังสจักษุ ๑) ทิพยจักษุ ๒) ปัญญาจักษุ ๔) พุทธจักษุ ๕) สมันตจักษุ

    จักษุมี ๒ อย่าง คือ มังสจักษุ ๑ ปัญญาจักษุ ๑.

    ฝ่ายมังสจักษุ มี ๒ อย่าง คือ สสัมภารจักษุ ๑, ปสาทจักษุ ๑.
    ก้อนเนื้ออันใดตั้งอยู่ที่เบ้าตา พร้อมด้วยหนังหุ้มลูกตาภายนอกทั้ง ๒ ข้าง เบื้องต่ำกำหนดด้วยกระดูกเบ้าตา เบื้องบนกำหนดด้วยกระดูกคิ้ว ผูกด้วยเส้นเอ็นอันออกจากท่ามกลางเบ้าตาโยงติดไปถึงสมองศีรษะ วิจิตรด้วยมณฑลแห่งตาดำล้อมรอบด้วยตาขาว ก้อนเนื้อนี้ชื่อว่าสสัมภารจักษุ.

    ส่วนความใสอันใดเกี่ยวในสสัมภารจักษุนี้ เนื่องในสสัมภารจักษุนี้ อาศัยมหาภูตรูป ๔ มีอยู่, ความใสนี้ ชื่อว่าปสาทจักษุ.

    ในที่นี้ ท่านประสงค์เอาปสาทจักษุ นี้. ปสาทจักษุนี้นั้น โดยประมาณก็สักเท่าศีรษะเล็นอาศัยธาตุทั้ง ๔ อาบเยื่อตาทั้ง ๗ ชั้น ดุจน้ำมันที่ราดลงที่ปุยนุ่น ๗ ชั้น อาบปุยนุ่นทุกชั้นอยู่ฉะนั้น ให้สำเร็จความเป็นวัตถุและทวารตามสมควรแก่จิตในวิถีมีจักขุวิญญาณจิตเป็นต้น ตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง เป็นที่เกิดขึ้นแห่งสรีรสัณฐาน ที่อยู่ตรงหน้าในท่ามกลางแววตาดำที่แวดล้อมด้วยมณฑลตาขาว แห่งสสัมภารจักษุนั้น.

    ในจักษุทั้ง ๒ นั้น ปัญญาจักษุมี ๕ อย่าง คือ พุทธจักษุ ๑, สมันตจักษุ ๑, ญาณจักษุ ๑, ทิพยจักษุ ๑, ธรรมจักษุ ๑.
    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราเมื่อตรวจดูสัตวโลก ได้เห็นแล้วแลด้วยพุทธจักษุ๑- ดังนี้ ชื่อว่าพุทธจักษุ.

    คำนี้ว่า สัพพัญญุตญาณ เรียกว่าสมันตจักษุ๒- ดังนี้ ชื่อว่าสมันตจักษุ.

    คำนี้ว่า ดวงตาเห็นธรรมเกิดขึ้นแล้ว ญาณเกิดขึ้นแล้ว๓- ดังนี้ ชื่อว่าญาณจักษุ.

    คำนี้ว่า ดูก่อนภิกษุ เราได้เห็นแล้วแล ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ๔- ดังนี้ ชื่อว่าทิพยจักษุ.

    มรรคญาณเบื้องต่ำ ๓ นี้มาในคำว่า ธรรมจักษุอันปราศจากธุลี ไม่มีมลทิน เกิดขึ้นแล้ว๕- ดังนี้ ชื่อว่าธรรมจักษุ.

    ท่านผู้ต้องการเห็นธรรมจะต้องอาศัยจักษุด้วยประการนี้เท่านั้น

    ●คุณสมบัติของผู้สมควรเป็นครูอาจารย์สอนธรรมระดับโลกุตระธรรม●

    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาด้วย
    อุ. ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์เท่าไรหนอแล
    พระพุทธเจ้าข้า?
    พ. ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ไม่ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.

    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ● ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้ประกอบด้วยกองศีล ของพระอเสขะ
    ๒. เป็นผู้ประกอบด้วยกองสมาธิ ของพระอเสขะ
    ๓. เป็นผู้ประกอบด้วยกองปัญญา ของพระอเสขะ
    ๔. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติ ของพระอเสขะ
    ๕. เป็นผู้ประกอบด้วยกองวิมุตติญาณทัสสนะ ของพระอเสขะ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.

    องค์ของภิกษุผู้ไม่ควรสนทนาอีกนัยหนึ่ง

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์แม้อื่นอีก ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง? คือ:
    ๑. ไม่เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. ไม่เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. ไม่เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. ไม่เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. ไม่พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายไม่พึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
    องค์ของภิกษุผู้ควรสนทนาด้วย

    ●ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุประกอบด้วยองค์ ๕. องค์ ๕ อะไรบ้าง?คือ:
    ๑. เป็นผู้บรรลุอรรถปฏิสัมภิทา
    ๒. เป็นผู้บรรลุธรรมปฏิสัมภิทา
    ๓. เป็นผู้บรรลุนิรุตติปฏิสัมภิทา
    ๔. เป็นผู้บรรลุปฏิภาณปฏิสัมภิทา
    ๕. พิจารณาจิตตามที่วิมุติ

    ดูกรอุบาลี ภิกษุทั้งหลายพึงสนทนากับภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ นี้แล.
    ภิกขุนีโอวาทวรรค ที่ ๘ จบ

    ปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิติ

    ปุจฉา ได้ ก็ต้อง วิสัชนา แก้ได้

    แสดงธรรมใด ต้องมีพื้นฐาน คือ รู้ธรรมนั้น ไม่รู้เนื้อหาความหมาย เหตุและผลแน่ชัด อย่านำมาแสดง เวลามีบุคคลสงสัยหวังความเจริญในธรรม เขาถามมา จะตอบเขาไม่ได้

    อย่าพึ่งแต่ปริยัติ ถ้าไม่มีปฎิบัติและได้ซึ่งปฎิเวธ หากเล่าเรียนพระสูตรอันเรียนกันมาผิดลำดับ ด้วยบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ผิดแม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ผิด ย่อมมีนัยผิดไปด้วย การแสดงธรรมย่อมเลอะเลือนฟั่นเฟือน และจักถึงความเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม

    เราขอถามไว้ใครในโลกนี้ที่มีความสามารถและมั่นใจตนเองว่า ได้เล่าเรียนพระสูตรอันเรียนกันมาถูกลำดับ ด้วยบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ถูกแม้อรรถแห่งบทและพยัญชนะที่ตั้งไว้ถูก และมีนัยถูกไปทั้งหมดด้วย เราจะกราบเท้าผู้นั้นขอนอบน้อมยอมตัวเป็นศิษย์เฝ้าอุปัฎฐากแต่โดยดี

    ถ้าไม่มีก็อย่ามั่นใจ ว่าสิ่งที่ตนมีตนได้ตนคิดพิจารณาแล้วว่าเป็นเลิศที่สุด แม้เราผู้ ปุจฉา-วิสัชนา ปัญหานี้ขึ้น ก็ยังจนปัญญา แล้วท่านเป็นใคร?

    " หากว่าศิษย์คู่ควร ศิษย์คนที่เข้าสมาธิขั้นลึกได้ เขาก็จะโชคดีที่ได้เห็นอาจารย์ "

    ●สากัจฉสูตร●
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ●ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสีลสัมปทาได้ ๑

    ●ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยสมาธิด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภสมาธิสัมปทาได้ ๑

    ●ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญาด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภปัญญาสัมปทาได้ ๑

    ●ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติสัมปทาได้ ๑

    ●ย่อมเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิมุตติญาณทัสสนะด้วยตนเอง และเป็นผู้พยากรณ์ปัญหาที่มาในกถาปรารภวิมุตติญาณทัสสนสัมปทาได้ ๑

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรสนทนาของเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งหลาย ฯ
    จบสูตรที่ ๕

    มีบางสำนักเกลียดและกลัว ปฎิสัมภิทาญาน มากจนถึงขั้นตัด ญาน๗๓ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทิ้ง
    ไม่มีปฎิสัมภิทาก็ไม่มีพระไตรปิฎก ไม่มีปฎิสัมภิทาก็ไม่มี พรหมชาลสูตร พิชัยสงครามของศาสนาพุทธ

    ไม่มี ปฎิสัมภิทา ๔ จะมาสังคายนาพระไตรปิฎก ไม่ใช่ฐานะ

    อรรถกถา เจือด้วย วิมุตติญานทัสสนะของพระอรหันตสาวกที่เพ่งวิมุตติ และ เจือด้วย วิมุตติญานทัสสนะ พระอริยะสาวกจนถึงพระอรหันตสาวกผู้ทรงปฎิสัมภิทาญาน นี่เป็นภูมิที่พระเสขะต้องรู้ว่า ปัญญาธรรมนี้ ไม่สามารถจะแสดงได้เทียบเท่าผู้ต้องวิมุตติญานทัสสนะของพระอริยะและพระอเสขะได้เลย

    ไล่ตั้งแต่ เสกขปฎิสัมภิทา จนถึง อเสกขปฎิสัมภิทา

    ●องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ทรงปฎิสัมภิทาญานขั้นที่ ๑๖ สูงสุด รู้แม้คำสอนของศาสนาอื่น ทั้งคติที่ไป จนทรงบัญญัติ ทิฏฐิ ๖๒ ในพรหมชาลสูตร พิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมของศาสนาพุทธ ส่วนองค์คุณประโยชน์ของ พิชัยสงครามนี้ มีแต่บัณฑิตที่พึงรู้ ท่านใดปรารถนาจะทราบ พึงพิจารณาลำดับญานที่ทรงบรรลุตรัสรู้พร้อม ปฎิสัมภิทาญาน องค์กำเนิดพระสัทธรรม เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยเหตุนี้ การทำสังคายนาจึงต้องพึ่งพระผู้ทรงปฎิสัมภิทาญานเป็นหลัก●

    ว่าด้วยนักพูด ๔ จำพวก
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นักพูด ๔ จำพวกนี้ ๔ จำพวกเป็นไฉน ?
    นักพูดย่อมจำนนโดยอรรถ แต่ไม่จำนนโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดจำนนโดยพยัญชนะแต่ไม่จำนนโดยอรรถก็มี
    นักพูดจำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    นักพูดไม่จำนนทั้งโดยอรรถทั้งโดยพยัญชนะก็มี
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนักพูด ๔ จำพวกนี้แล

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุผู้ประกอบด้วยปฏิสัมภิทา ๔
    พึงถึงความจำนนโดยอรรถหรือโดยพยัญชนะ
    นี้ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส.
    จบวาทีสูตรที่ ๑๐
    จบปุคคลวรรคที่ ๔

    ฉนั้นผู้ได้บรรลุปฎิสัมภิทาญานจึงเป็นเลิศสุดในการ ปุจฉาและวิสัชนากถาต่างๆทั้งแนวนอกและแนวใน ไม่ว่าจะเป็น ว่าโดยเรื่อง พระสัทธรรม หรือ อสัทธรรม ก็ตาม

    ด้วยเหตุนี้จึงทรงได้รับการขนานพระนามว่าเป็น"ศาสดาเอกของโลก"

    สัญญาสูตร นี่เป็นปฎิสัมภิทามรรค อันทำให้เห็นและรู้ว่า บทธรรมเสมอกันกับพระพุทธเจ้าทรงแสดงหรือไม่ทรงแสดงก็ตาม มีอยู่ แต่ถึงอย่างไร การแจกแจงขยายธรรมของพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงละเอียดกว่า หากจะให้ทรงแสดง มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงเสมอกันได้ อันนี้เรากล่าวถึงญานทัสสนะ ไม่ใช่ บทธรรมโดยตรง

    ●ในเรื่องนี้ ต่อให้เป็นนักวิชาการระดับสูงของโลกในด้านพระพุทธศาสนา แต่ไม่ได้ไม่มีในปฎิสัมภิทาจะไม่มีทางได้เข้าใจ●

    ถ้าหากว่ามีใครสัก กล่าวว่า ภาษาบาลีไม่ใช่ภาษา

    มี "พระมหาปกรณ์" อยู่ครับ แต่ ต้องพิจารณาขอบเขต ๒๕๐+ ๓๐๐=๙๐๐ โยชน์ มัชฌิมประเทศที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายมาจุติ และภาษาอื่นที่ทรงเสด็จไปทรงโปรดด้วย จึงจำเป็นต้องถ่ายทอดลงมาเป็นสุทธมาคธี-มาคธี พระมหาปกรณ์นั้น ถ้าเห็นสภาพการเปลี่ยนแปลงก็จะเข้าใจครับ และในกาลอื่นๆที่ทรงเสด็จไปโปรด ภาษาที่รักษาไว้ซึ่งพระพุทธวจนะก็ทรงถ่ายทอดลงมาเป็นภาษาอื่นๆเมื่อทรงเสด็จไปโปรดสัตว์ในโลกธาตุที่มีภาษาอื่นอีกด้วยครับ ถ้าเขากล่าวว่า" ไม่ใช่ภาษา" แล้วเขาไม่รู้จัก "ปฎิสัมภิทา มัคโค" วิศิษฐปาฐะ หรือการเปลี่ยนแปลงของพยัญชนะปฎิรูป คือการเปลี่ยนแปลงของภาษาธรรม ที่แม้แต่จะถามด้วยใจก็สามารถตอบด้วยวาจา ถามด้วยความรู้สึกเช่นนั้นเป็นภาษาใด ขอให้สหายบัณฑิตผู้เจริญของข้าพเจ้าพิจารณาดูให้ดีนะครับ สิ่งที่ผมกล่าวเป็นทั้ง ปริยัติ ปฎิบัติและปฎิเวธ ของ ผู้เสกขภูมิอยู่ ฉนั้นเมื่อเขาไม่รู้จักการเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่รู้จักปฎิสัมภิทาญาน หากเขาใช้คำพูดแบบนั้น เขากล่าวไม่ถูกต้องครับ และถ้าเขารู้จัก พระมหาปกรณ์อันละเอียด ที่มีอัตลักษณ์ ที่ไม่หยั่งลงสู่ความตรึกนี้ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นภาษาที่เราท่านสามารถเข้าใจทั้ง รูป พยัญชนะ สำเนียง ของอรรถ ในทันที ที่แม้จะไม่เคยได้รู้ได้เรียนมาก่อนเลย โดยในนามปฎิสัมภิทา เขาถือทิฏฐินั้นได้ ฉนั้นการที่จะเอา ภาษาบาลีหรือพยัญชนะเหล่าใดก็ตาม มาตรวจสอบกับแท่นพิมพ์ ถ้าแท่นพิมพ์หรือแม่แบบ นั้นแปลงสภาพให้ เป็น อักษรนั้นๆ ก็เห็นควรอยู่ ที่จะเป็นหรือเรียกว่า บาลี แต่ถ้าแม่แบบไม่เปลี่ยนให้ หรือเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นๆ ท่านก็จะคิดจะรู้ทันทีว่า เห็นที่จะไม่ใช่ ภาษานี้โดยตรง เพราะฉนั้นการที่จะเอา ภาษาใดๆก็ตามมาตรวจสอบกับแท่นพิมพ์ว่า เป็นภาษาที่ตรงกันหรือไม่ ไม่ใช่ฐานะที่จะกระทำได้หรือระบุได้ตายตัว ผมจึงใช้คำว่า ไม่ใช่ พระพุทธวจนะตรงๆจาก พระสัทธรรม แต่เป็นภาษาที่ทรงโปรดนำมาแสดงไว้ ตามความเหมาะสมของเชื้อชาติประเทศราชและท้องถิ่นนั้นๆครับ ก็เพื่อจะให้ชนส่วนใหญ่ได้ล่วงรู้โดยง่าย ถ้านำลงมาแสดงไว้ด้วยภาษาอื่นๆก็จะต้องตีความแล้วตีความเล่า เพราะยิ่งด้วยผู้มีปฎิสัมภิทาแล้ว เห็นประโยคเดียว ออกเป็นร้อยนัยพันนัยเลยที่เดียวตามกระแสสกานิรุตติ และเพ่งจิตด้วยวิมุตติญานทัสสนะตามธรรมที่เสวยวิมุตติสุขนั้นๆ ภาษาใจ ภาษาธรรมชาติ ที่เป็น "สัจธรรมมหาปกรณ์" ผมไม่สามารถจะทำให้ท่านได้รู้เห็นได้ ท่านต้องเห็นเอง ขอให้เจริญในปฎิสัมภิทาเถิดครับ ด้วยสติปัญญาของบัณฑิต ผู้สั่งสมสุตตะอย่างท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะท่านที่ได้อ่านในตอนนี้เมื่อใดที่ท่านได้เข้าสู่ทิพย์ภูมิของพระอริยะ ในปฎิสัมภิทา ท่านจะทราบเลยว่า ขนาดที่มีธรรมละเอียดที่จะทรงสามารถแสดงได้ขนาดนี้เพื่อให้สัตว์โลกได้เข้าใจถึงสภาวะธรรม แต่กลมลสันดานของสัตว์โลกที่ไม่ได้สั่งสมสุตตะมาก่อนไม่เหมาะที่จะตรัสรู้และเข้าใจธรรมอันประเสริฐนี้ จนทรงท้อพระทัยที่จะทรงตรัสสอน จึงแสดงเพื่อเป็นพลวปัจจัยเป็นอันมาก จึงทรงกล่าวธรรมแม้บทเดียวโดยที่เขาเข้าใจก็เป็นสุขแก่สัมปราภพของสัตว์นั้นอย่างยาวนานจวบจนพระนิพพาน และโดยเฉพาะฐานะที่ท่านทำอยู่ในการปกป้องรักษาพระไตรปิฏกด้วยความบริสุทธิ์ใจเหล่าใดก็ตามในกาลนี้ก็ตามกาลอดีตที่แล้วมาจนถึงกาลอนาคตก็ตาม พวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นฯ ย่อมได้บรรลุสู่ ปฎิสัมภิทาญาน อย่างแน่นอนครับ พระอรหันต์๔หมวด มีคุณความสามารถที่แตกต่างกันตามบทบาทและหน้าที่ วันนั้นเมื่อท่านได้เห็น พระมหาปกรณ์ จาก พระสัทธรรม พระธรรมราชา แล้ว ท่านจะเข้าใจ อรรถพยัญชนะที่ข้าพเจ้าแสดงไว้แล้วนี้ สาธุธรรมครับ

    FB_IMG_1612226377687.jpg

    FB_IMG_1612226369036.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2021
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สั้นๆ กระทัดรัด แก่นธรรม อันถึงวิมุตติ ไต่ระดับไปจนถึง เจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ แต่เข้าไม่ถึง!

    ถ้าอ้างบรรลุธรรมแต่ไม่มีไม่ปรากฏวิมุตติ ๕

    แล้วจะเอาอะไรไปเสวยวิมุตติสุข

    มันก็ มิจฉาสมาธิ มิจฉาวิมุตติกันทั้งนั้น ฯ

    ถ้ามีจริงๆ คงต้องเขียนพระไตรปิฏกเล่มใหม่เอง

    " ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กระทาชายผู้นั้น เป็นเลิศด้านการบรรลุธรรมโดยไม่ปรากฎวิมุตติทั้ง 5 ประการ และไม่ต้องเสวยวิมุตติด้วย เพราะเขามีบุญบารมีมากจึงอิ่มแล้ว ไม่ต้องเสวยวิมุตติดังที่เราสั่งสอนพวกท่านทั้งหลาย "

    จงเปล่งเสียงอุทานพร้อมกันเถิด สาธุฯ

    เห็นกงจักรเป็นดอกบัว-1.jpg
     
  11. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    o_Oo_O ..?
     
  12. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อวชฺเช วชฺชมติโน
    วชฺเช อวชฺชทสฺสิโน
    มิจฺฉาทิฏฐิสมาทานา
    สตฺตา คจฺฉนฺติ ทุคตึ ฯ

    วชฺชญฺจ วชฺชโต ญตฺวา
    อวชฺชญฺจ อวชฺชโต
    สมฺมาทิฏฺฐิสมาทานา
    สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคตึ ฯ

    สัตว์ทั้งหลาย ผู้มีความรู้ว่ามีโทษในธรรมที่หาโทษมิได้
    มีปกติเห็นว่าหาโทษมิได้ในธรรมที่มีโทษ
    เป็นผู้ถือด้วยดีซึ่งมิจฉาทิฏฐิ ย่อมไปสู่ทุคติ”

    สัตว์ทั้งหลาย รู้ธรรมที่มีโทษโดยความเป็นธรรมมีโทษ
    รู้ธรรมที่หาโทษมิได้ โดยความเป็นธรรมหาโทษมิได้
    เป็นผู้ถือด้วยดีซึ่งสัมมาทิฏฐิ
    ย่อมไปสู่สุคติ.

    หน้าที่ของพุทธบริษัท ๔ ถ้ามีคุณความรู้ ความสามารถ ก็ควรยกสหธรรมกัลยาณมิตรออกจาก "สัทธรรมปฎิรูป" และ"อสัทธรรม " โดยไม่ตระหนี่ธรรม !
    FB_IMG_1612253830622.jpg
     
  13. BENATO

    BENATO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,582
    ค่าพลัง:
    +1,917
    คหสต. มองว่า..

    5,000 ปี / 4 ยุค = 1,250 ปี/ยุค

    ปี ปัจจุบัน 2564..

    ฉะนั้น จึงพึ่งเริ่มเข้าสู่...


    ยุคที่ 3 : ซึ่งคนชั่วจะเพิ่มมากขึ้น จนมีจำนวนเท่ากับคนดี...

    เรียกว่า.. มีคนดีครึ่งหนึ่ง คนชั่วครึ่งหนึ่ง...

    ส่วนเหตุการณ์...ต่าง ๆ ที่เห็นที่เกิดขึ้นนั้น .. เป็นเพียงแต่เตือนสติ..

    ให้เตรียมตัวเท่านั้น หรือ เรียกง่าย ๆ ... แค่บททดสอบ.. ขำ ๆ

    ส่วนภัยพิบัติของจริง.. น่าจะปลาย.. ยุคที่ 4 (ซึ่งมี คนชั่ว 3 ส่วน คนดี เหลือ 1 ส่วน)

    นู่น..ละครับ


    ที่มา : ไม่มี เช่นเคย... / ความเห็นส่วนตัวล้วน ๆ ครับ

    ปล. ระวังได้.. แต่ อย่างระแวงจนเกินเหตุ..

    ขอแค่...ดำรงตนบนความไม่ประมาท / ครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2021
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อย่างน้อยก็อยากให้รู้ไว้บ้าง ^_^ เป็นเหตุและปัจจัยในการสงเคราะห์ธรรม

    FB_IMG_1492073355399.jpg
     
  15. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    มีแนวโน้ม ที่จะเจอพวกพญานาค ยักษ์ โดยเฉพาะฝ่ายมิจฉาทิฏฐิ เล่นงาน เตรียมรับ ภัยพิบัติครั้งใหญ่ เปรียบพระยานาค กับ สุนัข

    รายเดิม เกรียนข้ามภพข้ามโลก

    ไปยุ่งเกี่ยวการเมืองอีก

    สาวก สาวิกาของบุคคลผู้นี้ ก็อย่าลืม อนุโมทนาเอา

    เฮ้อ...สงสารคนที่จะได้รับผลกระทบจัง


    ณ โลกธาตุ อื่น ฯ จักรวาลอันไกลโพ้น

    มีผู้แสดงธรรม แก่สาวก

    " ดูก่อนนักบวชทั้งหลาย เพราะเราได้ประกาศพระศาสนาเพื่อให้พวกเธอกระทำกิจนี้โดยเฉพาะ กิจอื่นใดที่ยิ่งกว่านี้ไม่มีอีก อีกอย่างพวกเธอล้วนแต่มีวาสนามีบารมี มี กรุ๊ป Fc มาก ด้วยกำลังกำแหงแห่งมวลมหาชนพาไป อีกอย่างจากการกระทำของพวกเธอ เราดูแล้วว่า นั้นมีอริยะสัจ 8 ครบ มรรค 16 ถ้วน อันเป็นทางที่สูงส่ง และเป็น มรรคผลในศาสนาของเรา เป็นทางพ้นทุกข์ที่สุดโดยชอบ ตามที่เราได้แสดงเอาไว้ดังนี้ เราจึงอนุญาตให้นักบวชชาย นักบวชหญิง นักบวชเด็กชาย นักบวชเด็กหญิง เข้าร่วมประชุมกับกองคาราวาน ม๊อบน้อย ม๊อบใหญ่ เพื่อเรียกร้องความปรารถนาของตนเองและชนหมู่อื่น เป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถก่อม๊อบได้ด้วยตามสะดวก ตามพระวินัยแล้วการปฎิบัติเช่นนี้เป็นการรักษาพระธรรมวินัย และคำสั่งสอนของเราถือเป็น ธรรมทายาทของเรา พวกเธอทั้งหลาย จงกู่ร้องก้องตะโกนให้ทั่วเมืองพาราแว่นแคว้นต่างๆ ให้เห็นพลังปากพลังเสียงของพวกเธอเถิด เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าเวไนยสัตว์ต่อไปในภายภาคหน้า นั้นเทอญฯ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2021
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ต่อจากด่านท่านโพธิสัตว์ วิธูรบัณฑิต ต่อไปเจอ ด่าน ท่านโพธิสัตว์ ภูริทัติ
    ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

    เดี๋ยวก็รู้ แนะนำให้อ่านและฟังชาดก ฉบับเต็ม
     
  17. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    จะบอกอะไรให้ด้วย ว่า โดนหนักแน่ เพราะไม่สามารถโพสต์คลิปชาดก พยานาคตามได้เลย แม้แต่คลิปเดียว มันล๊อกคลิป เปรียบพยานาคกับสุนัขเพียง คลิปเดียว

    เหมือนไม่อยากให้เป่าประกาศเพื่อปลอบประโลม ให้หายทุกข์อันจักคลายความเศร้าโศก คลายความโกรธ ความไม่พอใจ ไม่อยากให้ใครมาคอยเห็นใจสงสาร



    ถ้า @ มินไม่บล๊อคระบบ ในการวางลิงค์ ยูทูป น่ะนะ

    ก๊อปมา 10 ลิงค์ 10 เรื่อง วาง 10 ครั้ง ก็วางลงไม่ได้

    จะได้ไม่เข้าใจผิดคิดไปเอง

    สายพยานาคนี่อันตรายนะ ถ้าไม่แน่จริง! อย่าไปยุ่งดีกว่า

    แต่นี่ ประเทศนี้ โดยเฉพาะ ผู้ไม่มีภาษิตอันชอบธรรม รายเดิม "แมวกินปลา" กลับส่งเสริมแนะนำให้ ประจานพยานาค ด่าพยานาค เบียดเบียน ข่มเหงพยานาคเสียเอง ทางกาย วาจาและใจ

    ช่วยไม่ได้เด้อ ตัวใครตัวมัน ! ถ้าเรื่องถึงหูพยานาคใหญ่ผู้มีฤทธิ์มากคงสะเทือนทั้งแผ่นดิน

    อีกหน่อยคงมี งานจิตรกรรม เป็น หมาแทนบนหลังคาโบสถ์ บวชนาค ก็เป็น บวชหมาแทน สำหรับคนพวกนี้

    โคตรภูสงฆ์ เร่งเข้าไปอีก

    เราไม่ได้โกรธ ได้เกลียดนะ เพราะมีผู้ทำหน้าที่นั้นอยู่แล้ว เป็นบรรดาพยานาคเอง


    แค่รอดู มหันภัย และหาที่มาของสาเหตุ เพียงเท่านั้น !


    # ดูแล้วภาคภูมิใจ มือคนไทยทำเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2021
  18. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เมืองบาดาลยักษ์ จับมือกับพยานาค สิ่งที่ได้

    ห้ามไหวไหมน้อ ชาวอาฬวกะยักษ์

    มาทั้งภูเขาไฟระเบิด มาทั้งแผ่นดินไหว มาทั้งลมพายุ และสึนามิ



    FB_IMG_1612516225454.jpg
     
  19. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ปีนี้ควรเริ่มต้น ถือ ศีลอุโบสถ ถ้าหากไม่สะดวกไปวัด ควรพิจารณา ตั้งศีลและปฎิบัติด้วยตนเอง

    ข้อแรกที่ตำหนิ !

    เรื่องนี้มีเหตุหลายนัยให้วิสัชนา ในอนาคตจะมีเหตุหลายประการ อันจักเกี่ยวเนื่องใน ชาดกและชาดกอื่นต่อไป







    https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=687

    received_763376924306841.jpeg
     
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ก่อนจะอวยสุนัขควรคุยกับสุนัขให้รู้เรื่องก่อน จนแน่ใจว่าเป็นสุนัขโพธิสัตว์ดังเช่นใน กุกกุรชาดก ยังตรวจจับสุนัขนิสัยไม่ดีได้ตั้งหลายตัว ไม่ใช่แอนตี้พยานาคเหมารวมไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีของบุคคล ขนาดพระโพธิสัตว์เกิดเป็นสุนัขท่านยังรู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ของหมู่สุนัข ที่ไม่ควรได้รับโทษ และสุนัขที่ควรได้รับโทษ

    อย่าอ้างว่างเป็นเพราะ พยานาค ทำให้คนหลงงมงาย มายาสาไถ ฯลฯ

    ว่าแต่ว่า " มีสุนัขที่ไปเทวโลกได้ด้วยในขณะที่เป็นๆสุนัขอยู่เหมือนกับพยานาคหรือเปล่า "

    ไปหา สุนัข อันประเสริฐกว่า พยานาคทั้งมวล มาให้ดูสักบทด้วยนะ "แมวกินปลาดิบ"

    เจ้าคนนี้ ก็ต้องบุพกรรม ทำคนเสื่อมจากคุณงามความดี ทำคนเสื่อมจากศีลธรรม แสดงทุพภาษิตมอมเมาสั่งสอนสัตว์ที่มีอินทรีย์อ่อนมีราคะกล้าด้วยทิฏฐิชั่วตามอำเภอใจ ตามกิเลสของตนเอง

    ไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่นด้วยธรรมอันดีงาม

    received_213581873829023.jpeg


    ก่อนที่จะบูลลี่พยานาคก็ไปหาข้อมูลตรวจสอบพยานาคให้ดีก่อนว่า พยานาคถือศีลรักษาศีลอุโบสถได้หรือไม่

    นี่แสดงว่าสักแต่กล่าวด่าทอหยามหมิ่นเผ่าพันธุ์นาค แต่ไม่ศึกษาพระปริยัติให้ถ่องแท้ มีอคติต่อเหล่าพยานาค
    การศึกษาพระสัทธรรมยังไม่มีความบริสุทธิ์ได้แต่สัทธรรมปฎิรูปไป ศึกษาแบบจับงูพิษที่หาง

    อย่างนี้ก็ได้ชื่อว่า " มหา "

    สมควรเป็นโรคเรื้อน !


    สงสัยหมามันทำได้ดีกว่าพยานาคที่รักษาศีลอุโบสถ

    ถ้าจะกล่าวแบบนี้ ขอดูหลักฐาน การอุบัติของพี่เห่าเทพ ด้วยนะในคราหลัง

    ถ้าตอนนี้ พวกเขาไม่ถือศีลและขนดเฝ้าบาตรอยู่ ถ้าเขาแคร์คำกล่าวของคนพาลมากๆ จะมีที่ให้ยืนหรือแผ่นดิน

    " เห่าใบตองแห้ง เป็นเสียงที่ออกปากหมา สันหลังหวะ "

    USER_SCOPED_TEMP_DATA_orca-image-1612563983340_6763583565581296379.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2021

แชร์หน้านี้

Loading...