ปฏิบัติธรรมต่อเนื่องมาแล้วจิตมีแต่ความสลดหดหู่แนะนำทีค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ดอกบัวแก้ว, 17 เมษายน 2019.

  1. ดอกบัวแก้ว

    ดอกบัวแก้ว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12
    เราปฏิบัติสวดมนต์/เดินจงกรม/นั่งสมาธิ อยู่ที่บ้านต่อเนื่องมาเป็นเวลานานแล้วจิตได้รับความสงบและไม่สงบก็สามารถกำหนดจิตได้พอสมควรไม่ฟุ้งซ่าน ได้รับผลส่วนใหญ่เป็นที่พึงพอใจ

    หากแต่มาในระยะ 2สัปดาห์ที่ผ่านมา จิตมีแต่ความสลดหดหู่ ความเศร้า ความไม่เบิกบาน และได้มีโอกาสไปเยี่ยมป้าที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้ายซึ่งนอนติดเตียง จิตมันรู้สึกเศร้าหมองมาก มันเบื่อหน่าย ซึ่งแต่ก่อนที่เราปฏิบัติ อารมณ์ที่เกิดในแต่ละวันจะมีสุข-ทุกข์สลับกันไป และจะกำหนดรู้สุข-รู้ทุกข์ จิตแต่ก่อนจะสงบและรู้สึกอิ่มเอิบ มองสุข-ทุกข์เป็นธรรมชาติ

    แต่ตอนนี้มันมีแต่ความสลดหดหู่ การยืนเดินนั่งนอนมีแต่ความสลดหดหู่เบื่อหน่าย พยายามกำหนดรู้แต่ก้อยังมีแต่อารมณ์เหล่านี้อยู่

    ขอคำชี้แนะด้วยค่ะว่า ที่เราเป็นอยู่นี้เราควรจะกำหนดเช่นไร ที่เราทำอยู่นี้คือกำหนดรู้ที่ความสลดหดหู่นี้แต่ 2อาทิตย์แล้วอารมณ์นี้ก็ยังคงอยู่ แต่จะมีหนักบ้าง-เบาบ้าง

    ขอท่านผู้รู้ชี้แนะด้วย ขอบคุณคะ
     
  2. ศิษย์โง่ 10 11 12

    ศิษย์โง่ 10 11 12 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2019
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +90
    พูดยาก
    แนะนำได้ แต่ทำตามได้ไหมอีกเรื่อง


    เล่ากรณีหนึ่งให้ฟัง น่าจะเข้าใจพ้อยท์
    วันนึงผมถูกด่า
    เลยคิดเบื่อโลก เบื่อความติฉิน นินทาของมนุษย์


    เลยลากเบาะมานั่ง เงียบ ๆ ในบ้านคนเดียว
    ดำริในใจ ว่าจะขออยู่ในอารมณ์เดียว ตัดโลกทิ้ง
    ความฟุ้งซ่านที่โผล่มา ขอตัดทิ้ง ขอเพ่งไปในอารมณ์เดียว
    ตัดทิ้งทุกสิ่ง แม้กระทั่งความฟุ้งซ่านที่โผล่เข้ามา
    ปล่อยโลก โศกะ ปริเทวะ ออกจากหัวไป

    นะ...... ไม่ต้องถามต่อ ว่าเกิดไรขึ้น

    จับทริก ไปใช้ ถ้าทำตามได้ ก็ลองดู
     
  3. ศิษย์โง่ 10 11 12

    ศิษย์โง่ 10 11 12 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2019
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +90
    แต่ถ้าทำตามไม่ได้

    วันเสาร์นี้ มีคู่เมืองทอง ยูไนเต็ด ปะทะ การท่าเรือ
    หอบลูกหอบหลานไปดู

    ไปรีแลกซ์ หาอะไรทำ ให้ผ่อนคลาย ๆ
    อย่าคิดเยอะ เด๋วดีเอง

    อย่าเครียดกับธรรมเกินไป มันไม่ดี ฝืนธรรมชาติของมัน

    นะ
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    หากเกิดปรุงแต่งจนการอารมย์หดหู่แล้วนั้น
    แสดงว่า เราขาดตัวที่จะควบคุมความคิด
    และพฤติกรรมของจิตตรงนี้ไปชั่วคราวครับ
    การคิดและปรุงนั้น เป็นการไปเพิ่มกำลังให้กับมันใน
    เรื่องนั้นๆที่เรากำลังปรุงอยู่อย่างไม่รู้ตัวครับ
    ซึ่งมันทำให้ กำลังสมาธิและสติที่เรามีจากการปฏิบัติ
    ในอดีตของเรามันหายไปครับ เปรียบคล้ายๆกับ
    เครื่องยนต์ที่ไม่ได้เปลี่ยนถ่ายนำมันเครื่อง
    มันอาจจะไม่พุ่ง ไม่แรงเหมือนเมื่อก่อนนั่นเอง
    ซึ่งไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมากมาย สามารถแก้ได้ด้วยการที่

    ควรมาเพิ่มด้วยการเจริญสติในชีวิตประจำวันให้ต่อเนื่อง
    จะวิธีอะไรก็ได้ขอให้มีฐานอยู่ที่กายครับ
    เช่น เวลาเดินไปไหนลองนับจำนวนก้าวที่เราเดินดู
    ว่าไปสถานที่นั้นใช้ไปกี่ก้าว ส่วนเวลาที่อยู่นิ่งๆ
    ก็มาระลึกรู้ลมหายใจเข้าออกหยุดที่ปลายจมูกครับ..
    หรือจะนับนิ้ว เคาะนิ้วเล่นก็ได้ครับ ขอให้รู้จำนวนที่นับหรือเคาะ

    ส่วนเวลาทำงานก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ของเราไป
    ที่ให้ทำเช่นนี้ เพื่อป้องกัน ควบคุม
    กำลังสติที่จะใช้ควบคุม
    ความคิดและพฤติกรรมของจิต ของเรามันหาย
    ไปในระหว่างที่เราใช้ชีวิตปกติประจำวันกับ
    พฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำวันจนคุ้นเคยนั่นเอง
    เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ ไปทานข้าว ส่วนนี้ที่สมาธิ
    และกำลังสติเราอาจจะหายไปครับ
    ซึ่งตรงนี้เราอาจจะคาดไม่ถึงมาก่อนครับ
    อีกทั้งยังสร้างสมาธิสะสมแบบเล็กๆน้อย
    ที่สร้างสะสมระหว่างวันที่ได้จากการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันนี้ เอาไว้เพื่อกดข่มเรื่องราวต่างๆ
    ที่ผ่านมาแล้วในอดีตพวกนั้นให้มันดับลงไปได้ครับ

    กำลังสติและกำลังสมาธิสะสมที่ได้ในระหว่างวันตรงนี้
    บวกกับปฏิบัติแบบพิธีการของเรา มันถึงจะเพียงพอ
    ที่จะควบคุมตัวจิต ให้รับรู้เฉยๆได้ ไม่งั้นแม้เรากำไปกำหนดรู้
    มันก็จะยังฟุ้งและไม่วางเรื่องนั้นซักทีครับ และอารมย์
    มันก็ยังอยู่ จากเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาแล้ว และ ทีนี้
    ยิ่งหากเราไปพยายามไปวางมัน ก็จะกลายเป็นว่า
    ยิ่งไม่วางไปกันใหญ่ครับ
    เพราะกำลังสติและสมาธิที่หาย
    ไปในระหว่างวันนั่นเอง แล้วไม่มีกำลังเพียงพอ
    ที่จะวางและปล่อยให้รับรู้ได้เฉยๆ โดยที่ไม่ไปปรุงร่วม
    จนเรารู้สึกว่า มันเบาบ้างหนักบ้างนั่นเองครับ

    ลองดูนะครับ พวกนี้ทำต่อเนื่อง ก็เริ่มเห็นได้
    ในวันสองวันแรกแล้วครับ.... ^_^

    ทริคในการสังเกตุ
    ๑. หากกำหนดดับแล้วไม่ดับทันทีคือ หายไปเลย
    ฟ้องว่า กำลังสมาธิสะสมไม่พอครับ
    ๒. หากกำหนดรู้แล้ว ทำเฉยๆแล้ว แต่มันยังปรุงแต่งไปเรื่อย
    แสดงว่า กำลังสติเราไม่พอครับ
    ๓. หากอยู่ดีๆ มันระลึกขึ้นมาเอง นึกขึ้นมาเอง คิดขึ้นได้เอง
    และก็ปรุงแต่ง จนเรารู้สึกถึงอารมย์หดหูได้ แสดงว่า
    มันปรุงร่วมไปแล้ว ตรงนี้ รู้ตัวตอนไหนให้ดับตอนนั้นครับ
    เพราะกำลังสติ เรายังไม่เร็วพอ

    ไม่ใช่ปัญหาครับ เจอและเป็นกันได้ทุกครับ...
    เพียงแค่ หัดสังเกตุกิริยาให้ออก
    เราจะพอทราบได้ว่า เราต้องเสริมอะไรในช่วงนั้นๆครับ
     
  5. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ไม่ต้องแก้ครับ ไปเรื่อยๆแบบนั้นแหล่ะ
    จิตมีอารมณ์ยังไง กำหนดรู้ตรงๆไปเรื่อยๆ

    หดหู่ก็กำหนดรู้ ทุกข์ก้กำหนดรู้ สุขก็กำหนดรู้ มันอยากสุข อยากทุกข์ ก็ให้กำหนดรู้

    ไหว้ พระด้วยดอกบัว ทำสังคทานเดือนละครั้ง ได้อาทิตย์ละครั้งยิ่งดี
     
  6. ดอกบัวแก้ว

    ดอกบัวแก้ว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณค่ะ
     
  7. ดอกบัวแก้ว

    ดอกบัวแก้ว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ
     
  8. ดอกบัวแก้ว

    ดอกบัวแก้ว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณค่ะสำหรับคำแนะนำ
     
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ จริง ๆ แล้ว ที่ทุกคนแนะนำมา ก็ใช้ได้ผลทั้งหมด เพียงแต่ว่า "จริตของคุณ" จะทำได้ตรงไหนเท่านั้น
    +++ ทุกคนกล่าวมาคล้าย ๆ กันว่า "ให้รู้อารมณ์" เหมือน ๆ กันทั้งหมด

    +++ จากที่คุณกล่าวมาว่า

    +++ ตรงนี้ หากคุณทำได้จริง ก็สมควร "กำหนด ความสลดหดหู่" ตรงนั้นได้
    +++ เมื่อ "เนื้อสภาวะของ ความสลดหดหู่ ปรากฏมาแล้ว" ก็ให้ "รู้อยู่ว่า"
    +++ เนื้อของ "รู้/สภาวะรู้" ก็ปรากฏอยู่ใน ภาชนะแห่งอารมณ์นั้น ด้วยเช่นกัน
    +++ จากนั้น "ให้อยู่กับ รู้/สภาวะรู้" แล้วเนื้อของ "สภาวะหดหู่ จะโดนแยกตัวออกไปเอง"
    +++ เมื่อ "สภาวะหดหู่ แยกตัว ไม่ใช่ตนแล้ว ก็จะ รู้ ได้เองว่า" สภาวะหดหู่นั้น มาจากใคร
    +++ ตรงนี้เรียกว่า "เอาตนให้ พ้น ไปจากทุกข์ ทั้ง ๆ ที่ทุกข์ยัง ตั้งอยู่"
    +++ ตรงนี้เรียกว่า "พ้นทุกข์ และ ทำให้ทุกข์ หมดอิทธิพลลงไป" นั่นเอง นะครับ
     
  10. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    จิตยังไม่มั่นคงต่อพระรัตนไตร
    ยังไม่มีที่เกาะ
    จึงยังไม่รู้ที่วาง
    หากจิตเป็นแบบนี้
    ให้ เอาจิตไปเกาะพระ เกาะบุญที่ ตัวเองทำแล้วมีความสุข
    สมาธิที่ตัวเองทำแล้ว เป็นสุขอยู่ตรงใหน เวลาได้อารมณ์ตรงจุดนั้น ท่านถึงให้จำเอาไว้
    เวลาจิตมันตกขึ้นมา
    ให้อาราธนา หาพระเลย อย่าปล่อยไว้นาน
    ไม่มีความสุข ก็ให้นึกถึงบุญ นึกถึงพระ นึกถึงอารมณ์สมาธิที่ได้แล้วหยุดที่ตรงจุดนั้น
    และใช้เป็นที่พักของจิตที่โดนกระทบคะ
    โมทนาคะ
     
  11. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ควรดำเนินการไปตามลำดับขั้น
    จากฐานไปหายอดด้วยการ
    สร้างศรัทธาในพระรัตนตรัยและ
    ไตรสรณาคมน์
    จากนั้นติดตามต่อเนื่องด้วยการ
    หาฟังธรรมเรื่องขันธ์ 5
    เพื่อให้รู้ว่า รูปขันธ์ 1 และ นามขันธ์อีก 4
    ว่ามันคืออะไร
    เพื่อให้รู้จักภาระหน้าที่และกิริยาอาการ
    ของสิ่งเหล่านี้ให้ชัดเจนก่อน
    พร้อมกับทำความเข้าใจเกี่ยวกับ ทาน ศีลและการภาวนาไปพร้อมๆ กัน
    ด้วยการสืบเสาะค้นหา
    ฟังจากคำสอนของพระอาจารย์ต่างๅ
    ซึ่งท่านทำกิจหน้าที่เผยแผ่พระธรรมคำสอน
    แก่พุทธชนและผู้สนใจในพระธรรมคำสอนฯ
    เพื่อความพ้นทุกข์ เพื่อมรรคผลนิพพาน
    ที่มีช่องทางต่างๆ
    ทั้งช่อง Youtube หรือ ไฟล์เสียงต่างๆ
    มากมายหลายอาจารย์
    หรือหลังไมค์มายัง
    ลุงแมวก็ย่อมได้ฮับ
     
  12. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    คำแนะนำของลุงแมวเป็นแค่สะพานฮับ
    สะพานให้เดินข้ามไปหา
    วิธีการปฏิบัติทางกาย วาจาใจ
    เพื่อการพ้นจากทุกข์
    โดยที่ตนเองก็กำลังดำเนินอยูด้วยฮับ
     
  13. Apinya Smabut

    Apinya Smabut นิพพานังสุขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    1,398
    กระทู้เรื่องเด่น:
    57
    ค่าพลัง:
    +2,633
    อาการนี้ผมก็เป็นครับ
    สาเหตุเพราะเราเอาความหดหู่มาเป็นอารมณ์สมาธิโดยไม่รู้ตัวครับ
    คือ เราเอาความหดหู่เป็นตัวนำเวลาเราทำสมาธิโดยไม่รู้ตัว
    ความหดหู่มันเลยอยู่กับเรานานเท่ากับกำลังสมาธิที่เราทำได้

    วิธีแก้ก็คือ ให้หาอะไรทำจนเรามีอารมณ์ดีแล้วค่อยกลับมาทำสมาธิใหม่
    คือ หาอะไรทำก็ได้ที่ทำให้เราอารมณ์ดี เช่น ดูหนัง ฟังเพลง
    ไปเที่ยว ทำบุญ สร้างพระ ปล่อยนก ปล่อยปลา ที่ทำแล้วเราอารมณ์ดีขึ้น
    พออารมณ์เราดีแล้ว ก็ให้ทำสมาธิในช่วงที่กำลังอารมณ์ดี ๆ นั่นแหละ
    ทำแบบนี้จะช่่วยได้
     
  14. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,962
    ค่าพลัง:
    +1,481
    ผมคิดว่าที่ทำนั้นถูกแล้ว แต่ทุกสิ่งที่เกิดจะต้องหาสาเหตุซึ่งที่จริงก็มาจากเรา การมองเห็นหรือรับรู้สิ่งต่างๆ ก็อาจเป็นสาเหตุ ความหดหู่มันอยู่ให้เห็นดีกว่า ความหดหู่มีแต่ทำเป็นมองไม่เห็น เพราะหดหู่มันก็มาจากภายในที่ประมวลผลมาจากสิ่งภายนอก บางสิ่งที่ว่าเหตุมันละเอียดอ่อนก็ปล่อยไปก่อน เอาเหตุที่เห็นได้ชัดมาใช้พิจารณา สร้างกำลังใจให้ตนเองเข้มแข็งและพร้อมลุยต่อ ตามที่คาดไว้เพราะมีภาระจึงต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อสร้างสิ่งดีและนำพาทุกคนให้รอดปลอดภัยตามสมควร
     
  15. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    ปฏิบัติแล้วให้ปลงครับ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา

    ความตายเกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา เมื่อระลึกว่าตนจะต้องตายในวันใดวันหนึ่ง 
    ก็จะทำให้เกิดความไม่ประมาทหันกลับมาดำรงชีวิตอย่างมีสติ
     

แชร์หน้านี้

Loading...