เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

หากใครอ่านคำเตือนภัยพิบัติของจิตจักรวาลจะทำความเข้าใจได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุค่ะ

ใครเคยเห็นระบบ momentun ของล้อรถยนต์ที่สมดุลกันไหมคะ




โมเมนตัมคือ "ปริมาณซึ่งแสดงความสามารถในการเคลื่อนที่"

หากล้อรถยนต์ที่มีความสมดุล การเคลื่อนหมุนของวงล้อก็จะหมุนฉิว ที่มีความเร็วดูเหมือนหมุนที่ไม่หมุน คือ มีความหมุนเร็วมากจนเหมือนไม่หมุน คือนิ่งไม่สัดส่าย แต่ถ้าหากมีการสัดส่ายหรือแก่งกวัดไกวของวงล้อ นั่นเป็นมายาที่กำลังแสดงให้รู้แล้วว่า ทำให้เรารู้ว่าวงล้อนั่นเริ่มเฉื่อย จึงกวัดแกว่งถ้าเป็นอย่างนี้อีกหน่อยก็หยุดหมุนค่ะ

การหมุนของโลก ก็เปรียบการหมุนของวงล้อรถยนต์

ที่จิตยิ้มกล่าวเช่นนี้ เพราะหลังออกพรรษาได้หนึ่งอาทิตย์รับรู้ได้ถึงการแกว่งไกวของพลังงานโลกได้ ที่กล่าวเอาไว้เบื้องต้นหลายครั้งแล้วค่ะ และที่กระทู้เห็นน้ำทะเลข้ามภูเขามาได้ลงไว้ และมีคนรับรู้เรื่องพลังงานนี้ได้กันหลายคน

ณ ขณะนี้การสัดส่ายของโลกแกว่งไกวอย่างเห็นได้ชัด หากสันนิษฐานว่า โลกกำลังเสียความสมดุลอย่างมาก ถึงทำให้ได้รับรู้การกวัดแกว่งของพลังงานโลกได้อย่างชัดเจน คือ ( ถ้าหากจิตยิ้มทำงานอยู่ หรือ นึกถึงสิ่งอื่น หรือจิตส่งออกนอกจะไม่สามารถรับรู้ได้ค่ะก็จะปกติธรรมดา แต่เวลาใดที่มีความรู้สึกตัวอยู่กับตนเองนิ่ง ๆ เงียบ ๆ จะรับรู้ถึงพลังงานของโลกได้อย่างชัดเจนถึงการสัดส่ายไปมา)

เมื่อถ้าเป็นเช่นนั้นจริงการเสียสมดุลอย่างมากจนถึงการกวัดแกว่ง ซึ่งหากปล่อยไว้อย่างนี้ไม่นานโลกที่หยุดหรือคว่ำลงแน่นอนค่ะ


การที่รับรู้การกวัดกแกว่งของโลกได้ขนาดนี้แสดงว่า สนามแม่เหล็กโลกอ่อนคงตัวลงมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นจริง โลกจะต้องปรับยกระบบตนเองให้สู่สภาวะปกติ คือ ให้สู่ระบบสมดุลให้ดังเดิมให้ได้

นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งค่ะ ที่การรับรู้การกวัดแกว่งได้ของพลังงานโลกนี้ ที่ทำให้โลกเกิดการพลิกขั้วได้ค่ะ นั่นคือ การล้างระบบเพื่อนำขยะเทคโนโลยีที่หนักโลกและรกโลกออกไปเพื่อให้โลกมีน้ำหนักที่ถ่วงดุลหรือสมดุลขึ้นนะค่ะ

 

ไม่รู้จะคลีนให้ได้มั้ยนะ555 เดี๋ยวนี้ไม่มีเงินไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้(เขาว่ากันว่างั้น) เดี๋ยวเราจะเปลี่ยนให้ว่า ถ้ามีเงินไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้

 

จะโมเมนตัมหรือไม่ ผมไม่ทราบ และไม่สน แต่ถ้า "สิ่งที่เขาทำนายกันนั้นมันไม่เป็นจริงดูอย่างที่หลายๆคนมโนจับแพะชนแกะกันเอาเอง" หากไม่จริง "คนจะไม่เชื่อในสิ่งที่เตือนภัยไป" แล้วพอ "เตือนภัยไปคนที่เชื่ออยู่แล้วเขาก็ฟังอยู่แล้ว แต่คนที่ไม่เชื่อแล้วก็ปล่อยตามยถากรรม" ทั้งๆที่เหตุแห่งความไม่เชื่อแล้ว(ไม่นับคนที่ไม่เชื่อเลย) "ก็ด้วยการมโนมั่วซั่วเอาเองนั่นแหละ" ด้วยเหตุแห่งการไม่พิจารณา. เอาความเชื่อเป็นตัวตั้ง อนิจจา
ปล.ไม่ได้หมายถึงคุณนะแต่เห็นกันเอาเองว่าพวกใดใช้ความเชื่อเป็นตัวตั้ง เพราะผมก็ไม่ได้คัดค้านภัยพิบัตินะ

ส่วนเรื่อง "ที่คุณคิดว่าแผ่นดินไหว" ผมคิดว่าไม่น่าใช่ "ถ้าใช่เดินปกติต้องรู้" แต่เมื่อคุณจิตสงบอยู่กับตัว "ถึงรู้" ผมว่าลองสังเกตุอากาศด้วยก็ดีนะมันไหวอะป่าว? ถ้าใช่มันคือ "โลกธาตุหวั่นไหวไม่เกี่ยวกับแผ่นดินไหวเช่นกัน" และเหตุแห่งการไหวก็ต้องเสิชพระไตรกันเอาเอง "หากมันใช่" แต่ถ้าไม่ใช่ "ก็ต้องหาเหตุต่อไป" เช่นเมื่อตั้งจิตอยู่ในกายเวทนาแล้วจึงรู้สึกแสดงว่าเป็นผลการกำหนดจิตของเราใช่หรือไม่?

 

อาการผิดปกติทางร่างกายนี่ต้องพิจารณากันรอบคอบกันเลยทีเดียว บางคนจิตใจหมกมุ่นกับภัยพิบัติมากเกินไปมีอะไรเกิดขึ้นก็จับไปโยงเกี่ยวข้องหมดแทนที่จะรีบตรวจสอบและไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง มันถึงได้มีกระทู้ล้อเลียนกระทู้นึงเมื่อปี 2012
"สัญญาณหมาเตือนภัยพิบัติ" เหตุก็มาจากตรงนี้ท้องฟ้าเปลี่ยนไปยังไงก็จับมาโยงเป็นคำทำนายได้หมด ก็เลยมีคนหมั่นไส้เอามาล้อเลียนว่าต่อไปถ้าหมามาขี้เยี่ยวหน้าบ้านก็เป็นสัญญาณเตือนภัยพิบัติได้ ตอนนั้นอาการหนักเอามากๆ

อันนี้มันเป็นนิยายที่เป็นเรื่องแต่งขึ้นมานะ มโนเพ้อเจ้อกันมาตั้งแต่เมืองนอกแล้ว แล้ว ดาวนิบิรุอะไรนั่นก็ไม่มีอยู่จริง เราไปฟังคลิปเสียงอะไรนั่นมาแล้ว บอกตรงๆว่าหนักมาก นี่ถ้าถึงเวลาจริงมันไม่เกิดก็แหกกันเป็นรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้แล้ว คุณเองก็เบาๆลงได้แล้วผ่านเหตุการณ์มาหลายรอบน่าจะรู้พอรู้ได้แล้วอะไรจริงไม่จริง

 

ผมฮาสัญญาณหมาเตือนภัยครับ 555

 

ใช่ค่ะ รับรู้ได้ในขณะที่เดินปกติค่ะ แต่ต้องเป็นสภาวะที่รู้ตัวเท่านั้นนะคะที่จะรับรู้ได้ หากเดินไปคิดไปไม่สามารถรถรับรู้ ต้อหยุดนิ่งที่ตนเองเท่านั้น ถึงจะสามารถรับรู้พลังงานที่ไหวไปไหวมาได้นะค่ะ

ส่วนอากาศไม่ไหวค่ะ ไหวเฉพาะพลังงานพื้นธรณีเท่านั้นค่ะ

ท่านซาตานไม่ได้รับรู้พลังงงานนี้ด้วยหรือค่ะ

 

ไม่เลยครับ เพราะคุณจิตยิ้มรู้สึกได้เพราะกำหนดกายเวทนาไม่ใช่เรอะครับ ? ถ้างั้นก็เป็นเพราะการกำหนดของเราหรือเปล่าเลยรู้สึกลองไม่กำหนดดูแล้วปล่อยปกติเลยครับจะได้รู้ชัด

 

ไม่ได้เป็นการกำหนดค่ะ รับรู้ในสภาวะปกติที่จิตนิ่ง และรู้อยู่ ที่ไม่ได้เข้าไปอยู่ในความคิดค่ะ

 

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับถ้างั้นแต่ผมไม่รู้สึกเลย คุณจิตอยู่จังหวัดอะไรที่รู้สึกได้น่ะครับ ?

 

ลพบุรีค่ะ แต่สภาวะนี้มิได้มีจิตยิ้มคนเดียวที่รับรู้ได้ถึงพลังงานที่ไหวใต้ภิภพ เท่าที่จิตยิ้มทราบจากกระทู้นี้และอีกกระทู้หนึ่ง มีประมาณ 5 ถึง 6 ท่านด้วยกันค่ะ ที่รู้สึกถึงพลังงานนี้กันได้

 

ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่วันสิ้นโลก

มนุษย์ปัจจุบันกำลังเกิดการสั่นสะเทือนในจิตสำนึกอย่างสูง บางคนกำลังเป็นมนุษย์สับสน โดยมีสาเหตุมาจาก "ความเชื่อ" จนกลายเป็น "ความหวั่นวิตก" จากข้อมูลของบรรดาโหรเทวดา

ศูนย์รวมแห่งพลังงานความรักในจักรวาล ทราบความเป็นไปในเรื่องเหล่านี้ดี ได้สื่อสัญญาณสู่มนุษย์ทุกคนในยุคปัจจุบัน 2 ประการ

ให้เปลี่ยนจากความหวาดวิตก หรือความขลาดกลัวภัยที่จะเกิดขึ้นกับตนเองเป็นความรักและความห่วงใยโลก เพื่อช่วยกันยกระดับจิตสำนึกเข้าสู่สภาวะสมดุล

จงฉีกคำพยากรณ์ของนอสตราดามุสที่เจ้าอ่านทิ้งไปเสีย เพราะมันจะไม่มีวันเป็นดั่งเช่นคำพยากรณ์ มันจะไม่แม่นยำอีกต่อไปนับจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกเป็นต้นมา

จิตจักรวาลดวงใหญ่ย่อมรู้จริง และมอบความจริงให้แก่มนุษย์เสมอด้วยความรัก

แต่ทว่าสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "สงครามโลกครั้งที่สาม" นั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น ในลักษณะของการต่อสู้ทำลายล้างระหว่างประเทศหรือข้ามทวีปเหมือนอดีตอีกต่อไป แต่สงครามจะเกิดขึ้นจะมี 2 ลักษณะ

- การต่อสู้ทำลายล้างกันภายในชนชาติเดียวกันเอง หรือไม่ก็สงครามเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่คลั่งวัตถุนิยมเพลิดเพลินในเทคโนโลยีชั้นสูง

- สงครามที่เกิดจากการผจญภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงของมนุษย์ทั่วทั้งโลก

ส่วนภาวะภัยธรรมชาตินั้น มนุษย์ทุกคนบนโลกจงเตรียมตัวเตรียมใจกันไว่ให้จงหนัก การฝึกเพิ่มพลังจิตทางวิญญาณ ด้วยการสวดมนต์ภาวนา และทำสมาธิเท่านั้นจึงเป็นทางอยู่รอด มิเช่นนั้นอาจเสียสติได้

แม้จิตจักรวาลมอบความรักมาให้มนุษย์ล่วงหน้าเพื่อลดความรุนแรงบ้าง แต่ภาวะทางกายภาพของโลกที่สั่นสะเทือนจนเกิดคลื่นยักษ์มหึมา น้ำท่วมใหญ่แม้ในที่ ๆ ไม่เคยท่วมถึง กลืนเกาะบางเกาะจมหายไป บางประเทศจมหายไป แผ่นดินบางส่วนงอกออกมา ภูเขาไฟระเบิดในประเทศบนทวีปเขตร้อนทั้ง ๆ ที่เต็มไปด้วยภูเขาสูง ไม่เคยมีวี่แววของภูเขาไฟที่คุกกรุ่นมาก่อนเลย พื้นที่บางประเทศในโลกตะวันตกจะเคลื่อนตัวออกจากกันเป็นสองซีก เหตุการณ์เหล่านี้จะทยอยเกิดขึ้นเป็นระยะ เดี๋ยวทวีปโน้น เดี๋ยวทวีปนี้ และบางทีต้องเผชิญชะตากรรมพร้อมกัน โรคระบาด น้ำเสีย ขาดแคลนอาหาร ขาดน้ำสะอาดบริโภค ขาดอากาศบริสุทธิ์ใช้หายใจติดต่อกันหลายวัน ฟ้ามืดเพราะแสงอาทิตย์ส่องลงมาไม่ถึง หลายชีวิตต่งพากันสละชีพกับ เหตุการณ์ก่อนวันสุดท้ายในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติ

ทางออกของมนุษย์ที่จะช่วยลดความรุนแรงนี้ได้ ทุกคนจะต้องร่วมมือกันสร้างแรงสั่นสะเทือนที่มีอำนาจด้านบวกแบบรวมหมู่ตั้งแต่วันที่ได้รับข่าวสารชิ้นนี้ ด้วยการยกระดับจิตสำนึกตนเองให้สูงขึ้น ด้วยการส่งผ่านพลังงานความรักด้านบวกที่มีพร้อมในตนเองของแต่ละคนออกมา เลิกมีจิตใจใฝ่ต่ำไกลจากธรรมะ หันมามอบความรักให้กับเพื่อนร่วมโลกทุกคนด้วยความรู้สึกดั่งบุตรหลาน (ทุกคนคงจำกรณีทีมหมูป่าติดถ้าหลวงเขานางนอนได้) แล้วมอบพลังงานความรักมอบให้กับโลกใบนี้ (อาทิเช่น การแผ่เมตตา) เร่งแสวงหาความสงบสุขในจิตใจตนเองให้โดยเร็ว ความปลอดภัยของทุกคนย่อมมีหนทาง ทั้งหมดนั้นคืออาวุธ ที่จะปกป้องตนเอง จากสงครามและภัยธรรมชาติของมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่เลยทีเดียว

ดินแดนที่อุดมด้วยรสพระธรรม ดาษดื่นด้วยผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณ ดินแดนนั้นย่อมอยู่รอด

 

แบบนี้ค่อยอ่านแล้วรู้สึกว่าไม่สุดโต่งเหมือนอีกห้อง สมเหตุสมผลแบบเป็นไปได้มากกว่า เรื่องพลังงานเราไม่เถียงว่ามีอยู่จริง สรรพสิ่งในวัฏสงสารขับเคลื่อนด้วยพลังงาน 2 ขั้วเสมอ เมื่อขั้วใดขั้วนึงเสียสมดุลย์ไปย่อมมีการปรับสมดุลย์ และจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โลกกำลังเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับสมดุลย์จริง ๆ ภัยธรรมชาติร้ายแรงขึ้น โรคระบาดรุนแรงขึ้น ก็เป็นไปตามทฤษฏีการวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วิน พอผู้คนเห็นธรรมชาติเปลี่ยนแปลงมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาในอดีตก็ไปโยงเข้ากับคำทำนายอะไรก็ไม่รู้ มันคือข้อความที่กล่าวขึ้นมาอีกโอกาสตรงแค่ 50% เท่านั้น ก็ว่ากันไปตามจริตและบุพกรรมของแต่บุคคล

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้ กิเลสมันช่างยั่วยวนใจเหลือเกินสำหรับผู้ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนจิตมา สำนึกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้พ้นสภาพความเป็นมนุษย์ไปแล้ว(แต่ก็ไม่เกิดกับทุกดวงจิต)

สำหรับห้องโน้นก็ปล่อยไปคงจะไม่ไปยุ่งด้วยแล้ว ปล่อยให้เขาปรุงแต่งจิตและมโนกันให้พอ เดี๋ยวก็หมด Passion กันไปเอง มีอย่างที่ไหนสถาปนาตัวเองเป็นผู้วิเศษเป็นพระยาธรรมซะเอง ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ของไม่จริง บางคนก็น่าสงสารโดนหลอกมาตั้งแต่ปี 2012 แล้วก็ยังเชื่ออยู่แบบเดิม

 

โพสนี้ได้เคยลงไว้ที่กระทู้หนึ่งแล้ว รู้สึกว่าโพสนี้มีคุณค่าต่อความรู้สึกของตนเอง อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ ...

และ.... ท่านใดที่ไม่ได้เข้าไปอ่านกระทู้ดังกล่าว ก็เลยอยากให้คนทุก ๆ คนได้รับรู้เข้าใจความหมายของชีวิตทุก ๆ ชีวิตค่ะ


ลองมองขึ้นไปบนฟ้าซิ เห็นจันทร์กระจ่างเต็มท้องฟ้า แสงสว่างสีฟ้าครามแห่งค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงดูซิคะ มองนิ่ง ๆ ลึกเข้าไปภายในที่ซ่อนเร้นอยู่ เราจะเห็นได้ถึงความสงบสุขที่จริงแท้ซ่อนเร้นอยู่ภายในนั้น คิดแล้วนึกถึงบ้าน... เพียงแค่เรามองแสงดาวแห่งท้องฟ้าใจก็สงบสุข หากเราเข้าไปอยู่ในธรรมชาติที่จริงแท้อันสุขละเอียดได้จะบรมสุขแค่ไหนหนอ!!!!

และ.....

ให้เรามองศาสาตร์ดนตรีอันเป็นเสียงสูง ที่สื่อถึงภาษาจิตที่ละเมียดละไม กล่อมจิตใจให้ละมุนและเป็นสุข เมื่อเราต้องอยู่ในสมมุติ เราจะใช้จิตใจสูงส่งที่ดีงามเป็นสื่อภาษาใจ

และ.....

ภาพในเพลงนี้มองดีดีซิคะ จะรู้ว่าเราก้าวข้ามเข้ามาเป็นมนุษย์กันทำไม และมีหน้าที่อย่างไร ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์และดีที่สุด คือ ตราบจนชั่วฟ้าดินสลาย กลับสู่สถานนะเดิมค่ะ

 

ณ ขณะนี้คิดว่าในสนามพลังงานโลกมีคลื่นสนามแม่เหล็กอย่างมากที่ต้องถูกส่งจากนอกระบบโลกเข้ามาในโลกค่ะ

เพราะ.....

หลายวันที่ผ่านมาได้รับรู้คลื่นความถี่สูงดังวิ้ง ๆ ชัดเจนมาก และ วันนี้ได้รับรู้ถึงพลังงานแม่เหล็กที่มือและเท้า หากนั่งอยู่นิ่ง ๆ จะรู้สึกถึงความรู้สึกถึงความกดหนึบ ๆ เหมือนมีเข็มมาทิ่มนิด ๆ และรู้สึกถึงความชาได้ชัดเจน เหมือนมีอะไรวิ่งอยู่รอบ ๆ เหมือนไฟช๊อตอ่อนค่ะ

เลยเข้าใจว่าเป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ส่งเข้ามาจากนอกระบบโลก เข้ามากระทำต่อโลกค่ะ

กระบวนการก่อนสิ้นยุค...

ปรากฎการณ์ของวันที่ 11 คือ ดาวเคราะห์โลกจะมีระดับพลังงานที่สมดุลตามสมการเรียบร้อยแล้ว ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกจะถูกวางโครงข่ายที่พาดผ่านห่อหุ้มโลกไว้อย่างแน่นหนาและลงตัวขึ้น แนวแกนแม่เหล็กโลกเหนือใต้จะเบี่ยงเบนไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศา แรงดึงดูดของโลกและดรงเหวี่ยงรอบตัวของโลกจะมีค่าคงที่ (แสดงว่าตอนนี้ยังไม่ใช่การสิ้นยุคแล้วแน่นอน เพราะโลกยังสัดส่ายและกวัดแกว่งอยู่เลยค่ะ) รูปธรรมทางพลังงานภายในโลกจะมีคลื่นพลังงานบวกดำรงอยู่มากขึ้น และเมื่อคลื่นด้านลบถูกทำให้เป็นกลางไปมากมายแล้ว

จากระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ธรรมชาติที่มนุษย์คิดว่ามันวิปริตผิดธรรมชาติ บางเหตุการณ์มันสร้างความรุนแรงก่อความยุ่งยากในพื้นที่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นั่นเป็นผลกระทำทางการเทคนิคที่คลื่นความถี่สูงจากจักรวาลส่งมากระทำอย่างรุนแรง เพื่อช่วยให้แนวแกนแม่เหล็กโลกเบี่ยงเบนไปตามที่กำหนดเอาไว้

ที่ทุกคนล้วนต้องเผชิญมัน การกระทำทางเทคนิคส่งผลก่อให้เกิดความรุนแรงต่อมนุษย์ที่สุด ดังนี้คือ

- ผู้ที่อาศัยอยู่แถบซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
- ผู้ที่อาศัยใกล้รอยแตกร้าวของเปลือกโลก
- สถานที่มีธารลาวาไหลผ่านใต้พื้นโลก คือ จะมีภูเขาไฟระเบิด
- มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนเกาะกลางมหาสมุทรและที่ราบริมฝั่งทะเลหรือแม่น้ำ จะมีปัญหาต้องเผชิญกับสภาวะน้ำท่วม พายุหมุนรุนแรง แผ่นดินบางส่วนจมหายไปใต้น้ำ ขณะที่ภูเขาใต้ทะเลบางแห่งจะปรากฎขึ้นเป็นเกาะใหม่ในแผนที่โลก

มนุษย์ที่ขลาดกลัว และยึดถือตำราพยากรณ์โบราณจำนวนมาก ไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้นพากันแตกตื่นกลัวมากจนขาดสติปัญญาที่พอจะพิจารณาคำพยากรณ์วันสิ้นโลกได้อย่างถูกต้อง

มนุษย์พึงสบายใจได้ว่า วันสิ้นยุคพลังงานเก่ากับวันสิ้นโลกมันคนละเรื่องคนละเวลากัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด!!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาสิบกว่าปีที่ว่านี้ มันเกิดขึ้นจากการกระทำจงใจของจักรวาล เพื่อเป้าหมายการสร้างโลก มิใช่กระทำให้สิ้นโลกอย่างที่คิด....

เพื่อให้มนุษย์เข้าใจกระบวนการทางเทคนิคที่จักรวาลลงมือกระทำต่อระบบโลก จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งที่เกิดขึ้นแล้วและที่จะเกิดขึ้นต่อไปให้รู้ไว้บางส่วน...

๑.พายุหมุน
๒.แผ่นดินไหว เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ
๓.ภูเขาไฟระเบิด

การกระทำทางเทคนิคที่รุนแรงสูงสุดนี้ จะดำเนินการก็ต่อเมื่อต้องการผลการกระทำขั้นสูงสุดเท่านั้น

จักรวาลจะใช้วิธีสร้างพายุแม่เหล็กอย่างรุนแรงบริวเณใต้พื้นโลกที่เป็นส่วนโลหะร้อน ซึ่งสั่งสมพลังงานไว้อย่างมากมายให้มันคายพลังงานออกมา เพื่อผลักดันตนเองให้ย้ายไปในทิศทางที่คำนวณเอาไว้ ซึ่งมนุษย์เรียกว่า การระเบิดของภูเขาไฟที่มันจะระบิดพร้อมกันไล่เลี่ยกันอย่างรุนแรงและต่อเนื่องหลายวัน การเคลื่อนย้ายแนวของโลหะแข็งแทนที่ของไหลที่ถูกผลักดันออกมาจึงจะเกิดขึ้น มันเป็นกระบวนการเพื่อปรับเปลี่ยนทิศทางของแนวแกนแม่เหล็ก ให้เบี่ยงเบนไปเพื่อวางระบบโครงข่ายของเส้นแรงแม่เหล็กโลกระบบใหม่นั่นเอง

จักรวาลจะไม่ตัดสินใจกระทำทางเทคนิคต่อระบบโลกผ่านปรากฎการณ์ทั้งสามแบบกล่าวข้างต้นพร้อมกันโดยไม่มีความจำเป็นเสมอ เพราะมันหมายถึงเคราะห์ภัยของมนุษย์ที่ต้องเผชิญอย่างสาหัสยิ่ง แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาที่เพียงพอต่อการตัดสินใจเพื่อจะขยับเคลื่อนแนวแกนแม่เหล็กโลกประมาณที่เหลืออยู่ให้สำเร็จให้จงได้ ภัยพิบัติหายนะในบางพื้นที่จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

วันที่พลังงานจากนอกระบบโลกถูกส่งเข้ามากระทำต่อระบบโลก จะเลือกวันสำคัญที่เหมาะสม เพื่อการลดทอนพลังอำนาจจากการกระทำทางเทคนิคต่อระบบโลกเพื่อให้เกิดความรุนแรงน้อยลง แม้ช่วยเหลือได้บ้างก็ยังดีเสียกว่าปล่อยให้โลกโดดเดี่ยว

จึงย้ำอีกครั้ง...ดาวเคราะห์โลกจะบอบช้ำเพียงใด และมนุษย์ต้องเผชิญชะตากรรมรุนแรงระดับใด มนุษย์ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างยิ่ง

 

มันก็น่าคิดนะครับ
ที่ว่าชำระล้างสิ่งชั่วจากโลกนี้!!

ขนาดพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกนี้
ยังทำไม่ได้เลย ได้แต่แนะนำแนวทางการใช้
ชีวิต ชี้ทางให้เดิน

ถ้าทำชั่วก็เป็นบาปติดตัวไปในจิตเจ้าของ
ถ้าทำดีก็มีบุญติดตัวไปในจิตเจ้าของ

ขนวนการเกิดแก่ตายเกิดขึ้นกับหมู่สัตว์เสมอ
ไม่ว่าเกิดเป็นอะไรในภพภูมต่างๆ
อย่างในโลกนี้
สัตว์จำนวนมากกำลังมาเกิด
กำลังใช้ชีวิตกำลังจะแก่และตายไป

คุณเกษมลองคิดดู พวกมาเกิดใหม่มันจะไม่ทำชั่วหรือ?
นี้ขนาดมีคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่
เพราะสัตว์โลกมีกิเลสทั้งนั้น
ไม่ว่าจะมาจากภพไหนมาเกิดเป็นคน
มันไม่มีกิเลสตัวที่พาสัตว์ทำความดีละชั่ว
มีแต่หลอกให้ทำชั่วทั้งนั้น

 

เชื้อชั่วยังอยู่ คนก็ไม่หยุดทำชั่วกันหรอกครับ
สัตถันตรกัปจบโน่นแหละ คนถึงจะตระหนักถึงผลของการทำชั่ว

ภัยพิบัติแค่ล้างคน

คนต้องล้างคน และฝ่ายที่เหลือรอดต้องมองเห็นโทษของความชั่ว จึงจะพากันเปลี่ยนพฤติกรรม

 

ก็พอทราบมาบ้าง
อันแนวคิดคลีนนิ่ง

พวกเทพบางตนกับพวกพรหม
มันเสนอความคิดนี้ขึ้นมา

มันจะคลีนนิ่งด้วยไฟบรรลัย(ระเบิดนิวเคลีย)
ท่านเกษมลองคิดดู อะไรจะตาม??

 

ถามกลับคุณเกษม
บ้านใหม่ที่คุณจะสร้างนะ
มันมีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร?

อธิบายหน่อยผมอยากรู้

จะได้เห็นแนวคิดของคุณ..

 

ทุกสรรพสิ่ง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป

ผมเพียงมีความเห็นว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว

ที่ของเดิมต้องจากไป เพื่อให้ของใหม่ได้เข้ามาแทนที่

ตรรกะของผมมีเพียงเท่านี้ ถ้าทำให้ท่านไม่พอใจ

ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

แค่อยากรู้ครับ
ผมก็ได้ข้อมูลมาเหมือนกัน