โชคเหนือเมฆ-กำไลเหนือดวง- มูลนิธิเทียนฟ้า 2497 - วัตถุมงคล หลวงปู่พิศดู-ครูบากฤษดา

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย bat119, 20 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  2. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ev546203555th ขอนแก่น
     
  3. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,883
    ค่าพลัง:
    +14,126


    สวัสดียามสายครับป๋า:):):)
     
  4. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    สวัสดีครับเสี่ยเฟริส์ท
     
  5. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    eu897974477th สำเหร่
     
  6. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกสิณพิมพ์รูปเหมือนฝังพลอย หลวงปู่พิศดู กดคมชัดลึกครับองค์นี้
    DSC_0219.JPG DSC_0220.JPG DSC_0221.JPG DSC_0222.JPG DSC_0223.JPG


    พระกสิณเริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี 2520 เป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นพระกสิณพิมพ์ไหนๆก็ดีเหมือนกันหมดทุกพิมพ์แท้จริงครับ ยิ่งถ้าพิมพ์ที่เป็นรูปพระพุทธเจ้าหลวงปู่ท่านจะชอบมาก ส่วนพิมพ์โพธิจักร(ล้อพิมพ์ของท่านพ่อลี) จะเป็นพระยุคแรกๆ และหลวงปู่ท่านทำล้อพิมพ์นี้ไว้เพื่อระลึกบูชาคุณครูบาอาจารย์ของท่านอีกด้วย..

    ตามข้อมูลนั้นพระกสิณทุกยุคทุกองค์ มีการอธิษฐานจิต สวดมนต์ ภาวนาจากหลวงปู่มาพร้อมๆกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ประมาณปี 2520ปลายๆ จนมาแจกเอาเมื่อปี 2540-2542 จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ฝากพระเกือบทั้งหมดให้ลูกศิษย์ของท่านจำนวน 4-5 ครอบครัวไปดูแลต่อเรื่อยมาเป็นเวลานับสิบปี... จนลูกศิษย์ที่ท่านฝากพระไว้นั้นยอมเอาออกมา(ให้บูชาต่อ) เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ราวกับว่าหลวงปู่ท่านอาจทราบกาลล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าแจกพระออกไปตั้งแต่ต้น ไม่ฝากพระกับลูกศิษย์เหล่านี้เอาไว้ พระกสิณที่ท่านสร้างนี้ คนก็คงจะไม่รู้จักของดีกัน เพราะพระทำแบบฝีมือชาวบ้านไม่ค่อยสวย และพระองค์ใหญ่มาก ประกอบกับยุคนั้นยังไม่ค่อยมีใครรู้จักท่าน และท่านคงทราบอีกด้วยว่า พระกสิณของท่านคงต้องออกมาเผยแผ่ในยุคนี้ ยุคที่มีเครื่องมือสื่อสารในการเผยแพร่ข้อมูลที่ดีกว่ายุคก่อนๆ
    ซึ่งยุคที่พระกสิณออกมาเผยแพร่นี้ ก็คล้ายเป็นยุคที่เปิดตัวของหลวงปู่ท่าน ลูกศิษย์ที่หลวงปู่ได้ฝากพระกสิณไว้จึงได้นำออกมาให้เผยแผ่ในช่วงเวลานี้พอดี ซึ่งเป็นยุคที่ผู้คนลำบาก และมีภัยต่างๆนาๆมากมายรอบตัวไปหมด โดยเฉพาะภัยที่มาจากธรรมชาติ ภูติผีปีศาจ วิญญาณร้าย ไสยศาสตร์ ฯลฯ ภัยเหล่านี้เหมือนดั่งเป็นมารที่มองไม่เห็น และไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้อย่างชัดเจน ที่จะมาบั่นทอน และทำลายความสงบสุขของผู้คนในยุคนี้เลยก็ว่าได้
    แต่ผู้ที่มีกำลังใจเข้มแข็ง โดยเฉพาะผู้ที่มีศีล มีธรรมนั้น ก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก เพราะธรรมย่อมคุ้มครองผู้มีธรรมนั้น แต่ถ้าผู้ที่กำลังใจยังไม่ดีพอ หรือยังไม่ค่อยมั่นใจในศีลธรรม บารมีของตน ก็พึงแสวงหาที่พึ่ง ที่ยึดเหนี่ยวทางใจ และกาย โดยเฉพาะของที่เปรียบเป็นตัวแทนที่ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย ที่พึ่งอันประเสริฐที่สุด ซึ่งตัวแทนของคุณพระเหล่านั้นที่เราเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ วัตถุมงคล ที่เป็นรูปพระพุทธรูป รูปเหมือนครูบาอาจารย์ ฯลฯ แต่ทว่า ถ้าจะให้มั่นใจได้จริงๆควรจะเลือกหาของที่พระอริยสงฆ์ หรือพระผู้มีศีลมีธรรมอันบริสุทธิ์เป็นผู้อธิษฐานจิตให้ เนื่องจากท่านเหล่านั้นสามารถเข้าถึงความเป็นพุทธะได้จริงๆ และเวลาที่ท่านเหล่านั้นจะอธิษฐานจิตของอะไรก็ตาม ท่านจะอาราธนาคุณพระรัตนตรัยเข้าครอบสถิตที่ของไว้ทุกครั้งไป..


    พระกสิณนั้น ก็เป็นหนึ่งในของมงคลชั้นดี ที่สุดยอดพระอริยสงฆ์เนื้อนาบุญใหญ่อย่างองค์หลวงปู่พิศดูได้สรรสร้างขึ้นจากเหล่าสรรพมวลสารที่ทรงอิทธิคุณต่างๆ ทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติที่เรียกว่าเป็นทนสิทธิ์ อันได้แก่แร่ธาตุ ว่านยา ไม้มงคลต่างๆ และมวลสารที่ท่านตั้งใจเสกสรรค์ปรุงแต่งขึ้นมาเอง อาทิ ผงลบสูตรสนธิต่างๆ เกศา ชาญหมาก น้ำหมากน้ำมนต์ ข้าวก้นบาตร ฯลฯ จนเรียกมวลสารเหล่านั้นว่า ‪#‎ผงกสิณ บวกกับความศรัทธาและภูมิปัญญาของชาวบ้านลูกศิษย์ลูกหาในสมัยนั้นที่ร่วมกันมาช่วยสร้างพระถวาย จัดเป็นผลงานที่ดูเข้มขลังคลาสสิคได้ใจมากๆ..
    ผมเองเคยฟังหลวงปู่ท่านพูดถึงการอธิษฐานจิตของๆท่าน ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่า ไม่ว่าจะวัตถุมงคล หรือของที่มีคนเอามาถวาย หลวงปู่ท่านก็จะน้อมเอาของนั้นไปถวายพุทธนิมิตรของพระพุทธเจ้า บนพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์สถานให้อีกต่อหนึ่งด้วย เพราะฉะนั้นผู้ที่ถวายของให้หลวงปู่ท่าน ก็จะได้รับอานิสงส์สูงเป็นพิเศษอีกชั้นหนึ่งเลย แต่ถ้าเป็นวัตถุมงคลต่างๆนั้น ถ้าได้องค์หลวงปู่ท่านน้อมเอาไปถวายแด่พระพุทธเจ้าตามที่ท่านบอกไว้ ของนั้นจะเป็นของศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สุดหาที่เปรียบมิได้เลย เนื่องจากของนั้นๆเป็นของพระพุทธเจ้าท่านแล้วนั่นเอง ประกอบกับความบริสุทธิ์ของจิตหลวงปู่ท่าน แถมกำลังแห่งฤทธิ์อภิญญา และสมาบัติ ที่หาผู้ใดเสมอเหมือนได้ยาก ถ้าท่านตั้งใจอธิษฐานธรรมบรรจุเข้าไปทำให้ของเหล่านั้นบังเกิดอานุภาพอย่างไม่มีประมาณ ยิ่งเป็นพระกสิณ ว่ากันว่าหลวงปู่ท่านอธิษฐานธรรม และบรรจุวิชชาหัวใจมหาพรหมเข้าไว้ด้วย คงต้องเรียกได้ว่าเป็นพลังอจิณไตย อย่างไม่มีประมาณเลยทีเดียว..

    ที่ผมนำเรื่องของพระกสิณมาเขียนนี้ก็ไม่ได้จะเชียร์เพื่อการอันใด และผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับใครใดๆทั้งสิ้นนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกเล่าต่อๆกันไป ถึงความเป็นจริง และคุณค่าของพระชุดนี้ว่าดีมากๆ แต่อาจจะเล่นยากสักหน่อย ค่อยๆศึกษากันไป สำคัญคือ อย่าโลภจนทำให้ประมาทพลาดพลั้งจนได้ของปลอมมาบูชาก็เท่านั้น
    เรื่องดีๆบางเรื่องหากเราไม่เอามาเล่ากันบ้าง ก็คงยังเป็นที่ปิดบังไปอีกนาน ซึ่งกว่าจะรู้ ของเหล่านั้นก็คงสูญหายไปเยอะ และหลายท่านคงพลาดโอกาสดีๆไปเสียเปล่าครับ
    แต่ก็ต้องขอออกตัวอีกนิดนะครับว่า ที่ผมไม่มีพระกสิณที่จะแบ่งให้ท่านใดไปบูชาทั้งสิ้น เพราะผมสะสมไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตรงกันข้ามผมคิดอยากจะเก็บเพิ่มเติมเสียด้วยซ้ำ และกราบขอร้องท่านสมาชิกทุกท่านว่า โปรดอย่าเอาพระกสิณมาถามผมเลย ผมไม่รับดูพระกสิณ เพราะผมเองก็ยังเป็นผู้เริ่มศึกษาเหมือนกัน และไม่อยากมีปัญหากับใครไม่ว่าจะเป็นคนที่ขาย โดยเฉพาะพวกทำพระปลอม ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าเป็นใคร แต่ขออย่างเดียวว่าถ้าคุณ(คนที่ทำพระปลอม) ยังนับถือพระพุทธศาสนา และเห็นหลวงปู่เป็นครูบาอาจารย์ เลิกทำเถิดครับ เพราะการกระทำของคุณ ไม่ได้ทำให้คุณเจริญขึ้นเลย มีแต่จะทำให้วิบากกรรมพาชีวิตคุณและครอบครัวของคุณตกต่ำไปมากกว่านี้ หลวงปู่ท่านมีบารมีสูง เทวดาประจำตัวท่านแรง และดุมาก ถ้าใครทำดีท่านก็ช่วยหนุนให้คุณเจริญยิ่งๆขึ้นไป แต่ถ้าทำไม่ดี ชีวิตจะตกต่ำย่ำแย่สุดๆ..!!!
    ยิ่งพระกสิณนี้เป็นพระมีอาถรรพ์บารมีสูง เพราะเทพผู้ที่รักษาเป็นพรหม ที่สามารถลิขิตชะตาชีวิตของคนเราได้นั่นเอง จึงขอให้ท่านที่มีรักษาบูชาไว้ดีๆ เพราะปัจจุบันหาพระผู้ทำได้แบบนี้ยากเสียแล้วครับ.. สาธุ


    (ข้อมูลคุณสิรภพ)
     
  7. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกสิณรูปเหมือนพิมพ์เสมา หลวงปู่พิศดู องค์นี้เนื้อจัดเห็นเม็ดมวลสารชัดเจนครับ

    DSC_0225.JPG DSC_0226.JPG DSC_0227.JPG DSC_0228.JPG
     
  8. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกสิณพิมพ์รูปเหมือนลอยองค์ หลวงปู่พิศดู

    DSC_0229.JPG DSC_0230.JPG
     
  9. น้ำหว้า

    น้ำหว้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +978
    สวัสดีครับพี่บัติ..ขอราคาพระกสิณฝังพลอยหน่อยครับ
     
  10. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ทั้ง3องค์นี้ ใส่กล่องเตรียมส่งให้เจ้าของคนใหม่แล้วครับ
     
  11. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ev546205959th มุกดาหาร
     
  12. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    ‪#‎พระกสิณ‬‬‬‬‬‬‬‬ หลวงปู่พิศดู

    มีคำถามเข้ามาถามผมหลายคำถาม ว่าเหตุใดพระที่องค์หลวงปู่พิศดูได้จัดสร้างขึ้นในยุคแรกๆจึงเรียกว่า พระกสิณ จึงเป็นที่มาของการเขียนข้อความเหล่านี้ ตามสติปัญญาที่ผมพอจะเข้าใจ และพอจะถ่ายทอดได้ เพื่อบันทึกไว้ในกระดานนี้เป็นกรณีศึกษาครับ

    ขึ้นชื่อว่ากสิณนั้นตามข้อความที่ผมได้หยิบยกมาให้ทุกท่านได้ศึกษากันก่อนหน้านี้ น่าจะพอมีประโยชน์ในการทำให้เข้าใจเรื่องของกสิณมากขึ้น ต่อจากนี้ผมจะได้อธิบายให้เห็นถึงความเป็นพระอัจฉริยภาพขององค์หลวงปู่ที่ท่านทำพระของท่านประกอบรวมเข้ากับคำว่า กสิณ

    พระ = ประเสริฐ (ยิ่ง)
    กสิณ = กำหนดจิตเพ่งอารมณ์(กรรมฐาน) ทำให้เกิดฤทธิ์
    พระ+กสิณ = สิ่งประเสริฐ(พระ) ที่สำเร็จได้ด้วยการกำหนดเพ่งจิต ทำให้เกิดฤทธิ์..
    หรืออีกความหมายหนึ่ง คือ สิ่งประเสริฐ(พระ) ที่สามารถใช้ในการกำหนดเพ่งอารมณ์ในการทำกรรมฐาน สามารถทำให้เกิดฤทธิ์..
    วัตถุทั้งหลายในโลกล้วนแต่ประกอบไปด้วย "ธาตุ" ธาตุทั้งหลายในโลกนี้มีอยู่ด้วยกันหลักๆ 4 ธาตุด้วยกัน คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยธาตุทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนแต่มีประโยชน์ของแต่ละธาตุไป แม้แต่ร่างกายของคนเราก็ยังประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 ประชุมรวมกันขึ้นเป็นกาย หากขาดธาตุใดธาตุหนึ่งแล้วร่างกายก็ย่อมเสื่อมสลายลงไป..
    แบบแผนการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้นมีมากมายถึง 40 กอง แต่ละกองก็ถูกกำหนดเป็นทางให้ผู้ปฏิบัติว่าจะเลือกแบบใด เพื่อให้ตรงตามแก่จริตวิสัยของตน ที่มุ่งหวังในผลอันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด แต่ว่ามีกรรมฐานอยู่ 10 ใน 40 กองที่เรียกว่า หมวดกสิณ 10 ผู้ที่บำเพ็ญธรรมที่มุ่งหวังในฤทธิ์อภิญญา พึงเลือกปฏิบัติพระกรรมฐานในหมวดนี้ แต่ทว่า.. การปฏิบัติในหมวดของกสิณนั้นค่อนข้างยากเอาการ และต้องมีความเพียรพยายามสูงจริงๆ หากว่าในระหว่างที่ปฏิบัตินั้น ผู้ปฏิบัติฝืนตั้งอารมณ์ผิด หรือทำเกินคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ก็อาจมีผลข้างเคียงโดยอาจทำให้เสียจิตได้ เพราะฉะนั้นจะมีผู้ที่สำเร็จในหมวดของกสิณนับว่ามีน้อยยิ่งนัก ยิ่งถ้าได้สำเร็จกสิณครบทั้ง 10 กองด้วยแล้วยิ่งหาได้ยากยิ่ง..
    หากผู้ที่สำเร็จชำนาญในกสิณทั้ง 10 กอง ก็จะสำเร็จเป็นพระอภิญญา ที่มีอิทธิฤทธิ์ จะสามารถบันดาลในเรื่องต่างๆให้เป็นได้ดังปรารถนา พระระดับนี้ไม่ว่าท่านจะทำอะไร ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องขลังศักดิ์สิทธิ์ไปหมด เพราะว่าจิตของท่านนั้นเสมือนเป็นแหล่งพลังงานที่ระเบิดตัวเองออกมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งการที่ท่านเหล่านั้นสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาด้วยความตั้งใจ และเจตนาเพื่อที่ต้องการสงเคราะห์โลกนั้น ยิ่งจะมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษทีเดียว
    การทำพระผงในยุคแรกขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ได้เริ่มสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2520 โดยท่านได้กำหนดจัดสร้างขึ้นด้วยองค์เอง เพื่อสำหรับแจกให้กับญาติโยมเพื่อใช้ป้องกันภัยต่างๆ ตลอดจนเป็นเครื่องเมตตามหานิยม ความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย และถึงที่สุดให้ทุกคนเข้าถึงธรรม
    พระของท่านทำด้วยเนื้อผงวิเศษที่ท่านเขียน-ลบสูตรด้วยตนเอง ผงธูปกรรมฐาน ประกอบกับการใช้วัตถุธาตุต่างๆ ที่มีคุณในตัว บางอย่างเป็นแร่วิเศษเป็นของทนสิทธิ์ตามธรรมชาติ ว่านยา ไม้กาฝากมงคลต่างๆที่เก็บสะสมมาตั้งแต่สมัยเดินธุดงค์ และมวลสารที่มีผู้นำมาถวาย ดินหรือปฐวีธาตุในวัด ฯลฯ ซึ่งมวลสารเหล่านี้รวมแล้วก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง 4 นั่นเอง ใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระของท่าน เพื่อผลแห่งการอธิษฐานตั้งธาตุ หนุนธาตุ แปลธาตุ โดยอาศัยผลแห่งการอธิษฐานเดินประจุกสิณ 10 ประการ อันประกอบไปด้วยฤทธิ์ ที่อธิษฐานไว้ในองค์พระที่ได้จัดสร้างเหล่านั้น จึงได้เรียกว่า " พระกสิณ " หากว่าผู้อธิษฐานไม่สำเร็จในกสิณจริงแล้ว ย่อมไม่อาจสามารถทำพระกสิณให้สำเร็จได้เลย
    อันผลแห่งการใช้กสิณ 10 ในการอธิษฐานพระของท่านนี้ ยังผลให้บังเกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์โดยตรงต่อผู้บูชา หลวงปู่ท่านอธิษฐานพระของท่านไว้เหมือนเป็นแก้วสารพัดนึก อันเกิดจากดวงจิต ดวงธรรม มหาบารมีอันบริสุทธิ์ แห่งคุณพระศรีรัตนตรัย พรหมเทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย อีกทั้งพระเหล่านี้อยู่กับท่านทุกวันนับเป็นเวลาหลายปีด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าสรรพวิชาใดๆที่มี ท่านก็คงอธิษฐานใส่ไว้จนหมดสิ้น และทราบมาว่า หลวงปู่ท่านมีวิชาเอกอยู่วิชาหนึ่งคือวิชา หัวใจมหาพรหม ที่หลวงปู่ท่านตั้งใจอธิษฐานใส่ไว้ในองค์พระด้วย อันหัวใจมหาพรหมนี้ ถ้าให้กล่าวก็คงคล้ายคลึงกับวิชา โสฬสมหาพรหม ที่ว่ากันว่าหากผู้ใดได้มีไว้บูชา ก็เหมือนมีพระพรหมคอยปกปักรักษาผู้นั้นมิให้ตกต่ำ และสามารถดลบันดาลในสิ่งที่ปรารถนาได้(แต่ไม่เกินกฏแห่งกรรมของผู้นั้น) เรียกง่ายๆว่า จะมีเทพชั้นพรหมคอยรักษาประจำองค์พระทั้งหมดทุกองค์นั่นเอง หากเราหมั่นทำบุญ สวดมนต์บูชา แผ่เมตตาอยู่เสมอ ก็จะได้รับพลวประโยชน์เสมอมิได้ขาด
    และที่สำคัญท่านสอนให้ผู้ที่ได้รับพระไป นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือการใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรม โดยการกำหนดเพ่งมององค์พระนั้นให้จำภาพได้ จากนั้นให้ทำสมาธินึกถึงภาพพระ ภาวนาว่า พุท-โธ เป็นการกำหนดอารมณ์สมถกรรมฐาน จนจิตเกิดเป็นสมาธิ ก็จัดว่าเป็นกสิณได้กองหนึ่งด้วย ซึ่งมีผลต่อทิพย์จักษุญาณ อันเป็นประโยชน์มากในการปฏิบัติ.. ไม่ว่าผู้ใดได้รับพระไปแล้วหากทำได้ตามนี้ ท่านบอกว่า " ผู้นั้นใช้ของเป็น " หมายความว่า ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระจะสามารถช่วยเราได้เต็มที่... ลองคิดดูว่าพระนี้กว่าจะใช้เวลาสร้างได้ถึงขนาดนี้ และเวลาในการอธิษฐานอยู่กับหลวงปู่ท่านนับว่ายาวนานเป็นที่สุด แน่นอน เรื่องพลังงานไม่ต้องพูดถึงว่าจะมากเพียงใด และพระที่มีประจุพลังงานมากๆ หากคนเรานำมาใช้แขวนอย่างเดียวไม่หมั่นบูชาด้วยใจที่ศรัทธา ก็คงใช้ประโยชน์จากพลังงานนั้นได้เพียงแค่ไม่กี่ % แต่ก็มากพอแล้วที่จะคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างสบาย แต่เมื่อเทียบกับพลังงานทั้งหมดที่มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความศรัทธา และกำลังใจของเราด้วยเป็นสำคัญครับ ความศรัทธาในการบูชานั้น ก็เหมือนกับเราเปิดก็อกพลังงานนั่นเอง ยิ่งมีศรัทธามาก หมั่นบูชาด้วยความเคารพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติบูชา ก็เหมือนทำให้เราสามารถเปิดก็อกพลังงานได้อย่างเต็มที่นั่นเองครับ.. สาธุ

    ข้อมูลคุณสิรภพ
     
  13. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,883
    ค่าพลัง:
    +14,126

    สวัสดียามสายครับป๋า:):):)
     
  14. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
  15. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกริ่งธัมมะจารี-พระชัยวัฒน์-พระกริ่งเทดินไทย-พระชัยเทดินไทย-พระชัยไม่ตัดก้าน(พระกริ่งไม่ตัดก้านมีเพียงประมาณ12องค์)-พระชัยอุดผง

    มีผู้สอบถามผมมาพอสมควรถึง พระชัยวัฒน์เทดินไทย และพระชัยวัฒน์ไม่ตัดก้านชนวน ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ผมขอตอบบนหน้ากระดานนี้ เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน จะได้ไม่สับสน จึงนำรูปมาเปรียบเทียบความแตกต่างให้เห็น และบอกรายละเอียดต่างๆโดยชัดเจน

    พระชัยวัฒน์เทดินไทย และพระชัยวัฒน์ไม่ตัดก้าน หรือที่เรียกกันว่า พระชัยมีเดือย ลักษณะของผิวและการตอกโค๊ตแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

    พระชัยวัฒน์เทดินไทย ผิวจะขลุขละ คล้ายๆผิวมะระ และจะมีคราบเบ้าดินไทยติดอยู่ตามซอกๆ ย้ำ..!!เป็นดินจริงๆครับ ซึ่งเป็นคราบของเบ้านั่นเอง
    และจะตอกโค๊ตที่สะโพกด้านหลัง เป็นโค๊ตตัว นะ และโค๊ต รูปเม็ดงา
    พระชุดนี้สร้างขึ้นเพื่อเทนำฤกษ์ และมอบให้กับผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักๆในการจัดสร้าง จำนวนสร้างทั้งหมด 38 องค์

    ส่วนพระชัยวัฒน์ไม่ตัดก้าน(มีเดือย) ผิวจะเรียบตึง จะมีคราบเบ้าปูนขาวๆ ติดอยู่ตามซอกๆ ซึ่งเป็นคราบเบ้านั่นเอง
    และมีทั้งตอกโค๊ต และไม่ตอกโค๊ต แต่ส่วนใหญ่จะตอกโค๊ต
    พระชุดนี้ เห็นว่ายังพอใช้ได้บางองค์มีตำหนิ ไม่ได้เจาะรูอุดผง จะมีก้านชนวนออกมาคล้ายพระยอดธง ซึ่งจะเรียกว่าพระชัยวัฒน์ยอดธงก็คงไม่ผิด มีอยู่ประมาณ 60 องค์(ข้อมูลล่าสุด) (มอบให้กับผู้อุปถัมภ์เรื่องชนวนมวลสาร)

    พระกริ่งชุดเทดินไทยนั้น สร้างขึ้นมาเพื่อ มอบให้กับผู้เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักจริงๆ ที่ช่วยให้งานสร้างพระชุดนี้สำเร็จลงด้วยดี และเป็นการสืบสานภูมิปัญญาของช่างหล่อ ที่มีมาแต่โบราณ ด้วยการเข้าเบ้าด้วยดินไทย เพราะฉะนั้น ผิวพระจึงออกมาแตกต่างกันกับเบ้าปูนครับ แต่คงมีเสน่ห์ และให้รู้สึกถึง อารมณ์ความเข้มขลังขององค์พระยิ่งขึ้น..
    พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ รวมทั้งแหวนปลอกมีดนี้ ได้เทหล่อในวันเดียวกันทั้งหมดครับ โดยท่านครูบากฤษดา เป็นองค์ประธานในการเททองด้วยองค์เองทั้งหมด โดยท่านจะใช้ไม้เท้าคู่กายขององค์หลวงปู่แตะที่เบ้าทุกเบ้า เพื่อเป็นสื่อพลังจากองค์หลวงปู่ และท่านครูบา ผ่านไปยังไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่องค์พระในเบ้าทุกเบ้า รวมทั้งแหวนปลอกมีดด้วย
    ในพิธีกรรมการเทพระชุดนี้ มีเคล็ดอยู่นิดนึงครับกล่าวคือ..
    ก่อนที่จะเทพระทั้งหมดนั้น ต้องเทพระชัยวัฒน์ เบ้าดินไทยก่อน เพื่อเป็นการเบิกฤกษ์ แล้วจึงค่อยเทพระชัยวัฒน์เบ้าปูนทีหลัง
    เมื่อเทพระชัยวัฒน์ทั้งหมดแล้ว จึงเทพระกริ่งเบ้าปูนต่อไป เมื่อเทพระชัยวัฒน์และพระกริ่งเบ้าปูนหมดทุกองค์แล้ว จึงค่อยเทพระกริ่งเบ้าดินไทยภายหลังสุด เพื่อปิดฤกษ์
    หลังจากโลหะเริ่มเย็นตัวลงแล้วจึงทำการทุบเบ้า แล้วตัดก้านชนวนนำมาหลอมอีกครั้งเพื่อ เทแหวนปลอกมีดต่อไป ทุกขั้นตอนท่านครูบาจะเป็นผู้กำกับด้วยองค์เองทั้งหมด โดยใช้ไม้เท้าคู่กายขององค์หลวงปู่แตะที่เบ้าทุกๆเบ้า..หลังจากเทพระ และแหวนทั้งหมดเสร็จแล้ว จึงให้ช่างบรรจุพระและแหวนปลอกมีดทั้งหมดใส่ลัง เพื่อขนกลับไปที่จันทบุรี
    เพื่อเข้าพิธีพุทธาภิเษก ที่วัดเทพธารทองในวันถัดไป และเป็นวันคล้ายวันเกิดขององค์หลวงปู่พิศดูด้วยครับ โดยองค์หลวงปู่และท่านครูบาได้ร่วมกันอธิษฐานพระชุดนี้ตลอดราตรี
    หลังจากนั้นจึงขนพระทั้งหมดกลับไปให้ช่างได้แต่งองค์พระให้สวยงาม และเจาะรูเพื่อใช้บรรจุสิ่งมงคลต่อไป
    แล้วจึงนำกลับมาตระเวณเข้าพิธีสำคัญๆต่างๆ และบรรจุเม็ดกริ่ง เกศา อัฐิอังคารธาตุของพระอริยะเจ้า และมวลสารต่างๆลงไป
    แล้วจึงนำไปใช้ช่างปิดก้นพระกริ่งอีกครั้ง
    เมื่อทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้วจึงนำมาฝากไว้กับองค์หลวงปู่พิศดูอธิษฐานจิตตลอดไป
    จนกระทั่งถึงวันตักบาตรพระมหาอุปคุต จึงนำพระและวัตถุมงคลทั้งหมดแช่ในอ่างน้ำมนต์ โดยน้ำมนต์ที่นำมาสรงนี้ ได้เพียรพยายามหามาจากทั่วประเทศ ทั้งสถานที่วัด และบ่อน้ำจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆรวมกันกว่า 300 แห่ง และน้ำพระพุทธมนต์จากแดนพุทธภูมิ อินเดีย เนปาล จีน พม่า ฯลฯ เพื่อการพิธีมหาพุทธาภิเษกสมโภชน์องค์พระ โดยการจัดพิธีขึ้นอย่างเป็นทางการ มีการอัญเชิญรูปหล่อองค์พระมหาอุปคุตองค์ใหญ่ขึ้นประดิษฐานบนแท่นที่จัดวางไว้ พร้อมทั้งต้นบายศรี กระทง และเครื่องบูชาโดยสมควร พร้อมกับโยงด้ายสายสิญจน์จากรูปหล่อพระมหาอุปคุต ไปยังอ่างน้ำมนต์ และขึงไปโดยรอบกุฏิและเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมพิธีด้วย..

    อนึ่ง.. พระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ชุดเทดินไทย ได้เข้าพิธีมากกว่าพระกริ่งชุดทั่วไปครับ คือ ได้นำเข้า พิธี เปิดสามแดนโลกธาตุ ที่วัดป่าบ้านตาด โดยองค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นประธาน ร่วมด้วยพระอริยะ พ่อแม่ครูอาจารย์กว่า 100 รูป.. ในการนี้ได้นำ แหวนปลอกมีด และเม็ดกริ่งที่จะใช้บรรจุในองค์พระทั้งหมด นำเข้าร่วมพิธีเปิดสามแดนโลกธาตุดังกล่าวด้วย แทนการนำองค์พระไปทั้งหมด เหตุผลเนื่องจากไม่สะดวกในเรื่องพื้นที่ และจำนวนของมหาชนที่มาร่วมงาน รวมถึงยกไม่ไหวครับ
    และเม็ดกริ่ง กับแหวนปลอกมีด ก่อนหน้านี้ท่านครูบากฤษดาได้เมตตานำไปอธิษฐานจิตให้ที่วัดสันพระเจ้าแดงกว่า 1 เดือน และยังนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดฉลอง จ.ภูเก็ต อีกด้วยเนื่องจากได้รับกิจนิมนต์ให้เข้าพิธีดังกล่าว ร่วมกับพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณ และเกจิอาจารย์สายวิชาแห่งสำนักเขาอ้ออันลือลั่น..
    ข้อมูลคุณทุเรียนทอด
    21751414_1991128274458100_8874838718504499181_n.jpg
     
  16. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,883
    ค่าพลัง:
    +14,126
    สวัสดียามเย็นครับป๋า:):):)
     
  17. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกสิณองค์ที่หลวงปู่กดมือหรือกดนำฤกษ์ ตามข้อมูลที่ลงไว้ เวลาตำผงผสมได้แต่ละครก หลวงปู่จะกดเป็นองค์นำฤกษ์ให้ ที่ผ่านมาทำหลายยุค ที่หลวงปู่กดมือรวมกันน่ามีหลายสิบองค์ แต่ที่แยกไว้เจอแต่เนื้อผงนะครับ จะเป็นพิมพ์รูปเหมือนกับพิมพ์สมเด็จ
    ชุดนี้เป็นเนื้อธรรมดาพิมพ์รูปเหมือนทั่วไป ขอเจ้าของถ่ายรูปมาให้ชมกันครับ ก็อย่างที่บอกวางรวมกันแยกไม่ได้ว่าองค์ไหนกดมือ
    S__75882515.jpg
    สมเด็จกดมือ.JPG
    มุมมองของลูกศิษย์ท่านนึงที่ชอบสะสมพระกสิณ เขียนไว้ดีมากครับ
    capture-20180916-032515.jpg
    capture-20180916-032605.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2018
  18. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    เรื่องเจโตปริยญาณอันแจ่มชัดขององค์หลวงปู่พิศดู...
    ประสบการณ์นี้ เป็นของพี่ท่านหนึ่ง ชื่อวิไล พี่ท่านนี้พยายามเสาะแสวงหาที่สัปปายะเหมาะแก่การภาวนา และได้เปลี่ยนสถานที่พักภาวนาตามวัดต่างๆไปเรื่อยก็ยังหาความสงบเย็นใจไม่ได้ จนเกิดความฟุ้งซ่านและความขี้เกียจ ในการปฏิบัติ พลันเกิดความคิดขึ้นว่า “เรากลับไปพักปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านก็ได้สะดวกสบายกว่ากัน ไม่ต้องมาอยู่วัดให้ลำบากทำไม “ จึงกลับไปพักภาวนาอยู่ที่บ้านได้สักระยะ ผลการปฏิบัติก็ยังไม่เป็นที่พอใจ ก็ได้เริ่มออกไปหาที่พักบำเพ็ญใหม่ตามวัดต่างๆ จนได้มีโอกาสไปอยู่ปฏิบัติธรรมรักษาศีลที่วัดเทพธารทอง จากคำแนะนำของเพื่อนที่รู้จักกัน และก็เป็นครั้งแรกที่พี่ท่านนี้ได้รู้จักองค์หลวงปู่พิศดู วันแรกที่เดินทางไปวัดเทพธารทองพร้อมกับเพื่อนที่ติดตามมาด้วยกันอีกสองคน
    พอถึงวัดได้พากันเข้ากราบนมัสการองค์หลวงปู่ ท่านก็ทักทายปราศรัยตามปกติ และองค์หลวงปู่ท่านก็พูดขึ้นว่า “ จริงๆไม่ต้องมาวัดก็ได้ ปฏิบัติอยู่ที่บ้านก็ได้ มาอยู่วัดให้ลำบากทำไม “ ซึ่งประโยคนี้ไปตรงกับความคิดของพี่ท่านนี้ ซึ่งในใจเขาเคยคิดอยู่ แต่ก็เกือบลืมไปแล้ว ยังความประหลาดใจว่าหลวงปู่องค์นี้ท่านทราบได้อย่างไร และความคิดเหล่านั้นมันก็ผ่านมาสักระยะแล้ว
    หลังจากนั้นพี่ท่านนี้ก็ได้มีโอกาสมากราบองค์หลวงปู่พิศดูอีกครั้ง และได้ขออนุญาตองค์ท่าน อยู่พักบำเพ็ญภาวนาที่วัดเทพธารทองสักระยะ หลวงปู่ก็ได้เมตตาให้อยู่พักภาวนาได้ตามความประสงค์
    มีอยู่วันนึงพี่ท่านนี้ได้นั่งสมาธิภาวนา จิตบังเกิดความสงบ สมาธิแน่วแน่ เบากายเบาใจ เกิดความปีติเย็นจิตเย็นใจ อย่างบอกไม่ถูกและไม่เคยเป็นเช่นนี้มานานแล้ว และนั่งได้นานกว่าที่เคยเป็น หลังจากออกสมาธิแล้วก็มีความอิ่มเอิบใจ อารมณ์แจ่มใส และได้เดินไปยังกุฏิของหลวงปู่ เพื่อไปกราบองค์ท่าน พอก้มกราบท่านแล้วนั่งลงสักพัก หลวงปู่ก็เอ่ยขึ้นสั้นๆว่า “ อื้อ..สถานที่พักภาวนา บางทีมันก็มีส่วน ” หลังจากที่องค์ท่านเอ่ยจบ พี่ท่านนี้ทราบได้ทันทีว่า หลวงปู่ท่านหมายถึงสถานที่ที่สัปปายะมีส่วนในการเอื้อผลต่อการภาวนา และแสดงว่าหลวงปู่ท่านทราบสภาวะจิตของเขาอยู่ตลอดในขณะที่ภาวนาอยู่ว่าเป็นเช่นไร
    พี่ท่านนี้จึงเริ่มมีความเชื่อมั่นว่า สัปปายะสถานก็มีความสำคัญเช่นกันในการใช้บำเพ็ญภาวนา และที่วัดเทพธารทองแห่งนี้ ที่องค์หลวงปู่พิศดูพำนักอยู่ ล้วนเต็มไปด้วยกระแสแห่งธรรมขององค์หลวงปู่แผ่ปกคลุมไปทั่วอาณาเขตวัดอย่างทั่วถึง ซึ่งกระแสแห่งธรรม จากจิตวิสุทธิ์ขององค์ท่านนี้ มีส่วนช่วยพยุงโอบอุ้มและหนุนสภาวะจิตของผู้ภาวนาให้บังเกิดความสงบและแน่วแน่ ขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

    หลังจากพี่ท่านนี้อยู่บำเพ็ญภาวนาที่วัดเทพธารทองได้สักระยะ มีอยู่วันหนึ่งได้เกิดความลังเล ในคำบริกรรมภาวนาที่ตนใช้อยู่นี้ และที่มีญาติธรรมท่านอื่นแนะนำมา แบบไหนจะถูกต้องและเหมาะกับจริตของตนมากกว่ากัน วันนั้นทั้งวันได้ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา จึงได้เข้าไปกราบองค์หลวงปู่ที่กุฎิ อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันได้กราบเรียนถามอะไร ท่านก็ได้พูดขึ้นว่า “ ให้อาราธนาพุท-โธมาประจำจิต “ สิ้นเสียงคำกล่าวขององค์หลวงปู่ พี่ท่านนี้ก็ได้คลายความสงสัยในปัญหาที่ติดค้างในใจทันที...!!!!

    ในเรื่องเจโตปริยญาณ การทราบวาระจิต หรือญาณความรู้ในด้านอื่นๆขององค์หลวงปู่พิศดูนั้น ท่านสามารถทราบได้อย่างละเอียดแจ่มชัด เรื่องนี้ผู้เขียนก็เคยประสบกับตนเองอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้มีโอกาสเข้าไปถวายงานองค์ท่านมาโดยตลอด กล่าวได้เลยว่าไม่มีความสงสัยในคุณธรรรมขององค์หลวงปู่เลยแม้แต่น้อย

    41776435_2229165634035043_6925890757735743488_n.jpg
     
  19. bat119

    bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,519
    ค่าพลัง:
    +30,858
    พระกสิณพิมพ์พระไภษัชยคุรุ(ปราบโรค)หรือที่เรียกทั่วไปสั้นๆว่าพระกสิณพิมพ์พระกริ่ง องค์นี้ถามเจ้าเดิมเขย่าไม่มีเสียงครับ สร้างจำนวนไม่มาก เจ้าของเดิมบอกได้มาเพียงประมาณ3องค์ เป็นพิมพ์และเนื้อเดียวกันทั้ง3องค์ ถ้าได้มาจะถ่ายด้านหลังให้ดู ไม่เคยเห็นด้านหลังเช่นกันครับ
    11999038_1622974321284947_4510183703140465740_n.jpg 80yTe.JPG
     
  20. ศิษย์ปิยธโร

    ศิษย์ปิยธโร อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    14,883
    ค่าพลัง:
    +14,126
    สวัสดียามดึกครับป๋า:):):)
     

แชร์หน้านี้

Loading...